-
ซีอิ๊วขาวทำไมถึงสีดำ
-
สวัสดีค่ะวิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
เคยอยากรู้กันไหมคะว่า ทำไมซีอิ๊วขาวถึงเป็นสีดำ
-
เฮ้ยดูสีดูอะไร
-
กินมาตั้งแต่เด็กเนี่ยมันก็ดูออกจะเป็นสีแบบ
-
ดำ ๆ น้ำตาล ๆ ใช่ไหมคะ
-
ทำไมถึงเรียกว่าซีอิ๊วขาว
-
จะบอกว่าวันนี้ค่ะ คนอื่นอยากรู้ไหมไม่รู้
-
แต่วิวเนี่ยอยากรู้
-
วิวก็เลยไปค้นหาข้อมูลอะไรต่าง ๆ มา
-
แล้วก็ เจอคำตอบค่ะ
-
ดังนั้นก็เลยคิดว่า
-
อยากจะมาแชร์ให้ทุกคนฟังนะคะ
-
สำหรับตอนนี้
-
ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปฟังกันว่า
-
ทำไมซีอิ๊วของถึงเป็นสีดำเนี่ย
-
อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ
-
ติดตามแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่ง กดปุ่ม See first กดอะไรต่าง ๆ ด้วย
-
จะไม่พลาดข่าวสารดี ๆ จากช่อง Point of View นะคะ
-
โดยเฉพาะทาง Instagram
-
รูปวิวทั้งนั้นเลยค่ะ
-
ไม่มีข่าวสารอะไร สาระอะไรทั้งสิ้นเลยนะ
-
แต่ว่าก็ อยากให้ติดตามกันนะคะ
-
โอเค พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุก แล้วก็มีสาระกันหรือยังคะ
-
พร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
-
พูดถึงซีอิ๊วนะคะ กินกันมาตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหมคะ
-
น่าจะเคยกินกันมาทุกคนนั่นแหละ
-
ยกเว้นคนที่แพ้ถั่วเหลืองค่ะ
-
แต่รู้ไหมคะว่าซีอิ๊วนี่ถือเป็นเครื่องปรุงที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ
-
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศจีนค่ะ
-
เพราะว่าที่ประเทศจีนเนี่ยนะคะ
-
ตรงไหนก็ตามที่จะเป็นครัวแบบจีนเนี่ย
-
เขาถือว่าสิ่งของทั้งหมด 7 อย่างนะคะ
-
ที่ ถ้ามีไม่ครบเนี่ย จะเรียกตรงนี้ว่าครัวจีนไม่ได้เลยนะคะ
-
ประกอบไปด้วยของต่าง ๆ ดังนี้นะคะ
-
หนึ่ง ข้าวค่ะ
-
แน่นอนว่าคนจีนบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักนะคะ
-
เช่นเดียวกับชาวไทย
-
ดังนั้นถ้าขาดข้าวไปนี่ไม่ใช่ครัวจีนค่ะ
-
สองได้แก่ น้ำมันนั่นเอง
-
เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าอาหารจีนมันขนาดไหน
-
เทน้ำมันกันเข้าไป
-
ถ้าไม่มีน้ำมันสิ่งนี้ไม่ใช่ครัวจีนนะคะ
-
สาม สำคัญพอกันเลย ได้แก่ เกลือนั่นเองค่ะ
-
ใครเคยอ่านจอมโหดกระทะเหล็ก
-
น่าจะเคยรู้นะ ที่มันเป็นแบบ ตัวที่มันเป็นสุดยอดกุ๊กอะ
-
ที่แบบว่า สืบทอดกันมา 3000 ปี
-
สิ่งแรกที่เขาเข้าปากก่อนนมแม่คือเกลือ
-
เพราะเกลือคือพื้นฐานของอาหารจีน
-
อะไรทำนองนั้นนะคะ
-
ดังนั้น ในครัวจีนจะต้องมีเกลือค่ะ
-
สิ่งต่อไปนี่บอกเลยนะคะ
-
ว่าในครัวไทยอาจจะขาดได้ค่ะ แต่ในครัวจีนนี่ขาดไม่ได้เลย
-
ได้แก่ น้ำส้มสายชูนั่นเองค่ะ
-
ส่วนข้อห้าเนี่ยนะคะ ก็ขาดไม่ได้เลยค่ะ
-
ขึ้นชื่อว่าคนจีนมาคู่กับสิ่งนี้เลย
-
ได้แก่ ชานั่นเองค่ะ
-
ชานี่ก็นอกจากจะใช้ต้นกินแล้วก็
ยังใช้ในการทำอาหารต่าง ๆ ได้ด้วยน่ะนะ
-
และข้อหกนะคะ ก็คือ ฟืนนั่นเอง
-
เพราะว่าคนจีนในสมัยโบราณเนี่ย
-
เขาใช้ฟืนในการหุงต้มต่าง ๆ ใช่ไหม
-
ไม่ได้ใช้เตาแก๊สแบบในสมัยปัจจุบันค่ะ
-
และข้อสุดท้ายนะคะ
-
ขาดไม่ได้ก็คือ
-
ซีอิ๊วนั่นเองค่ะ
-
เรียกได้ว่าเป็นเครื่องปรุงที่สำคัญจริง ๆ นะคะ
-
ขนาดน้ำตาลยังไม่อยู่ในหนึ่งในเจ็ดนี้เลย
-
คิดดูสิ ว่าซีอิ๊วสำคัญขนาดไหนค่ะ
-
ซีอิ๊วเป็นเครื่องปรุงที่คนไทยรับมาจากจีนค่ะ
-
ชื่อซีอิ๊วนี่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋วนะคะ
-
ออกเสียงว่า สี่อิ๊ว
-
ซึ่งเอาจริง ๆ นะคะส่วนตัวก็แอบสับสน
-
ซีอิ๊วกับสี่อิ๊วเหมือนกันนะ
-
เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาก็ออกสี่อิ๊วมาตลอด
-
พอดีที่บ้านเป็นคนจีนแต้จิ๋วไง
-
ดังนั้น เพื่อนๆ ลองโหวตกันดูได้ไหมคะ
-
ตรงมุมขวาบนเนี่ยว่า ที่ผ่านมาทั้งชีวิต เรียกซอสชนิดนี้ว่า
-
ซีอิ๊ว หรือว่า สี่อิ๊วค่ะ
-
อยากไรก็ตามค่ะ ภาษาจีนกลางเนี่ย
เรียกซีอิ๊วว่า เจี้ยงโหย่วนะคะ
-
ส่วนภาษาจีนกวางตุ้งเรียกว่า ซิโหย่วค่ะ
-
ซึ่งคำว่าซิโหย่วเนี่ย เป็นรากศัพท์ของคำว่า โชยุนั่นเอง
-
เพราะว่าจะโชยุหรือว่าซีอิ๊ว
ก็เป็นซอสถั่วเหลืองเหมือนๆ กันใช่ไหมคะ
-
อะ พอจะรู้เรื่องซีอิ๊วคร่าว ๆ แล้ว
-
เราไปดูเรื่องซีอิ๊วกันต่อดีกว่าค่ะ
-
ทีนี้ถามว่าซีอิ๊วเกิดขึ้นมาได้ยังไง
-
เริ่มต้นมาอยู่ในครัวจีนได้ยังไง
-
ก็ต้องมองย้อนกลับไปไกลมากเลยค่ะ
ประมาณถึงสมัย 1000-600 ปีก่อนคริสตศักราชนะคะ
-
ก่อนสมัยราชวงศ์โจวเนี่ยนะคะ
-
แน่นอนว่าเครื่องปรุงที่เป็นพื้นฐานเนี่ยก็คือเกลือนั่นเอง
-
เพราะว่าเป็นเครื่องปรุงที่หาง่ายที่สุดเนอะ
-
แค่เอาน้ำทะเลมาทำให้แห้งก็เป็นเกลือได้แล้ว
-
หรือว่าเป็นไปขุดเอาเกลือจากใต้ดินขึ้นมาก็ได้เกลือแล้วใช่ไหมคะ
-
แต่ทีนี้เนี่ยในสมัยราชวงศ์โจว
มันมีเครื่องปรุงเกิดขึ้นมาชนิดนึงค่ะ
-
เรียกว่า เจียง นั่นเอง
-
เจียง นี่เป็นเครื่องปรุงที่ลักษณะเป็นคล้ายๆ แป้งเปียกนะคะ
-
เกิดจากการนำเนื้อสัตว์ เนื้อปลา
หรือว่าข้าวเนี่ยมาหมักกับเกลือนะคะ
-
มันก็จะได้เป็นอะไรเปียกๆ ชนิดนึงเนี่ย
เอาไว้ใช้ปรุงรสค่ะ
-
ซึ่งชาวราชวงศ์โจวเนี่ยก็ใช้เครื่องปรุงนี้มาเรื่อยๆ นะคะ
-
จนกระทั่งถึงยุคของราชวงศ์ฮั่นค่ะ
-
ในยุคของราชวงศ์ฮั่น
-
ชาวฮั่นเนี่ยเริ่มเอาวัตถุดิบใหม่มาหมักเป็นเจียงนะคะ
-
ได้แก่ ถั่วเหลือง นั่นเองค่ะ
-
พอหมักกันออกมาเนี่ยนะ
-
ก็ปรากฏว่า
-
เฮ้ย ได้รสชาติที่กลมกล่อมแล้วก็หาได้ง่ายค่ะ
-
เพราะว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ปลูกง่าย ปลูกได้เยอะ
-
และชาวจีนก็ใช้ถั่วเหลืองในการแปรรูปเป็นสิ่งต่างๆ อยู่แล้ว
-
ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ เต้าเจี้ยวอะไรต่างๆ ใช่ไหมคะ
-
ดังนั้น เครื่องปรุงที่ผลิตจากถั่วเหลืองก็เลยฮิตขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นค่ะ
-
แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นซีอิ๊วนะ
-
เพราะว่าตอนนั้นเนี่ยมันยังเป็นก้อนข้นๆ อยู่นะคะ
-
ลักษณะคล้ายๆ เจียงค่ะ
-
เขาเรียกสิ่งนี้นะคะว่า โตฉือ
-
อันนี้เดาเอานะ มันสะกดแบบนี้แหละ คือ
-
จากแหล่งอ้างอิงที่วิวไปหามาได้
-
มันเป็นภาษาอังกฤษนะ
-
ดังนั้นมันไม่ได้เป็นพินอิน ไม่ได้มีวรรณยุกต์ด้านบน
-
ก็เลยไม่รู้ว่าออกเสียงยังไงนะคะ
-
เอาเป็นว่าสารชนิดเนี้ย ก็เป็นเครื่องปรุงที่ลักษณะคล้ายๆ แป้งเปียกแล้วก็ทำจากถั่วเหลืองค่ะ
-
ชาวฮั่นก็ใช้เครื่องปรุงชนิดนี้มาเรื่อยๆ นะคะ
-
แล้วก็ฮิตขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
-
จนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์ซ้องนะคะ
-
มันถึงเกิดการพัฒนาไอ้เครื่องปรุงชนิดเนี้ย
-
จนกระทั่งหน้าตาออกมาคล้ายๆ กับซีอิ๊วในสมัยปัจจุบันค่ะ
-
แล้วหลังจากนั้นนะคะ ปรากฏว่าซีอิ๊ว
ได้เป็นเครื่องปรุงที่ชาวจีนนิยมมากๆ ค่ะ
-
อิทธิพลของซีอิ๊วจากจีนก็แพร่กระจายไปในที่ต่างๆ ค่ะ
-
ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น ก็กลายเป็นโชยุ
-
ไปที่เวียดนาม ไปที่อะไรต่าง ๆ
-
ส่วนในไทยเนี่ยนะคะ
-
ก็จะเข้ามากับชาวกวางตุ้งที่เดินทางมาที่ประเทศไทยนี่แหละค่ะ
-
ในยุคสมัยแรกๆ นะ
-
บอกเลยว่า พวกชาวจีนเนี่ย
-
เขาก็จะหมักซีอิ๊วไว้ใช้กันในครัวเรือน
-
ทำกันเอง หรือบางคนก็หาบไปขายตามร้านขายของชำอะไรต่าง ๆ
-
ก็จะมีซีอิ๊วหลากหลายยี่ห้อเลยนะคะ
-
ตามสูตรบ้านนู้นบ้านนี้
-
แต่ว่าหลายๆ ยี่ห้อก็พัฒนาต่อมา
จนกระทั่งโด่งดังถึงปัจจุบันนี้แหละ
-
ซึ่งเนื่องจากเขาไม่จ่าย คลิปนี้ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ
-
ดังนั้น เราจะข้ามชื่อยี่ห้อเหล่านั้นไป
-
หลายๆ คนน่าจะรู้กันอยู่แล้วล่ะค่ะ
-
ว่ามียี่ห้ออะไรบ้างนะ
-
อะ พูดมาตั้งนานเนี่ยยังไม่เข้าเรื่องเลย
-
ว่าแล้วทำไมซีอิ๊วขาวถึงเป็นสีดำ
-
แล้วทำไมเราถึงเรียกซีอิ๊วสีดำ ว่าซีอิ๊วขาวใช่มะ
-
เราต้องไปดูที่วิธีการผลิตซีอิ๊วค่ะ
-
เออ อยากรู้กันหรือเปล่าว่า ซีอิ๊วทำขึ้นมายังไง
-
อยู่ดีๆ จากถั่วเหลืองกลายมาเป็นซอสสีดำๆ ได้ยังไงนะคะ
-
มันก็เกิดจากกระบวนการผลิตนี่แหละค่ะ
-
ที่เขาจะใช้วิธีการ
-
นำถั่วเหลืองเนี่ยนะคะ มาต้มๆ ลอกปล่งลอกเปลือกอะไรออกมา
-
เอาสิ่งแปลกปลอมอะไรต่างๆ ออกไปให้หมดนะคะ
-
เสร็จแล้วนำมาคลุกกับแป้งสาลีค่ะ
-
คลุกๆ
-
แล้วก็นำไปหมักกับหัวเชื้อนะคะ
-
ซึ่งเป็นเชื้อราสำหรับอาหารน่ะเนอะ
-
ใช่ค่ะ เชื้อรากินได้นะคะทุกคน
-
อาหารหลายชนิดมาก ๆ ที่เรากินกันหมักจากเชื้อรานะจ๊ะ
-
ราไม่ใช่ทุกชนิดที่จะน่ากลัว ที่แบบ
-
เห็นราขึ้นแล้วจะอี๋แล้วโยนทิ้งนะ
-
ประมาณนั้นค่ะ
-
หลังจากที่ผสมอะไรเสร็จเรียบร้อยนะคะ
-
เขาจะเอาสิ่งนี้ไปใส่ไว้ในโอ่ง ในไห ในหม้ออะไรอย่างนี้
-
แล้วก็หมักกับน้ำเกลือจนได้ที่
-
ทิ้งไว้เป็นเวลาครึ่งปีถึงหนึ่งปีนะคะ
-
ปฏิกิริยาต่างๆ ก็จะสลายโปรตีนกับแป้งของถั่วเหลือง
ให้กลายเป็นน้ำตาลกับกรดอมิโนนั่นเอง
-
ซึ่งทำให้ถ้าเราไปชิมซีอิ๊วดีๆ
-
แล้วเรามองข้ามความเค็มไปเนี่ยนะ
-
เราก็จะเห็นว่ามันมีรสชาติหวานอ่อนๆ ด้วย
-
เพราะว่ามันมีน้ำตาลนั่นเองค่ะ
-
หลังจากที่เราหมักซีอิ๊วได้ที่นะคะ
ไม่ว่าจะเป็นเวลาครึ่งปีหรือหนึ่งปี
-
แล้วแต่ความชอบของแต่ละบ้านแต่ละสูตรเนี่ยนะคะ
-
เราก็จะได้ตัวน้ำซีอิ๊วออกมาค่ะ
-
แต่ว่ายังไม่เสร็จนะ
-
เขาจะต้องเอาสิ่งนี้ออกมา
-
กรองกากออกนะคะ
-
พวกถั่วหลงถั่วเหลืองเนี่ย
-
กรองออกให้หมด แล้วก็นำไปต้มค่ะ
-
พอต้มเสร็จก็จะได้เป็นน้ำซีอิ๊วมานั่นเอง
-
ซึ่งเราจะเรียกสิ่งนี้ว่าซีอิ๊วสูตร 1 นั่นเอง
-
ก็คือซีอิ๊วหม้อแรกที่ทำได้นั่นเอง
-
ก็เป็นซีอิ๊วที่เข้มข้น หอมหวาน อะไรต่างๆ
สารอาหารมีครบ ว่ายังงั้นเถอะค่ะ
-
ส่วนกากซีอิ๊วที่เหลืออยู่ ที่กรองออกไปเนี่ย
-
ก็สามารถนำไปหมักต่อได้อีกหลายคร้ังเหมือนกันนะคะ
-
ไม่ใช่ว่าต้องทิ้งเลยนะ
-
เขาก็จะเรียกว่า ซีอิ๊วสูตร 2 ก็คือหม้อที่สอง
-
ซีอิ๊วสูตร 3 ซีอิ๊วสูตร 4 หมักซ้ำกันไปเรื่อยๆ
-
จนกระทั่งถึงซีอิ๊วสูตร 5
-
แทบจะเรียกว่าเหลือแต่หางซีอิ๊วแล้วค่ะ
-
แล้วก็นำมาผสมกับกากน้ำตาล
-
ก็จะได้ซีอิ๊วที่คุณภาพต่ำที่สุดนั่นเองค่ะ
-
ก็ราคาก็เรียงกันลงมา
-
ตั้งแต่สูตร 1 แพงสุด สูตร 2 สูตร 3 สูตร 4 สูตร 5 นั่นเองนะคะ
-
นี่ก็น่าจะเป็นความรู้คร่าวๆ เกี่ยวกับสูตรของซีอิ๊วนะคะ
-
ทีนี้ ตรงนี้เนี่ยแหละค่ะ
-
ที่จะมาตอบคำถามของเราว่า
-
ทำไมเราถึงเรียกซีอิ๊วอันไหนว่าซีอิ๊วขาว
อันไหนซีอิ๊วดำอะไรนะคะ
-
คือซีอิ๊วในประเทศไทยเนี่ย มันไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว
-
ที่เราผลิตขึ้นในประเทศไทยเนี่ยนะคะ มีทั้งหมดสี่ชนิดด้วยกันค่ะ
-
ชนิดที่วิวเล่าไปเมื่อกี้ทั้งหมดเลยเนี่ย
-
คือชนิดที่ 1 ที่เรียกว่าซีอิ๊วขาว
-
หรือถ้าเราไปดูชื่อที่ชาวเบตงเรียกซีอิ๊วชนิดเนี้ย
-
เราจะเข้าใจชัดเลยว่าทำไมถึงเรียกว่าซีอิ๊วขาวค่ะ
-
เพราะชาวเบตงเรียกซีอิ๊วชนิดนี้ว่า ซีอิ๊วใส
-
แปลว่าหน้าตาของซีอิ๊วชนิดนี้จะเป็นน้ำใสๆ มีรสชาติเค็มที่สุด
-
และเป็นซีอิ๊วที่ไม่ได้มีสิ่งอื่นเจือปน
-
คือเกิดจากการหมักถั่วเหลืองขึ้นมาปุ๊บ
-
หมักๆ ออกมานะคะ
-
ได้น้ำมายังไง เอาไปต้มแบบนั้น
-
แล้วก็นี่แหละ ได้ซีอิ๊วเลย ซีอิ๊วขาว
-
แปลว่าซีอิ๊วที่ไม่มีสิ่งต่างๆ เจือปน
-
ไม่ได้ผสมอะไรเพิ่มเติมค่ะ
-
ส่วนซีอิ๊วอีกสามประเภทที่เหลือนะคะ
-
ประเภทที่สองเนี่ย
-
เกิดจากการเอาไอ้ซีอิ๊วชนิดแรกเนี่ย
-
หรือซีอิ๊วขาวเนี่ยนะคะ
-
เอาไปหมักต่ออีกประมาณ 3-5 เดือนค่ะ
-
หมักไปหมักมาเนี่ย
-
ซีอิ๊วอันนี้ก็จะข้นขึ้นนะคะ ข้นๆ
-
แล้วก็มีรสชาติเค็มน้อยลงค่ะ
-
ก็จะแบบหวานๆ เค็มๆ ประมาณนั้น
-
ชาวเบตงซึ่งอธิบายชื่อซีอิ๊วได้ชัดเจนที่สุดเนี่ยนะคะ
-
เรียกซีอิ๊วชนิดนี้ว่า ซีอิ๊วข้นค่ะ
-
ชาวกรุงเทพฯ อย่างพวกเราเนี่ย เรียกสิ่งนี้ว่า
-
ซีอิ๊วดำนั่นเองค่ะ
-
ถึงว่า ถ้าเรียกชื่อเต็มๆ ก็คือซีอิ๊วดำเค็มนั่นเองค่ะ
-
เพราะเป็นซีอิ๊วดำที่มีรสชาติเค็มเป็นหลักนะคะ
-
ส่วนอีกสองประเภทที่เหลือเนี่ยนะคะ
-
ก็คือซีอิ๊วดำหวานกับซีอิ๊วดำธรรมดานั่นเอง
-
ความแตกต่างของสองชนิดนี้นะคะ
-
ก็คือซีอิ๊วที่เกิดจากการ
-
เอาซีอิ๊วขาวเนี่ยไปผสมกับสารแต่งกล่งแต่งกลิ่น
-
เจือนู่นเจือนี่ เติมนั่นเติมนี่ต่อนั่นเองค่ะ
-
ซึ่งซีอิ๊วดำธรรมดาเนี่ยก็คือ
-
เกิดจากการเอาซีอิ๊วขาวเนี่ย
-
มาเติมสารให้ความหวาน
-
โดยที่มีเนื้อซีอิ๊วมากกว่าสารให้ความหวาน
-
ก็จะเรียกว่าซีอิ๊วดำเฉย ๆ
-
ส่วนประเภทสุดท้ายหรือซีอิ๊วหวาน
-
มันก็คือเกิดจากการเอาซีอิ๊วแค่นิดเดียว
มาใส่สารให้ความหวานเยอะ ๆ
-
มันก็เลยกลายเป็นซีอิ๊วที่หวานมากกว่าเค็ม
ประมาณนั้นค่ะ
-
ดังนั้นถ้าใครดูคลิปนี้แล้ว
-
ก็น่าจะพอตอบได้นะคะว่า
-
สาเหตุที่เราเรียกซีอิ๊วน้ำสีน้ำตาลใสๆ เนี่ย
-
ว่าซีอิ๊วขาว
-
ก็เพราะว่า คำว่า ขาว ในที่นี้
ไม่ได้แปลว่าเป็นสีขาวค่ะ
-
แต่แปลว่า เป็นซีอิ๊วที่ไม่ได้มีสารอื่นๆ เจือปน
-
หรือว่าไม่ได้มีกรรมวิธียังไงต่อนั่นเองค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ คลิปนี้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากได้หรือเปล่าคะ
-
ถ้าใครอยากได้ชื่นชอบคลิปแบบนี้นะคะ
-
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม๋โอกาสหน้านะคะ
-
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงๆ มันมีอีกหลายเรื่องเลยนะที่วิวอยากรู้
-
คือส่วนตัวเนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างแบบ
-
คืออยากรู้อะไรต้องรู้
-
ประมาณนั้น
-
ดังนั้นทุกวันก็จะไปเจอคำถามอะไรต่างๆ มากมายนะคะ
-
แล้วก็จะพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเองมาตลอด
-
แต่ว่า เออ อาจจะไม่ได้เอามาเล่าออกคลิป
-
ดังนั้นหลังจากนี้นะคะ
-
จะพยายามมาเล่าอะไรแบบนี้มากขึ้น
-
ถ้าใครชอบใครอะไรยังไง
-
หรือว่าใครอยากรู้อะไรเนี่ยก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ
-
เดี๋ยวไว้เรามาคุยกันเป็นประเด็นอื่นนะคะ
-
สำหรับวันนี้เราลาไปก่อนค่ะ
-
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ