< Return to Video

แนวคิดใหม่ว่าด้วยทุนในศตวรรษที่ 21

  • 0:01 - 0:03
    ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาพูดในวันนี้
  • 0:03 - 0:07
    ผมศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรายได้
  • 0:07 - 0:10
    และการกระจายความมั่งคั่งมา 15 ปี
  • 0:10 - 0:13
    บทเรียนหนึ่งที่น่าสนใจ
  • 0:13 - 0:16
    ที่ได้จากการวิจัยนี้
  • 0:16 - 0:18
    คือ ในระยะยาว
  • 0:18 - 0:21
    อัตราผลตอบแทนของทุนมีแนวโน้ม
  • 0:21 - 0:24
    จะสูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 0:24 - 0:27
    ทำให้เกิดการกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
  • 0:27 - 0:28
    ถึงแม้จะไม่ใช่การกระจุกตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
  • 0:28 - 0:31
    แต่ยิ่งช่องว่างระหว่าง r และ g กว้างขึ้น
  • 0:31 - 0:34
    ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งก็ยิ่งสูงขึ้น
  • 0:34 - 0:37
    ซึ่งสังคมมักโน้มเอียงไปเช่นนั้นในที่สุด
  • 0:37 - 0:41
    นี่คือปัจจัยหลักที่ผมจะพูดถึงในวันนี้
  • 0:41 - 0:43
    แต่ผมขอออกตัวก่อนว่า
  • 0:43 - 0:45
    นี่ไม่ใช่ปัจจัยหลักปัจจัยเดียว
  • 0:45 - 0:48
    ที่มีผลต่อพลวัตของการกระจาย
    ของรายได้และความมั่งคั่ง
  • 0:48 - 0:50
    ยังมีอีกหลายปัจจัย
  • 0:50 - 0:53
    ที่มีบทบาทสำคัญต่อพลวัตในระยะยาว
  • 0:53 - 0:55
    ของการกระจายรายได้และความมั่งคั่ง
  • 0:55 - 0:56
    และยังมีข้อมูลอีกมากมาย
  • 0:56 - 0:58
    ที่เราต้องไปเก็บมาทดสอบ
  • 0:58 - 1:02
    วันนี้ เรารู้อะไรมากขึ้นนิดหนึ่ง
    เทียบกับที่เคยรู้
  • 1:02 - 1:04
    แต่ก็นับว่าน้อยมาก
  • 1:04 - 1:06
    และที่สำคัญ
    ก็ยังมีอีกหลายปัจจัย --
  • 1:06 - 1:08
    ทั้งเศรษฐกิจ, สังคม, การเมือง --
  • 1:08 - 1:10
    ที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติม
  • 1:10 - 1:13
    วันนี้ แม้ผมจะพูดถึงปัจจัยง่าย ๆ นี้
  • 1:13 - 1:15
    แต่ไม่ได้แปลว่าปัจจัยสำคัญอื่น ๆ
  • 1:15 - 1:16
    จะไม่มีความหมาย
  • 1:16 - 1:18
    ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ผมนำมาแสดง
  • 1:18 - 1:21
    มาจากฐานข้อมูล
  • 1:21 - 1:22
    ที่หาได้ในอินเทอร์เน็ต
  • 1:22 - 1:23
    ข้อมูล World Top Income Database
  • 1:23 - 1:26
    ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด
  • 1:26 - 1:28
    เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ
  • 1:28 - 1:29
    เป็นผลงานการรวบรวม
  • 1:29 - 1:33
    ของนักวิจัยนานาชาติมากกว่า 30 ท่าน
  • 1:33 - 1:36
    มาดูข้อสรุปที่เราได้
  • 1:36 - 1:37
    จากฐานข้อมูลนี้กันก่อน
  • 1:37 - 1:39
    แล้วเราจะกลับไปพูดถึง
    r ที่สูงกว่า g อีกครั้ง
  • 1:39 - 1:42
    ข้อเท็จจริงประการแรกคือ
  • 1:42 - 1:45
    ความเหลื่อมล้ำทางรายได้
    ในสหรัฐฯ และยุโรป
  • 1:45 - 1:47
    เปลี่ยนแปลงแบบสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
  • 1:47 - 1:49
    ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
  • 1:49 - 1:52
    ในปี 1900, 1910 นั้น
    ความเหลื่อมล้ำของรายได้
  • 1:52 - 1:55
    ในยุโรปนั้น สูงกว่าในสหรัฐฯ มาก
  • 1:55 - 1:57
    ในขณะที่วันนี้
    ความเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯ สูงกว่ามาก
  • 1:57 - 1:59
    ผมขอขยายความหน่อยว่า
  • 1:59 - 2:02
    เหตุผลไม่ได้มาจาก r ที่สูงกว่า g
  • 2:02 - 2:06
    แต่มาจากการเปลี่ยนแปลง
    ของอุปสงค์และอุปทานในทักษะ,
  • 2:06 - 2:09
    การแข่งขันระหว่างการศึกษาและเทคโนโลยี,
  • 2:09 - 2:12
    โลกาภิวัฒน์, และการเข้าถึงแหล่งความรู้
  • 2:12 - 2:14
    และทักษะที่ไม่เสมอภาคกันในสหรัฐ
  • 2:14 - 2:16
    ที่ที่คุณมีมหาวิทยาลัยระดับท็อป
  • 2:16 - 2:18
    แต่ระบบการศึกษาในระดับล่าง
  • 2:18 - 2:20
    กลับไม่ดีเท่าไหร่
  • 2:20 - 2:22
    ทำให้เกิดความไม่เสมอภาค
    ในการเข้าถึงแหล่งทักษะความรู้
  • 2:22 - 2:24
    รวมถึงรายได้ผู้บริหารระดับสูงในสหรัฐฯ
  • 2:24 - 2:27
    ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
  • 2:27 - 2:30
    จนยากจะอธิบายได้ โดยใช้เพียงระดับการศึกษา
  • 2:30 - 2:32
    แล้วก็ยังมีอีกหลายปัจจัย
  • 2:32 - 2:34
    แต่ผมจะไม่พูดถึงมันมากในวันนี้
  • 2:34 - 2:37
    เพราะผมอยากจะพุ่งประเด็นไปที่
    ความเหลื่อมล้ำทางฐานะ
  • 2:37 - 2:40
    ผมจะพูดถึงตัวชี้วัดง่ายๆ
  • 2:40 - 2:42
    ของความเหลื่อมล้ำทางรายได้
  • 2:42 - 2:44
    นี่คือส่วนแบ่งของรายได้ทั้งหมด
  • 2:44 - 2:47
    ที่อยู่ในมือของกลุ่มคนรวยที่สุด 10% แรก
  • 2:47 - 2:49
    คุณจะเห็นได้ว่า เมื่อร้อยปีก่อน
  • 2:49 - 2:52
    อยู่ในระดับ 45-50% ในยุโรป
  • 2:52 - 2:55
    และสูงกว่า 40% เล็กน้อย ในสหรัฐ
  • 2:55 - 2:57
    ความเหลื่อมล้ำในยุโรปจึงสูงกว่าสหรัฐ
  • 2:57 - 3:00
    จากนั้น ความเหลื่อมล้ำลดลงอย่างรวดเร็ว
  • 3:00 - 3:02
    ในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20
  • 3:02 - 3:04
    และในช่วงทศวรรษหลังๆ มานี้ คุณจะเห็นได้ว่า
  • 3:04 - 3:08
    ความเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯ
    เพิ่มสูงขึ้นกว่าในยุโรป
  • 3:08 - 3:10
    และนี่คือข้อเท็จจริงแรกที่ผมพูดถึง
  • 3:10 - 3:14
    ข้อเท็จจริงที่สอง
    เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 3:14 - 3:17
    ข้อค้นพบสำคัญของเรื่องนี้
    คือความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งนั้น
  • 3:17 - 3:20
    จะสูงกว่าความเหลื่อมล้ำของรายได้เสมอ
  • 3:20 - 3:22
    และแม้ว่าความไม่เท่าเทียมด้านความมั่งคั่ง
  • 3:22 - 3:25
    จะเพิ่มขึ้นในระยะหลังๆ มานี้
  • 3:25 - 3:27
    ก็ยังไม่สูงเท่า
  • 3:27 - 3:29
    ที่เคยเป็นเมื่อร้อยปีก่อน
  • 3:29 - 3:31
    ถึงแม้ว่าระดับความมั่งคั่งโดยรวม
  • 3:31 - 3:33
    เมื่อเทียบกับรายได้นั้น
  • 3:33 - 3:34
    ได้ฟื้นตัวจากผลกระทบ
    ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
  • 3:34 - 3:37
    ที่เกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 1
    ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
  • 3:37 - 3:38
    และสงครามโลกครั้งที่ 2
  • 3:38 - 3:40
    ผมจะให้ดูกราฟ 2 กราฟ
  • 3:40 - 3:43
    ที่แสดงข้อเท็จจริงข้อที่ 2 และ 3
  • 3:43 - 3:47
    เริ่มต้นจากระดับความเหลื่อมล้ำ
    ของความมั่งคั่ง
  • 3:47 - 3:51
    นี่คือสัดส่วนของความมั่งคั่ง
  • 3:51 - 3:53
    ที่ครอบครองโดยกลุ่มที่รวยที่สุด 10%
  • 3:53 - 3:56
    ซึ่งคุณจะเห็นแนวโน้มที่สวนทางกัน
  • 3:56 - 3:58
    ระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป
  • 3:58 - 4:00
    แบบเดียวกับในกราฟความเหลื่อมล้ำ
    ของรายได้ที่เราได้เห็นไปแล้ว
  • 4:00 - 4:03
    การกระจุกตัวของความมั่งคั่งในยุโรป
  • 4:03 - 4:05
    จึงสูงกว่าในสหรัฐฯ เมื่อร้อยปีก่อน
  • 4:05 - 4:08
    แต่ตอนนี้ สถานการณ์กลับตรงข้ามกัน
  • 4:08 - 4:10
    นอกจากนี้ คุณจะเห็นอีกสองประเด็นคือ
  • 4:10 - 4:13
    หนึ่งคือระดับความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 4:13 - 4:16
    จะสูงกว่าระดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้เสมอ
  • 4:16 - 4:18
    กลับไปที่เรื่องความเหลื่อมล้ำทางรายได้
  • 4:18 - 4:21
    สัดส่วนรายได้ในมือคนรวยที่สุด 10% แรก
  • 4:21 - 4:24
    อยู่ที่ 30-50% ของรายได้ทั้งหมด
  • 4:24 - 4:27
    ในขณะที่ ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งนั้น
  • 4:27 - 4:30
    สัดส่วนอยู่ระหว่าง 60% และ 90% เสมอ
  • 4:30 - 4:31
    และนี่ก็คือข้อเท็จจริงข้อแรก
  • 4:31 - 4:33
    ซึ่งสำคัญมากสำหรับเรื่องที่ผมจะพูดต่อไป
  • 4:33 - 4:35
    คือการกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
  • 4:35 - 4:37
    จะสูงกว่าการกระจุกตัวของรายได้เสมอ
  • 4:37 - 4:39
    ข้อเท็จจริงข้อที่สองคือ
  • 4:39 - 4:43
    การเติบโตของความเหลื่อมล้ำ
    ของความมั่งคั่งในระยะหลัง ๆ
  • 4:43 - 4:47
    ยังไม่กลับไปสูงเท่ากับเมื่อปี 1910
  • 4:47 - 4:49
    ความแตกต่างที่เห็นชัดในวันนี้
  • 4:49 - 4:51
    คือความไม่เท่าเทียมทางฐานะยังคงสูงมาก
  • 4:51 - 4:54
    คือ 60-70% ของความมั่งคั่งทั้งหมด
    ถูกครอบครองโดยกลุ่มที่รวยที่สุด 10%
  • 4:54 - 4:56
    แต่ข่าวดีก็คือ จริง ๆ แล้ว
  • 4:56 - 4:58
    ปัจจุบันนี้ก็ยังดีกว่าเมื่อร้อยปีที่แล้ว
  • 4:58 - 5:01
    ที่ 90% ของความมั่งคั่งในยุโรป
    อยู่ในมือคนรวยที่สุด 10%
  • 5:01 - 5:03
    ขณะที่ปัจจุบัน
  • 5:03 - 5:05
    เรามีกลุ่มที่ผมเรียกว่า
    กลุ่มชนชั้นกลาง 40%
  • 5:05 - 5:07
    คือ คนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสูงสุด 10%
  • 5:07 - 5:09
    แต่ก็ไม่ได้อยู่ต่ำกว่า 50%
  • 5:09 - 5:11
    ซึ่งคุณอาจจะมองว่าเป็นชนชั้นกลางมีฐานะ
  • 5:11 - 5:15
    ที่ถือครองประมาณ 20-30%
  • 5:15 - 5:16
    ของความมั่งคั่งทั้งหมดของประเทศ
  • 5:16 - 5:20
    ซึ่งกลุ่มนี้เคยเป็นคนจนเมื่อศตวรรษที่แล้ว
  • 5:20 - 5:22
    ตอนที่ยังไม่มีชนชั้นกลางที่มีฐานะเกิดขึ้น
  • 5:22 - 5:24
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
  • 5:24 - 5:29
    ที่น่าสนใจคือ
    ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 5:29 - 5:32
    ยังไม่ย้อนกลับไปสูงถึงระดับยุค
    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1
  • 5:32 - 5:35
    แม้ว่าปริมาณความมั่งคั่งโดยรวมนั้น
    ได้ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว
  • 5:35 - 5:37
    นี่คือมูลค่ารวมทั้งหมด
  • 5:37 - 5:40
    ของความมั่งคั่งต่อรายได้
  • 5:40 - 5:42
    คุณจะเห็นว่า โดยเฉพาะในยุโรป
  • 5:42 - 5:45
    ความมั่งคั่งเกือบจะฟื้นกลับไป
    เท่าระดับก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1
  • 5:45 - 5:47
    ดังนั้น เรากำลังพูดถึง
  • 5:47 - 5:50
    สองด้านที่แตกต่างกันในเรื่องนี้
  • 5:50 - 5:51
    ด้านแรกเกี่ยวกับ
  • 5:51 - 5:53
    ปริมาณความมั่งคั่งมวลรวมที่เราสั่งสม
  • 5:53 - 5:55
    ซึ่งไม่ได้เลวร้ายอะไร
  • 5:55 - 5:57
    ที่เราสั่งสมความมั่งคั่งนี้
  • 5:57 - 6:00
    โดยเฉพาะถ้ามีการกระจายตัวมากขึ้น
  • 6:00 - 6:01
    และกระจุกตัวน้อยลง
  • 6:01 - 6:04
    แต่สิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญ
  • 6:04 - 6:06
    คือ วิวัฒนาการของ
    ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 6:06 - 6:09
    และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  • 6:09 - 6:11
    เราจะอธิบายอย่างไร
  • 6:11 - 6:14
    ว่าทำไมช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น
    ความเหลื่อมล้ำทางฐานะจึงสูงมาก
  • 6:14 - 6:17
    ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
    ก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • 6:17 - 6:21
    แล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
  • 6:21 - 6:25
    คราวนี้ มาพูดถึงคำอธิบายของเหตุการณ์นี้
  • 6:25 - 6:27
    และความน่าจะเป็นในอนาคตกันบ้าง
  • 6:27 - 6:28
    ผมขอพูดก่อนว่า
  • 6:28 - 6:30
    วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้อธิบาย
  • 6:30 - 6:32
    เหตุที่การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
  • 6:32 - 6:35
    สูงกว่าการกระจุกตัวของรายได้
  • 6:35 - 6:38
    น่าจะเป็นโมเดลพลวัตการสืบทอดมรดก
  • 6:38 - 6:40
    ที่ผู้คนมองกลยุทธ์ระยะยาว
  • 6:40 - 6:43
    และสะสมทรัพย์สมบัติด้วยเหตุผลหลายประการ
  • 6:43 - 6:46
    หากผู้คนเพิ่มพูนความมั่งคั่ง
  • 6:46 - 6:48
    เพียงเพื่อประทังชีวิตตัวเอง
  • 6:48 - 6:50
    เช่น เอาไว้จับจ่ายใช้สอย
  • 6:50 - 6:51
    เมื่อแก่ตัวลง
  • 6:51 - 6:54
    หากเป็นเช่นนั้น
    ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 6:54 - 6:56
    น่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ
  • 6:56 - 6:58
    ความเหลื่อมล้ำทางรายได้
  • 6:58 - 7:00
    แต่มันยากที่จะอธิบาย
  • 7:00 - 7:02
    ว่าทำไมเราจึงมี
    ความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 7:02 - 7:03
    สูงกว่าความเหลื่อมล้ำทางรายได้มาก
  • 7:03 - 7:05
    หากดูจากช่วงชีวิตคนคนเดียว
  • 7:05 - 7:07
    ดังนั้น เราจึงต้องมองจากมุม
  • 7:07 - 7:08
    ที่ผู้คนสะสมทรัพย์สมบัติ
  • 7:08 - 7:11
    ด้วยเหตุผลนอกเหนือจากนั้นด้วย
  • 7:11 - 7:13
    โดยทั่วไป ผู้คนต้องการส่งต่อ
  • 7:13 - 7:16
    ทรัพย์สมบัติไปสู่ลูกหลานรุ่นต่อไป
  • 7:16 - 7:18
    หรือเขาอาจต้องการสะสมความมั่งคั่ง
  • 7:18 - 7:20
    เพื่อเกียรติยศ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
  • 7:20 - 7:22
    ดังนั้น ต้องมีเหตุผลอื่นๆ
  • 7:22 - 7:25
    ที่คนสะสมความมั่งคั่ง
    นอกเหนือจากเพียงเพื่อประทังชีวิต
  • 7:25 - 7:27
    ที่จะนำมาอธิบายข้อมูลต่างๆ นี้ได้
  • 7:27 - 7:30
    ทีนี้ ในภาพใหญ่ของโมเดลพลวัต
  • 7:30 - 7:32
    ของการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง
  • 7:32 - 7:36
    ซึ่งมีเจตนาสะสมและสืบทอดความมั่งคั่ง
  • 7:36 - 7:39
    คุณจะเห็นว่ามีปัจจัยที่ส่งผลกระทบ
  • 7:39 - 7:40
    มากมายหลายอย่าง
  • 7:40 - 7:42
    เช่น บางครอบครัว
  • 7:42 - 7:43
    ที่มีลูกหลายคน
  • 7:43 - 7:45
    ทรัพย์สมบัติก็ถูกแบ่งกระจายออกไป
  • 7:45 - 7:47
    แต่บางครอบครัวก็มีลูกน้อยคน
  • 7:47 - 7:49
    คุณจะได้เห็นผลกระทบของอัตราผลตอบแทน
  • 7:49 - 7:52
    บางครอบครัวได้กำไรมหาศาล
    จากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์
  • 7:52 - 7:53
    บางครอบครัวขาดทุน
    จากการลงทุนที่ผิดพลาด
  • 7:53 - 7:55
    คุณจะเห็นการขยับตัว
  • 7:55 - 7:57
    ของความมั่งคั่งอยู่ตลอดเวลา
  • 7:57 - 7:59
    บ้างก็มีฐานะสูงขึ้น บ้างก็แย่ลง
  • 7:59 - 8:01
    ประเด็นที่สำคัญคือ
  • 8:01 - 8:02
    ไม่ว่าจะใช้โมเดลใด
  • 8:02 - 8:05
    กับปัจจัยกระตุ้นใดก็ตาม
  • 8:05 - 8:07
    สภาวะสมดุลของความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 8:07 - 8:11
    เท่ากับค่าฟังก์ชั่นของ r ลบด้วย g
    ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • 8:11 - 8:14
    และโดยธรรมชาติ สาเหตุที่ผลต่าง
  • 8:14 - 8:16
    ระหว่างอัตราผลตอบแทนจากความมั่งคั่ง
  • 8:16 - 8:18
    กับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นสำคัญ
  • 8:18 - 8:20
    ก็เพราะความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่ง
  • 8:20 - 8:23
    จะขยายกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
  • 8:23 - 8:25
    จาก r ลบ g ที่ใหญ่ขึ้น
  • 8:25 - 8:26
    ตัวอย่างง่าย ๆ
  • 8:26 - 8:30
    เมื่อ r เท่ากับ 5% และ g เท่ากับ 1%
  • 8:30 - 8:32
    คนรวยต้องใช้เงินเพียง 1 ใน 5
  • 8:32 - 8:35
    ของรายได้ทั้งหมดของเขาไปลงทุน
  • 8:35 - 8:37
    เพื่อให้อัตราการโตของทรัพย์สินของเขา
  • 8:37 - 8:39
    เร็วเท่ากับการโตของเศรษฐกิจ
  • 8:39 - 8:41
    นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้
  • 8:41 - 8:42
    การสร้างความร่ำรวยไม่รู้จบได้ง่ายดาย
  • 8:42 - 8:45
    เพราะคุณสามารถใช้เงิน 4 ใน 5 สำหรับจับจ่าย
  • 8:45 - 8:46
    สมมุติว่าไม่มีภาษี
  • 8:46 - 8:48
    และลงทุนเพียง 1 ใน 5
  • 8:48 - 8:50
    แน่นอนว่าบางครอบครัวใช้จ่ายมากกว่านั้น
  • 8:50 - 8:52
    และบางครอบครัวก็ใช้จ่ายน้อยกว่า
  • 8:52 - 8:54
    เลยเกิดการเคลื่อนที่ของความมั่งคั่ง
  • 8:54 - 8:57
    แต่โดยเฉลี่ยคือต้องลงทุนเพียง 1 ใน 5
  • 8:57 - 9:00
    และนี่คือสิ่งที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำ
    ของความมั่งคั่งคงอยู่ต่อ
  • 9:00 - 9:03
    ในตอนนี้ คุณคงไม่แปลกใจ
  • 9:03 - 9:07
    ที่อัตรา r จะสูงกว่า g ตลอดไป
  • 9:07 - 9:08
    เพราะนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดมา
  • 9:08 - 9:10
    ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
  • 9:10 - 9:14
    และมันค่อนข้างชัดเจนสำหรับทุกคน
  • 9:14 - 9:15
    ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 9:15 - 9:17
    อยู่ในระดับใกล้ 0%
  • 9:17 - 9:19
    มาตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
  • 9:19 - 9:23
    อาจจะเท่ากับ 0.1% 0.2% หรือ 0.3%
  • 9:23 - 9:25
    แต่มีการเติบโตอย่างช้า ๆ ของจำนวนประชากร
  • 9:25 - 9:27
    และผลผลิตต่อหัว
  • 9:27 - 9:29
    ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของทุน
  • 9:29 - 9:30
    แน่นอน ไม่ได้อยู่ในระดับ 0%
  • 9:30 - 9:32
    ในกรณีของที่ดิน
  • 9:32 - 9:34
    ซึ่งเป็นทรัพย์สินรูปแบบดั้งเดิม
  • 9:34 - 9:37
    มาตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม
  • 9:37 - 9:38
    ซึ่งอยู่ในระดับประมาณ 5%
  • 9:38 - 9:42
    แฟนนิยายของ เจน ออสติน น่าจะรู้ดี
  • 9:42 - 9:45
    หากคุณต้องการมีรายได้ 1,000 ปอนด์ต่อปี
  • 9:45 - 9:47
    คุณควรมีทรัพย์สินเริ่มต้นที่มูลค่า
  • 9:47 - 9:49
    20,000 ปอนด์
  • 9:49 - 9:51
    เพื่อให้ 1 ใน 5 ของ 20,000 เท่ากับ 1,000
  • 9:51 - 9:53
    จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้
  • 9:53 - 9:56
    ถือเป็นรากฐานสำคัญของสังคมเลย
  • 9:56 - 9:58
    เพราะ r ที่ใหญ่กว่า g
  • 9:58 - 10:02
    ทำให้คนที่มีทรัพย์สินมากมาย
  • 10:02 - 10:05
    เลี้ยงตัวเองได้ ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุน
  • 10:05 - 10:07
    และหันไปทำกิจกรรมอื่น
  • 10:07 - 10:11
    นอกเหนือจากการหาเลี้ยงประทังชีพได้
  • 10:11 - 10:13
    บทสรุปสำคัญจากการวิเคราะห์ข้อมูล
  • 10:13 - 10:15
    จากประวัติศาสตร์เหล่านี้ คือ
  • 10:15 - 10:18
    การเติบโตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่
  • 10:18 - 10:20
    กลับไม่ส่งผลต่อสภาพการณ์นี้
    มากอย่างที่เราคาดคิดเลย
  • 10:20 - 10:22
    แน่นอน อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 10:22 - 10:24
    ในช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม
  • 10:24 - 10:28
    ปรับตัวสูงขึ้น จาก 0% เป็น 1% เป็น 2%
  • 10:28 - 10:30
    แต่ในขณะเดียวกัน
  • 10:30 - 10:32
    อัตราผลตอบแทนของทุนก็เพิ่มขึ้นด้วย
  • 10:32 - 10:34
    ช่องว่างระหว่างสองอย่างนี้
  • 10:34 - 10:36
    จึงไม่เปลี่ยนไปเลย
  • 10:36 - 10:38
    ในศตวรรษที่ 20
  • 10:38 - 10:41
    เราได้ผ่านเหตุการณ์พิเศษหลายๆ อย่าง
  • 10:41 - 10:43
    อย่างแรก คือ อัตราผลตอบแทนที่ต่ำมาก
  • 10:43 - 10:46
    ซึ่งเกิดจากสงครามเมื่อปี 1914 และ 1945
  • 10:46 - 10:48
    และจากการล่มสลายของความมั่งคั่ง,
    ภาวะเงินเฟ้อ
  • 10:48 - 10:50
    และการล้มละลาย ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
  • 10:50 - 10:52
    เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้
  • 10:52 - 10:53
    อัตราผลตอบแทน
  • 10:53 - 10:55
    ลดลงอย่างน่าใจหาย
  • 10:55 - 10:57
    ระหว่างปี ค.ศ. 1914 และ 1945
  • 10:57 - 10:59
    แล้วในช่วงหลังสงคราม
  • 10:59 - 11:03
    เศรษฐกิจก็เติบโตในอัตราสูงกว่าปกติ
  • 11:03 - 11:05
    ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการบูรณะ
    และฟื้นฟูประเทศ
  • 11:05 - 11:07
    ในเยอรมัน ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น
  • 11:07 - 11:08
    มีอัตราการเติบโตถึง 5%
  • 11:08 - 11:11
    ระหว่างปี ค.ศ. 1950 และ 1980
  • 11:11 - 11:13
    ซึ่งส่วนใหญ่ เกิดจากการบูรณะและฟื้นฟู
  • 11:13 - 11:16
    และจากการขยายตัวของประชากรอย่างรวดเร็ว
  • 11:16 - 11:18
    เป็นผลจากยุคเบบี้บูม
  • 11:18 - 11:20
    แต่เราเห็นว่าเหตุการณ์นั้น
    จะไม่คงอยู่เป็นเวลานาน
  • 11:20 - 11:22
    อย่างน้อย อัตราการเพิ่มประชากร
  • 11:22 - 11:25
    มีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต
  • 11:25 - 11:28
    และการคาดการณ์ที่ดีที่สุดตอนนี้
  • 11:28 - 11:30
    บอกเราว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 11:30 - 11:31
    จะอยู่ประมาณ 1% หรือ 2%
  • 11:31 - 11:33
    แทนที่จะเป็น 4% หรือ 5%
  • 11:33 - 11:36
    ถ้าคุณดูที่กราฟนี้
  • 11:36 - 11:38
    นี่คือค่าประมาณการเติบโตของ
  • 11:38 - 11:40
    ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
    (GDP) ทั่วโลก
  • 11:40 - 11:42
    และอัตราผลตอบแทนจากทุน
  • 11:42 - 11:44
    และค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนจากทุน
  • 11:44 - 11:47
    คุณจะเห็นว่าในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่ผ่านมา
  • 11:47 - 11:49
    อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 11:49 - 11:50
    ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนจากทุนอยู่มาก
  • 11:50 - 11:53
    แต่แล้ว ในศตวรรษที่ 20
  • 11:53 - 11:55
    จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นสูงมาก
  • 11:55 - 11:57
    หลังจากสงครามสงบ
  • 11:57 - 11:59
    และการบูรณะก่อสร้าง
  • 11:59 - 12:00
    ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • 12:00 - 12:02
    มาอยู่ในระดับใกล้เคียง
  • 12:02 - 12:03
    กับอัตราผลตอบแทนจากทุน
  • 12:03 - 12:07
    ผมใช้ประมาณการจำนวนประชากร
    ของสหประชาชาติ
  • 12:07 - 12:09
    ข้อมูลพวกนี้ จึงยังเปลี่ยนแปลงได้
  • 12:09 - 12:11
    เป็นไปได้ว่า พวกเราอาจ
  • 12:11 - 12:13
    มีลูกเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • 12:13 - 12:16
    อัตราการเพิ่มประชากร ก็จะสูงขึ้น
  • 12:16 - 12:17
    แต่ในเวลานี้
  • 12:17 - 12:20
    นี่คือประมาณการดีที่สุดเท่าที่เรามี
  • 12:20 - 12:22
    มันแปลว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 12:22 - 12:24
    จะลดลง และช่องว่างระหว่าง
  • 12:24 - 12:26
    อัตราผลตอบแทนของทรัพย์สินจะสูงขึ้น
  • 12:26 - 12:29
    เหตุการณ์พิเศษอีกอย่าง
  • 12:29 - 12:31
    ในศตวรรษที่ 20
  • 12:31 - 12:32
    อย่างที่ผมกล่าวไว้
  • 12:32 - 12:35
    เช่น การตกต่ำของเศรษฐกิจ
    การเก็บภาษีทรัพย์สิน
  • 12:35 - 12:37
    นี่คืออัตราผลตอบแทนก่อนหักภาษี
  • 12:37 - 12:40
    ส่วนนี่คืออัตราผลตอบแทนหลังหักภาษี
  • 12:40 - 12:42
    หลังเศรษฐกิจตกต่ำ
  • 12:42 - 12:44
    ซึ่งทำให้
  • 12:44 - 12:45
    อัตราเฉลี่ยของผลตอบแทน
  • 12:45 - 12:47
    หลังหักภาษี
    หลังเศรษฐกิจพัง
  • 12:47 - 12:50
    อยู่ต่ำกว่าอัตราการเติบโต
    ของเศรษฐกิจเป็นเวลานาน
  • 12:50 - 12:51
    แต่ ถ้าหากเศรษฐกิจไม่พัง
  • 12:51 - 12:54
    และไม่มีภาษี สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
  • 12:54 - 12:57
    สรุปคือ ความสมดุลระหว่าง
  • 12:57 - 12:59
    อัตราผลตอบแทนจากทุนและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 12:59 - 13:01
    ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
  • 13:01 - 13:03
    ที่ยากจะคาดเดา
  • 13:03 - 13:05
    เทคโนโลยีและการพัฒนา
  • 13:05 - 13:08
    การผลิตที่ใช้ทุนมาก (capital-intensive)
  • 13:08 - 13:11
    ตอนนี้ เรามีการพัฒนาแบบนี้มาก
  • 13:11 - 13:14
    ในภาคการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  • 13:14 - 13:17
    พลังงาน แต่ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้
  • 13:17 - 13:21
    ว่าเราจะนำหุ่นยนต์มาใช้เยอะขึ้น
    ในหลากหลายอุตสาหกรรม
  • 13:21 - 13:23
    แล้วจะมีสัดส่วนใหญ่ขึ้นในตลาด
  • 13:23 - 13:25
    เมื่อเทียบกับภาพรวมทั้งหมด
  • 13:25 - 13:27
    แต่ก็ยังอีกไกลจากวันนี้
  • 13:27 - 13:28
    และจากนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
  • 13:28 - 13:30
    ในภาคอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน
  • 13:30 - 13:32
    เป็นส่วนสำคัญหลักทั้งในทรัพย์สินรวม
  • 13:32 - 13:34
    และในการจัดสรรตลาดอีกด้วย
  • 13:34 - 13:36
    สิ่งสำคัญอีกประเด็น
  • 13:36 - 13:38
    คือ ขนาดของการลงทุน
  • 13:38 - 13:40
    ผนวกเข้ากับหลักทางการเงินที่ซับซ้อน
  • 13:40 - 13:42
    การควบคุมการเงินที่หละหลวม
  • 13:42 - 13:44
    ทำให้อัตราผลตอบแทนเพิ่มสูงขึ้นได้ง่ายขึ้น
  • 13:44 - 13:46
    ในพอร์ตการลงทุนที่ใหญ่มาก
  • 13:46 - 13:49
    ซึ่งจะเห็นได้เยอะในหมู่มหาเศรษฐี
  • 13:49 - 13:51
    ที่มีกำลังลงทุนสูง
  • 13:51 - 13:53
    ผมจะพูดถึงตัวอย่างหนึ่ง
  • 13:53 - 13:56
    เป็นข้อมูลจากการจัดอันดับมหาเศรษฐี
  • 13:56 - 14:00
    โดยนิตยสารฟอร์บส์ ระหว่างปี ค.ศ. 1987-2013
  • 14:00 - 14:02
    คุณจะเห็นว่ากลุ่มที่รวยที่สุด
  • 14:02 - 14:05
    รวยขึ้นประมาณ 6-7% ต่อปี
  • 14:05 - 14:08
    มากกว่าอัตราเงินเฟ้อ
  • 14:08 - 14:10
    ในขณะที่รายได้เฉลี่ยในโลก
  • 14:10 - 14:12
    และความมั่งคั่งเฉลี่ยในโลก
  • 14:12 - 14:15
    ขยายตัวเพียง 2% ต่อปี
  • 14:15 - 14:17
    คุณจะเห็นตัวอย่างแบบนี้
  • 14:17 - 14:18
    ในมหาวิทยาลัยที่ทุนหนา
  • 14:18 - 14:20
    การลงทุนเริ่มต้นยิ่งมีมูลค่าสูงเท่าไหร่
  • 14:20 - 14:22
    อัตราผลตอบแทนจะยิ่งสูงขึ้น
  • 14:22 - 14:24
    แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง?
  • 14:24 - 14:26
    สิ่งแรกสุด ผมคิดว่าเราจำเป็น
  • 14:26 - 14:28
    ต้องเพิ่มความโปร่งใสทางการเงิน
  • 14:28 - 14:32
    เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายของเงินน้อยมาก
  • 14:32 - 14:34
    เราจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลการโอน
  • 14:34 - 14:35
    ข้อมูลจากธนาคาร
  • 14:35 - 14:38
    เราควรมีการจดทะเบียนทรัพย์สินของโลก
  • 14:38 - 14:41
    มีการร่วมมือกันในการเก็บภาษีคนรวย
  • 14:41 - 14:44
    ซึ่งไม่จำเป็นต้องเก็บในอัตราสูง
  • 14:44 - 14:46
    เพื่อให้เราสามารถเก็บข้อมูล
  • 14:46 - 14:49
    แล้วนำมาปรับให้เข้ากับนโยบาย
  • 14:49 - 14:51
    บนพื้นฐานของข้อมูลเหล่านั้นต่อไป
  • 14:51 - 14:52
    ในระดับหนึ่ง การต่อสู้กับ
  • 14:52 - 14:54
    การหนีภาษี
  • 14:54 - 14:56
    และการโอนข้อมูลอัตโนมัติ
  • 14:56 - 14:57
    ก็กำลังผลักดันเราไปในทางนั้นอยู่แล้ว
  • 14:57 - 15:00
    ทีนี้ การกระจายความมั่งคั่งก็มีอีกหลายวิธี
  • 15:00 - 15:03
    ที่ดูน่าสนใจ
  • 15:03 - 15:04
    เช่น การสร้างภาวะเงินเฟ้อ
  • 15:04 - 15:06
    การพิมพ์ธนบัตรเพิ่มนั้น
  • 15:06 - 15:08
    ง่ายกว่าการออกภาษีใหม่
    จึงดูเป็นวิธีที่น่าทำ
  • 15:08 - 15:10
    แต่บางครั้งเราไม่รู้ว่าจะใช้เงินนั้นทำอะไร
  • 15:10 - 15:12
    ซึ่งก็เป็นปัญหา
  • 15:12 - 15:14
    การเวนคืนก็น่าสนใจ
  • 15:14 - 15:16
    เมื่อใดที่เห็นใครรวยเกินไป
  • 15:16 - 15:17
    ก็ไปเวนคืนกลับมา
  • 15:17 - 15:19
    แต่มันไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพ
  • 15:19 - 15:22
    ในการบริหารการกระจายตัวของความมั่งคั่ง
  • 15:22 - 15:24
    สงครามก็ยิ่งเป็นวิธี
    ที่มีประสิทธิภาพน้อยลงไปอีก
  • 15:24 - 15:27
    ทำให้ผมจึงเอียงไปในการเก็บภาษีแบบขั้นบันได
  • 15:27 - 15:29
    แต่แน่นอน ประวัติศาสตร์ (หัวเราะ)
  • 15:29 - 15:31
    ประวัติศาสตร์จะสร้างวิธีดีที่สุดให้ตัวเอง
  • 15:31 - 15:33
    ซึ่งน่าจะประกอบไปด้วย
  • 15:33 - 15:34
    สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้
  • 15:34 - 15:36
    ขอบคุณครับ
  • 15:36 - 15:38
    (เสียงปรบมือ)
  • 15:38 - 15:44
    บรูโน่ กิอุสสานี: คุณโธมัส พิคเก้ตตี้
    ขอบคุณครับ
  • 15:44 - 15:46
    โธมัส ผมอยากถามซัก 2-3 คำถามนะครับ
  • 15:46 - 15:50
    ข้อมูลต่างๆ ที่คุณนำเสนอในวันนี้น่าทึ่งมาก
  • 15:50 - 15:53
    คุณกำลังเสนอว่า
  • 15:53 - 15:55
    การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
  • 15:55 - 15:57
    เป็นแนวโน้มทางธรรมชาติในระบบทุนนิยม
  • 15:57 - 16:00
    แล้วถ้าเราปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น
  • 16:00 - 16:03
    มันก็อาจจะทำลายตัวเองในที่สุด
  • 16:03 - 16:04
    คุณจึงแนะนำว่าเราควรเริ่มลงมือ
  • 16:04 - 16:07
    วางนโยบายเพื่อให้เกิด
    การกระจายตัวของความมั่งคั่ง
  • 16:07 - 16:09
    อย่างตัวอย่างที่เราชมไป
  • 16:09 - 16:11
    เช่น ภาษีขั้นบันได เป็นต้น
  • 16:11 - 16:13
    ในบริบทของสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน
  • 16:13 - 16:15
    จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
  • 16:15 - 16:17
    คุณคิดว่าเป็นไปได้แค่ไหน
  • 16:17 - 16:18
    ที่สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมาปฏิบัติ?
  • 16:18 - 16:19
    โธมัส พิคเก้ตตี้: ผมคิดว่า
  • 16:19 - 16:21
    หากคุณมองย้อนกลับไป
  • 16:21 - 16:24
    ประวัติศาสตร์ของรายได้
    ความมั่งคั่ง และภาษี
  • 16:24 - 16:26
    นั้นเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
  • 16:26 - 16:28
    ผมไม่ค่อยมั่นใจ
  • 16:28 - 16:30
    คนที่พูดว่า
  • 16:30 - 16:31
    อนาคตจะเกิดอะไรหรือไม่เกิดอะไร
  • 16:31 - 16:33
    ผมคิดว่า เมื่อศตวรรษก่อน
  • 16:33 - 16:35
    คงมีหลายคนกล่าวไว้ว่า
  • 16:35 - 16:37
    การเก็บภาษีแบบขั้นบันไดไม่มีวันเกิดขึ้นได้
  • 16:37 - 16:38
    แต่แล้ว มันก็เกิดขึ้น
  • 16:38 - 16:40
    หรือแม้แต่เมื่อห้าปีที่แล้ว
  • 16:40 - 16:43
    หลายคนเชื่อว่าข้อมูลธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์
  • 16:43 - 16:45
    จะเป็นความลับตลอดไป
  • 16:45 - 16:46
    มีความเชื่อว่าสวิสเซอร์แลนด์
  • 16:46 - 16:48
    เป็นประเทศมหาอำนาจ
  • 16:48 - 16:51
    แต่แล้ว สหรัฐก็ออกกฎต่างๆ ออกมา
  • 16:51 - 16:53
    ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับธนาคารสวิส
  • 16:53 - 16:55
    แล้วตอนนี้ เรากำลังเดินไปสู่
  • 16:55 - 16:57
    ความโปร่งใสทางการเงินยิ่งขึ้นไปอีก
  • 16:57 - 17:01
    ผมคิดว่า มันไม่ยากเกินไป
  • 17:01 - 17:04
    ที่จะมีการร่วมมือกันในส่วนการเมือง
  • 17:04 - 17:06
    เพื่อร่างสนธิสัญญาร่วมกัน
  • 17:06 - 17:09
    โดยมีกลุ่มประเทศที่มี GDP ครึ่งหนึ่งของโลก
  • 17:09 - 17:11
    สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป
  • 17:11 - 17:13
    ถ้าหาก GDP ครึ่งหนึ่งของโลกไม่พอ
  • 17:13 - 17:16
    ที่จะผลักดันให้เกิดความโปร่งใสทางการเงิน
  • 17:16 - 17:20
    หรือแม้แต่ทำให้มีการ
    จัดเก็บภาษีขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติ
  • 17:20 - 17:21
    แล้วเราจะทำอะไรได้อีก?
  • 17:21 - 17:25
    ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ยากในเชิงเทคนิค
  • 17:25 - 17:27
    ผมคิดว่าเราสามารถก้าวหน้าต่อไปได้
  • 17:27 - 17:29
    หากเราเน้นแนวทางปฏิบัติที่ตอบโจทย์นี้
  • 17:29 - 17:31
    และกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสม
  • 17:31 - 17:34
    เพื่อจับตามองกลุ่มคนที่
    ได้รับประโยชน์จากความไม่โปร่งใส
  • 17:34 - 17:36
    บรูโน่: ข้อโต้แย้งอีกอย่าง
  • 17:36 - 17:37
    เกี่ยวกับมุมมองของคุณ
  • 17:37 - 17:39
    คือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐศาสตร์
  • 17:39 - 17:42
    ไม่ใช่แค่ลักษณะอย่างหนึ่งของระบบทุนนิยม
    แต่เป็นกลไกหลักเลย
  • 17:42 - 17:45
    ถ้าเราลงมือต่อสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
  • 17:45 - 17:48
    การเติบโตของเศรษฐกิจก็จะลดลงตามกันไปด้วย
  • 17:48 - 17:49
    คุณจะตอบพวกเขาอย่างไรบ้างครับ?
  • 17:49 - 17:51
    โธมัส: ใช่ครับ ผมคิดว่าความเหลื่อมล้ำ
  • 17:51 - 17:53
    ไม่ใช่ปัญหาในตัวมันเอง
  • 17:53 - 17:55
    ผมคิดว่า การมีความเหลื่อมล้ำในระดับหนึ่ง
  • 17:55 - 17:58
    มีประโยชน์ต่อนวัตกรรม
    และการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 17:58 - 18:00
    ปัญหาอยู่ที่ ระดับของมัน
  • 18:00 - 18:02
    เมื่อความเหลื่อมล้ำอยู่ในระดับที่สูงเกินไป
  • 18:02 - 18:05
    มันก็จะไม่มีประโยชน์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 18:05 - 18:07
    และจะทำให้แย่ลงด้วย
  • 18:07 - 18:10
    เพราะมันมีแนวโน้มที่ทำให้เกิดภาวะ
  • 18:10 - 18:11
    ความเหลื่อมล้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด
  • 18:11 - 18:13
    และการกระจายความมั่งคั่งลดน้อยลง
  • 18:13 - 18:16
    ยกตัวอย่าง การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
  • 18:16 - 18:19
    ในช่วงศตวรรษที่ 19
  • 18:19 - 18:21
    เรื่อยมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1
  • 18:21 - 18:23
    ของประเทศในยุโรป
  • 18:23 - 18:25
    ผมคิดว่าไม่ช่วยการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 18:25 - 18:27
    แล้วการกระจุกตัวนั้นก็ถูกทำลายลง
  • 18:27 - 18:30
    ด้วยเหตุการณ์ที่น่าสลดและการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย
  • 18:30 - 18:32
    การขยายตัวของเศรษฐกิจจึงกลับมาอีกครั้ง
  • 18:32 - 18:35
    และความเหลื่อมล้ำอย่างสุดโต่ง
  • 18:35 - 18:37
    ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสังคมประชาธิปไตย
  • 18:37 - 18:40
    หากมันทำให้เกิดการไม่เสมอภาค
    ในการออกเสียงทางการเมือง
  • 18:40 - 18:42
    การแทรกแซงของเงินจากเอกชน
  • 18:42 - 18:44
    ในการเมืองสหรัฐในขณะนี้
  • 18:44 - 18:46
    ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกมาก
  • 18:46 - 18:49
    ดังนั้น เราจึงไม่ควรปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำ
  • 18:49 - 18:51
    กลับไปสู่จุดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อีก
  • 18:51 - 18:55
    การแบ่งสัดส่วนของความมั่งคั่งที่เหมาะสม
  • 18:55 - 18:58
    ให้กลุ่มคนชั้นกลางนั้น
    มีผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
  • 18:58 - 19:01
    มันดีทั้งในแง่มูลค่าทรัพย์สิน
  • 19:01 - 19:03
    และในแง่ประสิทธิภาพ
  • 19:03 - 19:05
    บรูโน: ผมได้กล่าวในตอนต้นว่า
  • 19:05 - 19:07
    หนังสือของคุณได้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก
  • 19:07 - 19:08
    ข้อมูลของคุณถูกวิจารณ์
  • 19:08 - 19:10
    การเลือกชุดข้อมูลมานำเสนอก็ถูกวิจารณ์
  • 19:10 - 19:12
    คุณโดนกล่าวหาว่าเลือกเฉพาะข้อมูล
  • 19:12 - 19:15
    ที่สนับสนุนทฤษฎีของตัวเอง
  • 19:15 - 19:17
    โธมัส: ผมขอตอบว่า ผมยินดี
  • 19:17 - 19:19
    ที่หนังสือเล่มนี้ทำให้เกิดการถกเถียง
  • 19:19 - 19:22
    นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจให้เกิดขึ้น
  • 19:22 - 19:25
    เหตุผลที่ผมใส่ข้อมูลทั้งหมดบนอินเตอร์เนท
  • 19:25 - 19:27
    พร้อมอธิบายวิธีการคำนวนอย่างละเอียด
  • 19:27 - 19:29
    ก็เพื่อแสดงความโปร่งใสและเปิดเผย
  • 19:29 - 19:31
    ในการถกเถียงเรื่องนี้
  • 19:31 - 19:33
    ผมได้ตอบได้ตรงประเด็น
  • 19:33 - 19:35
    กับข้อสงสัยทุกข้อ
  • 19:35 - 19:38
    หากผมกลับไปเขียนหนังสือเล่มนี้ใหม่อีกครั้ง
  • 19:38 - 19:39
    ผมจะสรุปว่า
  • 19:39 - 19:41
    ความไม่เท่าเทียมของความมั่งคั่งที่สูงขึ้น
  • 19:41 - 19:43
    โดยเฉพาะในสหรัฐ
  • 19:43 - 19:46
    จริงๆ แล้ว สูงกว่าที่ผมระบุไว้ในหนังสืออีก
  • 19:46 - 19:49
    มีงานวิจัยโดยนักวิจัย 2 ท่าน เซซและซูคแมน
  • 19:49 - 19:51
    ที่แสดงข้อมูลใหม่
  • 19:51 - 19:52
    ที่ผมไม่มีตอนเขียนหนังสือเล่มนี้
  • 19:52 - 19:55
    นั่นคือ การกระจุกตัว
    ของความมั่งคั่งในสหรัฐนั้น
  • 19:55 - 19:57
    เพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผมเขียนไว้ในหนังสือ
  • 19:57 - 19:59
    และก็จะมีข้อมูลอื่นๆ อีกในอนาคต
  • 19:59 - 20:01
    ซึ่งข้อมูลบางอย่างอาจจะไปในทิศตรงกันข้าม
  • 20:01 - 20:05
    เราใส่ข้อมูลเพิ่มเข้าไป
    ในอินเทอร์เน็ตทุกอาทิตย์
  • 20:05 - 20:08
    ทั้งข้อมูลอัพเดทจาก
    World Top Income Database
  • 20:08 - 20:10
    และเราก็จะยังคงเก็บข้อมุลต่อไปเรื่อย ๆ
  • 20:10 - 20:12
    โดยเฉพาะข้อมูลของประเทศเกิดใหม่
  • 20:12 - 20:15
    ผมยินดีรับข้อมูลจาก
    ทุกคนที่ต้องการมีส่วนร่วม
  • 20:15 - 20:17
    ในการช่วยเก็บข้อมูล
  • 20:17 - 20:20
    ในความเป็นจริง ผมเห็นด้วย
  • 20:20 - 20:22
    ว่าความโปร่งใสของการกระจายตัว
  • 20:22 - 20:24
    ของความมั่งคั่งนั้นยังไม่มากพอ
  • 20:24 - 20:26
    ทางที่ดีที่จะช่วยเก็บข้อมูลนี้
  • 20:26 - 20:28
    ก็คือการเก็บภาษีคนรวย
  • 20:28 - 20:29
    เริ่มจากอัตราต่ำ ๆ
  • 20:29 - 20:31
    เพื่อให้ทุกคนยอมร่วมมือ
  • 20:31 - 20:33
    ทำให้เกิดวิวัฒนาการที่สำคัญ
  • 20:33 - 20:36
    และเริ่มร่างกฎเกณฑ์
    และนโยบายที่จำเป็นต่อไป
  • 20:36 - 20:38
    การเก็บภาษีคือการเก็บฐานข้อมูลอย่างหนึ่ง
  • 20:38 - 20:41
    และเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในเวลานี้
  • 20:41 - 20:43
    บรูโน: โธมัส พิคเก้ตตี้ ขอบคุณมากครับ
  • 20:43 - 20:47
    โธมัส: ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)
Title:
แนวคิดใหม่ว่าด้วยทุนในศตวรรษที่ 21
Speaker:
โธมัส พิคเก้ตตี้ (Thomas Piketty)
Description:

นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส โธมัส พิคเก้ตตี้ (Thomas Piketty) สร้างความฮือฮาเมื่อต้นปี 2014 จากหนังสือว่าด้วยสูตรคณิตอันเรียบง่ายแต่โหดร้าย ซึ่งอธิบายความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ; r > g (หมายถึง ผลตอบแทนส่วนทุนโดยทั่วไปแล้วจะมีค่าสูงกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ) คราวนี้ เขามาอธิบายถึงชุดข้อมูลมหาศาลที่ทำให้เขาได้ข้อสรุปว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่กำลังแย่ลงเรื่อยๆ และอาจก่อผลกระทบรุนแรงได้ด้วย

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
21:00

Thai subtitles

Revisions