WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:01.620 ซีอิ๊วขาวทำไมถึงสีดำ 00:00:01.680 --> 00:00:03.440 สวัสดีค่ะวิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:03.440 --> 00:00:07.200 เคยอยากรู้กันไหมคะว่า ทำไมซีอิ๊วขาวถึงเป็นสีดำ 00:00:07.200 --> 00:00:08.200 เฮ้ยดูสีดูอะไร 00:00:08.200 --> 00:00:10.720 กินมาตั้งแต่เด็กเนี่ยมันก็ดูออกจะเป็นสีแบบ 00:00:10.720 --> 00:00:12.620 ดำ ๆ น้ำตาล ๆ ใช่ไหมคะ 00:00:12.620 --> 00:00:14.060 ทำไมถึงเรียกว่าซีอิ๊วขาว 00:00:14.060 --> 00:00:16.480 จะบอกว่าวันนี้ค่ะ คนอื่นอยากรู้ไหมไม่รู้ 00:00:16.480 --> 00:00:17.400 แต่วิวเนี่ยอยากรู้ 00:00:17.400 --> 00:00:20.240 วิวก็เลยไปค้นหาข้อมูลอะไรต่าง ๆ มา 00:00:20.240 --> 00:00:21.600 แล้วก็ เจอคำตอบค่ะ 00:00:21.600 --> 00:00:22.760 ดังนั้นก็เลยคิดว่า 00:00:22.760 --> 00:00:24.700 อยากจะมาแชร์ให้ทุกคนฟังนะคะ 00:00:24.700 --> 00:00:25.440 สำหรับตอนนี้ 00:00:25.440 --> 00:00:27.080 ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปฟังกันว่า 00:00:27.080 --> 00:00:29.040 ทำไมซีอิ๊วของถึงเป็นสีดำเนี่ย 00:00:29.060 --> 00:00:31.140 อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ 00:00:31.140 --> 00:00:34.500 ติดตามแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่ง กดปุ่ม See first กดอะไรต่าง ๆ ด้วย 00:00:34.500 --> 00:00:36.540 จะไม่พลาดข่าวสารดี ๆ จากช่อง Point of View นะคะ 00:00:36.540 --> 00:00:37.540 โดยเฉพาะทาง Instagram 00:00:37.800 --> 00:00:38.660 รูปวิวทั้งนั้นเลยค่ะ 00:00:38.660 --> 00:00:40.980 ไม่มีข่าวสารอะไร สาระอะไรทั้งสิ้นเลยนะ 00:00:40.980 --> 00:00:42.720 แต่ว่าก็ อยากให้ติดตามกันนะคะ 00:00:42.720 --> 00:00:46.460 โอเค พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุก แล้วก็มีสาระกันหรือยังคะ 00:00:46.460 --> 00:00:48.620 พร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ 00:00:52.420 --> 00:00:54.960 พูดถึงซีอิ๊วนะคะ กินกันมาตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหมคะ 00:00:54.960 --> 00:00:56.600 น่าจะเคยกินกันมาทุกคนนั่นแหละ 00:00:56.600 --> 00:00:58.320 ยกเว้นคนที่แพ้ถั่วเหลืองค่ะ 00:00:58.320 --> 00:01:02.420 แต่รู้ไหมคะว่าซีอิ๊วนี่ถือเป็นเครื่องปรุงที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ 00:01:02.420 --> 00:01:04.720 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศจีนค่ะ 00:01:04.720 --> 00:01:06.480 เพราะว่าที่ประเทศจีนเนี่ยนะคะ 00:01:06.480 --> 00:01:08.700 ตรงไหนก็ตามที่จะเป็นครัวแบบจีนเนี่ย 00:01:08.700 --> 00:01:10.860 เขาถือว่าสิ่งของทั้งหมด 7 อย่างนะคะ 00:01:10.860 --> 00:01:14.560 ที่ ถ้ามีไม่ครบเนี่ย จะเรียกตรงนี้ว่าครัวจีนไม่ได้เลยนะคะ 00:01:14.560 --> 00:01:16.500 ประกอบไปด้วยของต่าง ๆ ดังนี้นะคะ 00:01:16.500 --> 00:01:17.680 หนึ่ง ข้าวค่ะ 00:01:17.680 --> 00:01:20.320 แน่นอนว่าคนจีนบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักนะคะ 00:01:20.320 --> 00:01:21.180 เช่นเดียวกับชาวไทย 00:01:21.180 --> 00:01:23.820 ดังนั้นถ้าขาดข้าวไปนี่ไม่ใช่ครัวจีนค่ะ 00:01:23.820 --> 00:01:25.720 สองได้แก่ น้ำมันนั่นเอง 00:01:25.720 --> 00:01:28.640 เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าอาหารจีนมันขนาดไหน 00:01:28.640 --> 00:01:29.660 เทน้ำมันกันเข้าไป 00:01:29.660 --> 00:01:31.840 ถ้าไม่มีน้ำมันสิ่งนี้ไม่ใช่ครัวจีนนะคะ 00:01:31.840 --> 00:01:34.800 สาม สำคัญพอกันเลย ได้แก่ เกลือนั่นเองค่ะ 00:01:34.800 --> 00:01:36.080 ใครเคยอ่านจอมโหดกระทะเหล็ก 00:01:36.080 --> 00:01:38.920 น่าจะเคยรู้นะ ที่มันเป็นแบบ ตัวที่มันเป็นสุดยอดกุ๊กอะ 00:01:38.920 --> 00:01:41.020 ที่แบบว่า สืบทอดกันมา 3000 ปี 00:01:41.020 --> 00:01:43.140 สิ่งแรกที่เขาเข้าปากก่อนนมแม่คือเกลือ 00:01:43.140 --> 00:01:44.920 เพราะเกลือคือพื้นฐานของอาหารจีน 00:01:44.920 --> 00:01:45.980 อะไรทำนองนั้นนะคะ 00:01:45.980 --> 00:01:48.420 ดังนั้น ในครัวจีนจะต้องมีเกลือค่ะ 00:01:48.420 --> 00:01:49.840 สิ่งต่อไปนี่บอกเลยนะคะ 00:01:49.840 --> 00:01:53.180 ว่าในครัวไทยอาจจะขาดได้ค่ะ แต่ในครัวจีนนี่ขาดไม่ได้เลย 00:01:53.180 --> 00:01:54.980 ได้แก่ น้ำส้มสายชูนั่นเองค่ะ 00:01:54.980 --> 00:01:57.420 ส่วนข้อห้าเนี่ยนะคะ ก็ขาดไม่ได้เลยค่ะ 00:01:57.420 --> 00:01:59.400 ขึ้นชื่อว่าคนจีนมาคู่กับสิ่งนี้เลย 00:01:59.400 --> 00:02:01.020 ได้แก่ ชานั่นเองค่ะ 00:02:01.020 --> 00:02:05.260 ชานี่ก็นอกจากจะใช้ต้นกินแล้วก็ ยังใช้ในการทำอาหารต่าง ๆ ได้ด้วยน่ะนะ 00:02:05.260 --> 00:02:07.500 และข้อหกนะคะ ก็คือ ฟืนนั่นเอง 00:02:07.500 --> 00:02:08.800 เพราะว่าคนจีนในสมัยโบราณเนี่ย 00:02:08.800 --> 00:02:10.920 เขาใช้ฟืนในการหุงต้มต่าง ๆ ใช่ไหม 00:02:10.920 --> 00:02:12.760 ไม่ได้ใช้เตาแก๊สแบบในสมัยปัจจุบันค่ะ 00:02:12.760 --> 00:02:14.080 และข้อสุดท้ายนะคะ 00:02:14.080 --> 00:02:15.320 ขาดไม่ได้ก็คือ 00:02:15.320 --> 00:02:16.380 ซีอิ๊วนั่นเองค่ะ 00:02:16.380 --> 00:02:18.940 เรียกได้ว่าเป็นเครื่องปรุงที่สำคัญจริง ๆ นะคะ 00:02:18.940 --> 00:02:20.860 ขนาดน้ำตาลยังไม่อยู่ในหนึ่งในเจ็ดนี้เลย 00:02:20.860 --> 00:02:23.100 คิดดูสิ ว่าซีอิ๊วสำคัญขนาดไหนค่ะ 00:02:23.100 --> 00:02:25.920 ซีอิ๊วเป็นเครื่องปรุงที่คนไทยรับมาจากจีนค่ะ 00:02:25.920 --> 00:02:28.800 ชื่อซีอิ๊วนี่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋วนะคะ 00:02:28.800 --> 00:02:30.040 ออกเสียงว่า สี่อิ๊ว 00:02:30.040 --> 00:02:32.340 ซึ่งเอาจริง ๆ นะคะส่วนตัวก็แอบสับสน 00:02:32.340 --> 00:02:34.060 ซีอิ๊วกับสี่อิ๊วเหมือนกันนะ 00:02:34.060 --> 00:02:36.240 เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาก็ออกสี่อิ๊วมาตลอด 00:02:36.240 --> 00:02:37.820 พอดีที่บ้านเป็นคนจีนแต้จิ๋วไง 00:02:37.820 --> 00:02:40.000 ดังนั้น เพื่อนๆ ลองโหวตกันดูได้ไหมคะ 00:02:40.000 --> 00:02:44.040 ตรงมุมขวาบนเนี่ยว่า ที่ผ่านมาทั้งชีวิต เรียกซอสชนิดนี้ว่า 00:02:44.040 --> 00:02:46.240 ซีอิ๊ว หรือว่า สี่อิ๊วค่ะ 00:02:46.240 --> 00:02:50.500 อยากไรก็ตามค่ะ ภาษาจีนกลางเนี่ย เรียกซีอิ๊วว่า เจี้ยงโหย่วนะคะ 00:02:50.500 --> 00:02:52.900 ส่วนภาษาจีนกวางตุ้งเรียกว่า ซิโหย่วค่ะ 00:02:52.900 --> 00:02:56.980 ซึ่งคำว่าซิโหย่วเนี่ย เป็นรากศัพท์ของคำว่า โชยุนั่นเอง 00:02:56.980 --> 00:03:00.820 เพราะว่าจะโชยุหรือว่าซีอิ๊ว ก็เป็นซอสถั่วเหลืองเหมือนๆ กันใช่ไหมคะ 00:03:00.820 --> 00:03:03.360 อะ พอจะรู้เรื่องซีอิ๊วคร่าว ๆ แล้ว 00:03:03.360 --> 00:03:05.500 เราไปดูเรื่องซีอิ๊วกันต่อดีกว่าค่ะ 00:03:05.500 --> 00:03:07.800 ทีนี้ถามว่าซีอิ๊วเกิดขึ้นมาได้ยังไง 00:03:07.800 --> 00:03:09.340 เริ่มต้นมาอยู่ในครัวจีนได้ยังไง 00:03:09.340 --> 00:03:15.340 ก็ต้องมองย้อนกลับไปไกลมากเลยค่ะ ประมาณถึงสมัย 1000-600 ปีก่อนคริสตศักราชนะคะ 00:03:15.340 --> 00:03:16.720 ก่อนสมัยราชวงศ์โจวเนี่ยนะคะ 00:03:16.720 --> 00:03:19.600 แน่นอนว่าเครื่องปรุงที่เป็นพื้นฐานเนี่ยก็คือเกลือนั่นเอง 00:03:19.600 --> 00:03:21.400 เพราะว่าเป็นเครื่องปรุงที่หาง่ายที่สุดเนอะ 00:03:21.400 --> 00:03:24.200 แค่เอาน้ำทะเลมาทำให้แห้งก็เป็นเกลือได้แล้ว 00:03:24.200 --> 00:03:27.460 หรือว่าเป็นไปขุดเอาเกลือจากใต้ดินขึ้นมาก็ได้เกลือแล้วใช่ไหมคะ 00:03:27.460 --> 00:03:31.480 แต่ทีนี้เนี่ยในสมัยราชวงศ์โจว มันมีเครื่องปรุงเกิดขึ้นมาชนิดนึงค่ะ 00:03:31.480 --> 00:03:32.900 เรียกว่า เจียง นั่นเอง 00:03:32.900 --> 00:03:35.560 เจียง นี่เป็นเครื่องปรุงที่ลักษณะเป็นคล้ายๆ แป้งเปียกนะคะ 00:03:35.560 --> 00:03:40.100 เกิดจากการนำเนื้อสัตว์ เนื้อปลา หรือว่าข้าวเนี่ยมาหมักกับเกลือนะคะ 00:03:40.100 --> 00:03:43.180 มันก็จะได้เป็นอะไรเปียกๆ ชนิดนึงเนี่ย เอาไว้ใช้ปรุงรสค่ะ 00:03:43.200 --> 00:03:47.100 ซึ่งชาวราชวงศ์โจวเนี่ยก็ใช้เครื่องปรุงนี้มาเรื่อยๆ นะคะ 00:03:47.100 --> 00:03:49.440 จนกระทั่งถึงยุคของราชวงศ์ฮั่นค่ะ 00:03:49.440 --> 00:03:50.460 ในยุคของราชวงศ์ฮั่น 00:03:50.460 --> 00:03:53.380 ชาวฮั่นเนี่ยเริ่มเอาวัตถุดิบใหม่มาหมักเป็นเจียงนะคะ 00:03:53.380 --> 00:03:55.140 ได้แก่ ถั่วเหลือง นั่นเองค่ะ 00:03:55.140 --> 00:03:56.580 พอหมักกันออกมาเนี่ยนะ 00:03:56.580 --> 00:03:57.220 ก็ปรากฏว่า 00:03:57.220 --> 00:03:59.860 เฮ้ย ได้รสชาติที่กลมกล่อมแล้วก็หาได้ง่ายค่ะ 00:03:59.860 --> 00:04:02.560 เพราะว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ปลูกง่าย ปลูกได้เยอะ 00:04:02.560 --> 00:04:06.240 และชาวจีนก็ใช้ถั่วเหลืองในการแปรรูปเป็นสิ่งต่างๆ อยู่แล้ว 00:04:06.260 --> 00:04:09.420 ไม่ว่าจะเป็น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ เต้าเจี้ยวอะไรต่างๆ ใช่ไหมคะ 00:04:09.420 --> 00:04:13.560 ดังนั้น เครื่องปรุงที่ผลิตจากถั่วเหลืองก็เลยฮิตขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นค่ะ 00:04:13.560 --> 00:04:15.240 แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นซีอิ๊วนะ 00:04:15.240 --> 00:04:17.560 เพราะว่าตอนนั้นเนี่ยมันยังเป็นก้อนข้นๆ อยู่นะคะ 00:04:17.560 --> 00:04:18.840 ลักษณะคล้ายๆ เจียงค่ะ 00:04:18.840 --> 00:04:20.680 เขาเรียกสิ่งนี้นะคะว่า โตฉือ 00:04:20.720 --> 00:04:22.920 อันนี้เดาเอานะ มันสะกดแบบนี้แหละ คือ 00:04:22.920 --> 00:04:24.440 จากแหล่งอ้างอิงที่วิวไปหามาได้ 00:04:24.440 --> 00:04:25.540 มันเป็นภาษาอังกฤษนะ 00:04:25.540 --> 00:04:27.900 ดังนั้นมันไม่ได้เป็นพินอิน ไม่ได้มีวรรณยุกต์ด้านบน 00:04:27.900 --> 00:04:29.380 ก็เลยไม่รู้ว่าออกเสียงยังไงนะคะ 00:04:29.380 --> 00:04:34.840 เอาเป็นว่าสารชนิดเนี้ย ก็เป็นเครื่องปรุงที่ลักษณะคล้ายๆ แป้งเปียกแล้วก็ทำจากถั่วเหลืองค่ะ 00:04:34.840 --> 00:04:37.100 ชาวฮั่นก็ใช้เครื่องปรุงชนิดนี้มาเรื่อยๆ นะคะ 00:04:37.100 --> 00:04:38.440 แล้วก็ฮิตขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ 00:04:38.440 --> 00:04:40.540 จนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์ซ้องนะคะ 00:04:40.540 --> 00:04:43.220 มันถึงเกิดการพัฒนาไอ้เครื่องปรุงชนิดเนี้ย 00:04:43.220 --> 00:04:46.660 จนกระทั่งหน้าตาออกมาคล้ายๆ กับซีอิ๊วในสมัยปัจจุบันค่ะ 00:04:46.660 --> 00:04:51.020 แล้วหลังจากนั้นนะคะ ปรากฏว่าซีอิ๊ว ได้เป็นเครื่องปรุงที่ชาวจีนนิยมมากๆ ค่ะ 00:04:51.020 --> 00:04:53.940 อิทธิพลของซีอิ๊วจากจีนก็แพร่กระจายไปในที่ต่างๆ ค่ะ 00:04:53.940 --> 00:04:55.940 ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น ก็กลายเป็นโชยุ 00:04:55.940 --> 00:04:57.560 ไปที่เวียดนาม ไปที่อะไรต่าง ๆ 00:04:57.560 --> 00:04:58.600 ส่วนในไทยเนี่ยนะคะ 00:04:58.600 --> 00:05:01.920 ก็จะเข้ามากับชาวกวางตุ้งที่เดินทางมาที่ประเทศไทยนี่แหละค่ะ 00:05:01.920 --> 00:05:03.040 ในยุคสมัยแรกๆ นะ 00:05:03.040 --> 00:05:04.520 บอกเลยว่า พวกชาวจีนเนี่ย 00:05:04.520 --> 00:05:06.360 เขาก็จะหมักซีอิ๊วไว้ใช้กันในครัวเรือน 00:05:06.360 --> 00:05:10.160 ทำกันเอง หรือบางคนก็หาบไปขายตามร้านขายของชำอะไรต่าง ๆ 00:05:10.180 --> 00:05:12.180 ก็จะมีซีอิ๊วหลากหลายยี่ห้อเลยนะคะ 00:05:12.180 --> 00:05:13.380 ตามสูตรบ้านนู้นบ้านนี้ 00:05:13.380 --> 00:05:17.600 แต่ว่าหลายๆ ยี่ห้อก็พัฒนาต่อมา จนกระทั่งโด่งดังถึงปัจจุบันนี้แหละ 00:05:17.600 --> 00:05:20.020 ซึ่งเนื่องจากเขาไม่จ่าย คลิปนี้ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ 00:05:20.020 --> 00:05:21.960 ดังนั้น เราจะข้ามชื่อยี่ห้อเหล่านั้นไป 00:05:21.960 --> 00:05:23.360 หลายๆ คนน่าจะรู้กันอยู่แล้วล่ะค่ะ 00:05:23.360 --> 00:05:24.520 ว่ามียี่ห้ออะไรบ้างนะ 00:05:24.520 --> 00:05:26.360 อะ พูดมาตั้งนานเนี่ยยังไม่เข้าเรื่องเลย 00:05:26.360 --> 00:05:28.540 ว่าแล้วทำไมซีอิ๊วขาวถึงเป็นสีดำ 00:05:28.540 --> 00:05:31.240 แล้วทำไมเราถึงเรียกซีอิ๊วสีดำ ว่าซีอิ๊วขาวใช่มะ 00:05:31.260 --> 00:05:33.580 เราต้องไปดูที่วิธีการผลิตซีอิ๊วค่ะ 00:05:33.580 --> 00:05:35.800 เออ อยากรู้กันหรือเปล่าว่า ซีอิ๊วทำขึ้นมายังไง 00:05:35.800 --> 00:05:39.100 อยู่ดีๆ จากถั่วเหลืองกลายมาเป็นซอสสีดำๆ ได้ยังไงนะคะ 00:05:39.100 --> 00:05:40.860 มันก็เกิดจากกระบวนการผลิตนี่แหละค่ะ 00:05:40.860 --> 00:05:42.180 ที่เขาจะใช้วิธีการ 00:05:42.180 --> 00:05:45.880 นำถั่วเหลืองเนี่ยนะคะ มาต้มๆ ลอกปล่งลอกเปลือกอะไรออกมา 00:05:45.880 --> 00:05:48.540 เอาสิ่งแปลกปลอมอะไรต่างๆ ออกไปให้หมดนะคะ 00:05:48.540 --> 00:05:50.840 เสร็จแล้วนำมาคลุกกับแป้งสาลีค่ะ 00:05:50.840 --> 00:05:51.580 คลุกๆ 00:05:51.580 --> 00:05:53.660 แล้วก็นำไปหมักกับหัวเชื้อนะคะ 00:05:53.660 --> 00:05:55.420 ซึ่งเป็นเชื้อราสำหรับอาหารน่ะเนอะ 00:05:55.420 --> 00:05:57.420 ใช่ค่ะ เชื้อรากินได้นะคะทุกคน 00:05:57.440 --> 00:06:00.300 อาหารหลายชนิดมาก ๆ ที่เรากินกันหมักจากเชื้อรานะจ๊ะ 00:06:00.300 --> 00:06:02.300 ราไม่ใช่ทุกชนิดที่จะน่ากลัว ที่แบบ 00:06:02.300 --> 00:06:04.060 เห็นราขึ้นแล้วจะอี๋แล้วโยนทิ้งนะ 00:06:04.060 --> 00:06:04.940 ประมาณนั้นค่ะ 00:06:04.940 --> 00:06:06.840 หลังจากที่ผสมอะไรเสร็จเรียบร้อยนะคะ 00:06:06.840 --> 00:06:10.000 เขาจะเอาสิ่งนี้ไปใส่ไว้ในโอ่ง ในไห ในหม้ออะไรอย่างนี้ 00:06:10.020 --> 00:06:12.180 แล้วก็หมักกับน้ำเกลือจนได้ที่ 00:06:12.260 --> 00:06:14.300 ทิ้งไว้เป็นเวลาครึ่งปีถึงหนึ่งปีนะคะ 00:06:14.320 --> 00:06:20.840 ปฏิกิริยาต่างๆ ก็จะสลายโปรตีนกับแป้งของถั่วเหลือง ให้กลายเป็นน้ำตาลกับกรดอมิโนนั่นเอง 00:06:20.840 --> 00:06:22.560 ซึ่งทำให้ถ้าเราไปชิมซีอิ๊วดีๆ 00:06:22.560 --> 00:06:24.240 แล้วเรามองข้ามความเค็มไปเนี่ยนะ 00:06:24.240 --> 00:06:26.780 เราก็จะเห็นว่ามันมีรสชาติหวานอ่อนๆ ด้วย 00:06:26.780 --> 00:06:28.280 เพราะว่ามันมีน้ำตาลนั่นเองค่ะ 00:06:28.360 --> 00:06:31.640 หลังจากที่เราหมักซีอิ๊วได้ที่นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเวลาครึ่งปีหรือหนึ่งปี 00:06:31.640 --> 00:06:34.160 แล้วแต่ความชอบของแต่ละบ้านแต่ละสูตรเนี่ยนะคะ 00:06:34.160 --> 00:06:36.640 เราก็จะได้ตัวน้ำซีอิ๊วออกมาค่ะ 00:06:36.640 --> 00:06:37.640 แต่ว่ายังไม่เสร็จนะ 00:06:37.640 --> 00:06:38.960 เขาจะต้องเอาสิ่งนี้ออกมา 00:06:38.960 --> 00:06:40.280 กรองกากออกนะคะ 00:06:40.280 --> 00:06:41.200 พวกถั่วหลงถั่วเหลืองเนี่ย 00:06:41.200 --> 00:06:43.420 กรองออกให้หมด แล้วก็นำไปต้มค่ะ 00:06:43.420 --> 00:06:45.780 พอต้มเสร็จก็จะได้เป็นน้ำซีอิ๊วมานั่นเอง 00:06:45.820 --> 00:06:48.100 ซึ่งเราจะเรียกสิ่งนี้ว่าซีอิ๊วสูตร 1 นั่นเอง 00:06:48.100 --> 00:06:49.960 ก็คือซีอิ๊วหม้อแรกที่ทำได้นั่นเอง 00:06:49.960 --> 00:06:54.580 ก็เป็นซีอิ๊วที่เข้มข้น หอมหวาน อะไรต่างๆ สารอาหารมีครบ ว่ายังงั้นเถอะค่ะ 00:06:54.580 --> 00:06:56.480 ส่วนกากซีอิ๊วที่เหลืออยู่ ที่กรองออกไปเนี่ย 00:06:56.480 --> 00:06:59.000 ก็สามารถนำไปหมักต่อได้อีกหลายคร้ังเหมือนกันนะคะ 00:06:59.000 --> 00:07:00.020 ไม่ใช่ว่าต้องทิ้งเลยนะ 00:07:00.020 --> 00:07:02.980 เขาก็จะเรียกว่า ซีอิ๊วสูตร 2 ก็คือหม้อที่สอง 00:07:02.980 --> 00:07:05.580 ซีอิ๊วสูตร 3 ซีอิ๊วสูตร 4 หมักซ้ำกันไปเรื่อยๆ 00:07:05.580 --> 00:07:06.940 จนกระทั่งถึงซีอิ๊วสูตร 5 00:07:06.960 --> 00:07:09.280 แทบจะเรียกว่าเหลือแต่หางซีอิ๊วแล้วค่ะ 00:07:09.280 --> 00:07:10.680 แล้วก็นำมาผสมกับกากน้ำตาล 00:07:10.680 --> 00:07:13.680 ก็จะได้ซีอิ๊วที่คุณภาพต่ำที่สุดนั่นเองค่ะ 00:07:13.680 --> 00:07:15.060 ก็ราคาก็เรียงกันลงมา 00:07:15.060 --> 00:07:18.460 ตั้งแต่สูตร 1 แพงสุด สูตร 2 สูตร 3 สูตร 4 สูตร 5 นั่นเองนะคะ 00:07:18.460 --> 00:07:21.520 นี่ก็น่าจะเป็นความรู้คร่าวๆ เกี่ยวกับสูตรของซีอิ๊วนะคะ 00:07:21.520 --> 00:07:22.640 ทีนี้ ตรงนี้เนี่ยแหละค่ะ 00:07:22.640 --> 00:07:24.320 ที่จะมาตอบคำถามของเราว่า 00:07:24.320 --> 00:07:28.180 ทำไมเราถึงเรียกซีอิ๊วอันไหนว่าซีอิ๊วขาว อันไหนซีอิ๊วดำอะไรนะคะ 00:07:28.180 --> 00:07:31.180 คือซีอิ๊วในประเทศไทยเนี่ย มันไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว 00:07:31.180 --> 00:07:34.880 ที่เราผลิตขึ้นในประเทศไทยเนี่ยนะคะ มีทั้งหมดสี่ชนิดด้วยกันค่ะ 00:07:34.880 --> 00:07:37.080 ชนิดที่วิวเล่าไปเมื่อกี้ทั้งหมดเลยเนี่ย 00:07:37.100 --> 00:07:39.160 คือชนิดที่ 1 ที่เรียกว่าซีอิ๊วขาว 00:07:39.160 --> 00:07:42.440 หรือถ้าเราไปดูชื่อที่ชาวเบตงเรียกซีอิ๊วชนิดเนี้ย 00:07:42.440 --> 00:07:45.040 เราจะเข้าใจชัดเลยว่าทำไมถึงเรียกว่าซีอิ๊วขาวค่ะ 00:07:45.040 --> 00:07:47.880 เพราะชาวเบตงเรียกซีอิ๊วชนิดนี้ว่า ซีอิ๊วใส 00:07:47.880 --> 00:07:51.780 แปลว่าหน้าตาของซีอิ๊วชนิดนี้จะเป็นน้ำใสๆ มีรสชาติเค็มที่สุด 00:07:51.780 --> 00:07:54.160 และเป็นซีอิ๊วที่ไม่ได้มีสิ่งอื่นเจือปน 00:07:54.160 --> 00:07:56.340 คือเกิดจากการหมักถั่วเหลืองขึ้นมาปุ๊บ 00:07:56.340 --> 00:07:57.780 หมักๆ ออกมานะคะ 00:07:57.780 --> 00:07:59.600 ได้น้ำมายังไง เอาไปต้มแบบนั้น 00:07:59.600 --> 00:08:02.020 แล้วก็นี่แหละ ได้ซีอิ๊วเลย ซีอิ๊วขาว 00:08:02.020 --> 00:08:05.240 แปลว่าซีอิ๊วที่ไม่มีสิ่งต่างๆ เจือปน 00:08:05.240 --> 00:08:06.720 ไม่ได้ผสมอะไรเพิ่มเติมค่ะ 00:08:06.720 --> 00:08:08.520 ส่วนซีอิ๊วอีกสามประเภทที่เหลือนะคะ 00:08:08.520 --> 00:08:09.460 ประเภทที่สองเนี่ย 00:08:09.460 --> 00:08:11.740 เกิดจากการเอาไอ้ซีอิ๊วชนิดแรกเนี่ย 00:08:11.740 --> 00:08:12.680 หรือซีอิ๊วขาวเนี่ยนะคะ 00:08:12.680 --> 00:08:15.200 เอาไปหมักต่ออีกประมาณ 3-5 เดือนค่ะ 00:08:15.200 --> 00:08:16.280 หมักไปหมักมาเนี่ย 00:08:16.280 --> 00:08:18.340 ซีอิ๊วอันนี้ก็จะข้นขึ้นนะคะ ข้นๆ 00:08:18.360 --> 00:08:20.360 แล้วก็มีรสชาติเค็มน้อยลงค่ะ 00:08:20.360 --> 00:08:22.300 ก็จะแบบหวานๆ เค็มๆ ประมาณนั้น 00:08:22.300 --> 00:08:26.300 ชาวเบตงซึ่งอธิบายชื่อซีอิ๊วได้ชัดเจนที่สุดเนี่ยนะคะ 00:08:26.300 --> 00:08:27.600 เรียกซีอิ๊วชนิดนี้ว่า ซีอิ๊วข้นค่ะ 00:08:27.600 --> 00:08:29.720 ชาวกรุงเทพฯ อย่างพวกเราเนี่ย เรียกสิ่งนี้ว่า 00:08:29.720 --> 00:08:30.800 ซีอิ๊วดำนั่นเองค่ะ 00:08:30.800 --> 00:08:33.660 ถึงว่า ถ้าเรียกชื่อเต็มๆ ก็คือซีอิ๊วดำเค็มนั่นเองค่ะ 00:08:33.660 --> 00:08:35.680 เพราะเป็นซีอิ๊วดำที่มีรสชาติเค็มเป็นหลักนะคะ 00:08:35.680 --> 00:08:37.500 ส่วนอีกสองประเภทที่เหลือเนี่ยนะคะ 00:08:37.500 --> 00:08:40.700 ก็คือซีอิ๊วดำหวานกับซีอิ๊วดำธรรมดานั่นเอง 00:08:40.700 --> 00:08:42.300 ความแตกต่างของสองชนิดนี้นะคะ 00:08:42.300 --> 00:08:43.580 ก็คือซีอิ๊วที่เกิดจากการ 00:08:43.600 --> 00:08:46.540 เอาซีอิ๊วขาวเนี่ยไปผสมกับสารแต่งกล่งแต่งกลิ่น 00:08:46.540 --> 00:08:49.200 เจือนู่นเจือนี่ เติมนั่นเติมนี่ต่อนั่นเองค่ะ 00:08:49.200 --> 00:08:50.880 ซึ่งซีอิ๊วดำธรรมดาเนี่ยก็คือ 00:08:50.880 --> 00:08:52.980 เกิดจากการเอาซีอิ๊วขาวเนี่ย 00:08:52.980 --> 00:08:54.160 มาเติมสารให้ความหวาน 00:08:54.160 --> 00:08:56.600 โดยที่มีเนื้อซีอิ๊วมากกว่าสารให้ความหวาน 00:08:56.600 --> 00:08:58.300 ก็จะเรียกว่าซีอิ๊วดำเฉย ๆ 00:08:58.300 --> 00:09:00.040 ส่วนประเภทสุดท้ายหรือซีอิ๊วหวาน 00:09:00.040 --> 00:09:04.100 มันก็คือเกิดจากการเอาซีอิ๊วแค่นิดเดียว มาใส่สารให้ความหวานเยอะ ๆ 00:09:04.100 --> 00:09:07.620 มันก็เลยกลายเป็นซีอิ๊วที่หวานมากกว่าเค็ม ประมาณนั้นค่ะ 00:09:07.620 --> 00:09:09.180 ดังนั้นถ้าใครดูคลิปนี้แล้ว 00:09:09.180 --> 00:09:10.520 ก็น่าจะพอตอบได้นะคะว่า 00:09:10.520 --> 00:09:13.320 สาเหตุที่เราเรียกซีอิ๊วน้ำสีน้ำตาลใสๆ เนี่ย 00:09:13.320 --> 00:09:14.340 ว่าซีอิ๊วขาว 00:09:14.340 --> 00:09:17.820 ก็เพราะว่า คำว่า ขาว ในที่นี้ ไม่ได้แปลว่าเป็นสีขาวค่ะ 00:09:17.820 --> 00:09:20.780 แต่แปลว่า เป็นซีอิ๊วที่ไม่ได้มีสารอื่นๆ เจือปน 00:09:20.780 --> 00:09:23.540 หรือว่าไม่ได้มีกรรมวิธียังไงต่อนั่นเองค่ะ 00:09:23.540 --> 00:09:26.560 เป็นไงบ้างคะ คลิปนี้ได้คำตอบที่ตัวเองอยากได้หรือเปล่าคะ 00:09:26.560 --> 00:09:28.300 ถ้าใครอยากได้ชื่นชอบคลิปแบบนี้นะคะ 00:09:28.300 --> 00:09:30.000 อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 00:09:30.000 --> 00:09:31.920 แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 00:09:31.920 --> 00:09:33.580 แล้วพบกันใหม๋โอกาสหน้านะคะ 00:09:33.580 --> 00:09:35.320 บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ 00:09:35.340 --> 00:09:37.580 เอาจริงๆ มันมีอีกหลายเรื่องเลยนะที่วิวอยากรู้ 00:09:37.580 --> 00:09:39.340 คือส่วนตัวเนี่ยเป็นคนที่ค่อนข้างแบบ 00:09:39.340 --> 00:09:40.340 คืออยากรู้อะไรต้องรู้ 00:09:40.340 --> 00:09:40.960 ประมาณนั้น 00:09:40.980 --> 00:09:43.860 ดังนั้นทุกวันก็จะไปเจอคำถามอะไรต่างๆ มากมายนะคะ 00:09:43.860 --> 00:09:46.260 แล้วก็จะพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเองมาตลอด 00:09:46.260 --> 00:09:48.300 แต่ว่า เออ อาจจะไม่ได้เอามาเล่าออกคลิป 00:09:48.300 --> 00:09:49.200 ดังนั้นหลังจากนี้นะคะ 00:09:49.200 --> 00:09:51.160 จะพยายามมาเล่าอะไรแบบนี้มากขึ้น 00:09:51.160 --> 00:09:52.880 ถ้าใครชอบใครอะไรยังไง 00:09:52.880 --> 00:09:55.600 หรือว่าใครอยากรู้อะไรเนี่ยก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ 00:09:55.600 --> 00:09:57.800 เดี๋ยวไว้เรามาคุยกันเป็นประเด็นอื่นนะคะ 00:09:57.800 --> 00:09:59.040 สำหรับวันนี้เราลาไปก่อนค่ะ 00:09:59.040 --> 00:10:00.960 บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ