< Return to Video

ทำไมแฮมเบอร์เกอร์ ไม่ใส่แฮม | Point of View

  • 0:00 - 0:02
    ทำไมสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วไม่ได้กินแฮม
  • 0:02 - 0:04
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:04 - 0:08
    เมื่อไม่นานมานี้นะคะ วิวเพิ่งจะเห็นกระทู้กระทู้นึง
    จากเว็บไซต์ Pantip.com ค่ะ
  • 0:08 - 0:11
    ก็คือกระทู้นี้เลยนะคะ มีคนคนนึงออกมาบ่นค่ะประมาณว่า
  • 0:11 - 0:15
    เฮ้ย เนี่ย ฉันไปที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังร้านนึงนะ แล้วฉันก็
  • 0:15 - 0:16
    ไปสั่งเมนูที่ชื่อว่าแฮมเบอร์เกอร์
  • 0:16 - 0:19
    แต่ฉันน่ะไม่กินเนื้อวัวแล้วฉันก็แพ้เนื้อวัวด้วยนะ
  • 0:19 - 0:21
    กินแล้วปวดหัวไม่สบายตัวอะไรต่างๆ
  • 0:21 - 0:24
    ปรากฏว่าสั่งเมนูแฮมเบอร์เกอร์
    เพราะมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเนื้อหมูแฮม
  • 0:24 - 0:28
    สั่งลงไป อ้าว! นี่มันเนื้อวัวชัดๆ ร้านนี้มันหลอกลวงนะคะ
  • 0:28 - 0:30
    ก็เลยมาตั้งกระทู้พันทิปเตือนภัยทุกคนค่ะ
  • 0:30 - 0:32
    คือพอฟังคำถามเขาแล้วเนี่ยนะคะมันก็น่าสนใจ
  • 0:32 - 0:35
    เพราะว่าเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วเราสั่งชีสเบอร์เกอร์
  • 0:35 - 0:36
    เราก็ได้เมนูที่มีชีส
  • 0:36 - 0:39
    เวลาเราสั่งฟิชเบอร์เกอร์ เราก็ได้เมนูที่มีปลา
  • 0:39 - 0:42
    เออ ทำไมเราสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วเราไม่ได้แฮมล่ะ ใช่มั้ยล่ะ
  • 0:42 - 0:45
    จริงๆเราก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแฮมเบอร์เกอร์เนี่ยมันเป็นเนื้อวัว
  • 0:45 - 0:47
    แต่ว่าแล้วทำไมมันถึงชื่อแฮมเบอร์เกอร์
  • 0:47 - 0:49
    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฮม ทำไมมันถึงไม่มีแฮมอยู่ข้างในนะคะ
  • 0:49 - 0:54
    ซึ่งจะบอกว่าคำตอบของเรื่องนี้นะคะสามารถสืบย้อน
    ไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างยาวนานเลยค่ะ
  • 0:54 - 0:57
    สืบย้อนไปถึงขั้นถึงเจงกีส ข่านเลยทีเดียวนะคะ
  • 0:57 - 1:01
    ดังนั้นวันนี้วิวก็เลยรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
  • 1:01 - 1:02
    เป็นไง น่าสนใจกันมั้ยคะ
  • 1:02 - 1:05
    ถ้าสนใจกันแล้ว อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
  • 1:05 - 1:08
    ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Youtube,
    Twitter, Instagram นะคะ
  • 1:08 - 1:11
    จะได้ไม่พลาดคลิปวิดิโอสนุกๆ
    แล้วก็ข่าวสารดีๆจากช่อง Point of View ค่ะ
  • 1:11 - 1:13
    บอกเลยว่าแต่ละช่องทางไม่เหมือนกันนะจ๊ะ
  • 1:13 - 1:17
    สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่
    ทั้งสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ
  • 1:17 - 1:19
    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:23 - 1:25
    ใครที่ฟังเรื่องราวที่วิวเล่าต่อจากนี้แล้ว
  • 1:25 - 1:28
    อยากหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างค่ะ
  • 1:28 - 1:30
    สามารถไปค้นหาเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ
  • 1:30 - 1:32
    สำหรับตอนนี้เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
  • 1:32 - 1:36
    ถ้าเราจะพูดว่าทำไมในแฮมเบอร์เกอร์
    ถึงไม่มีส่วนผสมของแฮมเนี่ยนะคะ
  • 1:36 - 1:39
    เราต้องมองย้อนกลับไปที่ประวัติของอาหารชนิดนี้ค่ะ
  • 1:39 - 1:42
    ย้อนไปไกลแสนไกลแสนไกล ไกลมากๆเลยนะคะ
  • 1:42 - 1:45
    ไกลจนกระทั่งถึงยุคเจงกีส ข่านเลยทีเดียวค่ะ
  • 1:45 - 1:47
    เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นกับชื่อเจงกีส ข่านกันดีใช่มั้ยคะ
  • 1:47 - 1:51
    ผู้นำชาวมองโกลที่ขึ้นมาปกครองจีนช่วงยุคราชวงศ์หยวนน่ะนะ
  • 1:51 - 1:55
    ซึ่งเจงกีส ข่านเนี่ยทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่า
    แผ่กระจายอำนาจไปกว้างไกลมากนะคะ
  • 1:55 - 1:58
    ทั้งในยุคของเจงกีส ข่าน
    แล้วก็ในยุคต่อมาคือกุบไล ข่านนะคะ
  • 1:58 - 2:01
    ทีนี้ถามว่าเจงกีส ข่านมันเกี่ยวอะไรกับแฮมเบอร์เกอร์
  • 2:01 - 2:04
    ก็ต้องบอกว่ามันเกี่ยวกับที่ว่ากองทัพของเจงกีส ข่าน
  • 2:04 - 2:06
    เป็นกองทัพที่ค่อนข้างจะน่ากลัวมากๆค่ะ
  • 2:06 - 2:08
    แล้วก็แผ่กระจายอำนาจไปทั่วเลยนะคะ
  • 2:08 - 2:12
    จนกระทั่งแม้แต่ชาวยุโรปเนี่ยยังเกรงกลัว
    กองทัพของเจงกีส ข่านเลยค่ะ
  • 2:12 - 2:15
    ทีนี้ถามว่ากองทัพจะน่ากลัวได้ขนาดนั้นเพราะว่าอะไร
  • 2:15 - 2:19
    เพราะว่ากองทัพกองทัพนี้นะคะทำตัวไม่เหมือนมนุษย์เท่าไหร่ค่ะ
  • 2:19 - 2:23
    คือเค้าเนี่ยพยายามทำยังไงก็ได้นะคะ
    ให้ทำสงครามได้ผลที่สุดค่ะ
  • 2:23 - 2:26
    ดังนั้นเรื่องอาหารการกินอะไรต่างๆเนี่ย ไม่มีเวลาทำหรอก
  • 2:26 - 2:29
    คือจะมานั่งปรุงอาหงปรุงอาหารอะไรแบบผู้ดงผู้ดีนะคะ
  • 2:29 - 2:31
    ไม่มีเวลาค่ะ รบไปเสียเวลานะคะ
  • 2:31 - 2:35
    ดังนั้นกองทัพของเจงกีส ข่านนะคะก็เลยคิด
    ทั้งวิธีถนอมอาหารต่างๆขึ้นมามากมาย
  • 2:35 - 2:38
    เพื่อที่จะทำมีเสบียงอาหารตลอดเวลานะคะ
  • 2:38 - 2:41
    หรือว่าคิดวิธีกินอะไรที่แบบรวดเร็วไม่ต้องปรุงเยอะนะคะ
  • 2:41 - 2:42
    วิธีถนอมอาหารนะคะก็เช่น
  • 2:42 - 2:45
    คิดวิธีการทำโยเกิร์ต การทำนมเปรี้ยวต่างๆ
  • 2:45 - 2:49
    ส่วนวิธีกินเร็วๆเนี่ยที่หลายๆคนคุ้นกันดีก็คือชาบูใช่มั้ย
  • 2:49 - 2:51
    ที่เอาเนื้อมาปาดๆๆๆให้บางที่สุด
  • 2:51 - 2:54
    เพื่อจะได้จุ่มปุ๊บสุกปั๊บ ไม่ต้องมานั่งคลุกนานๆค่ะ
  • 2:54 - 2:57
    นอกจากนี้ก็มีวิธีการกินที่น่ากลัวๆอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น
  • 2:57 - 3:01
    เวลาขี่ๆม้าไปแล้วม้ามันแบบหมดสภาพแล้ว
    ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว
  • 3:01 - 3:04
    แต่คนที่ขี่อยู่เนี่ยรู้สึกแบบต้องการดื่มน้ำนะคะ
  • 3:04 - 3:07
    บางทีก็มีการปาดคอม้าดื่มเลือดม้าอะไรแบบนี้เหมือนกัน
  • 3:07 - 3:10
    ก็เรียกได้ว่ามีวิธีการกินที่โหดร้ายพอสมควรนะคะ
  • 3:10 - 3:14
    และหนึ่งในวิธีการกินที่ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด
    ก็คือการกินเนื้อดิบนั่นเองนะคะ
  • 3:14 - 3:18
    สมัยนี้ก็มีหลักฐานเหมือนกันนะคะว่า
    เค้าเอาเนื้อม้าหรือเนื้อวัวเนี่ยมาสับๆๆๆนะคะ
  • 3:18 - 3:22
    แล้วก็ไม่ต้องปรุงอะไรมาก
    ใส่แค่เครื่องปรงเครื่องปรุงแล้วก็ใส่ไว้ใต้อานม้าค่ะ
  • 3:22 - 3:24
    ในขณะที่ขี่ไปกุบๆๆๆเนี่ยนะคะ
  • 3:24 - 3:28
    ก็จะทำให้เนื้อนั้นนุ่มขึ้นกินง่ายขึ้นประมาณนั้นค่ะ
  • 3:28 - 3:31
    นี่ก็เป็นวิธีการกินอาหารประเภทนึงของกองทัพเจงกีส ข่านนะคะ
  • 3:31 - 3:34
    ซึ่งทำให้ชาวยุโรปเกรงกลัวกองทัพนี้มาก
  • 3:34 - 3:38
    ถึงขั้นขนานนามกลุ่มคนกลุ่มนึงนะคะที่เป็น
    ส่วนนึงของกองทัพเจงกีส ข่านเนี่ยว่า
  • 3:38 - 3:43
    Tartarus ที่แปลว่า Hell หรือแปลว่านรกนั่นเองนะคะ
    ประมาณว่ากองทัพจากนรกค่ะ
  • 3:43 - 3:45
    แต่ถึงจะเป็นกองทัพจากนรกยังไงก็ตามนะคะ
  • 3:45 - 3:48
    ไอเนื้อดิบๆนั่นน่ะมันก็แพร่กระจายเข้าไปในยุโรปค่ะ
  • 3:48 - 3:51
    คือแพร่กระจายเข้าไปที่รัสเซียนั่นเองนะคะ
  • 3:51 - 3:54
    รัสเซียรับวิธีการกินอาหารแบบนี้เข้าไปค่ะ
    เสร็จแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า
  • 3:54 - 3:56
    เออ เรามาทำอาหารตามเค้ากันเถอะ
  • 3:56 - 4:01
    ดังนั้นชาวรัสเซียนะคะก็เลยทำอาหารชนิดนึงขึ้นมาค่ะ
    เรียกว่า สเต็ก ทาร์ทาร์
  • 4:01 - 4:04
    คือสเต็กที่เกิดจากการเอาเนื้อวัวดิบๆเนี่ยนะคะ
    มาสับๆๆเป็นลูกเต๋า
  • 4:04 - 4:07
    แล้วก็ไปคลุกกับไข่ดิบแล้วก็คลุกกับเครื่องปรุงอะไรต่างๆ
  • 4:07 - 4:09
    แล้วก็เอามาปั้นเป็นแผ่นกลมๆเนี่ยนะคะ
  • 4:09 - 4:14
    แล้วก็เรียกอาหารชนิดนั้นนะคะตามชื่อของกองทัพ
    ที่บอกว่า ทาร์ทารัส แปลว่านรกใช่มั้ย
  • 4:14 - 4:16
    ก็เลยเรียกอาหารชนิดนี้ว่าสเต็ก ทาร์ทาร์นั่นเองค่ะ
  • 4:16 - 4:19
    หลังจากชาวรัสเซียเนี่ยกินอาหารชนิดนี้มาเรื่อยๆนะคะ
  • 4:19 - 4:23
    ไม่นานหรอกค่ะ อาหารชนิดนี้ก็แพร่กระจาย
    เข้าไปที่ประเทศอื่นนะคะ
  • 4:23 - 4:27
    จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 18 ค่ะ
    อาหารชนิดนี้ก็เข้าไปที่เยอรมนีนะคะ
  • 4:27 - 4:31
    แล้วก็ฮิตกันไปทั่วเมืองเลย แต่อาจจะแบบ
    วิธีการกินแบบเจงกีส ข่านอาจจะโหดไปนิดนึง
  • 4:31 - 4:35
    คือให้กินเนื้อดิบๆเลยมันก็แบบ
    ไม่ค่อยถูกปากใครหลายๆคนนะคะ
  • 4:35 - 4:40
    ดังนั้นพออาหารชนิดนี้แพร่กระจายเข้าไปในเยอรมนี
    ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงเล็กๆน้อยๆค่ะ
  • 4:40 - 4:42
    เช่น ตอนแรกเนี่ยเอาเนื้ออะไรก็ไม่รู้แหละ
  • 4:42 - 4:45
    แต่ว่าชาวเยอรมันก็ปกติก็กินสเต็กอยู่แล้วใช่มั้ย
  • 4:45 - 4:48
    ตอนนั้นก็คิดว่า เออ มันก็มีเนื้อส่วนหลายๆส่วน
    ที่มันเป็นเนื้อที่แข็งๆ
  • 4:48 - 4:51
    หรือคุณภาพไม่ดี เอามาย่างสเต็กก็เคี้ยวไม่ไหว
  • 4:51 - 4:53
    ก็เออ อาหารประเภทนี้ตอบโจทย์นะ
  • 4:53 - 4:59
    ก็เลยเอาเนื้อพวกนั้นเนี่ยนะคะมาสับๆๆๆแล้วก็บดค่ะ
    บดเสร็จก็ปรุงเครื่องปรุงอะไรต่างๆ ปรุงไปปรุงมา
  • 4:59 - 5:05
    แล้วก็จะกินดิบๆก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็เลยบางที่ก็เอาไปย่าง
    บางที่ก็เอาไปทอด เอาไปอบ อะไรประมาณนี้นะคะ
  • 5:05 - 5:08
    กลายเป็นอาหารอีกชนิดนึงที่ดังไปทั่วประเทศเลยค่ะ
  • 5:08 - 5:11
    เพราะว่าไร เพราะว่ามันง่ายไง
    มันแบบอุ๊ย ทำง่าย ใครก็ทำได้
  • 5:11 - 5:13
    เห็นวิธีทำครั้งเดียวก็ทำตามกันได้แล้วนะคะ
  • 5:13 - 5:16
    นี่ก็คือต้นตระกูลของแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง
  • 5:16 - 5:18
    ทีนี้ถามว่าแล้วมันได้ชื่อแฮมเบอร์เกอร์มาจากไหน
  • 5:18 - 5:21
    จากสเต็ก ทาร์ทาร์กลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์ได้ยังไงนะคะ
  • 5:21 - 5:25
    ก็ต้องบอกว่าเริ่มตอนที่ชาวเยอรมัน
    เริ่มย้ายถิ่นฐานไปที่อเมริกาค่ะ
  • 5:25 - 5:31
    ซึ่งตอนที่ย้ายถิ่นฐานไปแน่นอนว่าก็จะต้องเอาอาหาร
    ประเภทนี้ติดตัวไปด้วยนะคะ แล้วก็ไปฮิตที่อเมริกาค่ะ
  • 5:31 - 5:36
    ทีนี้คนในอเมริกาก็คงอยากจะมีชื่อเรียก
    อาหารชนิดนี้แหละ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี
  • 5:36 - 5:38
    ก็เลยไปได้ชื่อมาจากเมืองๆนึงนะคะ
  • 5:38 - 5:41
    นั่นก็คือเมืองฮัมบูร์กในเยอรมนีนั่นเองค่ะ
  • 5:41 - 5:45
    คือเยอรมนีเนี่ยถ้าใครดูบอลจะรู้ว่ามันมีสโมสรฮัมบูร์กใช่มั้ย
  • 5:45 - 5:47
    คือฮัมบูร์กเป็นชื่อเมืองในเยอรมนีค่ะ
  • 5:47 - 5:50
    ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณเลยนะคะ
  • 5:50 - 5:55
    ดังนั้นในสมัยก่อนถ้าจากเยอรมนีจะไปอเมริกาเนี่ย
    มันคงไม่ได้นั่งเครื่องบินอะไรไปหรอกค่ะ
  • 5:55 - 5:56
    ก็จะต้องนั่งเรือไปใช่มั้ย
  • 5:56 - 5:59
    เรือส่วนมากที่ออกจากเยอรมนีไปที่สหรัฐอเมริกาเนี่ย
  • 5:59 - 6:01
    ก็มาจากท่าเรือเมืองฮัมบูร์กนี่แหละค่ะ
  • 6:01 - 6:05
    ดังนั้นเมื่อไปที่อเมริกาเนี่ยนะคะ คนก็จะแบบ
    นี่อาหารอะไรเนี่ย นี่อาหารอะไร
  • 6:05 - 6:09
    ก็คงมีคนพูดประมาณว่า อาหารจากเมืองฮัมบูร์กอะเธอ
  • 6:09 - 6:14
    ดังนั้นนะคะ คนก็เลยกลายเป็นเรียกอาหารชนิดนี้ว่า
    ฮัมบูร์ก หรือว่า แฮมเบิร์ก ในที่สุดค่ะ
  • 6:14 - 6:17
    ซึ่งหลังจากที่แฮมเบิร์กหรือว่าฮัมบูร์กเนี่ยนะคะ
    เข้าไปที่สหรัฐอเมริกาแล้ว
  • 6:17 - 6:19
    ปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า
  • 6:19 - 6:24
    ใครเป็นอัจฉริยะคนแรกนะคะที่คิดว่าแบบ
    เออ ฉันจะกินเนื้อเปล่าๆมันแบบว่าไม่ฟินเลย
  • 6:24 - 6:28
    เอาขนมปังมาปะหัวปะท้ายดีกว่า
    จนกลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบปัจจุบันนะคะ
  • 6:28 - 6:33
    เพราะว่าทุกคนก็พยายามจะเคลมตัวเองว่าแบบ
    ฉันเป็นคนคิดคนแรกจ้า ดูเมนูของร้านพ่อฉันสิ
  • 6:33 - 6:35
    เห็นมั้ยขายมาตั้งแต่ปี 1899
  • 6:35 - 6:39
    อะ ดูของร้านพ่อฉันสิ
    พ่อฉันขายมาก่อนเธอห้าปีนะ ประมาณนั้นค่ะ
  • 6:39 - 6:43
    ทุกคนก็พยายามจะเคลมว่า
    ฉันเป็นต้นแบบของแฮมเบอร์เกอร์นะคะ
  • 6:43 - 6:49
    อย่างไรก็ดีค่ะ สิ่งที่เรารู้ก็คือในปี 1904
    แฮมเบอร์เกอร์ก็แพร่กระจายไปทั่วอเมริกานะคะ
  • 6:49 - 6:50
    แล้วก็ฮิตติดลมบนสุดๆเลยนะคะ
  • 6:50 - 6:53
    เป็นที่มาของการที่เราเรียกอาหารชนิดนี้
  • 6:53 - 6:59
    ที่เป็นเนื้อบดย่างๆปิ้งๆทอดๆตรงกลางเนี่ย
    แล้วก็มีขนมปังประกบสองด้านว่า แฮมเบอร์เกอร์ นั่นเองค่ะ
  • 6:59 - 7:01
    แต่ คิดว่าคลิปนี้จบเท่านี้ใช่มั้ยคะ
  • 7:01 - 7:05
    บอกเลยว่าถ้าคลิปนี้จบเท่านี้นี่
    เบสิกไปสำหรับช่อง Point of View นะคะ
  • 7:05 - 7:08
    เพราะว่าถ้าเราพูดถึงเมืองแฮมเบิร์ก
    มันก็ยังมีคำว่าแฮมอยู่ดีอะ
  • 7:08 - 7:11
    เมืองนี้มันเกี่ยวอะไรกับแฮมเหรอ
    มันเป็นเมืองที่แฮมดังหรือว่าอะไรนะคะ
  • 7:11 - 7:13
    ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ
  • 7:13 - 7:17
    ถ้าเราอยากรู้เนี่ยนะคะเราต้องมาแยก
    ส่วนประกอบของคำว่า แฮม กับ บูร์ก ค่ะ
  • 7:17 - 7:21
    คำว่า บูร์ก หรือ เบิร์ก เนี่ยนะคะ
    เป็นคำที่ชอบต่อท้ายชื่อเมืองในยุโรปใช่มั้ย
  • 7:21 - 7:25
    เราน่าจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองฮัมบูร์กเอง
    หรือว่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
  • 7:25 - 7:29
    หรือว่าเมืองเอดินเบิร์กหรือว่าเอดินเบอระเนี่ยนะคะ
    ก็คำเดียวกันหมดค่ะ
  • 7:29 - 7:32
    คือคำว่าเบิร์กเนี่ยแปลว่า ป้อมปราการหรือเนินเขานั่นเอง
  • 7:32 - 7:35
    ก็นึกสภาพปราสาทในสมัยยุโรปโบราณทำนองนั้นแหละ
  • 7:35 - 7:37
    เป็นที่ดินโล่งๆกว้างๆเนี่ยนะคะ
  • 7:37 - 7:39
    ถ้ามันมีเนินเขาขึ้นมาตึ๊งนึง
  • 7:39 - 7:41
    สมมติว่าเราเป็นเจ้าเมือง จะต้องไปตั้งเมืองซักที่นึง
  • 7:41 - 7:43
    เราก็คงเลือกตั้งบนเนินเขาอะใช่มั้ย
  • 7:43 - 7:48
    เพื่อที่ว่าตัวปราสาทของเราเนี่ยจะได้สูงขึ้นไป
    ตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี
  • 7:48 - 7:50
    เวลามีใครมาบุกเราจะได้เห็นชัดๆ ประมาณนั้นค่ะ
  • 7:50 - 7:56
    เราน่าจะคุ้นกับภาพปราสาทที่อยู่บนเขาหรือ
    อยู่บนเนินกันดีจากพวกแบบหนังต่างๆที่เราได้ดูล่ะนะ
  • 7:56 - 7:58
    ไม่ต้องอธิบายมากค่ะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องแฮมเนอะ
  • 7:58 - 8:03
    คือเมืองส่วนใหญ่เนี่ยนะคะที่ลงท้ายด้วยคำว่าเบิร์กเนี่ย
    ก็แปลว่า เคยเป็นป้อมปราการเก่านั่นเองค่ะ
  • 8:03 - 8:08
    ก็ป้อมปราการอะนะ ปกติมีปราการก็ไว้
    ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกภายนอกใช่มั้ยคะ
  • 8:08 - 8:10
    ก็จะต้องมีคนมาอยู่มาอาศัย
  • 8:10 - 8:12
    แล้วต่อมาเมื่อมีการค้าอะไรมากขึ้น
  • 8:12 - 8:16
    มันก็พัฒนาขยายตัว ขยายตัว ขยายตัว
    จนกลายเป็นเมืองในที่สุดค่ะ
  • 8:16 - 8:20
    ดังนั้นพวกที่ลงท้ายด้วยเบิร์ก เบิร์ก เบิร์กทั้งหลาย
    ก็เคยเป็นป้อมปราการเก่าทั้งนั้นแหละค่ะ
  • 8:20 - 8:22
    รวมถึงเมืองแฮมบูร์กนี่ด้วยนะคะ
  • 8:22 - 8:27
    ซึ่งเป็นป้อมปราการที่พระเจ้าชาร์เลอมาญ
    สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 808 อะนะ
  • 8:27 - 8:30
    ก็ตั้งป้อมปราการนี้ขึ้นมา
    เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าอื่นๆมารุกรานค่ะ
  • 8:30 - 8:33
    นี่ก็เป็นที่มาของเมืองแฮมบูร์กนะคะ
  • 8:33 - 8:36
    ทีนี้แล้วทำไมถึงเรียกป้อมปราการนี้ว่าแฮมล่ะ
  • 8:36 - 8:39
    คำว่าแฮมจากเมืองแฮมบูร์กเนี่ย
    เกี่ยวอะไรกับแฮมที่เป็นขาหมูรึเปล่านะคะ
  • 8:39 - 8:41
    ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวนิดๆค่ะ
  • 8:41 - 8:44
    คือถ้าเราย้อนกลับไปที่ประวัติของคำว่าแฮมเนี่ยนะคะ
  • 8:44 - 8:46
    ในสมัยโบร๊าณ โบราณ โบราณ
  • 8:46 - 8:48
    ไปจนกระทั่งถึงภาษาเยอรมันโบราณเนี่ยนะคะ
  • 8:48 - 8:52
    คำว่าแฮมเค้าไม่ได้หมายถึงขาหมูค่ะ
    แต่เค้าหมายถึงขาคนต่างหาก
  • 8:52 - 8:55
    แปลกใจมั้ย ขาคนนะ ไม่ใช่ขาหมู
  • 8:55 - 9:00
    ถ้าใครแปลกใจนะคะ ให้ไปดูศัพท์ทางการแพทย์ค่ะ
    คือศัพท์ในการแพทย์ปัจจุบันยังเก็บคำนี้ไว้อยู่นะคะ
  • 9:00 - 9:02
    คือคำว่า Hamstring นั่นเอง
  • 9:02 - 9:05
    คำว่า Hamstring นี่หมายถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังเข่านะคะ
  • 9:05 - 9:07
    ที่เป็นข้อพับ แล้วมันแบบประมาณแถวๆนี้นะคะ
  • 9:07 - 9:10
    แต่ว่าคำนี้เกิดไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ คนก็เลยเลิกใช้ไปค่ะ
  • 9:10 - 9:14
    เวลาผ่านไปไม่นานนะคะ พอเอามาเรียก
    ใช้กับขาคนไม่ฮิตใช่มั้ย
  • 9:14 - 9:16
    ก็เลยเอาไปใช้เรียกกับขาสัตว์แทนนะคะ
  • 9:16 - 9:19
    ตอนแรกๆเนี่ยนะคะ
    ขาสัตว์ทุกชนิดเรียกว่า แฮม ได้หมดเลยนะ
  • 9:19 - 9:23
    แต่ว่าเวลาผ่านไปนะคะก็ตามธรรมชาติของภาษาค่ะ
    คือความหมายมันเปลี่ยนแปลงเสมอนะ
  • 9:23 - 9:26
    ความหมายของคำว่าแฮมก็เลยแคบลง แคบลง แคบลง
  • 9:26 - 9:30
    มาจนกระทั่งถึงขาของสัตว์ที่เราพูดถึงบ่อยที่สุดค่ะ
    ก็คือขาหมูนั่นเอง
  • 9:30 - 9:34
    ดังนั้นหลังจากเวลาผ่านไปเราก็เลยเรียก
    ขาหมูว่า แฮม นะคะ
  • 9:34 - 9:38
    แล้วทีนี้ถามว่าขาคนเกี่ยวอะไรกับเมืองแฮมเบิร์ก
    ก็ต้องบอกว่ายังตอบไม่ได้ค่ะ
  • 9:38 - 9:41
    เราต้องมองคำว่าแฮมลึกเข้าไปอีกหนึ่งชั้นนะคะ
  • 9:41 - 9:42
    จากคำว่าแฮมที่เป็นขาคนเนี่ย
  • 9:42 - 9:47
    ต้องบอกว่าก่อนหน้านั้น
    คำว่าแฮมมีความหมายที่เก่ากว่านั้นอีกนะคะ
  • 9:47 - 9:52
    น่ะ เจาะลึกมากเลยนะ ไม่รู้ว่าลึกเกินไปรึเปล่า
    แต่ส่วนตัวเนี่ยตอนรู้ รู้สึกว่าแบบอู้ว เท่มากเลยนะคะ
  • 9:52 - 9:57
    คือคำว่าแฮมเนี่ยนะคะก่อนที่มันจะไปแปลว่า
    ขาคนตรงส่วนข้อพับด้านหลังเข่าเนี่ย
  • 9:57 - 10:00
    มันแปลว่าการหักโค้งหรือว่าหักงอมาก่อนค่ะ
  • 10:00 - 10:05
    ดังนั้นพอบอกว่าตรงนี้คือส่วนที่หักโค้ง ตรงนี้คือส่วนที่งอ
    มันก็คือหมายถึงเข่าคนนั่นเองนะคะ
  • 10:05 - 10:10
    ทีนี้เขาบอกว่าเมืองแฮมบูร์กเนี่ยมันอยู่ตรง
    บริเวณที่แม่น้ำมันหักหรือมันโค้งประมาณนี้
  • 10:10 - 10:15
    ดังนั้นแฮมบูร์กเนี่ยน่าจะหมายถึง
    ป้อมปราการที่อยู่บริเวณแม่น้ำหักโค้ง ประมาณนั้นค่ะ
  • 10:15 - 10:18
    แม้ว่าที่มาจะมาร่วมกับขาหมูแฮมนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว
  • 10:18 - 10:23
    คำว่าแฮมเบอร์เกอร์ก็เลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
    แฮมที่เราชอบกินกันในปัจจุบันซักเท่าไหร่ค่ะ
  • 10:23 - 10:27
    เป็นไงบ้างคะ ได้คำตอบกันมั้ยคะว่า
    ทำไมเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วสั่งแฮมเบอร์เกอร์เนี่ย
  • 10:27 - 10:29
    ถึงไม่ได้เมนูที่มีหมูแฮมอยู่ข้างในนะคะ
  • 10:29 - 10:31
    ถ้าใครชื่นชอบคลิปประมาณนี้ก็อย่าลืม
  • 10:31 - 10:34
    กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
    แล้วกดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันนะคะ
  • 10:34 - 10:37
    แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
  • 10:37 - 10:42
    เป็นไงบ้างคะ เชื่อว่าหลายๆคนนะคะน่าจะมีคำถามโลกแตก
    อะไรประมาณนี้อยู่ในหัวอีกมากมายนะคะ
  • 10:42 - 10:47
    ลองคอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ ถ้าสมมติว่ามีโอกาส
    วิวจะไปหาคำตอบมาเล่าให้ทุกคนฟังอีกนะคะ
  • 10:47 - 10:51
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
Title:
ทำไมแฮมเบอร์เกอร์ ไม่ใส่แฮม | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
10:51

Thai subtitles

Revisions