รู้ไหมคะว่า ปาท่องโก๋ ไม่ใช่ปาท่องโก๋? สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ กลับมาอีกครั้งนะคะกับฉากแปลกใหม่ พร้อมกับชื่อรายการเรียบร้อยแล้วนะตอนนี้ เรามีชื่อรายการว่า วิววันว่าง ค่ะ ซึ่งวิวจะพาทุกคนมาทำอะไรสนุกๆ และได้สาระไปพร้อมกันนะคะ ในวันว่างๆ ของวิวค่ะ และวันนี้นะคะ วิวก็ตั้งใจจะชวนทุกคนมาทำขนมชนิดนึงค่ะ เห็นชื่อคลิปด้านล่างไหม? วิวบอกว่า วิวจะมาพาทำปาท่องโก๋อะไรต่างๆ พร้อมเล่าเกี่ยวกับประวัติของปาท่องโก๋ แต่จริงๆ แล้ว วิวหลอกทุกคนค่ะ เพราะว่าขนมที่วิวจะมาชวนทุกคนทำในวันนี้ มันไม่ใช่ปาท่องโก๋นะคะ แต่ว่ามันเป็นขนมอีกชนิดนึงค่ะ อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งกดปิดคลิปตรงนี้ค่ะ อยากกินปาท่องโก๋จิ้มนมข้นใจจะขาด อย่าปิดนะคะ เพราะว่ามันคือ ปาท่องโก๋ที่ทุกคนเข้าใจนั่นแหละ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปาท่องโก๋ค่ะ ยิ่งฟังยิ่งงงนะคะ ดังนั้นเดี๋ยวเราเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก อร่อย แล้วก็ได้สาระหรือยังคะ? ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ หลายคนนะคะ ฟังวิวเมื่อกี้ไปก็จะงงๆ นิดนึง ประมาณว่า อ้าวสรุปจะมาทำปาท่องโก๋หรือไม่ทำปาท่องโก๋? หรือทำอย่างอื่น? หรือทำอะไรกันแน่นะคะ? ก็ต้องบอกว่า วันนี้มาทำขนมชนิดนึงแน่นอนค่ะ แต่ว่าขนมชนิดนั้น ไม่ใช่ปาท่องโก๋นะคะ แต่มันก็คือ ขนมชนิดนี้นั่นเอง อ้าว มันก็ดูหน้าตาเป็นปาท่องโก๋ที่เรารู้จักกันดีหนิ เอาไว้จิ้มนมขงนมข้นตอนเช้า เอาไว้กิน เอาไว้ทำอะไร แล้วมันแตกต่างจากปาท่องโก๋ปกติยังไงนะคะ ก็ต้องบอกว่า มันคือปาท่องโก๋ที่ทุกคนรู้จักกันนั่นแหละค่ะ แต่ว่า ขนมชนิดนี้ จริงๆ แล้วเนี่ย เค้าไม่ได้เรียกว่า ปาท่องโก๋ นะคะ เค้าเรียกว่า ขนมอิ่วจาก้วย ค่ะ ตามสำเนียงของคนแต้จิ๋วนะคะ คือถ้าเราไปคุยกับคนแต้จิ๋ว พวกอาม่าอากงต่างๆ เนี่ย เค้าจะเรียกขนมชนิดนี้ว่า อิ่วจาก้วยๆๆ ว่าแต่ปาท่องโก๋ของจริงเนี่ย คืออะไรกันแน่นะคะ? ปาท่องโก๋จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า แปะทึงกอ ภาษาจีนแต้จิ๋วค่ะ แปะ แปลว่า สีขาว นะคะ ทึง แปลว่า น้ำตาล กอ แปลว่า ขนม ดังนั้น แปะทึงกอ จึงแปลว่า ขนมน้ำตาลทรายขาวค่ะ มีหน้าตาแตกต่างจากปาท่องโก๋ที่เรารู้จักในปัจจุบันมากเลยนะคะ อย่างที่เห็นในภาพนี่ ว่าแตกต่างกันขนาดนี้ ทำไมอยู่ดีๆ คนถึงเอาชื่อของแปะทึงกอ หรือว่าปาท่องโก๋ ไปยกให้กับอิ่วจาก้วย ก็ต้องบอกว่า เกิดจากสมัยก่อน คนจีนเนี่ยมักจะขายขนมแปะทึงกอคู่กับขนมอิ่วจาก้วยอยู่เสมอค่ะ ดังนั้นแน่นอนนะคะว่า คนไทยเนี่ยฟังไม่ค่อยออกค่ะ เวลาคนจีนตะโกนขายนะคะ ก็เลยจำอันที่คุ้นๆ หูกว่าว่าแบบ แปะทึงกอๆๆ ปาท่องโก๋ นะคะ เมื่อต้องการซื้อขนมทอดๆ ที่ตัวเองชอบนะคะ ก็เลยสั่งหาปาท่องโก๋ แทนที่จะสั่งอิ่วจาก้วยที่ไม่คุ้นชื่อเลยค่ะ จนสุดท้ายนะคะ ชื่อของอิ่วจาก้วยก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นชื่อ ปาท่องโก๋ ในที่สุดนั่นเองค่ะ ดังนั้นวันนี้ขนมที่วิวจะทำก็คือ ขนมอิ่วจาก้วยนะคะ ซึ่งคนเข้าใจว่าเป็นปาท่องโก๋ค่ะ และวันนี้พิเศษมากๆ เพราะว่าสูตรที่วิวใช้เนี่ย จะเป็นสูตรที่เค้าไม่ได้ทำขายกันตามท้องตลาดนะ คือตามท้องตลาดเนี่ย มันจะมีส่วนผสมส่วนผสมนึง ซึ่งหาค่อนข้างยากนะคะ นั่นก็คือ แอมโมเนีย นั่นเอง ดังนั้นวันนี้ สูตรที่วิวจะนำมาใช้เนี่ย ก็จะเป็นของที่หาได้ง่ายๆ นะคะ หาได้ในบ้านสำหรับคนที่ทำขนมอยู่แล้ว หรือใครที่อยู่บ้านแล้วเบื่อ อยากทำปาท่องโก๋กินเอง ไม่อยากไปซื้อตามตลาด ก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็น่าจะมีส่วนผสมทุกอย่างครบถ้วนนะคะ ดังนั้นวันนี้เรามาเริ่มกันดีกว่าค่ะ เอาละได้เวลาเริ่มทำแล้วนะคะ สำหรับวัตถุดิบของเราในวันนี้ก็มีมากมายหลากหลายนะคะ วัตถุดิบอย่างแรกนะคะ ก็คือ แป้งสาลี นั่นเอง อย่างที่สองนะคะ ก็คือ baking powder ค่ะ หรือที่รู้จักกันดีในนาม ผงฟู นะคะ ตามชื่อเลย ทำให้ขนมของเราฟูค่ะ ถัดไปนะคะ ได้แก่ baking soda นะคะ ซึ่งอันนี้ก็จะทำหน้าที่แบบเหมือนปรับสมดุลกรดด่างอะไรของขนมเรา วิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ไม่ใช่เป็นเชฟขนาดนั้น ไม่ได้รู้ขนาดนั้น แต่ที่วิวรู้คือ baking soda นี่ของสารพัดประโยชน์มากนะคะ ใครที่เป็นพวกชอบที่อาหาร หมักหมงหมักหมูต่างๆ ใช้ baking soda นี่เวิร์ค เท่านั้นยังไม่พอนะ ใครขัดส้วมไม่ออกก็ baking soda เหมือนกันนะคะ ก็กินได้ทุกคน กินได้นะจ๊ะ ถัดไปค่ะ แน่นอนว่า มีขนมก็ต้องมีน้ำตาลนะคะ แล้วก็เกลือนิดนึง เอาไว้ตัดความหวานต่างๆ นะจ๊ะ แล้วก็ใช้น้ำมันค่ะ น้ำมันนี่ใช้ทั้งผสมเข้าไปในตัวขนม แล้วก็ใช้สำหรับทอดขนมด้วยนะคะ ดังนั้นเตรียมไว้เยอะนิดนึง ไม่งั้นใช้หมดบ้าน แม่ทำกับข้าวไม่ได้ แม่อาจจะกริ้วโกรธได้นะคะทุกคน และอย่างสุดท้ายค่ะ นั่นก็คือ ยีสต์นั่นเอง ซึ่งวิวใช้เป็นยีสต์ผงนะ แต่ว่าเอาจริงๆ วิวจะใช้แบบขวดแค่นี้ อันเล็กๆ นะ แต่ว่าอันนี้ไม่ได้ทำนาน มันหมดอายุแล้ว กลัวยีสต์ตายนะคะ ก็เลยไปซื้อมาใหม่ และด้วยความที่ทุกคนทำครัวเยอะมากในช่วงนี้ ทำให้ไอ้ยีสต์แบบนี้มันหมด ก็เลยต้องไปซื้อเป็นถุงอย่างนี้มา ก็เดี๋ยวลองมาเปิดพร้อมกันค่ะ ไป ส่วนผสมครบแล้ว เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ สำหรับขั้นตอนแรกนะคะ เราจะมาเริ่มที่ของแห้งก่อนเลยค่ะ ซึ่งเอาจริงๆ เราควรจะมีอุปกรณ์ชิ้นนึงนะคะ นั่นก็คือ ที่ร่อนแป้ง นั่นเอง แต่ว่าเนื่องจาก มีใครบางคนขโมยวิวไปทำคลิปเมื่อนานมาแล้วนะคะ แล้วก็ไม่เอามาคืนนะ ดังนั้นตอนนี้เราก็เลยต้องหาอุปกรณ์มาประยุกต์แทนนะคะ ซึ่งอันนี้มีกระชอนลวกก๋วยเตี๋ยวอยู่นะคะ ก็จะเอาสิ่งนี้มาใช้แทนนะ ข้อดีของมันคือ มันมีที่เกี่ยวกับขอบไอ้นี่นะคะ เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ เริ่มจากร่อนแป้งลงไปก่อนนะคะ อ่า ใส่ลงไปเลย เอาล่ะ เราร่อนแป้งเสร็จแล้วเรียบร้อยนะคะ ขั้นตอนต่อไปก็คือ ใส่ผงฟูกับใส่เบคกิ้งโซดาค่ะ ผงฟู 1 ช้อนชานะคะ โบ๊ะ ลงไป แล้วก็ baking soda ทั้งหมด 1/4 ช้อนชานะคะ เอาล่ะ เรียบร้อยนะคะตอนนี้ เราก็ได้ของแห้งของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็พักทิ้งไว้นะคะ แล้วเดี๋ยวเราจะมาเริ่มที่ของเปียกกันค่ะ อย่างแรกนะคะ เราต้องปลุกยีสต์ก่อนนะ คือยีสต์ของเราเนี่ย ที่เรานำมาใช้ จริงๆ แล้วถึงมันจะดูเป็นผงธรรมดาทั่วไป แต่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตค่ะทุกคน ดังนั้นถ้ามันตาย หรือว่าถ้ามันไม่ตื่น หรือถ้ามันอะไรต่างๆ เนี่ยนะคะ ขนมของเรามันก็จะไม่ได้แบบที่มันควรจะได้ค่ะ ดังนั้นปลุกมันให้ถูกวิธีค่ะ อย่างแรกนะคะ ใส่น้ำอุ่นลงไปก่อนเลย บอกก่อนนะคะว่า น้ำอุ่นนี่ต้องอุ่นจริงๆ นะ วิธีเทสคือ เอานิ้วของเราเนี่ยนะคะ จิ้มลงไปในน้ำเลยค่ะ ซึ่งถ้าใครสมมติว่าเพิ่งต้มมาเดือดๆ มั่นใจได้เลยนะคะว่า มันร้อนเกินไป อย่าจิ้มนะ เดี๋ยวนิ้วพองนะคะ ตอนนี้วิวก็ทิ้งมันไว้แป็บนึงแล้ว จิ้มลงไปก็โอเค อุณหภูมิพอทนได้ เหมือนออนเซ็นนะคะ ดังนั้นนี่แหละ ใช้ได้แล้ว เราก็เริ่มเอายีสต์แห้งของเรา ใส่ลงไปก่อนเลยค่ะ 1 ช้อนชา โบ้มลงไปเลย นี่นะคะ มันก็จะแตกตัวแบบนี้เหมือนจอกแหนนะ เอาล่ะ ต่อไปก็คือ น้ำตาล นะคะ เพราะว่าน้ำตาลนี่เป็นอาหารของยีสต์นะ ระวังนะทุกคน น้ำตาลก็คือ น้ำตาล ไม่ใช่เกลือนะคะ หลังจากที่คุยกับเพื่อนๆ มาหลายบ้านนี่ โอกาสหยิบน้ำตากับเกลือสลับกันสูงมากนะคะ ดังนั้นน้ำตาลจ้า หนึ่ง สอง ใส่เกลือนะคะ ไปทั้งหมดครึ่งช้อนชาค่ะ เสร็จแล้วก็คนมันให้เข้ากัน หลังจากที่เราคนยีสต์เสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ เราก็ทำการพักมันไว้ก่อนค่ะ จนกว่ายีสต์ของเรานะคะ จะตื่นขึ้นมาเริงร่า มันก็จะมีฟองฟ้อดขึ้นมาค่ะ ไป เดี๋ยวเราไปพักกันแป็บนึงเนอะ หลังจากที่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีนะคะ ตอนนี้ยีสต์ของเราก็เติบโตเฟื่องฟูนะคะ เห็นได้จากฟองที่อยู่ข้างหน้าแล้วนะ เราก็จะทำการเทมันลงไปในนี้ค่ะ โดยการแหวกแป้งนะคะให้เป็นหลุมตรงกลางก่อน เพื่อที่มันจะไม่ได้ไปเกาะที่ขอบๆ เนอะ แล้วก็จัดการค่อยๆ เทส่วนผสมยีสต์ของเราลงไปนะคะ เทลงไปทีละนิด แล้วก็ผสม แล้วก็ผสมมันไป ค่อยๆ ผสมนะคะ ให้มันเข้ากัน น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ เอ้า ใส่ลงไป ตอนนี้มันก็จะดูเป็นสิ่งมีชีวิตเหลวๆ สิ่งนึง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหรอก เป็นแป้งโดเหลวๆ ก้อนนึงนะคะ เอาล่ะ หลังจากที่เราคนแป้งของเรามาสักพักนึงแล้วนะคะ จนมันเริ่มเข้ากัน เริ่มจับตัวเป็นก้อนแป้งเหนียวๆ แล้วเนี่ยนะคะ ก็จะได้เวลา นวดแป้งนั่นเองนะคะ เราก็จะใช้วิธี เอาชามขนาดใหญ่มาอีกใบนึง แล้วก็จัดการเอาแป้งที่เหลืออยู่นะคะ โรยมันลงไปค่ะ สาดมันลงไปก่อน อย่างแรกคือ มือเราต้องเปื้อนแป้งทุกสัดส่วนนะคะ ถ้าเราไม่เปื้อนตรงไหน มันจะติดมือตรงนั้นนะคะ อันนี้จากประสบการณ์ เราก็ทำการเอาไอ้แป้งของเราเนี่ย โบ้มลงไปเลย นวดไป นวดๆ มันก็เป็นก้อนละเห็นไหม? ตอนนี้นะคะ ก็เดี๋ยวเราจะพักเค้าไว้ ด้วยความที่เป็นน้องยีสต์นะคะ เราไม่สามารถพักเค้าไว้เฉยๆ ได้ เพราะว่าเดี๋ยวเค้าจะตกใจแล้วตายนะคะ ดังนั้นเราก็จะต้องแรปค่ะ หมายถึง โย่ อย่างนี้เหรอ? ไม่ใช่นะคะ หมายถึงว่า เราต้องใช้พลาสติกแรปอาหารนะคะปิดเอาไว้ เพื่อว่าเค้าจะได้ไม่เจอกับความแห้งอะไรต่างๆ นะคะ จะได้คงความชื้น ปิดเค้าเอาไว้ เรียบร้อยนะคะตอนนี้ เราก็จะทิ้งเค้าเอาไว้เป็นระยะเวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ แต่ระหว่างนี้ อยากรู้ตำนานที่มาของขนมอิ่วจาก้วยกันไหมว่า เฮ้ย มันมาจากไหน อะไรยังไง? ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงกลายเป็นอิ่วจาก้วย? ทำไมมันต้องปั้นรูปร่างหน้าตาให้เป็น 2 ชิ้นประกบกันแบบนี้นะคะ? บอกเลยมันมีที่มาค่ะ เดี๋ยวเราไปฟังเรื่องนี้ระหว่างรอกันดีกว่าค่ะ ไป เรื่องราวความเป็นมาของขนมอิ่วจาก้วยตามภาษาจีนแต้จิ๋ว หรือว่า โหยวจากุ้ย ตามภาษาจีนกลางเนี่ย มีที่มาในประวัติศาสตร์ เล่าย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ซ่งของจีนเลยนะคะ ตอนนั้นเนี่ย ราชสำนักวุ่นวายค่ะ มีเกมการเมืองต่างๆ มีการยึดคติรวมอำนาจเข้าศูนย์กลาง หรือว่า ไม่ให้พวกข้าราชการท้องถิ่นมามีอำนาจนะคะ โดยเฉพาะทหารค่ะ เพราะว่ากลัวจะก่อกบฎนะ แต่ตัวราชสำนักเองตอนนั้นก็วุ่นวาย ชิงดีชิงเด่นกัน ขุนนางบุ๋นมีมากกว่าขุนนางบู๊ ทำให้กองทัพเนี่ยอ่อนแอสุดๆ เลยค่ะ ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นนะ มีปัญหาใหญ่มากก็คือ ชนเผ่าต่างๆ มักจะมาก่อกวนคุกคามราชสำนักอยู่เสมอนะคะ โดยเเฉพาะชาวแคว้นจินค่ะ ต้องบอกว่า คุกคามสำเร็จด้วยนะ เพราะว่าตอนแรกเนี่ย มีราชวงศ์ชื่อว่า ราชวงศ์ซ่งเหนือใช่ไหม? ทีนี้ชาวจินก็บุกมาตีเมืองไคฟง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซ่งเนี่ย แตกยับเลยค่ะ แล้วก็จับเชื้อพระวงศ์ไปหลายพระองค์ด้วยกันนะคะ ใช่ค่ะ เปาบุ้นจิ้นเนี่ยก็อยู่สมัยราชวงศ์ซ่งนี่แหละนะคะทุกคน สุดท้ายนะคะ ราชวงศ์ซ่งเหนือก็ล่มสลายนะคะ แต่ว่ามีเชื้อพระวงศ์องค์นึงเนี่ยหนีรอดไปได้ค่ะ ก็เลยตั้งราชวงศ์ใหม่นะคะ เป็นราชวงศ์ซ่งใต้ขึ้น แล้วก็ย้ายเมืองหลวงไปอยู่อีกที่นึงค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ ในช่วงเวลาวุ่นวายนั้นก็มีวีรบุรุษอยู่คนนึง นั่นก็คือ แม่ทัพงักฮุย นั่นเองค่ะ งักฮุยนี่เป็นแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ เก่งกาจ มีความสามารถ เค้าคอยต่อสู้ขับไล่ข้าศึกอยู่เสมอ ทำให้ประชาชนเนี่ย ยกย่องงักฮุยมากๆ เลยนะคะ เคยได้ยินไหมคะ? ดีได้แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย นี่แหละค่ะ ปัญหา แน่นอนนะคะว่า งักฮุยก็ไปเตะตาขุนนางคนนึงเข้าค่ะ ขุนนางคนนั้นนะคะ เป็นขุนนางชื่อดังมากๆ เลยค่ะในประวัติศาสตร์จีน ไม่ใช่ดังในทางดีนะคะ แต่เรียกได้ว่า เป็นขุนนางกังฉินชื่อดังคนนึงของจีนเลยค่ะ เค้าชื่อว่า ฉินไคว่ หรือว่าบางคนก็เรียกว่า ฉินฮุ่ย นะคะ ทีนี้ปัญหาของเค้าคืออะไร? ก็ต้องบอกว่า ปัญหาคือ ฉินไคว่เนี่ยเคยเป็นขุนนางของราชวงศ์ซ่งเหนือมาก่อนค่ะ ซึ่งตอนแรกเนี่ยเป็นขุนนางดีๆ อยู่อ่ะนะ ปรากฏว่า ตอนที่ราชวงศ์ซ่งเหนือโดนกวาดล้างไปเนี่ยนะคะ ฉินไคว่ก็ติดไปกับเค้าด้วยค่ะ แต่ว่าในขณะที่คนอื่นเนี่ย โดนทรมานอะไรต่างๆ ให้ยอมแพ้นะคะ ฉินไคว่รอดค่ะ เพราะว่าดันไปตกลงเป็นไส้ศึกให้กับพวกจินซะงั้นนะคะ พวกจินก็เลยปล่อยตัวกลับมาค่ะ ฉินไคว่ก็แกล้งหนีนะคะกลับราชวงศ์ซ่งใต้ค่ะ บอกว่า ฉันไปต่อสู้ฟาดฟันกับพวกจินจนหนีมาได้ในที่สุดนะคะ ก็เลยได้มารับราชการต่อค่ะ และแน่นอนว่า ฮ่องเต้องศ์ใหม่เนี่ยเชื่อฉินไคว่มากๆ เลยนะ เพราะว่า ถือว่าเป็นขุนนางเก่าค่ะ ฉินไคว่ก็เลยได้ทีนะคะ คอยยุยงต่างๆ ไม่ให้ฮ่องเต้เนี่ยสู้กับแคว้นจิน บอกว่า สู้ไม่ได้หรอก ยอมๆ ไปเถอะ เราจะได้ไม่แตกไง อะไรแบบนี้นะคะ เห็นไหม? แน่นอนว่า งักฮุยที่สู้กับจินได้ก็เลยเป็นปัญหาใหญ่ของฉินไคว่นะคะ สุดท้ายฉินไคว่ก็เป่าหูฮ่องเต้จนสำเร็จนะคะ ทำให้ฮ่องเต้เนี่ย เรียกงักฮุยเข้าเมืองหลวงค่ะ เรียกเข้ามาปุ๊บก็จับขังเลยนะคะ บอกว่า ข้อหาก่อกบฏซ่องสุ่มกำลังพล ก็เล่นมีอำนาจมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนใช่ไหมล่ะคะ? แน่นอนว่า คนซื่อสัตย์อย่างงักฮุยนะคะ ไม่มีทางยอมรับว่า ตัวเองกบฎแน่นอน งักฮุยนะคะ ก็ไปยืนยันอยู่ในคุกว่า ฉันไม่ได้กบฏๆๆๆ และแน่นอนค่ะ ใครดูหนังจีนมาเยอะน่าจะเก็ตว่า เกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ นั่นก็คือ ฉินไคว่ที่โดนเมียยุนะคะ ก็จัดการเข้าไปวางยางักฮุยถึงในคุกเลยตามระเบียบนะคะ จนในที่สุดงักฮุยก็ตายจากไปค่ะ หลังจากนั้นนะคะ ราชวงศ์ซ่งใต้ก็พ่ายแพ้ให้กับแคว้นจินรัวๆ เลย มาอีกยาวนานเลยค่ะ ชาวบ้านก็เลยเกลียดฉินไคว่มาก ถึงขนาดที่ต่อมาเนี่ยนะคะ ตอนที่มีการสร้างวัดอุทิศให้แด่งักฮุยเนี่ย ก็มีการสร้างรูปปั้นของฉินไคว่กับเมียเอาไว้หน้าวัดด้วยนะ แต่ไม่ได้สร้างดีๆ นะคะทุกคน คือเค้าสร้างให้คุกเข่าอยู่หน้าวัด แล้วให้ใครต่อใครที่ผ่านไปผ่านมาเนี่ย สามารถถ่มน้ำลายใส่ฉินไคว่ได้นั่นเองค่ะ แล้วทีนี้เรื่องทั้งหมดเนี่ย เกี่ยวอะไรกับขนมอิ่วจาก้วยของเรานะคะ? ก็ต้องบอกว่า จากประวัติศาสตร์ที่เล่าไปเมื่อกี้ มันมีตำนานแทรกอยู่ค่ะ เค้าบอกว่า ตอนที่งักฮุยตายเนี่ยนะคะ ชาวบ้านโกรธแค้นฉินไคว่มากๆ ค่ะ และบังเอิญว่าตอนนั้นเนี่ย ในเมืองหลวงเนี่ยก็มีแผงลอยสองแผง เปิดร้านขายอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ แผงนึงเนี่ย เจ้าของชื่อว่า หวางเอ๋อร์ เค้าขายขนมที่ทำจากแป้งอะไรอย่างนี้นะ ส่วนอีกแผงเนี่ย เจ้าของชื่อว่า หลีซื่อ ค่ะ เค้าขายของทอด เช้าวันนั้นเนี่ยหลีซื่อก็เดินมาเม้าท์กับหวางเอ๋อร์ตามปกติ น่ะ เม้าท์มอยการเมืองกันแบบ อือหืม มันส์ในอารมณ์นะคะ เรียกได้ว่า ขึ้นๆ โกรธไง โกรธมากนะคะ หวางเอ๋อร์นะคะ ก็เลยเอาแป้งที่ตัวเองกำลังทำขนมอยู่เนี่ย มาปั้นเป็นรูปคนสองคนค่ะ กะให้เป็นฉินไคว่กับเมีย แล้วก็เอามีดเนี่ย มาสับๆๆๆ เพื่อความสะใจค่ะ แต่หลีซื่อนะบอก อูหู้ น้อยไปแค่นี้ ไม่สะใจเลย เดี๋ยวเฮียจัดให้ ว่าแล้วนะคะ หลีซื่อก็เดินกลับไปที่แผงของตัวเองค่ะ ไปเอากระทะกับน้ำมันมานะคะ แล้วก็ตั้งน้ำมันให้เดือดๆ เลย ว่าแล้วก็เอาแป้งของหวางเอ๋อร์ที่ปั้นเป็นรูปคนสองคนเนี่ยนะคะ มัดกันค่ะ เอาหลังติดกัน แล้วก็โยนลงกระทะไปเลยนะคะ กะว่าแบบ ทอดให้ไหม้เกรียมสะใจ แกจงมอดไหม้อยู่ในกระทะนี่แหละนะคะ ทอดไปก็สะใจกันไปอยู่สองคนค่ะ ปรากฏ ชาวบ้านแถวนั้นนะคะเห็น ก็เลยเกิดการจีนมุงค่ะ มาสะใจด้วยนะคะ สุดท้ายคนมามุงเยอะๆๆ เรื่องก็ดังไปถึงหูฉินไคว่ ฉินไคว่ก็เลยส่งคนมาจับสองคนนี้นะคะ ข้อหากบฎซะอย่างนั้น แต่หลีซื่อก็ถามฉินไคว่ตอนที่โดนสอบสวนอ่ะนะว่า ไหนกบฎ? ไม่เห็นมีทหารเลย ขนมแป้งทอด ฉันทำขนมเฉยๆ ไม่เห็นมีอะไรนะคะ สุดท้ายพอไม่มีหลักฐานค่ะ ฉินไคว่ก็เลยต้องยอมปล่อยตัวทั้งสองคนออกมานะคะ แลพแล้วเรื่องนี้ก็ดังไปถึงชาวเมืองอื่นๆ ค่ะ ทุกคนก็เลยอยากได้ขนมชนิดนี้นะ เอามาทอดไปสะใจไป กินไปบ่นไป ฉีกสองคนออกจากกันไป ทั้งสองก็เลยบอก อ่ะ เลิก เลิกร้านเก่า ไม่ทำละ รวมร้านกันเลยจ้า แล้วก็มาทำขนมชนิดนี้ขายแบบสมบูรณ์ค่ะ แต่ว่าพอมันขายดีอ่ะนะ จะปั้นเป็นตัวคนก็ยาก ขายไม่ทัน ก็เลยเปลี่ยนนะคะ ปั้นเป็นแป้งสองแท่ง แล้วก็สมมติว่าเป็นฉินไคว่กับเมียแทนค่ะ และนี่ก็คือ ที่มาของขนมอิ่วจาก้วยนั่นเองนะคะ ตอนนี้แป้งของเราน่าจะได้ที่แล้ว กลับไปทำขนมกันต่อดีกว่าค่ะ และแล้วนะคะ ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปทั้งหมด 2 ชั่วโมงด้วยกัน เป็นยังไงบ้าง? ฟังตำนานที่มาของอิ่วจาก้วยกันไปนะคะ สนุกสนานไหม? เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เหมือนกับตัดต่อเลยนะทุกคน มันก็ตัดต่อจริงๆ นะคะ อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราพักแป้งไว้ทั้งหมด 2 ชั่วโมงแล้ว คิดว่าตอนนี้แป้งของเราหน้าตาเป็นยังไงคะ? ยังเป็นก้อนน้อยจุ๋มจิ๋มเหมือนเดิมหรือเปล่า? บอกเลยว่า ไม่ใช่นะคะ หลังจาก 2 ชั่วโมงผ่านไปเนี่ย ยีสต์ของเราก็ทำงานเต็มที่ค่ะ ดังนั้นตอนนี้แป้งของเราเต็มชามเลย นี่นะคะ ไม่ได้แอบเติมอะไรเลย นี่แป้งอันเดิมเลยนะ แค่เราทิ้งมันไว้นะคะ ตอนนี้ก็ฟูเต็มที่แล้ว ดังนั้นเดี๋ยวเรามาทำขั้นตอนต่อไปกันเลยค่ะ เริ่มจากการเอาแป้งนวลทุกอย่างก่อนเหมือนเดิมนะคะ มันจะได้ไม่ติดมือเรานะทุกคน แป้งทั่วๆๆ และเราก็ได้เวลาเอาแป้งของเราลงแล้วนะคะ แอ๊ะ ติดแล้วเนี่ย ขนาดนวลแป้งไว้แล้วนะ เรียบร้อย แผ่มันออกมานะคะ ให้มันหนาหน่อย เอาล่ะ เรียบร้อยได้เวลาตัดแล้วนะคะ ขั้นตอนต่อไปก็คือ เอามันมาประกบกันค่ะ เอาน้ำเปล่าแตะ ตรงไหนที่แตะมันก็จะไม่มีแป้งใช่ไหม? ดังนั้นมันก็จะประกบติดกันได้ค่ะ แตะ อันเว้นอันนะคะ เอาปาท่องโก๋ของเราประกบกันไปเลย บางทีถ้าเรานวลแป้งตรงก้นน้อยไปมันก็จะอย่างงี้แหละ มันก็จะติดๆ กันนิดนึงนะคะ เราก็จะต้องใช้แป้งช่วย อันนี้คือเละนะฮะ อันไหนเละเราก็ขยำนะฮะ แล้วเราก็เอาไว้ข้างๆ เดี๋ยวเราเอามาปั้นใหม่ได้นะฮะ ทำไมมันเละเยอะจังเลยคะคุณผู้ชม? หลังจากที่เฟลไปแป็บนึงนะคะ เพราะว่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป แล้วก็มั่นใจตามสูตรมากไปนะคะ เราก็กลับมาที่วิธีดั้งเดิมค่ะ เหมือนที่เวลาเด็กๆ เนี่ย เราไปยืนรอตามตลาด รอเค้าทอดนะคะก็คือ วิธีที่ดีที่สุดนะคะ อย่าแผ่แป้งแบบวิวเมื่อกี้ กรุณาเอามันไปกองไว้นะ แล้วก็เอามันออกมาทีละนิดค่ะ เอาออกมายืดเป็นเส้นยาวๆ แล้วก็หั่นๆๆ นะคะ อย่างที่วิวทำตอนนี้ ทุกคนก็จะรอดนะคะ เราก็พยายามใช้แป้งนวลให้เยอะที่สุดนะฮะ นี่นะฮะ ทำไป นี่เห็นไหม? ง่ายขึ้นเยอะเลย อือฮึ คู่ที่เราเสร็จนะฮะ เราก็พักมันเอาไว้เป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 นาทีนะฮะ เดี๋ยวเราก็จะมาทอดกันนะคะ ตอนนี้นะคะ น้ำมันเราก็ร้อนได้ที่แล้ว เราก็เอาปาท่องโก๋เตรียมพร้อมแล้วเรียบร้อยนะคะ ดังนั้นเราก็มาทอดกันเลยดีกว่า อย่างแรกนะก็ยืดมันออกมานะคะ แล้วโยนมันลงไปเลย หนึ่ง สอง สาม พรึบ นี่ มันก็จะพองแล้วก็ลอยตัวนะคะ แอบไม่เป็นคู่เท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร หน้าตาดูโอเคอยู่นะ ฮะฮะฮ่าา ตัวถัดไปก็ลงได้นะคะ เหมือนกัน ระวังอย่าให้มันไหม้นะคะทุกคน เราจะเอามันขึ้นมา นี่คือปาท่องโก๋ของเรา หน้าตาอาจจะดูไม่ใช่เท่าไหร่นะ ด้วยฝีมือการปั้นของข้าพเจ้า ก็ได้แค่นี้นะคะทุกคน อ่ะทุกคน ในที่สุดหลังจากที่วิวทำมาแป็บนึงแล้วนะคะ วิวก็พบกับปัญหา แล้ววิวพบกับวิธีแก้เรียบร้อยแล้วนะคะ สำหรับใครที่เมื่อกี้ดูแล้วแบบ เฮ้ย นี่ปาท่องโก๋จริงเหรอ? นี่อิ่วจาก้วยจริงเหรอ? ทำไมหน้าตามันดูไม่เหมือนที่ฉันกินเลย? นั่นก็เพราะว่าทุกคนเป็นเหมือนวิวนั่นเอง นั่นก็คือ ทุกคนใจร้อนค่ะ เมื่อกี้วิวบอกให้พักแป้ง 2 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้ววิวพักไว้แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีนะคะ มันก็เลย แป้งเหมือนยังฟูไม่เต็มที่อ่ะ พอทอดมันก็เลยออกมาเล็ก แล้วก็แข็งนะคะ แต่ว่า ถ้าสมมติว่าเราใจเย็นๆ นะ และเราก็ใช้ไฟอ่อนๆ แล้วก็รอมันให้ครบ 2 ชั่วโมง พักให้แป้งมันขึ้นฟูนุ่ม มีความสุขเต็มที่นะฮะ เราก็จะได้แป้งที่ขนาดใหญ่ขึ้น แล้วเดี๋ยวเรามาลองทอดกันดูว่า ตอนที่เราพักแป้งถึงเวลาที่มันควรจะเป็นแล้วอ่ะ มันจะเป็นแบบที่เราอยากให้มันเป็นหรือเปล่านะฮะ? เห็นไหม? พอเรานวลแป้งลงไปเนี่ย ตัดง่ายขึ้นเยอะนะคะ ไม่ติดมือแบบเมื่อกี้ละ เราก็ตัดมันออกมานะคะ อ่ะ หนึ่ง สอง สาม สี่ เคล็ดลับสำคัญมากคือ ต้องนวลแป้งนะทุกคน นวลแป้งหมายถึง เอาแป้งเนี่ยแปะๆๆ นะคะ ถ้าไม่นวลมันจะติดมือ แล้วเราก็เอาน้ำนะคะ แตะมันลงไปตรงกลางๆ เสร็จแล้วเราก็เอาปาท่องโก๋ประกบกันนะคะ กดตรงกลาง ประกบกัน กดตรงกลาง ซึ่งเมื่อกี้ ระหว่างที่ทอดๆ อยู่ อยู่ดีๆ วิวก็ระลึกชาติไปถึงสมัยเด็กๆ ค่ะ ที่ไปยืนรอเค้าทอดปาท่องโก๋ที่ตัวเองกินนะ ก็เลยค้นพบว่า เฮ้ย มันต้องยืดก่อนทอดหรือเปล่า? ก็เลยลองยืดดูนะคะ แล้วก็โยนลงไปในน้ำมันค่ะ สิ่งที่คุณจะได้เห็นนั้น คุณจะได้พับกบ พบกับปาท่องโก๋ที่หน้าตาดูเป็นปาท่องโก๋ขึ้นเยอะเลยนะฮะ อ่ะ โยนมันลงไป นี่นะฮะ หน้าตามันจะดูเหมือนปาท่องโก๋ขึ้นนิดนึง ใช้ไฟอ่อนนะ ย้ำอีกครั้ง ใช้ไฟอ่อน ถ้าใช้ไฟแรงเนี่ย มันจะกรอบเกินไป แต่ว่าข้างในไม่สุกนะฮะ จริงๆ อีกขั้นตอนนึงที่สำคัญเหมือนกัน ถ้าเกิดเราขยันนะ ก็คือหลังจากที่เมื่อกี้ปั้นๆๆ ทิ้งไว้อ่ะ ทิ้งมันไว้แป็บนีงให้มันฟูนุ่มกว่านี้ ปาท่องโก๋ก็จะพองมากกว่านี้นะคะ ก็จะสวยกว่านี้อีกนะ แต่ว่าอันนี้ก็ให้ดูคร่าวๆ สำหรับใครใจร้อนนะ ปั้นปุ๊บโยนปั๊บ อะไรอย่างนี้นะฮะ ก็เสร็จแล้วนะคะกับปาท่องโก๋ของวิว โอ้โห เป็นไง? หน้าตาพอสู้กับร้านได้ไหมคะทุกคน? แน่นอนนะคะว่า เราก็จะต้องกินให้ดูนะคะ ด้วยการราดนมข้นก่อน ซึ่งแม้ว่า เค้าจะจ่ายหลายคนไปมาก แต่เค้าไม่ได้จ่ายเรา เพราะฉะนั้นเราจะปิดมันไว้ ราดนมข้นไปเลยนะฮะ และเราก็จะต้องทำตามตำนานที่เราบอกนะ ด้วยการหยิบมันขึ้นมาค่ะ ฉีกมันออกจากกัน นี่ๆ ปาท่องโก๋ร้อนๆ เพิ่งทอดนะคะ เราก็จิ้มนมข้นไปเลย ปาดไปๆๆ ความอ้วนนี้คือความอร่อย อือหืม บอกเลยว่า ฟินทุกคน ไม่หยุดกินด้วย จริงๆ ควรจะหยุดแล้วก็ปิดคลิปนะ แต่ว่ามันอร่อย อ่ะ ทุกคน กินเสร็จแล้วนะคะ ได้เวลาที่จะกลับมาคุยกันใหม่อีกรอบนึงแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างนะคะ? ทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีทำอิ่วจาก้วย หรือว่า ปาท่องโก๋นะคะ ถ้าสมมติว่า ใครดูแล้วชื่นชอบอะไรยังไงคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ มีความเห็นอะไรเพิ่มเติม เอ้ย วิวทอดตรงนี้ผิด อยากให้วิวทำอันนั้น อยากให้วิวทำอย่างนี้ คอมเมนท์มาด้านล่างนะคะ และที่สำคัญนะคะ ถ้าสมมติว่า ใครดูแล้วรู้สึกว่าอยากทำตามมากๆ เลยนะคะ ก็อย่าลืม #วิววันว่าง นะคะ วิวจะได้ตามไปดูนะว่า เฮ้ย มีคนทำตามเราแล้ว ส่งการบ้านแล้วจ้านะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บาย บ้าย สวัสดีค่ะ อ้าว ยังถ่ายอยู่อีกเหรอ? กินแล้ว ไม่ถ่ายแล้ว อร่อย ทุกคนมันอร่อยจริงๆ แป้งกับนมข้น ความอ้วนล้วนๆ แต่อร่อย เคนะ? ไปกินแล้ว บ้าย บาย