[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:09.20,0:00:11.17,Default,,0000,0000,0000,,"ขอโทษที มือถือแบตหมดน่ะ" Dialogue: 0,0:00:11.20,0:00:13.47,Default,,0000,0000,0000,,"ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันสบายดี" Dialogue: 0,0:00:13.50,0:00:16.72,Default,,0000,0000,0000,,ข้ออ้างเหล่านี้\Nไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักความจริงแต่อย่างใด Dialogue: 0,0:00:16.75,0:00:20.10,Default,,0000,0000,0000,,"ทางบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น\Nกับการกระทำผิด" Dialogue: 0,0:00:21.21,0:00:23.52,Default,,0000,0000,0000,,"ฉันรักคุณ" Dialogue: 0,0:00:23.54,0:00:26.39,Default,,0000,0000,0000,,โดยทั่วไป เราอาจได้ยินคำโกหก\Nราว 10 ครั้งถึง 200 ครั้งต่อวัน Dialogue: 0,0:00:26.41,0:00:29.75,Default,,0000,0000,0000,,และเราก็พยายามคิดหาวิธีการจับเท็จ\Nมาเป็นเวลานาน Dialogue: 0,0:00:29.78,0:00:32.68,Default,,0000,0000,0000,,จากเครื่องทรมานในสมัยกลาง\Nมาจนถึงเครื่องจับเท็จ Dialogue: 0,0:00:32.70,0:00:36.02,Default,,0000,0000,0000,,เครื่องตรวจความดันและการหายใจ \Nเครื่องวิเคราะห์เสียง Dialogue: 0,0:00:36.04,0:00:38.70,Default,,0000,0000,0000,,เครื่องวัดระดับการเคลื่อนไหวของดวงตา \Nเครื่องสแกนสมอง Dialogue: 0,0:00:38.72,0:00:41.91,Default,,0000,0000,0000,,ไปจนถึงเครื่องแสดงภาพคลื่น\Nกระแสไฟฟ้าของสมองขนาด 400 ปอนด์ Dialogue: 0,0:00:41.93,0:00:45.07,Default,,0000,0000,0000,,ถึงแม้ว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกนำมาใช้\Nตรวจสอบในสถานการณ์เฉพาะ Dialogue: 0,0:00:45.09,0:00:48.04,Default,,0000,0000,0000,,แต่เครื่องมือก็ยังถูกหลอกได้\Nถ้าหากผู้ต้องหาเตรียมตัวมาดี Dialogue: 0,0:00:48.07,0:00:52.10,Default,,0000,0000,0000,,และสุดท้ายก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ\Nพอที่จะเป็นที่ยอมรับได้ในศาล Dialogue: 0,0:00:52.12,0:00:54.64,Default,,0000,0000,0000,,ถ้าหากลองคิดดูอีกที\Nปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่เทคนิคก็ได้ Dialogue: 0,0:00:54.66,0:00:59.04,Default,,0000,0000,0000,,แต่อาจเป็นการคาดการณ์ที่ว่า\Nการโกหกไปกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย Dialogue: 0,0:00:59.07,0:01:01.05,Default,,0000,0000,0000,,แล้วถ้าหากเราลองใช้วิธีการตรงๆ กว่า Dialogue: 0,0:01:01.07,0:01:04.24,Default,,0000,0000,0000,,โดยการนำวิทยาศาสตร์แห่งการสื่อสาร\Nมาช่วยวิเคราะห์ความเท็จด้วยล่ะ Dialogue: 0,0:01:05.15,0:01:09.96,Default,,0000,0000,0000,,ในเชิงจิตวิทยา คนเราเลือกที่จะโกหกส่วนหนึ่ง\Nก็เพื่อที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง Dialogue: 0,0:01:09.98,0:01:12.84,Default,,0000,0000,0000,,โดยการเชื่อมโยงจินตนาการกับชีวิตในอุดมคติ Dialogue: 0,0:01:12.86,0:01:15.16,Default,,0000,0000,0000,,แทนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง Dialogue: 0,0:01:15.18,0:01:19.54,Default,,0000,0000,0000,,ทว่าขณะที่สมองของเรามัวแต่วุ่นกับการวาดฝัน \Nหารู้ไม่ว่าเราได้พลาดสัญญาณไปหลายอย่าง Dialogue: 0,0:01:19.57,0:01:23.70,Default,,0000,0000,0000,,สติของเราสามารถควบคุม\Nกระบวนการคิดและรับรู้ได้เพียง 5% Dialogue: 0,0:01:23.73,0:01:25.26,Default,,0000,0000,0000,,รวมถึงการสื่อสาร Dialogue: 0,0:01:25.29,0:01:28.66,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่อีก 95% \Nเกิดขึ้นในขณะที่เราไม่ได้ตระหนัก Dialogue: 0,0:01:28.69,0:01:31.85,Default,,0000,0000,0000,,และจากข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง Dialogue: 0,0:01:31.87,0:01:34.21,Default,,0000,0000,0000,,เรื่องราวที่อ้างอิงจินตนาการ Dialogue: 0,0:01:34.24,0:01:38.09,Default,,0000,0000,0000,,มักจะมีน้ำหนักแตกต่างจาก\Nความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง Dialogue: 0,0:01:38.12,0:01:42.12,Default,,0000,0000,0000,,สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการสร้างเรื่องส่วนตัวที่เป็นเท็จ\Nต้องใช้ความพยายามไม่น้อย Dialogue: 0,0:01:42.14,0:01:45.04,Default,,0000,0000,0000,,และมักแสดงความแตกต่าง\Nเชิงแบบแผนการใช้ภาษา Dialogue: 0,0:01:45.06,0:01:48.21,Default,,0000,0000,0000,,เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อความทางภาษาศาสตร์\N(linguistic text analysis) Dialogue: 0,0:01:48.23,0:01:50.93,Default,,0000,0000,0000,,ช่วยจำแนกแบบแผนการใช้ภาษาออกเป็น 4 แบบ Dialogue: 0,0:01:50.96,0:01:53.16,Default,,0000,0000,0000,,ภายใต้ศาสตร์แห่งการหลอกลวง Dialogue: 0,0:01:54.15,0:01:58.47,Default,,0000,0000,0000,,อันดับแรก คนที่โกหกมักหลีกเลี่ยง\Nการอ้างถึงตัวเองเวลาโกหก Dialogue: 0,0:01:58.50,0:02:02.22,Default,,0000,0000,0000,,คนเหล่านี้มักเขียนหรืออ้างถึงคนอื่น\Nโดยใช้สรรพนามบุรุษที่สามบ่อยครั้ง Dialogue: 0,0:02:02.25,0:02:05.22,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อเลี่ยงการนำตัวเองเข้ามา\Nเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตนสร้างขึ้น Dialogue: 0,0:02:05.24,0:02:07.13,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งกลับเพิ่มจุดด่างพร้อยให้มากขึ้นเช่น Dialogue: 0,0:02:07.16,0:02:09.97,Default,,0000,0000,0000,,"ไม่มีทางมีปาร์ตี้ที่บ้านนี้แน่ๆ" Dialogue: 0,0:02:09.99,0:02:11.84,Default,,0000,0000,0000,,หรือ "ฉันไม่ได้จัดปาร์ตี้ที่นี่นะ" Dialogue: 0,0:02:13.18,0:02:15.73,Default,,0000,0000,0000,,สอง คนโกหกมักจะพูดอะไรที่เป็นแง่ลบ Dialogue: 0,0:02:15.76,0:02:19.24,Default,,0000,0000,0000,,เพราะจิตใต้สำนึกของคนเหล่านั้น\Nก็รู้สึกผิดที่ต้องโกหก Dialogue: 0,0:02:19.26,0:02:21.40,Default,,0000,0000,0000,,ยกตัวอย่างเช่น คนที่โกหกมักพูดว่า Dialogue: 0,0:02:21.42,0:02:25.59,Default,,0000,0000,0000,,"ขอโทษนะ โทรศัพท์เฮงซวยของฉัน\Nแบตหมดอีกละ เกลียดมันจริงๆ" Dialogue: 0,0:02:25.61,0:02:28.85,Default,,0000,0000,0000,,สาม โดยทั่วไปคนโกหกมักอธิบาย\Nเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน Dialogue: 0,0:02:28.88,0:02:31.98,Default,,0000,0000,0000,,เพราะสมองของเราจะต้องทำงานหนักมาก\Nเพื่อสร้างเรื่องเท็จ Dialogue: 0,0:02:32.00,0:02:33.30,Default,,0000,0000,0000,,การตัดสินใจและการประเมิน Dialogue: 0,0:02:33.33,0:02:36.16,Default,,0000,0000,0000,,เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน\Nสำหรับสมองที่จะสั่งการ Dialogue: 0,0:02:36.18,0:02:38.65,Default,,0000,0000,0000,,ดังเช่นครั้งที่ประธานาธิบดีท่านหนึ่งของอเมริกา\Nได้กล่าวยืนยันว่า Dialogue: 0,0:02:38.68,0:02:41.77,Default,,0000,0000,0000,,"ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวผู้นั้น" Dialogue: 0,0:02:41.79,0:02:44.66,Default,,0000,0000,0000,,และสุดท้าย ถึงแม้ว่าคนโกหกมักจะใช้\Nคำบรรยายที่ไม่ซับซ้อน Dialogue: 0,0:02:44.68,0:02:48.13,Default,,0000,0000,0000,,แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้\Nรูปประโยคที่ยาวและวกวน Dialogue: 0,0:02:48.16,0:02:49.74,Default,,0000,0000,0000,,โดยการใช้คำที่ฟุ่มเฟือย Dialogue: 0,0:02:49.76,0:02:53.48,Default,,0000,0000,0000,,พร้อมกับรายละเอียดที่ไม่จำเป็น\Nแต่ฟังดูเหมือนจริงมาเสริมแต่งเรื่อง Dialogue: 0,0:02:53.50,0:02:56.14,Default,,0000,0000,0000,,ประธานาธิบดีอีกท่าน\Nเคยออกมาโต้ตอบประเด็นฉาวไว้ว่า Dialogue: 0,0:02:56.16,0:02:59.51,Default,,0000,0000,0000,,"ผมขอพูดตามตรงว่า\Nการสืบสวนครั้งนี้ชี้ชัดว่า Dialogue: 0,0:02:59.53,0:03:01.30,Default,,0000,0000,0000,,ไม่มีพนักงานคนใดในทำเนียบขาว Dialogue: 0,0:03:01.32,0:03:03.68,Default,,0000,0000,0000,,รวมไปถึงคณะบริหารคณะนี้ Dialogue: 0,0:03:03.70,0:03:06.60,Default,,0000,0000,0000,,มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น" Dialogue: 0,0:03:06.62,0:03:10.16,Default,,0000,0000,0000,,ลองนำหลักวิเคราะห์ภาษา\Nมาใช้กับตัวอย่างดังต่อไปนี้ดูบ้าง Dialogue: 0,0:03:10.19,0:03:13.21,Default,,0000,0000,0000,,เช่น เจ้าของแชมป์ตูร์เดอฟร็องส์ 7 ปีซ้อน\Nอย่างแลนซ์ อาร์มสตรอง Dialogue: 0,0:03:13.24,0:03:15.37,Default,,0000,0000,0000,,เมื่อนำบทสัมภาษณ์ของเขา\Nในปี ค.ศ. 2005 Dialogue: 0,0:03:15.40,0:03:18.25,Default,,0000,0000,0000,,ขณะที่เขาพยายามปฏิเสธข้อกล่าวหา\Nเรื่องการใช้ยากระตุ้น Dialogue: 0,0:03:18.27,0:03:21.19,Default,,0000,0000,0000,,มาเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 2013\Nซึ่งเขาออกมายอมรับ Dialogue: 0,0:03:21.21,0:03:25.17,Default,,0000,0000,0000,,ผลวิเคราะห์เผยว่าเขาได้เพิ่มจำนวนการใช้\Nบุรุษสรรพนามมากขึ้นเกือบ 3 ใน 4 ส่วน Dialogue: 0,0:03:25.19,0:03:27.84,Default,,0000,0000,0000,,ความแตกต่างของบทสัมภาษณ์\Nทั้งสองครั้งมีดังต่อไปนี้ Dialogue: 0,0:03:27.86,0:03:32.15,Default,,0000,0000,0000,,ครั้งแรก: "โอเค อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า\Nชายฝรั่งเศสผู้หนึ่งในห้องแลปที่ปารีส Dialogue: 0,0:03:32.17,0:03:36.11,Default,,0000,0000,0000,,ได้เปิดตัวอย่างของคุณ \Nฌ็อง ฟรานซิส อะไรซักอย่าง แล้วก็ตรวจดู Dialogue: 0,0:03:36.13,0:03:38.83,Default,,0000,0000,0000,,และแล้วอยู่ๆ หนังสือพิมพ์ก็ติดต่อคุณมาว่า Dialogue: 0,0:03:38.85,0:03:41.63,Default,,0000,0000,0000,,"เราทราบมาว่ามีการตรวจพบ\NEPO ในร่างกายของคุณ" Dialogue: 0,0:03:43.13,0:03:45.00,Default,,0000,0000,0000,,ครั้งที่สอง: ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว Dialogue: 0,0:03:45.03,0:03:47.92,Default,,0000,0000,0000,,ผมเชื่อว่าหลายคนคงรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ Dialogue: 0,0:03:47.95,0:03:49.70,Default,,0000,0000,0000,,ผมเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน Dialogue: 0,0:03:49.73,0:03:52.73,Default,,0000,0000,0000,,และเคยที่จะควบคุมทุกอย่างในชีวิตเสมอมา Dialogue: 0,0:03:52.75,0:03:55.39,Default,,0000,0000,0000,,ผมควบคุมทุกผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตผม" Dialogue: 0,0:03:55.41,0:03:58.29,Default,,0000,0000,0000,,ตอนที่อาร์มสตรอง\Nออกมาปฏิเสธสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Dialogue: 0,0:03:58.32,0:04:00.30,Default,,0000,0000,0000,,เขาเบี่ยงเบนประเด็นไปที่คนอื่น Dialogue: 0,0:04:00.32,0:04:02.98,Default,,0000,0000,0000,,ทั้งยังเลือกที่จะไม่พูดถึงตัวเองเลย Dialogue: 0,0:04:03.00,0:04:04.96,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อเขาออกมายอมรับ \Nเขากลับเลือกใช้คำพูดของตัวเอง Dialogue: 0,0:04:04.98,0:04:08.58,Default,,0000,0000,0000,,ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์\Nความรู้สึกและแรงบันดาลใจ Dialogue: 0,0:04:08.61,0:04:12.55,Default,,0000,0000,0000,,แต่การใช้บุรุษสรรพนาม\Nก็เป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ของการหลอกลวง Dialogue: 0,0:04:12.58,0:04:14.88,Default,,0000,0000,0000,,ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างจากอดีตวุฒิสมาชิก Dialogue: 0,0:04:14.91,0:04:18.14,Default,,0000,0000,0000,,และผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา\Nจอห์น เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า Dialogue: 0,0:04:18.16,0:04:20.74,Default,,0000,0000,0000,,"ผมรู้แค่ว่าผู้ที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก\Nได้ออกมายอมรับอย่างเปิดเผยแล้ว Dialogue: 0,0:04:20.76,0:04:22.65,Default,,0000,0000,0000,,ว่าเขาเป็นพ่อที่แท้จริงของเด็ก Dialogue: 0,0:04:22.68,0:04:25.69,Default,,0000,0000,0000,,ผมเองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ\Nกับการกระทำใดๆ ที่ระบุไว้ Dialogue: 0,0:04:25.71,0:04:29.15,Default,,0000,0000,0000,,ว่ามีการร้องขอ ตกลง \Nหรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ Dialogue: 0,0:04:29.17,0:04:32.35,Default,,0000,0000,0000,,ให้กับฝ่ายหญิงหรือฝ่ายที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก" Dialogue: 0,0:04:32.38,0:04:36.40,Default,,0000,0000,0000,,นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นคำพูดที่ยืดเยื้อวกวน\Nของประโยคสั้นๆ ที่ว่า "เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของผม" Dialogue: 0,0:04:36.42,0:04:39.31,Default,,0000,0000,0000,,แต่เอ็ดเวิร์ดไม่เคยระบุชื่อจริง\Nของบุคคลอื่นที่เขากล่าวถึงเลย Dialogue: 0,0:04:39.33,0:04:43.14,Default,,0000,0000,0000,,เขากลับใช้คำว่า"เด็กคนนั้น" \N"หญิงสาวผู้นั้น" และ"ผู้ที่อ้างว่าเป็นพ่อเด็ก" Dialogue: 0,0:04:43.16,0:04:46.19,Default,,0000,0000,0000,,ต่อไปเรามาดูกันว่าเขาจะพูดอย่างไร\Nตอนยอมรับว่าเป็นพ่อที่แท้จริง Dialogue: 0,0:04:46.22,0:04:47.74,Default,,0000,0000,0000,,"ผมเป็นพ่อของควินน์ Dialogue: 0,0:04:47.77,0:04:50.02,Default,,0000,0000,0000,,และผมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ Dialogue: 0,0:04:50.05,0:04:52.14,Default,,0000,0000,0000,,ด้วยความรักและความเอาใจใส่\Nที่เธอสมควรจะได้รับ" Dialogue: 0,0:04:53.07,0:04:54.74,Default,,0000,0000,0000,,ช่างเป็นคำแถลงที่สั้น\Nและตรงไปตรงมา Dialogue: 0,0:04:54.77,0:04:58.30,Default,,0000,0000,0000,,ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อจริงของเด็ก\Nและการกล่าวถึงบทบาทของเขาในฐานะพ่อ Dialogue: 0,0:04:58.33,0:05:01.53,Default,,0000,0000,0000,,สรุปแล้ว คุณจะนำเทคนิคการจับเท็จเหล่านี้\Nไปใช้ได้อย่างไร Dialogue: 0,0:05:01.56,0:05:05.20,Default,,0000,0000,0000,,อันดับแรกจงอย่าลืมว่าในแต่ละวัน\Nเรามีโอกาสเผชิญหน้ากับการโกหกได้เสมอ Dialogue: 0,0:05:05.22,0:05:09.82,Default,,0000,0000,0000,,ตั้งแต่รูปแบบที่ร้ายแรงน้อยกว่าตัวอย่างเหล่านี้\Nและแบบที่ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ Dialogue: 0,0:05:09.84,0:05:12.50,Default,,0000,0000,0000,,แต่มันก็ยังเป็นการสมควร \Nที่เราจะตระหนักถึงพฤติกรรมที่น่าสงสัย Dialogue: 0,0:05:12.53,0:05:16.22,Default,,0000,0000,0000,,เช่นการหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงตัวเอง \Nการใช้ภาษาที่สื่อความในแง่ลบ Dialogue: 0,0:05:16.24,0:05:18.64,Default,,0000,0000,0000,,คำอธิบายง่ายๆ และการพูดจาวกวน Dialogue: 0,0:05:19.76,0:05:22.82,Default,,0000,0000,0000,,มันอาจช่วยให้เราเลี่ยง\Nการประเมินราคาที่สูงจนเกินไป Dialogue: 0,0:05:22.84,0:05:25.76,Default,,0000,0000,0000,,ระวังสินค้าที่ไร้ประสิทธิภาพ \Nหรือแม้แต่ความสัมพันธ์ที่แสนแย่