WEBVTT 00:00:00.695 --> 00:00:02.862 ในวันนี้ ผมอยากจะพูดถึงอะไรบางอย่าง 00:00:02.862 --> 00:00:05.197 คืออคติภาพพจน์อันหนึ่ง ซึ่งแย่มากและระบาดไปไกลมาก 00:00:05.197 --> 00:00:07.983 การเหมารวมที่ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นจริง และไม่เป็นวิทยาศาสตร์ 00:00:07.983 --> 00:00:10.977 ซึ่งเพิ่งถูกพูดถึงบ่อยๆ ในยุคหลัง ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับเซ็กส์ 00:00:10.977 --> 00:00:12.515 และฮอร์โมน 00:00:12.515 --> 00:00:15.775 มนุษย์ชอบมีนิสัยเสียที่คิดเอาเองว่า ฮอร์โมน เท่ากับ พฤติกรรมบางชนิด 00:00:15.775 --> 00:00:20.122 ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ หรือพัฒนาการทางเพศ 00:00:20.122 --> 00:00:24.072 หรือกิจกรรมบางอย่างที่จอห์นน้องชายผม เรียกว่าการโซเดมาคอม 00:00:24.072 --> 00:00:28.035 เช่น คนอาจจะบอกว่าฮอร์โมนเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เควินมีสิวและอารมณ์ฉุนเฉียว 00:00:28.035 --> 00:00:30.939 หรือทำให้แฮนนาห์ผู้ตั้งท้องสามเดือน ร้องไห้ตอนดูโฆษณาทีวี 00:00:30.939 --> 00:00:33.459 เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ซึ่ง จริงแล้วผมก็ร้องเหมือนกัน 00:00:33.459 --> 00:00:36.849 ผมไม่ได้หมายความว่าฮอร์โมนไม่ใช่ สาเหตุของแรงดึงดูดทางเพศหรือสิว 00:00:36.849 --> 00:00:39.619 หรือการมีอารมณ์พลุ่งพล่านนะครับ เพราะมันใช่จริงตามนั้น 00:00:39.619 --> 00:00:42.229 เพียงแต่มันไม่ได้จำกัดเพียงแค่นั้น 00:00:42.229 --> 00:00:43.380 ห่างจากความจริงไปไกลเลย 00:00:43.380 --> 00:00:46.147 เวลาคนพูดถึงฮอร์โมน ในบริบทที่ผมเพิ่งยกตัวอย่างไป 00:00:46.147 --> 00:00:48.541 พวกเขาหมายถึงฮอร์โมนเพศ 00:00:48.541 --> 00:00:51.660 ฮอร์โมนเพศเป็นเพียงฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ที่วิ่งวนอยู่ในร่างกายของคุณ 00:00:51.660 --> 00:00:54.649 ณ เวลานี้เท่านั้น ที่จริงแล้วยังมี ฮอร์โมนอีกกว่า 50 ชนิด 00:00:54.649 --> 00:00:57.886 ทำหน้าที่เป็นสารสื่อเคมี ทำงานอยู่ ในร่างกายของคุณตลอดเวลา 00:00:57.886 --> 00:01:00.969 ซึ่งก็มีแค่ไม่กี่ตัวที่มีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับเซ็กส์ 00:01:00.969 --> 00:01:04.676 ความเป็นจริงก็คือ ตั้งแต่เกิดจนตาย การทำงานแทบทุกอย่างในเซลล์และร่างกาย 00:01:04.676 --> 00:01:07.786 อยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมน ตลอดเวลาเลยนะครับ 00:01:07.786 --> 00:01:10.496 พวกมันถูกส่งผ่านกระแสเลือด คอยควบคุมเมตาบอลิซึม 00:01:10.496 --> 00:01:14.774 การหลับการตื่น การตอบสนองต่อภาวะเครียด และการควบคุมทั่วๆ ไปที่สำคัญที่สุด 00:01:14.774 --> 00:01:17.974 คือรักษาภาวะธำรงดุล (homeostasis) ไม่ให้คุณตายนั่นแหละ 00:01:17.974 --> 00:01:21.925 ฮอร์โมนบางตัวก็มีไว้สร้างฮอร์โมนอีกตัว เพื่อไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนอีกตัวทำงานมากขึ้น 00:01:21.925 --> 00:01:25.886 เป็นชุดของกระบวนการต่อเนื่องทางเคมี ที่เหล่าชีววิทยาตั้งชื่อให้อย่างสง่างาม 00:01:25.886 --> 00:01:27.436 ว่า "แคสเคด" (cascade-ขั้นน้ำตก) 00:01:27.436 --> 00:01:29.836 ฮอร์โมนเหล่านี้อยู่ในตัวของคุณ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน 00:01:29.836 --> 00:01:31.516 หรือคุณจะมีสิวหรือไม่ 00:01:31.516 --> 00:01:35.172 สรุปว่าความจริงแล้วก็คือเราต่างอยู่ ในอิทธิพลของฮอร์โมนตลอดเวลานั่นเองครับ 00:01:37.688 --> 00:01:38.660 ♪ 00:01:46.470 --> 00:01:50.786 ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจฮอร์โมน และระบบต่อมไร้ท่อที่ 00:01:50.786 --> 00:01:53.060 คอยผลิต หลั่ง และดูดคืน ฮอร์โมนเหล่านี้ เราอาจจะถอย 00:01:53.060 --> 00:01:54.459 มาดูภาพรวมๆ กันก่อน 00:01:54.459 --> 00:01:57.880 นอกเหนือจากการพยายามเน้นว่า ฮอร์โมนเพศไม่ใช่ฮอร์โมนอย่างเดียวในร่างกาย 00:01:57.880 --> 00:02:02.370 แต่ยังดูเพิ่มไปอีกว่าฮอร์โมน ส่งผลต่อระบบอวัยวะต่างๆ อย่างไร 00:02:02.370 --> 00:02:06.000 เพราะถ้าจะพูดง่ายๆ แล้ว ร่างกายคนเรา มีเจ้านายสองคน หรือระบบร่างกายสองระบบ 00:02:06.000 --> 00:02:09.759 ที่คอยตะโกน คอยสั่งการ แต่ละส่วนยิบส่วนย่อยของร่างกาย 00:02:09.759 --> 00:02:11.713 ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบประสาท ทั้งสองระบบ 00:02:11.713 --> 00:02:14.356 คอยส่งข้อมูลคำสั่ง ไปทั่วร่างกาย 00:02:14.356 --> 00:02:17.863 คอยเก็บข้อมูล คอยสร้างข้อเรียกร้อง และควบคุมทุกการกระทำ 00:02:17.863 --> 00:02:20.725 เพียงแต่สองระบบนี้ มีวิธีการสั่งงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 00:02:20.725 --> 00:02:23.877 ทางฝ่ายระบบประสาทนั้นใช้ระบบไฟฟ้า ความต่างศักย์ทางเคมีความเร็วสูง 00:02:23.877 --> 00:02:28.266 ส่งข้อมูลผ่านทางด่วนที่สร้างจากเซลล์ประสาท ไปยังเซลล์หนึ่งๆ หรืออวัยวะหนึ่งๆ โดยเฉพาะ 00:02:28.266 --> 00:02:32.327 แต่ฝ่ายต่อมไร้ท่อนั้นชอบวิธีส่งข้อมูล ที่ช้ากว่าแต่ทั่วถึงกว่า 00:02:32.327 --> 00:02:35.995 มันหลั่งฮอร์โมน แล้วให้ฮอร์โมนเดินทาง ไปกับเลือด แทนที่จะเป็นเส้นประสาท 00:02:35.995 --> 00:02:39.716 เพราะงั้นจึงเดินทางได้ช้ากว่า แต่ส่งผลกระทบได้เป็นวงกว้าง 00:02:39.716 --> 00:02:42.356 และคงอยู่นานกว่าข้อมูล ที่ส่งผ่านศักย์ไฟฟ้างาน 00:02:42.356 --> 00:02:45.607 ทีนี้ถ้าให้เทียบกับหัวใจ หรือสมอง หรืออวัยวะอื่นที่น่ามองกว่า 00:02:45.607 --> 00:02:48.912 อวัยวะของระบบต่อมไร้ท่อนั้นออกจะ 00:02:48.912 --> 00:02:50.218 เล็กกว่า และเป็นแค่ก้อนๆ 00:02:50.218 --> 00:02:53.343 แถมยังทำตัวเหมือนคนจรจัด ในขณะที่อวัยอื่นอยู่กันเป็นที่เป็นทาง 00:02:53.343 --> 00:02:57.064 อวัยวะพวกนี้กลับกระจายเป็นหย่อมๆ ตั้งแต่อยู่ในสมอง 00:02:57.064 --> 00:02:59.283 อยู่ที่คอ อยู่ที่ไต และอยู่ที่อวัยวะเพศ 00:02:59.283 --> 00:03:02.453 สิ่งที่เรียกว่าต่อมนั้นก็คืออะไรก็ได้ ที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนได้ 00:03:02.453 --> 00:03:05.974 ต่อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างกาย คือต่อมใต้สมอง ซึ่งสร้าง 00:03:05.974 --> 00:03:09.954 ฮอร์โมนหลายชนิดที่สั่งการ ต่อมอื่นๆ เช่น ไทรอยด์ พาราไทรอยด์ 00:03:09.954 --> 00:03:13.494 ต่อมหมวกไต และต่อมไพเนียล ให้สร้างฮอร์โมนของตัวเอง 00:03:13.494 --> 00:03:16.580 ระบต่อมไร้ท่อยังนับรวมถึงอวัยวะอื่น อีกจำนวนหนึ่ง เช่น ต่อมเพศ 00:03:16.580 --> 00:03:19.530 ตับอ่อน รกในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ 00:03:19.530 --> 00:03:22.485 มีหน้าที่อื่นอีกนอกเหนือจากการสร้างฮอร์โมน และประกอบขึ้นจาก 00:03:22.485 --> 00:03:23.981 เนื้อเยื่อหลายๆ ชนิด 00:03:23.981 --> 00:03:27.117 ทางเทคนิกแล้ว สมองส่วนไฮโปทาลามัส ก็น่าจะอยู่ในก๊วนต่อมไร้ท่อด้วย 00:03:27.117 --> 00:03:31.598 เพราะนอกจากจะทำหน้าที่แบบสมองแล้ว ยังผลิตและหลั่งฮอร์โมนได้ด้วย 00:03:31.598 --> 00:03:35.050 เป็นเพราะต่อมและอวัยวะต่างๆ เหล่านี้นี่เอง ร่างกายของเราจึงมีฮอร์โมน 00:03:35.050 --> 00:03:37.921 ไหลเวียนในกระแสเลือด คอยทำหน้าที่ต่างๆ แต่ที่สำคัญคือ 00:03:37.921 --> 00:03:42.711 ฮอร์โมนหนึ่งๆ จะสามารถกระตุ้นปฏิกิริยา ได้ในเซลล์บางเซลล์เท่านั้น 00:03:42.711 --> 00:03:46.072 เซลล์เหล่านี้เรียกว่าเซลล์เป้าหมาย ซึ่งจะมีตัวรับที่ตรงกับฮอร์โมนนั้นๆ 00:03:46.072 --> 00:03:50.076 เหมือนที่กุญแจบางดอกเปิดประตูได้หลายบาน แต่บางดอกก็เปิดได้แค่บานเดียว 00:03:50.076 --> 00:03:53.790 ฮอร์โมนกับเซลล์เป้าหมายก็เช่นกัน ซึ่งอาจจะมีผลเป็นวงกว้าง 00:03:53.790 --> 00:03:55.216 หรือเป็นวงแคบก็ได้ 00:03:55.216 --> 00:03:57.866 คุณน่าจะอยากได้ตัวอย่าง เริ่มที่ต่อมไทรอยด์ที่อยู่ตรง 00:03:57.866 --> 00:04:01.294 คอของคุณเลยแล้วกัน มันสร้างฮอร์โมน ไทรอกซีน ซึ่งกระตุ้นเมตาบอลิซึม 00:04:01.294 --> 00:04:04.624 และจับกับตัวรับบนเซลล์ ซึ่งมีแทบทุกเซลล์ แต่ต่อมพิทูอิทารี 00:04:04.624 --> 00:04:08.674 ซึ่งอยู่ใต้สมองนั้นผลิตฮอร์โมน ชื่อฟอลลิเคิลสติมูเลติงฮอร์โมน 00:04:08.674 --> 00:04:12.328 ซึ่งช่วยควบคุมการเจริญเติบโต และทำให้เกิดลักษณะทางเพศ ทำงานได้เฉพาะกับ 00:04:12.328 --> 00:04:15.167 เซลล์ในรังไข่และอัณฑะเท่านั้น 00:04:15.167 --> 00:04:18.296 ฮอร์โมนจับกับเซลล์เป้าหมายได้อย่างไรนะหรือ 00:04:18.296 --> 00:04:21.476 ทางเคมีนั้นฮอร์โมนส่วนใหญ่ สร้างจากกรดอะมิโนรวมทั้ง 00:04:21.476 --> 00:04:24.957 โครงสร้างซับซ้อนที่สร้างจากกรดอะมิโน เช่นสายเพพไทด์หรือโปรตีน หรืออาจจะ 00:04:24.957 --> 00:04:26.537 สร้างจากไขมัน เช่นคอเลสเตอรอล 00:04:26.537 --> 00:04:29.347 ตรงนี้คือกุญแจสำคัญ เพราะโครงสร้างทางเคมีจะเป็นตัวตัดสินว่า 00:04:29.347 --> 00:04:32.017 ฮอร์โมนจะละลายในน้ำ อย่างพวกที่สร้างจากกรดอะมิโน 00:04:32.017 --> 00:04:34.265 หรือละลายในไขมันเหมือนพวกสเตียรอยด์ 00:04:34.265 --> 00:04:37.827 การละลายได้นี้มีความสำคัญมาก เพราะเยื่อหุ้มเซลล์นั้นสร้างจากไขมัน 00:04:37.827 --> 00:04:41.347 อะไรที่ละลายน้ำได้จะไม่สามารถผ่าน เยื่อหุ้มเซลล์ได้ ฉะนั้นเซลล์เป้าหมาย 00:04:41.347 --> 00:04:45.158 ของฮอร์โมนกลุ่มนี้จะต้องมี ตัวรับอยู่ที่ด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ 00:04:45.158 --> 00:04:48.884 ในขณะที่ฮอร์โมนที่ละลายในไขมันได้นั้น สามารถแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ 00:04:48.884 --> 00:04:52.341 ตัวรับของฮอร์โมนกลุ่มนี้ จึงอยู่ภายในของเซลล์เป้าหมาย 00:04:52.341 --> 00:04:55.996 ไม่ว่าแบบใดก็ตาม เมื่อเซลล์เป้าหมาย ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมน มันจะเปลี่ยนแปลง 00:04:55.996 --> 00:04:58.978 การทำงานบางอย่างของเซลล์ โดยอาจจะทำมากขึ้นหรือทำน้อยลง 00:04:58.978 --> 00:05:02.880 โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาภาวะธำรงดุล ของร่างกายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 00:05:02.880 --> 00:05:05.380 ถ้าฮอร์โมนคอยรักษาสมดุลของร่างกาย แล้วอะไรกันเล่า 00:05:05.380 --> 00:05:06.920 ที่คอยทำลายสมดุลของร่างกาย 00:05:06.920 --> 00:05:09.501 อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ คุณจะรับพายไปกินสักหน่อยไหมล่ะครับ 00:05:09.501 --> 00:05:12.182 พายสตรอวเบอร์รี่ผสมหัวรูบาร์บ สุดจะน่าอร่อย 00:05:12.182 --> 00:05:14.998 และไหนๆ ก็ไหนๆ เราไปต่อให้สุด ด้วยการโปะไอศครีมแบบอาลาโมด 00:05:14.998 --> 00:05:17.652 รับรองระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ จะต้องพุ่งสูงทะลุหลังคา 00:05:17.652 --> 00:05:21.113 ตับอ่อนมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือดโดยการหลั่งฮอร์โมนสองชนิด 00:05:21.113 --> 00:05:23.103 คืออินซูลินและกลูคากอน 00:05:23.103 --> 00:05:25.823 หลังจากคุณได้กินพายอันนั้นจนอิ่ม เซลล์เบต้าในตับอ่อนก็จะ 00:05:25.823 --> 00:05:28.925 หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อช่วย ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการ 00:05:28.925 --> 00:05:32.152 เพิ่มอัตราการเอาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ ในรูปของไกลโคเจน 00:05:32.152 --> 00:05:34.142 หรือไขมันเพื่อเก็บไว้ใช้ในภายหลัง 00:05:34.142 --> 00:05:35.515 ทีนี้สมมติว่าเป็นในทางตรงกันข้าม 00:05:35.515 --> 00:05:37.942 คุณไม่ได้กินพาย คุณไร้พาย 00:05:37.942 --> 00:05:40.062 หรือเอาเป็นว่าคุณไม่ได้กินอะไรเลยหลายชั่วโมง 00:05:40.062 --> 00:05:43.695 หากระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดต่ำลง เซลล์อัลฟาในตับอ่อนก็จะ 00:05:43.695 --> 00:05:47.352 หลั่งกลูคากอนออกมา เพื่อช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด 00:05:47.352 --> 00:05:50.242 ด้วยการลดอัตราการเก็บน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ 00:05:50.242 --> 00:05:53.152 และกระตุ้นการปล่อยน้ำตาลกลูโคส ออกมาในกระแสเลือด 00:05:53.152 --> 00:05:55.652 โรคทางต่อมไร้ท่อหลายๆ โรค เช่นเบาหวาน 00:05:55.652 --> 00:05:59.502 หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน มักเกิดจากการทำงานมากเกินไป 00:05:59.502 --> 00:06:02.838 หรือน้อยเกินไปของฮอร์โมนต่างๆ 00:06:02.838 --> 00:06:04.801 จนทำให้ร่างกายเสียภาวะธำรงดุล 00:06:04.801 --> 00:06:07.830 ยังมีบางอย่างซึ่งพบได้บ่อยกว่า แต่ดูออกยากกว่า 00:06:07.830 --> 00:06:10.607 มาทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุลได้ โดยไม่ได้เกิดจากโรค 00:06:10.607 --> 00:06:14.054 แต่เกิดจากการที่ฮอร์โมนเหล่านี้ ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปฏิกิริยาลูกโซ่ 00:06:14.054 --> 00:06:16.090 ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักจึงจะหยุดลง 00:06:16.090 --> 00:06:18.974 ฮอร์โมนบางตัวก็มีไว้เพื่อคุมฮอร์โมนอีกตัว ซึ่งฮอร์โมนตัวนั้น 00:06:18.974 --> 00:06:22.601 ก็ไปคุมฮอร์โมนตัวอื่นอีกที เมื่อฮอร์โมนตัวหนึ่งถูกกระตุ้น 00:06:22.601 --> 00:06:25.252 ก็อาจจะเกิดปฏิกิริยาต่อๆ กันไป เป็นสายน้ำตก (แคสเคด) ได้ 00:06:25.252 --> 00:06:28.022 ในชั่วขณะหนึ่งๆ อาจจะมีแคสเคด ของฮอร์โมนทำงานอยู่หลายอัน 00:06:28.022 --> 00:06:30.839 แต่อันหนึ่งซึ่งเป็นอันใหญ่สุด และควรค่าแก่การรู้จักที่สุด 00:06:30.839 --> 00:06:34.704 คือแกนไฮโปทาลามิก พิทูอิทารี อะดรีนัล หรือแกน HPA 00:06:34.704 --> 00:06:36.704 เรียกย่อเพราะคุณคง ไม่อยากพูดชื่อยาวๆ ซ้ำ 00:06:36.704 --> 00:06:40.003 แกนนี้เป็นชุดของปฏิกิริยาที่ซับซ้อน ระหว่างต่อม 3 ต่อม ที่ช่วยกัน 00:06:40.003 --> 00:06:44.645 ควบคุมกระบวนการหลายๆ อย่างในชีวิตประจำวัน เช่น การย่อยอาหาร เรื่องทางเพศ 00:06:44.645 --> 00:06:47.014 ภูมิคุ้มกัน และการตอบสนอง ต่อความเครียด 00:06:47.014 --> 00:06:49.108 ซับซ้อนนี้ไม่ใช่แค่เพราะ มีหลายต่อมเท่านั้น 00:06:49.108 --> 00:06:52.218 แต่ยังเป็นกระบวนการที่สำคัญ ที่ระบบต่อมไร้ท่อ 00:06:52.218 --> 00:06:54.858 จะทำงานร่วมกันกับระบบประสาท 00:06:54.858 --> 00:06:57.292 และอยู่เบื้องหลัง "การตอบสนองด้วยการสู้หรือหนี" 00:06:57.292 --> 00:06:58.352 ที่ทุกคนพากันพูดถึง 00:06:58.352 --> 00:07:01.533 แกน HPA ก็คือเพื่อนในระบบต่อมไร้ท่อ 00:07:01.533 --> 00:07:03.607 ของระบบประสาทซิมพาเทติก 00:07:03.607 --> 00:07:06.104 ในเวลาที่ร่างกายมีความเครียดสูง ระบบประสาทซิมพาเทติก 00:07:06.104 --> 00:07:09.508 จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ผันเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงลำไส้ 00:07:09.508 --> 00:07:12.470 เพิ่มเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ช่วยกันกับผลอื่นของการตอบสนอง 00:07:12.470 --> 00:07:14.360 ที่ควบคุมโดยระบบต่อมไร้ท่อ 00:07:14.360 --> 00:07:17.219 การประสานงานระหว่างระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อ ในเวลา 00:07:17.219 --> 00:07:19.718 วิกฤตเช่นนี้เป็นหน้าที่ของไฮโปทาลามัส 00:07:19.718 --> 00:07:23.021 ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่ทั้งสองระบบมาพบกัน คอยติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้น 00:07:23.021 --> 00:07:26.332 ในร่างกาย วิเคราะห์เลือด หาสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีอะไรผิดปกติ 00:07:26.332 --> 00:07:29.180 ทีนี้เรากลับมาดูการสู้หรือหนี ที่เราเคยพูดกันไปในบทก่อนๆ 00:07:29.180 --> 00:07:31.492 เหตุการณ์บ้านไฟไหม้ 00:07:31.492 --> 00:07:34.782 สมมติว่าคุณกำลังฝันได้ลูบพุงแพนด้า กับเอมม่า วัตสัน หรืออะไรก็ตาม 00:07:34.782 --> 00:07:36.622 และจู่ๆ สัญญาณเตือนไฟไหม้ก็ดังขึ้น 00:07:36.622 --> 00:07:39.743 สัญญาณไฟฟ้าจากสมองจะไปกระตุ้น เซลล์ประสาทในไฮโปทาลามัส 00:07:39.743 --> 00:07:44.501 ให้หลั่งเพพไทด์ฮอร์โมนที่ชื่อ CRH หรือ corticotropin-releasing hormone 00:07:44.501 --> 00:07:47.303 ฮอร์โมน CRH นี้จะเดินทางสั้นๆ ผ่านกระแสเลือดไปยัง 00:07:47.303 --> 00:07:51.372 ต่อมใต้สมองส่วนหน้า และเนื่องจาก ฮอร์โมนนี้ละลายได้ในน้ำ จึงจับกับตัวรับ 00:07:51.372 --> 00:07:55.024 ที่อยู่ผิวนอกของเซลล์เป้าหมาย และกระตุ้นให้เซลล์นั้นหลั่ง 00:07:55.024 --> 00:07:58.279 adrenocorticotropic hormone หรือฮอร์โมน ACTH 00:07:58.279 --> 00:08:01.957 ฮอร์โมน ACTH นี้จะเดินทางผ่าน กระแสเลือดอีกครั้งไปยังส่วนเปลือกนอก 00:08:01.957 --> 00:08:04.374 ของต่อมหมวกไต ข้างๆ ไตของคุณ 00:08:04.374 --> 00:08:07.670 ที่นั่น ACTH จะจับกับตัวรับบนผิวเซลล์ ของเปลือกต่อมหมวกไต 00:08:07.670 --> 00:08:10.781 และกระตุ้นให้เกิดการหลั่งสารแห่ง ความสติแตกจำนวนมากอย่างบ้าคลั่ง 00:08:10.781 --> 00:08:14.293 เรียกว่าฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ และมิเนอราโลคอร์ติคอยด์ 00:08:14.293 --> 00:08:17.588 ฮอร์โมนเหล่านี้ปกติมีหน้าที่ คอยตอบสนองต่อความเครียดระดับปกติ 00:08:17.588 --> 00:08:20.037 รักษาระดับน้ำตาล ความดัน ให้สมดุล แต่เมื่อความเครียด 00:08:20.037 --> 00:08:24.518 มากถึงระดับบ้านไฟไหม้นั้น ฮอร์โมนเหล่านี้เช่นคอร์ติซอลจะทำให้ 00:08:24.518 --> 00:08:27.659 เกิดปฏิกิริยาตอบสนองแบบสู้หรือหนี มันช่วยเพิ่มความดันเลือด 00:08:27.659 --> 00:08:31.249 เพิ่มน้ำตาลเข้ามาในกระแสเลือด ระงับการทำงานของอะไรก็ตามที่ไม่ฉุกเฉิน 00:08:31.249 --> 00:08:34.357 เช่นพวกระบบภูมิคุ้มกัน การผลิตอสุจิ และไข่ แล้วไงต่อรู้ไหมครับ 00:08:34.357 --> 00:08:36.677 พอฮอร์โมนความเครียดเหล่านี้ ออกมาออกันอยู่ในเลือด 00:08:36.677 --> 00:08:39.977 ไฮโปทาลามัสในสมองเขารับรู้ครับ เพราะนี่เป็นหน้าที่ของเขา 00:08:39.977 --> 00:08:42.262 ที่จะคอยตรวจสอบและรักษาสมดุล เอาไว้หากเป็นไปได้ 00:08:42.262 --> 00:08:46.874 มันก็จะหยุดหลั่ง CRH ทำให้ต่อมอื่นๆ หยุดหลั่ง 00:08:46.874 --> 00:08:48.644 ฮอร์โมนแห่งความสติแตกเหล่านี้ในที่สุด 00:08:48.644 --> 00:08:51.234 เนื่องจากการตอบสนองความเครียดต่างๆ ส่วนใหญ่ผ่านฮอร์โมน 00:08:51.234 --> 00:08:54.284 ไม่ใช่ไฟฟ้า จึงเกิดขึ้นช้ากว่า ส่วนที่ควบคุมโดยระบบประสาท 00:08:54.284 --> 00:08:58.233 และคงอยู่นานกว่าจะค่อยๆ หยุดลง เพราะฮอร์โมนความเครียดเหล่านั้น 00:08:58.233 --> 00:09:00.972 ยังคงอยู่ในกระแสเลือด จนกว่าจะถูกทำลายลงด้วยเอนไซม์ต่างๆ 00:09:00.972 --> 00:09:04.474 เรามาไกลมาก จากความรักวัยรุ่น สิว และการร้องไห้ให้กับโฆษณาทีวี 00:09:04.474 --> 00:09:05.755 ณ จุดจุดนี้ จริงไหมครับ 00:09:05.755 --> 00:09:08.214 ในฐานะที่เป็นเจ้าของฮอร์โมน ตลอดชีวิต ผมหวังว่าคุณ 00:09:08.214 --> 00:09:11.914 จะช่วยกันลบล้างอคติภาพพจน์ที่ครอบงำ เหล่าสารเคมีที่สำคัญและแข็งแกร่งเหล่านี้ 00:09:11.914 --> 00:09:15.034 ให้พวกเขาได้รับความเคารพ ที่พวกเขาสมควรจะได้รับ 00:09:15.034 --> 00:09:18.394 วันนี้เราได้ศึกษาเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ว่าต่อมต่างๆ สร้างฮอร์โมนอย่างไร 00:09:18.394 --> 00:09:21.650 ฮอร์โมนเหล่านี้อาจเป็นกรดอะมิโน ซึ่งละลายในน้ำ 00:09:21.650 --> 00:09:25.721 หรือเป็นสเตียรอยด์ซึ่งละลายในไขมัน และสามารถส่งผลต่อเซลล์ได้หลายชนิด 00:09:25.721 --> 00:09:27.800 หรือส่งผลต่อเซลล์เพียงบางชนิด 00:09:27.800 --> 00:09:29.331 พูดถึงแคสเคดของฮอร์โมนเล็กน้อย 00:09:29.331 --> 00:09:32.375 และว่าแกน HPA ส่งผล ต่อการตอบสนองความเครียดอย่างไร 00:09:32.375 --> 00:09:34.835 ขอบคุณเหล่าอาจารย์ใหญ่แห่งการเรียนรู้ โทมัส แฟรงค์ 00:09:34.835 --> 00:09:37.444 ขอบคุณชาว Patreon ที่ทำให้รายการ crash course เป็นไปได้ 00:09:37.444 --> 00:09:38.825 ผ่านค่าสมาชิกรายเดือน 00:09:38.825 --> 00:09:41.584 หากคุณชอบ crash course และอยากจะ สนับสนุนพวกเราให้ทำเนื้อหา 00:09:41.584 --> 00:09:45.473 เกี่ยวกับการศึกษาฟรีต่อไป เยี่ยมชมได้ที่ patreon.com/crashcourse 00:09:45.473 --> 00:09:48.714 crash course ถ่ายทำที่สตูดิโอ crash course ของ Dr. Cheryl C. Kenny 00:09:48.714 --> 00:09:50.956 บทของรายการตอนนี้เขียนโดย Kathleen Yale 00:09:50.956 --> 00:09:53.826 ตัดต่อโดย Blake de Pastino Dr. Brendan Jackson เป็นที่ปรึกษา 00:09:53.826 --> 00:09:55.136 กำกับโดย Nicholas Jenkins 00:09:55.136 --> 00:09:57.292 บก. Nicole Sweeney กำกับการเขียนบทโดย 00:09:57.292 --> 00:09:59.700 Stefan Chin ออกแบบเสียงโดย Michael Amanda 00:09:59.700 --> 00:10:02.833 ทีมกราฟอกโดย Though Cafe