-
ช่วงโควิดแบบนี้หลายๆคนกลายเป็นแดนเซอร์
-
แต่รู้ไหมคะว่าในอดีต
-
เคยมีโรคระบาดที่ทำให้คน
-
แดนซ์ไม่หยุดค่ะ
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
เชื่อว่าช่วง COVID-19 แบบนี้นะคะ
-
นอกจากวิถีชีวิตต่างๆของเราจะเปลี่ยนไป
-
จะต้องใส่หน้ากาก
-
จะต้องมี Social Distance อะไรต่างๆแล้วเนี่ย
-
หลายๆคนยังค้นพบสิ่งนึงเพิ่มเติมค่ะ
-
นั่นก็คือ
-
ค้นพบความเป็นแดนเซอร์ในตัวเองนะคะ
-
คือเอาจริงๆตอนนี้ทุกวันไถผ่าน Facebook
-
ไถผ่าน Twitter เนี่ย
-
เพื่อนๆของวิวหลายๆคน
-
กลายเป็นแดนเซอร์กันไปหมดแล้วค่ะ
-
เชื่อว่าหลายๆคนที่ดูอยู่ตอนนี้
-
ก็น่าจะกลายเป็นแดนเซอร์ไปด้วยนะคะ
-
อยู่ดีๆก็ออกมาอัดคลิปวิดีโอตัวเองเต้นต่างๆมากมาย
-
แต่รู้กันไหมคะว่าในอดีตเนี่ย
-
เคยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ค่ะ
-
เล่าถึงเหตุการณ์นึงที่
-
แปลกมากๆเลยนะ เป็นเหตุการณ์ที่
-
เกิดโรคระบาดโรคนึงขึ้นนะคะ
-
และผลของโรคนี้ก็คือการที่
-
ชาวเมืองออกมาแดนซ์กันไม่หยุดค่ะ
-
เรียกได้ว่าแดนซ์กันจนตายคาฟลอร์เลยทีเดียวนะคะทุกคน
-
หลายๆคนอาจจะคิดว่าไม่จริงนะคะ
-
ไม่ต้องห่วงค่ะ
-
วันนี้วิวหาข้อมูลมาเล่าให้ทุกคนฟังเรียบร้อยแล้วนะคะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
-
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ก่อนที่จะเล่าเนี่ยนะคะ
-
ขอออกตัวก่อนค่ะว่าเรื่องที่วิวจะนำมาเล่าเนี่ย
-
วิวไม่ได้มั่วขึ้นมานะคะทุกคน
-
มันเป็นบันทึกเหตุการณ์จริงๆทางประวัติศาสตร์นะ
-
ดังนั้นถ้าสมมติว่าใครอยากไปหาอ่านเพิ่มเติมอะไรต่างๆ
-
วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างแล้วค่ะ
-
สามารถไปดูได้นะ
-
อะ เรามาเข้าเรื่องของเราดีกว่าค่ะ
-
ต้องบอกว่าโรคที่ทำให้คนแดนซ์ไม่หยุดเนี่ย
-
เป็นเหตุการณ์นึงทางประวัติศาสตร์นะคะที่เกิดขึ้นจริง
-
หลายๆคนเขาจะเรียกเหตุการณ์นี้ว่า
-
Dancing Plague ค่ะ
-
ก็คือ Plague นี่คือโรคระบาดใช่ไหมคะ
-
Dancing ก็คือการเต้น
-
ก็คือโรคระบาดที่ทำให้คนเต้นไม่หยุดค่ะ
-
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดเนี่ยนะคะเกิดขึ้น
-
เมื่อปีค.ศ. 1518 ค่ะ ที่ฝรั่งเศสนะคะ
-
หรือว่าในสมัยนั้นเนี่ยก็
-
ยังนับเป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อยู่นะ
-
เพราะว่าเป็นช่วงต้นๆของสมัย Renaissance
-
ปลายๆยุคกลางค่ะ
-
ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนั้นเนี่ยก็คือ
-
การที่ชาวเมืองหลายต่อหลายคนเนี่ยนะคะ
-
ออกมาแดนซ์กันตามท้องถนนค่ะ
-
เรียกได้ว่าเต้นกันจนตายคาฟลอร์เลยค่ะ
-
หลายๆคนก็หัวใจวาย heart attack บ้าง
-
บางคนก็ stroke นะคะ เส้นเลือดในสมองแตกก็มี
-
หรือว่าบางคนก็อ่อนเพลียจนตายไปเลยทีเดียวค่ะ
-
เรียกได้ว่าหลายๆคนฟังตอนแรกอาจจะรู้สึกว่า
-
เอ๊ย Dancing Plague ทุกคนก็แค่ออกมาแดนซ์ด้วยกัน
-
น่าจะสนุกๆ
-
จริงๆแล้วเหตุการณ์นี้ไม่ได้สนุกเลยนะคะ
-
แล้วก็ทำให้คนตายไปค่อนข้างมากพอสมควรเลยทีเดียวค่ะ
-
ซึ่งถามว่าเหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นได้ยังไงนะคะ
-
ต้องบอกว่ามันเริ่มขึ้นในวันนึง
-
ในเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1518 นี่ล่ะค่ะ
-
มีผู้หญิงคนนึงนะคะชื่อว่า
-
Frau Troffea ค่ะ
-
Frau นี่เหมือนกับคำว่านางอะนะ
-
นาง Troffea ว่าอย่างนั้นเถอะ
-
ผู้หญิงคนนี้ค่ะอยู่ดีๆก็เดินออกมาจากบ้านนะคะ
-
เดินลงไปบนถนนค่ะ แล้วก็เริ่มค่อยๆแดนซ์นะคะ
-
เรียกได้ว่าค่อยๆขยับตัวไปมา
-
บิดองบิดเอว หมุนตัวนู่นนี่นั่น
-
เรียกได้ว่าอยู่ดีๆก็ออกสเต็ปมาซะอย่างนั้นน่ะค่ะ
-
แบบทั้งๆที่ไม่มีเพลงไม่มีอะไรเลยนะคะ
-
แล้วเจ๊แกก็ไปแดนซ์อยู่กลางถนนเรื่อยๆนะคะ
-
แดนซ์ แดนซ์ แดนซ์ แดนซ์อยู่ในความเงียบค่ะ
-
ซึ่งไม่มีเพลงไม่มีอะไรทั้งสิ้น
-
แต่ก็ยังแดนซ์ต่อไปนะคะ
-
เรียกได้ว่าแดนซ์จนตัวเองเนี่ยเหนื่อย
-
พอเหนื่อยก็คือ
-
เป็นลมล้มพับลงไป
-
โอ๊ะ หมดแรง
-
แต่พอมีแรงเมื่อไหร่ เจ๊แกก็ลุกขึ้นมา
-
แล้วก็แดนซ์ต่อไปค่ะ
-
ซึ่งถามว่าเจ๊แกแดนซ์อยู่นานแค่ไหนนะคะ
-
ต้องบอกว่าเจ๊แกแดนซ์อยู่นานถึงประมาณ
-
1 สัปดาห์เลยทีเดียวค่ะ
-
และแน่นอนนะคะ เหล่าชาวเมืองเนี่ยก็ไม่ได้ปล่อย
-
ให้เจ๊แกแดนซ์อยู่คนเดียวค่ะ
-
หลังจากที่เจ๊แกเนี่ยเริ่มแดนซ์คนแรกนะคะ
-
ผ่านไปไม่นานค่ะ ก็มีคนอีกประมาณ 3 คนเนี่ย
-
ออกมาแดนซ์เป็นเพื่อนนะคะ
-
ทุกคนก็มาเต้นร่วมกัน ตอนนี้มี 4 คนแล้วใช่ไหม
-
หลังจากนั้นนะคะ พอมีคน 4 คนเต้นแล้วเนี่ย
-
เวลาก็ค่อยๆผ่านไปค่ะ
-
จนกระทั่งครบ 1 อาทิตย์นะคะ
-
เหล่าชาวเมืองเนี่ยก็พากัน
-
ค่อยๆทยอยออกมา ทยอยออกมา
-
แดนซ์กันแบบนี้กลางถนนนะคะ
-
จนกระทั่งมีคนประมาณ 30 คนเต้นอยู่กลางถนนค่ะ
-
เรียกได้ว่าก็เต้นกันอย่างนี้
-
เต้น เป็นลม เต้น เป็นลม
-
ฟื้นขึ้นมาเต้นต่อ เต้นต่อ อ้าว เป็นลม
-
เสร็จก็ลงไปนอน ลงไปนอนเสร็จก็ขึ้นมาเต้นต่อนะคะ
-
ถามว่าเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว
-
ผู้ปกครองเมืองจะต้องรู้สึกยังไง
-
ผู้ปกครองเมืองนะคะก็รู้สึกว่า
-
เฮ้ย เรื่องนี้มันไม่ปกติละ
-
จะห้ามจะอะไรก็ไม่หยุดกันซักที
-
เอ๊ะ แล้วก็ไม่มีสาเหตุอะไร
-
เพราะว่าดูแล้วเขาก็ไม่ได้ enjoy กับการเต้นขนาดนั้น
-
เพราะว่าเต้นแล้วเป็นลม เต้นแล้วเป็นอะไรนะคะ
-
ดังนั้นค่ะผู้ปกครองก็พยายามหาวิธีแก้นะคะ
-
แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยนั้นน่ะ
-
มันยังไม่ได้ก้าวหน้าอะไรมาก
-
หมอสมัยนั้นนะคะก็พยายามจะ
-
วินิจฉัยโรคไปตามความรู้ของตัวเองต่างๆนานานะ
-
ซึ่งก็ไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้น
-
ก็เดาไปเรื่อยค่ะ
-
เอาง่ายๆ จำตอนที่วิวเล่าเรื่อง Black Death ได้ไหม
-
ว่าหมอเดาว่าอะไรแบบ
-
อากาศไม่ดีจะต้องเอาตัวไปแช่ในน้ำส้มสายชูอะไรอย่างนี้
-
คือมันก็มีความมั่วระดับนึงอยู่แล้ว นึกออกป้ะ
-
ดังนั้นนะคะ หมอในยุคนั้นค่ะเขาเดาว่า
-
โอ๊ย เหตุการณ์นี้นะมันจะต้องเกิดจาก
-
สาเหตุว่าเลือดมันจะต้องร้อนแน่ๆ
-
ไม่ได้หมายถึงเลือดร้อนแบบจะไปต่อยชาวบ้านนะ
-
แต่หมายถึงว่าแบบความร้อนในเลือด
-
มันจะต้องมากเกินไปอะไรอย่างนี้
-
ทำให้จะต้องมีการขับความร้อนออก
-
ผ่านการเต้น
-
อะ นี่คือสิ่งที่หมอวินิจฉัย
-
ดังนั้นเมื่อเลือดร้อน
-
จะต้องเต้นเพื่อเอาความร้อนออก
-
วิธีแก้ไขก็คือ
-
หนามยอกเอาหนามบ่งค่ะ
-
อะ อยากเต้นใช่ไหม เต้นไปให้พอ
-
เรียกได้ว่าให้เต้นให้แรงที่สุด
-
เลือดมันจะได้หายร้อนเร็วๆนะคะ
-
ดังนั้นสภาเมืองค่ะก็บอกว่า
-
โอเค อยากให้ชาวเมืองเต้นใช่ไหม
-
สภาเมืองจัดให้ค่ะ
-
สภาเมืองก็เลยเปิด Guildhall นะคะ
-
หมายถึงแบบเปิดศาลาว่าการเมืองประมาณนั้นน่ะ
-
แล้วก็เอาเวทีมาตั้ง ไปจ้างวงดนตรีมานะคะบอกว่า
-
อะ พวกเธอแดนซ์เงียบๆมา 1 อาทิตย์แล้วนะ
-
ฉันทนไม่ได้ละ
-
อะ เอาวงดนตรีไป มิวสิกมา
-
น่ะ เพลงค่อยแดนซ์ขึ้นหน่อยนะคะ
-
เมื่อกี้มันดูเงียบไป ดูไม่แดนซ์เลยใช่ไหม
-
ตอนนี้มีอะไรแล้ว มีเวที มีวงดนตรีเล่นเพลงแล้วใช่ไหม
-
สภาเมืองยังคิดไม่จบค่ะ
-
สภาเมืองก็ยังเป็นห่วงชาวเมืองอีกนะคะประมาณว่า
-
เฮ้ย หลายๆคนมันออกมาเต้นน่ะ ท่ามันไม่ได้เรื่องเลย
-
มันคิดท่าเองไม่ได้
-
เหมือนใน Tiktok อะ
-
ดูบางคนดิ คิดท่าเองไม่ได้เรื่อง
-
มันจะต้องไปเต้นตาม template มีคนเต้นนำ เต้นตาม
-
อ้า อย่างนี้ท่ามันจะได้สวย
-
เหมือนที่แบบเต้นๆกันใช่ไหม
-
ดังนั้นค่ะสภาเมืองก็บอก
-
โอเค งั้นเอาอย่างนี้ จ้างแดนเซอร์
-
ไป นักเต้นมืออาชีพ โคโยต้งโคโยตี้มาให้พร้อม
-
อะโกก้ง อะโกโก้ เอามาเรียงกันให้หมด
-
เรียงกันให้เต็มเวที
-
บิ๊วมันเข้าไป
-
เพลงก็เปิด แดนเซอร์ก็เต้นนำ
-
คนก็เต้มตามนะคะ
-
เรียกได้ว่าเหมือนปิดเมืองเหมือนจัดปาร์ตี้สงกรานต์อะ
-
แต่ไม่ได้จัดวันเดียวหรือ 3 วัน
-
จัดกันยาวๆไปเลยจนกว่าทุกคนจะหยุดเต้นนะคะ
-
ซึ่งถามว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดอะไรขึ้น
-
ตอนแรกเต้นเงียบๆก็จะแย่แล้ว
-
นี่มีเพลงมีอะไรมาดึ๊งดึ่งดึ๊งดึ่งอะไรกันอีกเต็มไปหมดนะคะ
-
ดังนั้นคนทั้งเมืองก็ออกมาแดนซ์กันแบบ
-
แดนซ์กระจุยกระจายค่ะ
-
หลังจากนั้นนะคะ ไม่นานเลยค่ะ
-
ชัดเลยว่าหมอวินิจฉัยผิด เพราะว่า
-
เหล่าคนที่แค่เต้นแล้วเป็นลม เต้นแล้วเป็นลมเนี่ยนะคะ
-
ก็เริ่มออกอาการค่ะ
-
บางคนก็แบบเต้นๆๆ โอ๊ะ หัวใจวาย
-
แล้วก็ลงไปตายนะคะ
-
หรือบางคนก็แบบโอ๊ะ
-
เส้นเลือดในสมองแตก ตายดีกว่า
-
บางคนก็แบบอ่อนเพลียแล้วก็
-
ล้มลงไปนะคะ
-
เรียกได้ว่าเต้นแล้วก็ร่วงกันไป
-
เต้นร่วง เต้นร่วงค่ะ แต่ถามว่า
-
การเต้นเหล่านี้ยังหยุดไหม
-
ต้องบอกว่าสิ่งนี้ทำอะไรชาวเมืองไม่ได้นะคะ
-
พวกชาวเมืองนี่ฟลอร์กระจุยกันจริงๆ
-
เพราะว่าใครตายก็ตายไปค่ะ
-
ส่วนคนที่เต้นก็เต้นต่อนะคะ เรียกได้ว่า
-
เต้นกันต่อไปเรื่อยๆค่ะ
-
ซึ่งเขาบอกว่าเหตุการณ์ตอนที่ผู้หญิงคนแรกออกมาเต้นเนี่ย
-
มันเริ่มต้นเมื่อตอนเดือนกรกฎาคมใช่ไหม
-
พอถึงเดือนสิงหาคมค่ะ หนึ่งเดือนผ่านไปเนี่ย
-
ตอนนี้มีคนออกมาเต้นร่วมกันนะคะประมาณ
-
400 คนเลยทีเดียว
-
เรียกได้ว่าเหมือนแบบปาร์ตี้ขนาดใหญ่เลยนะคะ
-
ใหญ่กว่านี้ก็คือจัดคอนเสิร์ต
-
อิมแพคอารีน่าอะไรอย่างนี้แล้วนะ
-
คนก็แดนซ์กันไปค่ะ
-
ก็แดนซ์ตาย แดนซ์ตาย อย่างนี้กันไปเรื่อยๆนะคะ
-
จนกระทั่งเวลาผ่านไปทั้งหมด 2 เดือนนะคะ
-
ถึงเดือนกันยายนเนี่ย
-
อยู่ดีๆเหตุการณ์การเต้นมันก็หยุดลงซะอย่างนั้นเลย
-
ซึ่งตามตำนานเนี่ย เขาก็เล่าลือกันต่อมานะคะ
-
ว่าสาเหตุที่การเต้นหยุดลงเนี่ย เพราะว่าสภาเมืองตัดสินใจ
-
กลับค่ะ กลับตัวนะคะ ประมาณว่า
-
เฮ้ย ฉันไปบิ๊วมันไม่ได้ละ
-
ถ้าฉันไปบิ๊วมันเนี่ย มันจะเต้นต่อไปเรื่อยๆ
-
ดังนั้นต้องเบรก
-
ตอนนี้จิตใจร้อนรุ่ม
-
ต้องทำให้อารมณ์เย็นลง
-
ด้วยการไล่มันขึ้นเขาไปให้หมด
-
อะ ทุกคนขึ้นไปยอดเขา
-
บนเขามีวัดนะ มีโบสถ์อะไรต่างๆ
-
ไป ไปสารภาพบ่ง สารภาพบาป
-
นั่งสมาธิ สวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า
-
เอาให้พอ เอาให้จิตใจสงบ
-
ก็ไม่รู้ว่าบังเอิญสิ่งนี้ไป trigger ชาวเมืองรึเปล่านะคะ
-
ทำให้ชาวเมืองค่อยๆหยุดเต้นกันไปทีละคนสองคนสามคน
-
หรือว่าบังเอิญ Dancing Plague เนี่ยมันจบลงพอดีนะคะ
-
ทำให้ชาวเมืองเนี่ยหยุดเต้นกันค่ะ
-
ดังนั้นเหตุการณ์ Dancing Plague ในครั้งนั้นนะคะ
-
ก็เลยจบลงแบบงงๆ
-
เหมือนกับตอนที่มันเริ่มแบบงงๆ คือไม่มีใครรู้ว่า
-
เกิดขึ้นยังไงแล้วก็จบลงยังไงนะคะ
-
เป็นเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นมา
-
แล้วก็จบลงภายใน 2 เดือน
-
ซะอย่างนั้นเลย
-
แต่หลายคนนะคะฟังแบบนี้ก็อาจจะรู้สึกว่า
-
เฮ้ย มันไม่เกิดขึ้นจริงรึเปล่า
-
มันมั่วรึเปล่า อะไรยังไงนะคะ
-
ต้องบอกว่ามันมีเอกสารทางประวัติศาสตร์นะคะ
-
ในศตวรรษที่ 16 เนี่ยที่
-
บันทึกเรื่องราวนี้ไว้อย่างค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียวค่ะ
-
ดังนั้นนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์นะคะและ
-
ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวค่ะ
-
แต่ว่าตลอดตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ถึงศตวรรษที่ 16 เนี่ย
-
เกิดเหตุการณ์นี้หลายต่อหลายครั้งมากๆในยุโรปค่ะ
-
ไม่ว่าจะเป็นที่สวิตเซอร์แลนด์
-
ที่ฮอลแลนด์
-
หรือว่าที่เยอรมนีเองก็ตามนะคะ
-
ก็ล้วนแต่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเช่นเดียวกันค่ะ
-
ทีนี้นักประวัติศาสตร์ในสมัยปัจจุบันก็พยายาม
-
จะสันนิษฐานกันนะคะว่า
-
เอ๊ะ เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไงอะไรต่างๆ
-
มันเป็นที่อาการทางร่างกาย
-
หรืออาการทางสมอง หรือมันเป็นอะไรนะคะ
-
ซึ่งเขาก็สันนิษฐานออกมาได้ทั้งหมด 4 ข้อด้วยกันค่ะ
-
เดี๋ยวเรามาฟังกันไปทีละข้อเลยเนอะ
-
ข้อแรกค่ะ เขาบอกว่า
-
มันมีนักบุญอยู่คนนึงนะคะในศาสนาคริสต์
-
ที่ชาวบ้านในสมัยนั้นน่ะ
-
ค่อนข้างจะเชื่อกันว่าสามารถสาปคนได้ค่ะและ
-
เขาไม่ได้สาปธรรมดา เขาจะสาปแบบปิ้ว
-
ขอให้แกจงเต้นไม่หยุด
-
ประมาณนี้ ก็เป็นคำสาปที่แปลกดี
-
เหมือนกับเป็นเทพเจ้าเท้าไฟอะไรอย่างนี้รึเปล่า
-
อะ ไม่เกี่ยวนะคะ กลับมา
-
ทีนี้พอมันมีความเชื่อเรื่องนักบุญคนนี้นะคะ
-
ที่สามารถสาปคนได้เนี่ย
-
บังเอิญว่าช่วงในปีค.ศ. 1518 เนี่ยนะคะ
-
เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น
-
ในฝรั่งเศสค่ะ
-
ก็คือตอนนั้นเนี่ยเป็นตอนที่ฝรั่งเศสแห้งแล้งมากๆ
-
โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนะคะ
-
แล้วก็มีความอดอยาก มีอะไรต่างๆ
-
ประชาชนเครียดค่ะ
-
เรียกได้ว่าเครียดแบบเครียดมากๆ สติจะแตกอยู่แล้วนะ
-
พร้อมสติแตกทุกเมื่อ
-
เมื่อมันมีความเชื่อเรื่องแบบนักบุญที่สามารถ
-
สาปให้คนเต้นได้เนี่ยขึ้นมา
-
มันก็เลยทำให้คนแรกเนี่ยเหมือนกับว่า
-
สติหลุดอะ แล้วเข้าใจไปเองว่าตัวเองโดนนักบุญสาป
-
ก็เลยออกมาแดนซ์กลางถนนซะอย่างนั้นเลยนะคะ
-
ส่วนหลังจากนั้นเนี่ย ชาวบ้านคนอื่นๆ
-
พอเห็นผู้หญิงคนนี้แดนซ์ไม่หยุด
-
ก็เลยไปได้คอนเซ็ปต์มาว่า
-
เฮ้ย มันจะต้องมีนักบุญมาสาปให้แดนซ์ไม่หยุดแน่ๆเลย
-
ฉันโดนรึเปล่า ฉันโดนรึเปล่า
-
ฉันก็สติจะหลุดแล้วเหมือนกัน
-
ฉันก็เลยออกมาเต้นด้วยซะอย่างนั้น
-
ทำให้ทั้งเมืองเนี่ยออกมาเต้นกันไปหมด
-
ด้วยความเครียด ความแพนิก แล้วก็
-
ความเหมือนแบบหลอนไปเองว่าฉันโดนสาป
-
ประมาณนั้นค่ะ ถือว่าเป็นอาการทางจิตอย่างนึงนะ
-
ส่วนอย่างที่สองเนี่ยนะคะ เขาเชื่อกันว่า
-
อาจจะเกิดจากความเชื่ออะไรบางอย่างในช่วงนั้นค่ะ
-
อารมณ์เหมือนกับคล้ายๆประเทศไทยอะ
-
ที่อยู่ดีๆก็มีน้ำผุดขึ้นมากลางหมู่บ้านแล้วก็มีคนบอกว่า
-
น้ำนี่เป็นน้ำวิเศษ ใครกินแล้วจะหายจากโรคทุกอย่าง
-
อารมณ์นั้นเลย
-
มันก็เป็นอุปทานหมู่ต่อไปเรื่อยๆ
-
คนแรกมากินแล้วก็บอกว่าอุ๊ย หายทุกอย่างเลย
-
คนที่สองก็เลยมากินตาม
-
แล้วทั้งหมู่บ้านก็เลยไปรุมกินกัน
-
ทั้งๆที่นั่นคือน้ำส้วมแตกอะไรอย่างนี้นะคะ
-
เช่นเดียวกันนะคะ เป็นไปได้ว่าในฝรั่งเศสตอนนั้นเนี่ย
-
อาจจะเกิดความเชื่อลัทธิอะไรใหม่ๆขึ้นมา
-
มีใครมาบอกว่า
-
การออกมาแดนซ์เนี่ยจะทำให้พระเจ้าโปรดหรือว่าอะไรต่างๆ
-
ทำให้ความอดอยากทำให้อะไรหายไป
-
ทำให้ชาวเมืองเนี่ยอุปทานหมู่นะคะ
-
แล้วก็พากันออกมาแดนซ์
-
เพื่อบูชาพระเจ้า บูชาเทพเจ้าต่างๆ
-
แล้วก็เลยเป็นสาเหตุที่แบบ
-
ต่อให้ล้มลงไปก็จะต้องฮึดขึ้นมา
-
เพื่อบูชาเทพเจ้าต่อแล้วก็แดนซ์ต่อค่ะ
-
ส่วนสาเหตุที่สามนะคะเขาเชื่อว่า
-
อาจจะเกิดจากการกินอาหารค่ะ ประมาณว่า
-
อาจจะไปกินโดนเห็ดพิษหรืออะไรต่างๆ
-
ที่เป็นเห็ดเมาหรือว่ายาเสพติดโดยที่ไม่รู้ตัว
-
เหมือนกับว่าไปเก็บพืชผักธัญญาหารอะไรมากิน
-
แล้วแบบไม่รู้อะ
-
พอกินเข้าไปมันก็เลยหลอนนะคะ
-
แล้วก็เลยออกมาเต้นกัน
-
เหมือนแบบเมาเห็ดเมาว่าอย่างนั้นเถอะ
-
ส่วนเหตุการณ์ที่สี่เนี่ย
-
ก็ค่อนข้างจะ make sense มากนิดนึง
-
คือเขาบอกว่าชาวฝรั่งเศสช่วงนั้นน่ะ กินขนมปังใช่ไหม
-
แล้วมันก็จะมีขนมปังจากแป้งหลายชนิด
-
ชาวเมืองเนี่ยอาจจะไปกินโดนขนมปังจากแป้ง Rye
-
ซึ่งมันมักจะมีเชื้อราค่ะ
-
และเชื้อราที่อยู่ในแป้ง Rye เนี่ย
-
เป็นเชื้อราที่ส่งผลต่อสมองนะคะ
-
คือถ้ากินเข้าไปแล้วสมองจะมีปัญหาอะไรต่างๆ
-
ทำให้เกิดภาพหลอนแล้วก็เลยทำให้
-
ชาวเมืองเนี่ยหลอนแล้วก็ออกมาเต้นกันนะคะ
-
ซึ่งเชื้อราในแป้ง Rye เนี่ย
-
ต้องบอกว่าส่งผลต่อสมองจริงๆนะ
-
เพราะว่าปัจจุบันเราก็เอาเชื้อราตัวนี้
-
มาทำเป็นยาไมเกรนนั่นเอง
-
ดังนั้นชัดเจนมากว่ามันส่งผลต่อสมองนะคะ
-
ก็เอาจริงๆแล้วเนี่ย
-
สมัยปัจจุบันเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่า
-
สาเหตุไหนคือสาเหตุจริงๆกันแน่ เพราะว่า
-
หมอปัจจุบันก็ไม่สามารถ
-
ไปตรวจสอบเหตุการณ์ในอดีตได้
-
คือเราก็ไม่ได้มีซากศพใครที่แบบติดโรคนี้หรืออะไร
-
ที่จะสามารถมาผ่าพิสูจน์อะไรต่างๆได้
-
ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไปเรื่อยๆนะคะ
-
แต่อย่างไรก็ดีค่ะ ต้องบอกว่าเรื่องนี้
-
มันก็มีคนเอามาบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆมากมาย
-
อย่างที่วิวบอกเนี่ยมันก็มีบันทึก
-
อยู่ในประวัติศาสตร์แล้วใช่ไหม
-
เท่านั้นยังไม่พอ
-
มันยังเป็นแรงบันดาลใจของวรรณกรรม
-
อะไรหลายๆเรื่องด้วยนะคะ
-
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องนึงเนี่ย
-
ที่ส่วนตัววิวอ่านมาแล้วก็เจอ
-
แล้วคิดว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แน่ๆ
-
ขอย้ำอีกรอบว่าเป็นการคิดเอง
-
แต่คิดว่าเกี่ยวแน่ๆเพราะมันชัดมาก
-
ก็คือเรื่องแมรี่ ป๊อปปินส์นั่นเองนะคะ
-
ถ้าใครเคยอ่านแมรี่ ป๊อปปินส์เล่มเต็มเนี่ยจะเห็นว่า
-
มันมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ
-
แม่วัวที่แดนซ์ไม่หยุดนะคะใน
-
บทที่เจนหรือว่าเด็กผู้หญิงตัวเอกของเรื่องเนี่ยนะ
-
ป่วยนอนอยู่บนเตียงค่ะ
-
แล้วก็ไมเคิลซึ่งเป็นน้องของเจนเนี่ย
-
ก็เล่าให้เจนฟังว่านอกหน้าต่างมีวัวตัวนึง
-
มาเดิน นี่มาเดินทำอะไรอยู่ที่
-
ถนนหน้าบ้านเรานะ
-
ทำให้แมรี่ ป๊อปปินส์เนี่ย
-
เล่าเรื่องราวของวัวตัวนี้ให้ฟังค่ะ
-
ก็เป็นแม่วัวที่
-
บังเอิญอยู่ในทุ่งแดนดิไลออนของตัวเอง
-
แล้วอยู่ดีๆวันนึงเนี่ย ก็มีดวงดาว
-
หล่นลงมาปักอยู่ที่เขา
-
ทำให้แม่วัวตัวนี้แดนซ์ไม่หยุดนะคะ
-
เต้นไม่หยุด เต้นจนเหนื่อยแบบ
-
จะเป็นจะตาย
-
สุดท้ายก็เลยต้องไปให้พระราชาช่วย
-
เพื่อที่จะดึงดาวดวงนี้ออกไป
-
แต่ว่าพระราชาก็ไม่สามารถช่วยดึงได้นะคะ
-
ในที่สุดพระราชาก็คิดวิธีออกค่ะว่า
-
ให้แม่วัวเนี่ยกระโดดให้สูงที่สุด
-
กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า
-
ดาวจะได้กลับไปติดบนท้องฟ้าอีกรอบนึง
-
แม่วัวก็เลยกระโดดนะคะ แล้วดาวก็
-
กลับไปติดที่ท้องฟ้าจริงๆ
-
ทำให้แม่วัวกลับสู่สภาพปกติของตัวเองนะคะแล้วก็
-
กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบอีกครั้งนึง
-
อย่างไรก็ตามนะคะ แม่วัวในเรื่องเนี่ยติดใจ
-
คือชีวิตที่ผ่านมาทั้งชีวิต ตัวเองเป็น
-
แม่วัวที่สุภาพ เป็นแม่วัวที่เรียบร้อย
-
แม่วัวที่อยู่ในกรอบประเพณี
-
ไม่เคยได้ออกมาปลดปล่อยเลย
-
ตั้งแต่ที่มีดาวติดหัวเนี่ย
-
ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ปลดปล่อย ได้สนุก
-
ก็เลยออกเดินทาง
-
ตามหาดาวดวงนั้นอีกรอบนึงนะคะ
-
เป็นเหมือนกับว่าแม่วัวนี่เข้าร่วมโครงการ
-
เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาวซะอย่างนั้นเลยนะจ๊ะ
-
นี่ก็เป็นเรื่องราวที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์
-
Dancing Plague ในครั้งนั้นค่ะ
-
เป็นไงบ้างเรื่องราวนี้สนุกสนานกันไหม
-
ก็เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์สนุกๆอีกข้อนึงนะคะ
-
สำหรับใครที่อยากฟังเรื่องราวแบบนี้อีกก็สามารถ
-
คอมเมนต์มาได้ด้านล่างนะคะว่าอยากฟังเรื่องอะไรค่ะ
-
ส่วนใครที่ชื่นชอบคลิปนี้นะคะก็อย่าลืม
-
กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
-
กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
-
สำหรับตอนนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงก็นับเป็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายอยู่นะคะ
-
กับการเต้นจนแบบตาย เต้นจนตาย เต้นจนตาย
-
ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย
-
ในโลกใบนี้ยังมีเหตุการณ์แปลกๆที่เราไม่คิดว่า
-
เฮ้ย มันเกิดขึ้นจริงเนี่ย อีกเต็มไปหมดเลยนะคะ
-
ถ้าเดี๋ยวมีโอกาสจะลอง
-
หยิบขึ้นมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
-
แต่สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
คิดว่าจะเห็นวิวเต้นกันใช่ไหม
-
ไม่มีทางค่ะ
-
ไม่มีทาง เสียใจด้วยนะจ๊ะ