WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:01.680 สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ 00:00:01.680 --> 00:00:07.200 จากคราวที่แล้วเนี่ย วิวบอกทุกคนไปว่า ช่วงนี้วิวดูละครไทยเรื่องปลายจวักทาง Thai PBS อยู่ใช่ไหมคะ 00:00:07.280 --> 00:00:14.740 และวิวก็สัญญากับทุกคนว่าวิวจะทำคลิปเกี่ยวกับปลายจวัก อีก 1 คลิป แล้วที่สำคัญคลิปนี้มีแขกรับเชิญมาด้วย 1 ท่านนะคะ 00:00:14.740 --> 00:00:16.580 แหมะ เดากันไม่ยากเลยนะ พูดถึงอาหารไทย 00:00:16.660 --> 00:00:19.680 วันนี้เราได้รับเกียรติจากอาป้อมหรือเชฟป้อมของทุกคน 00:00:19.680 --> 00:00:20.660 กลับมาอีกรอบแล้วค่ะ 00:00:20.720 --> 00:00:23.960 ดังนั้นวันนี้วิวมาอยู่ที่ร้านอาหาร ป่าก์ นะคะ กับอาป้อม 00:00:23.960 --> 00:00:28.720 เพื่อที่เราจะมาคุยกันในประเด็นสำคัญมากๆ คือประเด็นที่ว่า อาหารไทยคืออะไรค่ะ 00:00:28.720 --> 00:00:30.320 เออ พูดถึงอาหารไทยกันมาตั้งนาน 00:00:30.320 --> 00:00:31.540 อาหารไทยคืออะไรคะ 00:00:31.580 --> 00:00:35.140 แต่ก่อนจะไปพบอาป้อมกันนะคะ ทุกคน อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ 00:00:35.140 --> 00:00:38.440 จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ 00:00:38.540 --> 00:00:42.120 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว ที่ทั้งสนุกและแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ 00:00:42.160 --> 00:00:44.840 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ เข้าไปเจออาป้อมกันเลย 00:00:49.000 --> 00:00:53.140 -ในที่สุดนะคะ เราก็มีอยู่กับอาป้อมกันแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ อาป้อม -สวัสดีค่ะวิว 00:00:53.180 --> 00:00:56.020 คือวันนี้ค่ะอาป้อม วิวมีคำถามมาถามอาป้อมอีกแล้วค่ะ 00:00:56.080 --> 00:00:58.420 -อ่า -ชอบหาคำถามประหลาดมาหาอาป้อมตลอดเลย 00:00:58.480 --> 00:01:02.100 วันนี้คำถามใหญ่มาก คำถามก็คืออาหารไทยคืออะไรคะ 00:01:02.100 --> 00:01:02.860 โอ้โห 00:01:02.860 --> 00:01:04.180 ขอคำตอบยังงี้เลย 00:01:04.240 --> 00:01:07.300 มันก็คืออะไรละค่ะ เดี๋ยวก็ตอบขวานผ่าซาก 00:01:07.360 --> 00:01:09.440 อาหารไทยก็คืออาหารที่คนไทยรับประทาน 00:01:09.460 --> 00:01:12.740 คือหนูต้องเกริ่นก่อนใช่ไหมคะ ว่าทั้งหมดนี้คำถามมาจากอะไร 00:01:12.800 --> 00:01:17.340 คำถามมาจากที่ว่าหนูเนี่ย ไปดูรายชื่ออาหารไทยมาต่างๆ มากมายแล้วค่ะ 00:01:17.380 --> 00:01:20.480 แล้วมันก็พบว่า อันนี้มันก็ดูเป็นอาหารของชาตินั้น 00:01:20.480 --> 00:01:22.160 อันนั้นมันก็ดูเป็นอาหารของชาตินี้ 00:01:22.180 --> 00:01:27.660 อย่างที่วางๆ อยู่หน้าเราเนี่ย สะเต๊ะ หนูก็เพิ่งไปอินโดมา มันก็เป็นอาหารของอินโดนีเซียอาหารของชวา 00:01:27.660 --> 00:01:28.160 ค่ะ 00:01:28.200 --> 00:01:30.860 -มัสมั่นอะ อ้าว นี่ก็อาหารมลายู -มลายู 00:01:30.940 --> 00:01:33.100 หรือว่าแบบ เนี่ยโปรตุเกสชัดๆ 00:01:33.100 --> 00:01:34.680 -แล้วอาหารไทยคืออะไรคะ -ใช่ค่ะ 00:01:34.720 --> 00:01:37.560 คือเรารับเขามาแล้วเมื่อไหร่เราถึงจะเรียกมันว่าอาหารไทย 00:01:37.600 --> 00:01:42.960 แล้วอาหารไทยฟิวชั่นทุกวันนี้หรือว่าอาหารนู่นอาหารนี่ ที่ฟิวชั่นมาเราเริ่มรับมันเป็นอาหารไทยเมื่อไหร่ 00:01:43.100 --> 00:01:45.780 -เอาพูดสโคปตามความเข้าใจของเราดีกว่า -ค่ะ 00:01:45.820 --> 00:01:48.860 อย่างอาหารไทยเนี่ยค่ะ ดูอย่างแกง แกงที่เป็นของไทย 00:01:48.860 --> 00:01:53.540 อย่างแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน ยังงี้ก็คือมาจากสมุนไพรของไทย 00:01:53.540 --> 00:01:54.040 -นะคะ -อืม 00:01:54.320 --> 00:01:58.040 แต่ตอนนี้ อย่างเมื่อก่อนในวังเนี่ย ทุกคนก็พยายามที่แบบว่า 00:01:58.080 --> 00:02:00.940 ตำหนักนู้นตำหนักนี่ทำอาหารที่ต่างกันไป 00:02:00.980 --> 00:02:04.780 แล้วก็อาจจะเป็นความจำเจ ก็เลยคิดอาหารใหม่ๆ 00:02:04.860 --> 00:02:08.980 แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้แปลว่าเราเอามาจากคนอื่นทั้งดุ้น 00:02:09.120 --> 00:02:11.120 เราแค่เอาอิทธิพลมา 00:02:11.180 --> 00:02:14.460 อ่า ก็คือคนไทยเนี่ยนิยม เลือกรับแล้วก็ปรับใช้อยู่แล้ว 00:02:14.540 --> 00:02:19.800 -ใช่ค่ะ -คือเหมือนกับทุกสิ่งที่เป็นศิลปะไทย เราก็รับเขามาแล้วก็รสนิยมฉันเป็นอย่างนี้ บิดหน่อย 00:02:19.900 --> 00:02:27.240 ใช่ เนี่ยยังงี้ ใน 4 จานที่เรานำตัวอย่างมาเนี่ย อย่าง ทองหยิบทองหยอดฝอยทองเราก็ได้อิทธิพลมาจากโปรตุเกส 00:02:27.260 --> 00:02:30.120 พูดคำว่าอิทธิพล เราไม่ได้ลอกเลียนแบบมา 00:02:30.280 --> 00:02:33.140 เพราะว่าบังเอิญเคยได้ชิมของโปรตุเกสจริงๆ อะ 00:02:33.140 --> 00:02:34.560 ของเราอร่อยกว่าเยอะ 00:02:34.560 --> 00:02:35.920 อ้าว ทำไมล่ะคะ 00:02:35.980 --> 00:02:40.820 ของเขาเนี่ยเหมือนกับจะเชื่อมน้ำตาลจนแบบว่า ทองหยิบแข็งเลยค่ะ 00:02:40.820 --> 00:02:42.740 อ๋อ คือแบบเหมือว่าเคลือบไปเลยเหรอคะ 00:02:42.840 --> 00:02:45.440 ค่ะ เคลือบและน้ำตาลข้างในก็คงมากพอ 00:02:45.520 --> 00:02:49.080 และมันก็หวานมาก หวานจนไม่รู้ว่า เนี่ยทำจากอะไร 00:02:49.080 --> 00:02:49.700 อื้ม 00:02:49.820 --> 00:02:53.800 ของเราก็ยังรู้ว่า นี่นะไข่เป็ดคุณภาพผสมแป้ง 00:02:53.800 --> 00:02:54.660 อะไรยังงี้ค่ะ 00:02:54.680 --> 00:02:57.300 แต่อันนั้นไม่รู้เลย ของเราหวานมัน 00:02:57.360 --> 00:03:00.540 อ่า ก็คือเรามีความเอามันเข้าไปตัดจึ๊งนึง 00:03:00.540 --> 00:03:01.180 ใช่ค่ะ 00:03:01.220 --> 00:03:04.260 แต่จะบอกว่าคนไทยเนี่ย ทำอาหารมีเสน่ห์ 00:03:04.360 --> 00:03:08.000 ซึ่งทำไมอาหารไทยถึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป 00:03:08.040 --> 00:03:11.500 เพราะว่าคนไทยรู้จักการทำของหวานแตะเกลือ 00:03:11.500 --> 00:03:12.040 แตะเกลือเหรอคะ 00:03:12.100 --> 00:03:14.900 ใช่ค่ะ คือเกลือเนี่ยเราไม่ได้ใส่ให้เค็ม 00:03:14.900 --> 00:03:17.700 เราจะใส่เพื่อให้รสหวานเนี่ย อร่อยขึ้น 00:03:17.740 --> 00:03:23.840 คือเหมือนที่เขาบอกว่าชาวตะวันตกเนี่ย เวลาทำขนมเนี่ยหวานคือหวานเค็มคือเค็มฉันจะไม่ไปยุ่งกับเค็มเหรอคะ 00:03:23.840 --> 00:03:24.340 ใช่ค่ะ 00:03:24.360 --> 00:03:28.700 แล้วนั้นก็หมายความว่า ถ้าลองรับประทานจากต้นแบบจริงๆ เนี่ย 00:03:28.800 --> 00:03:32.360 ของหวานเขาเนี่ย จะหวาน หวานแบบหวานเจื้อยแจ้ว 00:03:32.500 --> 00:03:35.440 แม้กระทั่งหวานน้อยก็จะมีความหวานลอยๆ 00:03:35.580 --> 00:03:38.620 แต่ของไทยเนี่ยพอเรามาใส่เกลือเข้าไปนิดหน่อยเนี่ย 00:03:38.720 --> 00:03:40.720 มันทำให้หวานของเรากลมกล่อมขึ้น 00:03:40.760 --> 00:03:43.760 -อารมณ์ว่าก็ปรับให้เข้าลิ้นของเรามากขึ้น -ใช่ค่ะ 00:03:43.800 --> 00:03:48.960 เพราะฉะนั้น พอมาถึงของคาว คนไทยก็รู้จักที่จะแตะน้ำตาลลงไป 00:03:48.960 --> 00:03:50.840 เพื่อให้เค็มนั้นอร่อย 00:03:50.880 --> 00:03:53.960 -คือก็กลับกัน อะตอนของหวานใส่เกลือนิดนึง -ใช่ 00:03:54.000 --> 00:03:57.060 -ตอนของคาวเขาไม่ใส่น้ำตาลกันเราก็แอบใส่นิดนึงน่า -ใช่ค่ะ 00:03:57.100 --> 00:04:02.400 เพราะฉะนั้น มันทำให้อาหารไทยนี่ผิดไป จนปัจจุบันเนี่ยหวานไปหมด 00:04:02.460 --> 00:04:05.560 ก็เพราะว่าเข้าใจผิดในการใส่นำตาลนิดนึง 00:04:05.660 --> 00:04:08.440 อาหารบางอย่างจะหวานก็ต้องหวาน 00:04:08.520 --> 00:04:15.240 แต่ทั่วไป บางทีแกงเราก็จะแตะแกงเผ็ดเราก็จะแตะน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าวลงไป 00:04:15.240 --> 00:04:16.580 เพื่อให้เค็มอร่อย 00:04:16.600 --> 00:04:23.620 -อ๋อ ซึ่งจริงน้ำตาลพวกนั้นมันก็จะวานแบบกลมกล่อม มันก็จะไม่ปรี๊ดเหมือนน้ำตาลอ้อยใช่ไหมคะ -กลมกล่อมค่ะ แต่เขาก็จะไปกลั้วเกลี้ยกับความเค็ม 00:04:23.620 --> 00:04:25.160 ทำให้เค็มเราอร่อยขึ้น 00:04:25.180 --> 00:04:28.400 หลากศัพท์มาก กลั้วเกลี้ย เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกในชีวิต 00:04:28.400 --> 00:04:30.340 ก็พูดไปเรื่อยแต่เข้าใจใช่ไหมล่ะ 00:04:30.340 --> 00:04:31.160 เข้าใจค่ะ 00:04:31.220 --> 00:04:34.500 เป็นการใช้ศัพท์แบบจินตภาพอะทุกคน เห็นภาพให้มันชัดเจนนะคะ 00:04:34.500 --> 00:04:36.160 ทีนี้เรามาดูทีละจานกันดีกว่าไหมคะอาป้อม 00:04:36.160 --> 00:04:38.180 ว่าแต่ละจานนี่มันอะไรยังไง 00:04:38.180 --> 00:04:42.300 -คือวันเนี้ย อาหารที่เลือกมาเนี่ยเหมือนกับอาหารที่มีประวัติ -ค่ะ 00:04:42.300 --> 00:04:43.200 อื้ม 00:04:43.200 --> 00:04:46.340 นะคะ เรามาเริ่มที่หมูผัดท้าววรจันทร์ 00:04:46.400 --> 00:04:48.640 ทำไมต้องเรียกหมูผัดท้าววรจันทร์ 00:04:48.640 --> 00:04:50.320 สูตรของท้าววรจันทร์รึเปล่าคะ 00:04:50.400 --> 00:04:52.780 ใช่ค่ะ แล้วก็มีเรื่องเล่าว่า 00:04:52.880 --> 00:04:59.620 ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่ประชวรนะคะ ก็เสวยอะไรไม่ค่อยได้ 00:04:59.760 --> 00:05:05.260 ก็อยากจะเสวยหมูผัดท้าววรจันทร์ ซึ่งท้าววรจันทร์เคยทำถวาย 00:05:05.360 --> 00:05:09.480 ตอนนั้นท้าววรจันทร์ก็ไม่ค่อยสบายก็ออกมาอยู่นอกวังแล้ว 00:05:09.660 --> 00:05:14.740 ทุกคนก็พยายามจะทำหมูผัดท้าววรจันทร์จากคำบอกเล่า 00:05:14.880 --> 00:05:18.820 ซึ่งในวันนี้อาป้อมเองก็ไม่ได้บอกว่าเราไม่ได้ทำถูกต้อง 00:05:18.820 --> 00:05:19.500 นะคะ 00:05:19.500 --> 00:05:20.940 แต่เป็นการตีความ 00:05:20.940 --> 00:05:24.760 -อ่า ก็คือเขาบอกไว้ว่าแบบนั้นรสชาติประมาณนี้ -ใช่ค่ะ 00:05:24.760 --> 00:05:29.420 หรือว่าเล่าในประวัติศาสตร์ หรือว่าเล่าในหนังสือเรื่องเล่าใดๆ ก็ตามเนี่ย 00:05:29.560 --> 00:05:31.560 เราตีความออกมาได้ 00:05:31.560 --> 00:05:32.520 ทำนองว่า 00:05:32.520 --> 00:05:33.860 เหมือนหมูหวาน 00:05:33.860 --> 00:05:34.920 อื้อ 00:05:34.960 --> 00:05:38.640 เหมือนหมูหวานที่ใส่รากผักชักระเทียมพริกไทย 00:05:38.640 --> 00:05:40.000 ซึ่งก็คือ 3 เกลอ 00:05:40.000 --> 00:05:41.300 ใช่แล้วค่ะ เก่งนะ 00:05:41.300 --> 00:05:43.540 นี่ค่ะ คราวที่แล้วอาป้อมสอนไว้ จำได้ค่ะ 00:05:43.540 --> 00:05:44.180 อืม 00:05:44.260 --> 00:05:48.640 แล้วก็เอามาผัด น้ำตาลที่เคี่ยวให้เป็นสีน้ำตาลเหมือนคาราเมล 00:05:48.780 --> 00:05:51.620 -แล้วสมัยก่อนเนี่ย เราใช้น้ำปลาดี -ค่ะ 00:05:51.680 --> 00:05:58.840 น้ำปลาเมื่อก่อนหอมมาก เพราะฉะนั้นก็จะเป็นเหมือนกับ หมูผัดรากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำปลาและน้ำตาล 00:05:58.840 --> 00:06:00.540 น้ำปลานี่น้ำปลาญี่ปุ่นด้วยรึเปล่าคะ 00:06:00.540 --> 00:06:01.820 น้ำปลาไทย 00:06:01.880 --> 00:06:04.180 เป็นการหมักอาจจะไม่ค่อยเค็มมาก 00:06:04.240 --> 00:06:08.780 ไม่ไม่เหมือนกับกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่แบบใช้น้ำปลาญี่ปุ่นอะไรยังงี้ ไม่ใช่ -หอมอร่อย อ๋อ 00:06:08.780 --> 00:06:09.620 ไม่ใช่ 00:06:09.620 --> 00:06:10.420 แต่อันนี้เนี่ย 00:06:10.500 --> 00:06:14.140 จริงๆ แล้วเนี่ย น่าจะเป็นหนึ่งในสำรับมากกว่า 00:06:14.520 --> 00:06:21.420 เพราะว่ารสเค็มหวาน จะเป็นการแก้เผ็ดในเครื่องจิ้ม หรือแก้เผ็ดในแกงอะไรยังงี้ค่ะ 00:06:21.480 --> 00:06:27.360 อะ ถ้าใครอยากฟังเรื่องสำรับก็กดไปตรงนี้ คราวที่แล้ววิวเคยมาฟังอาป้อมเล่าไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ 00:06:27.420 --> 00:06:31.320 แต่ว่าถ้าเป็นเด็ก กินเปล่าๆ กับข้าวก็น่าจะอร่อย 00:06:31.320 --> 00:06:32.120 อืม 00:06:32.120 --> 00:06:35.560 อันนี้เนี่ยเราสามารถเลือกใช้ได้ แบบว่าผิดไหม 00:06:35.640 --> 00:06:41.580 บางครั้งก็ว่าอาจจะใช้หมูสามชั้น อาจจะใช้สันคอหมู หมูติดมัน หมูสะโพกได้ทั้งสิ้น 00:06:41.580 --> 00:06:46.500 -อื้อหือ -มันหอมไหม 00:06:46.600 --> 00:06:48.900 มันหอมแล้วมันจะไม่ติดกลิ่นซีอิ๊วดำ 00:06:48.920 --> 00:06:52.200 -ไม่พูดอะไรเลยค่ะ จังหวะนี้ -อื้ม 00:06:52.280 --> 00:06:55.880 พอจานที่สอง จริงๆ แล้วที่เราเอามาแกงมัสมั่น 00:06:56.000 --> 00:06:59.740 วันนี้ใช้มัสมั่นเนื้อแล้วเลือกเอ็นน่องมา 00:06:59.740 --> 00:07:00.360 นะคะ 00:07:00.420 --> 00:07:06.440 เป็นส่วนที่เมื่อเอ็นน่องเปื่อยปั๊บ มันจะมีความรู้สึกนุ่มนวลเหมือนไขมันในนั้น 00:07:06.440 --> 00:07:07.200 -ค่ะ -นะคะ 00:07:07.220 --> 00:07:11.640 -จานนี้มาจากไหน -มลายูค่ะนี่แอบไปค้นหาข้อมูลมาแล้วนิดหน่อย 00:07:11.640 --> 00:07:14.020 -มลายูเพราะว่ามีเครื่องเทศ -ค่ะ 00:07:14.060 --> 00:07:19.140 แต่อาป้อมเชื่อเลยว่าคนไทย จะต้องมาปรับเข้ากับสูตรแกงของตัวเอง 00:07:19.140 --> 00:07:21.000 อันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่าวิวค้นมาถูกรึเปล่า 00:07:21.000 --> 00:07:25.900 แต่เท่าที่ค้นมาเนี่ยเขาบอกว่ามาจากมลายู แต่มลายูเนี่ยรับมาจากชาวมุสลิมอีกทีหนึ่ง 00:07:25.900 --> 00:07:31.020 -ดังนั้นมัสมั่นนี่มาจากชื่อประมาณว่ามัสมาน ซึ่งแปลว่ามุสลิมนะคะ -ใช่ 00:07:31.140 --> 00:07:38.480 ซึ่งในเมืองไทยเองมัสมั่นโดยชาวมุสลิม รสชาติเครื่องเทศก็ไม่เหมือนที่เราได้กินในร้านไทย 00:07:38.480 --> 00:07:43.600 -อ้า เหมือนกับมัสมั่นภาคกลางกับมัสมั่นภาคใต้ ภาคใต้จะดูเป็นมุสลิมมากกว่า -ใช่ ใช่ค่ะ 00:07:43.600 --> 00:07:45.540 -ทีนี้สำหรับอาป้อมเนี่ย -ค่ะ 00:07:45.540 --> 00:07:47.240 -เน้นอาหารภาคกลาง -ค่ะ 00:07:47.280 --> 00:07:54.000 จะบอกว่ามัสมั่นจริงๆ แล้วเนี่ยเราก็จะมีเครื่องเทศที่ใช้ ก็คือ เนี่ยที่เห็นในนี้นะคะ 00:07:54.000 --> 00:07:57.540 นี่ก็มีอบเชยนะคะ อันนี้คือลูกกระวาน 00:07:57.580 --> 00:08:01.920 จริงๆ แล้วในเครื่องแกงเนี่ยเราใส่โป๊ยกั๊กได้ 00:08:02.440 --> 00:08:04.720 -คือในของอาป้อมเนี่ย อาป้อมจะป่น -ค่ะ 00:08:04.780 --> 00:08:11.340 นะคะ เพื่อให้กลิ่นมันซึมไป แต่อย่ามากนะ พวกนี้ถ้าเล่นเครื่องเทศแรงเกินไปมันจะฉุนสำหรับเรานะคะ 00:08:11.440 --> 00:08:14.200 แล้วรสชาติของมัสมั่นนะคะ ก็จะมี 3 รส 00:08:14.200 --> 00:08:14.940 3 รสเลยเหรอคะ 00:08:14.960 --> 00:08:18.240 3 รสค่ะ โดยการที่มี เปรี้ยว เค็ม หวาน 00:08:18.280 --> 00:08:23.060 แต่รถเปรี้ยวไม่ต้องนำนะ รสเปรี้ยวเนี่ย ให้มีการแทรกของกลิ่นมะขามเข้ามา 00:08:23.060 --> 00:08:27.160 -จริงด้วยปรกติไม่ค่อยสังเกตว่ามันมีรสเปรี้ยว เน้นไปที่เค็มกับหวาน -ใช่ ใช่ 00:08:27.160 --> 00:08:28.380 แต่เค็มกับหวาน 00:08:28.460 --> 00:08:30.960 แต่พอมานั่งนึกดีๆ ก็ เออมันก็มีอยู่นิดนึง 00:08:30.960 --> 00:08:31.480 ค่ะ 00:08:31.540 --> 00:08:34.620 เค็มหวานแล้วมีกลิ่นน้ำมะขามแทรกเข้ามา 00:08:35.120 --> 00:08:38.620 กลิ่นเล็กๆ นะ อย่าเยอะนะ เยอะแล้วมันจะปรี๊ดเกินไป 00:08:38.680 --> 00:08:44.760 จานนี้นี่ได้ข่าวมาจาก เขาเป็นประเด็นกันอยู่นี่คะ ว่าใครเป็นคนแรกที่เริ่มเอามันฝรั่งใส่ลงไป 00:08:44.760 --> 00:08:46.720 -เพราะว่าตำหรับเดิมๆ ของ -ใช่ 00:08:46.720 --> 00:08:47.420 ไม่มีค่ะ 00:08:47.440 --> 00:08:51.400 และในวันนี้เนี่ยที่ร้านป่าก์เนี่ยเด็กรุ่นใหม่เป็นคนทำ 00:08:51.400 --> 00:08:53.320 ก็จะมีมันใส่เข้าไป 00:08:53.700 --> 00:09:01.300 ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย ในการรับประทานมัสมั่นที่มีมันฝรั่ง หรือส่วนใหญ่เนี่ยถ้าใส่อาป้อมจะใส่มันเทศ 00:09:01.300 --> 00:09:02.020 อ๋อ 00:09:02.020 --> 00:09:02.520 นะคะ 00:09:02.520 --> 00:09:07.620 -เพราะว่าจริงๆ มันฝรั่งนี่เหมือนมนุษย์เลยนะคะ ไม่ใช่แค่คนไทยจะเริ่มนำมารับประทานไม่นานเลย -ใช่ค่ะ 00:09:07.740 --> 00:09:11.820 แล้วก็มีการใส่มันในปัจจุบันเหมือนกับเพิ่มปริมาณ 00:09:11.820 --> 00:09:13.760 อ่า ก็คือทำให้อิ่มท้องมากขึ้น 00:09:13.800 --> 00:09:19.800 อิ่มท้องมากขึ้นและจริงๆ แล้วก็เหมือนกับ จะเป็นคำอธิบายต่อไปว่าไม่ได้เสียหาย 00:09:19.900 --> 00:09:22.580 เพราะอาหารต้องมีวิวัฒนาการ 00:09:22.580 --> 00:09:28.160 อ่า เหมือนคราวที่แล้วที่เรากินแกงเผ็ดเป็ดย่างกัน เราก็มีแบบว่าใส่ลิ้นจี่ลงไปนิดนึง 00:09:28.200 --> 00:09:33.020 แต่ว่าอาป้อมบอกว่าไม่เป็นไรเพราะมันยังมีสับปะรดอยู่ แปลว่ามันยังเป็นแกงเผ็ดเป็ดย่างอยู่ 00:09:33.200 --> 00:09:35.780 -เพราะมีสับปะรดก็คือทำให้เนื้อเป็ดนุ่ม -ทำนองนั้น 00:09:35.780 --> 00:09:40.020 -แต่อันนี้ก็คือพื้นฐานมาจากแกงมัสมั่นจริงจัง -ค่ะ 00:09:40.020 --> 00:09:43.040 เคี่ยวเนื้อเปื่อยจะใส่มันมา ผิดไหม ไม่ผิด 00:09:43.060 --> 00:09:46.920 แต่คอนเซ็ปต์ยังอยู่ ถ้าเติมนู่นเติมนี่ ถ้าเติมแล้วมันอร่อยก็เติมไปเถอะ 00:09:46.920 --> 00:09:47.700 ใช่ค่ะ 00:09:47.700 --> 00:09:51.740 อันนี้เนี่ยเขาเคี่ยวเนื้อน่องลายจนเปื่อย 00:09:51.800 --> 00:09:57.120 จริงๆ แล้วสำหรับอาป้อม การใช้เนื้อวัวเนี่ย เวลาเราเคี่ยวนานๆ นี่มันมีตะกอนของเนื้อ 00:09:57.180 --> 00:09:59.240 แกงของเราเนี่ย มีความเข้มข้นขึ้น 00:09:59.980 --> 00:10:04.000 แล้วจริงๆ แล้วแกงโบราณของเราเนี่ย เขาจะมีการเคี่ยวหัวกะทิจนแตกมัน 00:10:04.000 --> 00:10:08.080 การเคี่ยวหัวกะทิจนแตกมันเนี่ย มันทำให้ตัวมะพร้าวเนี่ยเป็นครีม 00:10:08.100 --> 00:10:11.540 ซึ่งมันทำให้แกงมีความเข้มข้นหวานมันตรงนั้นอีก 00:10:11.540 --> 00:10:13.460 คือจริงๆ ควรจะเคี่ยวให้แบบแตกไปเลย 00:10:13.540 --> 00:10:18.160 อืม แล้วก็จริงๆ แล้วมันตรงนี้สมัยใหม่เนี่ยใช้ผัดน้ำมันกัน 00:10:18.160 --> 00:10:19.520 แต่นี่คือน้ำมันจากกะทิ 00:10:19.520 --> 00:10:22.700 -ก็คือผัดให้กะทิแตกแล้วน้ำมันออกมาเองยังงี้ใช่ไหมค่ะ -ใช่ค่ะ 00:10:22.780 --> 00:10:27.320 แต่เนี่ย สมัยนี้ก็เป็นผัดเครื่องแกงในน้ำมันพืช น้ำมันอะไรทั่วไป 00:10:27.320 --> 00:10:28.960 -เร็วกว่า ประหยัดกว่า -ใช่ค่ะ 00:10:28.960 --> 00:10:30.900 ใช่ค่ะ แล้วก็ใช้กะทิสำเร็จรูปไง 00:10:31.020 --> 00:10:34.260 ถ้าในวิถีชีวิตรุ่นใหม่เนี่ย อาป้อมก็ไม่ได้คิดว่าผิดนะ 00:10:34.320 --> 00:10:36.940 คือคุณใช้กะทิสำเร็จรูป ดังนั้นแกงให้เป็น 00:10:37.040 --> 00:10:42.700 นั่นคือเครื่องแกงต้องมาผัดด้วยไฟอ่อนเรื่อยๆ จนกว่าเครื่องแกงจะสุกถึงค่อยเติมกะทิ 00:10:42.780 --> 00:10:45.800 เพราะว่าพอเครื่องแกงไม่สุกเนี่ย ใส่กะทิสำเร็จรูปลงไป 00:10:45.900 --> 00:10:49.420 เคยเห็นไหมเวลาเขาทำแล้วแกงมันน้ำใสๆ ขาวๆ แยกๆ อะ 00:10:50.000 --> 00:10:52.480 นั่นคือเครื่องแกงไม่สุกมันก็จะไม่กินกะทิ 00:10:52.560 --> 00:10:57.440 แล้วถ้าใช้ไฟแรงเกินไปก็ไหม้ แกงนี่เซนซิทีฟมากนะ แล้วก็ต้องนานพอ 00:10:57.520 --> 00:11:01.240 คือเราเนี่ยโดนสอนมาว่า เราจะต้องตำหรือบด ใช้เครื่องทุ่นแรงไม่ว่า 00:11:01.240 --> 00:11:05.140 แต่เราจะต้องบดจนพริกออกสีแล้วเครื่องแกงละเอียดเนียน 00:11:05.140 --> 00:11:06.140 อะ ชิม 00:11:06.140 --> 00:11:10.280 ค่ะ ชิมแกงเปล่าๆ เลยนะคะเนี่ย จะได้ได้รสแกงเต็มๆ 00:11:10.340 --> 00:11:16.760 คือรสเปรี้ยวเขาไม่เน้น แต่รสเปรี้ยวนี่มันจะดึงเข้ามานิดนึง กลิ่นมะขามจะผ่านปึ๊ดเข้ามานิดนึง 00:11:16.760 --> 00:11:18.720 ต่อมาถึงสะเต๊ะลือ 00:11:18.780 --> 00:11:21.460 โอ อันนี้ประวัติได้ข่าวว่ามันเหมือนกันนะคะ 00:11:21.540 --> 00:11:24.020 ก็มาจากอันนี้อินโดนีเซียถูกไหม 00:11:24.020 --> 00:11:25.020 ใช่ค่ะ 00:11:25.080 --> 00:11:27.380 แต่ทีนี้สะเต๊ะลือ ทำไมถึงลือ 00:11:27.500 --> 00:11:35.840 คือตอนที่เอาเข้ามาทำเข้าใจว่าในช่วงของพระวิมาดาเธอ ใช่ไหมค่ะ พระคุณเจ้าสายสวลีภิรมย์นี่แหละ 00:11:35.920 --> 00:11:39.320 ท่านก็เหมือนกับคล้ายๆ ว่า นี่แหละอย่างที่ว่า 00:11:39.320 --> 00:11:46.220 ตำหนักต่างๆ เนี่ยก็พยายามที่จะนำอาหารโน้นนี้มาทำให้ เพื่อที่เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวเสวยแล้วเนี่ย 00:11:46.320 --> 00:11:48.500 จะได้มีความต่างในรสชาติ 00:11:48.560 --> 00:11:50.960 -ตำหนักฉันมีตำหนักเดียวจ้า -ใช่ 00:11:51.040 --> 00:11:56.860 -ไม่ต้องสมัยนั้นหรอกค่ะ สมัยนี้แค่ร้านอาหาร เรายังต้องไปหาอาหารที่แบบเธอต้องมากินร้านฉันร้านเดียวเลย -ใช่ 00:11:56.880 --> 00:12:02.680 ใช่ แล้วเสร็จแล้วสะเต๊ะลือเนี่ย จริงๆ แล้วที่ลือก็คือร่ำลือในความอร่อย 00:12:02.760 --> 00:12:06.060 ประมาณว่าลือกันไป 3 บ้าน 8 บ้าน ที่นี่แหละอร่อยที่สุด 00:12:06.180 --> 00:12:11.000 ใช่ค่ะ และนั้นก็คือสะเต๊ะ เพราะฉะนั้นความอร่อยอจริงๆ แล้วไม่ต้องน้ำจิ้มนะคะ 00:12:11.040 --> 00:12:16.320 ตัวเขาอร่อยโดยการที่เรารับประทานอาจาดแก้เลี่ยนเท่านั้น 00:12:16.380 --> 00:12:24.920 ทีนี้เมนูนี้มันเป็นคำถามที่หลายๆ คนน่ะไม่เคยสงสัยเลย แต่วิวเนี่ยเพิ่งจะมาสงสัยตอนมารู้ประวัติสะเต๊ะลือ 00:12:24.920 --> 00:12:27.340 หรือว่าเพิ่งจะมาเคยกินสะเต๊ะที่อินโดนี่แหละค่ะ 00:12:27.340 --> 00:12:34.100 -คือสะเต๊ะ พูดจริงๆ มันเป็นอาหารมุสลิม ทำไมบ้านเรากินหมูสะเต๊ะกันคิดดูสิว่าเราปรับกันขนาดไหน -ใช่ 00:12:34.160 --> 00:12:41.820 ใช่ค่ะ นี่ไงวิวพูดถูกคือคนไทยเอาเข้ามาแปลง มีแม้กระทั่ง เริ่มจริงๆ เนี่ยเชื่อว่าน่าจะเป็นสะเต๊ะเนื้อ 00:12:41.880 --> 00:12:45.900 เดี๋ยวนี้มีสะเต๊ะหมู สะเต๊ะไก่ สะเต๊ะกุ้ง สะเต๊ะปลา 00:12:45.900 --> 00:12:47.300 ทุกอย่างทำเป็นสะเต๊ะหมด 00:12:47.360 --> 00:12:52.960 -นี่แหละการปรับใช้ของคนไทยนะคะ เพิ่งจะมาสงสัยกันใช่ไหมว่า เฮ้ย อาหารมุสลิมทำไมมันเป็นหมู -ใช่ 00:12:52.960 --> 00:12:54.260 -ใช่ค่ะ -นั่นแหละค่ะ 00:12:54.260 --> 00:12:57.420 เหมือนมัสมั่นเนี่ยไม่อนุญาตให้ทำหมู 00:12:57.460 --> 00:13:00.580 เพราะว่าคุณบอกว่าคุณเอามาจากของพวกมุสลิมอะ 00:13:00.580 --> 00:13:01.960 แล้วคุณจะทำหมูทำไม 00:13:01.980 --> 00:13:07.500 น่ะ แต่ก็นี่แหละค่ะ พอปรับเข้ากับปากคนไทยก็ ก็เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาแล้ว 00:13:07.500 --> 00:13:09.800 เราเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมอาหารและความอร่อย 00:13:09.820 --> 00:13:16.120 ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นถึงได้บอกว่าเราเอามาจากเขา เราไม่ได้ทำแบบเขาซะโดยตรง 00:13:16.120 --> 00:13:22.060 -ศิลปินที่เก่งคือศิลปินที่ขโมยเก่งค่ะ แต่ขโมยมาแล้วต้องปรับให้เข้ากับตัวเอง -ทำให้เป็นตัวของตัวเอง 00:13:22.140 --> 00:13:26.420 ไม่ใช่ว่าแบบ ยกมาแล้วตั้งวางปึ้งเลย เพราะว่าทุกอย่างในโลกที่เป็นงานศิลปะเนี่ย 00:13:26.420 --> 00:13:28.900 ได้รับแรงบันดาลใจจากอะไรบางอย่างทั้งนั้นแหละ 00:13:28.900 --> 00:13:31.860 วิวพูดถูกวิวใช้คำว่า แรงบันดาลใจ 00:13:31.860 --> 00:13:32.760 ค่ะ 00:13:32.860 --> 00:13:35.480 แนะนำให้ลองชิมโดยไม่จิ้มอะไรก่อน 00:13:35.500 --> 00:13:41.020 เดี๋ยวก็จะแอบดูวิธีกินของอาป้อมก่อนนะคะ แต่ถ้ากินเองนี่ทั้งไม้แหละค่ะ 00:13:41.120 --> 00:13:44.040 ได้เลยค่ะไม่มีปัญหาค่ะ อาป้อมจะกินไม่หมดเท่านั้นเอง 00:13:47.260 --> 00:13:49.420 เห็นไหม สะเต๊ะเขาจะมีรสชาติของเขาเอง 00:13:49.540 --> 00:13:51.800 เดี๋ยวคราวนี้แกล้มด้วยอาจาด 00:13:51.920 --> 00:13:55.880 อื้อหือ มีความคล้ายสะเต๊ะที่อินโดมากกว่าสะเต๊ะไทย 00:13:55.880 --> 00:13:56.620 อืม 00:13:56.720 --> 00:14:01.180 ถ้าที่เขาทำขายทั่วไปเขาเน้นเอาสีเหลือง นั่นก็คือขมิ้นผงกับผงกะหรี่ 00:14:01.640 --> 00:14:04.900 อันนี้เราหมักกะทิ อันนี้กลิ่นลูกผักชีจะชัดขึ้น 00:14:04.900 --> 00:14:06.280 กลิ่นเครื่องเทศชัดเจนมากค่ะ 00:14:06.280 --> 00:14:06.820 ใช่ค่ะ 00:14:06.820 --> 00:14:10.540 รู้เลยว่าทำไมพวกชาวตะวันตกต้องมาล่าอาณานิคมแถวนี้ 00:14:10.560 --> 00:14:15.060 ส่วนทองหยิบทองหยอดนี่ก็คงไม่ต้องเล่าแล้วแหละ ไม่ต้องถึงมืออาป้อมอะนะ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า 00:14:15.120 --> 00:14:20.780 ท้าวทองกีบม้าของเราพัฒนามาจากโปรตุเกส เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเราไม่เสียเวลาดีกว่า 00:14:20.800 --> 00:14:24.820 แล้วยังงี้ค่ะ อันนี้คืออาหารที่เราได้รับการยอมรับแล้ว ว่าเป็นอาหารไทย 00:14:24.840 --> 00:14:31.380 แล้วทีนี้อย่างอาหารไทยฟิวชั่นใหม่ๆ อย่างวิวบอกว่า อย่างวิวกินสเต๊ก สเต๊กนี่อาหารฝรั่ง 100% ชื่อก็บอกแล้ว่าสเต๊ก 00:14:31.440 --> 00:14:34.780 เกิดวิวเอาสเต๊กไปจิ้มแจ่วนับเป็นอาหารไทยได้รึยังคะ 00:14:34.780 --> 00:14:36.520 ก็เป็นการผสมผสาน 00:14:36.520 --> 00:14:37.260 นะคะ 00:14:37.280 --> 00:14:40.900 เอายังงี้ สมมติว่า อันนี้ตัวอย่างนี้จะอธิบายได้ง่ายขึ้น 00:14:40.900 --> 00:14:42.820 คือแกงเขียวหวานเนื้อ 00:14:42.820 --> 00:14:43.620 อ้า ค่ะ 00:14:43.760 --> 00:14:48.780 นะคะ อาป้อมเคยเสิร์ฟแม้กระทั่งใช้เนื้อสเต๊กดีๆ มาวาง 00:14:48.860 --> 00:14:55.660 และราดด้วยซอดแกงเขียวหวานข้นๆ แล้วอาป้อมอาจจะเอามะเขือมาผัดเป็นเครื่องแกล้ม 00:14:55.660 --> 00:14:57.220 โรยด้วยใบโหระพา 00:14:57.260 --> 00:15:01.980 อาป้อมไม่เรียกว่าฟิวชั่น จานเช่นนั้นอาป้อมเรียกว่า Modern Thai 00:15:01.980 --> 00:15:05.780 อ่า ก็คืออาหารไทยจานเดิม ทุกอย่างเป็นของที่มีอยู่ในไทย 00:15:05.780 --> 00:15:09.440 -ใช่ -เราแค่มันจัดเรียงใหม่ให้มันก็ modern ขึ้น 00:15:09.440 --> 00:15:15.500 ค่ะ เพราะว่าสมัยก่อนคนไทยรับประทานเนื้อวัวเนื้อควาย ซึ่งต้องเคี่ยวในแกง 00:15:15.560 --> 00:15:24.000 แต่ปัจจุบันเรามีเนื้อเข้ามาหรือเนื้อโคขุนที่เราเลี้ยงเอง แล้วมันมีความนุ่มมีคุณภาพที่ดีกว่า 00:15:24.040 --> 00:15:26.780 เราก็เสิร์ฟทั้งแบบที่เป็นสเต็กนะคะ 00:15:26.860 --> 00:15:32.400 แต่เมื่อเราตักสิ่งนั้นรวมกันเข้าปาก ในปากเราก็ยังเป็นแกงเขียวหวานเนื้อ 00:15:32.480 --> 00:15:38.480 งั้นวิวสามารถสรุปแบบนี้ได้ไหมค่ะ อาป้อม ว่าทั้งหมด ที่เราคุยมาเนี่ย จากคำถามที่บอกว่าอาหารไทยคืออะไรเนี่ย 00:15:38.540 --> 00:15:41.020 จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องนิยามหรอกว่าอาหารไทยคืออะไร 00:15:41.060 --> 00:15:44.400 -มันก็คืออาหารที่คนไทยรับประทานแล้วถูกปากนั่นแหละ -ใช่ค่ะ 00:15:44.460 --> 00:15:49.760 แต่ว่าพอพูดถึงอาหารพูดถึงศิลปะวัฒนธรรมอะไรต่างๆ มันไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน 00:15:49.760 --> 00:15:52.520 มันก็คือการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอะไรกันไปมา 00:15:52.560 --> 00:15:59.220 เอาแค่ว่ากินแล้วอร่อยกินแล้วถูกปากกินแล้วพอใจ แล้วยังเก็บรากเหง้าแล้วก็เก็บคอร์หลักของอาหารชนิดนั้นน่ะ 00:15:59.220 --> 00:16:05.060 -ว่าแบบว่าชนิดเกิดขึ้นมาเพื่ออะไรยังไง แต่นั่นแหละ เป็นอาหารที่อย่าเรียกว่าถูกต้องเลย -ใช่ค่ะ 00:16:05.060 --> 00:16:07.400 ก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารประเภทนั้นๆ แล้ว 00:16:07.400 --> 00:16:08.040 ใช่ค่ะ 00:16:08.060 --> 00:16:11.800 นี่แหละค่ะ วันนี้เราก็ได้คำตอบจากอาป้อมแล้วนะคะ ว่าอาหารไทยคืออะไร 00:16:11.820 --> 00:16:15.460 เป็นยังไงบ้างทุกคนคิดเห็นเหมือนกันไหม ลอง comment มาด้านล่างได้นะคะ 00:16:15.540 --> 00:16:20.500 อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครสนใจเรื่องอาหารอะไรต่างๆ อยากรับรู้วัฒนธรรมผ่านอาหาร 00:16:20.560 --> 00:16:24.700 อยากเห็นการปะทะกันของอาหารรสกลมกล่อม อาหารรสจัดจ้านนะคะ 00:16:24.740 --> 00:16:28.140 เรื่องปลายจวักนะคะ ก็สามารถรับชมได้ที่ Thai PBS นะคะ 00:16:28.140 --> 00:16:33.480 ในทุกวันเสาร์อาทิตย์เวลา 20.15 - 21.10 น. ค่ะ 00:16:33.540 --> 00:16:38.280 นอกจากนี้ก็ยังรับชมย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์นะคะ วิวขึ้น QR Code ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะทุกคน 00:16:38.320 --> 00:16:42.760 สำหรับวันนี้ต้องขอบคุณอาป้อมมากๆ เลยนะคะ ที่มาให้ความรู้อีกรอบหนึ่ง 00:16:42.760 --> 00:16:45.800 อยากให้วิวไปคุยอะไรกับใครอีก ก็ comment มาด้านล่างเช่นกันค่ะ 00:16:45.840 --> 00:16:49.640 วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ 00:16:49.640 --> 00:16:53.620 แหม่ ทุกคนก็รู้อยู่ว่าถ่ายคลิปอาหาร มันก็ต้องมานั่งกินนี่แหละ 00:16:53.620 --> 00:16:56.760 จุดประสงค์หลักของคลิปนี้ก็คือ อยากมาชิมอาหารไทยนี่แหละค่ะ 00:16:56.800 --> 00:17:02.460 ดังนั้นเราปิดคลิปกันเถอะ วิวจะไปกินต่อแล้วทุกคน วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ 00:17:09.980 --> 00:17:10.960 พอแล้วปิดกล้อง