-
สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ
-
จากคราวที่แล้วเนี่ย วิวบอกทุกคนไปว่า
ช่วงนี้วิวดูละครไทยเรื่องปลายจวักทาง Thai PBS อยู่ใช่ไหมคะ
-
และวิวก็สัญญากับทุกคนว่าวิวจะทำคลิปเกี่ยวกับปลายจวัก
อีก 1 คลิป แล้วที่สำคัญคลิปนี้มีแขกรับเชิญมาด้วย 1 ท่านนะคะ
-
แหมะ เดากันไม่ยากเลยนะ พูดถึงอาหารไทย
-
วันนี้เราได้รับเกียรติจากอาป้อมหรือเชฟป้อมของทุกคน
-
กลับมาอีกรอบแล้วค่ะ
-
ดังนั้นวันนี้วิวมาอยู่ที่ร้านอาหาร ป่าก์ นะคะ กับอาป้อม
-
เพื่อที่เราจะมาคุยกันในประเด็นสำคัญมากๆ คือประเด็นที่ว่า
อาหารไทยคืออะไรค่ะ
-
เออ พูดถึงอาหารไทยกันมาตั้งนาน
-
อาหารไทยคืออะไรคะ
-
แต่ก่อนจะไปพบอาป้อมกันนะคะ ทุกคน
อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
-
จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ
แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว
ที่ทั้งสนุกและแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ เข้าไปเจออาป้อมกันเลย
-
-ในที่สุดนะคะ เราก็มีอยู่กับอาป้อมกันแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ อาป้อม
-สวัสดีค่ะวิว
-
คือวันนี้ค่ะอาป้อม วิวมีคำถามมาถามอาป้อมอีกแล้วค่ะ
-
-อ่า
-ชอบหาคำถามประหลาดมาหาอาป้อมตลอดเลย
-
วันนี้คำถามใหญ่มาก คำถามก็คืออาหารไทยคืออะไรคะ
-
โอ้โห
-
ขอคำตอบยังงี้เลย
-
มันก็คืออะไรละค่ะ เดี๋ยวก็ตอบขวานผ่าซาก
-
อาหารไทยก็คืออาหารที่คนไทยรับประทาน
-
คือหนูต้องเกริ่นก่อนใช่ไหมคะ ว่าทั้งหมดนี้คำถามมาจากอะไร
-
คำถามมาจากที่ว่าหนูเนี่ย
ไปดูรายชื่ออาหารไทยมาต่างๆ มากมายแล้วค่ะ
-
แล้วมันก็พบว่า อันนี้มันก็ดูเป็นอาหารของชาตินั้น
-
อันนั้นมันก็ดูเป็นอาหารของชาตินี้
-
อย่างที่วางๆ อยู่หน้าเราเนี่ย สะเต๊ะ หนูก็เพิ่งไปอินโดมา
มันก็เป็นอาหารของอินโดนีเซียอาหารของชวา
-
ค่ะ
-
-มัสมั่นอะ อ้าว นี่ก็อาหารมลายู
-มลายู
-
หรือว่าแบบ เนี่ยโปรตุเกสชัดๆ
-
-แล้วอาหารไทยคืออะไรคะ
-ใช่ค่ะ
-
คือเรารับเขามาแล้วเมื่อไหร่เราถึงจะเรียกมันว่าอาหารไทย
-
แล้วอาหารไทยฟิวชั่นทุกวันนี้หรือว่าอาหารนู่นอาหารนี่
ที่ฟิวชั่นมาเราเริ่มรับมันเป็นอาหารไทยเมื่อไหร่
-
-เอาพูดสโคปตามความเข้าใจของเราดีกว่า
-ค่ะ
-
อย่างอาหารไทยเนี่ยค่ะ ดูอย่างแกง แกงที่เป็นของไทย
-
อย่างแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน
ยังงี้ก็คือมาจากสมุนไพรของไทย
-
-นะคะ
-อืม
-
แต่ตอนนี้ อย่างเมื่อก่อนในวังเนี่ย ทุกคนก็พยายามที่แบบว่า
-
ตำหนักนู้นตำหนักนี่ทำอาหารที่ต่างกันไป
-
แล้วก็อาจจะเป็นความจำเจ ก็เลยคิดอาหารใหม่ๆ
-
แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้แปลว่าเราเอามาจากคนอื่นทั้งดุ้น
-
เราแค่เอาอิทธิพลมา
-
อ่า ก็คือคนไทยเนี่ยนิยม เลือกรับแล้วก็ปรับใช้อยู่แล้ว
-
-ใช่ค่ะ
-คือเหมือนกับทุกสิ่งที่เป็นศิลปะไทย
เราก็รับเขามาแล้วก็รสนิยมฉันเป็นอย่างนี้ บิดหน่อย
-
ใช่ เนี่ยยังงี้ ใน 4 จานที่เรานำตัวอย่างมาเนี่ย อย่าง
ทองหยิบทองหยอดฝอยทองเราก็ได้อิทธิพลมาจากโปรตุเกส
-
พูดคำว่าอิทธิพล เราไม่ได้ลอกเลียนแบบมา
-
เพราะว่าบังเอิญเคยได้ชิมของโปรตุเกสจริงๆ อะ
-
ของเราอร่อยกว่าเยอะ
-
อ้าว ทำไมล่ะคะ
-
ของเขาเนี่ยเหมือนกับจะเชื่อมน้ำตาลจนแบบว่า
ทองหยิบแข็งเลยค่ะ
-
อ๋อ คือแบบเหมือว่าเคลือบไปเลยเหรอคะ
-
ค่ะ เคลือบและน้ำตาลข้างในก็คงมากพอ
-
และมันก็หวานมาก หวานจนไม่รู้ว่า เนี่ยทำจากอะไร
-
อื้ม
-
ของเราก็ยังรู้ว่า นี่นะไข่เป็ดคุณภาพผสมแป้ง
-
อะไรยังงี้ค่ะ
-
แต่อันนั้นไม่รู้เลย ของเราหวานมัน
-
อ่า ก็คือเรามีความเอามันเข้าไปตัดจึ๊งนึง
-
ใช่ค่ะ
-
แต่จะบอกว่าคนไทยเนี่ย ทำอาหารมีเสน่ห์
-
ซึ่งทำไมอาหารไทยถึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป
-
เพราะว่าคนไทยรู้จักการทำของหวานแตะเกลือ
-
แตะเกลือเหรอคะ
-
ใช่ค่ะ คือเกลือเนี่ยเราไม่ได้ใส่ให้เค็ม
-
เราจะใส่เพื่อให้รสหวานเนี่ย อร่อยขึ้น
-
คือเหมือนที่เขาบอกว่าชาวตะวันตกเนี่ย เวลาทำขนมเนี่ยหวานคือหวานเค็มคือเค็มฉันจะไม่ไปยุ่งกับเค็มเหรอคะ
-
ใช่ค่ะ
-
แล้วนั้นก็หมายความว่า
ถ้าลองรับประทานจากต้นแบบจริงๆ เนี่ย
-
ของหวานเขาเนี่ย จะหวาน หวานแบบหวานเจื้อยแจ้ว
-
แม้กระทั่งหวานน้อยก็จะมีความหวานลอยๆ
-
แต่ของไทยเนี่ยพอเรามาใส่เกลือเข้าไปนิดหน่อยเนี่ย
-
มันทำให้หวานของเรากลมกล่อมขึ้น
-
-อารมณ์ว่าก็ปรับให้เข้าลิ้นของเรามากขึ้น
-ใช่ค่ะ
-
เพราะฉะนั้น พอมาถึงของคาว
คนไทยก็รู้จักที่จะแตะน้ำตาลลงไป
-
เพื่อให้เค็มนั้นอร่อย
-
-คือก็กลับกัน อะตอนของหวานใส่เกลือนิดนึง
-ใช่
-
-ตอนของคาวเขาไม่ใส่น้ำตาลกันเราก็แอบใส่นิดนึงน่า
-ใช่ค่ะ
-
เพราะฉะนั้น มันทำให้อาหารไทยนี่ผิดไป
จนปัจจุบันเนี่ยหวานไปหมด
-
ก็เพราะว่าเข้าใจผิดในการใส่นำตาลนิดนึง
-
อาหารบางอย่างจะหวานก็ต้องหวาน
-
แต่ทั่วไป บางทีแกงเราก็จะแตะแกงเผ็ดเราก็จะแตะน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าวลงไป
-
เพื่อให้เค็มอร่อย
-
-อ๋อ ซึ่งจริงน้ำตาลพวกนั้นมันก็จะวานแบบกลมกล่อม
มันก็จะไม่ปรี๊ดเหมือนน้ำตาลอ้อยใช่ไหมคะ
-กลมกล่อมค่ะ แต่เขาก็จะไปกลั้วเกลี้ยกับความเค็ม
-
ทำให้เค็มเราอร่อยขึ้น
-
หลากศัพท์มาก กลั้วเกลี้ย เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกในชีวิต
-
ก็พูดไปเรื่อยแต่เข้าใจใช่ไหมล่ะ
-
เข้าใจค่ะ
-
เป็นการใช้ศัพท์แบบจินตภาพอะทุกคน
เห็นภาพให้มันชัดเจนนะคะ
-
ทีนี้เรามาดูทีละจานกันดีกว่าไหมคะอาป้อม
-
ว่าแต่ละจานนี่มันอะไรยังไง
-
-คือวันเนี้ย อาหารที่เลือกมาเนี่ยเหมือนกับอาหารที่มีประวัติ
-ค่ะ
-
อื้ม
-
นะคะ เรามาเริ่มที่หมูผัดท้าววรจันทร์
-
ทำไมต้องเรียกหมูผัดท้าววรจันทร์
-
สูตรของท้าววรจันทร์รึเปล่าคะ
-
ใช่ค่ะ แล้วก็มีเรื่องเล่าว่า
-
ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่ประชวรนะคะ
ก็เสวยอะไรไม่ค่อยได้
-
ก็อยากจะเสวยหมูผัดท้าววรจันทร์ ซึ่งท้าววรจันทร์เคยทำถวาย
-
ตอนนั้นท้าววรจันทร์ก็ไม่ค่อยสบายก็ออกมาอยู่นอกวังแล้ว
-
ทุกคนก็พยายามจะทำหมูผัดท้าววรจันทร์จากคำบอกเล่า
-
ซึ่งในวันนี้อาป้อมเองก็ไม่ได้บอกว่าเราไม่ได้ทำถูกต้อง
-
นะคะ
-
แต่เป็นการตีความ
-
-อ่า ก็คือเขาบอกไว้ว่าแบบนั้นรสชาติประมาณนี้
-ใช่ค่ะ
-
หรือว่าเล่าในประวัติศาสตร์
หรือว่าเล่าในหนังสือเรื่องเล่าใดๆ ก็ตามเนี่ย
-
เราตีความออกมาได้
-
ทำนองว่า
-
เหมือนหมูหวาน
-
อื้อ
-
เหมือนหมูหวานที่ใส่รากผักชักระเทียมพริกไทย
-
ซึ่งก็คือ 3 เกลอ
-
ใช่แล้วค่ะ เก่งนะ
-
นี่ค่ะ คราวที่แล้วอาป้อมสอนไว้ จำได้ค่ะ
-
อืม
-
แล้วก็เอามาผัด น้ำตาลที่เคี่ยวให้เป็นสีน้ำตาลเหมือนคาราเมล
-
-แล้วสมัยก่อนเนี่ย เราใช้น้ำปลาดี
-ค่ะ
-
น้ำปลาเมื่อก่อนหอมมาก เพราะฉะนั้นก็จะเป็นเหมือนกับ
หมูผัดรากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลาและน้ำตาล
-
น้ำปลานี่น้ำปลาญี่ปุ่นด้วยรึเปล่าคะ
-
น้ำปลาไทย
-
เป็นการหมักอาจจะไม่ค่อยเค็มมาก
-
ไม่ไม่เหมือนกับกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
ที่แบบใช้น้ำปลาญี่ปุ่นอะไรยังงี้ ไม่ใช่
-หอมอร่อย อ๋อ
-
ไม่ใช่
-
แต่อันนี้เนี่ย
-
จริงๆ แล้วเนี่ย น่าจะเป็นหนึ่งในสำรับมากกว่า
-
เพราะว่ารสเค็มหวาน จะเป็นการแก้เผ็ดในเครื่องจิ้ม
หรือแก้เผ็ดในแกงอะไรยังงี้ค่ะ
-
อะ ถ้าใครอยากฟังเรื่องสำรับก็กดไปตรงนี้
คราวที่แล้ววิวเคยมาฟังอาป้อมเล่าไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ
-
แต่ว่าถ้าเป็นเด็ก กินเปล่าๆ กับข้าวก็น่าจะอร่อย
-
อืม
-
อันนี้เนี่ยเราสามารถเลือกใช้ได้ แบบว่าผิดไหม
-
บางครั้งก็ว่าอาจจะใช้หมูสามชั้น อาจจะใช้สันคอหมู
หมูติดมัน หมูสะโพกได้ทั้งสิ้น
-
-อื้อหือ
-มันหอมไหม
-
มันหอมแล้วมันจะไม่ติดกลิ่นซีอิ๊วดำ
-
-ไม่พูดอะไรเลยค่ะ จังหวะนี้
-อื้ม
-
พอจานที่สอง จริงๆ แล้วที่เราเอามาแกงมัสมั่น
-
วันนี้ใช้มัสมั่นเนื้อแล้วเลือกเอ็นน่องมา
-
นะคะ
-
เป็นส่วนที่เมื่อเอ็นน่องเปื่อยปั๊บ
มันจะมีความรู้สึกนุ่มนวลเหมือนไขมันในนั้น
-
-ค่ะ
-นะคะ
-
-จานนี้มาจากไหน
-มลายูค่ะนี่แอบไปค้นหาข้อมูลมาแล้วนิดหน่อย
-
-มลายูเพราะว่ามีเครื่องเทศ
-ค่ะ
-
แต่อาป้อมเชื่อเลยว่าคนไทย
จะต้องมาปรับเข้ากับสูตรแกงของตัวเอง
-
อันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่าวิวค้นมาถูกรึเปล่า
-
แต่เท่าที่ค้นมาเนี่ยเขาบอกว่ามาจากมลายู
แต่มลายูเนี่ยรับมาจากชาวมุสลิมอีกทีหนึ่ง
-
-ดังนั้นมัสมั่นนี่มาจากชื่อประมาณว่ามัสมาน
ซึ่งแปลว่ามุสลิมนะคะ
-ใช่
-
ซึ่งในเมืองไทยเองมัสมั่นโดยชาวมุสลิม
รสชาติเครื่องเทศก็ไม่เหมือนที่เราได้กินในร้านไทย
-
-อ้า เหมือนกับมัสมั่นภาคกลางกับมัสมั่นภาคใต้
ภาคใต้จะดูเป็นมุสลิมมากกว่า
-ใช่ ใช่ค่ะ
-
-ทีนี้สำหรับอาป้อมเนี่ย
-ค่ะ
-
-เน้นอาหารภาคกลาง
-ค่ะ
-
จะบอกว่ามัสมั่นจริงๆ แล้วเนี่ยเราก็จะมีเครื่องเทศที่ใช้
ก็คือ เนี่ยที่เห็นในนี้นะคะ
-
นี่ก็มีอบเชยนะคะ อันนี้คือลูกกระวาน
-
จริงๆ แล้วในเครื่องแกงเนี่ยเราใส่โป๊ยกั๊กได้
-
-คือในของอาป้อมเนี่ย อาป้อมจะป่น
-ค่ะ
-
นะคะ เพื่อให้กลิ่นมันซึมไป แต่อย่ามากนะ
พวกนี้ถ้าเล่นเครื่องเทศแรงเกินไปมันจะฉุนสำหรับเรานะคะ
-
แล้วรสชาติของมัสมั่นนะคะ ก็จะมี 3 รส
-
3 รสเลยเหรอคะ
-
3 รสค่ะ โดยการที่มี เปรี้ยว เค็ม หวาน
-
แต่รถเปรี้ยวไม่ต้องนำนะ รสเปรี้ยวเนี่ย
ให้มีการแทรกของกลิ่นมะขามเข้ามา
-
-จริงด้วยปรกติไม่ค่อยสังเกตว่ามันมีรสเปรี้ยว
เน้นไปที่เค็มกับหวาน
-ใช่ ใช่
-
แต่เค็มกับหวาน
-
แต่พอมานั่งนึกดีๆ ก็ เออมันก็มีอยู่นิดนึง
-
ค่ะ
-
เค็มหวานแล้วมีกลิ่นน้ำมะขามแทรกเข้ามา
-
กลิ่นเล็กๆ นะ อย่าเยอะนะ เยอะแล้วมันจะปรี๊ดเกินไป
-
จานนี้นี่ได้ข่าวมาจาก เขาเป็นประเด็นกันอยู่นี่คะ
ว่าใครเป็นคนแรกที่เริ่มเอามันฝรั่งใส่ลงไป
-
-เพราะว่าตำหรับเดิมๆ ของ
-ใช่
-
ไม่มีค่ะ
-
และในวันนี้เนี่ยที่ร้านป่าก์เนี่ยเด็กรุ่นใหม่เป็นคนทำ
-
ก็จะมีมันใส่เข้าไป
-
ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย ในการรับประทานมัสมั่นที่มีมันฝรั่ง
หรือส่วนใหญ่เนี่ยถ้าใส่อาป้อมจะใส่มันเทศ
-
อ๋อ
-
นะคะ
-
-เพราะว่าจริงๆ มันฝรั่งนี่เหมือนมนุษย์เลยนะคะ
ไม่ใช่แค่คนไทยจะเริ่มนำมารับประทานไม่นานเลย
-ใช่ค่ะ
-
แล้วก็มีการใส่มันในปัจจุบันเหมือนกับเพิ่มปริมาณ
-
อ่า ก็คือทำให้อิ่มท้องมากขึ้น
-
อิ่มท้องมากขึ้นและจริงๆ แล้วก็เหมือนกับ
จะเป็นคำอธิบายต่อไปว่าไม่ได้เสียหาย
-
เพราะอาหารต้องมีวิวัฒนาการ
-
อ่า เหมือนคราวที่แล้วที่เรากินแกงเผ็ดเป็ดย่างกัน
เราก็มีแบบว่าใส่ลิ้นจี่ลงไปนิดนึง
-
แต่ว่าอาป้อมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะมันยังมีสับปะรดอยู่
แปลว่ามันยังเป็นแกงเผ็ดเป็ดย่างอยู่
-
-เพราะมีสับปะรดก็คือทำให้เนื้อเป็ดนุ่ม
-ทำนองนั้น
-
-แต่อันนี้ก็คือพื้นฐานมาจากแกงมัสมั่นจริงจัง
-ค่ะ
-
เคี่ยวเนื้อเปื่อยจะใส่มันมา ผิดไหม ไม่ผิด
-
แต่คอนเซ็ปต์ยังอยู่ ถ้าเติมนู่นเติมนี่
ถ้าเติมแล้วมันอร่อยก็เติมไปเถอะ
-
ใช่ค่ะ
-
อันนี้เนี่ยเขาเคี่ยวเนื้อน่องลายจนเปื่อย
-
จริงๆ แล้วสำหรับอาป้อม การใช้เนื้อวัวเนี่ย
เวลาเราเคี่ยวนานๆ นี่มันมีตะกอนของเนื้อ
-
แกงของเราเนี่ย มีความเข้มข้นขึ้น
-
แล้วจริงๆ แล้วแกงโบราณของเราเนี่ย เขาจะมีการเคี่ยวหัวกะทิจนแตกมัน
-
การเคี่ยวหัวกะทิจนแตกมันเนี่ย
มันทำให้ตัวมะพร้าวเนี่ยเป็นครีม
-
ซึ่งมันทำให้แกงมีความเข้มข้นหวานมันตรงนั้นอีก
-
คือจริงๆ ควรจะเคี่ยวให้แบบแตกไปเลย
-
อืม แล้วก็จริงๆ แล้วมันตรงนี้สมัยใหม่เนี่ยใช้ผัดน้ำมันกัน
-
แต่นี่คือน้ำมันจากกะทิ
-
-ก็คือผัดให้กะทิแตกแล้วน้ำมันออกมาเองยังงี้ใช่ไหมค่ะ
-ใช่ค่ะ
-
แต่เนี่ย สมัยนี้ก็เป็นผัดเครื่องแกงในน้ำมันพืช น้ำมันอะไรทั่วไป
-
-เร็วกว่า ประหยัดกว่า
-ใช่ค่ะ
-
ใช่ค่ะ แล้วก็ใช้กะทิสำเร็จรูปไง
-
ถ้าในวิถีชีวิตรุ่นใหม่เนี่ย อาป้อมก็ไม่ได้คิดว่าผิดนะ
-
คือคุณใช้กะทิสำเร็จรูป ดังนั้นแกงให้เป็น
-
นั่นคือเครื่องแกงต้องมาผัดด้วยไฟอ่อนเรื่อยๆ
จนกว่าเครื่องแกงจะสุกถึงค่อยเติมกะทิ
-
เพราะว่าพอเครื่องแกงไม่สุกเนี่ย ใส่กะทิสำเร็จรูปลงไป
-
เคยเห็นไหมเวลาเขาทำแล้วแกงมันน้ำใสๆ ขาวๆ แยกๆ อะ
-
นั่นคือเครื่องแกงไม่สุกมันก็จะไม่กินกะทิ
-
แล้วถ้าใช้ไฟแรงเกินไปก็ไหม้ แกงนี่เซนซิทีฟมากนะ
แล้วก็ต้องนานพอ
-
คือเราเนี่ยโดนสอนมาว่า
เราจะต้องตำหรือบด ใช้เครื่องทุ่นแรงไม่ว่า
-
แต่เราจะต้องบดจนพริกออกสีแล้วเครื่องแกงละเอียดเนียน
-
อะ ชิม
-
ค่ะ ชิมแกงเปล่าๆ เลยนะคะเนี่ย จะได้ได้รสแกงเต็มๆ
-
คือรสเปรี้ยวเขาไม่เน้น แต่รสเปรี้ยวนี่มันจะดึงเข้ามานิดนึง
กลิ่นมะขามจะผ่านปึ๊ดเข้ามานิดนึง
-
ต่อมาถึงสะเต๊ะลือ
-
โอ อันนี้ประวัติได้ข่าวว่ามันเหมือนกันนะคะ
-
ก็มาจากอันนี้อินโดนีเซียถูกไหม
-
ใช่ค่ะ
-
แต่ทีนี้สะเต๊ะลือ ทำไมถึงลือ
-
คือตอนที่เอาเข้ามาทำเข้าใจว่าในช่วงของพระวิมาดาเธอ
ใช่ไหมค่ะ พระคุณเจ้าสายสวลีภิรมย์นี่แหละ
-
ท่านก็เหมือนกับคล้ายๆ ว่า นี่แหละอย่างที่ว่า
-
ตำหนักต่างๆ เนี่ยก็พยายามที่จะนำอาหารโน้นนี้มาทำให้
เพื่อที่เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวเสวยแล้วเนี่ย
-
จะได้มีความต่างในรสชาติ
-
-ตำหนักฉันมีตำหนักเดียวจ้า
-ใช่
-
-ไม่ต้องสมัยนั้นหรอกค่ะ สมัยนี้แค่ร้านอาหาร
เรายังต้องไปหาอาหารที่แบบเธอต้องมากินร้านฉันร้านเดียวเลย
-ใช่
-
ใช่ แล้วเสร็จแล้วสะเต๊ะลือเนี่ย
จริงๆ แล้วที่ลือก็คือร่ำลือในความอร่อย
-
ประมาณว่าลือกันไป 3 บ้าน 8 บ้าน ที่นี่แหละอร่อยที่สุด
-
ใช่ค่ะ และนั้นก็คือสะเต๊ะ
เพราะฉะนั้นความอร่อยอจริงๆ แล้วไม่ต้องน้ำจิ้มนะคะ
-
ตัวเขาอร่อยโดยการที่เรารับประทานอาจาดแก้เลี่ยนเท่านั้น
-
ทีนี้เมนูนี้มันเป็นคำถามที่หลายๆ คนน่ะไม่เคยสงสัยเลย
แต่วิวเนี่ยเพิ่งจะมาสงสัยตอนมารู้ประวัติสะเต๊ะลือ
-
หรือว่าเพิ่งจะมาเคยกินสะเต๊ะที่อินโดนี่แหละค่ะ
-
-คือสะเต๊ะ พูดจริงๆ มันเป็นอาหารมุสลิม
ทำไมบ้านเรากินหมูสะเต๊ะกันคิดดูสิว่าเราปรับกันขนาดไหน
-ใช่
-
ใช่ค่ะ นี่ไงวิวพูดถูกคือคนไทยเอาเข้ามาแปลง
มีแม้กระทั่ง เริ่มจริงๆ เนี่ยเชื่อว่าน่าจะเป็นสะเต๊ะเนื้อ
-
เดี๋ยวนี้มีสะเต๊ะหมู สะเต๊ะไก่ สะเต๊ะกุ้ง สะเต๊ะปลา
-
ทุกอย่างทำเป็นสะเต๊ะหมด
-
-นี่แหละการปรับใช้ของคนไทยนะคะ เพิ่งจะมาสงสัยกันใช่ไหมว่า เฮ้ย อาหารมุสลิมทำไมมันเป็นหมู
-ใช่
-
-ใช่ค่ะ
-นั่นแหละค่ะ
-
เหมือนมัสมั่นเนี่ยไม่อนุญาตให้ทำหมู
-
เพราะว่าคุณบอกว่าคุณเอามาจากของพวกมุสลิมอะ
-
แล้วคุณจะทำหมูทำไม
-
น่ะ แต่ก็นี่แหละค่ะ พอปรับเข้ากับปากคนไทยก็
ก็เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาแล้ว
-
เราเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมอาหารและความอร่อย
-
ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นถึงได้บอกว่าเราเอามาจากเขา
เราไม่ได้ทำแบบเขาซะโดยตรง
-
-ศิลปินที่เก่งคือศิลปินที่ขโมยเก่งค่ะ
แต่ขโมยมาแล้วต้องปรับให้เข้ากับตัวเอง
-ทำให้เป็นตัวของตัวเอง
-
ไม่ใช่ว่าแบบ ยกมาแล้วตั้งวางปึ้งเลย
เพราะว่าทุกอย่างในโลกที่เป็นงานศิลปะเนี่ย
-
ได้รับแรงบันดาลใจจากอะไรบางอย่างทั้งนั้นแหละ
-
วิวพูดถูกวิวใช้คำว่า แรงบันดาลใจ
-
ค่ะ
-
แนะนำให้ลองชิมโดยไม่จิ้มอะไรก่อน
-
เดี๋ยวก็จะแอบดูวิธีกินของอาป้อมก่อนนะคะ
แต่ถ้ากินเองนี่ทั้งไม้แหละค่ะ
-
ได้เลยค่ะไม่มีปัญหาค่ะ อาป้อมจะกินไม่หมดเท่านั้นเอง
-
เห็นไหม สะเต๊ะเขาจะมีรสชาติของเขาเอง
-
เดี๋ยวคราวนี้แกล้มด้วยอาจาด
-
อื้อหือ มีความคล้ายสะเต๊ะที่อินโดมากกว่าสะเต๊ะไทย
-
อืม
-
ถ้าที่เขาทำขายทั่วไปเขาเน้นเอาสีเหลือง
นั่นก็คือขมิ้นผงกับผงกะหรี่
-
อันนี้เราหมักกะทิ อันนี้กลิ่นลูกผักชีจะชัดขึ้น
-
กลิ่นเครื่องเทศชัดเจนมากค่ะ
-
ใช่ค่ะ
-
รู้เลยว่าทำไมพวกชาวตะวันตกต้องมาล่าอาณานิคมแถวนี้
-
ส่วนทองหยิบทองหยอดนี่ก็คงไม่ต้องเล่าแล้วแหละ
ไม่ต้องถึงมืออาป้อมอะนะ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า
-
ท้าวทองกีบม้าของเราพัฒนามาจากโปรตุเกส
เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเราไม่เสียเวลาดีกว่า
-
แล้วยังงี้ค่ะ อันนี้คืออาหารที่เราได้รับการยอมรับแล้ว
ว่าเป็นอาหารไทย
-
แล้วทีนี้อย่างอาหารไทยฟิวชั่นใหม่ๆ อย่างวิวบอกว่า อย่างวิวกินสเต๊ก สเต๊กนี่อาหารฝรั่ง 100% ชื่อก็บอกแล้ว่าสเต๊ก
-
เกิดวิวเอาสเต๊กไปจิ้มแจ่วนับเป็นอาหารไทยได้รึยังคะ
-
ก็เป็นการผสมผสาน
-
นะคะ
-
เอายังงี้ สมมติว่า อันนี้ตัวอย่างนี้จะอธิบายได้ง่ายขึ้น
-
คือแกงเขียวหวานเนื้อ
-
อ้า ค่ะ
-
นะคะ อาป้อมเคยเสิร์ฟแม้กระทั่งใช้เนื้อสเต๊กดีๆ มาวาง
-
และราดด้วยซอดแกงเขียวหวานข้นๆ
แล้วอาป้อมอาจจะเอามะเขือมาผัดเป็นเครื่องแกล้ม
-
โรยด้วยใบโหระพา
-
อาป้อมไม่เรียกว่าฟิวชั่น
จานเช่นนั้นอาป้อมเรียกว่า Modern Thai
-
อ่า ก็คืออาหารไทยจานเดิม ทุกอย่างเป็นของที่มีอยู่ในไทย
-
-ใช่
-เราแค่มันจัดเรียงใหม่ให้มันก็ modern ขึ้น
-
ค่ะ เพราะว่าสมัยก่อนคนไทยรับประทานเนื้อวัวเนื้อควาย
ซึ่งต้องเคี่ยวในแกง
-
แต่ปัจจุบันเรามีเนื้อเข้ามาหรือเนื้อโคขุนที่เราเลี้ยงเอง
แล้วมันมีความนุ่มมีคุณภาพที่ดีกว่า
-
เราก็เสิร์ฟทั้งแบบที่เป็นสเต็กนะคะ
-
แต่เมื่อเราตักสิ่งนั้นรวมกันเข้าปาก
ในปากเราก็ยังเป็นแกงเขียวหวานเนื้อ
-
งั้นวิวสามารถสรุปแบบนี้ได้ไหมค่ะ อาป้อม ว่าทั้งหมด
ที่เราคุยมาเนี่ย จากคำถามที่บอกว่าอาหารไทยคืออะไรเนี่ย
-
จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องนิยามหรอกว่าอาหารไทยคืออะไร
-
-มันก็คืออาหารที่คนไทยรับประทานแล้วถูกปากนั่นแหละ
-ใช่ค่ะ
-
แต่ว่าพอพูดถึงอาหารพูดถึงศิลปะวัฒนธรรมอะไรต่างๆ
มันไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน
-
มันก็คือการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอะไรกันไปมา
-
เอาแค่ว่ากินแล้วอร่อยกินแล้วถูกปากกินแล้วพอใจ แล้วยังเก็บรากเหง้าแล้วก็เก็บคอร์หลักของอาหารชนิดนั้นน่ะ
-
-ว่าแบบว่าชนิดเกิดขึ้นมาเพื่ออะไรยังไง แต่นั่นแหละ
เป็นอาหารที่อย่าเรียกว่าถูกต้องเลย
-ใช่ค่ะ
-
ก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารประเภทนั้นๆ แล้ว
-
ใช่ค่ะ
-
นี่แหละค่ะ วันนี้เราก็ได้คำตอบจากอาป้อมแล้วนะคะ
ว่าอาหารไทยคืออะไร
-
เป็นยังไงบ้างทุกคนคิดเห็นเหมือนกันไหม
ลอง comment มาด้านล่างได้นะคะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครสนใจเรื่องอาหารอะไรต่างๆ
อยากรับรู้วัฒนธรรมผ่านอาหาร
-
อยากเห็นการปะทะกันของอาหารรสกลมกล่อม
อาหารรสจัดจ้านนะคะ
-
เรื่องปลายจวักนะคะ ก็สามารถรับชมได้ที่ Thai PBS นะคะ
-
ในทุกวันเสาร์อาทิตย์เวลา 20.15 - 21.10 น. ค่ะ
-
นอกจากนี้ก็ยังรับชมย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์นะคะ
วิวขึ้น QR Code ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะทุกคน
-
สำหรับวันนี้ต้องขอบคุณอาป้อมมากๆ เลยนะคะ
ที่มาให้ความรู้อีกรอบหนึ่ง
-
อยากให้วิวไปคุยอะไรกับใครอีก
ก็ comment มาด้านล่างเช่นกันค่ะ
-
วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ
-
แหม่ ทุกคนก็รู้อยู่ว่าถ่ายคลิปอาหาร มันก็ต้องมานั่งกินนี่แหละ
-
จุดประสงค์หลักของคลิปนี้ก็คือ
อยากมาชิมอาหารไทยนี่แหละค่ะ
-
ดังนั้นเราปิดคลิปกันเถอะ วิวจะไปกินต่อแล้วทุกคน
วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ
-
พอแล้วปิดกล้อง