WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:02.160 ทำไมสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วไม่ได้กินแฮม 00:00:02.160 --> 00:00:04.080 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:04.080 --> 00:00:08.060 เมื่อไม่นานมานี้นะคะ วิวเพิ่งจะเห็นกระทู้กระทู้นึง จากเว็บไซต์ Pantip.com ค่ะ 00:00:08.060 --> 00:00:11.280 ก็คือกระทู้นี้เลยนะคะ มีคนคนนึงออกมาบ่นค่ะประมาณว่า 00:00:11.280 --> 00:00:14.640 เฮ้ย เนี่ย ฉันไปที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังร้านนึงนะ แล้วฉันก็ 00:00:14.640 --> 00:00:16.260 ไปสั่งเมนูที่ชื่อว่าแฮมเบอร์เกอร์ 00:00:16.260 --> 00:00:18.900 แต่ฉันน่ะไม่กินเนื้อวัวแล้วฉันก็แพ้เนื้อวัวด้วยนะ 00:00:18.900 --> 00:00:20.820 กินแล้วปวดหัวไม่สบายตัวอะไรต่างๆ 00:00:20.820 --> 00:00:24.420 ปรากฏว่าสั่งเมนูแฮมเบอร์เกอร์ เพราะมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเนื้อหมูแฮม 00:00:24.420 --> 00:00:27.820 สั่งลงไป อ้าว! นี่มันเนื้อวัวชัดๆ ร้านนี้มันหลอกลวงนะคะ 00:00:27.820 --> 00:00:30.300 ก็เลยมาตั้งกระทู้พันทิปเตือนภัยทุกคนค่ะ 00:00:30.300 --> 00:00:32.460 คือพอฟังคำถามเขาแล้วเนี่ยนะคะมันก็น่าสนใจ 00:00:32.460 --> 00:00:34.800 เพราะว่าเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วเราสั่งชีสเบอร์เกอร์ 00:00:34.800 --> 00:00:36.240 เราก็ได้เมนูที่มีชีส 00:00:36.240 --> 00:00:38.900 เวลาเราสั่งฟิชเบอร์เกอร์ เราก็ได้เมนูที่มีปลา 00:00:38.900 --> 00:00:41.580 เออ ทำไมเราสั่งแฮมเบอร์เกอร์แล้วเราไม่ได้แฮมล่ะ ใช่มั้ยล่ะ 00:00:41.580 --> 00:00:44.780 จริงๆเราก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแฮมเบอร์เกอร์เนี่ยมันเป็นเนื้อวัว 00:00:44.780 --> 00:00:46.560 แต่ว่าแล้วทำไมมันถึงชื่อแฮมเบอร์เกอร์ 00:00:46.560 --> 00:00:49.340 แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฮม ทำไมมันถึงไม่มีแฮมอยู่ข้างในนะคะ 00:00:49.340 --> 00:00:54.340 ซึ่งจะบอกว่าคำตอบของเรื่องนี้นะคะสามารถสืบย้อน ไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างยาวนานเลยค่ะ 00:00:54.340 --> 00:00:57.360 สืบย้อนไปถึงขั้นถึงเจงกีส ข่านเลยทีเดียวนะคะ 00:00:57.360 --> 00:01:00.620 ดังนั้นวันนี้วิวก็เลยรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ 00:01:00.620 --> 00:01:01.940 เป็นไง น่าสนใจกันมั้ยคะ 00:01:01.940 --> 00:01:04.820 ถ้าสนใจกันแล้ว อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ 00:01:04.820 --> 00:01:07.660 ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Youtube, Twitter, Instagram นะคะ 00:01:07.660 --> 00:01:11.160 จะได้ไม่พลาดคลิปวิดิโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆจากช่อง Point of View ค่ะ 00:01:11.160 --> 00:01:13.240 บอกเลยว่าแต่ละช่องทางไม่เหมือนกันนะจ๊ะ 00:01:13.240 --> 00:01:17.300 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ ทั้งสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ 00:01:17.300 --> 00:01:19.260 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 00:01:23.160 --> 00:01:25.080 ใครที่ฟังเรื่องราวที่วิวเล่าต่อจากนี้แล้ว 00:01:25.080 --> 00:01:28.120 อยากหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างค่ะ 00:01:28.120 --> 00:01:30.020 สามารถไปค้นหาเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ 00:01:30.020 --> 00:01:31.960 สำหรับตอนนี้เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 00:01:31.960 --> 00:01:35.520 ถ้าเราจะพูดว่าทำไมในแฮมเบอร์เกอร์ ถึงไม่มีส่วนผสมของแฮมเนี่ยนะคะ 00:01:35.520 --> 00:01:39.240 เราต้องมองย้อนกลับไปที่ประวัติของอาหารชนิดนี้ค่ะ 00:01:39.240 --> 00:01:42.200 ย้อนไปไกลแสนไกลแสนไกล ไกลมากๆเลยนะคะ 00:01:42.200 --> 00:01:44.640 ไกลจนกระทั่งถึงยุคเจงกีส ข่านเลยทีเดียวค่ะ 00:01:44.640 --> 00:01:47.240 เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นกับชื่อเจงกีส ข่านกันดีใช่มั้ยคะ 00:01:47.240 --> 00:01:50.780 ผู้นำชาวมองโกลที่ขึ้นมาปกครองจีนช่วงยุคราชวงศ์หยวนน่ะนะ 00:01:50.780 --> 00:01:55.060 ซึ่งเจงกีส ข่านเนี่ยทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่า แผ่กระจายอำนาจไปกว้างไกลมากนะคะ 00:01:55.060 --> 00:01:58.380 ทั้งในยุคของเจงกีส ข่าน แล้วก็ในยุคต่อมาคือกุบไล ข่านนะคะ 00:01:58.380 --> 00:02:01.240 ทีนี้ถามว่าเจงกีส ข่านมันเกี่ยวอะไรกับแฮมเบอร์เกอร์ 00:02:01.240 --> 00:02:04.068 ก็ต้องบอกว่ามันเกี่ยวกับที่ว่ากองทัพของเจงกีส ข่าน 00:02:04.068 --> 00:02:06.160 เป็นกองทัพที่ค่อนข้างจะน่ากลัวมากๆค่ะ 00:02:06.160 --> 00:02:07.920 แล้วก็แผ่กระจายอำนาจไปทั่วเลยนะคะ 00:02:07.920 --> 00:02:12.040 จนกระทั่งแม้แต่ชาวยุโรปเนี่ยยังเกรงกลัว กองทัพของเจงกีส ข่านเลยค่ะ 00:02:12.040 --> 00:02:15.340 ทีนี้ถามว่ากองทัพจะน่ากลัวได้ขนาดนั้นเพราะว่าอะไร 00:02:15.340 --> 00:02:18.540 เพราะว่ากองทัพกองทัพนี้นะคะทำตัวไม่เหมือนมนุษย์เท่าไหร่ค่ะ 00:02:18.540 --> 00:02:22.520 คือเค้าเนี่ยพยายามทำยังไงก็ได้นะคะ ให้ทำสงครามได้ผลที่สุดค่ะ 00:02:22.520 --> 00:02:25.820 ดังนั้นเรื่องอาหารการกินอะไรต่างๆเนี่ย ไม่มีเวลาทำหรอก 00:02:25.820 --> 00:02:28.700 คือจะมานั่งปรุงอาหงปรุงอาหารอะไรแบบผู้ดงผู้ดีนะคะ 00:02:28.700 --> 00:02:30.740 ไม่มีเวลาค่ะ รบไปเสียเวลานะคะ 00:02:30.740 --> 00:02:35.160 ดังนั้นกองทัพของเจงกีส ข่านนะคะก็เลยคิด ทั้งวิธีถนอมอาหารต่างๆขึ้นมามากมาย 00:02:35.160 --> 00:02:37.880 เพื่อที่จะทำมีเสบียงอาหารตลอดเวลานะคะ 00:02:37.880 --> 00:02:41.020 หรือว่าคิดวิธีกินอะไรที่แบบรวดเร็วไม่ต้องปรุงเยอะนะคะ 00:02:41.020 --> 00:02:42.360 วิธีถนอมอาหารนะคะก็เช่น 00:02:42.360 --> 00:02:45.180 คิดวิธีการทำโยเกิร์ต การทำนมเปรี้ยวต่างๆ 00:02:45.180 --> 00:02:48.700 ส่วนวิธีกินเร็วๆเนี่ยที่หลายๆคนคุ้นกันดีก็คือชาบูใช่มั้ย 00:02:48.700 --> 00:02:50.820 ที่เอาเนื้อมาปาดๆๆๆให้บางที่สุด 00:02:50.820 --> 00:02:53.840 เพื่อจะได้จุ่มปุ๊บสุกปั๊บ ไม่ต้องมานั่งคลุกนานๆค่ะ 00:02:53.840 --> 00:02:57.020 นอกจากนี้ก็มีวิธีการกินที่น่ากลัวๆอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น 00:02:57.020 --> 00:03:01.340 เวลาขี่ๆม้าไปแล้วม้ามันแบบหมดสภาพแล้ว ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่แล้ว 00:03:01.340 --> 00:03:04.200 แต่คนที่ขี่อยู่เนี่ยรู้สึกแบบต้องการดื่มน้ำนะคะ 00:03:04.200 --> 00:03:07.440 บางทีก็มีการปาดคอม้าดื่มเลือดม้าอะไรแบบนี้เหมือนกัน 00:03:07.440 --> 00:03:10.420 ก็เรียกได้ว่ามีวิธีการกินที่โหดร้ายพอสมควรนะคะ 00:03:10.420 --> 00:03:14.400 และหนึ่งในวิธีการกินที่ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด ก็คือการกินเนื้อดิบนั่นเองนะคะ 00:03:14.400 --> 00:03:18.420 สมัยนี้ก็มีหลักฐานเหมือนกันนะคะว่า เค้าเอาเนื้อม้าหรือเนื้อวัวเนี่ยมาสับๆๆๆนะคะ 00:03:18.420 --> 00:03:22.480 แล้วก็ไม่ต้องปรุงอะไรมาก ใส่แค่เครื่องปรงเครื่องปรุงแล้วก็ใส่ไว้ใต้อานม้าค่ะ 00:03:22.480 --> 00:03:24.460 ในขณะที่ขี่ไปกุบๆๆๆเนี่ยนะคะ 00:03:24.460 --> 00:03:27.600 ก็จะทำให้เนื้อนั้นนุ่มขึ้นกินง่ายขึ้นประมาณนั้นค่ะ 00:03:27.600 --> 00:03:31.100 นี่ก็เป็นวิธีการกินอาหารประเภทนึงของกองทัพเจงกีส ข่านนะคะ 00:03:31.100 --> 00:03:33.880 ซึ่งทำให้ชาวยุโรปเกรงกลัวกองทัพนี้มาก 00:03:33.880 --> 00:03:38.340 ถึงขั้นขนานนามกลุ่มคนกลุ่มนึงนะคะที่เป็น ส่วนนึงของกองทัพเจงกีส ข่านเนี่ยว่า 00:03:38.340 --> 00:03:42.780 Tartarus ที่แปลว่า Hell หรือแปลว่านรกนั่นเองนะคะ ประมาณว่ากองทัพจากนรกค่ะ 00:03:42.780 --> 00:03:44.960 แต่ถึงจะเป็นกองทัพจากนรกยังไงก็ตามนะคะ 00:03:44.960 --> 00:03:48.460 ไอเนื้อดิบๆนั่นน่ะมันก็แพร่กระจายเข้าไปในยุโรปค่ะ 00:03:48.460 --> 00:03:50.660 คือแพร่กระจายเข้าไปที่รัสเซียนั่นเองนะคะ 00:03:50.660 --> 00:03:54.460 รัสเซียรับวิธีการกินอาหารแบบนี้เข้าไปค่ะ เสร็จแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า 00:03:54.460 --> 00:03:56.400 เออ เรามาทำอาหารตามเค้ากันเถอะ 00:03:56.400 --> 00:04:00.560 ดังนั้นชาวรัสเซียนะคะก็เลยทำอาหารชนิดนึงขึ้นมาค่ะ เรียกว่า สเต็ก ทาร์ทาร์ 00:04:00.560 --> 00:04:03.900 คือสเต็กที่เกิดจากการเอาเนื้อวัวดิบๆเนี่ยนะคะ มาสับๆๆเป็นลูกเต๋า 00:04:03.900 --> 00:04:06.760 แล้วก็ไปคลุกกับไข่ดิบแล้วก็คลุกกับเครื่องปรุงอะไรต่างๆ 00:04:06.760 --> 00:04:08.720 แล้วก็เอามาปั้นเป็นแผ่นกลมๆเนี่ยนะคะ 00:04:08.720 --> 00:04:13.620 แล้วก็เรียกอาหารชนิดนั้นนะคะตามชื่อของกองทัพ ที่บอกว่า ทาร์ทารัส แปลว่านรกใช่มั้ย 00:04:13.620 --> 00:04:16.360 ก็เลยเรียกอาหารชนิดนี้ว่าสเต็ก ทาร์ทาร์นั่นเองค่ะ 00:04:16.360 --> 00:04:19.000 หลังจากชาวรัสเซียเนี่ยกินอาหารชนิดนี้มาเรื่อยๆนะคะ 00:04:19.000 --> 00:04:22.540 ไม่นานหรอกค่ะ อาหารชนิดนี้ก็แพร่กระจาย เข้าไปที่ประเทศอื่นนะคะ 00:04:22.540 --> 00:04:26.680 จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 18 ค่ะ อาหารชนิดนี้ก็เข้าไปที่เยอรมนีนะคะ 00:04:26.680 --> 00:04:31.480 แล้วก็ฮิตกันไปทั่วเมืองเลย แต่อาจจะแบบ วิธีการกินแบบเจงกีส ข่านอาจจะโหดไปนิดนึง 00:04:31.480 --> 00:04:34.820 คือให้กินเนื้อดิบๆเลยมันก็แบบ ไม่ค่อยถูกปากใครหลายๆคนนะคะ 00:04:34.820 --> 00:04:40.220 ดังนั้นพออาหารชนิดนี้แพร่กระจายเข้าไปในเยอรมนี ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงเล็กๆน้อยๆค่ะ 00:04:40.220 --> 00:04:42.340 เช่น ตอนแรกเนี่ยเอาเนื้ออะไรก็ไม่รู้แหละ 00:04:42.340 --> 00:04:44.900 แต่ว่าชาวเยอรมันก็ปกติก็กินสเต็กอยู่แล้วใช่มั้ย 00:04:44.900 --> 00:04:48.060 ตอนนั้นก็คิดว่า เออ มันก็มีเนื้อส่วนหลายๆส่วน ที่มันเป็นเนื้อที่แข็งๆ 00:04:48.060 --> 00:04:50.620 หรือคุณภาพไม่ดี เอามาย่างสเต็กก็เคี้ยวไม่ไหว 00:04:50.620 --> 00:04:52.600 ก็เออ อาหารประเภทนี้ตอบโจทย์นะ 00:04:52.600 --> 00:04:58.800 ก็เลยเอาเนื้อพวกนั้นเนี่ยนะคะมาสับๆๆๆแล้วก็บดค่ะ บดเสร็จก็ปรุงเครื่องปรุงอะไรต่างๆ ปรุงไปปรุงมา 00:04:58.800 --> 00:05:04.920 แล้วก็จะกินดิบๆก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็เลยบางที่ก็เอาไปย่าง บางที่ก็เอาไปทอด เอาไปอบ อะไรประมาณนี้นะคะ 00:05:04.920 --> 00:05:07.580 กลายเป็นอาหารอีกชนิดนึงที่ดังไปทั่วประเทศเลยค่ะ 00:05:07.580 --> 00:05:10.860 เพราะว่าไร เพราะว่ามันง่ายไง มันแบบอุ๊ย ทำง่าย ใครก็ทำได้ 00:05:10.860 --> 00:05:13.180 เห็นวิธีทำครั้งเดียวก็ทำตามกันได้แล้วนะคะ 00:05:13.180 --> 00:05:15.860 นี่ก็คือต้นตระกูลของแฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง 00:05:15.860 --> 00:05:18.280 ทีนี้ถามว่าแล้วมันได้ชื่อแฮมเบอร์เกอร์มาจากไหน 00:05:18.280 --> 00:05:20.980 จากสเต็ก ทาร์ทาร์กลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์ได้ยังไงนะคะ 00:05:20.980 --> 00:05:25.300 ก็ต้องบอกว่าเริ่มตอนที่ชาวเยอรมัน เริ่มย้ายถิ่นฐานไปที่อเมริกาค่ะ 00:05:25.300 --> 00:05:31.400 ซึ่งตอนที่ย้ายถิ่นฐานไปแน่นอนว่าก็จะต้องเอาอาหาร ประเภทนี้ติดตัวไปด้วยนะคะ แล้วก็ไปฮิตที่อเมริกาค่ะ 00:05:31.400 --> 00:05:36.080 ทีนี้คนในอเมริกาก็คงอยากจะมีชื่อเรียก อาหารชนิดนี้แหละ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี 00:05:36.080 --> 00:05:38.480 ก็เลยไปได้ชื่อมาจากเมืองๆนึงนะคะ 00:05:38.480 --> 00:05:41.080 นั่นก็คือเมืองฮัมบูร์กในเยอรมนีนั่นเองค่ะ 00:05:41.080 --> 00:05:44.840 คือเยอรมนีเนี่ยถ้าใครดูบอลจะรู้ว่ามันมีสโมสรฮัมบูร์กใช่มั้ย 00:05:44.840 --> 00:05:46.760 คือฮัมบูร์กเป็นชื่อเมืองในเยอรมนีค่ะ 00:05:46.760 --> 00:05:49.680 ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณเลยนะคะ 00:05:49.680 --> 00:05:54.540 ดังนั้นในสมัยก่อนถ้าจากเยอรมนีจะไปอเมริกาเนี่ย มันคงไม่ได้นั่งเครื่องบินอะไรไปหรอกค่ะ 00:05:54.540 --> 00:05:55.940 ก็จะต้องนั่งเรือไปใช่มั้ย 00:05:55.940 --> 00:05:59.160 เรือส่วนมากที่ออกจากเยอรมนีไปที่สหรัฐอเมริกาเนี่ย 00:05:59.160 --> 00:06:01.300 ก็มาจากท่าเรือเมืองฮัมบูร์กนี่แหละค่ะ 00:06:01.300 --> 00:06:05.420 ดังนั้นเมื่อไปที่อเมริกาเนี่ยนะคะ คนก็จะแบบ นี่อาหารอะไรเนี่ย นี่อาหารอะไร 00:06:05.420 --> 00:06:09.040 ก็คงมีคนพูดประมาณว่า อาหารจากเมืองฮัมบูร์กอะเธอ 00:06:09.040 --> 00:06:13.880 ดังนั้นนะคะ คนก็เลยกลายเป็นเรียกอาหารชนิดนี้ว่า ฮัมบูร์ก หรือว่า แฮมเบิร์ก ในที่สุดค่ะ 00:06:13.880 --> 00:06:17.340 ซึ่งหลังจากที่แฮมเบิร์กหรือว่าฮัมบูร์กเนี่ยนะคะ เข้าไปที่สหรัฐอเมริกาแล้ว 00:06:17.340 --> 00:06:19.380 ปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า 00:06:19.380 --> 00:06:23.880 ใครเป็นอัจฉริยะคนแรกนะคะที่คิดว่าแบบ เออ ฉันจะกินเนื้อเปล่าๆมันแบบว่าไม่ฟินเลย 00:06:23.880 --> 00:06:27.800 เอาขนมปังมาปะหัวปะท้ายดีกว่า จนกลายมาเป็นแฮมเบอร์เกอร์แบบปัจจุบันนะคะ 00:06:27.800 --> 00:06:32.720 เพราะว่าทุกคนก็พยายามจะเคลมตัวเองว่าแบบ ฉันเป็นคนคิดคนแรกจ้า ดูเมนูของร้านพ่อฉันสิ 00:06:32.720 --> 00:06:34.960 เห็นมั้ยขายมาตั้งแต่ปี 1899 00:06:34.960 --> 00:06:38.760 อะ ดูของร้านพ่อฉันสิ พ่อฉันขายมาก่อนเธอห้าปีนะ ประมาณนั้นค่ะ 00:06:38.760 --> 00:06:43.100 ทุกคนก็พยายามจะเคลมว่า ฉันเป็นต้นแบบของแฮมเบอร์เกอร์นะคะ 00:06:43.100 --> 00:06:48.640 อย่างไรก็ดีค่ะ สิ่งที่เรารู้ก็คือในปี 1904 แฮมเบอร์เกอร์ก็แพร่กระจายไปทั่วอเมริกานะคะ 00:06:48.640 --> 00:06:50.480 แล้วก็ฮิตติดลมบนสุดๆเลยนะคะ 00:06:50.480 --> 00:06:53.260 เป็นที่มาของการที่เราเรียกอาหารชนิดนี้ 00:06:53.260 --> 00:06:59.140 ที่เป็นเนื้อบดย่างๆปิ้งๆทอดๆตรงกลางเนี่ย แล้วก็มีขนมปังประกบสองด้านว่า แฮมเบอร์เกอร์ นั่นเองค่ะ 00:06:59.140 --> 00:07:01.460 แต่ คิดว่าคลิปนี้จบเท่านี้ใช่มั้ยคะ 00:07:01.460 --> 00:07:04.940 บอกเลยว่าถ้าคลิปนี้จบเท่านี้นี่ เบสิกไปสำหรับช่อง Point of View นะคะ 00:07:04.940 --> 00:07:08.360 เพราะว่าถ้าเราพูดถึงเมืองแฮมเบิร์ก มันก็ยังมีคำว่าแฮมอยู่ดีอะ 00:07:08.360 --> 00:07:11.380 เมืองนี้มันเกี่ยวอะไรกับแฮมเหรอ มันเป็นเมืองที่แฮมดังหรือว่าอะไรนะคะ 00:07:11.380 --> 00:07:12.820 ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ 00:07:12.820 --> 00:07:16.760 ถ้าเราอยากรู้เนี่ยนะคะเราต้องมาแยก ส่วนประกอบของคำว่า แฮม กับ บูร์ก ค่ะ 00:07:16.760 --> 00:07:20.740 คำว่า บูร์ก หรือ เบิร์ก เนี่ยนะคะ เป็นคำที่ชอบต่อท้ายชื่อเมืองในยุโรปใช่มั้ย 00:07:20.740 --> 00:07:25.260 เราน่าจะคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองฮัมบูร์กเอง หรือว่าเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 00:07:25.260 --> 00:07:28.760 หรือว่าเมืองเอดินเบิร์กหรือว่าเอดินเบอระเนี่ยนะคะ ก็คำเดียวกันหมดค่ะ 00:07:28.760 --> 00:07:31.900 คือคำว่าเบิร์กเนี่ยแปลว่า ป้อมปราการหรือเนินเขานั่นเอง 00:07:31.900 --> 00:07:35.180 ก็นึกสภาพปราสาทในสมัยยุโรปโบราณทำนองนั้นแหละ 00:07:35.180 --> 00:07:37.040 เป็นที่ดินโล่งๆกว้างๆเนี่ยนะคะ 00:07:37.040 --> 00:07:38.820 ถ้ามันมีเนินเขาขึ้นมาตึ๊งนึง 00:07:38.820 --> 00:07:41.080 สมมติว่าเราเป็นเจ้าเมือง จะต้องไปตั้งเมืองซักที่นึง 00:07:41.080 --> 00:07:43.040 เราก็คงเลือกตั้งบนเนินเขาอะใช่มั้ย 00:07:43.040 --> 00:07:47.540 เพื่อที่ว่าตัวปราสาทของเราเนี่ยจะได้สูงขึ้นไป ตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี 00:07:47.540 --> 00:07:50.460 เวลามีใครมาบุกเราจะได้เห็นชัดๆ ประมาณนั้นค่ะ 00:07:50.460 --> 00:07:55.560 เราน่าจะคุ้นกับภาพปราสาทที่อยู่บนเขาหรือ อยู่บนเนินกันดีจากพวกแบบหนังต่างๆที่เราได้ดูล่ะนะ 00:07:55.560 --> 00:07:58.080 ไม่ต้องอธิบายมากค่ะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องแฮมเนอะ 00:07:58.080 --> 00:08:03.160 คือเมืองส่วนใหญ่เนี่ยนะคะที่ลงท้ายด้วยคำว่าเบิร์กเนี่ย ก็แปลว่า เคยเป็นป้อมปราการเก่านั่นเองค่ะ 00:08:03.160 --> 00:08:08.320 ก็ป้อมปราการอะนะ ปกติมีปราการก็ไว้ ป้องกันการรุกรานจากข้าศึกภายนอกใช่มั้ยคะ 00:08:08.320 --> 00:08:09.960 ก็จะต้องมีคนมาอยู่มาอาศัย 00:08:09.960 --> 00:08:11.960 แล้วต่อมาเมื่อมีการค้าอะไรมากขึ้น 00:08:11.960 --> 00:08:15.580 มันก็พัฒนาขยายตัว ขยายตัว ขยายตัว จนกลายเป็นเมืองในที่สุดค่ะ 00:08:15.580 --> 00:08:19.940 ดังนั้นพวกที่ลงท้ายด้วยเบิร์ก เบิร์ก เบิร์กทั้งหลาย ก็เคยเป็นป้อมปราการเก่าทั้งนั้นแหละค่ะ 00:08:19.940 --> 00:08:21.840 รวมถึงเมืองแฮมบูร์กนี่ด้วยนะคะ 00:08:21.840 --> 00:08:26.720 ซึ่งเป็นป้อมปราการที่พระเจ้าชาร์เลอมาญ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 808 อะนะ 00:08:26.720 --> 00:08:30.420 ก็ตั้งป้อมปราการนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าอื่นๆมารุกรานค่ะ 00:08:30.420 --> 00:08:32.660 นี่ก็เป็นที่มาของเมืองแฮมบูร์กนะคะ 00:08:32.660 --> 00:08:35.600 ทีนี้แล้วทำไมถึงเรียกป้อมปราการนี้ว่าแฮมล่ะ 00:08:35.600 --> 00:08:39.480 คำว่าแฮมจากเมืองแฮมบูร์กเนี่ย เกี่ยวอะไรกับแฮมที่เป็นขาหมูรึเปล่านะคะ 00:08:39.480 --> 00:08:41.360 ก็ต้องบอกว่าเกี่ยวนิดๆค่ะ 00:08:41.360 --> 00:08:44.140 คือถ้าเราย้อนกลับไปที่ประวัติของคำว่าแฮมเนี่ยนะคะ 00:08:44.140 --> 00:08:46.080 ในสมัยโบร๊าณ โบราณ โบราณ 00:08:46.080 --> 00:08:48.380 ไปจนกระทั่งถึงภาษาเยอรมันโบราณเนี่ยนะคะ 00:08:48.380 --> 00:08:52.380 คำว่าแฮมเค้าไม่ได้หมายถึงขาหมูค่ะ แต่เค้าหมายถึงขาคนต่างหาก 00:08:52.380 --> 00:08:54.560 แปลกใจมั้ย ขาคนนะ ไม่ใช่ขาหมู 00:08:54.560 --> 00:08:59.920 ถ้าใครแปลกใจนะคะ ให้ไปดูศัพท์ทางการแพทย์ค่ะ คือศัพท์ในการแพทย์ปัจจุบันยังเก็บคำนี้ไว้อยู่นะคะ 00:08:59.920 --> 00:09:01.640 คือคำว่า Hamstring นั่นเอง 00:09:01.640 --> 00:09:04.660 คำว่า Hamstring นี่หมายถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหลังเข่านะคะ 00:09:04.660 --> 00:09:06.900 ที่เป็นข้อพับ แล้วมันแบบประมาณแถวๆนี้นะคะ 00:09:06.900 --> 00:09:10.240 แต่ว่าคำนี้เกิดไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ คนก็เลยเลิกใช้ไปค่ะ 00:09:10.240 --> 00:09:13.720 เวลาผ่านไปไม่นานนะคะ พอเอามาเรียก ใช้กับขาคนไม่ฮิตใช่มั้ย 00:09:13.720 --> 00:09:15.660 ก็เลยเอาไปใช้เรียกกับขาสัตว์แทนนะคะ 00:09:15.660 --> 00:09:18.840 ตอนแรกๆเนี่ยนะคะ ขาสัตว์ทุกชนิดเรียกว่า แฮม ได้หมดเลยนะ 00:09:18.840 --> 00:09:23.360 แต่ว่าเวลาผ่านไปนะคะก็ตามธรรมชาติของภาษาค่ะ คือความหมายมันเปลี่ยนแปลงเสมอนะ 00:09:23.360 --> 00:09:25.820 ความหมายของคำว่าแฮมก็เลยแคบลง แคบลง แคบลง 00:09:25.820 --> 00:09:29.900 มาจนกระทั่งถึงขาของสัตว์ที่เราพูดถึงบ่อยที่สุดค่ะ ก็คือขาหมูนั่นเอง 00:09:29.900 --> 00:09:34.200 ดังนั้นหลังจากเวลาผ่านไปเราก็เลยเรียก ขาหมูว่า แฮม นะคะ 00:09:34.200 --> 00:09:38.080 แล้วทีนี้ถามว่าขาคนเกี่ยวอะไรกับเมืองแฮมเบิร์ก ก็ต้องบอกว่ายังตอบไม่ได้ค่ะ 00:09:38.080 --> 00:09:40.660 เราต้องมองคำว่าแฮมลึกเข้าไปอีกหนึ่งชั้นนะคะ 00:09:40.660 --> 00:09:42.380 จากคำว่าแฮมที่เป็นขาคนเนี่ย 00:09:42.380 --> 00:09:46.520 ต้องบอกว่าก่อนหน้านั้น คำว่าแฮมมีความหมายที่เก่ากว่านั้นอีกนะคะ 00:09:46.520 --> 00:09:52.080 น่ะ เจาะลึกมากเลยนะ ไม่รู้ว่าลึกเกินไปรึเปล่า แต่ส่วนตัวเนี่ยตอนรู้ รู้สึกว่าแบบอู้ว เท่มากเลยนะคะ 00:09:52.080 --> 00:09:56.840 คือคำว่าแฮมเนี่ยนะคะก่อนที่มันจะไปแปลว่า ขาคนตรงส่วนข้อพับด้านหลังเข่าเนี่ย 00:09:56.840 --> 00:09:59.540 มันแปลว่าการหักโค้งหรือว่าหักงอมาก่อนค่ะ 00:09:59.540 --> 00:10:05.080 ดังนั้นพอบอกว่าตรงนี้คือส่วนที่หักโค้ง ตรงนี้คือส่วนที่งอ มันก็คือหมายถึงเข่าคนนั่นเองนะคะ 00:10:05.080 --> 00:10:09.640 ทีนี้เขาบอกว่าเมืองแฮมบูร์กเนี่ยมันอยู่ตรง บริเวณที่แม่น้ำมันหักหรือมันโค้งประมาณนี้ 00:10:09.640 --> 00:10:14.880 ดังนั้นแฮมบูร์กเนี่ยน่าจะหมายถึง ป้อมปราการที่อยู่บริเวณแม่น้ำหักโค้ง ประมาณนั้นค่ะ 00:10:14.880 --> 00:10:18.060 แม้ว่าที่มาจะมาร่วมกับขาหมูแฮมนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว 00:10:18.060 --> 00:10:22.940 คำว่าแฮมเบอร์เกอร์ก็เลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับ แฮมที่เราชอบกินกันในปัจจุบันซักเท่าไหร่ค่ะ 00:10:22.940 --> 00:10:26.940 เป็นไงบ้างคะ ได้คำตอบกันมั้ยคะว่า ทำไมเวลาที่เราไปที่ร้านแล้วสั่งแฮมเบอร์เกอร์เนี่ย 00:10:26.940 --> 00:10:29.160 ถึงไม่ได้เมนูที่มีหมูแฮมอยู่ข้างในนะคะ 00:10:29.160 --> 00:10:31.180 ถ้าใครชื่นชอบคลิปประมาณนี้ก็อย่าลืม 00:10:31.180 --> 00:10:34.420 กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วกดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันนะคะ 00:10:34.420 --> 00:10:37.160 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ 00:10:37.260 --> 00:10:41.720 เป็นไงบ้างคะ เชื่อว่าหลายๆคนนะคะน่าจะมีคำถามโลกแตก อะไรประมาณนี้อยู่ในหัวอีกมากมายนะคะ 00:10:41.720 --> 00:10:46.640 ลองคอมเมนต์มาด้านล่างได้ค่ะ ถ้าสมมติว่ามีโอกาส วิวจะไปหาคำตอบมาเล่าให้ทุกคนฟังอีกนะคะ 00:10:46.640 --> 00:10:50.520 สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ