การสัมภาษณ์ที่หาชมได้ยากกับนักคณิตศาสตร์ผู้ถอดรหัสวอล์ลสตรีทจิ
-
0:01 - 0:04คริส แอนเดอร์สัน: คุณเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์
ทางคณิตศาสตร์ก็ว่าได้ -
0:04 - 0:07คุณได้สอนที่ฮาร์วาด และ เอ็มไอที
ตอนอายุน้อย -
0:07 - 0:09และจากนั้น เอนเอสเอ ก็เรียกตัว
-
0:09 - 0:11มันเป็นอย่างไรบ้างครับ
-
0:11 - 0:15จิม ไซม่อนส์: เออ เอ็นเอสเอ --
นั่นคือ หน่วยความมั่นคงแห่งชาติ-- -
0:15 - 0:17พวกเขาไม่ได้เรียกมาจริงๆ หรอกครับ
-
0:17 - 0:22พวกเขามีปฏิบัติการที่พรินส์ตัน
ที่ซึ่งพวกเขาจ้างนักคณิตศาสตร์ -
0:22 - 0:25ให้โจมตีรหัสลับ และอะไรแบบนั้น
-
0:25 - 0:27และผมรู้ว่ามันมีอยู่จริง
-
0:27 - 0:29และพวกเขาก็มีนโยบายที่ดีมากๆ
-
0:30 - 0:33เพราะคุณสามารถทำงานครึ่งเวลา
กับคณิตศาสตร์ของคุณ -
0:33 - 0:37และทำงานให้พวกเขาอย่างน้อนครึ่งเวลา
-
0:38 - 0:39และพวกเขาก็จ่ายให้เยอะด้วย
-
0:39 - 0:42ฉะนั้น นั่นเป็นการดึงตัวที่ยากที่จะยั้งได้
-
0:42 - 0:44ผมก็เลยไปที่นั่น
-
0:44 - 0:45คริส: คุณเคยเป็นคนถอดรหัส
-
0:45 - 0:47จิม: เคยครับ
-
0:47 - 0:48คริส: จนกระทั่งคุณโดนไล่ออก
-
0:48 - 0:49จิม: อืม ผมถูกไล่ออก ใช่ครับ
-
0:49 - 0:51คริส: เป็นไงมาไงครับ
-
0:51 - 0:53จิม: อืม ยังไงน่ะหรอ
-
0:54 - 0:59ผมถูกไล่ออก เพราะว่า อืม
ตอนนั้นเกิดสงครามเวียดนาม -
0:59 - 1:04และหัวหน้าของหัวหน้าทั้งหลายในองค์กรผม
เป็นแฟนพันธ์ุแท้สงคราม -
1:04 - 1:09และเขียนบทความในนิตยสารนิวยอร์คไทมส์
ในหัวเรื่องจากปก -
1:09 - 1:11เกี่ยวกับว่าเราจะชนะสงครามเวียดนามได้อย่างไร
-
1:11 - 1:14และผมไม่ชอบสงคราม ผมคิดว่ามันโง่เง่า
-
1:14 - 1:16ผมเลยเขียนจดหมายไปยังไทมส์
ซึ่งพวกเขาก็ตีพิมพ์ -
1:16 - 1:20ว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่ทำงานให้กับ
แม็กซ์เวล เทเลอร์ -
1:20 - 1:25ถ้าใครสักคนจะจำชื่อนั้นได้
เห็นด้วยกับแนวคิดของเขา -
1:26 - 1:27และผมก็ให้เหตุผลของผม ...
-
1:27 - 1:29คริส: โอ้ โอเค ผมเห็นได้ว่านั่นอาจจะ --
-
1:29 - 1:32จิม: ... ซึ่งมันต่างจากความคิดของ
นายพลเทเลอร์ -
1:32 - 1:34แต่สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครยอมพูดอะไร
-
1:34 - 1:38แต่หลังจากนั้น ผมอายุ 29 ในตอนนั้น
และก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาหาผม -
1:38 - 1:41และพูดว่า เขาเป็นนักข่าว
จากนิตยสารนิวส์วีค -
1:41 - 1:46และเขาอยากจะสัมภาษณ์ผม
และถามว่าผมทำอย่างไรกับความคิดของผม -
1:46 - 1:50และผมบอกเขาไปว่า "ส่วนใหญ่ผมกำลัง
ทำงานด้านคณิตศาสตร์ตอนนี้ -
1:50 - 1:53และเมื่อสงครามจบ
จากนั้นผมจะทำงานส่วนใหญ่ให้พวกเขา" -
1:54 - 1:57จากนั้น ผมทำแต่เรื่องต้องใช้สมอง
ที่ผมควรจะทำในตอนนั้น -- -
1:57 - 2:01ผมบอกเจ้านายที่ผมอยู่ในสังกัด
ว่าผมให้สัมภาษณ์ -
2:01 - 2:03เขาถามว่า "คุณพูดว่าอะไร"
-
2:03 - 2:04ผมก็บอกเขาไปว่าผมพูดอะไร
-
2:04 - 2:06จากนั้น เขาบอกว่า "ผมต้องโทรหาเทเลอร์"
-
2:06 - 2:09เขาโทรหาเทเลอร์ ใช้เวลา 10 นาที
-
2:09 - 2:11ผมถูกไล่ออกห้านาทีหลังจากนั้น
-
2:12 - 2:13คริส: โอเค
-
2:13 - 2:14จิม: แต่มันก็ไม่เลว
-
2:14 - 2:17คริส: ก็ไม่เลวเลย
เพราะว่าคุณได้ไปที่สโตนี่ บรู๊ค -
2:17 - 2:20และรับงานเป็นนักคณิตศาสตร์
-
2:20 - 2:22คุณเริ่มทำงานกับผู้ชายคนนี้
-
2:22 - 2:23เขาเป็นใครครับ
-
2:24 - 2:26จิม: โอ้ [ชิยิง-เชน] เฉิน
-
2:26 - 2:29เฉินเป็นนักคณิตศาสตร์ที่เจ๋งที่สุดในศตวรรษนี้
-
2:29 - 2:34และผมรู้จักเขา
ตอนผมเป็นนักเรียนระดับปริญญาที่เบิร์กลีย์ -
2:34 - 2:36และผมก็มีความคิดบางอย่าง
-
2:36 - 2:39และไปนำไปเสนอเขา
และเขาก็ชอบพวกมัน -
2:39 - 2:45เราทำงานนี้ด้วยกัน ซึ่งคุณคงเห็นได้
-
2:45 - 2:46นั่นแหละครับ
-
2:47 - 2:51คริส: มันนำคุณไปสู่การตีพิมพ์
ผลงานชื่อดังร่วมกัน -
2:51 - 2:54คุณอธิบายให้เราเข้าใจได้ไหมครับ
ว่ามันเป็นงานเกี่ยวกับอะไร -
2:55 - 2:56จิม: ไม่ได้ครับ
-
2:56 - 2:58(เสียงหัวเราะ)
-
2:59 - 3:01จิม: ผมหมายถึง
ผมคงอธิบายให้บางคนเข้าใจได้ -
3:01 - 3:03(เสียงหัวเราะ)
-
3:03 - 3:05คริส: แล้วถ้าอธิบายอันนี้ล่ะครับ
-
3:05 - 3:08จิม: คงได้กับไม่กี่คนหรอกครับ ไม่มากหรอก
-
3:09 - 3:12คริส: ผมคิดว่าคุณบอกผมว่า
มันมีอะไรเกี่ยวกับทรงกลม -
3:12 - 3:14ลองเริ่มจากตรงนั้นไหมครับ
-
3:14 - 3:17จิม: ครับ มันเกี่ยวครับ
แต่ผมขอพูดเกี่ยวกับงานนั้น -- -
3:17 - 3:21มันเกี่ยวข้องกันนะครับ
แต่ก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องนั้น -- -
3:21 - 3:24งานนั้นมันเป็นคณิตศาสตร์ชั้นดี
-
3:24 - 3:27ผมรู้สึกชอบมันมาก เฉินก็เช่นกัน
-
3:28 - 3:32มันเป็นจุดเริ่มต้นของสาขาย่อยเล็กๆ
ที่ตอนนี้กำลังเติบโต -
3:33 - 3:38แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น
มันสามารถนำไปใช้กับฟิสิกส์ได้ -
3:38 - 3:42ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่รู้จักมันเลย --
อย่างน้อยผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟิสิกส์ -
3:42 - 3:45และผมไม่คิดว่าเฉินก็ไม่ได้รู้มาก
-
3:45 - 3:49และประมาณ 10 ปีหลังจากงานตีพิมพ์ออกมา
-
3:49 - 3:53ชายที่ชื่อว่า เอ็ด วิทเทน ในพรินสตัน
เริ่มที่จะใช้มันกับทฤษฎีสตริง -
3:53 - 3:58และคนในรัสเซียก็เริ่มจะใช้มัน
กับสิ่งที่เรียกว่า "สสารควบแน่น" -
3:58 - 4:03ทุกวันนี้ สิ่งเหล่านั้นที่ถูกเรียกว่า
ค่าคงที่ เฉิน-ไซมอนส์ -
4:03 - 4:05ได้กระจายออกมาทั่วทั้งวงการฟิสิกส์
-
4:05 - 4:06และมันก็น่าทึ่ง
-
4:06 - 4:07เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับฟิสิกส์
-
4:08 - 4:11มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผม
ที่จะรู้สึกว่ามันน่าจะใช้กับฟิสิกส์ได้ -
4:11 - 4:14แต่นั่นแหละคณิตศาสตร์ --
คุณไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น -
4:14 - 4:16คริส: มันเหลือเชื่อมากเลยครับ
-
4:16 - 4:20ฉะนั้น เรากำลังพูดถึงเรื่องการวิวัฒนาการ
ของความคิดมนุษย์ -
4:20 - 4:23ที่อาจ หรืออาจจะไม่สัมผัสกับความจริง
-
4:23 - 4:26อย่างไรก็ดี คุณคิดทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ได้
-
4:26 - 4:28โดยไม่รู้เรื่องฟิสิกส์
-
4:28 - 4:31แล้วค้นพบในอีกสองทศวรรษต่อมา
ว่ามันถูกนำไปปรับใช้ได้ -
4:31 - 4:34เพื่ออธิบายโลกทางฟิสิกส์อย่างลึกซึ้ง
-
4:34 - 4:35มันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ
-
4:35 - 4:36จิม: พระเจ้าคงทราบครับ
-
4:36 - 4:38(เสียงหัวเราะ)
-
4:39 - 4:42แต่มีนักฟิสิกส์ชื่อดังชื่อว่า [ยูจีน] วิกเนอร์
-
4:42 - 4:48และเขาเขียนบทความเกี่ยวกับ
ประสิทธิภาพที่ไม่สมเหตุสมผลของคณิตศาสตร์ -
4:48 - 4:52อย่างไรก็ดี คณิตศาสตร์นี้
ซึ่งหยั่งรากในโลกแห่งความจริง -
4:52 - 4:57ในบางแง่มุม -- เราเรียนรู้ที่จะนับ จะวัด
ทุกๆ คนก็ทำกัน -- -
4:57 - 4:58และจากนั้นมันก็เติบโตด้วยตัวของมัน
-
4:59 - 5:02แต่บ่อยครั้ง
มันก็ย้อนกลับมาเพื่อกู้วิกฤติ -
5:02 - 5:04ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปเป็นตัวอย่างหนึ่ง
-
5:04 - 5:08[เฮอร์มัน] มินคอฟฟสกี มีเรขาคณิตนี้
และไอสไตน์ก็ตระหนักว่า -
5:08 - 5:11"เฮ้ย นี่มันใช่เลย
ที่ฉันจะใช้คำนวณสัมพันธภาพทั่วไป" -
5:12 - 5:15ฉะนั้น คุณไม่อาจรู้เลย มันเป็นปริศนา
-
5:15 - 5:16มันคือปริศนา
-
5:16 - 5:20คริส: งั้น นี่คืองานทางคณิตศาสตร์แห่งความคงที่
-
5:20 - 5:21เล่าให้เราฟังหน่อยครับ
-
5:21 - 5:27จิม: ครับ นั่นกระดิ่ง -- มันเป็นทรงกลม
และมันก็มีโครงระแนงรอบๆ -- -
5:27 - 5:29พวกตารางเหล่านั้น
-
5:31 - 5:36ที่ผมกำลังจะแสดงให้เห็นตอนนี้
ถูกสำรวจไว้แต่แรกโดย [เลโอนาร์ด] ยูเลอร์ -
5:36 - 5:38นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ในยุค 1700
-
5:38 - 5:43และมันก็ค่อยๆ เติบโต
เป็นสาขาในวิชาคณิตศาสตร์ที่สำคัญมากๆ -
5:43 - 5:46โทโพโลยีเชิงพีชคณิต, เรขาคณิต
-
5:47 - 5:51เอกสารตรงนั้นมีที่มาจากสิ่งนี้
-
5:51 - 5:53ฉะนั้น มันเป็นอย่างนี้ครับ
-
5:53 - 5:58มันมีแปดจุดยอด
12 ขอบ, หกหน้า -
5:58 - 6:02และถ้าคุณมองมันแบบต่าง --
จุดยอดหักออกด้วยขอบบวกด้วยหน้า -- -
6:02 - 6:03คุณจะได้สอง
-
6:03 - 6:05โอเค ดี สอง นั่นเป็นเลขที่ดี
-
6:05 - 6:09นี่คือวิธีการที่แตกต่างในการทำ --
นี่คือส่วนที่เป็นสามเหลี่ยมที่คลุมอยู่ -
6:09 - 6:14ที่มี 12 จุดยอด และ 30 มุม
-
6:14 - 6:18และ 20 หน้า, 20 ช่อง
-
6:19 - 6:23จุดยอดหักออกด้วยขอบบวกด้วยหน้า
ก็ยังคงเท่ากับสอง -
6:23 - 6:26อันที่จริง คุณสามารถทำแบบนี้
แบบไหนก็ได้ -- -
6:26 - 6:29คลุมสิ่งนี้ด้วยโพลีกอนและสามเหลี่ยม
แบบใดๆ ก็ตาม -
6:29 - 6:31และผสมมันเข้าด้วยกัน
-
6:31 - 6:34และคุณเอาจุดยอดลบด้วยขอบ
บวกด้วยหน้า -- คุณจะได้สอง -
6:34 - 6:36นี่คือรูปที่ต่างกัน
-
6:36 - 6:42นี่คือทรงห่วงยาง หรือพื้นผิวของโดนัท
16 จุดยอด -
6:42 - 6:46ถูกปกคลุมโดยสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหล่านี้
32 มุม 16 หน้า -
6:47 - 6:49จุดยอดหักออกด้วยขอบได้คำตอบเป็นศูนย์
-
6:49 - 6:51มันออกมาเป็นศูนย์เสมอ
-
6:51 - 6:55ทุกครั้งทีคุณปกคลุมทรงห่วงยาง
ด้วยสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม -
6:55 - 6:59หรืออะไรแนวนั้น
คุณจะได้ศูนย์ -
7:01 - 7:03ฉะนั้นมันจึงถูกเรียกว่า
ลักษณะ ยูเลอร์ -
7:03 - 7:06และมันเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า
ค่าคงที่โทโพโลจี -
7:07 - 7:08มันน่าอัศจรรย์ไม่น้อย
-
7:08 - 7:11ไม่ว่าคุณจะทำอย่างไรกับมัน
คุณจะได้ตำคอบเดิมเสมอ -
7:11 - 7:17ฉะนั้น นั่นเป็นแหล่งแรกของผลักดัน
จากกลางยุค 1700 -
7:17 - 7:21เข้าไปในเรื่องซึ่งตอนนี้เรียกว่า
โทโพโลจีเชิงเรขาคณิต -
7:21 - 7:24คริส: และงานของคุณใช้แนวคิดแบบนี้
และขับเคลื่อนมัน -
7:24 - 7:26เข้าไปยังทฤษฎีที่มีมิติมากกว่านั้น
-
7:26 - 7:30วัสดุที่มีมิติมาก และค้นพบค่าคงที่ใหม่
-
7:30 - 7:34จิม: ครับ มันมีค่าคงที่มิติมากอยู่แล้ว
-
7:34 - 7:39คลาส พอนทริอจิน (Pontryagin) --
อันที่จริงมันมีคลาส เฉิน -
7:39 - 7:42มันมีสาขาของชนิดค่าคงที่เหล่านี้
-
7:42 - 7:46ผมพยายามที่จะทำงานกับหนึ่งในนั้น
-
7:46 - 7:51และการจำลองมันค่อนข้างจะเกี่ยวกับการจัดการ
-
7:51 - 7:54แทนที่จะเป็นในวิธีแบบที่เราทำกันทั่วไป
-
7:54 - 7:58และนั่นก็นำไปสู่งานนี้
และเราก็ได้เปิดเผยสิ่งใหม่บางอย่าง -
7:58 - 8:02แต่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะ คุณ ยูเลอร์ --
-
8:02 - 8:06ผู้เขียนงานทางคณิตศาสตร์ไว้ถึง 70 ฉบับ
-
8:06 - 8:07และมีลูกๆ 13 คน
-
8:07 - 8:14ที่คงนั่งโยกขึ้นลงบนตักของเขา
ขณะที่เขาเขียนสิ่งเหล่านี้ -- -
8:14 - 8:20ถ้ามันไม่ใช่เพราะคุณ ยูเลอร์
มันก็คงจะไม่มีค่าคงที่พวกนี้ -
8:20 - 8:24คริส: ครับ ฉะนั้น อย่างน้อย
นั่นก็ทำให้เราได้ผู้ที่มีความคิดเป็นเลิศ -
8:25 - 8:26มาพูดถึงการฟื้นฟูใหม่กันดีกว่า
-
8:26 - 8:32เพราะว่าคุณเอาคิดที่เป็นเลิศ
และเคยเป็นคนถอดรหัสที่เอ็นเอสเอ -
8:32 - 8:35คุณเริ่มที่จะกลายเป็นคนถอดรหัส
ในอุตสาหกรรมการเงิน -
8:36 - 8:38ผมคิดว่าคุณอาจไม่เชื่อ
ทฤษฎีที่มีประสิทธิภาพทางการตลาด -
8:38 - 8:45อย่างไรก็ดี คุณพบหนทางที่จะสร้างเงินได้
ที่น่าทึ่งในรอบสองทศวรรษ -
8:45 - 8:46ผมได้รับทราบมาว่า
-
8:46 - 8:50สิ่งน่าทึ่งที่คุณได้ทำ ไม่ใช่เพียงแค่
ขนาดของผลตอบแทนทางการเงิน -
8:50 - 8:54แต่เป็นการที่คุณได้พวกมันมา
ด้วยความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่น้อยเหลือเชื่อ -
8:54 - 8:56เมื่อเทียบกับ
อุตสาหกรรมกองทุนบริหารความเสี่ยงอื่นๆ -
8:56 - 8:58คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไรครับ
-
8:58 - 9:02จิม: ผมทำมันโดยการรวมเข้ากลุ่มคนที่ยอดเยี่ยม
-
9:02 - 9:06และผมก็เริ่มทำการค้า
ผมเริ่มเบื่อคณิตศาสตร์นิดหน่อย -
9:06 - 9:10ผมอยู่ในวัย 30 ปลายๆ
มีเงินไม่มาก -
9:10 - 9:13ผมเริ่มทำการค้า และมันก็ไปได้สวยมาก
-
9:13 - 9:16ผมทำเงินได้ค่อนข้างมากเพราะโชคช่วย
-
9:16 - 9:18คือผมหมายถึง ผมคิดว่ามันมาจากโชคล้วนๆ
-
9:18 - 9:20มันไม่ใช่เพราะแบบจำลองทางคณิตศาสตร์
-
9:20 - 9:23แต่เมื่อมองดูข้อมูลสักพัก ผมก็รู้ว่า
-
9:24 - 9:26มันดูเหมือนมีโครงสร้างบางอย่างตรงนั้น
-
9:26 - 9:30และผมก็จ้างนักคณิตศาสตร์จำนวนหนึ่ง
และเริ่มสร้างแบบจำลอง -- -
9:30 - 9:34เป็นอะไรบางอย่างที่เราทำ
ตอนอยู่ที่ ไอดีเอ [สถาบันวิเคราะห์ความมั่นคง] -
9:34 - 9:37คุณออกแบบอัลกอริธึม
คุณทดสอบมันในคอมพิวเตอร์ -
9:37 - 9:39มันได้ผมไหม หรือมันไม่ได้ผล อะไรแบบนั้น
-
9:39 - 9:41คริส: ขอผมดูได้ไหมครับ
-
9:41 - 9:45เพราะว่านี่เป็นกราฟทั่วๆ ไปของโภคภัณฑ์
-
9:46 - 9:51ผมมองดูแล้วผมก็บอกว่า
"นั่นมันก็แค่ขึ้นๆ ลงๆ แบบสุ่ม -- -
9:51 - 9:53บางทีแนวโน้มขึ้นนิดหน่อย
ตลอดช่วงเวลา" -
9:53 - 9:56เป็นไปได้อย่างไรที่คุณมองที่สิ่งนั้น
-
9:56 - 9:58และเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ได้เป็นแค่อะไรอย่างสุ่ม
-
9:58 - 10:01จิม: ในอดีต -- มันคือ
กราฟในแบบเก่าๆ -
10:01 - 10:05โภคภัณฑ์ หรือการแลกเปลี่ยนค่าเงิน
มีแนวโน้มทิศทาง -
10:06 - 10:12ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแนวโน้มที่อ่อนมาก
ที่คุณเห็นตรงนี้ แต่อาจเป็นแนวโน้มในช่วง -
10:12 - 10:16และถ้าคุณคิด โอเค
ผมกำลังจะคาดเดาวันนี้ -
10:16 - 10:21โดยความเคลื่อนไหวเฉลี่ยใน 20 วันที่ผ่านมา --
-
10:21 - 10:24บางที นั่นอาจเป็นการคาดเดาที่ดี
-
10:24 - 10:29และอันที่จริง หลายปีก่อน
ระบบที่ว่านี้น่าจะได้ผล -- -
10:29 - 10:32ไม่ค่อยดีนัก แต่น่าจะได้ผล
-
10:32 - 10:34คุณอาจทำเงิน คุณอาจเสียเงิน
คุณอาจได้เงิน -
10:34 - 10:37แต่มันมีค่าเทียบเท่ากับทั้งปี
-
10:37 - 10:41และคุณอาจทำเงินได้นิดหน่อยระหว่างช่วงนั้น
-
10:42 - 10:44มันเป็นระบบที่เก่ามาก
-
10:45 - 10:48คริส: ฉะนั้น คุณอาจะทดสอบหลายๆ แนวโน้ม
-
10:48 - 10:51และดูว่า ยกตัวอย่างเช่น
-
10:51 - 10:54แนวโน้ม 10 วัน หรือ 15 วัน
ใช้คาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปได้หรือไม่ -
10:54 - 11:01จิม: แน่นอน คุณอาจลองทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้น
และดูว่าอะไรที่ใช้การได้ดีที่สุด -
11:02 - 11:05สิ่งที่เป็นไปตามแนวโน้มอาจดีในยุค 60
-
11:05 - 11:07และมันก็แบบว่าใช้ได้ในยุค 70
-
11:07 - 11:09แต่พอถึงยุค 80 มันก็ไม่ได้เรื่อง
-
11:09 - 11:12คริส: เพราะว่าใครๆ ก็คงเห็นมัน
-
11:12 - 11:15แล้ว คุณนำหน้าคนอื่นๆ ได้อย่างไรครับ
-
11:15 - 11:21จิม: พวกเราล้ำหน้าคนอื่นๆ
โดยหาวิธีอื่น -- -
11:21 - 11:24วิธีระยะสั้นกว่า ในบางแง่มุม
-
11:25 - 11:28จริงๆ ก็คือการรวบรวม เอาข้อมูลปริมาณมาก
-
11:28 - 11:32และเราต้องจัดการมันด้วยมือในอดีต
-
11:32 - 11:36พวกเราไปยังแหล่งสำรองกลาง และคัดลอก
ค่าการแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์ -
11:36 - 11:39และอะไรพวกนั้น
เพราะว่ามันไม่ปรากฏในคอมพิวเตอร์ -
11:39 - 11:41พวกเราได้ข้อมูลมากมาย
-
11:41 - 11:45และคนที่ฉลาดมากๆ -- นั่นคือกุญแจสำคัญ
-
11:45 - 11:49ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะจ้างคนมาทำการค้าพื้นฐาน
ได้อย่างไร -
11:50 - 11:53ผมเคยจ้างมาบ้าง -- บางคนก็ทำเงิน
บางคนก็ไม่ทำเงิน -
11:53 - 11:55ผมไม่ได้สร้างธุรกิจจากสิ่งนั้น
-
11:55 - 11:57แต่ผมรู้ว่าจะจ้างนักวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร
-
11:57 - 12:00เพราะว่า ผมมีประสบการณ์ในภาคส่วนนั้น
-
12:00 - 12:02ฉะนั้น นั่นคือสิ่งที่เราทำ
-
12:02 - 12:05และแบบจำลองเหล่านี้ก็ดีขึ้น และดีขึ้น
อย่างช้าๆ -
12:05 - 12:07และดียิ่งๆ ขึ้น
-
12:07 - 12:10คริส: คุณได้รับการกล่าวอ้างว่า
ได้ทำสิ่งที่สำคัญในยุคการฟื้นฟู -
12:10 - 12:12ซึ่งคือการสร้างวัฒนธรรมนี้
สร้างคนกลุ่มนี้ -
12:12 - 12:16ผู้ซึ่งไม่ได้เป็นแค่มือปืนรับจ้าง
ที่ใช้เงินหลอกล่อให้ทำงานได้ -
12:16 - 12:20ความมุ่งมั่นของพวกเขา
คือการได้ทำงานกับคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ -
12:20 - 12:22จิม: เราหวังว่ามันควรจะจริง
-
12:22 - 12:26แต่บางส่วนของมันก็คือเงิน
-
12:26 - 12:27คริส: พวกเขาจะทำเงินมาก
-
12:27 - 12:30จิม: ผมไม่อาจบอกได้ว่า ไม่มีใครมาที่นี่
เพราะว่าเงิน -
12:30 - 12:32ผมคิดว่าหลายๆ คนมาก็เพราะเงิน
-
12:32 - 12:34แต่พวกเขายังมา
เพราะว่ามันน่าจะสนุก -
12:34 - 12:37คริส: การเรียนรู้ของเครื่องคอมพิวเตอร์
มีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไรครับ -
12:37 - 12:40จิม: ในบางแง่มุม
สิ่งที่เราทำคือการเรียนรู้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ -
12:41 - 12:47คุณมองที่ข้อมูลมากมาย และพยายามกระตุ้น
รูปแบบที่คาดเดาได้ต่างๆ -
12:47 - 12:49จนกระทั่งคุณทำได้ดีขึ้น และดีขึ้น
-
12:49 - 12:53มันไม่จำเป็นที่มันจะต้องสนองตอบต่อตัวเอง
ในแบบที่เราทำ -
12:53 - 12:56แต่มันก็ได้ผล
-
12:56 - 13:00คริส: รูปแบบที่คาดเดาได้ต่างๆ เหล่านี้
อาจแปลกประหลาด และเหนือการคาดเดา -
13:00 - 13:02ผมหมายถึง คุณดูที่ทุกอย่าง ใช่ไหมครับ
-
13:02 - 13:05คุณดูสภาพดินฟ้าอากาศ
ความยาวของกระโปรง ความคิดเห็นทางการเมือง -
13:06 - 13:08จิม: ครับ ความยาวของกระโปรง เราไม่ได้ลอง
-
13:08 - 13:10คริส: แล้วอะไรครับ
-
13:10 - 13:12จิม: ก็ทุกอย่างล่ะครับ
-
13:12 - 13:15ทุกอย่างที่วิเคราะห์ย่อยลงไปได้ --
ยกเว้นความยาวชายผ้า -
13:17 - 13:19อากาศ, รายงานประจำปี
-
13:19 - 13:24รายงานไตรมาส, ประวัติของตัวข้อมูลเอง,
ปริมาณ ว่ามาได้เลย -
13:24 - 13:25อะไรก็ตามที่มี
-
13:25 - 13:28พวกเรานำข้อมูลหลายเทระไบต์เข้ามาทุกวัน
-
13:28 - 13:32และเก็บมันและส่งมัน
และทำให้มันพร้อมสำหรับการวิเคราะห์ -
13:33 - 13:35คุณมองหาความผิดปกติ
-
13:35 - 13:38คุณกำลังมองหา -- อย่างที่คุณบอก
-
13:38 - 13:40สมมติฐานตลาดที่มีประสิทธิภาพ
มันไม่ถูกต้อง -
13:40 - 13:44คริส: แต่ความผิดปกติใดๆ
อาจเป็นแค่สิ่งบังเอิญ -
13:44 - 13:47แล้ว ความลับคือแค่มองที่ความผิดปกติต่างๆ
หลายๆ อย่าง -
13:47 - 13:49และดูว่าเมื่อไรที่มันอยู่ในแนวเดียวกันใช่ไหมครับ
-
13:49 - 13:52จิม: ความผิดปกติใดๆ
อาจเป็นเรื่องอย่างสุ่ม -
13:52 - 13:56อย่างไรก็ดี ถ้าคุณมีข้อมูลเพียงพอ
คุณสามารถบอกว่ามันไม่ใช่ -
13:56 - 14:00คุณสามารถเห็นความผิดปกติที่ยังคงอยู่
เป็นเวลานานอย่างมีนัยสำคัญ -
14:01 - 14:05ความน่าจะเป็นของมันที่เป็นอย่างสุ่ม
ไม่ได้สูง -
14:06 - 14:10แต่สิ่งเหล่านี้จางหายไปหลังจากช่วงหนึ่ง
ความผิดปกติอาจถูกทำให้หายไป -
14:10 - 14:13ฉะนั้น คุณจะต้องเป็นผู้นำของธุรกิจ
-
14:13 - 14:16คริส: หลายคนตอนนี้มองที่
อุตสาหกรรมกองทุนบริหารความเสี่ยง -
14:16 - 14:20แล้วก็แบบว่า ... ตะลึงไปเลย
-
14:20 - 14:22ที่ว่ามันสร้างความมั่งคั่งมากมายเหลือเกิน
-
14:22 - 14:24และมีคนเก่งๆ มากมายไปยังที่นั่น
-
14:26 - 14:30คุณกังวลบ้างไหมครับ
เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนั่น -
14:30 - 14:32แล้วก็อุตสาหกรรมการเงินในแบบทั่วไป
-
14:32 - 14:35แบบว่าเหมือนอยู่บนรถไฟที่วิ่งหนีออกไป ที่ --
-
14:35 - 14:39ผมไม่รู้สิครับ --
ที่ช่วยเพิ่มความไม่เท่าเทียมกันหรือเปล่าครับ -
14:39 - 14:43คุณจะเอาชนะมันอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในอุตสาหกรรมกองทุนบริหารความเสี่ยง -
14:43 - 14:45จิม: ผมคิดว่าในสามหรือสี่ปีที่ผ่านมา
-
14:45 - 14:47กองทุนบริหารความเสี่ยงไม่ได้เป็นไปอย่างดี
-
14:47 - 14:49เราทำได้อย่างยอมเยี่ยมเลยล่ะ
-
14:49 - 14:53แต่อุตสาหกรรมกองทุนบริหารความเสี่ยง
ในภาพรวม ไม่ได้เป็นไปอย่างสวยงาม -
14:53 - 14:58ตลาดหลักทรัพย์ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
อยู่ในขาขึ้นอย่างที่ทุกคนทราบ -
14:58 - 15:01และอัตราส่วนผลตอบแทนทางด้านราคาก็เติบโต
-
15:01 - 15:04ฉะนั้นความมั่งคั่งมากมายที่ถูกสร้างขึ้นใน --
-
15:04 - 15:08เอาเป็นว่า ห้าหรือหกปีให้หลัง --
ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยกองทุนบริหารความเสี่ยง -
15:08 - 15:12คนอาจถามผมว่า
"กองทุนบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างไร" -
15:12 - 15:14ผมจะบอกว่า "หนึ่ง และ 20 "
-
15:14 - 15:18ซึ่งหมายถึง -- ตอนนี้มันสอง และ 20 --
-
15:18 - 15:21ค่าธรรมเนียมคงที่สองเปอร์เซ็นต์
และกำไร 20 เปอร์เซ็นต์ -
15:21 - 15:23กองทุนบริหารความเสี่ยงเป็นอะไรที่ต่างออกไป
-
15:23 - 15:27คริส: ว่ากันว่า คุณเก็บค่าธรรมเนียม
ให้สูงขึ้นกว่านั้นอีกนิด -
15:27 - 15:30จิม: เราเก็บค่าธรรมเนียม
ที่สูงที่สุดในโลกครั้งหนึ่ง -
15:30 - 15:34ห้า และ 44 นั่นคือสิ่งที่เราเก็บ
-
15:34 - 15:35คริส: ห้า และ 44
-
15:35 - 15:38งั้นก็ คงที่ห้าเปอร์เซ็นต์
และส่วนเพิ่ม 44 เปอร์เซ็นต์ -
15:38 - 15:41คุณยังเงินทำให้ผู้ลงทุนของคุณ
อย่างมากมายน่าทึ่ง -
15:41 - 15:43จิม: เราได้ผลตอบแทนกับมาดี ใช่ครับ
-
15:43 - 15:46หลายคนหัวเสียเอามากๆ:
"คุณเก็บค่าธรรมเนียมซะสูงได้อย่างไร" -
15:46 - 15:47ผมบอกว่า "โอเค คุณถอนออกไปก็ได้นะ"
-
15:47 - 15:50แต่ "ผมจะได้มากกว่านี้ได้อย่างไรล่ะ"
นั่นแหละที่คนเป็น -- -
15:50 - 15:52(เสียงหัวเราะ)
-
15:52 - 15:54ณ จุดหนึ่ง อย่างที่ผมคิดว่าผมบอกคุณ
-
15:54 - 15:59เราซื้อจากนักลงทุนทั้งหมด
เพราะมันมีกำลังผลิตสำหรับกองทุน -
15:59 - 16:02คริส: แต่เราควรกังวลไหมเกี่ยวกับ
อุตสาหกรรมกองทุนบริหารความเสี่ยง -
16:02 - 16:08ที่จะดึงนักคณิตศาสตร์เยี่ยมๆ
และผู้มีพรสวรรค์อื่นๆของโลก มากเกินไป -
16:08 - 16:11เพื่อให้ทำงานกับสิ่งนั้น
แทนที่จะไปแก้ปัญหาอื่นๆ ในโลก -
16:11 - 16:13จิม: ครับ มันไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์
-
16:13 - 16:15เราจ้างนักบินอวกาศ และนักฟิสิกส์
และอะไรแนวนั้น -
16:16 - 16:18ผมไม่คิดว่าเราจะต้องกังวลเกี่ยวกับมันมากนัก
-
16:18 - 16:21มันยังคงเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
-
16:21 - 16:27และอันที่จริง การนำวิทยาศาสตร์
มาสู่โลกแห่งการลงทุน -
16:27 - 16:30ได้พัฒนาโลกดังกล่าว
-
16:30 - 16:34มันลดความไม่แน่นอน
มันเพิ่มสภาพคล่อง -
16:34 - 16:37การกระจายตัวนั้นแคบลง
เพราะว่าคนค้าอะไรแนวๆ นั้น -
16:37 - 16:42ฉะนั้น ผมไม่กังวลเท่าไร ถ้าไอสไตน์
ลุกขึ้นมาและเริ่มตั้งกองทุนบริหารความเสี่ยง -
16:42 - 16:47คริส: ตอนนี้ คุณอยู่ในช่วงหนึ่งในชีวิตของคุณ
ที่คุณจะลงทุนจริงๆ -
16:47 - 16:50แม้ว่า สุดท้ายที่ปลายห่วงโซ่อุปทาน --
-
16:50 - 16:55ที่จริงคุณกำลังเร่งคณิตศาสตร์ไปทั่วอเมริกา
-
16:55 - 16:56นี่คือภรรยาของคุณ มาริลิน
-
16:56 - 17:01คุณกำลังทำงานเกี่ยวกับการกุศลด้วยกัน
-
17:01 - 17:02เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ
-
17:02 - 17:06จิม: ครับ มาริลิน ก่อตั้ง --
-
17:06 - 17:10นั่นครับ เธออยู่ตรงนั้น
ภรรยาคนสวยของผม -- -
17:10 - 17:13เธอก่อตั้งมูลนิธิมาเกือบ 20 ปีแล้ว
-
17:13 - 17:14ผมคิดว่าตั้งแต่ยุคปี 94
-
17:14 - 17:16ผมบอกว่า 93 แต่เธอบอกว่ามันเป็น 94
-
17:16 - 17:18แต่มันก็สักปีในสองปีนั้นแหละครับ
-
17:18 - 17:21(เสียงหัวเราะ)
-
17:21 - 17:27เราก่อตั้งมูลนิธิ
เป็นวิธีง่ายๆ ที่เราจะได้ทำการกุศล -
17:28 - 17:31เราเก็บหนังสือ และทำสิ่งอื่นๆ
-
17:31 - 17:38เราไม่ได้มีวิสัยทัศน์ในเวลานั้น
แต่วิสัยทัศน์ก็ค่อยๆ เกิดขึ้นมา -- -
17:38 - 17:43ซึ่งคือการจะมุ่งความสนใจ
ไปยังคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ -
17:44 - 17:46และนั่นคือสิ่งที่เราทำ
-
17:46 - 17:53ราวๆ หกปีก่อน ผมออกจากยุคเรืองอำนาจ
และผมไปทำงานที่มูลนิธิ -
17:53 - 17:54และนั่นคือสิ่งที่เราทำ
-
17:54 - 17:57คริส: และคณิตศาสตร์สำหรับอเมริกา
โดยหลักแล้วก็คือ -
17:57 - 18:00การลงทุนกับครูคณิตศาสตร์ทั่วทั้งประเทศ
-
18:00 - 18:04จัดให้พวกเขามีรายได้เพิ่ม
ให้การสนับสนุนพวกเขา และให้การอบรม -
18:04 - 18:07และได้พยายามจริงๆ
ที่จะทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น -
18:07 - 18:09และทำให้มันเป็นการเรียกร้อง
ที่บรรดาครูต่างปรารถนาให้มีขึ้น -
18:09 - 18:14จิม: ครับ -- แทนที่จะหวดครูแย่ๆ
-
18:14 - 18:19ซึ่งก่อปัญหาทางจรรยาบรรณ
ให้กับทั้งวงการการศึกษา -
18:19 - 18:22โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กับคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ -
18:22 - 18:28เรามุ่งไปที่การเฉลิมฉลองให้กับคนดี
และให้การยกย่องพวกเขา -
18:28 - 18:31ครับ พวกเราให้เงินเพิ่มเติมกับพวกเขา
15,000 ดอลล่าร์ต่อปี -
18:31 - 18:35เรามีครูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 800 คน
ในมหานครนิวยอร์ค ในโรงเรียนรัฐทุกๆ วันนี้ -
18:35 - 18:37เป็นแกนหลัก
-
18:37 - 18:41พวกเขามีจรรยาบรรณที่ดี
-
18:41 - 18:43พวกเขาคงอยู่ในวงการนี้
-
18:43 - 18:46ปีถัดไป มันจะกลายเป็น 1,000 คน
และนั่นจะเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ -
18:46 - 18:50ของครูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ในโรงเรียนรัฐใน [นคร] นิวยอร์ก -
18:50 - 18:56(เสียงปรบมือ)
-
18:56 - 18:59คริส: จิม นี่คืออีกโครงการหนึ่ง
ที่คุณให้การสนับสนุนในเชิงการกุศล: -
18:59 - 19:02การทำวิจัยในเรื่องต้นกำเนิดชีวิต
ผมเดาว่าอย่างนั้น -
19:02 - 19:03ที่เรากำลังมองอยู่นี่คืออะไรครับ
-
19:04 - 19:05จิม: ผมจะเก็บไว้สักครู่
-
19:05 - 19:08และจากนั้นผมจะบอกคุณ
ว่าคุณกำลังมองอะไรอยู่ -
19:08 - 19:11กำเนิดชีวิตเป็นคำถามที่น่าสนใจ
-
19:11 - 19:12เรามาถึงที่นี่ได้อย่างไร
-
19:13 - 19:15ครับ มันมีสองคำถาม
-
19:15 - 19:21อย่างแรกคือ ทางนั้นคืออะไร
จากธรณีวิทยา ถึง ชีววิทยา -- -
19:21 - 19:22พวกเรามาถึงนี่ได้อย่างไร
-
19:22 - 19:25และอีกคำถามคือ
เราเริ่มต้นด้วยอะไร -
19:25 - 19:28วัสดุสารอะไร ถ้ามันจะมี
เราจะต้องทำตามหนทางนี้หรือ -
19:28 - 19:31นั่นคือสองคำถามที่น่าสนใจอย่างมาก
-
19:32 - 19:38คำถามแรกคือทางที่ซับซ้อน
จากธรณีวิทยาไปจนถึงอาร์เอ็นเอ -
19:38 - 19:40หรืออะไรบางอย่างเช่น --
พวกมันได้ทำงานได้อย่างไร -
19:40 - 19:42และสิ่งอื่นๆ
เราต้องลงมือทำงานกับอะไร -
19:42 - 19:44ครับ มันมากกว่าที่เราคิด
-
19:44 - 19:49ภาพตรงนี้ คือดาวที่กำลังถูกสร้างขึ้น
-
19:50 - 19:53ตอนนี้ ทุกๆ ปี ในทางช้างเผือกของเรา
ซึ่งมีดาวแสนล้านดวง -
19:53 - 19:56ดาวใหม่ประมาณสองดวงถูกสร้างขึ้น
-
19:56 - 19:58อย่าถามผมว่ามันถูกสร้างอย่างไร
แต่พวกมันถูกสร้างขึ้น -
19:58 - 20:01และมันใช้เวลาประมาณล้านปี
เพื่อให้เข้าที่ -
20:02 - 20:04ฉะนั้น ในระยะที่คงที่
-
20:04 - 20:08มีดาวประมาณสองล้านดวง
ที่ถูกสร้างขึ้นได้ตลอดเวลา -
20:08 - 20:12นั่นเป็นสักแห่งหนึ่ง
ในระยะที่จะเข้าที่ -
20:12 - 20:15และมันก็มีขยะเหล่านี้
วนเวียนอยู่รอบๆ -
20:15 - 20:17ฝุ่น และอะไรพวกนั้น
-
20:17 - 20:21และมันอาจจะก่อตัวเป็นระบบสุริยจักรวาล
หรืออะไรก็ตามแต่ -
20:21 - 20:23แต่ที่สำคัญก็คือ --
-
20:23 - 20:29ในฝุ่นเหล่านี้ที่วนเวียน
อยู่รอบๆ ดาวที่กำลังก่อกำเนิด -
20:29 - 20:35ถูกพบว่ามีโมเลกุลอินทรีย์อย่างมีนัยสำคัญ
-
20:36 - 20:42โมเลกุลไม่ใช่แค่ที่เหมือนมีเธน
แต่เป็นฟอร์มาดิไฮด์ และไซยาไนด์ -- -
20:42 - 20:49สิ่งที่เป็นโครงสร้างหลัก --
และเป็นต้นกำเนิดของชีวิต จะว่าอย่างนั้นก็ได้ -
20:49 - 20:52ฉะนั้น มันอาจเป็นอะไรที่คาดเดาได้
-
20:52 - 20:59และมันอาจะเป็นอะไรที่เดาได้
ว่าดาวเคราะห์ทั่วไปในจักรวาล -
20:59 - 21:03เริ่มต้นจากบางโครงสร้างหลากพื้นฐานเหล่านี้
-
21:04 - 21:07ทีนี้ นั่นมันหมายความว่า
มันจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ทั่วไปงั้นหรือ -
21:07 - 21:08ก็บางที
-
21:08 - 21:12แต่มันเป็นคำถามที่ว่าหนทางนี้
มันซับซ้อนแค่ไหน -
21:12 - 21:17จากพวกนั้น ที่เริ่มต้นบอบบาง
เมล็ดเหล่านั้น เรื่อยมาจนเป็นชีวิต -
21:17 - 21:22และเมล็ดส่วนใหญ่เหล่านี้
จะตกลงสู่โลกที่รกร้าง -
21:22 - 21:23คริส: ฉะนั้นสำหรับคุณ โดยส่วนตัวเลย
-
21:23 - 21:26การค้นหาคำตอบให้กับคำถามที่ว่า
เรามาจากไหน -
21:26 - 21:30สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เป็นอะไรบางอย่างที่คุณอยากจะได้เห็น -
21:30 - 21:31จิม: อยากจะเห็นมากครับ
-
21:31 - 21:33และอยากที่จะรู้ --
-
21:33 - 21:38ถ้าหากหนทางนั้นซับซ้อนเหลือเกิน
และแทบจะเป็นไปไม่ได้ -
21:38 - 21:43ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยอะไร
คุณก็อาจมีความโดดเด่นเป็นเอกภาพได้ -
21:43 - 21:44แต่ในอีกแง่หนึ่ง
-
21:45 - 21:48เทียบได้เสมือนธุลีอินทรีย์นี้ทั้งหมด
ที่กำลังล่องลอยอยู่ -
21:48 - 21:52เราก็สามารถมีเพื่อนมากมายในโลกกว้าง
-
21:53 - 21:54มันคงจะดีมากถ้าได้รู้
-
21:54 - 21:58คริส: จิม สองสามปีมานี้
ผมได้มีโอกาสพูดกับ อีลอน มัสค์ -
21:58 - 22:00และผมถามเขาถึงความลับความสำเร็จของเขา
-
22:00 - 22:04และเขาก็จริงจังกับฟิสิกส์ใช่ไหมครับ
-
22:05 - 22:09ฟังคุณแล้ว ที่ผมได้ยินจากคุณก็คือ
ให้จริงจังกับคณิตศาสตร์ -
22:09 - 22:12ที่อบอวนอยู่กับคุณมาทั้งชีวิต
-
22:12 - 22:17มันทำให้อนาคตที่ไม่มีขอบเขตกับคุณ
และตอนนี้ มันอนุญาตให้คุณตรวจสอบ -
22:17 - 22:21ในอนาคตของคนพันล้านและเด็กพันล้าน
ทั่วแอฟริกาและที่อื่นๆ -
22:22 - 22:24มันจะเป็นวิทยาศาสตร์ได้ไหมที่ได้ผล
-
22:24 - 22:27เป็นไปได้ไหมที่คณิตศาสตร์จะได้ผล
-
22:27 - 22:32จิม: ครับ คณิตศาสตร์มันได้ผลแน่ๆ
คณิตศาสตร์ได้ผลอย่างแน่นอน -
22:32 - 22:33แต่มันก็สนุกดีครับ
-
22:33 - 22:38การที่ได้ทำงานกับมาริลิน และ
การได้มาปล่อยมันออกไปก็เป็นอะไรที่เพลินมากๆ -
22:38 - 22:41คริส: ผมเพิ่งรู้ว่า --
มันเป็นแนวคิดที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับผม -
22:41 - 22:45ที่ว่าการจริงจังกับความรู้
ให้อะไรมากกว่าที่คิด -
22:45 - 22:48ขอขอบคุณมากสำหรับชีวิตที่น่าทึ่งของคุณ
และขอบคุณที่มาที่ TED ครับ -
22:48 - 22:49ขอบคุณครับ
-
22:49 - 22:50จิม ไซม่อนส์ ครับ
-
22:50 - 22:54(เสียงปรบมือ)
- Title:
- การสัมภาษณ์ที่หาชมได้ยากกับนักคณิตศาสตร์ผู้ถอดรหัสวอล์ลสตรีทจิ
- Speaker:
- จิม ไซม่อนส์ (Jim Simons)
- Description:
-
จิม ไซม่อนส์ เป็นนักคณิตศาสตร์ และนักถอดรหัส ผู้รู้ว่า: คณิตศาสตร์ซับซ้อนที่เขาใช้ในการถอดรหัสอาจช่วยอธิบายรูปแบบของโลกทางการเงินได้
และอีกพันล้านสิ่งต่อมา เขาทำงานสนับสนุนครูคณิตศาสตร์และนักวิชาการรุ่นใหม่ คริส แอนเดอร์สัน แห่ง TED นั่งจับเข่าคุยกับไซม่อนส์ เกี่ยวกับชีวิตตัวเลขอันน่าทึ่งของเขา - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 23:03
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Rawee Ma accepted Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Rawee Ma edited Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street | ||
Rawee Ma declined Thai subtitles for A rare interview with the mathematician who cracked Wall Street |