hide🌟Accessibility matters for everyone!🌟
Learn with Amara.org about the Best Practices for Creating SDH Subtitles !

< Return to Video

ภาษาและศาสตร์แห่งการจับเท็จ — โนอาห์ แซนแดน (Noah Zandan)

  • 0:09 - 0:11
    "ขอโทษที มือถือแบตหมดน่ะ"
  • 0:11 - 0:13
    "ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันสบายดี"
  • 0:13 - 0:17
    ข้ออ้างเหล่านี้
    ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักความจริงแต่อย่างใด
  • 0:17 - 0:20
    "ทางบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น
    กับการกระทำผิด"
  • 0:21 - 0:24
    "ฉันรักคุณ"
  • 0:24 - 0:26
    โดยทั่วไป เราอาจได้ยินคำโกหก
    ราว 10 ครั้งถึง 200 ครั้งต่อวัน
  • 0:26 - 0:30
    และเราก็พยายามคิดหาวิธีการจับเท็จ
    มาเป็นเวลานาน
  • 0:30 - 0:33
    จากเครื่องทรมานในสมัยกลาง
    มาจนถึงเครื่องจับเท็จ
  • 0:33 - 0:36
    เครื่องตรวจความดันและการหายใจ
    เครื่องวิเคราะห์เสียง
  • 0:36 - 0:39
    เครื่องวัดระดับการเคลื่อนไหวของดวงตา
    เครื่องสแกนสมอง
  • 0:39 - 0:42
    ไปจนถึงเครื่องแสดงภาพคลื่น
    กระแสไฟฟ้าของสมองขนาด 400 ปอนด์
  • 0:42 - 0:45
    ถึงแม้ว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกนำมาใช้
    ตรวจสอบในสถานการณ์เฉพาะ
  • 0:45 - 0:48
    แต่เครื่องมือก็ยังถูกหลอกได้
    ถ้าหากผู้ต้องหาเตรียมตัวมาดี
  • 0:48 - 0:52
    และสุดท้ายก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ
    พอที่จะเป็นที่ยอมรับได้ในศาล
  • 0:52 - 0:55
    ถ้าหากลองคิดดูอีกที
    ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เทคนิคก็ได้
  • 0:55 - 0:59
    แต่อาจเป็นการคาดการณ์ที่ว่า
    การโกหกไปกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
  • 0:59 - 1:01
    แล้วถ้าหากเราลองใช้วิธีการตรงๆ กว่า
  • 1:01 - 1:04
    โดยการนำวิทยาศาสตร์แห่งการสื่อสาร
    มาช่วยวิเคราะห์ความเท็จด้วยล่ะ
  • 1:05 - 1:10
    ในเชิงจิตวิทยา คนเราเลือกที่จะโกหกส่วนหนึ่ง
    ก็เพื่อที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง
  • 1:10 - 1:13
    โดยการเชื่อมโยงจินตนาการกับชีวิตในอุดมคติ
  • 1:13 - 1:15
    แทนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
  • 1:15 - 1:20
    ทว่าขณะที่สมองของเรามัวแต่วุ่นกับการวาดฝัน
    หารู้ไม่ว่าเราได้พลาดสัญญาณไปหลายอย่าง
  • 1:20 - 1:24
    สติของเราสามารถควบคุม
    กระบวนการคิดและรับรู้ได้เพียง 5%
  • 1:24 - 1:25
    รวมถึงการสื่อสาร
  • 1:25 - 1:29
    ในขณะที่อีก 95%
    เกิดขึ้นในขณะที่เราไม่ได้ตระหนัก
  • 1:29 - 1:32
    และจากข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง
  • 1:32 - 1:34
    เรื่องราวที่อ้างอิงจินตนาการ
  • 1:34 - 1:38
    มักจะมีน้ำหนักแตกต่างจาก
    ความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง
  • 1:38 - 1:42
    สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการสร้างเรื่องส่วนตัวที่เป็นเท็จ
    ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย
  • 1:42 - 1:45
    และมักแสดงความแตกต่าง
    เชิงแบบแผนการใช้ภาษา
  • 1:45 - 1:48
    เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อความทางภาษาศาสตร์
    (linguistic text analysis)
  • 1:48 - 1:51
    ช่วยจำแนกแบบแผนการใช้ภาษาออกเป็น 4 แบบ
  • 1:51 - 1:53
    ภายใต้ศาสตร์แห่งการหลอกลวง
  • 1:54 - 1:58
    อันดับแรก คนที่โกหกมักหลีกเลี่ยง
    การอ้างถึงตัวเองเวลาโกหก
  • 1:58 - 2:02
    คนเหล่านี้มักเขียนหรืออ้างถึงคนอื่น
    โดยใช้สรรพนามบุรุษที่สามบ่อยครั้ง
  • 2:02 - 2:05
    เพื่อเลี่ยงการนำตัวเองเข้ามา
    เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตนสร้างขึ้น
  • 2:05 - 2:07
    ซึ่งกลับเพิ่มจุดด่างพร้อยให้มากขึ้นเช่น
  • 2:07 - 2:10
    "ไม่มีทางมีปาร์ตี้ที่บ้านนี้แน่ๆ"
  • 2:10 - 2:12
    หรือ "ฉันไม่ได้จัดปาร์ตี้ที่นี่นะ"
  • 2:13 - 2:16
    สอง คนโกหกมักจะพูดอะไรที่เป็นแง่ลบ
  • 2:16 - 2:19
    เพราะจิตใต้สำนึกของคนเหล่านั้น
    ก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหก
  • 2:19 - 2:21
    ยกตัวอย่างเช่น คนที่โกหกมักพูดว่า
  • 2:21 - 2:26
    "ขอโทษนะ โทรศัพท์เฮงซวยของฉัน
    แบตหมดอีกละ เกลียดมันจริงๆ"
  • 2:26 - 2:29
    สาม โดยทั่วไปคนโกหกมักอธิบาย
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
  • 2:29 - 2:32
    เพราะสมองของเราจะต้องทำงานหนักมาก
    เพื่อสร้างเรื่องเท็จ
  • 2:32 - 2:33
    การตัดสินใจและการประเมิน
  • 2:33 - 2:36
    เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน
    สำหรับสมองที่จะสั่งการ
  • 2:36 - 2:39
    ดังเช่นครั้งที่ประธานาธิบดีท่านหนึ่งของอเมริกา
    ได้กล่าวยืนยันว่า
  • 2:39 - 2:42
    "ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวผู้นั้น"
  • 2:42 - 2:45
    และสุดท้าย ถึงแม้ว่าคนโกหกมักจะใช้
    คำบรรยายที่ไม่ซับซ้อน
  • 2:45 - 2:48
    แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้
    รูปประโยคที่ยาวและวกวน
  • 2:48 - 2:50
    โดยการใช้คำที่ฟุ่มเฟือย
  • 2:50 - 2:53
    พร้อมกับรายละเอียดที่ไม่จำเป็น
    แต่ฟังดูเหมือนจริงมาเสริมแต่งเรื่อง
  • 2:54 - 2:56
    ประธานาธิบดีอีกท่าน
    เคยออกมาโต้ตอบประเด็นฉาวไว้ว่า
  • 2:56 - 3:00
    "ผมขอพูดตามตรงว่า
    การสืบสวนครั้งนี้ชี้ชัดว่า
  • 3:00 - 3:01
    ไม่มีพนักงานคนใดในทำเนียบขาว
  • 3:01 - 3:04
    รวมไปถึงคณะบริหารคณะนี้
  • 3:04 - 3:07
    มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น"
  • 3:07 - 3:10
    ลองนำหลักวิเคราะห์ภาษา
    มาใช้กับตัวอย่างดังต่อไปนี้ดูบ้าง
  • 3:10 - 3:13
    เช่น เจ้าของแชมป์ตูร์เดอฟร็องส์ 7 ปีซ้อน
    อย่างแลนซ์ อาร์มสตรอง
  • 3:13 - 3:15
    เมื่อนำบทสัมภาษณ์ของเขา
    ในปี ค.ศ. 2005
  • 3:15 - 3:18
    ขณะที่เขาพยายามปฏิเสธข้อกล่าวหา
    เรื่องการใช้ยากระตุ้น
  • 3:18 - 3:21
    มาเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 2013
    ซึ่งเขาออกมายอมรับ
  • 3:21 - 3:25
    ผลวิเคราะห์เผยว่าเขาได้เพิ่มจำนวนการใช้
    บุรุษสรรพนามมากขึ้นเกือบ 3 ใน 4 ส่วน
  • 3:25 - 3:28
    ความแตกต่างของบทสัมภาษณ์
    ทั้งสองครั้งมีดังต่อไปนี้
  • 3:28 - 3:32
    ครั้งแรก: "โอเค อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า
    ชายฝรั่งเศสผู้หนึ่งในห้องแลปที่ปารีส
  • 3:32 - 3:36
    ได้เปิดตัวอย่างของคุณ
    ฌ็อง ฟรานซิส อะไรซักอย่าง แล้วก็ตรวจดู
  • 3:36 - 3:39
    และแล้วอยู่ๆ หนังสือพิมพ์ก็ติดต่อคุณมาว่า
  • 3:39 - 3:42
    "เราทราบมาว่ามีการตรวจพบ
    EPO ในร่างกายของคุณ"
  • 3:43 - 3:45
    ครั้งที่สอง: ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว
  • 3:45 - 3:48
    ผมเชื่อว่าหลายคนคงรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้
  • 3:48 - 3:50
    ผมเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน
  • 3:50 - 3:53
    และเคยที่จะควบคุมทุกอย่างในชีวิตเสมอมา
  • 3:53 - 3:55
    ผมควบคุมทุกผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตผม"
  • 3:55 - 3:58
    ตอนที่อาร์มสตรอง
    ออกมาปฏิเสธสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  • 3:58 - 4:00
    เขาเบี่ยงเบนประเด็นไปที่คนอื่น
  • 4:00 - 4:03
    ทั้งยังเลือกที่จะไม่พูดถึงตัวเองเลย
  • 4:03 - 4:05
    แต่เมื่อเขาออกมายอมรับ
    เขากลับเลือกใช้คำพูดของตัวเอง
  • 4:05 - 4:09
    ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
    ความรู้สึกและแรงบันดาลใจ
  • 4:09 - 4:13
    แต่การใช้บุรุษสรรพนาม
    ก็เป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ของการหลอกลวง
  • 4:13 - 4:15
    ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างจากอดีตวุฒิสมาชิก
  • 4:15 - 4:18
    และผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    จอห์น เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า
  • 4:18 - 4:21
    "ผมรู้แค่ว่าผู้ที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก
    ได้ออกมายอมรับอย่างเปิดเผยแล้ว
  • 4:21 - 4:23
    ว่าเขาเป็นพ่อที่แท้จริงของเด็ก
  • 4:23 - 4:26
    ผมเองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
    กับการกระทำใดๆ ที่ระบุไว้
  • 4:26 - 4:29
    ว่ามีการร้องขอ ตกลง
    หรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ
  • 4:29 - 4:32
    ให้กับฝ่ายหญิงหรือฝ่ายที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก"
  • 4:32 - 4:36
    นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นคำพูดที่ยืดเยื้อวกวน
    ของประโยคสั้นๆ ที่ว่า "เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของผม"
  • 4:36 - 4:39
    แต่เอ็ดเวิร์ดไม่เคยระบุชื่อจริง
    ของบุคคลอื่นที่เขากล่าวถึงเลย
  • 4:39 - 4:43
    เขากลับใช้คำว่า"เด็กคนนั้น"
    "หญิงสาวผู้นั้น" และ"ผู้ที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก"
  • 4:43 - 4:46
    ต่อไปเรามาดูกันว่าเขาจะพูดอย่างไร
    ตอนยอมรับว่าเป็นพ่อที่แท้จริง
  • 4:46 - 4:48
    "ผมเป็นพ่อของควินน์
  • 4:48 - 4:50
    และผมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ
  • 4:50 - 4:52
    ด้วยความรักและความเอาใจใส่
    ที่เธอสมควรจะได้รับ"
  • 4:53 - 4:55
    ช่างเป็นคำแถลงที่สั้น
    และตรงไปตรงมา
  • 4:55 - 4:58
    ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อจริงของเด็ก
    และการกล่าวถึงบทบาทของเขาในฐานะพ่อ
  • 4:58 - 5:02
    สรุปแล้ว คุณจะนำเทคนิคการจับเท็จเหล่านี้
    ไปใช้ได้อย่างไร
  • 5:02 - 5:05
    อันดับแรกจงอย่าลืมว่าในแต่ละวัน
    เรามีโอกาสเผชิญหน้ากับการโกหกได้เสมอ
  • 5:05 - 5:10
    ตั้งแต่รูปแบบที่ร้ายแรงน้อยกว่าตัวอย่างเหล่านี้
    และแบบที่ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ
  • 5:10 - 5:13
    แต่มันก็ยังเป็นการสมควร
    ที่เราจะตระหนักถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัย
  • 5:13 - 5:16
    เช่นการหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงตัวเอง
    การใช้ภาษาที่สื่อความในแง่ลบ
  • 5:16 - 5:19
    คำอธิบายง่ายๆ และการพูดจาวกวน
  • 5:20 - 5:23
    มันอาจช่วยให้เราเลี่ยง
    การประเมินราคาที่สูงจนเกินไป
  • 5:23 - 5:26
    ระวังสินค้าที่ไร้ประสิทธิภาพ
    หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ที่แสนแย่
Title:
ภาษาและศาสตร์แห่งการจับเท็จ — โนอาห์ แซนแดน (Noah Zandan)
Speaker:
Noah Zandan
Description:

เชิญชมบทเรียนฉบับเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/the-language-of-lying-noah-zandan

โดยทั่วไปเราอาจได้ยินคนพูดโกหกราว 10 ถึง 200 ครั้งต่อวัน และถึงเราจะพยายามคิดหาวิธีการจับเท็จเหล่านี้มาเป็นเวลานาน เช่น การจับพิรุธจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะพูด แต่วิธีการเหล่านี้กลับถูกแย้งว่าไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ถ้าเช่นนั้นแล้ว จะมีวิธีการใดอีกที่จะนำมาช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้กับเราได้ โนอาห์ แซนแดน (Noah Zandan) จะพาเราไปพบกับศาสตร์แห่งการจับเท็จผ่านวิทยาศาสตร์แห่งการสื่อสารซึ่งสามารถนำมาช่วยวิเคราะห์ความเท็จได้โดยตรง

บทเรียนโดย โนอาห์ แซนแดน (Noah Zandan) แอนิเมชันโดย The Moving Company Animation Studio.

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TED-Ed
Duration:
05:42
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The language of lying Jul 19, 2015, 1:03 PM
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The language of lying Jul 19, 2015, 1:02 PM
Faii Athiprayoon edited Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 7:58 PM
Faii Athiprayoon edited Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 7:58 PM
Faii Athiprayoon edited Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 7:58 PM
Kelwalin Dhanasarnsombut declined Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 12:32 PM
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 12:32 PM
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The language of lying Jul 18, 2015, 12:32 PM
Show all

Thai subtitles

Revisions