< Return to Video

การออกแบบที่ใส่ใจคนพิการทางสายตา

  • 0:03 - 0:06
    เมื่อผมก้าวลงจากรถประจำทาง
  • 0:06 - 0:08
    ผมมุ่งตรงไปที่มุมตึก
  • 0:08 - 0:11
    เพื่อมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
    จะไปฝึกอบรมอักษรเบรลล์
  • 0:11 - 0:13
    มันเป็นวันหนึ่งในฤดูหนาวปี 2009
  • 0:13 - 0:16
    และ ผมตาบอด มาประมาณ 1 ปีแล้ว
  • 0:16 - 0:18
    ผมก็ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี
  • 0:18 - 0:20
    ผมกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง
  • 0:20 - 0:21
    ผม เลี้ยวซ้าย
  • 0:21 - 0:24
    กดปุ่มอัตโนมัติ ที่มีไว้ให้สัญญาณเสียง
    แก่คนข้ามถนน
  • 0:24 - 0:26
    และ กำลังรอข้าม
  • 0:26 - 0:28
    เมื่อได้สัญญาณ ผมก็เริ่มเดินออกไป
  • 0:28 - 0:30
    และข้ามไปอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย
  • 0:30 - 0:32
    เมื่อกำลังก้าวย่างไปตามทางเดิน
  • 0:32 - 0:34
    ผมก็ได้ยินเสียงของเก้าอี้เหล็กตัวหนึ่ง
  • 0:34 - 0:39
    กำลังโดนลากผ่านพื้นคอนกรีต ผ่านหน้าผมไป
  • 0:39 - 0:40
    ผมรู้ว่า มันมีร้านกาแฟตรงหัวมุม
  • 0:40 - 0:42
    และก็มีเก้าอี้เรียงไว้หน้าร้าน
  • 0:42 - 0:44
    ดังนั้น ผมจึงเดินหลบไปทางซ้าย
  • 0:44 - 0:45
    เดินชิดริมถนนขึ้นอีกหน่อย
  • 0:45 - 0:49
    พอผมหลบ เสียงลากเก้าอี้ก็ไปทางซ้าย
  • 0:49 - 0:51
    ผมจึงรู้สึกว่า ผมหลบผิดทิศ
  • 0:51 - 0:53
    จึงเปลี่ยนไปทางด้านขวา
  • 0:53 - 0:56
    เสียงเก้าอี้ก็ไปทางขวาตามผมอีก
  • 0:56 - 0:59
    ทีนี้ ผมเริ่มจะกระวนกระวายใจ
  • 0:59 - 1:00
    ผมจึงหันกลับมาทางซ้าย
  • 1:00 - 1:02
    เสียงเก้าอี้ก็ตามมาทางซ้าย
  • 1:02 - 1:04
    ขวางทางเดินผม
  • 1:04 - 1:07
    ตอนนี้ ผมแทบบ้า
  • 1:07 - 1:09
    เลยตะโกนออกไป
  • 1:09 - 1:12
    "ใครอยู่ตรงนั้น เกิดอะไรขึ้น"
  • 1:12 - 1:14
    และหลังจากผมตะโกนไป
  • 1:14 - 1:17
    ผมได้ยินอีกเสียง เป็นคล้ายโซ่สั่นๆ
  • 1:17 - 1:19
    ฟังดูคุ้นๆ
  • 1:19 - 1:21
    ผมเลยคิดว่ามีอีกกรณีหนึ่งที่เป็นไปได้
  • 1:21 - 1:23
    ผมเอื้อมมือซ้ายออกไป
  • 1:23 - 1:26
    ไปสัมผัสบางอย่างปุยๆ
  • 1:26 - 1:29
    ผมคิดว่ามันเป็นหู
  • 1:29 - 1:33
    เป็นหูสุนัข บางทีคงเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์
  • 1:33 - 1:35
    เชือกจูงถูกพันอยู่กับเก้าอี้
  • 1:35 - 1:37
    เจ้าของคงไปซื้อกาแฟอยู่
  • 1:37 - 1:38
    และน้องหมาก็กำลังพยายาม
  • 1:38 - 1:42
    ที่จะทักทายผม หรืออยากให้ผมเกาหูให้
  • 1:42 - 1:44
    ใครจะรู้ บางทีเธออาจอยากเป็นอาสาสมัครอยู่
  • 1:44 - 1:47
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:47 - 1:49
    เรื่องที่ผมเล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
  • 1:49 - 1:52
    ที่นำพามาจาก ความกลัวและเข้าใจผิดไปเอง
  • 1:52 - 1:55
    ในการเดินทางในเมือง
  • 1:55 - 1:57
    โดยที่มองไม่เห็น
  • 1:57 - 2:00
    ทำตัวกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว
  • 2:00 - 2:02
    และผู้คนรอบข้าง
  • 2:02 - 2:06
    ขอผมเล่าย้อนไปซักนิด
  • 2:06 - 2:09
    ในวันฉลองนักบุญแพทริค
    (St. Patrick's Day) ปี 2008
  • 2:09 - 2:12
    ผมไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด
  • 2:12 - 2:14
    ตัดเนื้องอกในสมองออก
  • 2:14 - 2:16
    การผ่าตัด สำเร็จ
  • 2:16 - 2:19
    สองวันต่อมา สายตาผมเริ่มแย่
  • 2:19 - 2:22
    วันที่สาม ผมมองไม่เห็น
  • 2:22 - 2:25
    ทันใดนั้น ผมถูกครอบงำ
  • 2:25 - 2:28
    ด้วยความกลัว สับสน อ่อนแอ
  • 2:28 - 2:31
    เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เจอแบบเดียวกัน
  • 2:31 - 2:33
    ผมมีเวลาหยุดคิด
  • 2:33 - 2:35
    ผมเริ่มตระหนักว่า
  • 2:35 - 2:38
    มีหลายสิ่งอย่างที่ผมควรจะขอบคุณ
  • 2:38 - 2:41
    โดยเฉพาะ ผมนึกถึงเรื่องของพ่อผม
  • 2:41 - 2:43
    ผู้จากไปเพราะภาวะแทรกซ้อน
  • 2:43 - 2:45
    จากการผ่าตัดสมอง
  • 2:45 - 2:50
    พ่ออายุ 36 ผม 7 ขวบ
  • 2:50 - 2:53
    ถึงแม้เหตุการณ์ต่างๆ
  • 2:53 - 2:55
    จะทำให้ผมกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น
  • 2:55 - 2:58
    ผมก็ไม่อาจคาดเดาอนาคต
  • 2:58 - 3:00
    ผมยังมีชีวิต
  • 3:00 - 3:03
    ลูกชายก็ยังมีผม
  • 3:03 - 3:04
    และ ผมไม่ใช่คนแรก
  • 3:04 - 3:06
    ที่สูญเสียการมองเห็นไป
  • 3:06 - 3:08
    ผมรู้ว่ามันจะต้องมีระบบ
  • 3:08 - 3:10
    เทคนิค และ การเรียนรู้
  • 3:10 - 3:13
    มาช่วยให้ชีวิตผมมีความหมาย และเติมเต็ม
  • 3:13 - 3:15
    แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม
  • 3:15 - 3:17
    เมื่อผมได้ออกจากโรงพยาบาล
  • 3:17 - 3:19
    หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมก็มีเป้าหมาย
  • 3:19 - 3:22
    ที่จะออกไปฝึกฝน
  • 3:22 - 3:27
    เรียนรู้ให้เร็วที่สุด
  • 3:27 - 3:31
    ผมกลับมาทำงานอีกครั้งภายในหกเดือน
  • 3:31 - 3:32
    การฝึกฝนเริ่มต้นขึ้น
  • 3:32 - 3:34
    หัดแม้แต่การขี่จักรยานคู่
  • 3:34 - 3:36
    กับเพื่อนเก่าของผม
  • 3:36 - 3:38
    ผมเดินทางไปทำงานเองได้
  • 3:38 - 3:41
    เดินตามถนน ขึ้นรถประจำทาง
  • 3:41 - 3:44
    งานไม่ง่ายเลย
  • 3:44 - 3:46
    แต่สิ่งที่ผมไม่ได้คาดหวัง
  • 3:46 - 3:49
    จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
  • 3:49 - 3:53
    คือประสบการณ์ที่น่าทึ่งของการเทียบสองภาวะ
  • 3:53 - 3:57
    ระหว่างตอนที่ผมมองเห็นและมองไม่เห็น
  • 3:57 - 3:59
    กับสถานที่เดิมๆ คนเดิมๆ
  • 3:59 - 4:03
    ในเวลาอันสั้นแค่นี้
  • 4:03 - 4:05
    สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมเข้าใจปรุโปร่ง
  • 4:05 - 4:06
    หรือที่ผมชอบเรียกว่า เข้าใจแบบมืดสนิท
  • 4:06 - 4:10
    ว่าสิ่งที่ผมเรียนรู้จากการสูญเสียการมองเห็น
  • 4:10 - 4:13
    มีตั้งแต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
  • 4:13 - 4:14
    ไปจนถึงสิ่งที่ลึกซึ้ง
  • 4:14 - 4:17
    จากเรื่องปกติไปจนถึงน่าขัน
  • 4:17 - 4:20
    ในฐานะที่ผมเป็นสถาปนิก
  • 4:20 - 4:22
    ประสบการณ์ของการมองเห็นและไม่เห็น
  • 4:22 - 4:25
    ในสถานที่เดิมๆ เมืองเดิมๆ
  • 4:25 - 4:27
    ในเวลาอันสั้นแค่นี้
  • 4:27 - 4:29
    ทำให้ผมรู้ลึกถึง
  • 4:29 - 4:32
    ตัวเมือง
  • 4:32 - 4:34
    สิ่งที่สุดยอดที่สุด
  • 4:34 - 4:36
    คือการได้เรียนรู้ว่า
  • 4:36 - 4:40
    เมืองกรุงเป็นที่ที่เลิศเลอสำหรับคนตาบอด
  • 4:40 - 4:42
    และผมก็รู้สึกประหลาดใจ
  • 4:42 - 4:45
    กับแนวโน้มของเมืองกรุง
    ที่อ่อนโยนและเอาใจใส่กับผม
  • 4:45 - 4:49
    แทนที่จะไม่แยแส หรือ ปฏิบัติกับผมแย่กว่านั้น
  • 4:49 - 4:51
    และผมก็ได้พบว่า
  • 4:51 - 4:53
    คนตาบอดดูเหมือนจะมี
  • 4:53 - 4:57
    อิทธิพลด้านบวกกับเมืองกรุง
  • 4:57 - 5:00
    มันทำให้ผมสงสัยนิดหน่อย
  • 5:00 - 5:03
    ผมกลับมามองดูว่า
  • 5:03 - 5:08
    ทำไมเมืองกรุงถึงเป็นเมืองดีสำหรับคนตาบอด
  • 5:08 - 5:12
    สิ่งที่มาพร้อมกับการอบรมฟื้นฟูให้กับคนตาบอด
  • 5:12 - 5:15
    คือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาสัมผัสอื่นๆ
  • 5:15 - 5:19
    สิ่งที่ทุกคนอาจจะมองข้ามไป
  • 5:19 - 5:21
    เหมือนโลกใหม่สำหรับการรับข้อมูล
  • 5:21 - 5:23
    ได้เปิดออกแล้ว
  • 5:23 - 5:24
    ผมตื่นตะลึงไปกับเสียงซิมโฟนี
  • 5:24 - 5:27
    และเสียงเล็กเสียงน้อยรอบตัวในเมือง
  • 5:27 - 5:28
    ที่ผมจะต้องฟังและเรียนรู้
  • 5:28 - 5:30
    และเข้าใจว่าผมอยู่ที่ไหน
  • 5:30 - 5:33
    จะขยับไปอย่างไร และ ต้องไปทางไหน
  • 5:33 - 5:36
    เช่นเดียวกับการจับด้ามไม้เท้า
  • 5:36 - 5:40
    คุณสามารถรับรู้แตกต่างของผิวสัมผัสที่พื้นได้
  • 5:40 - 5:42
    และค่อยๆ จับแนวทางได้ว่าคุณอยู่ที่ไหน
  • 5:42 - 5:44
    และกำลังจะไปไหน
  • 5:44 - 5:47
    เช่นเดียวกับ แดดที่ทำให้หน้าร้อนฝั่งเดียว
  • 5:47 - 5:49
    หรือ สายลมที่กระทบคอ
  • 5:49 - 5:52
    บอกใบ้ทิศทาง
  • 5:52 - 5:53
    และการเดินผ่านแต่ละช่วงตึก
  • 5:53 - 5:57
    และเวลากับสถานที่ที่คุณเดินผ่าน
  • 5:57 - 5:59
    รวมไปถึง การรับรู้กลิ่น
  • 5:59 - 6:02
    บางท้องที่ก็มีกลิ่นเฉพาะตัว
  • 6:02 - 6:05
    เช่นเดียวกับสถานที่และสิ่งรอบตัว
  • 6:05 - 6:07
    คุณอาจตามจมูกคุณไป
  • 6:07 - 6:10
    ถึงร้านเบเกอรีใหม่ที่คุณตามหาอยู่
  • 6:10 - 6:12
    ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมประหลาดใจ
  • 6:12 - 6:15
    เพราะผมเพิ่งเรียนรู้ว่า
  • 6:15 - 6:18
    การมองไม่เห็นของผม
  • 6:18 - 6:20
    ได้ใช้สัมผัสอีกหลายอย่าง
  • 6:20 - 6:23
    มากกว่าตอนที่ผมมองเห็นเสียอีก
  • 6:23 - 6:26
    และสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจอีกอย่าง
    คือการที่เมืองของผม
  • 6:26 - 6:27
    เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
  • 6:27 - 6:29
    เมื่อตอนมองเห็น
  • 6:29 - 6:31
    ทุกคนเหมือนจะสนใจตัวเอง
  • 6:31 - 6:33
    สนใจแต่ธุระตัว
  • 6:33 - 6:34
    เมื่อมองไม่เห็นแล้ว
  • 6:34 - 6:37
    กลับกลายเป็นอีกเรื่องเลย
  • 6:37 - 6:39
    จะไม่มีทางรู้เลยว่าใครมองใครอยู่
  • 6:39 - 6:42
    แต่ผมมักสงสัยว่าหลายคนมองผมอยู่
  • 6:42 - 6:44
    ผมไม่หวาดระแวง แต่ทุกที่ที่ไป
  • 6:44 - 6:47
    ผมจะได้รับคำแนะนำต่างๆ
  • 6:47 - 6:50
    ไปทางนี้ ทางนั้น ระวังตรงนั้นนะ
  • 6:50 - 6:52
    ข้อมูลมากๆ ก็ดี
  • 6:52 - 6:54
    บ้างก็มีประโยชน์ แต่หลายทีก็ตรงกันข้าม
  • 6:54 - 6:58
    ต้องเรียนรู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร
  • 6:58 - 7:01
    บ้างก็เป็นข้อมูลผิดๆ และไม่ช่วยอะไรเลย
  • 7:01 - 7:04
    แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี เมื่อมองในภาพรวมนะ
  • 7:04 - 7:06
    ครั้งหนึ่งในโอคแลนด์
  • 7:06 - 7:09
    ขนะเดินไปถึงหัวมุมของถนน
  • 7:09 - 7:12
    ผมรอสัญญาณเสียงให้คนข้ามถนนอยู่
  • 7:12 - 7:14
    เมื่อผมกำลังจะก้าวลงถนน
  • 7:14 - 7:16
    ทันใดนั้น มือขวาผม
  • 7:16 - 7:18
    ก็ถูกมีผู้ชายคนหนึ่งคว้าไว้
  • 7:18 - 7:20
    เขากระชากแขนผม
    แล้วก็ดึงผมเดินข้ามทางม้าลายไป
  • 7:20 - 7:22
    มันเป็นการถูกลากข้ามถนน
  • 7:22 - 7:24
    พร้อมเสียงพูดเป็นภาษาจีนกลาง
  • 7:24 - 7:26
    (เสียงหัวเราะ)
  • 7:26 - 7:30
    ผมรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะหลุด
    จากกำมือของชายคนนี้ได้
  • 7:30 - 7:31
    แต่เขาก็พาข้ามสำเร็จนะ
  • 7:31 - 7:34
    ผมควรทำอย่างไรดี
  • 7:34 - 7:36
    แต่เชื่อผมนะ มันมีวิธีสุภาพกว่านี้
  • 7:36 - 7:38
    ในการยื่นมือช่วยเหลือ
  • 7:38 - 7:39
    เพราะผมไม่รู้ว่ามีใครอยู่ตรงนั้น
  • 7:39 - 7:41
    คงจะดีถ้าทักทายกันก่อน
  • 7:41 - 7:43
    แล้วถามว่า "ต้องการความช่วยเหลือไหม"
  • 7:43 - 7:46
    ตอนอยู่ในเมืองโอคแลนด์ ผมงงงัน
  • 7:46 - 7:49
    ว่าเมืองโอ๊คแลนด์เปลี่ยนไปแค่ไหน
  • 7:49 - 7:52
    เมื่อผมมองไม่เห็น
  • 7:52 - 7:54
    ผมชอบเมืองนี้ตอนผมมองเห็น
  • 7:54 - 7:56
    เป็นเมืองที่ดีมาก
  • 7:56 - 7:58
    แต่พอผมมองไม่เห็น
  • 7:58 - 8:00
    และต้องเดินไปตามถนน
  • 8:00 - 8:03
    มีคนให้พรผมตลอดทาง
  • 8:03 - 8:05
    "โชคดีนะ พี่"
  • 8:05 - 8:07
    "ไปโลด พี่ชาย"
  • 8:07 - 8:09
    "พระเจ้าคุ้มครองนะ"
  • 8:09 - 8:10
    ตอนผมมองเห็น ไม่เจอแบบนี้เลย
  • 8:10 - 8:12
    (เสียงหัวเราะ)
  • 8:12 - 8:18
    แต่ผมไม่เจอแบบนี้ในซานฟรานซิสโก
    แม้ผมจะมองไม่เห็นเหมือนกัน
  • 8:18 - 8:21
    เพื่อนตาบอดของผมบางคนรำคาญนะ
  • 8:21 - 8:23
    ไม่เฉพาะแต่ผม
  • 8:23 - 8:25
    มันทำให้ผมรู้สึก
  • 8:25 - 8:28
    ว่าพวกเขาสงสารผม
  • 8:28 - 8:31
    ผมพยายามเข้าใจว่ามันมาจากมนุษยธรรม
  • 8:31 - 8:34
    โดยรวม มันก็เจ๋งดีแหละ
  • 8:34 - 8:36
    เวลาผมรู้สึกจิตตก
  • 8:36 - 8:38
    ผมเพียงไปเดินในตัวเมืองโอคแลนด์
  • 8:38 - 8:41
    ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว
  • 8:41 - 8:44
    ไม่ต้องใช้เวลาเลย
  • 8:44 - 8:46
    นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า
  • 8:46 - 8:48
    คนพิการ ตาบอด
  • 8:48 - 8:50
    สามารถก้าวข้ามผ่านสังคม
  • 8:50 - 8:53
    เชื้อชาติ เศรษฐกิจ ได้อย่างไร
  • 8:53 - 8:57
    ความพิการกลับนำมาซึ่งโอกาสที่เท่าเทียม
  • 8:57 - 8:59
    ทุกคนได้รับการต้อนรับ
  • 8:59 - 9:02
    ผมเคยได้ยินว่าชุมชนคนพิการ
  • 9:02 - 9:04
    แบ่งคนเป็นสองประเภท
  • 9:04 - 9:06
    คนที่มีความพิการ
  • 9:06 - 9:11
    และคนที่ยังไม่เจอความพิการของตัวเอง
  • 9:11 - 9:13
    มันเป็นความคิดต่าง
  • 9:13 - 9:15
    ผมว่ามันสวยงามนะ
  • 9:15 - 9:17
    เพราะมันดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  • 9:17 - 9:20
    มากกว่าการแบ่งแยก พวกเรากับพวกเขา
  • 9:20 - 9:22
    หรือ พวกมีความสามารถกับพวกไม่มีความสามารถ
  • 9:22 - 9:25
    มันมีความเที่ยงธรรม เคารพกันและกัน
  • 9:25 - 9:28
    ให้กับชีวิตที่เปราะบาง
  • 9:28 - 9:30
    สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากไว้
  • 9:30 - 9:34
    คือไม่เฉพาะเมืองกรุงที่เป็นมิตรกับคนตาบอด
  • 9:34 - 9:37
    เมืองกรุงต้องการเรา
  • 9:37 - 9:39
    ผมมั่นใจ
  • 9:39 - 9:41
    สิ่งที่อยากเสนอในวันนี้
  • 9:41 - 9:44
    คือการนำคนตาบอดมาเป็นต้นแบบของผู้อาศัยในเมืองนั้น
  • 9:44 - 9:48
    เมื่อคุณคิดจะออกแบบเมืองใหม่ที่วิเศษ
  • 9:48 - 9:50
    ไม่ใช่ให้คนตาบอด ถูกนึกถึง
  • 9:50 - 9:52
    เมื่อพิมพ์เขียวของเมืองถูกร่างขึ้นแล้ว
  • 9:52 - 9:55
    ถึงตอนนั้นมันคงสายเกินไป
  • 9:55 - 9:58
    ถ้าออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนพิการตาบอด
  • 9:58 - 10:03
    ก็จะเป็นเมืองที่มีทางเดินถนนที่สมบูรณ์
  • 10:03 - 10:05
    เต็มไปด้วยตัวเลือกต่างๆ
  • 10:05 - 10:08
    ให้เลือกเต็มถนนไปหมด
  • 10:08 - 10:10
    ถ้าออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนพิการตาบอด
  • 10:10 - 10:14
    ทางเดินเท้าจะเดินง่าย คาดเดาง่าย
  • 10:14 - 10:16
    ระยะห่างระหว่างตึกจะสมดุล
  • 10:16 - 10:19
    ระหว่างคนกับรถยนต์
  • 10:19 - 10:23
    แต่จริงแล้ว ใครต้องการรถยนต์
  • 10:23 - 10:27
    ถ้าคุณตาบอด คุณไม่ขับรถนะ (เสียงหัวเราะ)
  • 10:27 - 10:30
    ไม่มีใครชอบคนตาบอดขับรถ (เสียงหัวเราะ)
  • 10:30 - 10:33
    ถ้าออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนตาบอด
  • 10:33 - 10:35
    ออกแบบเมืองที่มีความยั่งยืน
  • 10:35 - 10:39
    เดินทางสะดวก เชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนดี
  • 10:39 - 10:41
    สามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้สะดวก
  • 10:41 - 10:44
    ในทั้งเมืองและข้างเคียง
  • 10:44 - 10:46
    ถ้าออกแบบเมืองโดยคำนึงถึงคนตาบอด
  • 10:46 - 10:48
    จะสร้างงานได้มากมาย
  • 10:48 - 10:50
    คนตาบอดก็อยากทำงานนะ
  • 10:50 - 10:52
    อยากมีรายได้เลี้ยงชีพ
  • 10:52 - 10:55
    ดังนั้น การออกแบบเมืองให้คนพิการทางสายตา
  • 10:55 - 10:57
    ควรจะตระหนักถึง
  • 10:57 - 11:00
    การมีส่วนร่วมมากชึ้น
  • 11:00 - 11:04
    เท่าเทียมมากขึ้น เป็นของทุก ๆ คนมากขึ้น
  • 11:04 - 11:06
    จากประสบการณ์ที่ผมเคยมองเห็น
  • 11:06 - 11:08
    มันฟังดูเป็นเมืองที่น่าจะเจ๋งมาก
  • 11:08 - 11:11
    สำหรับคนพิการทางสายตา หรือพิการทางอื่น
  • 11:11 - 11:14
    หรือ ความพิการที่คุณยังไม่รู้ตัว
  • 11:14 - 11:16
    ขอบคุณครับ
  • 11:16 - 11:20
    (เสียงปรบมือ)
Title:
การออกแบบที่ใส่ใจคนพิการทางสายตา
Speaker:
คริส ดาวนีย์ (Chris Downey)
Description:

เมืองที่ถูกออกแบบเพื่อคนพิการทางสายตาจะเป็นอย่างไร ? คริส ดาวนีย์ คือสถาปนิกที่สูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหันในปี 2008 เขาเปรียบเทียบชีวิตในซานฟรานซิสโกที่เขารัก ก่อนและหลังที่จะตาบอด และแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่คำนึงถึงคนพิการทางสายการจะช่วยเปิดโอกาสให้ชีวิตของเขาและจะช่วยให้ชีวิตคนทั่วไปดีขึ้นได้อย่างไร

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
11:40
Kanawat Senanan approved Thai subtitles for Design with the blind in mind
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Sakunphat Jirawuthitanant accepted Thai subtitles for Design with the blind in mind
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Design with the blind in mind
Show all

Thai subtitles

Revisions