-
รู้ไหมคะว่า ปาท่องโก๋ ไม่ใช่ปาท่องโก๋?
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
กลับมาอีกครั้งนะคะกับฉากแปลกใหม่
-
พร้อมกับชื่อรายการเรียบร้อยแล้วนะตอนนี้
-
เรามีชื่อรายการว่า วิววันว่าง ค่ะ
-
ซึ่งวิวจะพาทุกคนมาทำอะไรสนุกๆ และได้สาระไปพร้อมกันนะคะ
-
ในวันว่างๆ ของวิวค่ะ
-
และวันนี้นะคะ วิวก็ตั้งใจจะชวนทุกคนมาทำขนมชนิดนึงค่ะ
-
เห็นชื่อคลิปด้านล่างไหม?
-
วิวบอกว่า วิวจะมาพาทำปาท่องโก๋อะไรต่างๆ
-
พร้อมเล่าเกี่ยวกับประวัติของปาท่องโก๋
-
แต่จริงๆ แล้ว วิวหลอกทุกคนค่ะ
-
เพราะว่าขนมที่วิวจะมาชวนทุกคนทำในวันนี้
-
มันไม่ใช่ปาท่องโก๋นะคะ
-
แต่ว่ามันเป็นขนมอีกชนิดนึงค่ะ
-
อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งกดปิดคลิปตรงนี้ค่ะ
-
อยากกินปาท่องโก๋จิ้มนมข้นใจจะขาด อย่าปิดนะคะ
-
เพราะว่ามันคือ ปาท่องโก๋ที่ทุกคนเข้าใจนั่นแหละ
-
แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปาท่องโก๋ค่ะ
-
ยิ่งฟังยิ่งงงนะคะ ดังนั้นเดี๋ยวเราเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
-
ตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก อร่อย แล้วก็ได้สาระหรือยังคะ?
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
-
หลายคนนะคะ ฟังวิวเมื่อกี้ไปก็จะงงๆ นิดนึง
-
ประมาณว่า อ้าวสรุปจะมาทำปาท่องโก๋หรือไม่ทำปาท่องโก๋?
-
หรือทำอย่างอื่น? หรือทำอะไรกันแน่นะคะ?
-
ก็ต้องบอกว่า วันนี้มาทำขนมชนิดนึงแน่นอนค่ะ
-
แต่ว่าขนมชนิดนั้น ไม่ใช่ปาท่องโก๋นะคะ
-
แต่มันก็คือ ขนมชนิดนี้นั่นเอง
-
อ้าว มันก็ดูหน้าตาเป็นปาท่องโก๋ที่เรารู้จักกันดีหนิ
-
เอาไว้จิ้มนมขงนมข้นตอนเช้า
-
เอาไว้กิน เอาไว้ทำอะไร
-
แล้วมันแตกต่างจากปาท่องโก๋ปกติยังไงนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่า มันคือปาท่องโก๋ที่ทุกคนรู้จักกันนั่นแหละค่ะ
-
แต่ว่า ขนมชนิดนี้ จริงๆ แล้วเนี่ย เค้าไม่ได้เรียกว่า ปาท่องโก๋ นะคะ
-
เค้าเรียกว่า ขนมอิ่วจาก้วย ค่ะ
-
ตามสำเนียงของคนแต้จิ๋วนะคะ
-
คือถ้าเราไปคุยกับคนแต้จิ๋ว พวกอาม่าอากงต่างๆ เนี่ย
-
เค้าจะเรียกขนมชนิดนี้ว่า อิ่วจาก้วยๆๆ
-
ว่าแต่ปาท่องโก๋ของจริงเนี่ย คืออะไรกันแน่นะคะ?
-
ปาท่องโก๋จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า แปะทึงกอ
-
ภาษาจีนแต้จิ๋วค่ะ
-
แปะ แปลว่า สีขาว นะคะ
-
ทึง แปลว่า น้ำตาล
-
กอ แปลว่า ขนม
-
ดังนั้น แปะทึงกอ จึงแปลว่า ขนมน้ำตาลทรายขาวค่ะ
-
มีหน้าตาแตกต่างจากปาท่องโก๋ที่เรารู้จักในปัจจุบันมากเลยนะคะ
-
อย่างที่เห็นในภาพนี่ ว่าแตกต่างกันขนาดนี้
-
ทำไมอยู่ดีๆ คนถึงเอาชื่อของแปะทึงกอ หรือว่าปาท่องโก๋
-
ไปยกให้กับอิ่วจาก้วย
-
ก็ต้องบอกว่า
-
เกิดจากสมัยก่อน คนจีนเนี่ยมักจะขายขนมแปะทึงกอคู่กับขนมอิ่วจาก้วยอยู่เสมอค่ะ
-
ดังนั้นแน่นอนนะคะว่า คนไทยเนี่ยฟังไม่ค่อยออกค่ะ
-
เวลาคนจีนตะโกนขายนะคะ
-
ก็เลยจำอันที่คุ้นๆ หูกว่าว่าแบบ แปะทึงกอๆๆ
-
ปาท่องโก๋ นะคะ
-
เมื่อต้องการซื้อขนมทอดๆ ที่ตัวเองชอบนะคะ
-
ก็เลยสั่งหาปาท่องโก๋ แทนที่จะสั่งอิ่วจาก้วยที่ไม่คุ้นชื่อเลยค่ะ
-
จนสุดท้ายนะคะ ชื่อของอิ่วจาก้วยก็ค่อยๆ เลือนหายไป
-
กลายเป็นชื่อ ปาท่องโก๋ ในที่สุดนั่นเองค่ะ
-
ดังนั้นวันนี้ขนมที่วิวจะทำก็คือ ขนมอิ่วจาก้วยนะคะ
-
ซึ่งคนเข้าใจว่าเป็นปาท่องโก๋ค่ะ
-
และวันนี้พิเศษมากๆ เพราะว่าสูตรที่วิวใช้เนี่ย
-
จะเป็นสูตรที่เค้าไม่ได้ทำขายกันตามท้องตลาดนะ
-
คือตามท้องตลาดเนี่ย
-
มันจะมีส่วนผสมส่วนผสมนึง ซึ่งหาค่อนข้างยากนะคะ
-
นั่นก็คือ แอมโมเนีย นั่นเอง
-
ดังนั้นวันนี้ สูตรที่วิวจะนำมาใช้เนี่ย ก็จะเป็นของที่หาได้ง่ายๆ นะคะ
-
หาได้ในบ้านสำหรับคนที่ทำขนมอยู่แล้ว
-
หรือใครที่อยู่บ้านแล้วเบื่อ อยากทำปาท่องโก๋กินเอง
-
ไม่อยากไปซื้อตามตลาด
-
ก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็น่าจะมีส่วนผสมทุกอย่างครบถ้วนนะคะ
-
ดังนั้นวันนี้เรามาเริ่มกันดีกว่าค่ะ
-
เอาละได้เวลาเริ่มทำแล้วนะคะ
-
สำหรับวัตถุดิบของเราในวันนี้ก็มีมากมายหลากหลายนะคะ
-
วัตถุดิบอย่างแรกนะคะ ก็คือ แป้งสาลี นั่นเอง
-
อย่างที่สองนะคะ ก็คือ baking powder ค่ะ
-
หรือที่รู้จักกันดีในนาม ผงฟู นะคะ
-
ตามชื่อเลย ทำให้ขนมของเราฟูค่ะ
-
ถัดไปนะคะ ได้แก่ baking soda นะคะ
-
ซึ่งอันนี้ก็จะทำหน้าที่แบบเหมือนปรับสมดุลกรดด่างอะไรของขนมเรา
-
วิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ
-
ไม่ใช่เป็นเชฟขนาดนั้น ไม่ได้รู้ขนาดนั้น
-
แต่ที่วิวรู้คือ baking soda นี่ของสารพัดประโยชน์มากนะคะ
-
ใครที่เป็นพวกชอบที่อาหาร หมักหมงหมักหมูต่างๆ
-
ใช้ baking soda นี่เวิร์ค
-
เท่านั้นยังไม่พอนะ ใครขัดส้วมไม่ออกก็ baking soda เหมือนกันนะคะ
-
ก็กินได้ทุกคน กินได้นะจ๊ะ
-
ถัดไปค่ะ แน่นอนว่า มีขนมก็ต้องมีน้ำตาลนะคะ
-
แล้วก็เกลือนิดนึง เอาไว้ตัดความหวานต่างๆ นะจ๊ะ
-
แล้วก็ใช้น้ำมันค่ะ
-
น้ำมันนี่ใช้ทั้งผสมเข้าไปในตัวขนม
-
แล้วก็ใช้สำหรับทอดขนมด้วยนะคะ
-
ดังนั้นเตรียมไว้เยอะนิดนึง ไม่งั้นใช้หมดบ้าน
-
แม่ทำกับข้าวไม่ได้ แม่อาจจะกริ้วโกรธได้นะคะทุกคน
-
และอย่างสุดท้ายค่ะ นั่นก็คือ ยีสต์นั่นเอง
-
ซึ่งวิวใช้เป็นยีสต์ผงนะ
-
แต่ว่าเอาจริงๆ วิวจะใช้แบบขวดแค่นี้ อันเล็กๆ นะ
-
แต่ว่าอันนี้ไม่ได้ทำนาน มันหมดอายุแล้ว
-
กลัวยีสต์ตายนะคะ ก็เลยไปซื้อมาใหม่
-
และด้วยความที่ทุกคนทำครัวเยอะมากในช่วงนี้
-
ทำให้ไอ้ยีสต์แบบนี้มันหมด
-
ก็เลยต้องไปซื้อเป็นถุงอย่างนี้มา
-
ก็เดี๋ยวลองมาเปิดพร้อมกันค่ะ
-
ไป ส่วนผสมครบแล้ว เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ
-
สำหรับขั้นตอนแรกนะคะ เราจะมาเริ่มที่ของแห้งก่อนเลยค่ะ
-
ซึ่งเอาจริงๆ เราควรจะมีอุปกรณ์ชิ้นนึงนะคะ
-
นั่นก็คือ ที่ร่อนแป้ง นั่นเอง
-
แต่ว่าเนื่องจาก มีใครบางคนขโมยวิวไปทำคลิปเมื่อนานมาแล้วนะคะ
-
แล้วก็ไม่เอามาคืนนะ
-
ดังนั้นตอนนี้เราก็เลยต้องหาอุปกรณ์มาประยุกต์แทนนะคะ
-
ซึ่งอันนี้มีกระชอนลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่นะคะ
-
ก็จะเอาสิ่งนี้มาใช้แทนนะ
-
ข้อดีของมันคือ มันมีที่เกี่ยวกับขอบไอ้นี่นะคะ
-
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ
-
เริ่มจากร่อนแป้งลงไปก่อนนะคะ
-
อ่า ใส่ลงไปเลย
-
เอาล่ะ เราร่อนแป้งเสร็จแล้วเรียบร้อยนะคะ
-
ขั้นตอนต่อไปก็คือ ใส่ผงฟูกับใส่เบคกิ้งโซดาค่ะ
-
ผงฟู 1 ช้อนชานะคะ
-
โบ๊ะ ลงไป
-
แล้วก็ baking soda ทั้งหมด 1/4 ช้อนชานะคะ
-
เอาล่ะ เรียบร้อยนะคะตอนนี้
-
เราก็ได้ของแห้งของเราเรียบร้อยแล้ว
-
เราก็พักทิ้งไว้นะคะ
-
แล้วเดี๋ยวเราจะมาเริ่มที่ของเปียกกันค่ะ
-
อย่างแรกนะคะ เราต้องปลุกยีสต์ก่อนนะ
-
คือยีสต์ของเราเนี่ย ที่เรานำมาใช้
-
จริงๆ แล้วถึงมันจะดูเป็นผงธรรมดาทั่วไป
-
แต่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตค่ะทุกคน
-
ดังนั้นถ้ามันตาย หรือว่าถ้ามันไม่ตื่น
-
หรือถ้ามันอะไรต่างๆ เนี่ยนะคะ
-
ขนมของเรามันก็จะไม่ได้แบบที่มันควรจะได้ค่ะ
-
ดังนั้นปลุกมันให้ถูกวิธีค่ะ
-
อย่างแรกนะคะ ใส่น้ำอุ่นลงไปก่อนเลย
-
บอกก่อนนะคะว่า น้ำอุ่นนี่ต้องอุ่นจริงๆ นะ
-
วิธีเทสคือ เอานิ้วของเราเนี่ยนะคะ จิ้มลงไปในน้ำเลยค่ะ
-
ซึ่งถ้าใครสมมติว่าเพิ่งต้มมาเดือดๆ
-
มั่นใจได้เลยนะคะว่า มันร้อนเกินไป
-
อย่าจิ้มนะ เดี๋ยวนิ้วพองนะคะ
-
ตอนนี้วิวก็ทิ้งมันไว้แป็บนึงแล้ว
-
จิ้มลงไปก็โอเค
-
อุณหภูมิพอทนได้ เหมือนออนเซ็นนะคะ
-
ดังนั้นนี่แหละ ใช้ได้แล้ว
-
เราก็เริ่มเอายีสต์แห้งของเรา ใส่ลงไปก่อนเลยค่ะ
-
1 ช้อนชา
-
โบ้มลงไปเลย
-
นี่นะคะ มันก็จะแตกตัวแบบนี้เหมือนจอกแหนนะ
-
เอาล่ะ ต่อไปก็คือ น้ำตาล นะคะ
-
เพราะว่าน้ำตาลนี่เป็นอาหารของยีสต์นะ
-
ระวังนะทุกคน น้ำตาลก็คือ น้ำตาล ไม่ใช่เกลือนะคะ
-
หลังจากที่คุยกับเพื่อนๆ มาหลายบ้านนี่
-
โอกาสหยิบน้ำตากับเกลือสลับกันสูงมากนะคะ
-
ดังนั้นน้ำตาลจ้า
-
หนึ่ง สอง
-
ใส่เกลือนะคะ ไปทั้งหมดครึ่งช้อนชาค่ะ
-
เสร็จแล้วก็คนมันให้เข้ากัน
-
หลังจากที่เราคนยีสต์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ
-
เราก็ทำการพักมันไว้ก่อนค่ะ
-
จนกว่ายีสต์ของเรานะคะ จะตื่นขึ้นมาเริงร่า
-
มันก็จะมีฟองฟ้อดขึ้นมาค่ะ
-
ไป เดี๋ยวเราไปพักกันแป็บนึงเนอะ
-
หลังจากที่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีนะคะ
-
ตอนนี้ยีสต์ของเราก็เติบโตเฟื่องฟูนะคะ
-
เห็นได้จากฟองที่อยู่ข้างหน้าแล้วนะ
-
เราก็จะทำการเทมันลงไปในนี้ค่ะ
-
โดยการแหวกแป้งนะคะให้เป็นหลุมตรงกลางก่อน
-
เพื่อที่มันจะไม่ได้ไปเกาะที่ขอบๆ เนอะ
-
แล้วก็จัดการค่อยๆ เทส่วนผสมยีสต์ของเราลงไปนะคะ
-
เทลงไปทีละนิด แล้วก็ผสม
-
แล้วก็ผสมมันไป ค่อยๆ ผสมนะคะ ให้มันเข้ากัน
-
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-
เอ้า ใส่ลงไป
-
ตอนนี้มันก็จะดูเป็นสิ่งมีชีวิตเหลวๆ สิ่งนึง
-
ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหรอก เป็นแป้งโดเหลวๆ ก้อนนึงนะคะ
-
เอาล่ะ หลังจากที่เราคนแป้งของเรามาสักพักนึงแล้วนะคะ
-
จนมันเริ่มเข้ากัน เริ่มจับตัวเป็นก้อนแป้งเหนียวๆ แล้วเนี่ยนะคะ
-
ก็จะได้เวลา นวดแป้งนั่นเองนะคะ
-
เราก็จะใช้วิธี เอาชามขนาดใหญ่มาอีกใบนึง
-
แล้วก็จัดการเอาแป้งที่เหลืออยู่นะคะ โรยมันลงไปค่ะ
-
สาดมันลงไปก่อน
-
อย่างแรกคือ มือเราต้องเปื้อนแป้งทุกสัดส่วนนะคะ
-
ถ้าเราไม่เปื้อนตรงไหน มันจะติดมือตรงนั้นนะคะ
-
อันนี้จากประสบการณ์
-
เราก็ทำการเอาไอ้แป้งของเราเนี่ย โบ้มลงไปเลย
-
นวดไป นวดๆ
-
มันก็เป็นก้อนละเห็นไหม? ตอนนี้นะคะ
-
ก็เดี๋ยวเราจะพักเค้าไว้
-
ด้วยความที่เป็นน้องยีสต์นะคะ เราไม่สามารถพักเค้าไว้เฉยๆ ได้
-
เพราะว่าเดี๋ยวเค้าจะตกใจแล้วตายนะคะ
-
ดังนั้นเราก็จะต้องแรปค่ะ
-
หมายถึง โย่ อย่างนี้เหรอ?
-
ไม่ใช่นะคะ
-
หมายถึงว่า เราต้องใช้พลาสติกแรปอาหารนะคะปิดเอาไว้
-
เพื่อว่าเค้าจะได้ไม่เจอกับความแห้งอะไรต่างๆ นะคะ
-
จะได้คงความชื้น
-
ปิดเค้าเอาไว้
-
เรียบร้อยนะคะตอนนี้
-
เราก็จะทิ้งเค้าเอาไว้เป็นระยะเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ
-
แต่ระหว่างนี้ อยากรู้ตำนานที่มาของขนมอิ่วจาก้วยกันไหมว่า
-
เฮ้ย มันมาจากไหน อะไรยังไง?
-
ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงกลายเป็นอิ่วจาก้วย?
-
ทำไมมันต้องปั้นรูปร่างหน้าตาให้เป็น 2 ชิ้นประกบกันแบบนี้นะคะ?
-
บอกเลยมันมีที่มาค่ะ
-
เดี๋ยวเราไปฟังเรื่องนี้ระหว่างรอกันดีกว่าค่ะ ไป
-
เรื่องราวความเป็นมาของขนมอิ่วจาก้วยตามภาษาจีนแต้จิ๋ว
-
หรือว่า โหยวจากุ้ย ตามภาษาจีนกลางเนี่ย
-
มีที่มาในประวัติศาสตร์ เล่าย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ซ่งของจีนเลยนะคะ
-
ตอนนั้นเนี่ย ราชสำนักวุ่นวายค่ะ
-
มีเกมการเมืองต่างๆ
-
มีการยึดคติรวมอำนาจเข้าศูนย์กลาง
-
หรือว่า ไม่ให้พวกข้าราชการท้องถิ่นมามีอำนาจนะคะ
-
โดยเฉพาะทหารค่ะ เพราะว่ากลัวจะก่อกบฎนะ
-
แต่ตัวราชสำนักเองตอนนั้นก็วุ่นวาย ชิงดีชิงเด่นกัน
-
ขุนนางบุ๋นมีมากกว่าขุนนางบู๊
-
ทำให้กองทัพเนี่ยอ่อนแอสุดๆ เลยค่ะ
-
ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นนะ มีปัญหาใหญ่มากก็คือ
-
ชนเผ่าต่างๆ มักจะมาก่อกวนคุกคามราชสำนักอยู่เสมอนะคะ
-
โดยเเฉพาะชาวแคว้นจินค่ะ
-
ต้องบอกว่า คุกคามสำเร็จด้วยนะ
-
เพราะว่าตอนแรกเนี่ย มีราชวงศ์ชื่อว่า ราชวงศ์ซ่งเหนือใช่ไหม?
-
ทีนี้ชาวจินก็บุกมาตีเมืองไคฟง
-
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซ่งเนี่ย แตกยับเลยค่ะ
-
แล้วก็จับเชื้อพระวงศ์ไปหลายพระองค์ด้วยกันนะคะ
-
ใช่ค่ะ เปาบุ้นจิ้นเนี่ยก็อยู่สมัยราชวงศ์ซ่งนี่แหละนะคะทุกคน
-
สุดท้ายนะคะ ราชวงศ์ซ่งเหนือก็ล่มสลายนะคะ
-
แต่ว่ามีเชื้อพระวงศ์องค์นึงเนี่ยหนีรอดไปได้ค่ะ
-
ก็เลยตั้งราชวงศ์ใหม่นะคะ เป็นราชวงศ์ซ่งใต้ขึ้น
-
แล้วก็ย้ายเมืองหลวงไปอยู่อีกที่นึงค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ ในช่วงเวลาวุ่นวายนั้นก็มีวีรบุรุษอยู่คนนึง
-
นั่นก็คือ แม่ทัพงักฮุย นั่นเองค่ะ
-
งักฮุยนี่เป็นแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ เก่งกาจ มีความสามารถ
-
เค้าคอยต่อสู้ขับไล่ข้าศึกอยู่เสมอ
-
ทำให้ประชาชนเนี่ย ยกย่องงักฮุยมากๆ เลยนะคะ
-
เคยได้ยินไหมคะ? ดีได้แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย
-
นี่แหละค่ะ ปัญหา
-
แน่นอนนะคะว่า งักฮุยก็ไปเตะตาขุนนางคนนึงเข้าค่ะ
-
ขุนนางคนนั้นนะคะ เป็นขุนนางชื่อดังมากๆ เลยค่ะในประวัติศาสตร์จีน
-
ไม่ใช่ดังในทางดีนะคะ
-
แต่เรียกได้ว่า เป็นขุนนางกังฉินชื่อดังคนนึงของจีนเลยค่ะ
-
เค้าชื่อว่า ฉินไคว่ หรือว่าบางคนก็เรียกว่า ฉินฮุ่ย นะคะ
-
ทีนี้ปัญหาของเค้าคืออะไร?
-
ก็ต้องบอกว่า
-
ปัญหาคือ ฉินไคว่เนี่ยเคยเป็นขุนนางของราชวงศ์ซ่งเหนือมาก่อนค่ะ
-
ซึ่งตอนแรกเนี่ยเป็นขุนนางดีๆ อยู่อ่ะนะ
-
ปรากฏว่า ตอนที่ราชวงศ์ซ่งเหนือโดนกวาดล้างไปเนี่ยนะคะ
-
ฉินไคว่ก็ติดไปกับเค้าด้วยค่ะ
-
แต่ว่าในขณะที่คนอื่นเนี่ย โดนทรมานอะไรต่างๆ ให้ยอมแพ้นะคะ
-
ฉินไคว่รอดค่ะ
-
เพราะว่าดันไปตกลงเป็นไส้ศึกให้กับพวกจินซะงั้นนะคะ
-
พวกจินก็เลยปล่อยตัวกลับมาค่ะ
-
ฉินไคว่ก็แกล้งหนีนะคะกลับราชวงศ์ซ่งใต้ค่ะ
-
บอกว่า ฉันไปต่อสู้ฟาดฟันกับพวกจินจนหนีมาได้ในที่สุดนะคะ
-
ก็เลยได้มารับราชการต่อค่ะ
-
และแน่นอนว่า ฮ่องเต้องศ์ใหม่เนี่ยเชื่อฉินไคว่มากๆ เลยนะ
-
เพราะว่า ถือว่าเป็นขุนนางเก่าค่ะ
-
ฉินไคว่ก็เลยได้ทีนะคะ
-
คอยยุยงต่างๆ ไม่ให้ฮ่องเต้เนี่ยสู้กับแคว้นจิน
-
บอกว่า สู้ไม่ได้หรอก ยอมๆ ไปเถอะ เราจะได้ไม่แตกไง
-
อะไรแบบนี้นะคะ
-
เห็นไหม? แน่นอนว่า งักฮุยที่สู้กับจินได้ก็เลยเป็นปัญหาใหญ่ของฉินไคว่นะคะ
-
สุดท้ายฉินไคว่ก็เป่าหูฮ่องเต้จนสำเร็จนะคะ
-
ทำให้ฮ่องเต้เนี่ย เรียกงักฮุยเข้าเมืองหลวงค่ะ
-
เรียกเข้ามาปุ๊บก็จับขังเลยนะคะ
-
บอกว่า ข้อหาก่อกบฏซ่องสุ่มกำลังพล
-
ก็เล่นมีอำนาจมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนใช่ไหมล่ะคะ?
-
แน่นอนว่า คนซื่อสัตย์อย่างงักฮุยนะคะ ไม่มีทางยอมรับว่า ตัวเองกบฎแน่นอน
-
งักฮุยนะคะ ก็ไปยืนยันอยู่ในคุกว่า
-
ฉันไม่ได้กบฏๆๆๆ
-
และแน่นอนค่ะ ใครดูหนังจีนมาเยอะน่าจะเก็ตว่า เกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
-
นั่นก็คือ ฉินไคว่ที่โดนเมียยุนะคะ
-
ก็จัดการเข้าไปวางยางักฮุยถึงในคุกเลยตามระเบียบนะคะ
-
จนในที่สุดงักฮุยก็ตายจากไปค่ะ
-
หลังจากนั้นนะคะ
-
ราชวงศ์ซ่งใต้ก็พ่ายแพ้ให้กับแคว้นจินรัวๆ เลย มาอีกยาวนานเลยค่ะ
-
ชาวบ้านก็เลยเกลียดฉินไคว่มาก
-
ถึงขนาดที่ต่อมาเนี่ยนะคะ ตอนที่มีการสร้างวัดอุทิศให้แด่งักฮุยเนี่ย
-
ก็มีการสร้างรูปปั้นของฉินไคว่กับเมียเอาไว้หน้าวัดด้วยนะ
-
แต่ไม่ได้สร้างดีๆ นะคะทุกคน
-
คือเค้าสร้างให้คุกเข่าอยู่หน้าวัด
-
แล้วให้ใครต่อใครที่ผ่านไปผ่านมาเนี่ย
-
สามารถถ่มน้ำลายใส่ฉินไคว่ได้นั่นเองค่ะ
-
แล้วทีนี้เรื่องทั้งหมดเนี่ย เกี่ยวอะไรกับขนมอิ่วจาก้วยของเรานะคะ?
-
ก็ต้องบอกว่า จากประวัติศาสตร์ที่เล่าไปเมื่อกี้
-
มันมีตำนานแทรกอยู่ค่ะ
-
เค้าบอกว่า ตอนที่งักฮุยตายเนี่ยนะคะ
-
ชาวบ้านโกรธแค้นฉินไคว่มากๆ ค่ะ
-
และบังเอิญว่าตอนนั้นเนี่ย ในเมืองหลวงเนี่ยก็มีแผงลอยสองแผง
-
เปิดร้านขายอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ
-
แผงนึงเนี่ย เจ้าของชื่อว่า หวางเอ๋อร์
-
เค้าขายขนมที่ทำจากแป้งอะไรอย่างนี้นะ
-
ส่วนอีกแผงเนี่ย เจ้าของชื่อว่า หลีซื่อ ค่ะ
-
เค้าขายของทอด
-
เช้าวันนั้นเนี่ยหลีซื่อก็เดินมาเม้าท์กับหวางเอ๋อร์ตามปกติ
-
น่ะ เม้าท์มอยการเมืองกันแบบ อือหืม มันส์ในอารมณ์นะคะ
-
เรียกได้ว่า ขึ้นๆ โกรธไง โกรธมากนะคะ
-
หวางเอ๋อร์นะคะ ก็เลยเอาแป้งที่ตัวเองกำลังทำขนมอยู่เนี่ย
-
มาปั้นเป็นรูปคนสองคนค่ะ
-
กะให้เป็นฉินไคว่กับเมีย
-
แล้วก็เอามีดเนี่ย มาสับๆๆๆ เพื่อความสะใจค่ะ
-
แต่หลีซื่อนะบอก อูหู้ น้อยไปแค่นี้ ไม่สะใจเลย
-
เดี๋ยวเฮียจัดให้
-
ว่าแล้วนะคะ หลีซื่อก็เดินกลับไปที่แผงของตัวเองค่ะ
-
ไปเอากระทะกับน้ำมันมานะคะ
-
แล้วก็ตั้งน้ำมันให้เดือดๆ เลย
-
ว่าแล้วก็เอาแป้งของหวางเอ๋อร์ที่ปั้นเป็นรูปคนสองคนเนี่ยนะคะ
-
มัดกันค่ะ เอาหลังติดกัน
-
แล้วก็โยนลงกระทะไปเลยนะคะ
-
กะว่าแบบ ทอดให้ไหม้เกรียมสะใจ
-
แกจงมอดไหม้อยู่ในกระทะนี่แหละนะคะ
-
ทอดไปก็สะใจกันไปอยู่สองคนค่ะ
-
ปรากฏ ชาวบ้านแถวนั้นนะคะเห็น ก็เลยเกิดการจีนมุงค่ะ
-
มาสะใจด้วยนะคะ
-
สุดท้ายคนมามุงเยอะๆๆ เรื่องก็ดังไปถึงหูฉินไคว่
-
ฉินไคว่ก็เลยส่งคนมาจับสองคนนี้นะคะ
-
ข้อหากบฎซะอย่างนั้น
-
แต่หลีซื่อก็ถามฉินไคว่ตอนที่โดนสอบสวนอ่ะนะว่า
-
ไหนกบฎ? ไม่เห็นมีทหารเลย
-
ขนมแป้งทอด ฉันทำขนมเฉยๆ ไม่เห็นมีอะไรนะคะ
-
สุดท้ายพอไม่มีหลักฐานค่ะ
-
ฉินไคว่ก็เลยต้องยอมปล่อยตัวทั้งสองคนออกมานะคะ
-
แลพแล้วเรื่องนี้ก็ดังไปถึงชาวเมืองอื่นๆ ค่ะ
-
ทุกคนก็เลยอยากได้ขนมชนิดนี้นะ
-
เอามาทอดไปสะใจไป กินไปบ่นไป
-
ฉีกสองคนออกจากกันไป
-
ทั้งสองก็เลยบอก อ่ะ เลิก เลิกร้านเก่า ไม่ทำละ
-
รวมร้านกันเลยจ้า
-
แล้วก็มาทำขนมชนิดนี้ขายแบบสมบูรณ์ค่ะ
-
แต่ว่าพอมันขายดีอ่ะนะ จะปั้นเป็นตัวคนก็ยาก ขายไม่ทัน
-
ก็เลยเปลี่ยนนะคะ
-
ปั้นเป็นแป้งสองแท่ง แล้วก็สมมติว่าเป็นฉินไคว่กับเมียแทนค่ะ
-
และนี่ก็คือ ที่มาของขนมอิ่วจาก้วยนั่นเองนะคะ
-
ตอนนี้แป้งของเราน่าจะได้ที่แล้ว กลับไปทำขนมกันต่อดีกว่าค่ะ
-
และแล้วนะคะ ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปทั้งหมด 2 ชั่วโมงด้วยกัน
-
เป็นยังไงบ้าง? ฟังตำนานที่มาของอิ่วจาก้วยกันไปนะคะ
-
สนุกสนานไหม? เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เหมือนกับตัดต่อเลยนะทุกคน
-
มันก็ตัดต่อจริงๆ นะคะ
-
อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ
-
เอาเป็นว่าตอนนี้เราพักแป้งไว้ทั้งหมด 2 ชั่วโมงแล้ว
-
คิดว่าตอนนี้แป้งของเราหน้าตาเป็นยังไงคะ?
-
ยังเป็นก้อนน้อยจุ๋มจิ๋มเหมือนเดิมหรือเปล่า?
-
บอกเลยว่า ไม่ใช่นะคะ
-
หลังจาก 2 ชั่วโมงผ่านไปเนี่ย ยีสต์ของเราก็ทำงานเต็มที่ค่ะ
-
ดังนั้นตอนนี้แป้งของเราเต็มชามเลย
-
นี่นะคะ ไม่ได้แอบเติมอะไรเลย
-
นี่แป้งอันเดิมเลยนะ แค่เราทิ้งมันไว้นะคะ
-
ตอนนี้ก็ฟูเต็มที่แล้ว
-
ดังนั้นเดี๋ยวเรามาทำขั้นตอนต่อไปกันเลยค่ะ
-
เริ่มจากการเอาแป้งนวลทุกอย่างก่อนเหมือนเดิมนะคะ
-
มันจะได้ไม่ติดมือเรานะทุกคน
-
แป้งทั่วๆๆ
-
และเราก็ได้เวลาเอาแป้งของเราลงแล้วนะคะ
-
แอ๊ะ ติดแล้วเนี่ย
-
ขนาดนวลแป้งไว้แล้วนะ
-
เรียบร้อย
-
แผ่มันออกมานะคะ
-
ให้มันหนาหน่อย
-
เอาล่ะ เรียบร้อยได้เวลาตัดแล้วนะคะ
-
ขั้นตอนต่อไปก็คือ เอามันมาประกบกันค่ะ
-
เอาน้ำเปล่าแตะ ตรงไหนที่แตะมันก็จะไม่มีแป้งใช่ไหม?
-
ดังนั้นมันก็จะประกบติดกันได้ค่ะ
-
แตะ อันเว้นอันนะคะ
-
เอาปาท่องโก๋ของเราประกบกันไปเลย
-
บางทีถ้าเรานวลแป้งตรงก้นน้อยไปมันก็จะอย่างงี้แหละ
-
มันก็จะติดๆ กันนิดนึงนะคะ เราก็จะต้องใช้แป้งช่วย
-
อันนี้คือเละนะฮะ
-
อันไหนเละเราก็ขยำนะฮะ แล้วเราก็เอาไว้ข้างๆ
-
เดี๋ยวเราเอามาปั้นใหม่ได้นะฮะ
-
ทำไมมันเละเยอะจังเลยคะคุณผู้ชม?
-
หลังจากที่เฟลไปแป็บนึงนะคะ เพราะว่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป
-
แล้วก็มั่นใจตามสูตรมากไปนะคะ
-
เราก็กลับมาที่วิธีดั้งเดิมค่ะ
-
เหมือนที่เวลาเด็กๆ เนี่ย เราไปยืนรอตามตลาด รอเค้าทอดนะคะก็คือ
-
วิธีที่ดีที่สุดนะคะ อย่าแผ่แป้งแบบวิวเมื่อกี้
-
กรุณาเอามันไปกองไว้นะ แล้วก็เอามันออกมาทีละนิดค่ะ
-
เอาออกมายืดเป็นเส้นยาวๆ แล้วก็หั่นๆๆ นะคะ
-
อย่างที่วิวทำตอนนี้
-
ทุกคนก็จะรอดนะคะ
-
เราก็พยายามใช้แป้งนวลให้เยอะที่สุดนะฮะ
-
นี่นะฮะ ทำไป
-
นี่เห็นไหม? ง่ายขึ้นเยอะเลย อือฮึ
-
คู่ที่เราเสร็จนะฮะ เราก็พักมันเอาไว้เป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 นาทีนะฮะ
-
เดี๋ยวเราก็จะมาทอดกันนะคะ
-
ตอนนี้นะคะ น้ำมันเราก็ร้อนได้ที่แล้ว
-
เราก็เอาปาท่องโก๋เตรียมพร้อมแล้วเรียบร้อยนะคะ
-
ดังนั้นเราก็มาทอดกันเลยดีกว่า
-
อย่างแรกนะก็ยืดมันออกมานะคะ แล้วโยนมันลงไปเลย
-
หนึ่ง สอง สาม พรึบ
-
นี่ มันก็จะพองแล้วก็ลอยตัวนะคะ
-
แอบไม่เป็นคู่เท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร
-
หน้าตาดูโอเคอยู่นะ
-
ฮะฮะฮ่าา
-
ตัวถัดไปก็ลงได้นะคะ เหมือนกัน
-
ระวังอย่าให้มันไหม้นะคะทุกคน
-
เราจะเอามันขึ้นมา
-
นี่คือปาท่องโก๋ของเรา
-
หน้าตาอาจจะดูไม่ใช่เท่าไหร่นะ
-
ด้วยฝีมือการปั้นของข้าพเจ้า ก็ได้แค่นี้นะคะทุกคน
-
อ่ะทุกคน ในที่สุดหลังจากที่วิวทำมาแป็บนึงแล้วนะคะ
-
วิวก็พบกับปัญหา แล้ววิวพบกับวิธีแก้เรียบร้อยแล้วนะคะ
-
สำหรับใครที่เมื่อกี้ดูแล้วแบบ เฮ้ย นี่ปาท่องโก๋จริงเหรอ?
-
นี่อิ่วจาก้วยจริงเหรอ? ทำไมหน้าตามันดูไม่เหมือนที่ฉันกินเลย?
-
นั่นก็เพราะว่าทุกคนเป็นเหมือนวิวนั่นเอง
-
นั่นก็คือ ทุกคนใจร้อนค่ะ
-
เมื่อกี้วิวบอกให้พักแป้ง 2 ชั่วโมง
-
แต่จริงๆ แล้ววิวพักไว้แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีนะคะ
-
มันก็เลย แป้งเหมือนยังฟูไม่เต็มที่อ่ะ
-
พอทอดมันก็เลยออกมาเล็ก แล้วก็แข็งนะคะ
-
แต่ว่า ถ้าสมมติว่าเราใจเย็นๆ นะ
-
และเราก็ใช้ไฟอ่อนๆ
-
แล้วก็รอมันให้ครบ 2 ชั่วโมง
-
พักให้แป้งมันขึ้นฟูนุ่ม มีความสุขเต็มที่นะฮะ
-
เราก็จะได้แป้งที่ขนาดใหญ่ขึ้น
-
แล้วเดี๋ยวเรามาลองทอดกันดูว่า ตอนที่เราพักแป้งถึงเวลาที่มันควรจะเป็นแล้วอ่ะ
-
มันจะเป็นแบบที่เราอยากให้มันเป็นหรือเปล่านะฮะ?
-
เห็นไหม? พอเรานวลแป้งลงไปเนี่ย ตัดง่ายขึ้นเยอะนะคะ
-
ไม่ติดมือแบบเมื่อกี้ละ
-
เราก็ตัดมันออกมานะคะ
-
อ่ะ หนึ่ง สอง สาม สี่
-
เคล็ดลับสำคัญมากคือ ต้องนวลแป้งนะทุกคน
-
นวลแป้งหมายถึง เอาแป้งเนี่ยแปะๆๆ นะคะ
-
ถ้าไม่นวลมันจะติดมือ
-
แล้วเราก็เอาน้ำนะคะ แตะมันลงไปตรงกลางๆ
-
เสร็จแล้วเราก็เอาปาท่องโก๋ประกบกันนะคะ
-
กดตรงกลาง
-
ประกบกัน กดตรงกลาง
-
ซึ่งเมื่อกี้ ระหว่างที่ทอดๆ อยู่
-
อยู่ดีๆ วิวก็ระลึกชาติไปถึงสมัยเด็กๆ ค่ะ
-
ที่ไปยืนรอเค้าทอดปาท่องโก๋ที่ตัวเองกินนะ
-
ก็เลยค้นพบว่า เฮ้ย มันต้องยืดก่อนทอดหรือเปล่า?
-
ก็เลยลองยืดดูนะคะ แล้วก็โยนลงไปในน้ำมันค่ะ
-
สิ่งที่คุณจะได้เห็นนั้น
-
คุณจะได้พับกบ พบกับปาท่องโก๋ที่หน้าตาดูเป็นปาท่องโก๋ขึ้นเยอะเลยนะฮะ
-
อ่ะ โยนมันลงไป
-
นี่นะฮะ หน้าตามันจะดูเหมือนปาท่องโก๋ขึ้นนิดนึง
-
ใช้ไฟอ่อนนะ ย้ำอีกครั้ง ใช้ไฟอ่อน
-
ถ้าใช้ไฟแรงเนี่ย มันจะกรอบเกินไป แต่ว่าข้างในไม่สุกนะฮะ
-
จริงๆ อีกขั้นตอนนึงที่สำคัญเหมือนกัน ถ้าเกิดเราขยันนะ
-
ก็คือหลังจากที่เมื่อกี้ปั้นๆๆ ทิ้งไว้อ่ะ
-
ทิ้งมันไว้แป็บนีงให้มันฟูนุ่มกว่านี้
-
ปาท่องโก๋ก็จะพองมากกว่านี้นะคะ
-
ก็จะสวยกว่านี้อีกนะ
-
แต่ว่าอันนี้ก็ให้ดูคร่าวๆ สำหรับใครใจร้อนนะ
-
ปั้นปุ๊บโยนปั๊บ อะไรอย่างนี้นะฮะ
-
ก็เสร็จแล้วนะคะกับปาท่องโก๋ของวิว
-
โอ้โห
-
เป็นไง? หน้าตาพอสู้กับร้านได้ไหมคะทุกคน?
-
แน่นอนนะคะว่า เราก็จะต้องกินให้ดูนะคะ
-
ด้วยการราดนมข้นก่อน
-
ซึ่งแม้ว่า เค้าจะจ่ายหลายคนไปมาก แต่เค้าไม่ได้จ่ายเรา
-
เพราะฉะนั้นเราจะปิดมันไว้
-
ราดนมข้นไปเลยนะฮะ
-
และเราก็จะต้องทำตามตำนานที่เราบอกนะ
-
ด้วยการหยิบมันขึ้นมาค่ะ ฉีกมันออกจากกัน
-
นี่ๆ ปาท่องโก๋ร้อนๆ เพิ่งทอดนะคะ
-
เราก็จิ้มนมข้นไปเลย
-
ปาดไปๆๆ ความอ้วนนี้คือความอร่อย
-
อือหืม บอกเลยว่า ฟินทุกคน
-
ไม่หยุดกินด้วย
-
จริงๆ ควรจะหยุดแล้วก็ปิดคลิปนะ แต่ว่ามันอร่อย
-
อ่ะ ทุกคน กินเสร็จแล้วนะคะ
-
ได้เวลาที่จะกลับมาคุยกันใหม่อีกรอบนึงแล้วค่ะ
-
เป็นยังไงบ้างนะคะ?
-
ทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีทำอิ่วจาก้วย หรือว่า ปาท่องโก๋นะคะ
-
ถ้าสมมติว่า ใครดูแล้วชื่นชอบอะไรยังไงคลิปนี้
-
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม
-
เอ้ย วิวทอดตรงนี้ผิด อยากให้วิวทำอันนั้น อยากให้วิวทำอย่างนี้
-
คอมเมนท์มาด้านล่างนะคะ
-
และที่สำคัญนะคะ ถ้าสมมติว่า ใครดูแล้วรู้สึกว่าอยากทำตามมากๆ เลยนะคะ
-
ก็อย่าลืม #วิววันว่าง นะคะ
-
วิวจะได้ตามไปดูนะว่า เฮ้ย มีคนทำตามเราแล้ว
-
ส่งการบ้านแล้วจ้านะคะ
-
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
-
บาย บ้าย สวัสดีค่ะ
-
อ้าว ยังถ่ายอยู่อีกเหรอ?
-
กินแล้ว ไม่ถ่ายแล้ว
-
อร่อย
-
ทุกคนมันอร่อยจริงๆ
-
แป้งกับนมข้น ความอ้วนล้วนๆ
-
แต่อร่อย
-
เคนะ?
-
ไปกินแล้ว บ้าย บาย