-
ทำไมสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วไม่ได้กินแฮม
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
เมื่อไม่นานมานี้นะคะ วิวเพิ่งจะเห็นกระทู้กระทู้นึง
จากเว็บไซต์ Pantip.com ค่ะ
-
ก็คือกระทู้นี้เลยนะคะ มีคนคนนึงออกมาบ่นค่ะประมาณว่า
-
เฮ้ย เนี่ย ฉันไปที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังร้านนึงนะ แล้วฉันก็
-
ไปสั่งเมนูที่ชื่อว่าแฮมเบอร์เกอร์
-
แต่ฉันน่ะไม่กินเนื้อวัวแล้วฉันก็แพ้เนื้อวัวด้วยนะ
-
กินแล้วปวดหัวไม่สบายตัวอะไรต่างๆ
-
ปรากฏว่าสั่งเมนูแฮมเบอร์เกอร์
เพราะมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเนื้อหมูแฮม
-
สั่งลงไป อ้าว! นี่มันเนื้อวัวชัดๆ ร้านนี้มันหลอกลวงนะคะ
-
ก็เลยมาตั้งกระทู้พันทิปเตือนภัยทุกคนค่ะ
-
คือพอฟังคำถามเขาแล้วเนี่ยนะคะมันก็น่าสนใจ
-
เพราะว่าเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วเราสั่งชีสเบอร์เกอร์
-
เราก็ได้เมนูที่มีชีส
-
เวลาเราสั่งฟิชเบอร์เกอร์ เราก็ได้เมนูที่มีปลา
-
เออ ทำไมเราสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วเราไม่ได้แฮมล่ะ ใช่มั้ยล่ะ
-
จริงๆเราก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแฮมเบอร์เกอร์เนี่ยมันเป็นเนื้อวัว
-
แต่ว่าแล้วทำไมมันถึงชื่อแฮมเบอร์เกอร์
-
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฮม ทำไมมันถึงไม่มีแฮมอยู่ข้างในนะคะ
-
ซึ่งจะบอกว่าคำตอบของเรื่องนี้นะคะสามารถสืบย้อน
ไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างยาวนานเลยค่ะ
-
สืบย้อนไปถึงขั้นถึงเจงกีส ข่านเลยทีเดียวนะคะ
-
ดังนั้นวันนี้วิวก็เลยรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
-
เป็นไง น่าสนใจกันมั้ยคะ
-
ถ้าสนใจกันแล้ว อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
-
ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Youtube,
Twitter, Instagram นะคะ
-
จะได้ไม่พลาดคลิปวิดิโอสนุกๆ
แล้วก็ข่าวสารดีๆจากช่อง Point of View ค่ะ
-
บอกเลยว่าแต่ละช่องทางไม่เหมือนกันนะจ๊ะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่
ทั้งสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ใครที่ฟังเรื่องราวที่วิวเล่าต่อจากนี้แล้ว
-
อยากหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างค่ะ
-
สามารถไปค้นหาเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ
-
สำหรับตอนนี้เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
-
ถ้าเราจะพูดว่าทำไมในแฮมเบอร์เกอร์
ถึงไม่มีส่วนผสมของแฮมเนี่ยนะคะ
-
เราต้องมองย้อนกลับไปที่ประวัติของอาหารชนิดนี้ค่ะ
-
ย้อนไปไกลแสนไกลแสนไกล ไกลมากๆเลยนะคะ
-
ไกลจนกระทั่งถึงยุคเจงกีส ข่านเลยทีเดียวค่ะ
-
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นกับชื่อเจงกีส ข่านกันดีใช่มั้ยคะ
-
ผู้นำชาวมองโกลที่ขึ้นมาปกครองจีนช่วงยุคราชวงศ์หยวนน่ะนะ
-
ซึ่งเจงกีส ข่านเนี่ยทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่า
แผ่กระจายอำนาจไปกว้างไกลมากนะคะ
-
ทั้งในยุคของเจงกีส ข่าน
แล้วก็ในยุคต่อมาคือกุบไล ข่านนะคะ
-
ทีนี้ถามว่าเจงกีส ข่านมันเกี่ยวอะไรกับแฮมเบอร์เกอร์
-
ก็ต้องบอกว่ามันเกี่ยวกับที่ว่ากองทัพของเจงกีส ข่าน
-
เป็นกองทัพที่ค่อนข้างจะน่ากลัวมากๆค่ะ
-
แล้วก็แผ่กระจายอำนาจไปทั่วเลยนะคะ
-
จนกระทั่งแม้แต่ชาวยุโรปเนี่ยยังเกรงกลัว
กองทัพของเจงกีส ข่านเลยค่ะ
-
ทีนี้ถามว่ากองทัพจะน่ากลัวได้ขนาดนั้นเพราะว่าอะไร
-
เพราะว่ากองทัพกองทัพนี้นะคะทำตัวไม่เหมือนมนุษย์เท่าไหร่ค่ะ
-
คือเค้าเนี่ยพยายามทำยังไงก็ได้นะคะ
ให้ทำสงครามได้ผลที่สุดค่ะ
-
ดังนั้นเรื่องอาหารการกินอะไรต่างๆเนี่ย ไม่มีเวลาทำหรอก
-
คือจะมานั่งปรุงอาหงปรุงอาหารอะไรแบบผู้ดงผู้ดีนะคะ
-
ไม่มีเวลาค่ะ รบไปเสียเวลานะคะ
-
ดังนั้นกองทัพของเจงกีส ข่านนะคะก็เลยคิด
ทั้งวิธีถนอมอาหารต่างๆขึ้นมามากมาย
-
เพื่อที่จะทำมีเสบียงอาหารตลอดเวลานะคะ
-
หรือว่าคิดวิธีกินอะไรที่แบบรวดเร็วไม่ต้องปรุงเยอะนะคะ
-
วิธีถนอมอาหารนะคะก็เช่น
-
คิดวิธีการทำโยเกิร์ต การทำนมเปรี้ยวต่างๆ
-
ส่วนวิธีกินเร็วๆเนี่ยที่หลายๆคนคุ้นกันดีก็คือชาบูใช่มั้ย
-
ที่เอาเนื้อมาปาดๆๆๆให้บางที่สุด
-
เพื่อจะได้จุ่มปุ๊บสุกปั๊บ ไม่ต้องมานั่งคลุกนานๆค่ะ
-
นอกจากนี้ก็มีวิธีการกินที่น่ากลัวๆอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น
-
เวลาขี่ๆม้าไปแล้วม้ามันแบบหมดสภาพแล้ว
ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว
-
แต่คนที่ขี่อยู่เนี่ยรู้สึกแบบต้องการดื่มน้ำนะคะ
-
บางทีก็มีการปาดคอม้าดื่มเลือดม้าอะไรแบบนี้เหมือนกัน
-
ก็เรียกได้ว่ามีวิธีการกินที่โหดร้ายพอสมควรนะคะ
-
และหนึ่งในวิธีการกินที่ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด
ก็คือการกินเนื้อดิบนั่นเองนะคะ
-
สมัยนี้ก็มีหลักฐานเหมือนกันนะคะว่า
เค้าเอาเนื้อม้าหรือเนื้อวัวเนี่ยมาสับๆๆๆนะคะ
-
แล้วก็ไม่ต้องปรุงอะไรมาก
ใส่แค่เครื่องปรงเครื่องปรุงแล้วก็ใส่ไว้ใต้อานม้าค่ะ
-
ในขณะที่ขี่ไปกุบๆๆๆเนี่ยนะคะ
-
ก็จะทำให้เนื้อนั้นนุ่มขึ้นกินง่ายขึ้นประมาณนั้นค่ะ
-
นี่ก็เป็นวิธีการกินอาหารประเภทนึงของกองทัพเจงกีส ข่านนะคะ
-
ซึ่งทำให้ชาวยุโรปเกรงกลัวกองทัพนี้มาก
-
ถึงขั้นขนานนามกลุ่มคนกลุ่มนึงนะคะที่เป็น
ส่วนนึงของกองทัพเจงกีส ข่านเนี่ยว่า
-
Tartarus ที่แปลว่า Hell หรือแปลว่านรกนั่นเองนะคะ
ประมาณว่ากองทัพจากนรกค่ะ
-
แต่ถึงจะเป็นกองทัพจากนรกยังไงก็ตามนะคะ
-
ไอเนื้อดิบๆนั่นน่ะมันก็แพร่กระจายเข้าไปในยุโรปค่ะ
-
คือแพร่กระจายเข้าไปที่รัสเซียนั่นเองนะคะ
-
รัสเซียรับวิธีการกินอาหารแบบนี้เข้าไปค่ะ
เสร็จแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า
-
เออ เรามาทำอาหารตามเค้ากันเถอะ
-
ดังนั้นชาวรัสเซียนะคะก็เลยทำอาหารชนิดนึงขึ้นมาค่ะ
เรียกว่า สเต็ก ทาร์ทาร์
-
คือสเต็กที่เกิดจากการเอาเนื้อวัวดิบๆเนี่ยนะคะ
มาสับๆๆเป็นลูกเต๋า
-
แล้วก็ไปคลุกกับไข่ดิบแล้วก็คลุกกับเครื่องปรุงอะไรต่างๆ
-
แล้วก็เอามาปั้นเป็นแผ่นกลมๆเนี่ยนะคะ
-
แล้วก็เรียกอาหารชนิดนั้นนะคะตามชื่อของกองทัพ
ที่บอกว่า ทาร์ทารัส แปลว่านรกใช่มั้ย
-
ก็เลยเรียกอาหารชนิดนี้ว่าสเต็ก ทาร์ทาร์นั่นเองค่ะ
-
หลังจากชาวรัสเซียเนี่ยกินอาหารชนิดนี้มาเรื่อยๆนะคะ
-
ไม่นานหรอกค่ะ อาหารชนิดนี้ก็แพร่กระจาย
เข้าไปที่ประเทศอื่นนะคะ
-
จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 18 ค่ะ
อาหารชนิดนี้ก็เข้าไปที่เยอรมนีนะคะ
-
แล้วก็ฮิตกันไปทั่วเมืองเลย แต่อาจจะแบบ
วิธีการกินแบบเจงกีส ข่านอาจจะโหดไปนิดนึง
-
คือให้กินเนื้อดิบๆเลยมันก็แบบ
ไม่ค่อยถูกปากใครหลายๆคนนะคะ
-
ดังนั้นพออาหารชนิดนี้แพร่กระจายเข้าไปในเยอรมนี
ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงเล็กๆน้อยๆค่ะ
-
เช่น ตอนแรกเนี่ยเอาเนื้ออะไรก็ไม่รู้แหละ
-
แต่ว่าชาวเยอรมันก็ปกติก็กินสเต็กอยู่แล้วใช่มั้ย
-
ตอนนั้นก็คิดว่า เออ มันก็มีเนื้อส่วนหลายๆส่วน
ที่มันเป็นเนื้อที่แข็งๆ
-
หรือคุณภาพไม่ดี เอามาย่างสเต็กก็เคี้ยวไม่ไหว
-
ก็เออ อาหารประเภทนี้ตอบโจทย์นะ
-
ก็เลยเอาเนื้อพวกนั้นเนี่ยนะคะมาสับๆๆๆแล้วก็บดค่ะ
บดเสร็จก็ปรุงเครื่องปรุงอะไรต่างๆ ปรุงไปปรุงมา
-
แล้วก็จะกินดิบๆก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็เลยบางที่ก็เอาไปย่าง
บางที่ก็เอาไปทอด เอาไปอบ อะไรประมาณนี้นะคะ
-
กลายเป็นอาหารอีกชนิดนึงที่ดังไปทั่วประเทศเลยค่ะ
-
เพราะว่าไร เพราะว่ามันง่ายไง
มันแบบอุ๊ย ทำง่าย ใครก็ทำได้
-
เห็นวิธีทำครั้งเดียวก็ทำตามกันได้แล้วนะคะ
-
นี่ก็คือต้นตระกูลของแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง
-
ทีนี้ถามว่าแล้วมันได้ชื่อแฮมเบอร์เกอร์มาจากไหน
-
จากสเต็ก ทาร์ทาร์กลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์ได้ยังไงนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าเริ่มตอนที่ชาวเยอรมัน
เริ่มย้ายถิ่นฐานไปที่อเมริกาค่ะ
-
ซึ่งตอนที่ย้ายถิ่นฐานไปแน่นอนว่าก็จะต้องเอาอาหาร
ประเภทนี้ติดตัวไปด้วยนะคะ แล้วก็ไปฮิตที่อเมริกาค่ะ
-
ทีนี้คนในอเมริกาก็คงอยากจะมีชื่อเรียก
อาหารชนิดนี้แหละ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี
-
ก็เลยไปได้ชื่อมาจากเมืองๆนึงนะคะ
-
นั่นก็คือเมืองฮัมบูร์กในเยอรมนีนั่นเองค่ะ
-
คือเยอรมนีเนี่ยถ้าใครดูบอลจะรู้ว่ามันมีสโมสรฮัมบูร์กใช่มั้ย
-
คือฮัมบูร์กเป็นชื่อเมืองในเยอรมนีค่ะ
-
ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณเลยนะคะ
-
ดังนั้นในสมัยก่อนถ้าจากเยอรมนีจะไปอเมริกาเนี่ย
มันคงไม่ได้นั่งเครื่องบินอะไรไปหรอกค่ะ
-
ก็จะต้องนั่งเรือไปใช่มั้ย
-
เรือส่วนมากที่ออกจากเยอรมนีไปที่สหรัฐอเมริกาเนี่ย
-
ก็มาจากท่าเรือเมืองฮัมบูร์กนี่แหละค่ะ
-
ดังนั้นเมื่อไปที่อเมริกาเนี่ยนะคะ คนก็จะแบบ
นี่อาหารอะไรเนี่ย นี่อาหารอะไร
-
ก็คงมีคนพูดประมาณว่า อาหารจากเมืองฮัมบูร์กอะเธอ
-
ดังนั้นนะคะ คนก็เลยกลายเป็นเรียกอาหารชนิดนี้ว่า
ฮัมบูร์ก หรือว่า แฮมเบิร์ก ในที่สุดค่ะ
-
ซึ่งหลังจากที่แฮมเบิร์กหรือว่าฮัมบูร์กเนี่ยนะคะ
เข้าไปที่สหรัฐอเมริกาแล้ว
-
ปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า
-
ใครเป็นอัจฉริยะคนแรกนะคะที่คิดว่าแบบ
เออ ฉันจะกินเนื้อเปล่าๆมันแบบว่าไม่ฟินเลย
-
เอาขนมปังมาปะหัวปะท้ายดีกว่า
จนกลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบปัจจุบันนะคะ
-
เพราะว่าทุกคนก็พยายามจะเคลมตัวเองว่าแบบ
ฉันเป็นคนคิดคนแรกจ้า ดูเมนูของร้านพ่อฉันสิ
-
เห็นมั้ยขายมาตั้งแต่ปี 1899
-
อะ ดูของร้านพ่อฉันสิ
พ่อฉันขายมาก่อนเธอห้าปีนะ ประมาณนั้นค่ะ
-
ทุกคนก็พยายามจะเคลมว่า
ฉันเป็นต้นแบบของแฮมเบอร์เกอร์นะคะ
-
อย่างไรก็ดีค่ะ สิ่งที่เรารู้ก็คือในปี 1904
แฮมเบอร์เกอร์ก็แพร่กระจายไปทั่วอเมริกานะคะ
-
แล้วก็ฮิตติดลมบนสุดๆเลยนะคะ
-
เป็นที่มาของการที่เราเรียกอาหารชนิดนี้
-
ที่เป็นเนื้อบดย่างๆปิ้งๆทอดๆตรงกลางเนี่ย
แล้วก็มีขนมปังประกบสองด้านว่า แฮมเบอร์เกอร์ นั่นเองค่ะ
-
แต่ คิดว่าคลิปนี้จบเท่านี้ใช่มั้ยคะ
-
บอกเลยว่าถ้าคลิปนี้จบเท่านี้นี่
เบสิกไปสำหรับช่อง Point of View นะคะ
-
เพราะว่าถ้าเราพูดถึงเมืองแฮมเบิร์ก
มันก็ยังมีคำว่าแฮมอยู่ดีอะ
-
เมืองนี้มันเกี่ยวอะไรกับแฮมเหรอ
มันเป็นเมืองที่แฮมดังหรือว่าอะไรนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ
-
ถ้าเราอยากรู้เนี่ยนะคะเราต้องมาแยก
ส่วนประกอบของคำว่า แฮม กับ บูร์ก ค่ะ
-
คำว่า บูร์ก หรือ เบิร์ก เนี่ยนะคะ
เป็นคำที่ชอบต่อท้ายชื่อเมืองในยุโรปใช่มั้ย
-
เราน่าจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองฮัมบูร์กเอง
หรือว่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
-
หรือว่าเมืองเอดินเบิร์กหรือว่าเอดินเบอระเนี่ยนะคะ
ก็คำเดียวกันหมดค่ะ
-
คือคำว่าเบิร์กเนี่ยแปลว่า ป้อมปราการหรือเนินเขานั่นเอง
-
ก็นึกสภาพปราสาทในสมัยยุโรปโบราณทำนองนั้นแหละ
-
เป็นที่ดินโล่งๆกว้างๆเนี่ยนะคะ
-
ถ้ามันมีเนินเขาขึ้นมาตึ๊งนึง
-
สมมติว่าเราเป็นเจ้าเมือง จะต้องไปตั้งเมืองซักที่นึง
-
เราก็คงเลือกตั้งบนเนินเขาอะใช่มั้ย
-
เพื่อที่ว่าตัวปราสาทของเราเนี่ยจะได้สูงขึ้นไป
ตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี
-
เวลามีใครมาบุกเราจะได้เห็นชัดๆ ประมาณนั้นค่ะ
-
เราน่าจะคุ้นกับภาพปราสาทที่อยู่บนเขาหรือ
อยู่บนเนินกันดีจากพวกแบบหนังต่างๆที่เราได้ดูล่ะนะ
-
ไม่ต้องอธิบายมากค่ะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องแฮมเนอะ
-
คือเมืองส่วนใหญ่เนี่ยนะคะที่ลงท้ายด้วยคำว่าเบิร์กเนี่ย
ก็แปลว่า เคยเป็นป้อมปราการเก่านั่นเองค่ะ
-
ก็ป้อมปราการอะนะ ปกติมีปราการก็ไว้
ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกภายนอกใช่มั้ยคะ
-
ก็จะต้องมีคนมาอยู่มาอาศัย
-
แล้วต่อมาเมื่อมีการค้าอะไรมากขึ้น
-
มันก็พัฒนาขยายตัว ขยายตัว ขยายตัว
จนกลายเป็นเมืองในที่สุดค่ะ
-
ดังนั้นพวกที่ลงท้ายด้วยเบิร์ก เบิร์ก เบิร์กทั้งหลาย
ก็เคยเป็นป้อมปราการเก่าทั้งนั้นแหละค่ะ
-
รวมถึงเมืองแฮมบูร์กนี่ด้วยนะคะ
-
ซึ่งเป็นป้อมปราการที่พระเจ้าชาร์เลอมาญ
สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 808 อะนะ
-
ก็ตั้งป้อมปราการนี้ขึ้นมา
เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าอื่นๆมารุกรานค่ะ
-
นี่ก็เป็นที่มาของเมืองแฮมบูร์กนะคะ
-
ทีนี้แล้วทำไมถึงเรียกป้อมปราการนี้ว่าแฮมล่ะ
-
คำว่าแฮมจากเมืองแฮมบูร์กเนี่ย
เกี่ยวอะไรกับแฮมที่เป็นขาหมูรึเปล่านะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวนิดๆค่ะ
-
คือถ้าเราย้อนกลับไปที่ประวัติของคำว่าแฮมเนี่ยนะคะ
-
ในสมัยโบร๊าณ โบราณ โบราณ
-
ไปจนกระทั่งถึงภาษาเยอรมันโบราณเนี่ยนะคะ
-
คำว่าแฮมเค้าไม่ได้หมายถึงขาหมูค่ะ
แต่เค้าหมายถึงขาคนต่างหาก
-
แปลกใจมั้ย ขาคนนะ ไม่ใช่ขาหมู
-
ถ้าใครแปลกใจนะคะ ให้ไปดูศัพท์ทางการแพทย์ค่ะ
คือศัพท์ในการแพทย์ปัจจุบันยังเก็บคำนี้ไว้อยู่นะคะ
-
คือคำว่า Hamstring นั่นเอง
-
คำว่า Hamstring นี่หมายถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังเข่านะคะ
-
ที่เป็นข้อพับ แล้วมันแบบประมาณแถวๆนี้นะคะ
-
แต่ว่าคำนี้เกิดไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ คนก็เลยเลิกใช้ไปค่ะ
-
เวลาผ่านไปไม่นานนะคะ พอเอามาเรียก
ใช้กับขาคนไม่ฮิตใช่มั้ย
-
ก็เลยเอาไปใช้เรียกกับขาสัตว์แทนนะคะ
-
ตอนแรกๆเนี่ยนะคะ
ขาสัตว์ทุกชนิดเรียกว่า แฮม ได้หมดเลยนะ
-
แต่ว่าเวลาผ่านไปนะคะก็ตามธรรมชาติของภาษาค่ะ
คือความหมายมันเปลี่ยนแปลงเสมอนะ
-
ความหมายของคำว่าแฮมก็เลยแคบลง แคบลง แคบลง
-
มาจนกระทั่งถึงขาของสัตว์ที่เราพูดถึงบ่อยที่สุดค่ะ
ก็คือขาหมูนั่นเอง
-
ดังนั้นหลังจากเวลาผ่านไปเราก็เลยเรียก
ขาหมูว่า แฮม นะคะ
-
แล้วทีนี้ถามว่าขาคนเกี่ยวอะไรกับเมืองแฮมเบิร์ก
ก็ต้องบอกว่ายังตอบไม่ได้ค่ะ
-
เราต้องมองคำว่าแฮมลึกเข้าไปอีกหนึ่งชั้นนะคะ
-
จากคำว่าแฮมที่เป็นขาคนเนี่ย
-
ต้องบอกว่าก่อนหน้านั้น
คำว่าแฮมมีความหมายที่เก่ากว่านั้นอีกนะคะ
-
น่ะ เจาะลึกมากเลยนะ ไม่รู้ว่าลึกเกินไปรึเปล่า
แต่ส่วนตัวเนี่ยตอนรู้ รู้สึกว่าแบบอู้ว เท่มากเลยนะคะ
-
คือคำว่าแฮมเนี่ยนะคะก่อนที่มันจะไปแปลว่า
ขาคนตรงส่วนข้อพับด้านหลังเข่าเนี่ย
-
มันแปลว่าการหักโค้งหรือว่าหักงอมาก่อนค่ะ
-
ดังนั้นพอบอกว่าตรงนี้คือส่วนที่หักโค้ง ตรงนี้คือส่วนที่งอ
มันก็คือหมายถึงเข่าคนนั่นเองนะคะ
-
ทีนี้เขาบอกว่าเมืองแฮมบูร์กเนี่ยมันอยู่ตรง
บริเวณที่แม่น้ำมันหักหรือมันโค้งประมาณนี้
-
ดังนั้นแฮมบูร์กเนี่ยน่าจะหมายถึง
ป้อมปราการที่อยู่บริเวณแม่น้ำหักโค้ง ประมาณนั้นค่ะ
-
แม้ว่าที่มาจะมาร่วมกับขาหมูแฮมนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว
-
คำว่าแฮมเบอร์เกอร์ก็เลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
แฮมที่เราชอบกินกันในปัจจุบันซักเท่าไหร่ค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ ได้คำตอบกันมั้ยคะว่า
ทำไมเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วสั่งแฮมเบอร์เกอร์เนี่ย
-
ถึงไม่ได้เมนูที่มีหมูแฮมอยู่ข้างในนะคะ
-
ถ้าใครชื่นชอบคลิปประมาณนี้ก็อย่าลืม
-
กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วกดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันนะคะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ เชื่อว่าหลายๆคนนะคะน่าจะมีคำถามโลกแตก
อะไรประมาณนี้อยู่ในหัวอีกมากมายนะคะ
-
ลองคอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ ถ้าสมมติว่ามีโอกาส
วิวจะไปหาคำตอบมาเล่าให้ทุกคนฟังอีกนะคะ
-
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ