เทมเปิล แกรนดิน: โลกต้องการสมองทุกรูปแบบ
-
0:00 - 0:02ก่อนอื่นฉันจะเริ่มด้วยการพูดถึงออทิสติกสักหน่อย
-
0:02 - 0:04ว่ามันคืออะไร
-
0:04 - 0:07ออทิสติกนี่มีความหลากหลายมาก
-
0:07 - 0:10ตั้งแต่รุนแรงสุดๆ คือเด็กที่ไม่พูดเลยตลอดชีวิต
-
0:10 - 0:13ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ฉลาดสุดๆ
-
0:13 - 0:15ที่จริงวันนี้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านเลย
-
0:15 - 0:17เพราะในที่นี้ มีคนที่มีความเป็นออทิสติกอยู่ในสายเลือดเยอะแยะ
-
0:17 - 0:19คุณคง...
-
0:19 - 0:23(เสียงปรบมือ)
-
0:23 - 0:25มันเป็นคุณลักษณะที่มีระดับมากน้อยแตกต่างกัน
-
0:25 - 0:28พวกเนิร์ดที่สนใจอะไรบางอย่างแบบสุดขั้ว กลายเป็น
-
0:28 - 0:30แอสเพอร์เกอร์ หรือออทิสติกอ่อนๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
-
0:30 - 0:33ฉันหมายความว่า ถ้าไอน์สไตน์ โมสาร์ต
-
0:33 - 0:35และเทสลามีชีวิตอยู่วันนี้ เขาคงถูกจะวินิจฉัย
-
0:35 - 0:37ว่าเป็นออทิสติกอ่อนๆ นะ
-
0:37 - 0:40สิ่งหนึ่งที่ฉันห่วงจริงๆ ก็คือ
-
0:40 - 0:43จะทำอย่างไรให้เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้น
-
0:43 - 0:45และเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อไป
-
0:45 - 0:49อย่างที่บิลเกตส์พูดไปเมื่อเช้านี้
-
0:49 - 0:51โอเค ทีนี้ ถ้าคุณอยากเข้าใจ
-
0:51 - 0:53คนเป็นออทิสติก และพวกสัตว์ต่างๆ
-
0:53 - 0:55ฉันอยากจะพูดถึงรูปแบบวิธีคิดที่แตกต่างกันออกไป
-
0:55 - 0:58คุณต้องข้ามให้พ้นวัจนภาษา (ภาษาที่เป็นถ้อยคำ)
-
0:58 - 1:00ฉันคิดเป็นภาพ
-
1:00 - 1:03ฉันไม่ได้คิดเป็นภาษา
-
1:03 - 1:05ทีนี้ ลักษณะพิเศษของสมองของคนเป็นออทิสติก
-
1:05 - 1:08คือการใส่ใจรายละเอียด
-
1:08 - 1:10โอเค นี่เป็นแบบทดสอบที่คุณจะต้อง
-
1:10 - 1:12เลือกอักษรตัวใหญ่ หรืออักษรตัวเล็ก
-
1:12 - 1:14สมองของคนเป็นออทิสติก
-
1:14 - 1:16เห็นอักษรตัวเล็กได้เร็วกว่า
-
1:16 - 1:20ในขณะที่สมองคนปกติละเลยรายละเอียดพวกนี้ไป
-
1:20 - 1:22ทีนี้ เวลาคุณสร้างสะพาน รายละเอียดเป็นสิ่งสำคัญมาก
-
1:22 - 1:25เพราะสะพานอาจพังได้ถ้าคุณละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
-
1:25 - 1:28สิ่งหนึ่งที่ฉันเป็นห่วงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ทุกวันนี้
-
1:28 - 1:30ก็คือ อะไรๆ มันเป็นนามธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
-
1:30 - 1:32ผู้คนห่างเหินจากการทำงาน
-
1:32 - 1:34ชนิดที่ได้ลงไม้ลงมือทำจริงๆ
-
1:34 - 1:36ฉันกังวลจริงๆ ที่เห็นโรงเรียนจำนวนมาก
-
1:36 - 1:38ตัดรายวิชาเชิงปฏิบัติออกไป
-
1:38 - 1:40เพราะศิลปะ และวิชาทำนองนี้
-
1:40 - 1:42เป็นวิชาที่ฉันทำได้ดี
-
1:42 - 1:44โอเค ในงานปศุสัตว์ที่ฉันทำ
-
1:44 - 1:47ฉันสังเกตเห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่สังเกต
-
1:47 - 1:49อะไรที่ทำให้วัวตกใจและขัดขืน
-
1:49 - 1:52อย่างเช่น ธงที่โบกสะบัดอยู่หน้าศูนย์พยาบาลสัตว์
-
1:52 - 1:55ฟาร์มแห่งนี้เกือบจะรื้อศูนย์พยาบาลสัตว์ทิ้งไปแล้ว
-
1:55 - 1:57ความจริงที่เขาต้องทำคือแค่เอาธงออกไป
-
1:57 - 2:00อย่าให้มีอะไรที่เคลื่อนไหววูบวาบ แสงสีที่ตัดกัน
-
2:00 - 2:02ช่วงต้นยุค 70 ที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันลงไปคลาน
-
2:02 - 2:04ในทางเดินของวัวเพื่อดูว่ามันเห็นอะไรบ้าง
-
2:04 - 2:07คนอื่นมองว่าฉันบ้า แต่ฉันพบว่า เสื้อคลุมที่พาดไว้บนรั้วทำให้มันกลัว
-
2:07 - 2:10เงาวูบวาบ และสายยางบนพี้นก็ทำให้มันตกใจไม่ยอมเดิน
-
2:10 - 2:12คนทั่วไปไม่สังเกตสิ่งเหล่านี้
-
2:12 - 2:14โซ่ที่ห้อยลงมาจากรั้วด้วย
-
2:14 - 2:16หนัง (ชีวประวัติของ Temple) สื่อสารเรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก
-
2:16 - 2:18ที่จริงฉันชอบที่หนังเล่าถึง
-
2:18 - 2:20โปรเจ็คทุกอย่างที่ฉันทำเลย
-
2:20 - 2:23เขาเอาภาพที่ฉันวาดมาใช้ในหนังด้วย
-
2:23 - 2:25อ้อ หนังที่ว่านั้นชื่อ "Temple Grandin"
-
2:25 - 2:27ไม่ใช่ "Thinking in Picture" (ชื่อหนังสือชีวประวัติของ Temple)
-
2:27 - 2:29ทีนี้ คำว่าคิดเป็นภาพนี่มันคืออะไร
-
2:29 - 2:31มันคือหนังที่ฉายอยู่ในหัวคุณเลยแหละ
-
2:31 - 2:33สมองของฉันทำงานเหมือน Google ที่ใช้ค้นหาภาพ
-
2:33 - 2:36ตอนเด็กๆ ฉันไม่รู้ว่าวิธีการคิดของฉันต่างจากคนอื่น
-
2:36 - 2:38ฉันคิดว่าทุกคนคิดเป็นภาพ
-
2:38 - 2:40จนเมื่อฉันเขียนหนังสือเรื่อง Thinking In Pictures
-
2:40 - 2:43ฉันไปสัมภาษณ์ผู้คนว่าเขามีวิธีการคิดยังไง
-
2:43 - 2:45ฉันตกใจมากที่พบว่าวิธีการคิดของฉัน
-
2:45 - 2:47มันต่างจากคนอื่นมากเลย
-
2:47 - 2:49อย่างถ้าฉันพูดถึง "ยอดหอคอยของโบสถ์"
-
2:49 - 2:51คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงยอดหอคอยทั่วๆ ไปแบบคร่าวๆ
-
2:51 - 2:53แม้ว่าจะคนในห้องนี้อาจจะไม่ได้คิดแบบนี้
-
2:53 - 2:57แต่คนส่วนใหญ่ข้างนอกเขาคิดแบบนี้
-
2:57 - 2:59ส่วนฉันจะเห็นเป็นภาพที่เจาะจงเลย
-
2:59 - 3:03มันแวบขึ้นมาในหัวฉัน เหมือนกูเกิ้ลสำหรับหารูปภาพ
-
3:03 - 3:05ในหนังเขาก็ทำซีนหนึ่งไว้ดีมาก
-
3:05 - 3:09ตอนที่มีคนพูดคำว่า "รองเท้า" แล้วภาพของเท้ามากมายจากยุคปี 50 และ 60
-
3:09 - 3:11แวบเข้ามาในจินตนาการของฉัน
-
3:11 - 3:13โอเค นี่คือโบสถ์ที่ฉันไปตอนเด็กๆ
-
3:13 - 3:16ชัดเจนและเจาะจงแบบนี้เลย มีอีก อันนี้คือฟอร์ท คอลลินส์
-
3:16 - 3:18โอเค เอาโบสถ์ที่ดังๆ บ้างดีไหม
-
3:18 - 3:21คือ ภาพมันจะแวบเข้ามาแบบนี้
-
3:21 - 3:24เร็วมากๆ เหมือนกูเกิ้ลสำหร้บค้นหารูปภาพ
-
3:24 - 3:26แล้วจะแวบขึ้นมาทีละรูป
-
3:26 - 3:28แล้วฉันก็จะคิดต่อว่า เอ เติมหิมะเข้าไปดีไหม
-
3:28 - 3:30หรือจะเป็นภาพท้องฟ้ามีพายุฝน
-
3:30 - 3:33แล้วก็สร้างเป็นวิดีโอขึ้นมาในหัว
-
3:33 - 3:36ทีนี้ การคิดเป็นภาพนี่เป็นประโยชน์มหาศาล
-
3:36 - 3:39ในงานออกแบบโรงเรือนและการจัดการปศุสัตว์
-
3:39 - 3:41และฉันก็พยายามอย่างมากที่จะปรับปรุง
-
3:41 - 3:43วิธีการปฏิบัติกับวัวก่อนที่มันจะถูกส่งเข้าโรงชำแหละ
-
3:43 - 3:46ฉันไม่เอาภาพน่าสยองของโรงชำแหละมาฉายหรอก
-
3:46 - 3:48ฉันอัพโหลดภาพพวกนั้นขึ้นบนยูทูปแล้ว ถ้าคุณอยากดูนะ
-
3:48 - 3:52แต่หนึ่งในสิ่งที่ฉันทำได้ในงานออกแบบของฉัน
-
3:52 - 3:54ก็คือ ฉันสามารถทดสอบการทำงาน
-
3:54 - 3:56ของเครื่องมือที่ฉันออกแบบได้ในจินตนาการ
-
3:56 - 3:59เหมือนระบบคอมพิวเตอร์เสมือนจริง
-
3:59 - 4:01นี่เป็นภาพจากมุมมองทางอากาศ
-
4:01 - 4:04ของอุปกรณ์ตัวหนึ่งในโปรเจ็คของฉันที่ได้นำไปถ่ายทอดในหนัง
-
4:04 - 4:06เจ๋งดีนะ ว่าไหม
-
4:06 - 4:08ฉันว่ามีคนที่เป็นแอสเพอร์เกอร์
-
4:08 - 4:11และออทิสติกหลายแบบเลยนะ ที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายหนังน่ะ
-
4:11 - 4:13(เสียงหัวเราะ)
-
4:13 - 4:15แต่อย่างหนึ่งที่ฉันห่วงมากเลย
-
4:15 - 4:19ก็คือ ปัจจุบันคนหนุ่มสาวที่เป็นแบบนี้หายไปไหนกัน
-
4:19 - 4:22พวกเขาไม่ได้เข้าทำงานในซิลิกอนแวลี่ย์ ที่ซึ่งเหมาะกับพวกเขา
-
4:22 - 4:25(เสียงหัวเราะ)
-
4:25 - 4:30(เสียงปรบมือ)
-
4:30 - 4:33สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้ตั้งแต่ยังวัยรุ่นเพราะว่าฉันไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่ง
-
4:33 - 4:37ก็คือ ฉันต้องขายงานของฉัน ไม่ใช่ตัวตนของฉัน
-
4:37 - 4:39และวิธีการขายงานระบบจัดการปศุสัตว์ของฉัน
-
4:39 - 4:42คือการโชว์ภาพที่ฉันวาด ฉันโชว์รูปเครื่องมือต่างๆ
-
4:42 - 4:44อีกอย่างที่ช่วยฉันได้คือ ตอนที่ฉันเด็กๆ
-
4:44 - 4:46นั่นคือ ยุคปี 50 คุณจะถูกสอนเรื่องมารยาท
-
4:46 - 4:48ว่าคุณไม่สามารถไปหยิบสินค้าในร้านมาจากชั้น
-
4:48 - 4:50แล้วโยนเล่นไปมาได้
-
4:50 - 4:53พอเด็กโตถึงช่วงเกรด 3 เกรด 4 (9-10 ขวบ)
-
4:53 - 4:56คุณอาจจะเห็นเด็กคนนี้เริ่มกลายเป็นนักคิดด้วยภาพ
-
4:56 - 4:58วาดรูปที่มีมิติความลึกได้
-
4:58 - 5:00ทีนี้ ฉันอยากจะเน้นว่า เด็กออทิสติกทุกคน
-
5:00 - 5:02ไม่ได้กลายเป็นนักคิดด้วยภาพกันทุกคน
-
5:02 - 5:06ฉันมีภาพสแกนสมองที่ทำเมื่อสองสามปีก่อน
-
5:06 - 5:08ฉันเคยพูดเล่นสนุกๆ ว่า
-
5:08 - 5:10ฉันมีสายอินเทอร์เน็ตใหญ่ยักษ์
-
5:10 - 5:12ฝังอยู่ในสมองส่วนการมองเห็นของตัวเอง
-
5:12 - 5:14นี่เป็นภาพถ่ายแบบ tensor ของสมองฉัน
-
5:14 - 5:16แสดงให้เห็นว่าสายอินเทอร์เน็ตในหัวของฉัน
-
5:16 - 5:18มันใหญ่กว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า
-
5:18 - 5:20เส้นสีแดงนั่นคือของฉัน
-
5:20 - 5:24เส้นสีน้ำเงินเป็นของคนที่นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยเดียวกับฉัน
-
5:24 - 5:26เห็นไหม ฉันมีเส้นสีแดงเส้นใหญ่เยอะแยะ
-
5:26 - 5:28ของคนปกติ สีน้ำเงินนั่น
-
5:28 - 5:32เส้นเล็กกว่ามาก
-
5:32 - 5:34ตอนนี้งานวิจัยบางชิ้นเผยว่า
-
5:34 - 5:38คนเราคิดด้วยสมองส่วนการมองเห็นได้จริงๆ แต่จะมากน้อยต่างไปในแต่ละคน
-
5:38 - 5:41ทีนี้ คนที่คิดด้วยภาพก็คือสมองรูปแบบหนึ่งเท่านั้น
-
5:41 - 5:44คุณเห็นแล้วใช่ไหม ว่าสมองของคนเป็นออทิสติกนั้นมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
-
5:44 - 5:48ดีอย่างหนื่ง แต่อย่างอื่นแย่
-
5:48 - 5:50เรื่องที่ฉันแย่คือพีชคณิต และฉันก็ไม่เคยได้รับอนุญาต
-
5:50 - 5:52ให้ลงเรียนเรขาคณิตหรือตรีโกณมิติ
-
5:52 - 5:55ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่แย่มาก ฉันพบว่ามีเด็กจำนวนมากที่อยากข้ามพีชคณิต
-
5:55 - 5:57ไปเรียนเรขาคณิตและตรีโกณมิติเลย
-
5:57 - 6:00ทีนี้ สมองอีกแบบหนึ่ง คือ นักคิดระบบหรือแบบแผน
-
6:00 - 6:02อะไรที่เป็นนามธรรมกว่า นั่นคือพวกวิศวกร
-
6:02 - 6:04นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์
-
6:04 - 6:06เอาละ นี่คือการคิดเป็นระบบแบบแผน เจ้าตั๊กแตนตำข้าวตัวนี้
-
6:06 - 6:08ทำมาจากกระดาษแผ่นเดียว
-
6:08 - 6:10ไม่ใช้เทปกาว ไม่มีการตัด
-
6:10 - 6:13ลวดลายบนพี้นหลังนั่นคือแบบที่ใช้พับเจ้าตั๊กแตนตัวนี้
-
6:13 - 6:15นี่คือรูปแบบการคิดต่างๆ
-
6:15 - 6:18คิดเป็นภาพเสมือนจริง อย่างฉัน
-
6:18 - 6:22คิดเป็นระบบแบบแผน เช่น ดนตรี และคณิตศาสตร์
-
6:22 - 6:24คนพวกนี้บางคนก็จะมีปัญหาเรื่องการอ่าน
-
6:24 - 6:26คุณจะพบปัญหาแบบนี้
-
6:26 - 6:29ในเด็กที่เป็นโรค dyslexia (อาการความบกพร่องในการอ่าน) ด้วย
-
6:29 - 6:31คุณจะเห็นสมองที่แตกต่างแบบนี้
-
6:31 - 6:34แล้วก็มีสมองที่คิดเป็นคำพูด ซึ่งเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างได้
-
6:34 - 6:36ทีนี้ อีกประเด็นคือเรื่องประสาทสัมผัส
-
6:36 - 6:40ฉันกังวลมากที่ต้องใส่เครื่องมือนี้ไว้บนหน้า
-
6:40 - 6:43ฉันก็เลยเข้ามาก่อนครึ่งชั่วโมง
-
6:43 - 6:45เพื่อจะได้ใส่มัน แล้วทำตัวให้เคยชินกับมัน
-
6:45 - 6:48แล้วต้องดัดมันออกไปไม่ให้มันมาแกะกะแถวคาง
-
6:48 - 6:51แต่ประสาทสัมผัสนี่เป็นปัญหาจริงๆ เด็กบางคนไม่ชอบแสงฟลูออเรสเซนต์
-
6:51 - 6:54บางคนมีปัญหาว่าไวต่อเสียงมาก
-
6:54 - 6:57ต่างคนก็มีปัญหาต่างกันออกไป
-
6:57 - 7:01ทีนี้ การคิดเป็นภาพช่วยฉันได้มาก
-
7:01 - 7:03ในการทำความเข้าใจสัตว์
-
7:03 - 7:06เพราะอะไร ลองคิดดู การคิดของสัตว์ก็ใช้ข้อมูลจากประสาทสัมผัส
-
7:06 - 7:10ไม่ได้ใช้คำพูด พวกมันคิดเป็นภาพ
-
7:10 - 7:13คิดเป็นเสียง คิดเป็นกลิ่น
-
7:13 - 7:16ลองคิดดูสิ ว่ามีข้อมูลอยู่บนหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอันหนึ่งมากแค่ไหน
-
7:16 - 7:19พวกสัตว์รู้ว่าก่อนหน้านี้มีใครผ่านมาตรงนั้นบ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่
-
7:19 - 7:22เป็นมิตรหรือศัตรู มีใครที่มันจะจับคู่ด้วยได้ไหม
-
7:22 - 7:25มีข้อมูลมหาศาลเลยบนหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอันหนึ่ง
-
7:25 - 7:29เป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดมาก
-
7:29 - 7:31รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้
-
7:31 - 7:33ช่วยฉันได้มากในการทำความเข้าใจสัตว์
-
7:33 - 7:37ทีนี้ สมองของสัตว์ แล้วก็สมองของฉันด้วย
-
7:37 - 7:39เราเอาข้อมูลที่ได้จากประสาทสัมผัส
-
7:39 - 7:41มาจัดเป็นหมวดหมู่
-
7:41 - 7:43คนขี่ม้า
-
7:43 - 7:45กับคนที่ยืนบนพี้น
-
7:45 - 7:47เป็นสองอย่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
-
7:47 - 7:50คุณอาจจะเจอม้าที่เคยถูกคนขี่ทำร้าย
-
7:50 - 7:52มันไม่กลัวสัตวแพทย์นะ
-
7:52 - 7:55ไม่กลัวช่างทำเกือกม้าด้วย แต่คุณขี่มันไม่ได้นะ
-
7:55 - 7:58คนอาจจะเจอม้าอีกตัว ที่ถูกช่างทำเกือกตีเอา
-
7:58 - 8:00มันก็จะกลัวใครก็ตามที่ยืนบนพื้น
-
8:00 - 8:03รวมทั้งสัตวแพทย์ด้วย แต่มันกลับยอมให้คนขี่
-
8:03 - 8:05วัวก็เหมือนกัน
-
8:05 - 8:07คนขี่ม้า
-
8:07 - 8:09กับคนที่เดินเท้า เป็นสองอย่างที่แตกต่างกัน
-
8:09 - 8:11เห็นไหมล่ะ มันคือภาพสองภาพที่ไม่เหมือนกัน
-
8:11 - 8:14ทีนี้ ฉันอยากให้คุณเห็นว่ามันจำเพาะเจาะจงขนาดไหน
-
8:14 - 8:18ไอ้ความสามารถที่จะจัดข้อมูลเข้าหมวดหมู่เป็นประเภทเนี่ย
-
8:18 - 8:21ฉันพบว่าคนส่วนใหญ่จัดระบบข้อมูลที่มีรายละเอียดมากๆ ได้ไม่ดี
-
8:21 - 8:23เวลาฉันไปซ่อมอุปกรณ์
-
8:23 - 8:25หรือไปแก้ปัญหาอะไรในโรงงาน
-
8:25 - 8:29ดูเหมือนผู้คนในโรงงานพวกนั้นเขาคิดไม่ออกว่า "นี่เรามีปัญหาเรื่องคน
-
8:29 - 8:31หรือว่าเรื่องอุปกรณ์กันแน่"
-
8:31 - 8:33พูดอีกอย่างคือ แยะแยะหมวดหมู่ปัญหาเรื่องเครื่องมือ
-
8:33 - 8:35กับปัญหาเรื่องคนออกจากกันไม่ได้
-
8:35 - 8:38ฉันพบว่าคนจำนวนมากมีปัญหาเรื่องนี้
-
8:38 - 8:41ทีนี้ พอฉันคิดออกว่ามันเป็นปัญหาทางเครื่องมือ
-
8:41 - 8:43แล้วมันเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันแก้ได้
-
8:43 - 8:46หรือว่ามันมีปัญหาทั้งระบบกันแน่
-
8:46 - 8:49คนส่วนมากแยกแยะเรื่องนี้ไม่ออกอีกเช่นกัน
-
8:49 - 8:51ลองดูสิ อย่างเช่นการแก้ปัญหา
-
8:51 - 8:53ว่าจะทำอย่างไรให้สายการบินมีความปลอดภัยมากขึ้น
-
8:53 - 8:55ใช่ ฉันบินมาเป็นล้านไมล์แล้วนี่
-
8:55 - 8:57ฉันบินไปไหนมาไหนเยอะมาก
-
8:57 - 9:00ถ้าฉันไปที่ทบวงการบินพลเรือนของสหรัฐอเมริกา
-
9:00 - 9:04คุณว่าฉันจะไปดูอะไรบ้าง?
-
9:04 - 9:06ฉันจะไปดูหางเครื่องบิน
-
9:06 - 9:09คุณรู้ไหม โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกห้าครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
-
9:09 - 9:13ถ้าไม่ใช่ว่าหางหลุดออกมา ก็ต้องมีอุปกรณ์บางอย่างที่อยู่ในหาง
-
9:13 - 9:15ชำรุดเสียหาย
-
9:15 - 9:17มันคือหางเครื่องบิน ง่ายๆ เลย
-
9:17 - 9:19แล้วรู้ไหม เวลานักบินเดินดูรอบเครื่องบิน
-
9:19 - 9:21เขาไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในหางเครื่องบิน
-
9:21 - 9:23แต่เวลาฉันมาคิด
-
9:23 - 9:26ฉันดึงข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยอันนี้ขึ้นมา
-
9:26 - 9:29มันเป็นข้อมูลที่จำเพาะเจาะจงมาก เห็นไหม ฉันคิดจากข้อมูลขึ้นมา
-
9:29 - 9:33ฉันเอาข้อมูลชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันเหมือนตัวต่อ
-
9:33 - 9:35ทีนี้ นี่คือเจ้าม้าตัวหนึ่ง
-
9:35 - 9:37ที่กลัวหมวกคาวบอยสีดำเอามากๆ
-
9:37 - 9:39เพราะมันเคยถูกใครบางคนที่ใส่หมวกสีดำทำร้ายเอา
-
9:39 - 9:42ถ้าคุณใส่หมวกสีขาว อันนี้ไม่มีปัญหา
-
9:42 - 9:45ทีนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ โลกเราต้องการ
-
9:45 - 9:47มันสมองทุกรูปแบบ
-
9:47 - 9:49ให้มาทำงานร่วมกัน
-
9:49 - 9:52เราต้องมาช่วยกันสร้างมันสมองแบบต่างๆ เหล่านี้
-
9:52 - 9:55สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันโมโหมากตลอดเวลาที่
-
9:55 - 9:57ฉันเดินทางไปประชุมเรื่องออทิสติกในที่ต่างๆ
-
9:57 - 10:00ก็คือ ฉันเห็นเด็กเนิร์ดที่มีสมองอัจฉริยะมากมาย
-
10:00 - 10:03พวกนี้เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง
-
10:03 - 10:05แล้วก็ไม่มีใครใส่ใจที่จะพัฒนาเขาในทางที่เขาสนใจเลย
-
10:05 - 10:07เช่น ความสนใจทางวิทยาศาสตร์
-
10:07 - 10:10ประเด็นนี้ทำให้ฉันคิดถึงครูวิทยาศาสตร์ของฉัน
-
10:10 - 10:13หนังถ่ายทอดภาพครูสอนวิทยาศาสตร์ของฉันได้งดงามมาก
-
10:13 - 10:15ฉันมันก็แค่เด็กโง่ๆ เซ่อๆ คนหนึ่ง
-
10:15 - 10:18ตอนอยู่มัธยมปลายฉันไม่สนใจเรียนเลย
-
10:18 - 10:21จนกระทั่งฉันเข้าเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของคุณครูคาร์ล็อก
-
10:21 - 10:24หรือด็อกเตอร์คาร์ล็อกที่คุณเห็นในหนัง
-
10:24 - 10:27เขาให้การบ้านที่ท้าทาย
-
10:27 - 10:30ให้ฉันคิดว่าจะสร้างห้องลวงตาได้อย่างไร
-
10:30 - 10:32นั่นแหละ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
-
10:32 - 10:34ให้เด็กได้เห็นอะไรเจ๋งๆ
-
10:34 - 10:37รู้ไหม อย่างหนึ่งที่ฉันว่า TED น่าจะทำ ก็คือ
-
10:37 - 10:40บอกทุกๆ โรงเรียนให้รู้ว่ามีเล็กเชอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายใน TED
-
10:40 - 10:42และยังมีอะไรเจ๋งๆ อีกเยอะมากในอินเทอร์เน็ต
-
10:42 - 10:44ที่สามารถทำให้เด็กสนใจได้
-
10:44 - 10:47เพราะฉันเห็นเด็กเนิร์ดพวกนี้จำนวนมาก
-
10:47 - 10:50แล้วพวกครูในภาคกลางแถบตะวันตก (ของอเมริกา) รวมทั้งภาคอื่นๆ ด้วย
-
10:50 - 10:52ถ้าไม่ได้เข้าถึงเทคโนโลยีพวกนี้
-
10:52 - 10:54เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเด็กพวกนี้ดี
-
10:54 - 10:56แล้วเขาก็เลยไม่ได้เดินตามแนวทางที่ถูก
-
10:56 - 10:58ทีนี้ ประเด็นคือ คุณอาจจะฝึกให้สมอง
-
10:58 - 11:01เชี่ยวชาญทางการคิด การใช้กระบวนการทางปัญญา
-
11:01 - 11:04หรือสมองคุณอาจจะมีทักษะทางสังคมเป็นเยี่ยม
-
11:04 - 11:06ตอนนี้มีงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นออทิสติก
-
11:06 - 11:08อาจจะมีเครือข่ายใยประสาทที่พิเศษ
-
11:08 - 11:11ในสมองที่เป็นเลิศ แต่เราสูญเสียวงจรเรื่องสังคมไป
-
11:11 - 11:15มันได้อย่างเสียอย่าง ระหว่างการคิด กับการเข้าสังคม
-
11:15 - 11:17ถ้าเป็นรุนแรงมากๆ
-
11:17 - 11:20คุณก็อาจได้เห็นคนที่พูดหรือใช้ภาษาไม่ได้เลย
-
11:20 - 11:22ในสมองของคนปกติทั่วไป
-
11:22 - 11:25สมองที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาจะคลุมสมองส่วนการคิดเป็นภาพ
-
11:25 - 11:28ที่เรามีเหมือนกับสัตว์ นี่เป็นงานวิจัยของด๊อกเตอร์บรูซ มิลเลอร์
-
11:28 - 11:31เขาศึกษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์
-
11:31 - 11:33ที่มีภาวะสมองเสื่อมในส่วนกลีบขมับส่วนหน้า
-
11:33 - 11:36สมองส่วนการใช้ภาษาของผู้ป่วยเสื่อมไปหมดแล้ว
-
11:36 - 11:41แล้วดูสิ ภาพวาดชิ้นนี้วาดโดยผู้ป่วยที่เคยเป็นช่างติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์
-
11:41 - 11:45แล้วยังมีแวนโก๊ะซึ่งไม่รู้เรื่องฟิสิกส์เลย
-
11:45 - 11:47แต่ฉันว่ามันน่าสนใจมากเลย
-
11:47 - 11:49เพราะล่าสุดมีงานวิจัยที่แสดงว่า
-
11:49 - 11:51ลวดลายในภาพวาดของแวนโก๊ะ
-
11:51 - 11:54ตรงกับแบบจำลองทางสถิติของความผันผวน
-
11:54 - 11:56ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดที่น่าสนใจขึ้นมาว่า
-
11:56 - 11:58บางที แบบแผนทางคณิตศาสตร์บางอย่าง
-
11:58 - 12:00อาจจะอยู่ในสมองของมนุษย์อยู่แล้ว
-
12:00 - 12:02แล้วยังมีเรื่องของ วูลฟ์แฟรม อีก (ผู้พูดก่อนหน้า เทมเปิล)
-
12:02 - 12:04ฉันนั่งจดบันทึกคำค้นทั้งหมด
-
12:04 - 12:06ที่ฉันสามารถใช้ได้
-
12:06 - 12:10เพราะฉันคิดว่ามันเป็นตัวอย่างในการบรรยายเรื่องออทิสติกของฉันได้ด้วย
-
12:10 - 12:12เราต้องหาอะไรที่น่าสนใจมาให้เด็กพวกนี้ดู
-
12:12 - 12:14แต่ตอนนี้ โรงเรียนเอาวิชาซ่อมรถ
-
12:14 - 12:16การร่างแบบ และศิลปะออกจากหลักสูตร
-
12:16 - 12:19ฉันว่าศิลปะเป็นวิชาที่ดีที่สุดในโรงเรียน
-
12:19 - 12:21เราต้องนึกถึงมันสมองที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้
-
12:21 - 12:24และเราต้องช่วยกันพัฒนาสมองเหล่านี้
-
12:24 - 12:27เพราะแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องอาศัย
-
12:27 - 12:30คนเหล่านี้ในอนาคต
-
12:30 - 12:32ทีนี้มาพูดเรื่องงานบ้าง
-
12:32 - 12:34ครูวิทยาศาสตร์ของฉันกระตุ้นให้ฉันเรียนหนังสือ
-
12:34 - 12:37เพราะฉันเป็นเด็กโง่ๆ เซ่อๆ คนหนึ่งที่ไม่อยากเรียน
-
12:37 - 12:39แต่คุณรู้ไหม ตอนนั้นฉันทำงานหาประสบการณ์อยู่นะ
-
12:39 - 12:41ฉันสังเกตเห็นว่าเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้เรื่องพื้นฐานบางอย่าง
-
12:41 - 12:43เช่น การตรงต่อเวลา
-
12:43 - 12:45ฉันถูกสอนเรื่องนี้ตอนฉันอายุแปดขวบ
-
12:45 - 12:48แล้วก็มารยาทบนโต๊ะอาหารเวลาไปงานเลี้ยงที่บ้านคุณยายในวันเสาร์
-
12:48 - 12:51ฉันถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็กมากๆ
-
12:51 - 12:54แล้วตอนฉันอายุ 13 ฉันได้งานในร้านตัดเสื้อ
-
12:54 - 12:56งานเย็บผ้า
-
12:56 - 12:59ฉันไปฝึกงานตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย
-
12:59 - 13:02ฉันประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ
-
13:02 - 13:05แล้วก็เรียนรู้ที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมาย
-
13:05 - 13:09คุณรู้ไหม ที่จริงตอนเด็กๆ ฉันไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากวาดรูปม้า
-
13:09 - 13:11แม่ของฉันบอกว่า "ไหนลองวาดรูปอย่างอื่นหน่อยสิ"
-
13:11 - 13:13เด็กๆ เหล่านี้ต้องเรียนรู้ที่จะทำอย่างอื่นด้วย
-
13:13 - 13:15เช่น ถ้าเด็กหมกมุ่นกับตัวต่อเลโก
-
13:15 - 13:18ก็ให้เขาต่อเลโกเป็นของต่างๆ
-
13:18 - 13:20เพราะสมองของคนเป็นออทิสติก
-
13:20 - 13:22มักจะหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง
-
13:22 - 13:24เช่น ถ้าเด็กชอบรถแข่ง
-
13:24 - 13:26ก็ใช้รถแข่งมาสอนเลขเขาสิ
-
13:26 - 13:29ไหนลองคิดซิว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่รถถึงจะวิ่งได้ระยะทางเท่านั้นเท่านี้
-
13:29 - 13:33พูดง่ายๆ คือ ใช้ความหมกมุ่นนั้น
-
13:33 - 13:36มาสร้างแรงจูงใจให้เด็ก นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำ
-
13:36 - 13:39ฉันเหลืออดจริงๆ กับพวกครู
-
13:39 - 13:42โดยเฉพาะย่านอื่นที่ไม่ใช่แถบนี้
-
13:42 - 13:44เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเด็กฉลาดๆ พวกนี้
-
13:44 - 13:46นั่นทำให้ฉันโมโหมาก
-
13:46 - 13:48คนที่คิดเป็นภาพทำอะไรได้บ้างเมื่อเขาโตขึ้น
-
13:48 - 13:51กราฟฟิกดีไซน์ งานมากมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
-
13:51 - 13:56ถ่ายภาพ ออกแบบอุตสาหกรรม
-
13:56 - 13:58นักคิดระบบแบบแผน พวกนี้ก็จะกลายเป็น
-
13:58 - 14:01นักคณิตศาสตร์ วิศวกรซอฟแวร์
-
14:01 - 14:05นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อะไรทำนองนั้น
-
14:05 - 14:08แล้วก็มีสมองที่ถนัดเรื่องถ้อยคำ พวกนี้ก็จะเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่เก่ง
-
14:08 - 14:11เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม
-
14:11 - 14:13เพราะสำหรับคนที่เป็นออทิสซึมอย่างฉัน
-
14:13 - 14:16ฉันต้องเรียนรู้ทักษะทางสังคม ซึ่งเหมือนการเล่นละคร
-
14:16 - 14:19มันต้องเรียนน่ะ มันจำเป็นนะ
-
14:19 - 14:22และเราก็จำเป็นต้องดูแลเด็กพวกนี้อย่างใกล้ชิด
-
14:22 - 14:24ซึ่งต้องอาศัยพี่เลี้ยงที่คอยให้คำปรึกษา
-
14:24 - 14:27อย่างครูสอนวิทยาศาสตร์ของฉัน เขาไม่ได้มีประกาศนียบัตรวิชาชีพครู
-
14:27 - 14:29เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า
-
14:29 - 14:31ตอนนี้บางรัฐก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว
-
14:31 - 14:33โดยให้คนที่มีปริญญาทางชีววิทยา เคมี
-
14:33 - 14:36มาสอนชีววิทยาและเคมีในโรงเรียนได้
-
14:36 - 14:38เราต้องทำอย่างนี้
-
14:38 - 14:40เพราะสิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตเห็นคือ
-
14:40 - 14:42ครูที่ดีสำหรับเด็กจำนวนมาก
-
14:42 - 14:44ไปอยู่ในวิทยาลัยชุมชน
-
14:44 - 14:47เราต้องหาครูดีๆ แบบนี้เข้ามาในโรงเรียนมัธยมบ้าง
-
14:47 - 14:50อีกอย่างหนึ่งที่จะได้ผลดีมากๆ ก็คือ
-
14:50 - 14:53มีคนมากมายที่เกษียณแล้ว
-
14:53 - 14:56จากวงการซอฟต์แวร์ เราให้เขามาสอนเด็กๆ ก็ได้
-
14:56 - 14:59สิ่งที่เขาสอนจะเก่าก็ไม่เป็นไร
-
14:59 - 15:02เพราะสิ่งที่เราต้องการคือการจุดประกาย
-
15:02 - 15:05ทำให้เด็กตื่นเต้นสนอกสนใจ
-
15:05 - 15:08ถ้าคุณทำให้เขาสนใจได้ เดี๋ยวเขาก็เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่มีทั้งหมดต่อเอง
-
15:08 - 15:10ครูพี่เลี้ยงจึงสำคัญมากๆ
-
15:10 - 15:12ฉันไม่รู้จะย้ำยังไงให้มากกว่านี้
-
15:12 - 15:15ถึงสิ่งดีๆ ที่ครูวิทยาศาสตร์ทำให้ฉัน
-
15:15 - 15:18เราต้องแนะแนวทางให้เด็กๆ เหล่านี้ จ้างเขามาทำงาน
-
15:18 - 15:20และถ้าคุณรับเด็กเหล่านี้เข้ามาฝึกงาน
-
15:20 - 15:23ประเด็นคือ กับเด็กออทิสติกและแอสเพอร์เกอร์
-
15:23 - 15:26คุณต้องมอบหมายงานแบบเจาะจง อย่าบอกแค่ว่าให้ "ออกแบบซอฟต์แวร์"
-
15:26 - 15:28คุณต้องบอกเขาให้เจาะจงชัดเจนกว่านั้น
-
15:28 - 15:31เช่น "ออกแบบซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์
-
15:31 - 15:33ให้มันทำงานบางอย่างที่คุณต้องการ
-
15:33 - 15:35โดยใช้หน่วยความจำไม่เกินเท่านี้"
-
15:35 - 15:37คุณต้องบอกให้ชัดเจนแบบนี้
-
15:37 - 15:39เอาล่ะ ฉันพูดจบแล้ว
-
15:39 - 15:41ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ
-
15:41 - 15:43ฉันยินดีมากที่ได้มาพูดวันนี้
-
15:43 - 15:55(เสียงปรบมือ)
-
15:55 - 15:58โอ้ คุณมีคำถามเหรอ โอเค
-
15:58 - 15:59(เสียงปรบมือ)
-
15:59 - 16:03คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณมากครับ
-
16:03 - 16:05คุณรู้ไหม ผมชอบที่คุณเคยเขียนไว้
-
16:05 - 16:07ว่า "ถ้ามีปาฏิหาริย์
-
16:07 - 16:10ทำให้โรคออทิสติกหายไปจากโลกนี้
-
16:10 - 16:13วันนี้มนุษย์ก็คงยังพบปะสังสรรค์กันหน้ากองไฟ
-
16:13 - 16:15ตรงปากทางเข้าถ้ำอยู่"
-
16:15 - 16:17เทมเปิล แกรมดิน: เพราะอะไรล่ะ คุณรู้ไหมใครเอาหินมาทำหอกทำขวานเป็นคนแรก
-
16:17 - 16:20บรรพบุรุษเราที่เป็นแอสเพอร์เกอร์ ถ้าคุณกำจัดยีนของอาการออทิสติกไปหมด
-
16:20 - 16:22ก็คงจะไม่มีซิลิกอนแวลีย์อีกต่อไป
-
16:22 - 16:24วิกฤตพลังงานก็คงจะไม่ได้รับการแก้ไขด้วย
-
16:24 - 16:27(เสียงปรบมือ)
-
16:27 - 16:29คริส: ครับ ผมอยากถามคุณอีกสองสามคำถาม
-
16:29 - 16:31ถ้าคุณคิดว่าคำถามไหนไม่เหมาะสม
-
16:31 - 16:33ก็บอกผมเลยนะ ว่า "ขอคำถามถัดไป"
-
16:33 - 16:35ถ้าเกิดมีใครสักคนในที่นี้
-
16:35 - 16:37มีลูกเป็นออทิสติก
-
16:37 - 16:39หรือรู้จักเด็กที่เป็นออทิสติก
-
16:39 - 16:42ที่แปลกแยก ไม่ยอมคุยกับเขา
-
16:42 - 16:44คุณจะแนะนำว่ายังไงครับ?
-
16:44 - 16:46เทมเปิล: อย่างแรกคือ คุณต้องดูว่าเด็กอายุเท่าไหร่
-
16:46 - 16:48ถ้าเด็กอายุ สอง สาม หรือสี่ขวบ
-
16:48 - 16:50ไม่พูด ไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
-
16:50 - 16:52ฉันขอเน้นสุดๆ เลยนะว่า
-
16:52 - 16:56อย่าทิ้งไว้ คุณต้องคอยสอนตัวต่อตัวอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
-
16:56 - 16:59ที่คุณต้องเข้าใจคือ โรคออทิสติกมีความรุนแรงหลายระดับ
-
16:59 - 17:01ประมาณครึ่งหนึ่งของคนที่เป็นออทิสติก
-
17:01 - 17:03จะไม่สามารถพูด และไม่สามารถไปทำงาน
-
17:03 - 17:06ที่ซิลิกอนแวลีย์ได้ เป็นไปไม่ได้เลย
-
17:06 - 17:08แต่อีกครึ่งหนึ่ง คุณจะเจอเด็กเนิร์ด
-
17:08 - 17:10ที่มีอาการออทิสติกอ่อนๆ
-
17:10 - 17:12กลุ่มนี้ละ ที่คุณต้องไปจุดประกายให้เขา
-
17:12 - 17:14โดยให้ทำอะไรที่น่าสนใจ
-
17:14 - 17:17ฉันเองเข้าสังคมได้ก็เพราะเจอคนที่มีความสนใจร่วมกัน
-
17:17 - 17:21ฉันขี่ม้ากับเด็กคนอื่น ฉันทำจรวดจำลองกับเด็กคนอื่น
-
17:21 - 17:23ทำแล็บอิเล็กทรอนิกส์กับเด็กคนอื่น
-
17:23 - 17:25ตอนยุค 60 นั่น เราเอากระจกติดเข้ากับ
-
17:25 - 17:28แผ่นยางที่หุ้มลำโพง แล้วจัดงานแสดงแสงสีเสียง
-
17:28 - 17:31ซึ่งพวกเรารู้สึกว่ามันเจ๋งมากเลย
-
17:31 - 17:33คริส: มันจะเกินจริงไปไหมครับ
-
17:33 - 17:35ถ้าเขาจะคาดหวังว่า
-
17:35 - 17:38เด็กคนนั้นจะรักเขา
-
17:38 - 17:40เทมเปิล: ฉันจะบอกให้ เด็กเหล่านี้จะจงรักภักดีกับคุณมาก
-
17:40 - 17:42ถ้าบ้านคุณไฟไหม้ เขาจะลุยเข้าไปช่วยคุณออกมาเลยล่ะ
-
17:42 - 17:45คริส: ว้าว ทีนี้ คนส่วนใหญ่ ถ้าคุณไปถามเขาว่า
-
17:45 - 17:47อะไรที่เขารักและเอาใจใส่มากที่สุด เขาจะตอบทำนองว่า
-
17:47 - 17:50"ลูกของฉัน" หรือ "คนรักของฉัน"
-
17:50 - 17:53แล้วคุณล่ะครับ อะไรที่คุณรักและใส่ใจมากที่สุด?
-
17:53 - 17:55เทมเปิล: ฉันรักสิ่งที่ฉันทำ อยากให้สิ่งฉันทำ
-
17:55 - 17:57เปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ขึ้น
-
17:57 - 17:59เวลามีคุณแม่ของเด็กออทิสติกพูดกับฉันว่า
-
17:59 - 18:01"ลูกฉันเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะหนังสือของคุณ
-
18:01 - 18:03หรือเพราะได้ฟังคุณพูด" นั่นล่ะที่ทำให้ฉันมีความสุข
-
18:03 - 18:06คุณรู้ไหม โรงฆ่าสัตว์ที่ฉันเคยทำงานด้วย
-
18:06 - 18:08เมื่อช่วงปี 80 มันแย่มากๆ เลย
-
18:08 - 18:12ฉันสร้างระบบง่ายๆ สำหรับให้คะแนนโรงฆ่าสัตว์ขึ้นมา
-
18:12 - 18:14แค่นับว่ามีวัวกี่ตัวที่ล้ม
-
18:14 - 18:16มีวัวกี่ตัวที่ถูกตี
-
18:16 - 18:18วัวกี่ตัวที่ร้องสุดใจขาดดิ้น
-
18:18 - 18:20ง่ายมากๆ อย่างนี้เลย
-
18:20 - 18:22คุณสังเกตเห็นอะไรง่ายๆ บางอย่างได้กับตา
-
18:22 - 18:24มันได้ผลดีมาก ฉันมีความสุขเวลาที่เห็น
-
18:24 - 18:27อะไรที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกได้จริงๆ
-
18:27 - 18:29เราต้องมีอะไรที่จับต้องได้แบบนั้นมากขึ้น
-
18:29 - 18:31และลดอะไรที่เป็นนามธรรมลงซะบ้าง
-
18:31 - 18:38(เสียงปรบมือ)
-
18:38 - 18:40คริส: ตอนที่เราคุยโทรศัพท์กัน
-
18:40 - 18:42คุณพูดอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมทึ่งมาก
-
18:42 - 18:46คุณบอกว่าคุณสนใจเซิร์ฟเวอร์ฟาร์ม เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมครับ
-
18:46 - 18:49เทมเปิล: ฉันตื่นเต้นมากเลยตอนที่ได้อ่านเรื่องนี้
-
18:49 - 18:52เพราะเซิร์ฟเวอร์เป็นที่เก็บความรู้
-
18:52 - 18:54เหมือนห้องสมุด
-
18:54 - 18:56ฉันว่าความรู้เป็นอะไรที่มีค่ามาก
-
18:56 - 18:58เมื่อสิบกว่าปีก่อน
-
18:58 - 19:00ห้องสมุดของเราโดนน้ำท่วม
-
19:00 - 19:02นั่นเป็นยุคก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะบูม
-
19:02 - 19:04ฉันเศร้ามากเลยที่หนังสือทั้งหมดเสียหาย
-
19:04 - 19:06เพราะมันหมายถึงความรู้ถูกทำลายไปด้วย
-
19:06 - 19:08ฉันเลยสนใจเซิร์ฟเวอร์ฟาร์ม หรือศูนย์ข้อมูล
-
19:08 - 19:11เพราะมันคือห้องสมุดชั้นดีที่เอาไว้เก็บความรู้
-
19:11 - 19:14คริส: เทมเปิล ผมอยากบอกว่าผมดีใจมากจริงๆ ที่คุณมาพูดให้กับเราที่ TED
-
19:14 - 19:17เทมเปิล: ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณ
-
19:17 - 19:23(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เทมเปิล แกรนดิน: โลกต้องการสมองทุกรูปแบบ
- Speaker:
- Temple Grandin
- Description:
-
เทมเปิล แกรนดินซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติกตั้งแต่เด็ก เล่าให้เราฟังว่าสมองของเธอทำงานอย่างไร เธอเล่าถึงความสามารถในการ "คิดเป็นภาพ" ซึ่งช่วยให้เธอแก้ปัญหาที่สมองของคนปกติมักจะละเลยไป เธอแสดงให้เห็นว่าโลกต้องการคนที่อาจจะจัดว่าเป็นออทิสติกบ้างไม่มากก็น้อย: ไม่ว่าจะเป็นคนที่คิดเป็นภาพ คิดเป็นระบบหรือรูปแบบ คิดเป็นคำพูด และเด็กฉลาดที่ใครๆ มองว่าประหลาดทุกประเภท
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:26