หลังจากดูวิดีโอนี้ สมองของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ลารา บอยด์ | TEDxVancouver
-
0:15 - 0:16เราจะเรียนรู้ได้อย่างไร
-
0:17 - 0:21ทำไมคนบางคน
ถึงเรียนรู้อะไรได้ง่ายกว่าคนอื่น -
0:21 - 0:25ฉันลาร่า บอยด์
-
0:25 - 0:28ตอนนี้ฉันเป็นนักวิจัยสมอง
ที่ University of British Columbia -
0:28 - 0:31คำถามเหล่านี้ติดอยู่ในใจฉัน
-
0:31 - 0:34(เสียงปรบมือ)
-
0:35 - 0:39การวิจัยเกี่ยวกับสมอง
เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ -
0:39 - 0:41ในการทำความเข้าใจสรีรวิทยาของมนุษย์
-
0:41 - 0:45รวมถึงในการพิจารณาว่า
อะไรทำให้เราเป็นเรา -
0:46 - 0:48มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก
ที่ได้เป็นนักวิจัยสมอง -
0:48 - 0:49และฉันอยากจะบอกกับทุกคน
-
0:49 - 0:52ว่าฉันได้ทำงานที่น่าสนใจที่สุดในโลก
-
0:52 - 0:56สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับสมอง
เปลี่ยนแปลงเร็วเท่าชั่วลมหายใจ -
0:56 - 1:00และอะไรก็ตามที่เราคิดว่า
เรารู้และเข้าใจเกี่ยวกับสมอง -
1:00 - 1:03กลายเป็นเรื่องไม่จริงหรือไม่สมบูรณ์
-
1:03 - 1:07ความเข้าใจผิดเหล่านี้
บางเรื่องก็เห็นได้ชัดเจนกว่าเรื่องอื่น -
1:07 - 1:10เช่น พวกเราเคยคิดว่า
-
1:10 - 1:14หลังพ้นวัยเด็กแล้วสมองจะ
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ -
1:14 - 1:18กลับกลายเป็นว่า ความเชื่อนี้
ผิดจากความจริงเสียยิ่งกว่าอะไร -
1:18 - 1:20อีกความเข้าใจผิดหนึ่งเกี่ยวกับสมอง
-
1:20 - 1:23คือความเชื่อว่าในขณะหนึ่งๆ
คุณใช้สมองแค่เพียงบางส่วน -
1:23 - 1:26และสมองจะหยุดทำงาน
เมื่อคุณไม่ได้ทำอะไรเลย -
1:26 - 1:28เรื่องนี้ก็ไม่จริงเช่นกัน
-
1:28 - 1:30เรากลับพบว่า
แม้แต่เวลาที่คุณกำลังพักผ่อน -
1:30 - 1:33และไม่ได้คิดอะไรเลย
สมองก็ยังทำงานเต็มที่ -
1:34 - 1:37ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น MRI
-
1:37 - 1:41ทำให้เราได้ข้อค้นพบเหล่านี้
และข้อค้นพบที่สำคัญอื่น ๆ -
1:41 - 1:43การค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุด น่าสนใจที่สุด
-
1:43 - 1:46และปฏิรูปความรู้ด้านสมองมากที่สุด
ในบรรดาการค้นพบเหล่านี้ -
1:46 - 1:49นั่นคือ ทุกครั้งที่คุณเรียนรู้
ทักษะหรือความรู้ใหม่ -
1:49 - 1:51คุณเปลี่ยนสมองของคุณไปด้วย
-
1:51 - 1:55นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าการยืดหยุ่น
ปรับตัวของสมอง (Neuroplasticity) -
1:55 - 1:59เมื่อ 25 ปีที่แล้ว
พวกเราคิดว่าหลังจากช่วงวัยรุ่น -
1:59 - 2:02สมองมีแต่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ
-
2:02 - 2:04เซลล์สมองลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
-
2:04 - 2:07ผลกระทบจากความเสียหายในสมอง
เช่น เส้นเลือดตีบหรือแตก -
2:07 - 2:09แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีการศึกษา
-
2:09 - 2:13ที่พบการปรับโครงสร้างจำนวนมาก
ในสมองของผู้ใหญ่ -
2:14 - 2:16และการวิจัยที่ตามมาก็แสดงให้เราเห็นว่า
-
2:16 - 2:19ทุกพฤติกรรมของเรา
เปลี่ยนแปลงสมองของเราได้ -
2:20 - 2:23การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยอายุ -
2:23 - 2:25มันเป็นข่าวดีใช่มั้ย
-
2:25 - 2:27และที่จริง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเลย -
2:27 - 2:30ที่สำคัญมากคือ
-
2:30 - 2:32การปรับโครงสร้างในสมอง
ช่วยส่งเสริมการฟื้นตัว -
2:32 - 2:34หลังจากที่สมองได้รับความเสียหาย
-
2:35 - 2:39กุญแจของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ
ความยืดหยุ่นปรับตัวของสมอง -
2:40 - 2:41แล้วความสามารถนี้มันเป็นอย่างไรล่ะ
-
2:41 - 2:44สมองของคุณสามารถเปลี่ยนแปลง
ได้ด้วยกระบวนการพื้นฐาน 3 อย่าง -
2:44 - 2:46เพื่อช่วยในการเรียนรู้
-
2:46 - 2:48วิธีแรกก็คือสารเคมี
-
2:48 - 2:52การทำงานของสมองเกิดจากการส่งต่อ
ของสัญญาณทางเคมี -
2:52 - 2:54ระหว่างเซลล์ของสมอง
ที่เราเรียกว่าเซลล์ประสาท -
2:54 - 2:57การส่งสัญญาณเคมีเหล่านี้
กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆ -
2:58 - 3:00เพื่อที่จะช่วยในการเรียนรู้
สมองของคุณสามารถเพิ่มปริมาณ -
3:00 - 3:03หรือความเข้มข้นของสัญญาณเคมี
-
3:03 - 3:06ที่เกิดขึ้นระหว่างเซลล์ประสาทเหล่านี้
-
3:06 - 3:09และเพราะการเปลี่ยนแปลงแบบนี้
เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว -
3:09 - 3:11มันจึงช่วยสนับสนุนความจำระยะสั้น
-
3:11 - 3:15หรือเพิ่มความสามารถหรือทักษะ
การเคลื่อนไหวได้ชั่วคราวด้วย -
3:16 - 3:19วิธีที่สองที่สมองเปลี่ยนแปลง
เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ -
3:19 - 3:21คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมอง
-
3:21 - 3:25ระหว่างที่เรียนรู้อยู่ สมองสามารถเปลี่ยน
การเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้ -
3:25 - 3:29วิธีนี้ โครงสร้างทางกายภาพของสมอง
เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ -
3:29 - 3:31จึงต้องใช้เวลามากขึ้น
-
3:31 - 3:34การเปลี่ยนแปลงรูปแบบนี้
จะเกี่ยวข้องกับความจำระยะยาว -
3:34 - 3:37และพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวในระยะยาว
-
3:37 - 3:41กระบวนการเหล่านี้มีผลกระทบต่อกัน
ฉันจะยกตัวอย่างให้ฟังว่าเป็นอย่างไร -
3:42 - 3:45พวกเราพยายามเรียนรู้
ทักษะการเคลื่อนไหวใหม่ๆ -
3:45 - 3:46อาจจะเป็นการเล่นเปียโน
-
3:46 - 3:48บางทีก็การเล่นกล
-
3:48 - 3:51พวกเรามีประสบการณ์ว่าเรา
ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ -
3:51 - 3:53ในการฝึกฝนครั้งหนึ่งๆ
-
3:53 - 3:56แล้วก็คิดว่า "เราทำได้แล้ว"
-
3:56 - 3:58จากนั้น คุณอาจกลับมาทำอีกครั้งในวันต่อไป
-
3:58 - 4:01ทุกพัฒนาการที่ได้ฝึกในวันก่อนหน้ากลับหายไป
-
4:01 - 4:03เกิดอะไรขึ้น
-
4:03 - 4:06ในช่วงระยะสั้น
สมองของคุณสามารถเพิ่ม -
4:06 - 4:09สัญญาณทางเคมีระหว่างเซลล์ประสาท
-
4:09 - 4:13แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง การเปลี่ยนแปลงนั้น
ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้าง -
4:13 - 4:17ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความจำระยะยาว
-
4:17 - 4:21อย่าลืมว่าความจำระยะยาวต้องใช้เวลา
-
4:21 - 4:24และสิ่งที่คุณเห็นในระยะสั้น
ไม่ได้สะท้อนว่าเกิดการเรียนรู้ -
4:24 - 4:25ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
-
4:25 - 4:28ซึ่งช่วยให้เกิดความจำระยะยาว
-
4:28 - 4:32ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
จะช่วยความจำระยะสั้น -
4:33 - 4:37การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างยังสร้างเครือข่าย
ที่ประสานระหว่างพี้นที่ต่างๆ ในสมอง -
4:37 - 4:39ที่ร่วมกันทำหน้าที่สนับสนุนการเรียนรู้
-
4:39 - 4:42และยังอาจทำให้สมองบางส่วน
-
4:42 - 4:44ที่สำคัญต่อพฤติกรรมจำเพาะบางอย่าง
-
4:44 - 4:47เปลี่ยนโครงสร้างหรือขยายขนาดขึ้น
-
4:47 - 4:49นี่คือตัวอย่าง
-
4:49 - 4:51คนที่อ่านอักษรเบลล์
-
4:51 - 4:57มีสมองส่วนที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสที่มือ
ขนาดใหญ่กว่าคนที่ไม่ได้อ่าน -
4:57 - 5:01สมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวมือข้างที่ถนัด
ซึ่งอยู่บนสมองซีกซ้าย -
5:01 - 5:05ถ้าคุณเป็นคนที่ถนัดขวา พี้นที่ดังกล่าว
บนสมองซีกซ้ายจะใหญ่กว่าอีกด้าน -
5:05 - 5:08และงานวิจัยพบว่าคนขับรถแท็กซี่ในลอนดอน
-
5:08 - 5:12ที่ต้องจำแผนที่ในลอนดอนให้ได้
เพื่อรับใบอนุญาตขับรถแท็กซี่ -
5:12 - 5:17มีพื้นที่สมองที่ทำงานด้านมิติสัมพันธ์
หรือการจดจำแผนที่ ที่ใหญ่กว่าคนปกติ -
5:18 - 5:21วิธีสุดท้ายที่สมองคุณสามารถเปลี่ยน
เพื่อเอื้อในการเรียนรู้ -
5:21 - 5:23คือการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การทำงาน
-
5:24 - 5:26เมื่อคุณใช้สมองส่วนใดส่วนหนึ่ง
-
5:26 - 5:29มันจะไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น
และง่ายที่จะถูกใช้งานอีกครั้ง -
5:29 - 5:33และเมื่อสมองของคุณมีพื้นที่
ที่ไวต่อการกระตุ้นเหล่านี้มากขึ้น -
5:33 - 5:36รูปแบบและจังหวะเวลา
ที่สมองถูกกระตุ้นก็เปลี่ยนไป -
5:36 - 5:38เมื่อเกิดการเรียนรู้ เราจะเห็นได้ว่า
-
5:38 - 5:42เครือข่ายของกิจกรรมในสมองทั้งหมด
มีการขยับปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น -
5:42 - 5:44ดังนั้น ความยืดหยุ่นปรับตัวของสมอง
-
5:44 - 5:49จึงได้รับการสนับสนุนจากการเปลี่ยนแปลง
ของสารเคมี, โครงสร้าง, และหน้าที่การทำงาน -
5:49 - 5:52และเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วทั้งสมอง
-
5:52 - 5:54สิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นเดี่ยวๆ ก็ได้
-
5:54 - 5:57แต่ส่วนมากจะเกิดร่วมกัน
-
5:57 - 6:00ทั้งหมดช่วยในการเรียนรู้
-
6:00 - 6:02และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
-
6:04 - 6:09ฉันบอกคุณแล้วว่าความยืดหยุ่นปรับตัวได้
ของสมองเรามันเจ๋งแค่ไหน -
6:09 - 6:13แต่ ทำไมคุณไม่สามารถเรียนรู้
สิ่งที่คุณอยากเรียนได้ง่าย ๆ ล่ะ -
6:13 - 6:16ทำไมเด็ก ๆ ถึงล้มเหลวในการเรียน
-
6:17 - 6:21ทำไมเมื่ออายุมากขึ้นเราจึงมักขี้ลืม
-
6:21 - 6:24และทำไมคนเราจึงไม่สามารถ
ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หลังสมองเสียหาย -
6:24 - 6:29อะไรคือข้อจำกัดของความสามารถ
ในการยืดหยุ่นปรับตัวของสมอง -
6:29 - 6:31นี่แหละคือสิ่งที่ฉันศึกษาอยู่
-
6:31 - 6:35ฉันศึกษาเจาะลึกว่ามันสัมพันธ์กับ
การฟื้นตัวจากโรคสมองขาดเลือดอย่างไร -
6:35 - 6:37ไม่นานมานี้ โรคสมองขาดเลือดลดอันดับ
-
6:37 - 6:40จากการเป็นสาเหตุการตาย
อันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา -
6:40 - 6:42เป็นสาเหตุการตายอันดับที่ 4
-
6:42 - 6:44เป็นข่าวดีใช่มั้ยคะ
-
6:45 - 6:46แต่จริง ๆ แล้วมันกลายเป็นว่า
-
6:46 - 6:49จำนวนของคนที่เป็นโรคไม่ได้ลดลง
-
6:49 - 6:53พวกเราแค่ทำให้คนไข้มีชีวิตอยู่ได้
หลังจากที่โรคมีอาการรุนแรงขึ้น -
6:53 - 6:58มันยากมากที่จะช่วยฟื้นฟูสมอง
จากโรคสมองขาดเลือด -
6:58 - 6:59พูดกันตรง ๆ เลยก็คือ
-
6:59 - 7:03พวกเราล้มเหลวในการพัฒนา
ประสิทธิภาพของการฟื้นฟูผู้ป่วยเหล่านี้ -
7:05 - 7:10ผลลัพธ์โดยรวมของเรื่องนี้
คือโรคสมองขาดเลือดเป็นสาเหตุหลัก -
7:10 - 7:14ของภาวะพิการระยะยาวในวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก
-
7:14 - 7:16คนอายุน้อยป่วยด้วยโรคสมองขาดเลือดมากขึ้น
-
7:16 - 7:19และมีแนวโน้มที่จะมีชีวิต
อยู่กับภาวะพิการยาวนานขึ้น -
7:19 - 7:21และการวิจัยจากกลุ่มของฉันแสดงให้เห็นว่า
-
7:21 - 7:26คุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของชาวแคนาดา
ที่เป็นโรคสมองขาดเลือดนั้นตกต่ำลง -
7:26 - 7:28มันชัดเจนมากที่เราจะต้องปรับปรุง
-
7:28 - 7:31การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ป่วย
จากโรคสมองขาดเลือดให้ดีขึ้น -
7:31 - 7:34นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่มากของสังคม
-
7:34 - 7:36และเป็นหนึ่งในปัญหาที่เรา
ยังไม่ได้เข้าไปแก้ไข -
7:37 - 7:39แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ
-
7:39 - 7:41มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจนมาก คือ
-
7:41 - 7:46สิ่งที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลง
ความสามารถของสมองก็คือพฤติกรรมของคุณ -
7:47 - 7:50ปัญหาคือปริมาณของพฤติกรรม
จำนวนครั้งของการฝึกฝน -
7:50 - 7:54ที่จำเป็นในการเรียนรู้สิ่งใหม่
และเรียนรู้พฤติกรรมเก่าซ้ำ -
7:54 - 7:56ต้องทำซ้ำเยอะมากๆ
-
7:56 - 7:59และจะทำอย่างไรให้การฝึกฝนนั้นมีประสิทธิภาพ
-
7:59 - 8:03เป็นปัญหาที่ยากมากและแพงมากด้วย
-
8:03 - 8:05แนวทางที่ฉันใช้ในงานวิจัยนั้น
-
8:05 - 8:09คือการสร้างการบำบัดที่เหนี่ยวนำ
หรือเตรียมสมองให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ -
8:09 - 8:14ซึ่งวิธีพวกนี้รวมถึงการจำลองสมอง
การฝึกซ้อม และสมองกลหุ่นยนต์ -
8:14 - 8:18แต่จากงานวิจัย ทำให้ฉันได้รู้ว่า
ข้อจำกัดที่สำคัญ -
8:18 - 8:22ในการพัฒนาการรักษาที่สามารถฟื้นฟูสมอง
จากโรคสมองขาดเลือดได้อย่างรวดเร็ว -
8:22 - 8:28คือรูปแบบของความสามารถของความสามารถของสมอง
ซึ่งแตกต่างหลากหลายมาก จากคนหนึ่งถึงอีกคน -
8:29 - 8:33ในฐานะนักวิจัย
ความแตกต่างหลากหลายนี้ทำให้ฉันปวดหัว -
8:33 - 8:36มันทำให้ยากมากที่จะใช้สถิติ
-
8:36 - 8:38เพื่อทดสอบข้อมูลและความคิดของคุณ
-
8:38 - 8:41เพราะอย่างนี้ การศึกษา
วิธีบำบัดรักษาทางการแพทย์ -
8:41 - 8:45จึงถูกออกแบบมาให้ช่วยลด
ความแตกต่างหลากหลายให้เหลือน้อยที่สุด -
8:45 - 8:48แต่ในการวิจัยของฉัน
มันเห็นได้ชัดว่า -
8:48 - 8:53สิ่งสำคัญที่สุด และข้อมูล
ที่มีความหมายที่สุดที่เรารวบรวมมาได้ -
8:53 - 8:55ก็คือข้อมูลที่แสดงให้เห็น
ความหลายหลายเหล่านี้ -
8:57 - 9:01ดังนั้น จากการศึกษาสมองของผู้ป่วย
ภาวะสมองขาดเลือด พวกเราได้เรียนรู้มากมาย -
9:01 - 9:06และฉันคิดว่าบทเรียนนี้
มีค่ามากกับวงการอื่นๆ ด้วย -
9:07 - 9:08บทเรียนแรกก็คือ
-
9:08 - 9:12ปัจจัยหลักที่ทำให้สมองของคุณเปลี่ยน
ก็คือพฤติกรรมของคุณเอง -
9:12 - 9:15มันไม่มียาที่กินแล้ว
ทำให้สมองของคุณเปลี่ยนแปลงไปได้ -
9:16 - 9:19ไม่มีอะไรมีประสิทธิภาพไปมากกว่าการฝึกฝน
ที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ -
9:19 - 9:23สำคัญที่สุดคือคุณต้องลงมือทำ
-
9:23 - 9:26และที่จริง งานวิจัยของฉันแสดงให้เห็นว่า
-
9:26 - 9:30ยิ่งยาก ยิ่งดิ้นรนพยายาม
ในช่วงของการฝึกฝนมากเท่าไหร่ -
9:30 - 9:33ก็ยิ่งนำไปสู่ ทั้งการเรียนรู้ที่ดีขึ้น
-
9:33 - 9:36และการเปลี่ยนแปลงใน
โครงสร้างของสมองที่มากขึ้น -
9:38 - 9:43ปัญหาคือ ความยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้ของสมอง
อาจเกิดขึ้นได้ทั้งสองรูปแบบ -
9:43 - 9:45มันสามารถเป็นไปในแง่บวก
คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ -
9:45 - 9:48ได้ปรับปรุงทักษะการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น
-
9:48 - 9:52แต่มันก็อาจเป็นไปในแง่ลบก็ได้
เช่น คุณลืมสิ่งที่คุณเคยรู้ -
9:52 - 9:54คุณเริ่มติดยาบางอย่าง
-
9:54 - 9:56หรืออาจมีอาการเจ็บปวดเรื้อรัง
-
9:56 - 9:59สมองของคุณเป็นเหมือนพลาสติกอันน่าทึ่ง
-
9:59 - 10:03ที่ถูกปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง
และหน้าที่การทำงานได้ จากทุกสิ่งที่คุณทำ -
10:03 - 10:06รวมถึงสิ่งที่คุณไม่ได้ทำด้วย
-
10:07 - 10:10บทเรียนที่สองที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับสมอง
-
10:10 - 10:14คือไม่มีรูปแบบการเรียนรู้ใดๆ ที่จะทำให้
ทุกคนเข้าใจได้เท่ากัน -
10:14 - 10:17ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการเรียนรู้
-
10:17 - 10:21จากความเชื่อที่แพร่หลายว่า
เราต้องใช้เวลาฝึกฝน 10,000 ชั่วโมง -
10:21 - 10:24เพื่อเรียนรู้และชำนาญในทักษะใหม่
-
10:24 - 10:27ฉันรับรองได้เลยว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น
-
10:27 - 10:28สำหรับพวกเราบางคน
-
10:28 - 10:33จำเป็นต้องมีการฝึกมากมาย
แต่คนอื่นที่อาจจะใช้เวลาฝึกน้อยกว่า -
10:33 - 10:37ดังนั้น การปรับเปลี่ยนสมองของเรานั้น
เป็นเรื่องเฉพาะตัวสูง -
10:37 - 10:41เกินกว่าจะมีวิธีการใดวิธีการหนึ่ง
ที่จะได้ผลสำหรับทุกคน -
10:41 - 10:46การตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ทำให้เรา
เริ่มคิดถึงการแพทย์เฉพาะตัวบุคคล -
10:46 - 10:49คือแนวคิดที่ว่า
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด -
10:49 - 10:53แต่ละคนต้องการวิธีรักษาบำบัด
ที่เฉพาะเจาะจง เหมาะสมกับตนเอง -
10:53 - 10:56แนวคิดนี้ได้มาจากการรักษาโรคมะเร็ง
-
10:56 - 10:59ที่แสดงให้เห็นว่าพันธุกรรม
เป็นปัจจัยสำคัญมากในการจับคู่ -
10:59 - 11:04ยาเคมีบำบัดบางตัว กับโรคมะเร็ง
ที่มีลักษณะเฉพาะบางอย่าง -
11:04 - 11:08งานวิจัยของฉันแสดงให้เห็นว่าแนวคิดนี้
นำไปใช้ในการฟื้นฟูโรคสมองขาดเลือดได้ด้วย -
11:08 - 11:11โครงสร้างและหน้าที่การทำงานของสมอง
มีลักษณะบางอย่าง -
11:11 - 11:13ที่เราเรียกว่าตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ
-
11:13 - 11:15ปรากฏว่าตัวบ่งชี้ทางชีวภาพเหล่านี้
มีประโยชน์อย่างมาก -
11:15 - 11:17และช่วยเราในการจับคู่
-
11:17 - 11:21การรักษาในรูปแบบเฉพาะกับผู้ป่วยแต่ละคนได้
-
11:21 - 11:25ข้อมูลจากห้องทดลองของฉันชี้ให้เห็นว่า
เมื่อใช้ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพหลายอย่างรวมกัน -
11:25 - 11:30จะช่วยทำนายการเปลี่ยนแปลงของสมอง
และแบบแผนการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้ดีที่สุด -
11:30 - 11:34ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย
เพราะสมองคนเราซับซ้อนมาก -
11:34 - 11:39แต่ฉันคิดว่าเราสามารถมองแนวคิดนี้
ในมุมกว้างขึ้นกว่าเดิมได้ -
11:40 - 11:44โครงสร้างและการทำงานของสมอง
มีลักษณะเฉพาะเจาะจงในแต่ละคน -
11:44 - 11:49ความรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงได้ของสมอง
หลังเกิดภาวะสมองขาดเลือด นำไปใช้กับทุกคน -
11:50 - 11:55พฤติกรรมที่คุณทำในแต่ละวันนั้น
เป็นสิ่งที่สำคัญ -
11:55 - 11:58พฤติกรรมเหล่านั้นกำลังเปลี่ยนสมองของคุณ
-
11:58 - 11:59ฉันเชื่อว่าเราต้องพิจารณา
-
11:59 - 12:03ไม่ใช่แค่การแพทย์เฉพาะบุคคล
แต่ต้องคิดถึงการเรียนรู้เฉพาะบุคคลด้วย -
12:03 - 12:06รูปแบบที่เฉพาะเจาะจงของสมอง
จะมีผลกระทบกับตัวคุณ -
12:06 - 12:09ทั้งในฐานะผู้เรียนรู้และผู้ให้ความรู้
-
12:09 - 12:12ความคิดนี้ช่วยให้เราได้เข้าใจ
-
12:12 - 12:16ว่าทำไมเด็กบางคนถึงมีความก้าวหน้า
ในรูปแบบการศึกษาแบบเก่า -
12:16 - 12:17แต่เด็กคนอื่นไม่สามารถทำได้
-
12:17 - 12:20ทำไมพวกเราบางคนถึงเรียนภาษาได้อย่างง่ายดาย
-
12:20 - 12:24และหลายคนสามารถเล่นกีฬาได้ดี
-
12:25 - 12:28ดังนั้น หลังจากที่คุณออกจากห้องนี้
-
12:28 - 12:33สมองของคุณจะไม่เหมือนกับ
ตอนที่คุณเข้ามาเมื่อเช้านี้ -
12:33 - 12:36และฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก
-
12:36 - 12:40แต่พวกคุณแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลง
ของสมองที่แตกต่างกัน -
12:41 - 12:43ความเข้าใจในความแตกต่างเหล่านี้
-
12:43 - 12:46ในแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละคน
ในตัวแปรและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ -
12:46 - 12:50จะช่วยสร้างความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
ในวงการประสาทวิทยาศาสตร์ -
12:50 - 12:54ทำให้เราได้พัฒนาวิธีบำบัดรักษาใหม่ๆ
ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น -
12:54 - 12:58ทำให้มีการจับคู่ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน
-
12:58 - 13:01และระหว่างผู้ช่วยกับวิธีบำบัดรักษา
-
13:01 - 13:04แนวคิดนี้ใช้ได้ไม่เพียง
ในการฟื้นฟูโรคสมองขาดเลือด -
13:04 - 13:08แต่ยังใช้ได้กับพวกเราแต่ละคน
ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่, ครู, ผู้จัดการ -
13:08 - 13:13และพวกคุณที่อยู่ที่ TEDx ในวันนี้
ในฐานะนักเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย -
13:13 - 13:17ค้นหาวิธีและสิ่งที่คุณเรียนรู้ได้ดีที่สุด
-
13:17 - 13:21ทำพฤติกรรมที่ดีต่อสมองของคุณเหล่านั้นซ้ำๆ
-
13:21 - 13:24เลิกทำพฤติกรรมที่ไม่ได้ช่วยในการเรียนรู้
-
13:24 - 13:26ฝึกฝน
-
13:26 - 13:30การเรียนรู้คือการลงมือ
ทำสิ่งที่สมองของคุณต้องการ -
13:30 - 13:34ดังนั้น แผนการที่ดีที่สุด
จะแตกต่างไปในแต่ละคน -
13:34 - 13:38ที่จริง คุณรู้ไหมว่ามันยังแตกต่างกัน
ภายในตัวคนแต่ละคนอีก -
13:38 - 13:41การเรียนดนตรีสำหรับคุณอาจจะง่ายมาก
-
13:41 - 13:44แต่การเรียนสโนว์บอร์ดอาจจะยากกว่า
-
13:44 - 13:46ฉันหวังว่าหลังจากจบงานในวันนี้
-
13:46 - 13:50คุณจะกลับไปด้วยความภูมิใจ
ว่าสมองของคุณพิเศษมากแค่ไหน -
13:50 - 13:55คุณและสมองของคุณถูกปั้นแต่ง
ด้วยโลกที่อยู่รอบตัวคุณ -
13:55 - 13:57เข้าใจว่าทุกสิ่งที่คุณได้ลงมือทำ
-
13:57 - 14:02ทุกสิ่งที่คุณได้พบ ทุกประสบการณ์ที่สัมผัส
จะเปลี่ยนแปลงสมองของคุณ -
14:02 - 14:06และมันจะเปลี่ยนให้ดีขึ้น หรือว่าแย่ลงก็ได้
-
14:06 - 14:10ดังนั้น หลังจากจบงานนี้ ขอให้คุณ
ออกไปสร้างสมองแบบที่คุณต้องการ -
14:10 - 14:12ขอบคุณมากค่ะ
-
14:12 - 14:13(เสียงปรบมือ)
- Title:
- หลังจากดูวิดีโอนี้ สมองของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ลารา บอยด์ | TEDxVancouver
- Description:
-
การบรรยายนี้จัดขึ้นโดยกิจกรรม TEDx โดยใช้รูปแบบการสัมมนาแบบ TED แต่จัดการโดยองค์การท้องถิ่น ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://ted.com/tedx
ด็อกเตอร์ลารา บอยด์ อธิบายถึงความยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้ของสมอง ที่ทำให้คุณสามารถจัดรูปแบบของสมองได้ตามที่คุณต้องการ
ความพยายามของด็อกเตอร์บอยด์นำไปสู่การพัฒนาวิธีบำบัดรักษาแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่สมองได้รับความเสียหาย และยังนำแนวคิดไปประยุกต์ใช้ในบริบทอื่นได้ด้วย การเรียนรู้แนวคิดใหม่ ใช้โอกาสต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมใหม่ๆ
จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงสมองของคุณเอง และเปิดโลกให้เห็นความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDxTalks
- Duration:
- 14:25