ทำไมสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วไม่ได้กินแฮม สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ เมื่อไม่นานมานี้นะคะ วิวเพิ่งจะเห็นกระทู้กระทู้นึง จากเว็บไซต์ Pantip.com ค่ะ ก็คือกระทู้นี้เลยนะคะ มีคนคนนึงออกมาบ่นค่ะประมาณว่า เฮ้ย เนี่ย ฉันไปที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังร้านนึงนะ แล้วฉันก็ ไปสั่งเมนูที่ชื่อว่าแฮมเบอร์เกอร์ แต่ฉันน่ะไม่กินเนื้อวัวแล้วฉันก็แพ้เนื้อวัวด้วยนะ กินแล้วปวดหัวไม่สบายตัวอะไรต่างๆ ปรากฏว่าสั่งเมนูแฮมเบอร์เกอร์ เพราะมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเนื้อหมูแฮม สั่งลงไป อ้าว! นี่มันเนื้อวัวชัดๆ ร้านนี้มันหลอกลวงนะคะ ก็เลยมาตั้งกระทู้พันทิปเตือนภัยทุกคนค่ะ คือพอฟังคำถามเขาแล้วเนี่ยนะคะมันก็น่าสนใจ เพราะว่าเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วเราสั่งชีสเบอร์เกอร์ เราก็ได้เมนูที่มีชีส เวลาเราสั่งฟิชเบอร์เกอร์ เราก็ได้เมนูที่มีปลา เออ ทำไมเราสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วเราไม่ได้แฮมล่ะ ใช่มั้ยล่ะ จริงๆเราก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแฮมเบอร์เกอร์เนี่ยมันเป็นเนื้อวัว แต่ว่าแล้วทำไมมันถึงชื่อแฮมเบอร์เกอร์ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฮม ทำไมมันถึงไม่มีแฮมอยู่ข้างในนะคะ ซึ่งจะบอกว่าคำตอบของเรื่องนี้นะคะสามารถสืบย้อน ไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างยาวนานเลยค่ะ สืบย้อนไปถึงขั้นถึงเจงกีส ข่านเลยทีเดียวนะคะ ดังนั้นวันนี้วิวก็เลยรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ เป็นไง น่าสนใจกันมั้ยคะ ถ้าสนใจกันแล้ว อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Youtube, Twitter, Instagram นะคะ จะได้ไม่พลาดคลิปวิดิโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆจากช่อง Point of View ค่ะ บอกเลยว่าแต่ละช่องทางไม่เหมือนกันนะจ๊ะ สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ ทั้งสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ ใครที่ฟังเรื่องราวที่วิวเล่าต่อจากนี้แล้ว อยากหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างค่ะ สามารถไปค้นหาเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ สำหรับตอนนี้เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ถ้าเราจะพูดว่าทำไมในแฮมเบอร์เกอร์ ถึงไม่มีส่วนผสมของแฮมเนี่ยนะคะ เราต้องมองย้อนกลับไปที่ประวัติของอาหารชนิดนี้ค่ะ ย้อนไปไกลแสนไกลแสนไกล ไกลมากๆเลยนะคะ ไกลจนกระทั่งถึงยุคเจงกีส ข่านเลยทีเดียวค่ะ เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นกับชื่อเจงกีส ข่านกันดีใช่มั้ยคะ ผู้นำชาวมองโกลที่ขึ้นมาปกครองจีนช่วงยุคราชวงศ์หยวนน่ะนะ ซึ่งเจงกีส ข่านเนี่ยทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่า แผ่กระจายอำนาจไปกว้างไกลมากนะคะ ทั้งในยุคของเจงกีส ข่าน แล้วก็ในยุคต่อมาคือกุบไล ข่านนะคะ ทีนี้ถามว่าเจงกีส ข่านมันเกี่ยวอะไรกับแฮมเบอร์เกอร์ ก็ต้องบอกว่ามันเกี่ยวกับที่ว่ากองทัพของเจงกีส ข่าน เป็นกองทัพที่ค่อนข้างจะน่ากลัวมากๆค่ะ แล้วก็แผ่กระจายอำนาจไปทั่วเลยนะคะ จนกระทั่งแม้แต่ชาวยุโรปเนี่ยยังเกรงกลัว กองทัพของเจงกีส ข่านเลยค่ะ ทีนี้ถามว่ากองทัพจะน่ากลัวได้ขนาดนั้นเพราะว่าอะไร เพราะว่ากองทัพกองทัพนี้นะคะทำตัวไม่เหมือนมนุษย์เท่าไหร่ค่ะ คือเค้าเนี่ยพยายามทำยังไงก็ได้นะคะ ให้ทำสงครามได้ผลที่สุดค่ะ ดังนั้นเรื่องอาหารการกินอะไรต่างๆเนี่ย ไม่มีเวลาทำหรอก คือจะมานั่งปรุงอาหงปรุงอาหารอะไรแบบผู้ดงผู้ดีนะคะ ไม่มีเวลาค่ะ รบไปเสียเวลานะคะ ดังนั้นกองทัพของเจงกีส ข่านนะคะก็เลยคิด ทั้งวิธีถนอมอาหารต่างๆขึ้นมามากมาย เพื่อที่จะทำมีเสบียงอาหารตลอดเวลานะคะ หรือว่าคิดวิธีกินอะไรที่แบบรวดเร็วไม่ต้องปรุงเยอะนะคะ วิธีถนอมอาหารนะคะก็เช่น คิดวิธีการทำโยเกิร์ต การทำนมเปรี้ยวต่างๆ ส่วนวิธีกินเร็วๆเนี่ยที่หลายๆคนคุ้นกันดีก็คือชาบูใช่มั้ย ที่เอาเนื้อมาปาดๆๆๆให้บางที่สุด เพื่อจะได้จุ่มปุ๊บสุกปั๊บ ไม่ต้องมานั่งคลุกนานๆค่ะ นอกจากนี้ก็มีวิธีการกินที่น่ากลัวๆอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น เวลาขี่ๆม้าไปแล้วม้ามันแบบหมดสภาพแล้ว ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว แต่คนที่ขี่อยู่เนี่ยรู้สึกแบบต้องการดื่มน้ำนะคะ บางทีก็มีการปาดคอม้าดื่มเลือดม้าอะไรแบบนี้เหมือนกัน ก็เรียกได้ว่ามีวิธีการกินที่โหดร้ายพอสมควรนะคะ และหนึ่งในวิธีการกินที่ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด ก็คือการกินเนื้อดิบนั่นเองนะคะ สมัยนี้ก็มีหลักฐานเหมือนกันนะคะว่า เค้าเอาเนื้อม้าหรือเนื้อวัวเนี่ยมาสับๆๆๆนะคะ แล้วก็ไม่ต้องปรุงอะไรมาก ใส่แค่เครื่องปรงเครื่องปรุงแล้วก็ใส่ไว้ใต้อานม้าค่ะ ในขณะที่ขี่ไปกุบๆๆๆเนี่ยนะคะ ก็จะทำให้เนื้อนั้นนุ่มขึ้นกินง่ายขึ้นประมาณนั้นค่ะ นี่ก็เป็นวิธีการกินอาหารประเภทนึงของกองทัพเจงกีส ข่านนะคะ ซึ่งทำให้ชาวยุโรปเกรงกลัวกองทัพนี้มาก ถึงขั้นขนานนามกลุ่มคนกลุ่มนึงนะคะที่เป็น ส่วนนึงของกองทัพเจงกีส ข่านเนี่ยว่า Tartarus ที่แปลว่า Hell หรือแปลว่านรกนั่นเองนะคะ ประมาณว่ากองทัพจากนรกค่ะ แต่ถึงจะเป็นกองทัพจากนรกยังไงก็ตามนะคะ ไอเนื้อดิบๆนั่นน่ะมันก็แพร่กระจายเข้าไปในยุโรปค่ะ คือแพร่กระจายเข้าไปที่รัสเซียนั่นเองนะคะ รัสเซียรับวิธีการกินอาหารแบบนี้เข้าไปค่ะ เสร็จแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า เออ เรามาทำอาหารตามเค้ากันเถอะ ดังนั้นชาวรัสเซียนะคะก็เลยทำอาหารชนิดนึงขึ้นมาค่ะ เรียกว่า สเต็ก ทาร์ทาร์ คือสเต็กที่เกิดจากการเอาเนื้อวัวดิบๆเนี่ยนะคะ มาสับๆๆเป็นลูกเต๋า แล้วก็ไปคลุกกับไข่ดิบแล้วก็คลุกกับเครื่องปรุงอะไรต่างๆ แล้วก็เอามาปั้นเป็นแผ่นกลมๆเนี่ยนะคะ แล้วก็เรียกอาหารชนิดนั้นนะคะตามชื่อของกองทัพ ที่บอกว่า ทาร์ทารัส แปลว่านรกใช่มั้ย ก็เลยเรียกอาหารชนิดนี้ว่าสเต็ก ทาร์ทาร์นั่นเองค่ะ หลังจากชาวรัสเซียเนี่ยกินอาหารชนิดนี้มาเรื่อยๆนะคะ ไม่นานหรอกค่ะ อาหารชนิดนี้ก็แพร่กระจาย เข้าไปที่ประเทศอื่นนะคะ จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 18 ค่ะ อาหารชนิดนี้ก็เข้าไปที่เยอรมนีนะคะ แล้วก็ฮิตกันไปทั่วเมืองเลย แต่อาจจะแบบ วิธีการกินแบบเจงกีส ข่านอาจจะโหดไปนิดนึง คือให้กินเนื้อดิบๆเลยมันก็แบบ ไม่ค่อยถูกปากใครหลายๆคนนะคะ ดังนั้นพออาหารชนิดนี้แพร่กระจายเข้าไปในเยอรมนี ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงเล็กๆน้อยๆค่ะ เช่น ตอนแรกเนี่ยเอาเนื้ออะไรก็ไม่รู้แหละ แต่ว่าชาวเยอรมันก็ปกติก็กินสเต็กอยู่แล้วใช่มั้ย ตอนนั้นก็คิดว่า เออ มันก็มีเนื้อส่วนหลายๆส่วน ที่มันเป็นเนื้อที่แข็งๆ หรือคุณภาพไม่ดี เอามาย่างสเต็กก็เคี้ยวไม่ไหว ก็เออ อาหารประเภทนี้ตอบโจทย์นะ ก็เลยเอาเนื้อพวกนั้นเนี่ยนะคะมาสับๆๆๆแล้วก็บดค่ะ บดเสร็จก็ปรุงเครื่องปรุงอะไรต่างๆ ปรุงไปปรุงมา แล้วก็จะกินดิบๆก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็เลยบางที่ก็เอาไปย่าง บางที่ก็เอาไปทอด เอาไปอบ อะไรประมาณนี้นะคะ กลายเป็นอาหารอีกชนิดนึงที่ดังไปทั่วประเทศเลยค่ะ เพราะว่าไร เพราะว่ามันง่ายไง มันแบบอุ๊ย ทำง่าย ใครก็ทำได้ เห็นวิธีทำครั้งเดียวก็ทำตามกันได้แล้วนะคะ นี่ก็คือต้นตระกูลของแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง ทีนี้ถามว่าแล้วมันได้ชื่อแฮมเบอร์เกอร์มาจากไหน จากสเต็ก ทาร์ทาร์กลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์ได้ยังไงนะคะ ก็ต้องบอกว่าเริ่มตอนที่ชาวเยอรมัน เริ่มย้ายถิ่นฐานไปที่อเมริกาค่ะ ซึ่งตอนที่ย้ายถิ่นฐานไปแน่นอนว่าก็จะต้องเอาอาหาร ประเภทนี้ติดตัวไปด้วยนะคะ แล้วก็ไปฮิตที่อเมริกาค่ะ ทีนี้คนในอเมริกาก็คงอยากจะมีชื่อเรียก อาหารชนิดนี้แหละ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ก็เลยไปได้ชื่อมาจากเมืองๆนึงนะคะ นั่นก็คือเมืองฮัมบูร์กในเยอรมนีนั่นเองค่ะ คือเยอรมนีเนี่ยถ้าใครดูบอลจะรู้ว่ามันมีสโมสรฮัมบูร์กใช่มั้ย คือฮัมบูร์กเป็นชื่อเมืองในเยอรมนีค่ะ ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณเลยนะคะ ดังนั้นในสมัยก่อนถ้าจากเยอรมนีจะไปอเมริกาเนี่ย มันคงไม่ได้นั่งเครื่องบินอะไรไปหรอกค่ะ ก็จะต้องนั่งเรือไปใช่มั้ย เรือส่วนมากที่ออกจากเยอรมนีไปที่สหรัฐอเมริกาเนี่ย ก็มาจากท่าเรือเมืองฮัมบูร์กนี่แหละค่ะ ดังนั้นเมื่อไปที่อเมริกาเนี่ยนะคะ คนก็จะแบบ นี่อาหารอะไรเนี่ย นี่อาหารอะไร ก็คงมีคนพูดประมาณว่า อาหารจากเมืองฮัมบูร์กอะเธอ ดังนั้นนะคะ คนก็เลยกลายเป็นเรียกอาหารชนิดนี้ว่า ฮัมบูร์ก หรือว่า แฮมเบิร์ก ในที่สุดค่ะ ซึ่งหลังจากที่แฮมเบิร์กหรือว่าฮัมบูร์กเนี่ยนะคะ เข้าไปที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า ใครเป็นอัจฉริยะคนแรกนะคะที่คิดว่าแบบ เออ ฉันจะกินเนื้อเปล่าๆมันแบบว่าไม่ฟินเลย เอาขนมปังมาปะหัวปะท้ายดีกว่า จนกลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบปัจจุบันนะคะ เพราะว่าทุกคนก็พยายามจะเคลมตัวเองว่าแบบ ฉันเป็นคนคิดคนแรกจ้า ดูเมนูของร้านพ่อฉันสิ เห็นมั้ยขายมาตั้งแต่ปี 1899 อะ ดูของร้านพ่อฉันสิ พ่อฉันขายมาก่อนเธอห้าปีนะ ประมาณนั้นค่ะ ทุกคนก็พยายามจะเคลมว่า ฉันเป็นต้นแบบของแฮมเบอร์เกอร์นะคะ อย่างไรก็ดีค่ะ สิ่งที่เรารู้ก็คือในปี 1904 แฮมเบอร์เกอร์ก็แพร่กระจายไปทั่วอเมริกานะคะ แล้วก็ฮิตติดลมบนสุดๆเลยนะคะ เป็นที่มาของการที่เราเรียกอาหารชนิดนี้ ที่เป็นเนื้อบดย่างๆปิ้งๆทอดๆตรงกลางเนี่ย แล้วก็มีขนมปังประกบสองด้านว่า แฮมเบอร์เกอร์ นั่นเองค่ะ แต่ คิดว่าคลิปนี้จบเท่านี้ใช่มั้ยคะ บอกเลยว่าถ้าคลิปนี้จบเท่านี้นี่ เบสิกไปสำหรับช่อง Point of View นะคะ เพราะว่าถ้าเราพูดถึงเมืองแฮมเบิร์ก มันก็ยังมีคำว่าแฮมอยู่ดีอะ เมืองนี้มันเกี่ยวอะไรกับแฮมเหรอ มันเป็นเมืองที่แฮมดังหรือว่าอะไรนะคะ ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ ถ้าเราอยากรู้เนี่ยนะคะเราต้องมาแยก ส่วนประกอบของคำว่า แฮม กับ บูร์ก ค่ะ คำว่า บูร์ก หรือ เบิร์ก เนี่ยนะคะ เป็นคำที่ชอบต่อท้ายชื่อเมืองในยุโรปใช่มั้ย เราน่าจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองฮัมบูร์กเอง หรือว่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือว่าเมืองเอดินเบิร์กหรือว่าเอดินเบอระเนี่ยนะคะ ก็คำเดียวกันหมดค่ะ คือคำว่าเบิร์กเนี่ยแปลว่า ป้อมปราการหรือเนินเขานั่นเอง ก็นึกสภาพปราสาทในสมัยยุโรปโบราณทำนองนั้นแหละ เป็นที่ดินโล่งๆกว้างๆเนี่ยนะคะ ถ้ามันมีเนินเขาขึ้นมาตึ๊งนึง สมมติว่าเราเป็นเจ้าเมือง จะต้องไปตั้งเมืองซักที่นึง เราก็คงเลือกตั้งบนเนินเขาอะใช่มั้ย เพื่อที่ว่าตัวปราสาทของเราเนี่ยจะได้สูงขึ้นไป ตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี เวลามีใครมาบุกเราจะได้เห็นชัดๆ ประมาณนั้นค่ะ เราน่าจะคุ้นกับภาพปราสาทที่อยู่บนเขาหรือ อยู่บนเนินกันดีจากพวกแบบหนังต่างๆที่เราได้ดูล่ะนะ ไม่ต้องอธิบายมากค่ะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องแฮมเนอะ คือเมืองส่วนใหญ่เนี่ยนะคะที่ลงท้ายด้วยคำว่าเบิร์กเนี่ย ก็แปลว่า เคยเป็นป้อมปราการเก่านั่นเองค่ะ ก็ป้อมปราการอะนะ ปกติมีปราการก็ไว้ ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกภายนอกใช่มั้ยคะ ก็จะต้องมีคนมาอยู่มาอาศัย แล้วต่อมาเมื่อมีการค้าอะไรมากขึ้น มันก็พัฒนาขยายตัว ขยายตัว ขยายตัว จนกลายเป็นเมืองในที่สุดค่ะ ดังนั้นพวกที่ลงท้ายด้วยเบิร์ก เบิร์ก เบิร์กทั้งหลาย ก็เคยเป็นป้อมปราการเก่าทั้งนั้นแหละค่ะ รวมถึงเมืองแฮมบูร์กนี่ด้วยนะคะ ซึ่งเป็นป้อมปราการที่พระเจ้าชาร์เลอมาญ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 808 อะนะ ก็ตั้งป้อมปราการนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าอื่นๆมารุกรานค่ะ นี่ก็เป็นที่มาของเมืองแฮมบูร์กนะคะ ทีนี้แล้วทำไมถึงเรียกป้อมปราการนี้ว่าแฮมล่ะ คำว่าแฮมจากเมืองแฮมบูร์กเนี่ย เกี่ยวอะไรกับแฮมที่เป็นขาหมูรึเปล่านะคะ ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวนิดๆค่ะ คือถ้าเราย้อนกลับไปที่ประวัติของคำว่าแฮมเนี่ยนะคะ ในสมัยโบร๊าณ โบราณ โบราณ ไปจนกระทั่งถึงภาษาเยอรมันโบราณเนี่ยนะคะ คำว่าแฮมเค้าไม่ได้หมายถึงขาหมูค่ะ แต่เค้าหมายถึงขาคนต่างหาก แปลกใจมั้ย ขาคนนะ ไม่ใช่ขาหมู ถ้าใครแปลกใจนะคะ ให้ไปดูศัพท์ทางการแพทย์ค่ะ คือศัพท์ในการแพทย์ปัจจุบันยังเก็บคำนี้ไว้อยู่นะคะ คือคำว่า Hamstring นั่นเอง คำว่า Hamstring นี่หมายถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังเข่านะคะ ที่เป็นข้อพับ แล้วมันแบบประมาณแถวๆนี้นะคะ แต่ว่าคำนี้เกิดไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ คนก็เลยเลิกใช้ไปค่ะ เวลาผ่านไปไม่นานนะคะ พอเอามาเรียก ใช้กับขาคนไม่ฮิตใช่มั้ย ก็เลยเอาไปใช้เรียกกับขาสัตว์แทนนะคะ ตอนแรกๆเนี่ยนะคะ ขาสัตว์ทุกชนิดเรียกว่า แฮม ได้หมดเลยนะ แต่ว่าเวลาผ่านไปนะคะก็ตามธรรมชาติของภาษาค่ะ คือความหมายมันเปลี่ยนแปลงเสมอนะ ความหมายของคำว่าแฮมก็เลยแคบลง แคบลง แคบลง มาจนกระทั่งถึงขาของสัตว์ที่เราพูดถึงบ่อยที่สุดค่ะ ก็คือขาหมูนั่นเอง ดังนั้นหลังจากเวลาผ่านไปเราก็เลยเรียก ขาหมูว่า แฮม นะคะ แล้วทีนี้ถามว่าขาคนเกี่ยวอะไรกับเมืองแฮมเบิร์ก ก็ต้องบอกว่ายังตอบไม่ได้ค่ะ เราต้องมองคำว่าแฮมลึกเข้าไปอีกหนึ่งชั้นนะคะ จากคำว่าแฮมที่เป็นขาคนเนี่ย ต้องบอกว่าก่อนหน้านั้น คำว่าแฮมมีความหมายที่เก่ากว่านั้นอีกนะคะ น่ะ เจาะลึกมากเลยนะ ไม่รู้ว่าลึกเกินไปรึเปล่า แต่ส่วนตัวเนี่ยตอนรู้ รู้สึกว่าแบบอู้ว เท่มากเลยนะคะ คือคำว่าแฮมเนี่ยนะคะก่อนที่มันจะไปแปลว่า ขาคนตรงส่วนข้อพับด้านหลังเข่าเนี่ย มันแปลว่าการหักโค้งหรือว่าหักงอมาก่อนค่ะ ดังนั้นพอบอกว่าตรงนี้คือส่วนที่หักโค้ง ตรงนี้คือส่วนที่งอ มันก็คือหมายถึงเข่าคนนั่นเองนะคะ ทีนี้เขาบอกว่าเมืองแฮมบูร์กเนี่ยมันอยู่ตรง บริเวณที่แม่น้ำมันหักหรือมันโค้งประมาณนี้ ดังนั้นแฮมบูร์กเนี่ยน่าจะหมายถึง ป้อมปราการที่อยู่บริเวณแม่น้ำหักโค้ง ประมาณนั้นค่ะ แม้ว่าที่มาจะมาร่วมกับขาหมูแฮมนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว คำว่าแฮมเบอร์เกอร์ก็เลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ แฮมที่เราชอบกินกันในปัจจุบันซักเท่าไหร่ค่ะ เป็นไงบ้างคะ ได้คำตอบกันมั้ยคะว่า ทำไมเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วสั่งแฮมเบอร์เกอร์เนี่ย ถึงไม่ได้เมนูที่มีหมูแฮมอยู่ข้างในนะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปประมาณนี้ก็อย่าลืม กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วกดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันนะคะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างคะ เชื่อว่าหลายๆคนนะคะน่าจะมีคำถามโลกแตก อะไรประมาณนี้อยู่ในหัวอีกมากมายนะคะ ลองคอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ ถ้าสมมติว่ามีโอกาส วิวจะไปหาคำตอบมาเล่าให้ทุกคนฟังอีกนะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ