-
ในวันนี้
ผมอยากจะพูดถึงอะไรบางอย่าง
-
คืออคติภาพพจน์อันหนึ่ง
ซึ่งแย่มากและระบาดไปไกลมาก
-
การเหมารวมที่ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นจริง
และไม่เป็นวิทยาศาสตร์
-
ซึ่งเพิ่งถูกพูดถึงบ่อยๆ ในยุคหลัง
ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับเซ็กส์
-
และฮอร์โมน
-
มนุษย์ชอบมีนิสัยเสียที่คิดเอาเองว่า
ฮอร์โมน เท่ากับ พฤติกรรมบางชนิด
-
ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์
หรือพัฒนาการทางเพศ
-
หรือกิจกรรมบางอย่างที่จอห์นน้องชายผม
เรียกว่าการโซเดมาคอม
-
เช่น คนอาจจะบอกว่าฮอร์โมนเป็นสาเหตุ
ที่ทำให้เควินมีสิวและอารมณ์ฉุนเฉียว
-
หรือทำให้แฮนนาห์ผู้ตั้งท้องสามเดือน
ร้องไห้ตอนดูโฆษณาทีวี
-
เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ซึ่ง
จริงแล้วผมก็ร้องเหมือนกัน
-
ผมไม่ได้หมายความว่าฮอร์โมนไม่ใช่
สาเหตุของแรงดึงดูดทางเพศหรือสิว
-
หรือการมีอารมณ์พลุ่งพล่านนะครับ
เพราะมันใช่จริงตามนั้น
-
เพียงแต่มันไม่ได้จำกัดเพียงแค่นั้น
-
ห่างจากความจริงไปไกลเลย
-
เวลาคนพูดถึงฮอร์โมน
ในบริบทที่ผมเพิ่งยกตัวอย่างไป
-
พวกเขาหมายถึงฮอร์โมนเพศ
-
ฮอร์โมนเพศเป็นเพียงฮอร์โมนชนิดหนึ่ง
ที่วิ่งวนอยู่ในร่างกายของคุณ
-
ณ เวลานี้เท่านั้น ที่จริงแล้วยังมี
ฮอร์โมนอีกกว่า 50 ชนิด
-
ทำหน้าที่เป็นสารสื่อเคมี ทำงานอยู่
ในร่างกายของคุณตลอดเวลา
-
ซึ่งก็มีแค่ไม่กี่ตัวที่มีหน้าที่
ที่เกี่ยวข้องกับเซ็กส์
-
ความเป็นจริงก็คือ ตั้งแต่เกิดจนตาย
การทำงานแทบทุกอย่างในเซลล์และร่างกาย
-
อยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมน
ตลอดเวลาเลยนะครับ
-
พวกมันถูกส่งผ่านกระแสเลือด
คอยควบคุมเมตาบอลิซึม
-
การหลับการตื่น การตอบสนองต่อภาวะเครียด
และการควบคุมทั่วๆ ไปที่สำคัญที่สุด
-
คือรักษาภาวะธำรงดุล (homeostasis)
ไม่ให้คุณตายนั่นแหละ
-
ฮอร์โมนบางตัวก็มีไว้สร้างฮอร์โมนอีกตัว
เพื่อไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนอีกตัวทำงานมากขึ้น
-
เป็นชุดของกระบวนการต่อเนื่องทางเคมี
ที่เหล่าชีววิทยาตั้งชื่อให้อย่างสง่างาม
-
ว่า "แคสเคด" (cascade-ขั้นน้ำตก)
-
ฮอร์โมนเหล่านี้อยู่ในตัวของคุณ
ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน
-
หรือคุณจะมีสิวหรือไม่
-
สรุปว่าความจริงแล้วก็คือเราต่างอยู่
ในอิทธิพลของฮอร์โมนตลอดเวลานั่นเองครับ
-
♪
-
ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจฮอร์โมน
และระบบต่อมไร้ท่อที่
-
คอยผลิต หลั่ง และดูดคืน
ฮอร์โมนเหล่านี้ เราอาจจะถอย
-
มาดูภาพรวมๆ กันก่อน
-
นอกเหนือจากการพยายามเน้นว่า
ฮอร์โมนเพศไม่ใช่ฮอร์โมนอย่างเดียวในร่างกาย
-
แต่ยังดูเพิ่มไปอีกว่าฮอร์โมน
ส่งผลต่อระบบอวัยวะต่างๆ อย่างไร
-
เพราะถ้าจะพูดง่ายๆ แล้ว ร่างกายคนเรา
มีเจ้านายสองคน หรือระบบร่างกายสองระบบ
-
ที่คอยตะโกน คอยสั่งการ
แต่ละส่วนยิบส่วนย่อยของร่างกาย
-
ระบบต่อมไร้ท่อ
และระบบประสาท ทั้งสองระบบ
-
คอยส่งข้อมูลคำสั่ง
ไปทั่วร่างกาย
-
คอยเก็บข้อมูล คอยสร้างข้อเรียกร้อง
และควบคุมทุกการกระทำ
-
เพียงแต่สองระบบนี้
มีวิธีการสั่งงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
-
ทางฝ่ายระบบประสาทนั้นใช้ระบบไฟฟ้า
ความต่างศักย์ทางเคมีความเร็วสูง
-
ส่งข้อมูลผ่านทางด่วนที่สร้างจากเซลล์ประสาท
ไปยังเซลล์หนึ่งๆ หรืออวัยวะหนึ่งๆ โดยเฉพาะ
-
แต่ฝ่ายต่อมไร้ท่อนั้นชอบวิธีส่งข้อมูล
ที่ช้ากว่าแต่ทั่วถึงกว่า
-
มันหลั่งฮอร์โมน แล้วให้ฮอร์โมนเดินทาง
ไปกับเลือด แทนที่จะเป็นเส้นประสาท
-
เพราะงั้นจึงเดินทางได้ช้ากว่า
แต่ส่งผลกระทบได้เป็นวงกว้าง
-
และคงอยู่นานกว่าข้อมูล
ที่ส่งผ่านศักย์ไฟฟ้างาน
-
ทีนี้ถ้าให้เทียบกับหัวใจ หรือสมอง
หรืออวัยวะอื่นที่น่ามองกว่า
-
อวัยวะของระบบต่อมไร้ท่อนั้นออกจะ
-
เล็กกว่า และเป็นแค่ก้อนๆ
-
แถมยังทำตัวเหมือนคนจรจัด
ในขณะที่อวัยอื่นอยู่กันเป็นที่เป็นทาง
-
อวัยวะพวกนี้กลับกระจายเป็นหย่อมๆ
ตั้งแต่อยู่ในสมอง
-
อยู่ที่คอ อยู่ที่ไต
และอยู่ที่อวัยวะเพศ
-
สิ่งที่เรียกว่าต่อมนั้นก็คืออะไรก็ได้
ที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนได้
-
ต่อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างกาย
คือต่อมใต้สมอง ซึ่งสร้าง
-
ฮอร์โมนหลายชนิดที่สั่งการ
ต่อมอื่นๆ เช่น ไทรอยด์ พาราไทรอยด์
-
ต่อมหมวกไต และต่อมไพเนียล
ให้สร้างฮอร์โมนของตัวเอง
-
ระบต่อมไร้ท่อยังนับรวมถึงอวัยวะอื่น
อีกจำนวนหนึ่ง เช่น ต่อมเพศ
-
ตับอ่อน รกในหญิงตั้งครรภ์
ซึ่งทั้งหมดนี้
-
มีหน้าที่อื่นอีกนอกเหนือจากการสร้างฮอร์โมน
และประกอบขึ้นจาก
-
เนื้อเยื่อหลายๆ ชนิด
-
ทางเทคนิกแล้ว สมองส่วนไฮโปทาลามัส
ก็น่าจะอยู่ในก๊วนต่อมไร้ท่อด้วย
-
เพราะนอกจากจะทำหน้าที่แบบสมองแล้ว
ยังผลิตและหลั่งฮอร์โมนได้ด้วย
-
เป็นเพราะต่อมและอวัยวะต่างๆ เหล่านี้นี่เอง
ร่างกายของเราจึงมีฮอร์โมน
-
ไหลเวียนในกระแสเลือด
คอยทำหน้าที่ต่างๆ แต่ที่สำคัญคือ
-
ฮอร์โมนหนึ่งๆ จะสามารถกระตุ้นปฏิกิริยา
ได้ในเซลล์บางเซลล์เท่านั้น
-
เซลล์เหล่านี้เรียกว่าเซลล์เป้าหมาย
ซึ่งจะมีตัวรับที่ตรงกับฮอร์โมนนั้นๆ
-
เหมือนที่กุญแจบางดอกเปิดประตูได้หลายบาน
แต่บางดอกก็เปิดได้แค่บานเดียว
-
ฮอร์โมนกับเซลล์เป้าหมายก็เช่นกัน
ซึ่งอาจจะมีผลเป็นวงกว้าง
-
หรือเป็นวงแคบก็ได้
-
คุณน่าจะอยากได้ตัวอย่าง
เริ่มที่ต่อมไทรอยด์ที่อยู่ตรง
-
คอของคุณเลยแล้วกัน มันสร้างฮอร์โมน
ไทรอกซีน ซึ่งกระตุ้นเมตาบอลิซึม
-
และจับกับตัวรับบนเซลล์
ซึ่งมีแทบทุกเซลล์ แต่ต่อมพิทูอิทารี
-
ซึ่งอยู่ใต้สมองนั้นผลิตฮอร์โมน
ชื่อฟอลลิเคิลสติมูเลติงฮอร์โมน
-
ซึ่งช่วยควบคุมการเจริญเติบโต
และทำให้เกิดลักษณะทางเพศ ทำงานได้เฉพาะกับ
-
เซลล์ในรังไข่และอัณฑะเท่านั้น
-
ฮอร์โมนจับกับเซลล์เป้าหมายได้อย่างไรนะหรือ
-
ทางเคมีนั้นฮอร์โมนส่วนใหญ่
สร้างจากกรดอะมิโนรวมทั้ง
-
โครงสร้างซับซ้อนที่สร้างจากกรดอะมิโน
เช่นสายเพพไทด์หรือโปรตีน หรืออาจจะ
-
สร้างจากไขมัน เช่นคอเลสเตอรอล
-
ตรงนี้คือกุญแจสำคัญ
เพราะโครงสร้างทางเคมีจะเป็นตัวตัดสินว่า
-
ฮอร์โมนจะละลายในน้ำ
อย่างพวกที่สร้างจากกรดอะมิโน
-
หรือละลายในไขมันเหมือนพวกสเตียรอยด์
-
การละลายได้นี้มีความสำคัญมาก
เพราะเยื่อหุ้มเซลล์นั้นสร้างจากไขมัน
-
อะไรที่ละลายน้ำได้จะไม่สามารถผ่าน
เยื่อหุ้มเซลล์ได้ ฉะนั้นเซลล์เป้าหมาย
-
ของฮอร์โมนกลุ่มนี้จะต้องมี
ตัวรับอยู่ที่ด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์
-
ในขณะที่ฮอร์โมนที่ละลายในไขมันได้นั้น
สามารถแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้
-
ตัวรับของฮอร์โมนกลุ่มนี้
จึงอยู่ภายในของเซลล์เป้าหมาย
-
ไม่ว่าแบบใดก็ตาม เมื่อเซลล์เป้าหมาย
ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมน มันจะเปลี่ยนแปลง
-
การทำงานบางอย่างของเซลล์
โดยอาจจะทำมากขึ้นหรือทำน้อยลง
-
โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาภาวะธำรงดุล
ของร่างกายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
-
ถ้าฮอร์โมนคอยรักษาสมดุลของร่างกาย
แล้วอะไรกันเล่า
-
ที่คอยทำลายสมดุลของร่างกาย
-
อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ
คุณจะรับพายไปกินสักหน่อยไหมล่ะครับ
-
พายสตรอวเบอร์รี่ผสมหัวรูบาร์บ
สุดจะน่าอร่อย
-
และไหนๆ ก็ไหนๆ เราไปต่อให้สุด
ด้วยการโปะไอศครีมแบบอาลาโมด
-
รับรองระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ
จะต้องพุ่งสูงทะลุหลังคา
-
ตับอ่อนมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาล
ในเลือดโดยการหลั่งฮอร์โมนสองชนิด
-
คืออินซูลินและกลูคากอน
-
หลังจากคุณได้กินพายอันนั้นจนอิ่ม
เซลล์เบต้าในตับอ่อนก็จะ
-
หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อช่วย
ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการ
-
เพิ่มอัตราการเอาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์
ในรูปของไกลโคเจน
-
หรือไขมันเพื่อเก็บไว้ใช้ในภายหลัง
-
ทีนี้สมมติว่าเป็นในทางตรงกันข้าม
-
คุณไม่ได้กินพาย คุณไร้พาย
-
หรือเอาเป็นว่าคุณไม่ได้กินอะไรเลยหลายชั่วโมง
-
หากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดต่ำลง
เซลล์อัลฟาในตับอ่อนก็จะ
-
หลั่งกลูคากอนออกมา
เพื่อช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
-
ด้วยการลดอัตราการเก็บน้ำตาลเข้าสู่เซลล์
-
และกระตุ้นการปล่อยน้ำตาลกลูโคส
ออกมาในกระแสเลือด
-
โรคทางต่อมไร้ท่อหลายๆ โรค
เช่นเบาหวาน
-
หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน
มักเกิดจากการทำงานมากเกินไป
-
หรือน้อยเกินไปของฮอร์โมนต่างๆ
-
จนทำให้ร่างกายเสียภาวะธำรงดุล
-
ยังมีบางอย่างซึ่งพบได้บ่อยกว่า
แต่ดูออกยากกว่า
-
มาทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุลได้
โดยไม่ได้เกิดจากโรค
-
แต่เกิดจากการที่ฮอร์โมนเหล่านี้
ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปฏิกิริยาลูกโซ่
-
ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักจึงจะหยุดลง
-
ฮอร์โมนบางตัวก็มีไว้เพื่อคุมฮอร์โมนอีกตัว
ซึ่งฮอร์โมนตัวนั้น
-
ก็ไปคุมฮอร์โมนตัวอื่นอีกที
เมื่อฮอร์โมนตัวหนึ่งถูกกระตุ้น
-
ก็อาจจะเกิดปฏิกิริยาต่อๆ กันไป
เป็นสายน้ำตก (แคสเคด) ได้
-
ในชั่วขณะหนึ่งๆ อาจจะมีแคสเคด
ของฮอร์โมนทำงานอยู่หลายอัน
-
แต่อันหนึ่งซึ่งเป็นอันใหญ่สุด
และควรค่าแก่การรู้จักที่สุด
-
คือแกนไฮโปทาลามิก พิทูอิทารี อะดรีนัล
หรือแกน HPA
-
เรียกย่อเพราะคุณคง
ไม่อยากพูดชื่อยาวๆ ซ้ำ
-
แกนนี้เป็นชุดของปฏิกิริยาที่ซับซ้อน
ระหว่างต่อม 3 ต่อม ที่ช่วยกัน
-
ควบคุมกระบวนการหลายๆ อย่างในชีวิตประจำวัน
เช่น การย่อยอาหาร เรื่องทางเพศ
-
ภูมิคุ้มกัน และการตอบสนอง
ต่อความเครียด
-
ซับซ้อนนี้ไม่ใช่แค่เพราะ
มีหลายต่อมเท่านั้น
-
แต่ยังเป็นกระบวนการที่สำคัญ
ที่ระบบต่อมไร้ท่อ
-
จะทำงานร่วมกันกับระบบประสาท
-
และอยู่เบื้องหลัง
"การตอบสนองด้วยการสู้หรือหนี"
-
ที่ทุกคนพากันพูดถึง
-
แกน HPA ก็คือเพื่อนในระบบต่อมไร้ท่อ
-
ของระบบประสาทซิมพาเทติก
-
ในเวลาที่ร่างกายมีความเครียดสูง
ระบบประสาทซิมพาเทติก
-
จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
ผันเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงลำไส้
-
เพิ่มเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
ช่วยกันกับผลอื่นของการตอบสนอง
-
ที่ควบคุมโดยระบบต่อมไร้ท่อ
-
การประสานงานระหว่างระบบประสาท
และระบบต่อมไร้ท่อ ในเวลา
-
วิกฤตเช่นนี้เป็นหน้าที่ของไฮโปทาลามัส
-
ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่ทั้งสองระบบมาพบกัน
คอยติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้น
-
ในร่างกาย วิเคราะห์เลือด
หาสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีอะไรผิดปกติ
-
ทีนี้เรากลับมาดูการสู้หรือหนี
ที่เราเคยพูดกันไปในบทก่อนๆ
-
เหตุการณ์บ้านไฟไหม้
-
สมมติว่าคุณกำลังฝันได้ลูบพุงแพนด้า
กับเอมม่า วัตสัน หรืออะไรก็ตาม
-
และจู่ๆ สัญญาณเตือนไฟไหม้ก็ดังขึ้น
-
สัญญาณไฟฟ้าจากสมองจะไปกระตุ้น
เซลล์ประสาทในไฮโปทาลามัส
-
ให้หลั่งเพพไทด์ฮอร์โมนที่ชื่อ CRH
หรือ corticotropin-releasing hormone
-
ฮอร์โมน CRH นี้จะเดินทางสั้นๆ
ผ่านกระแสเลือดไปยัง
-
ต่อมใต้สมองส่วนหน้า และเนื่องจาก
ฮอร์โมนนี้ละลายได้ในน้ำ จึงจับกับตัวรับ
-
ที่อยู่ผิวนอกของเซลล์เป้าหมาย
และกระตุ้นให้เซลล์นั้นหลั่ง
-
adrenocorticotropic hormone
หรือฮอร์โมน ACTH
-
ฮอร์โมน ACTH นี้จะเดินทางผ่าน
กระแสเลือดอีกครั้งไปยังส่วนเปลือกนอก
-
ของต่อมหมวกไต ข้างๆ ไตของคุณ
-
ที่นั่น ACTH จะจับกับตัวรับบนผิวเซลล์
ของเปลือกต่อมหมวกไต
-
และกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารแห่ง
ความสติแตกจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง
-
เรียกว่าฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์
และมิเนอราโลคอร์ติคอยด์
-
ฮอร์โมนเหล่านี้ปกติมีหน้าที่
คอยตอบสนองต่อความเครียดระดับปกติ
-
รักษาระดับน้ำตาล ความดัน
ให้สมดุล แต่เมื่อความเครียด
-
มากถึงระดับบ้านไฟไหม้นั้น
ฮอร์โมนเหล่านี้เช่นคอร์ติซอลจะทำให้
-
เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแบบสู้หรือหนี
มันช่วยเพิ่มความดันเลือด
-
เพิ่มน้ำตาลเข้ามาในกระแสเลือด
ระงับการทำงานของอะไรก็ตามที่ไม่ฉุกเฉิน
-
เช่นพวกระบบภูมิคุ้มกัน การผลิตอสุจิ
และไข่ แล้วไงต่อรู้ไหมครับ
-
พอฮอร์โมนความเครียดเหล่านี้
ออกมาออกันอยู่ในเลือด
-
ไฮโปทาลามัสในสมองเขารับรู้ครับ
เพราะนี่เป็นหน้าที่ของเขา
-
ที่จะคอยตรวจสอบและรักษาสมดุล
เอาไว้หากเป็นไปได้
-
มันก็จะหยุดหลั่ง CRH
ทำให้ต่อมอื่นๆ หยุดหลั่ง
-
ฮอร์โมนแห่งความสติแตกเหล่านี้ในที่สุด
-
เนื่องจากการตอบสนองความเครียดต่างๆ
ส่วนใหญ่ผ่านฮอร์โมน
-
ไม่ใช่ไฟฟ้า จึงเกิดขึ้นช้ากว่า
ส่วนที่ควบคุมโดยระบบประสาท
-
และคงอยู่นานกว่าจะค่อยๆ หยุดลง
เพราะฮอร์โมนความเครียดเหล่านั้น
-
ยังคงอยู่ในกระแสเลือด
จนกว่าจะถูกทำลายลงด้วยเอนไซม์ต่างๆ
-
เรามาไกลมาก จากความรักวัยรุ่น
สิว และการร้องไห้ให้กับโฆษณาทีวี
-
ณ จุดจุดนี้ จริงไหมครับ
-
ในฐานะที่เป็นเจ้าของฮอร์โมน
ตลอดชีวิต ผมหวังว่าคุณ
-
จะช่วยกันลบล้างอคติภาพพจน์ที่ครอบงำ
เหล่าสารเคมีที่สำคัญและแข็งแกร่งเหล่านี้
-
ให้พวกเขาได้รับความเคารพ
ที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
-
วันนี้เราได้ศึกษาเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ
ว่าต่อมต่างๆ สร้างฮอร์โมนอย่างไร
-
ฮอร์โมนเหล่านี้อาจเป็นกรดอะมิโน
ซึ่งละลายในน้ำ
-
หรือเป็นสเตียรอยด์ซึ่งละลายในไขมัน
และสามารถส่งผลต่อเซลล์ได้หลายชนิด
-
หรือส่งผลต่อเซลล์เพียงบางชนิด
-
พูดถึงแคสเคดของฮอร์โมนเล็กน้อย
-
และว่าแกน HPA ส่งผล
ต่อการตอบสนองความเครียดอย่างไร
-
ขอบคุณเหล่าอาจารย์ใหญ่แห่งการเรียนรู้
โทมัส แฟรงค์
-
ขอบคุณชาว Patreon ที่ทำให้รายการ
crash course เป็นไปได้
-
ผ่านค่าสมาชิกรายเดือน
-
หากคุณชอบ crash course และอยากจะ
สนับสนุนพวกเราให้ทำเนื้อหา
-
เกี่ยวกับการศึกษาฟรีต่อไป
เยี่ยมชมได้ที่ patreon.com/crashcourse
-
crash course ถ่ายทำที่สตูดิโอ
crash course ของ Dr. Cheryl C. Kenny
-
บทของรายการตอนนี้เขียนโดย
Kathleen Yale
-
ตัดต่อโดย Blake de Pastino
Dr. Brendan Jackson เป็นที่ปรึกษา
-
กำกับโดย Nicholas Jenkins
-
บก. Nicole Sweeney
กำกับการเขียนบทโดย
-
Stefan Chin
ออกแบบเสียงโดย Michael Amanda
-
ทีมกราฟอกโดย
Though Cafe