< Return to Video

นิยายของความทรงจำ

  • 0:01 - 0:05
    ฉันจะขอเล่าเกี่ยวกับคดีทางกฎหมายหนึ่งที่ฉันเคยทำ
  • 0:05 - 0:08
    เกี่ยวกับชายที่ชื่อว่า สตีฟ ไททัส
  • 0:08 - 0:11
    ไททัสเป็นผู้จัดการร้านอาหาร
  • 0:11 - 0:16
    ตอนนั้นเขาอายุ 31 ปี อาศัยอยู่ที่ซีแอตเติ้ล กรุงวอชิงตัน
  • 0:16 - 0:17
    เขาหมั้นหมายอยู่กับเกรทเช่น
  • 0:17 - 0:20
    กำลังจะแต่งงานกัน เธอเป็นรักแท้ของเขา
  • 0:20 - 0:23
    คืนหนึ่ง ทั้งคู่ออกไป
  • 0:23 - 0:26
    ทานอาหารค่ำโรแมนติคที่ร้านอาหาร
  • 0:26 - 0:27
    ขณะที่พวกเขากำลังกลับบ้าน
  • 0:27 - 0:30
    ตำรวจนายหนึ่งสั่งให้พวกเขาจอดรถ
  • 0:30 - 0:34
    ปรากฎว่า รถของไททัสดูค่อนข้างคล้ายกับรถคันหนึ่ง
  • 0:34 - 0:37
    ซึ่งคนที่ขับรถคันนี้ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
  • 0:37 - 0:41
    เป็นคนข่มขืนผู้หญิงที่ขอโดยสารรถไปด้วย
  • 0:41 - 0:44
    และไททัสก็หน้าตาคล้ายๆ กับโจรข่มขืนคนนั้น
  • 0:44 - 0:47
    ตำรวจจึงนำรูปภาพของไททัส
  • 0:47 - 0:50
    ไปรวมกับรูปภาพสำหรับการชี้ตัว
  • 0:50 - 0:52
    และโชว์ให้ผู้เสียหายดูในเวลาต่อมา
  • 0:52 - 0:54
    เธอชี้ไปที่รูปของไททัส
  • 0:54 - 0:58
    และบอกว่า "คนนี้ดูเหมือนที่สุด"
  • 0:58 - 1:02
    ตำรวจและอัยการจึงดำเนินการพิจารณาคดี
  • 1:02 - 1:05
    ตอนที่สตีฟ ไททัส ถูกนำตัวมาขึ้นศาลในข้อหาข่มขืน
  • 1:05 - 1:07
    เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้ขึ้นมาบนแท่นพยาน
  • 1:07 - 1:11
    และกล่าวว่า "ฉันมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเป็นเขา"
  • 1:11 - 1:14
    ไททัสจึงถูกตัดสินลงโทษ
  • 1:14 - 1:16
    เขาป่าวประกาศว่าตัวเองบริสุทธิ์
  • 1:16 - 1:19
    ครอบครัวของเขากรีดร้องใส่คณะลูกขุน
  • 1:19 - 1:22
    คู่หมั้นของเขาทรุดตัวลงไปร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่พื้น
  • 1:22 - 1:25
    และไททัส ก็ถูกนำตัวเข้าห้องขัง
  • 1:25 - 1:29
    คุณจะทำอย่างไร เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้
  • 1:29 - 1:30
    คุณจะทำอย่างไร
  • 1:30 - 1:34
    ไททัสสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายโดยสิ้นเชิง
  • 1:34 - 1:36
    แต่เขาก็ยังได้ความคิดหนึ่ง
  • 1:36 - 1:38
    เขาโทรไปหาหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
  • 1:38 - 1:42
    เขาได้รับความสนใจจากนักข่าวสืบสวนคนหนึ่ง
  • 1:42 - 1:47
    และนักข่าวคนนั้นก็เป็นผู้หาโจรข่มขืนตัวจริงจนพบ
  • 1:47 - 1:50
    คนที่สารภาพในที่สุดว่าเป็นผู้ลงมือข่มขืนครั้งนี้
  • 1:50 - 1:53
    คนที่ถูกคาดว่าลงมือข่มขืนมาแล้ว 50 ครั้ง
  • 1:53 - 1:55
    ในพื้นที่นั้น
  • 1:55 - 1:58
    และเมื่อข้อมูลนี้ถูกส่งไปถึงผู้พิพากษา
  • 1:58 - 2:01
    ผู้พิพากษาจึงปล่อยไททัสเป็นอิสระ
  • 2:01 - 2:05
    ว่ากันจริงๆแล้ว เคสนี้ก็น่าจะสิ้นสุดที่ตรงนี้
  • 2:05 - 2:06
    มันน่าจะจบ
  • 2:06 - 2:08
    ไททัสน่าจะมองว่ามันช่างเป็นปีที่เลวร้าย
  • 2:08 - 2:12
    ปีของการถูกกล่าวหาและดำเนินคดี แต่มันก็สิ้นสุดลงแล้ว
  • 2:12 - 2:14
    เรื่องมันไม่ได้จบลงแบบนั้น
  • 2:14 - 2:17
    ไททัสรู้สึกขมขื่นมาก
  • 2:17 - 2:20
    เขาสูญเสียหน้าที่การงาน เขาเอามันกลับคืนมาไม่ได้
  • 2:20 - 2:21
    เขาสูญเสียคู่หมั้น
  • 2:21 - 2:24
    เธอทนอยู่กับอารมณ์โกรธแค้นตลอดเวลาของเขาไม่ได้
  • 2:24 - 2:26
    เขาสูญเสียเงินเก็บทั้งหมด
  • 2:26 - 2:29
    เขาก็เลยตัดสินใจยื่นฟ้อง
  • 2:29 - 2:32
    ฟ้องตำรวจและคนอื่นๆ ที่เขารู้สึกว่า
  • 2:32 - 2:34
    มีส่วนรับผิดชอบกับความทุกข์ทรมานของเขา
  • 2:34 - 2:39
    ตอนนั้นเองที่ฉันได้เข้ามาเริ่มทำงานเกี่ยวกับเคสนี้
  • 2:39 - 2:41
    โดยพยายามหาคำตอบว่า
  • 2:41 - 2:43
    จากที่ผู้เสียหายเคยพูดว่า
  • 2:43 - 2:44
    "คนนี้ดูเหมือนที่สุด"
  • 2:44 - 2:49
    กลายมาเป็น "ฉันมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเป็นเขา" ไปได้อย่างไร
  • 2:49 - 2:52
    ไททัสหมกมุ่นอยู่กับคดีของเขามาก
  • 2:52 - 2:55
    เขาคิดเกี่ยวกับมันตลอดทุกช่วงเวลาที่ลืมตาตื่น
  • 2:55 - 2:59
    และก่อนขึ้นศาลเพียงไม่กี่วัน
  • 2:59 - 3:02
    เขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง
  • 3:02 - 3:03
    รู้สึกเจ็บปวดจนตัวงอ
  • 3:03 - 3:06
    และตายเพราะหัวใจล้มเหลวจากความเครียด
  • 3:06 - 3:09
    เขาอายุได้ 35 ปี
  • 3:09 - 3:14
    ดังนั้น ฉันได้รับเชิญเข้ามาทำเคสของไททัส
  • 3:14 - 3:17
    เพราะฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางด้านจิตวิทยา
  • 3:17 - 3:20
    ฉันศึกษาเกี่ยวกับความจำ
    ฉันได้ค้นคว้าเรื่องความจำมาหลายสิบๆ ปี
  • 3:20 - 3:24
    และถ้าฉันได้รู้จักใครบนเครื่องบิน
  • 3:24 - 3:26
    เรื่องนี้เกิดตอนที่กำลังบินไปสก็อตแลนด์
  • 3:26 - 3:28
    ถ้าฉันได้รู้จักใครบนเครื่องบิน
  • 3:28 - 3:31
    และถามกันประมาณว่า "คุณทำงงทำงานอะไร"
  • 3:31 - 3:32
    ฉันก็จะบอกว่า "ฉันศึกษาเกี่ยวกับความจำ"
  • 3:32 - 3:36
    พวกเขาก็มักจะเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาเรื่องจดจำชื่อ
  • 3:36 - 3:38
    หรือไม่ก็มีญาติที่เป็นอัลไซเมอร์
  • 3:38 - 3:40
    หรือปัญหาอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับความจำ
  • 3:40 - 3:43
    แต่ฉันต้องบอกพวกเขาว่า
  • 3:43 - 3:46
    ฉันไม่ได้ศึกษาเวลาที่ผู้คนหลงลืม
  • 3:46 - 3:49
    ฉันศึกษาเรื่องที่ตรงกันข้าม เวลาที่พวกเขาจดจำ
  • 3:49 - 3:52
    เวลาที่พวกเขาจำสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น
  • 3:52 - 3:54
    หรือจำสิ่งที่แตกต่าง
  • 3:54 - 3:56
    จากที่มันเป็นอยู่จริงๆ
  • 3:56 - 4:01
    ฉันศึกษาเรื่องความทรงจำเท็จ
  • 4:01 - 4:05
    มันน่าเศร้าที่ สตีฟ ไททัส ไม่ใช่คนเดียว
  • 4:05 - 4:09
    ที่ถูกตัดสินลงโทษจากความทรงจำเท็จของคนอื่น
  • 4:09 - 4:13
    ที่สหรัฐอเมริกา มีโครงการหนึ่ง
  • 4:13 - 4:15
    มีการรวบรวมข้อมูล
  • 4:15 - 4:19
    จากผู้บริสุทธิ์ 300 คน
  • 4:19 - 4:23
    จำเลย 300 คนที่ถูกตัดสินลงโทษในอาชญากรรม
    ที่พวกเขาไม่ได้ก่อ
  • 4:23 - 4:28
    พวกเขาต้องติดคุกเป็น 10, 20, 30 ปี
    ในข้อหาก่ออาชญากรรมเหล่านี้
  • 4:28 - 4:30
    และปัจจุบันผลการทดสอบดีเอ็นเอก็พิสูจน์ว่า
  • 4:30 - 4:33
    จริงๆ แล้วพวกเขาบริสุทธิ์
  • 4:33 - 4:36
    และเมื่อมีการวิเคราะห์ดคีเหล่านั้น
  • 4:36 - 4:38
    พบว่าสามในสี่ของผู้บริสุทธิ์
  • 4:38 - 4:44
    ถูกลงโทษพราะความทรงจำเท็จ
    ความทรงจำที่ผิดของพยานผู้เห็นเหตุการณ์
  • 4:44 - 4:45
    ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ
  • 4:45 - 4:48
    เช่นเดียวกับคณะลูกขุนที่ตัดสินโทษผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น
  • 4:48 - 4:51
    และคณะลูกขุนที่ตัดสินโทษไททัส
  • 4:51 - 4:53
    หลายๆ คนเชื่อว่าความจำ
  • 4:53 - 4:54
    ทำงานเหมือนเป็นเครื่องบันทึก
  • 4:54 - 4:57
    คุณแค่บันทึกข้อมูล
  • 4:57 - 4:59
    แล้วก็ค่อยนึกย้อนกลับไปแล้วเล่นใหม่
  • 4:59 - 5:03
    เวลาที่ต้องตอบคำถาม หรือระบุรูปภาพ
  • 5:03 - 5:05
    แต่หลายทศวรรษที่ทำงานด้านจิตวิทยามา
  • 5:05 - 5:08
    ได้แสดงให้เห็นว่ามันไม่เป็นความจริงเลย
  • 5:08 - 5:11
    ความจำของคนเรามันสร้างต่อเติมได้
  • 5:11 - 5:12
    มันสร้างขึ้นใหม่ได้
  • 5:12 - 5:16
    ความจำทำงานเหมือนกับวิกิพีเดียมากกว่า
  • 5:16 - 5:21
    คุณเข้าไปเปลี่ยนแปลงมันได้ คนอื่นก็ทำได้เหมือนกัน
  • 5:21 - 5:26
    ฉันเริ่มศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการสร้างความจำนี้
  • 5:26 - 5:28
    ในช่วงปี 1970
  • 5:28 - 5:33
    ฉันทำการทดลองโดยให้คนได้ดู
  • 5:33 - 5:35
    เหตุการณ์จำลองของอาชญากรรมและอุบัติเหตุต่างๆ
  • 5:35 - 5:39
    แล้วก็ตั้งคำถามดูว่าพวกเขาจำอะไรได้บ้าง
  • 5:39 - 5:43
    มีกรณีหนึ่ง เราให้ดูเหตุการณ์จำลองอุบัติเหตุ
  • 5:43 - 5:44
    แล้วก็ถามคนดูว่า
  • 5:44 - 5:47
    รถวิ่งมาด้วยความเร็วขนาดไหนตอนที่ชนกัน
  • 5:47 - 5:49
    และก็ถามคนอีกกลุ่มว่า
  • 5:49 - 5:52
    รถวิ่งมาด้วยความเร็วขนาดไหนตอนที่พุ่งชนกันอย่างจัง
  • 5:52 - 5:55
    ถ้าเราถามนำโดยใช้คำว่า "พุ่งชนกันอย่างจัง"
  • 5:55 - 5:59
    พยานจะตอบเป็นระดับความเร็วที่สูงกว่า
  • 5:59 - 6:03
    และยิ่งไปกว่านั้น คำถามนำ "พุ่งชนกันอย่างจัง" นั้น
  • 6:03 - 6:05
    ทำให้คนมีแนวโน้มที่จะบอกเราว่า
  • 6:05 - 6:08
    พวกเขาเห็นเศษกระจกแตกในที่เกิดเหตุ
  • 6:08 - 6:12
    ทั้งๆ ที่มันไม่มีเศษกระจกแตกอยู่เลย
  • 6:12 - 6:15
    อีกการค้นคว้าหนึ่ง เราให้ดูเหตุการณ์จำลองอุบัติเหตุ
  • 6:15 - 6:19
    ที่มีรถวิ่งฝ่าสี่แยกที่มีป้ายหยุด
  • 6:19 - 6:24
    ถ้าเราถามคำถามที่บอกเป็นนัยว่ามันเป็นป้ายให้ทาง
  • 6:24 - 6:28
    พยานหลายคนก็จะบอกว่า พวกเขาจำได้ว่ามันเป็นป้ายให้ทาง
  • 6:28 - 6:31
    ที่สี่แยกนั้น ไม่ใช้ป้ายหยุด
  • 6:31 - 6:33
    คุณอาจจะคิดว่า แหม
  • 6:33 - 6:35
    นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายไว้
  • 6:35 - 6:36
    มันไม่ได้ทำให้คนรู้สึกเครียดเท่าไหร่
  • 6:36 - 6:39
    ความผิดพลาดแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นไหม
  • 6:39 - 6:42
    ถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดจริงๆ
  • 6:42 - 6:45
    จากการค้นคว้าหนึ่งที่เราเพิ่งเผยแพร่ไปเมื่อสองสามเดือนก่อน
  • 6:45 - 6:48
    เราได้คำตอบให้กับคำถามนี้
  • 6:48 - 6:50
    เพราะสิ่งที่ผิดไปจากเดิมเกี่ยวกับการค้นคว้านี้
  • 6:50 - 6:56
    คือเราจัดให้คนได้อยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมาก
  • 6:56 - 6:58
    ผู้ที่รับการทดสอบนี้
  • 6:58 - 7:01
    เป็นกลุ่มทหารกองทัพสหรัฐ
  • 7:01 - 7:05
    ที่กำลังอยู่ในระหว่างการฝึกที่แสนทรมาน
  • 7:05 - 7:08
    ที่สอนให้พวกเขารู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร
  • 7:08 - 7:12
    ถ้าพวกเขาโดนจับไปเป็นเชลยสงคราม
  • 7:12 - 7:14
    และส่วนหนึ่งของการฝึกนี้
  • 7:14 - 7:18
    พวกทหารจะถูกสอบปากคำด้วยท่าทีก้าวร้าว
  • 7:18 - 7:23
    จงเกลียดจงชัง และมีการใช้กำลัง เป็นเวลา 30 นาที
  • 7:23 - 7:26
    หลังจากนั้นพวกเขาต้องพยายามระบุตัว
  • 7:26 - 7:29
    คนที่เป็นผู้สอบปากคำนั้น
  • 7:29 - 7:33
    และตอนที่พวกเขาได้รับข้อมูลชี้นำ
  • 7:33 - 7:35
    ที่บอกใบ้ว่าเป็นคนอื่น
  • 7:35 - 7:39
    ทหารหลายคนชี้ตัวผู้สอบปากคำผิดคน
  • 7:39 - 7:43
    มักจะระบุตัวคนที่ไม่แม้แต่จะดูคล้าย
  • 7:43 - 7:46
    กับตัวผู้สอบปากคำตัวจริง
  • 7:46 - 7:49
    การศึกษาค้นคว้าเหล่านี้จึงแสดงให้เห็นว่า
  • 7:49 - 7:52
    เมื่อคุณป้อนข้อมูลที่ผิดๆ ให้กับผู้คน
  • 7:52 - 7:56
    เกี่ยวกับประสบการณ์บางอย่างที่พวกเขาอาจจะเคยเจอ
  • 7:56 - 8:01
    คุณสามารถบิดเบือน หรือ เจือปน
    หรือเปลี่ยนแปลงความทรงจำของพวกเขาได้
  • 8:01 - 8:04
    ในโลกแห่งความจริง
  • 8:04 - 8:07
    การให้ข้อมูลที่ผิดๆ มีอยู่ทุกที่
  • 8:07 - 8:08
    เราได้รับข้อมูลผิดๆ
  • 8:08 - 8:11
    ไม่ใช่เพียงแค่ถูกตั้งคำถามชี้นำ
  • 8:11 - 8:13
    แต่ถ้าเราคุยกับพยานคนอื่นๆ
  • 8:13 - 8:16
    ที่อาจจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ
  • 8:16 - 8:18
    ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดแก่เรา
  • 8:18 - 8:23
    หรือถ้าเราได้ดูข่าวเกี่ยวกับบางเหตุการณ์ที่เราอาจจะเคยเจอมาก่อน
  • 8:23 - 8:26
    สิ่งเหล่านี้ล้วนเปิดโอกาส
  • 8:26 - 8:30
    ให้ความทรงจำของเราเกิดการปนเปื้อน
  • 8:30 - 8:34
    ในช่วงปี 1990 เราเริ่มเห็น
  • 8:34 - 8:39
    ปัญหาเกี่ยวกับความจำที่ยิ่งร้ายแรงกว่า
  • 8:39 - 8:42
    ผู้ป่วยบางคน เข้ารับการบำบัดเพราะมีปัญหาอย่างหนึ่ง
  • 8:42 - 8:45
    อาจจะเพราะพวกเขามีอาการหดหู่ มีพฤติกรรมการกินผิดปกติ
  • 8:45 - 8:48
    แต่พวกเขากลับออกมาจากการบำบัด
  • 8:48 - 8:50
    ด้วยปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
  • 8:50 - 8:54
    คือการมีความทรงจำที่เลวร้่ายเกี่ยวกับการกระทำทารุณที่น่ากลัว
  • 8:54 - 8:56
    บางครั้งก็เกิดจากการทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับซาตาน
  • 8:56 - 9:01
    บางครั้งก็เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบต่างๆ ที่สุดแสนจะแปลกพิสดาร
  • 9:01 - 9:03
    มีผู้หญิงคนหนึ่งกลับออกมาจากการบำบัดจิต
  • 9:03 - 9:06
    พร้อมกับเชื่อว่าเธอได้ทนทุกข์เป็นเวลาหลายปี
  • 9:06 - 9:09
    จากการทารุณที่เป็นพิธีกรรม ซึ่งเธอถูกทำให้ตั้งท้อง
  • 9:09 - 9:12
    และถูกผ่าท้องเอาเด็กทารกออกไป
  • 9:12 - 9:14
    แต่ร่างกายเธอไม่มีรอยแผลเป็นให้เห็น
  • 9:14 - 9:16
    ไม่มีแม้แต่หลักฐานทางร่างกายอื่นๆ
  • 9:16 - 9:19
    ที่จะสามารถสนับสนุนเรื่องราวของเธอได้
  • 9:19 - 9:22
    เมื่อฉันเริ่มตรวจสอบดูกรณีเหล่านี้
  • 9:22 - 9:24
    ฉันสงสัยว่า
  • 9:24 - 9:26
    ความทรงจำแปลกประหลาดพวกนี้มาจากไหน
  • 9:26 - 9:30
    และสิ่งที่ฉันค้นพบก็คือ เกือบทั้งหมดของสถานการณ์เหล่านี้
  • 9:30 - 9:36
    เกี่ยวข้องกับรูปแบบเฉพาะบางอย่างของการบำบัดทางจิต
  • 9:36 - 9:38
    ฉันจึงตั้งคำถามว่า
  • 9:38 - 9:41
    ในการบำบัดทางจิต มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหรือไม่
  • 9:41 - 9:44
    อย่่างเช่น การฝึกให้จินตนาการ
  • 9:44 - 9:46
    หรือการตีความหมายของความฝัน
  • 9:46 - 9:48
    หรือการสะกดจิต ในบางกรณี
  • 9:48 - 9:52
    หรือการเปิดรับข้อมูลที่ผิดๆ ในบางกรณี
  • 9:52 - 9:55
    สิ่งเหล่านี้ได้ชี้นำให้ผู้ป่วย
  • 9:55 - 9:57
    สร้างความทรงจำที่แปลกประหลาด
  • 9:57 - 10:00
    ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เหล่านี้ ใช่หรือไม่
  • 10:00 - 10:02
    ฉันจึงออกแบบการทดลองบางอย่าง
  • 10:02 - 10:07
    เพื่อพยายามศึกษาขั้นตอนที่ใช้ในการบำบัดจิต
  • 10:07 - 10:10
    เพื่อที่ฉันจะได้ค้นคว้าเกี่ยวกับ
  • 10:10 - 10:14
    การพัฒนาของความทรงจำที่ผิดไปอย่างมากเหล่านี้
  • 10:14 - 10:16
    หนึ่งในกรณีแรกๆ ที่เราได้ทำการค้นคว้า
  • 10:16 - 10:19
    เราใช้การชี้นำ
  • 10:19 - 10:23
    ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการบำบัดจิต
    ที่เราได้เห็นในกรณีต่างๆเหล่านี้
  • 10:23 - 10:25
    เราใช้การชี้นำแนวนี้
  • 10:25 - 10:27
    และปลูกฝังความทรงจำเท็จว่า
  • 10:27 - 10:30
    ตอนที่คุณยังเด็ก อายุประมาณ 5 หรือ 6 ขวบ
  • 10:30 - 10:32
    คุณหลงทางในห้าง
  • 10:32 - 10:35
    คุณกลัวมาก ร้องห่มร้องไห้
  • 10:35 - 10:37
    สุดท้ายก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งมาช่วยคุณไว้
  • 10:37 - 10:39
    และพาคุณกลับไปหาครอบครัว
  • 10:39 - 10:42
    เราประสบความสำเร็จในการฝังความทรงจำนี้
  • 10:42 - 10:46
    ลงในจิตใจของประมาณหนึ่งในสี่ของผู้รับการทดลอง
  • 10:46 - 10:48
    คุณอาจจะคิดว่า แหม
  • 10:48 - 10:50
    เหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเครียดเท่าไหร่
  • 10:50 - 10:53
    แต่พวกเรา และผู้ตรวจสอบคนอื่นๆ ก็ได้ฝัง
  • 10:53 - 10:56
    ความทรงจำที่ผิดไปมากๆ เกี่ยวกับสิ่งที่
  • 10:56 - 10:59
    ผิดปกติมากกว่าเดิม
    และสร้างความตึงเครียดมากกว่าเดิมมาแล้ว
  • 10:59 - 11:02
    มีการค้นคว้าหนึ่งในรัฐเทนเนสซี
  • 11:02 - 11:04
    นักวิจัยได้ฝังความจำเท็จ ว่า
  • 11:04 - 11:07
    ตอนคุณเป็นเด็ก คุณเกือบจมน้ำ
  • 11:07 - 11:09
    และมีเจ้าหน้ากู้ชีพที่มาช่วยไว้
  • 11:09 - 11:11
    และอีกการค้นคว้าหนึ่งในแคนาดา
  • 11:11 - 11:14
    นักวิจัยฝังความทรงจำเท็จไว้ว่า
  • 11:14 - 11:15
    ตอนคุณยังเด็ก
  • 11:15 - 11:19
    อะไรบางอย่างที่เลวร้าย เช่น การถูกสัตว์ที่ดุร้ายทำร้ายเอา
  • 11:19 - 11:20
    ได้เกิดขึ้นกับคุณ
  • 11:20 - 11:24
    ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้รับการทดสอบถูกฝังความจำได้สำเร็จ
  • 11:24 - 11:26
    และมีการค้นคว้าหนึ่งในอิตาลี
  • 11:26 - 11:29
    นักวิจัยฝังความจำเท็จไว้ว่า
  • 11:29 - 11:34
    ตอนที่คุณยังเด็ก คุณได้เห็นการถูกปีศาจเข้าสิง
  • 11:34 - 11:36
    ฉันอยากจะขอเสริมว่า มันอาจจะดูเหมือนว่า
  • 11:36 - 11:40
    พวกเรากำลังสร้างความบอบช้ำทางจิตใจ
    ให้กับผู้เข้ารับการทดลองเหล่านี้
  • 11:40 - 11:42
    เพื่อเห็นแก่วิทยาศาสตร์
  • 11:42 - 11:46
    แต่การศึกษาของเราได้ผ่านการประเมินอย่างถี่ถ้วน
  • 11:46 - 11:48
    จากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย
  • 11:48 - 11:50
    ที่ได้ตัดสินใจว่า
  • 11:50 - 11:54
    ความลำบากใจชั่วคราวที่
  • 11:54 - 11:57
    เหล่าผู้รับการทดลองต้องเผชิญในการค้นคว้าทั้งหลายนี้
  • 11:57 - 12:01
    เทียบได้น้อยกว่าความสำคัญของปัญหา
  • 12:01 - 12:04
    เพื่อที่เราจะได้เข้าใจกระบวนการของความทรงจำ
  • 12:04 - 12:07
    และการใช้ความทรงจำในทางที่ผิด ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
  • 12:07 - 12:10
    ในหลายๆ แห่งบนโลกนี้
  • 12:10 - 12:13
    ฉันต้องประหลาดใจ
  • 12:13 - 12:17
    เมื่อฉันได้เผยแพร่งานชิ้นนี้ และเริ่มออกไปพูด
  • 12:17 - 12:21
    ต่อต้านการบำบัดจิตแนวเฉพาะนี้
  • 12:21 - 12:25
    มันได้ก่อปัญหาที่ค่อนข้างร้ายแรงให้ฉันพอสมควร
  • 12:25 - 12:30
    คือการถูกปองร้าย
    โดยเริ่มจากพวกนักบำบัดจิตแนวเก็บกดความทรงจำ
  • 12:30 - 12:31
    ที่รู้สึกเหมือนถูกโจมตี
  • 12:31 - 12:35
    และก็จากผู้ป่วยที่ถูกควบคุมจิตใจโดยนักบำบัดเหล่านั้น
  • 12:35 - 12:38
    บางครั้งฉันถึงกับต้องมีคนคอยคุ้มกันพร้อมอาวุธตามงานบรรยาย
  • 12:38 - 12:40
    ที่ฉันได้รับเชิญให้ไปพูด
  • 12:40 - 12:44
    มีคนพยายามปลุกปั่นรณรงค์
    เขียนเป็นจดหมายให้ฉันโดนไล่ออก
  • 12:44 - 12:46
    แต่ที่น่าจะแย่ที่สุดคือ
  • 12:46 - 12:49
    ตอนนั้นฉันสงสัยว่าผู้หญิงคนหนึ่ง
  • 12:49 - 12:51
    เป็นผู้บริสุทธิ์จากการถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิด
  • 12:51 - 12:54
    โดยลูกที่โตเป็นสาวแล้วของเธอ
  • 12:54 - 12:57
    เธอกล่าวหาว่าแม่ของเธอล่วงละเมิดทางเพศ
  • 12:57 - 12:59
    โดยกล่าวหาจากความทรงจำที่ถูกเก็บกดไว้
  • 12:59 - 13:02
    และลูกสาวที่ฟ้องร้องแม่ตัวเองนี้ ก็อนุญาติให้มีการบันทึก
  • 13:02 - 13:05
    เรื่องราวของตัวเธอเอง และเผยแพร่ในที่สาธารณะ
  • 13:05 - 13:08
    ฉันรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้
  • 13:08 - 13:10
    จึงเริ่มสืบดู
  • 13:10 - 13:15
    และในที่สุดก็พบข้อมูลที่ทำให้ฉันเชื่อว่า
  • 13:15 - 13:17
    แม่คนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์
  • 13:17 - 13:20
    ฉันได้ตีพิมพ์เปิดเผยเรื่องราวของเคสนี้
  • 13:20 - 13:23
    และไม่นานหลังจากนั้น ลูกสาวที่ฟ้องร้องแม่ตัวเอง
  • 13:23 - 13:25
    ก็ยื่นฟ้องศาล
  • 13:25 - 13:27
    ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเอ่ยชื่อของเธอเลย
  • 13:27 - 13:32
    เธอก็ฟ้องร้องฉันด้วยข้อหาหมิ่นประมาท
    และบุกรุกความเป็นส่วนตัว
  • 13:32 - 13:34
    ฉันต้องใช้เวลาเกือบ 5 ปี
  • 13:34 - 13:41
    ในการต่อสู้คดีที่แสนวุ่นวายและไม่มีอะไรน่าพอใจเลย
  • 13:41 - 13:45
    แต่ในที่สุด ในที่สุดมันก็จบลง และฉันก็สามารถ
  • 13:45 - 13:47
    กลับไปทำงานต่อได้จริงๆ เสียที
  • 13:47 - 13:49
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้น ฉันได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง
  • 13:49 - 13:52
    ของเทรนด์หนึ่งที่น่าหวั่นใจในอเมริกา
  • 13:52 - 13:54
    คือการที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างถูกฟ้องร้อง
  • 13:54 - 13:59
    เพียงเพราะการพูดเปิดเผย
    เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นประเด็นขัดแย้งสาธารณะ
  • 13:59 - 14:02
    เมื่อฉันได้กลับไปทำงาน ฉันก็ตั้งคำถามว่า
  • 14:02 - 14:05
    ถ้าฉันฝังความทรงจำเท็จลงในจิตใจของคุณ
  • 14:05 - 14:06
    มันจะมีผลสะท้อนที่ตามมาหรือไม่
  • 14:06 - 14:08
    มันจะมีผลกระทบกับความคิดของคุณ
  • 14:08 - 14:10
    หรือพฤติกรรมของคุณในเวลาต่อมาหรือไม่
  • 14:10 - 14:13
    การค้นคว้าแรกที่เราได้ฝังความจำเท็จไว้ว่า
  • 14:13 - 14:16
    ตอนที่คุณเป็นเด็ก คุณไม่สบายจากการกินอาหารบางอย่าง
  • 14:16 - 14:19
    เช่น ไข่ต้ม ผักดอง ไอศครีมรสสตอเบอร์รี่
  • 14:19 - 14:22
    เราได้พบว่า เมื่อเราฝังความทรงจำเท็จแบบนี้ไปแล้ว
  • 14:22 - 14:24
    มันทำให้ผู้คนลดความอยากอาหารลง
  • 14:24 - 14:27
    เวลาไปปิคนิคข้างนอก
  • 14:27 - 14:31
    ความทรงจำเท็จ ไม่จำเป็นต้องเลวร้าย
    หรือไม่น่าพอใจเสมอไป
  • 14:31 - 14:33
    ถ้าเราฝังความทรงจำที่อบอุ่น
  • 14:33 - 14:36
    เกี่ยวกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างหน่อไม้ฝรั่ง
  • 14:36 - 14:39
    เราก็ทำให้คนอยากกินหน่อไม้ฝรั่งมากขึ้น
  • 14:39 - 14:42
    ดังนั้น การค้นคว้าเหล่านี้ก็ได้แสดงให้เห็นว่า
  • 14:42 - 14:44
    คุณสามารถฝังความทรงจำเท็จ
  • 14:44 - 14:45
    และมันก็จะมีผลสะท้อน
  • 14:45 - 14:50
    ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม เนิ่นนานหลังจากที่ความทรงจำคงอยู่
  • 14:50 - 14:53
    แต่ที่มาพร้อมกับความสามารถในการ
  • 14:53 - 14:56
    ฝังความทรงจำ และการควบคุมพฤติกรรม
  • 14:56 - 15:00
    ที่เห็นได้ชัดก็คือประเด็นเรื่องจริยธรรมบางประเด็นที่สำคัญ
  • 15:00 - 15:03
    เช่น เราควรจะใช้เทคโนโลยีทางด้านจิตใจนี้ได้เมื่อไหร่
  • 15:03 - 15:07
    และ มันควรจะแม้แต่ถูกนำมาใช้หรือไม่
  • 15:07 - 15:10
    ตามจริยธรรม นักบำบัดไม่ควรฝังความจำเท็จ
  • 15:10 - 15:11
    ลงในจิตใจของคนไข้
  • 15:11 - 15:14
    ถึงแม้ว่ามันจะช่วยในการรักษา
  • 15:14 - 15:15
    แต่มันไม่ควรจะมีอะไรมาหยุดยั้งคนที่เป็นพ่อแม่ที่จะลองทำดู
  • 15:15 - 15:20
    กับลูกของพวกเขาที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นที่น้ำหนักเกิน
    หรือเป็นโรคอ้วน
  • 15:20 - 15:22
    และเมื่อฉันแนะนำอย่างนี้ออกไป
  • 15:22 - 15:26
    ก็เกิดการโวยวายคัดค้านขึ้นมาอีก
  • 15:26 - 15:30
    "เอาอีกแล้วไง เธอสนับสนุนให้พ่อแม่โกหกลูก"
  • 15:30 - 15:32
    สวัสดีค่ะ ซานตาคลอส (เสียงหัวเราะ)
  • 15:32 - 15:41
    ฉันหมายถึงว่า เรามองมันได้อีกแง่หนึ่ง
  • 15:41 - 15:43
    คุณจะเลือกอะไรระหว่าง
  • 15:43 - 15:47
    ลูกที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน อายุสั้น
  • 15:47 - 15:48
    และอะไรต่อมิอะไรที่ตามมา
  • 15:48 - 15:51
    หรือลูกที่มีความทรงจำเท็จนิดหน่อย
  • 15:51 - 15:54
    ฉันรู้ว่าจะเลือกอะไรเพื่อลูกของฉันเอง
  • 15:54 - 15:58
    แต่อาจจะเป็นเพราะงานของฉัน
    ทำให้ฉันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่
  • 15:58 - 16:01
    คนส่วนใหญ่มักจะทะนุถนอนความทรงจำของตัวเอง
  • 16:01 - 16:03
    รู้ดีว่ามันแสดงถึงตัวตนของพวกเขา
  • 16:03 - 16:05
    ว่าเป็นใคร มาจากไหน
  • 16:05 - 16:08
    และฉันก็เข้าใจถึงคุณค่าในสิ่งนั้น ฉันก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
  • 16:08 - 16:10
    แต่ฉันได้เรียนรู้จากงานของฉันว่า
  • 16:10 - 16:14
    ในความทรงจำมันมีเรื่องที่แต่งขึ้นอยู่มากมายเท่าไหร่
  • 16:14 - 16:17
    ถ้าฉันจะได้เรียนรู้อะไรจากหลายสิบปี
  • 16:17 - 16:19
    ของการพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ก็คือ
  • 16:19 - 16:22
    เพียงแค่มีใครบางคนบอกอะไรบางอย่างกับคุณ
  • 16:22 - 16:23
    และเชาพูดด้วยความมั่นใจ
  • 16:23 - 16:26
    เพียงเพราะเขาบอกรายละเอียดได้เยอะ
  • 16:26 - 16:29
    เพียงเพราะเขาแสดงอารมณ์ตอนที่พูดออกมา
  • 16:29 - 16:32
    ไม่ได้หมายความว่ามันเกิดขึ้นตามนั้นจริงๆ
  • 16:32 - 16:36
    เราไม่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างความทรงจำที่แท้จริง
    กับความทรงจำเท็จ อย่างน่าเชื่อถือได้
  • 16:36 - 16:39
    เราจำเป็นต้องมีการหาพยานหลักฐานสนับสนุน
    ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • 16:39 - 16:42
    การค้นพบดังกล่าว ทำให้ฉันเกิดความอดทน
  • 16:42 - 16:44
    ต่อความผิดพลาดของความจำที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
  • 16:44 - 16:47
    ที่เกิดขึ้นโดยเพื่อนๆ และครอบครัวของฉัน
  • 16:47 - 16:52
    การค้นพบดังกล่าวอาจจะช่วยสตีฟ ไททัสไว้ได้
  • 16:52 - 16:55
    ชายคนที่อนาคตทั้งหมดของเขาถูกกระชากไป
  • 16:55 - 16:58
    โดยความทรงจำเท็จ
  • 16:58 - 17:01
    แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ควรจำให้ขึ้นใจว่า
  • 17:01 - 17:02
    มันจะดีกว่าสำหรับเรา
  • 17:02 - 17:06
    ว่าความทรงจำ เช่นเดียวกับอิสรภาพ
  • 17:06 - 17:10
    เป็นสิ่งที่เปราะบาง
  • 17:10 - 17:13
    ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ
  • 17:13 - 17:15
    ขอบคุณค่ะ (เสียงปรบมือ)
  • 17:15 - 17:19
    ขอบคุณมากค่ะ (เสียงปรบมือ)
Title:
นิยายของความทรงจำ
Speaker:
อลิซาเบ็ธ ลอฟทัส (Elizabeth Loftus)
Description:

นักจิตวิทยา อลิซาเบ็ธ ลอฟทัส ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความทรงจำ จะให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ เธอศึกษาเกี่ยวกับความทรงจำเท็จ เมื่อคนเราจำสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น หรือจำผิดไปเป็นอีกอย่างจากเรื่องจริง มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามากกว่าที่คุณคิด ซึ่งลอฟทัสได้แบ่งปันเรื่องราวและสถิติที่น่าตกใจ และยกประเด็นคำถามทางจริยธรรมที่สำคัญ ที่เราทุกคนควรจะจดจำไว้เพื่อพิจารณา

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
17:36
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for How reliable is your memory?
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How reliable is your memory?
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How reliable is your memory?
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How reliable is your memory?
Chatthip Chaichakan accepted Thai subtitles for How reliable is your memory?
Chatthip Chaichakan commented on Thai subtitles for How reliable is your memory?
Chatthip Chaichakan edited Thai subtitles for How reliable is your memory?
Patama Patamajinda edited Thai subtitles for How reliable is your memory?
Show all

Thai subtitles

Revisions

  • Revision 18 Edited (legacy editor)
    Kelwalin Dhanasarnsombut