< Return to Video

ผู้แจ้งเบาะแสพลิกโฉมประวัติศาสตร์ได้อย่างไร

  • 0:02 - 0:04
    มีใครบ้างที่เคยพบเห็นอะไรบางอย่าง
  • 0:04 - 0:07
    แล้วรู้สึกว่าเราควรจะพูดมันออกไป
    แต่ก็ไม่ได้ทำ
  • 0:09 - 0:11
    ถึงฉันจะไม่เห็นใครยกมือเลย
  • 0:11 - 0:14
    แต่ฉันแน่ใจว่า
    มันเคยเกิดขึ้นกับบางคนในที่นี้มาก่อน
  • 0:14 - 0:17
    จริง ๆ แล้ว ถ้าเราถามคำถามนี้
    กับพนักงานในองค์กร
  • 0:17 - 0:21
    46% ของพวกเขาจะตอบว่า
    เคยเห็นอะไรบางอย่าง
  • 0:21 - 0:23
    แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
  • 0:23 - 0:26
    ดังนั้น หากคุณยกมือ
    หรือแอบ ๆ ยกมือ
  • 0:26 - 0:28
    ไม่ต้องกังวลไป
    คุณไม่ได้เป็นแบบนั้นคนเดียว
  • 0:28 - 0:31
    คำพูดทำนองว่า "ถ้าคุณพบอะไร..."
    ไปจนถึง "...พูดอะไรบ้างสิ"
  • 0:31 - 0:33
    มีให้เราได้ยินอยู่เสมอ
  • 0:33 - 0:37
    แม้กระทั่งเวลาที่คุณขับรถอยู่บนถนน
    คุณก็ยังเห็นป้ายโฆษณาแบบนี้
  • 0:37 - 0:40
    ที่ขอให้คุณช่วยแจ้งเบาะแสอาชญากรรม
    โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
  • 0:40 - 0:43
    แต่ฉันก็ยังเห็นหลาย ๆ คนไม่สบายใจ
  • 0:43 - 0:45
    ที่จะออกมาพูดความจริง
  • 0:45 - 0:48
    ฉันเป็นอาจารย์สอนบัญชี
    และทำวิจัยเรื่องการทุจริต
  • 0:48 - 0:52
    ในชั้นเรียนของฉัน
    ฉันสนับสนุนให้นักเรียนแจ้งข้อมูล
  • 0:52 - 0:53
    หากพวกเขาพบเห็นอะไร
  • 0:53 - 0:57
    พูดง่ายๆก็คือ ฉันสนับสนุนให้นักเรียน
    เป็น "ผู้แจ้งเบาะแส" นั่นเอง
  • 0:57 - 1:00
    แต่ถ้าฉันจะไม่หลอกตัวเองแล้วหล่ะก็
  • 1:00 - 1:04
    สิ่งที่ฉันบอกนักศึกษาไปนั้น
    ที่จริงแล้วขัดความรู้สึกของฉันเองมาก
  • 1:04 - 1:05
    และนี่คือเหตุผลว่าทำไม
  • 1:06 - 1:09
    "ผู้แจ้งเบาะแส" กำลังถูกคุกคาม
  • 1:10 - 1:13
    พาดหัวข่าวแบบนี้มีอยู่ตลอดเวลา
  • 1:14 - 1:16
    ทำให้หลาย ๆ คน
    ไม่อยากเป็น "ผู้แจ้งเบาะแส"
  • 1:16 - 1:19
    เพราะกลัวจะถูกเอาคืน
  • 1:19 - 1:22
    เช่น ถูกลดตำแหน่งหน้าที่
    ถูกขู่จะเอาชีวิต
  • 1:22 - 1:24
    ถูกโยกย้าย
  • 1:24 - 1:26
    หรือตกงานแบบถาวร
  • 1:26 - 1:30
    การเลือกเป็นผู้แจ้งเบาะแส
    เป็นการตัดสินใจที่ลำบาก
  • 1:30 - 1:32
    เพราะคนอื่น ๆ
    จะสงสัยในความภักดีของพวกเขา
  • 1:32 - 1:35
    รวมทั้งตั้งคำถามเกี่ยวกับแรงจูงใจ
    หรือความน่าเชื่อถือของพวกเขาด้วย
  • 1:35 - 1:39
    ดังนั้น ในฐานะอาจารย์ที่ห่วงใยลูกศิษย์
  • 1:39 - 1:41
    ทำไมฉันถึงสนับสนุนให้เขาเป็น
    "ผู้แจ้งเบาะแส"
  • 1:41 - 1:44
    ในเมื่อฉันรู้ว่า
    คนทั้งโลกจะคิดอย่างไรกับพวกเขา
  • 1:45 - 1:48
    วันหนึ่ง ฉันกำลังเตรียมตัวสอนนักเรียน
  • 1:48 - 1:49
    ในหัวข้อ "ผู้แจ้งเบาะแส"
  • 1:49 - 1:51
    และฉันกำลังเขียนบทความลงนิตยสาร ฟอร์บส์
  • 1:51 - 1:54
    ในชื่อ "เวลส์ฟาร์โก
    กับการแจ้งเบาะแสของชาวมิลเลนเนียม
  • 1:54 - 1:55
    เราจะสอนพวกเขาอย่างไร"
  • 1:55 - 1:58
    ขณะที่ฉันกำลังเขียนบทความ
    และก็อ่านข้อมูลต่าง ๆ
  • 1:58 - 2:00
    ฉันรู้สึกโกรธ
  • 2:00 - 2:04
    สิ่งที่ทำให้ฉันโกรธ
  • 2:04 - 2:06
    คือความจริงที่ว่า
    พนักงานที่แจ้งเบาะแสนั้น
  • 2:06 - 2:08
    สุดท้ายถูกไล่ออก
  • 2:08 - 2:09
    ซึ่งมันทำให้ฉันนึกถึง
  • 2:10 - 2:12
    สิ่งที่ฉันสอนนักเรียนไป
  • 2:12 - 2:17
    ถ้านักเรียนของฉัน
    เป็นพนักงานของเวลส์ฟาร์โกหล่ะ ?
  • 2:17 - 2:21
    ถ้าพวกเขาแจ้งเบาะแส ก็จะถูกไล่ออก
  • 2:21 - 2:23
    แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำ
  • 2:23 - 2:25
    นั่งทับความจริง
    ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็รู้เรื่อง
  • 2:25 - 2:28
    พวกเขาก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย
  • 2:28 - 2:30
    ในฐานะที่รู้อยู่แก่ใจ
  • 2:30 - 2:33
    แต่ไม่ทำอะไร
  • 2:33 - 2:36
    ซึ่งมันเป็นความผิดอาญาด้วย
  • 2:36 - 2:39
    แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี
  • 2:39 - 2:43
    ฉันก็เหมือนกับทุกคน
    ที่เข้าใจว่า ผู้แจ้งเบาะแส
  • 2:43 - 2:44
    ได้ให้อะไรกับสังคมบ้าง
  • 2:44 - 2:48
    การทุจริตส่วนใหญ่ ก็เจอได้เพราะเบาะแส
  • 2:48 - 2:51
    การทุจริต ถูกพบผ่านการแจ้งเบาะแส
    สูงถึง 42%
  • 2:51 - 2:53
    เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ
  • 2:53 - 2:55
    สูงกว่าการตรวจสอบโดยผู้บริหาร
    และโดยผู้ตรวจสอบจากภายนอก
  • 2:55 - 2:58
    ถ้าเราลองนึกถึงกรณีทุจริตสำคัญ ๆ
  • 2:58 - 2:59
    หรือกรณีที่โด่งดังในอดีต
  • 2:59 - 3:02
    ก็มักจะเกี่ยวข้องกับผู้แจ้งเบาะแสเสมอ
  • 3:02 - 3:05
    คดีวอเตอร์เกต
    พบโดยผู้แจ้งเบาะแส
  • 3:05 - 3:08
    เอนรอน ก็พบโดยผู้แจ้งเบาะแส
  • 3:08 - 3:12
    แล้วใครจะลืมได้ว่าคดี เบอร์นาร์ด แมดดอฟ
    ก็เจอโดยผู้แจ้งเบาะแส
  • 3:12 - 3:17
    มันต้องอาศัยความกล้าหาญเป็นอย่างมาก
    ในการออกมาพูดความความจริง
  • 3:17 - 3:20
    แต่พอคนเรานึกถึงผู้แจ้งเบาะแส
  • 3:20 - 3:23
    เราก็มักจะนึกถึงคำอื่น ๆ อีก
  • 3:23 - 3:24
    "หนอนบ่อนไส้"
  • 3:25 - 3:27
    "งูเห่า"
  • 3:27 - 3:29
    "คนทรยศ"
  • 3:29 - 3:31
    "คนขี้ฟ้อง" "ตลบตะแลง"
  • 3:31 - 3:35
    นี่เอาเฉพาะคำที่ฉันพอจะพูดได้บนเวทีนี้
  • 3:35 - 3:36
    เวลาฉันไม่มีสอน
  • 3:36 - 3:39
    ฉันจะเดินทางไปทั่วประเทศ
    เพื่อสัมภาษณ์ผู้กระทำผิด
  • 3:39 - 3:41
    ผู้แจ้งเบาะแส และเหยื่อของการทุจริต
  • 3:41 - 3:44
    เพราะฉันต้องการทำความเข้าใจ
    ว่าอะไรผลักดันพวกเขา
  • 3:44 - 3:47
    และเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาสอนในชั้นเรียน
  • 3:48 - 3:52
    การสัมภาษณ์ผู้แจ้งเบาะแส
    คือสิ่งที่คาใจฉันมาก
  • 3:52 - 3:53
    สาเหตุที่ฉันรู้สึกคาใจ
  • 3:53 - 3:55
    เพราะพวกเขาทำให้ฉัน
    สงสัยในความกล้าหาญของตัวเอง
  • 3:55 - 3:59
    ถ้าฉันมีโอกาส
    ฉันจะแจ้งเบาะแสจริง ๆ เหรอ
  • 3:59 - 4:02
    และนี่เป็นตัวอย่างสองสามเรื่อง
    ที่ฉันอยากจะเล่า
  • 4:02 - 4:03
    นี่คือ แมรี
  • 4:03 - 4:07
    แมรี วิลลิงแฮม เป็นผู้แจ้งเบาะแส
    จาก มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ท แคโรไลนา
  • 4:07 - 4:10
    ที่เมืองแชเปิลฮิลล์
    นี่เป็นกรณีการทุจริตในสถานศึกษา
  • 4:10 - 4:14
    แมรี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้
    ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
  • 4:14 - 4:17
    เธอทำงานกับนักศึกษา
    ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโควตานักกีฬา
  • 4:17 - 4:19
    ในระหว่างที่ทำงานกับนักศึกษา
    เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
  • 4:19 - 4:22
    นั่นคือรายงานที่นักศึกษาทำส่งนั้น
    มีคุณภาพสูง
  • 4:22 - 4:25
    ซึ่งสูงกว่าทักษะในการอ่านของพวกเขาอยู่มาก
  • 4:25 - 4:27
    เธอก็เริ่มที่จะหาข้อมูล
  • 4:27 - 4:29
    และเธอพบว่า
    มันมีฐานข้อมูล
  • 4:29 - 4:33
    ที่มีรายงานเตรียมไว้ให้
    นักศึกษาโควต้านักกีฬาเอาไปส่ง
  • 4:33 - 4:35
    เธอยังพบอีกว่า
    เพื่อนร่วมงานของเธอบางคน
  • 4:35 - 4:41
    ได้จัดชั้นเรียนปลอม ๆ ให้นักศึกษากลุ่มนี้
    ผ่านเกณฑ์และสามารถลงแข่งขันได้
  • 4:41 - 4:44
    เมื่อ แมรี พบเรื่องพวกนี้
    เธอรู้สึกตกตะลึง
  • 4:44 - 4:47
    สิ่งที่เธอทำก็คือเข้าไปพบหัวหน้าของเธอ
  • 4:47 - 4:49
    แต่พวกเขาไม่ทำอะไร
  • 4:49 - 4:53
    เธอลองแจ้งไปที่ฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัย
  • 4:53 - 4:54
    พวกเขาก็ยังไม่ทำอะไร
  • 4:54 - 4:57
    คุณจะทำอย่างไรถ้าไม่มีใครฟังคุณเลย
  • 4:57 - 4:58
    คุณก็เขียน บล็อก
  • 4:58 - 5:00
    แมรีตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ลง บล็อก
  • 5:00 - 5:03
    บล็อก ของเธอกลายเป็น ไวรัล ภายใน 24 ชม.
  • 5:03 - 5:05
    และเธอก็ได้รับการติดต่อโดยนักข่าว
  • 5:05 - 5:07
    ซึ่งเมื่อเธอคุยกับนักข่าว
  • 5:08 - 5:09
    ตัวตนของเธอก็ถูกเปิดเผย
  • 5:09 - 5:11
    ทุกคนรู้ว่าเป็นเธอ
  • 5:11 - 5:14
    เมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นเธอ
    เธอก็ถูกลดตำแหน่ง
  • 5:15 - 5:18
    ถูกขู่ฆ่า
    เพียงพราะเรื่องกีฬาในระดับอุดมศึกษานี่แหละ
  • 5:18 - 5:22
    แมรีไม่ได้ทำอะไรผิด
    เธอไม่ได้สมรู้ร่วมคิดในการทุจริต
  • 5:22 - 5:24
    เธอคิดแค่ว่าเธอพูดแทนนักศึกษา
  • 5:24 - 5:27
    ที่ไม่มีปากมีเสียง
  • 5:27 - 5:29
    แต่ความภักดีของเธอกลับถูกตั้งคำถาม
  • 5:29 - 5:32
    ความน่าเชื่อถือ และแรงจูงใจของเธอก็เช่นกัน
  • 5:33 - 5:37
    ผู้แจ้งเบาะแส
    ไม่ควรที่จะประสบชะดากรรม
  • 5:37 - 5:39
    โดยถูกลดตำแหน่ง
    หรือถูกขู่เอาชีวิต
  • 5:39 - 5:43
    ในปี 2002 ผู้แจ้งเบาะแสที่กล้าหาญสามท่าน
  • 5:43 - 5:46
    ได้ขึ้นหน้าปกนิตยสาร ไทม์
  • 5:46 - 5:49
    เพราะพวกเค้ากล้าที่จะพูดความจริง
  • 5:49 - 5:51
    งานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า
  • 5:51 - 5:54
    เพียง 22% ของผู้แจ้งเบาะแส
    จะเผชิญกับการแก้แค้น
  • 5:54 - 6:00
    แปลว่าส่วนใหญ่ผู้แจ้งเบาะแส
    จะไม่ถูกเอาคืน
  • 6:00 - 6:01
    ซึ่งนั่นทำให้ฉันพอจะมีความหวัง
  • 6:02 - 6:04
    นี่คือ เคท สวอนสัน
  • 6:04 - 6:08
    เธอเป็นเจ้าหน้าที่ของเมืองดิกซัน
    และปัจจุบันเกษียณแล้ว
  • 6:08 - 6:12
    วันหนึ่งเธอทำงานตามปกติ
  • 6:12 - 6:16
    แต่บังเอิญไปพบเหตุการณ์ต้องสงสัยเข้า
  • 6:16 - 6:18
    ตอนนั้นเป็นข่วงปลายเดือน
  • 6:18 - 6:20
    เคท กำลังทำรายงานเงินคงคลังของเมืองอยู่
  • 6:21 - 6:25
    โดยปกติ หัวหน้าของเธอ ริตา ครันด์เวลล์
    จะให้รายการบัญชี และบอกเธอว่า
  • 6:25 - 6:28
    "เคท โทรหาธนาคารนะ
    และขอเฉพาะรายการบัญชีพวกนี้"
  • 6:28 - 6:29
    ซึ่ง เคท ก็จะทำตามนั้น
  • 6:29 - 6:31
    แต่วันนี้พิเศษหน่อย
  • 6:31 - 6:33
    ริตา ไม่อยู่ที่ทำงาน เคท ก็ค่อนข้างยุ่ง
  • 6:33 - 6:38
    เธอก็เลยโทรศัพท์หาธนาคาร และบอกว่า
    "ช่วยแฟกซ์ทุกบัญชีมาให้ฉันเลยนะ"
  • 6:38 - 6:42
    เมื่อเธอได้รับแฟกซ์จากธนาคาร เธอก็พบว่า
  • 6:42 - 6:44
    มีบัญชีหนึ่งที่มีเงินหมุนเวียน
  • 6:44 - 6:45
    ซึ่งเธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
  • 6:45 - 6:49
    มันเป็นบัญชีที่ ริตา เป็นคนดูแล
  • 6:49 - 6:53
    เคท ดูข้อมูลที่ได้มา
    แล้วก็แจ้งให้หัวหน้าทราบ
  • 6:53 - 6:55
    ซึ่งในตอนนั้นก็คือ นายกเทศมนตรี เบอร์ค
  • 6:55 - 6:59
    และนั่น ก็นำไปสู่การสืบสวนขนานใหญ่
    ที่ยาวนานกว่า 6 เดือน
  • 6:59 - 7:04
    ผลสรุปคือ ริตา ครันด์เวลล์ ได้ยักยอกทรัพย์
  • 7:04 - 7:09
    ไปเป็นมูลค่ากว่า 53 ล้านเหรียญ
    มาตลอด 20 ปีที่ผ่านมา
  • 7:09 - 7:12
    และ เคท ก็แค่บังเอิญไปเจอมันเข้า
  • 7:13 - 7:16
    เคท เป็นวีรสตรี
  • 7:16 - 7:18
    ที่จริง ฉันมีโอกาสได้สัมภาษณ์ เคท
  • 7:18 - 7:21
    ในสารคดีของฉันที่ชื่อว่า
    "ม้าทุกตัวของราชินี"
  • 7:21 - 7:23
    เคท ไม่ได้หวังว่าจะเป็นที่รู้จัก
  • 7:24 - 7:27
    จริง ๆ แล้วเธอไม่ยอมให้ฉันสัมภาษณ์
    อยู่นานทีเดียว
  • 7:27 - 7:30
    แต่สุดท้ายก็ทนการต้ามตื๊อ
    เชิงกลยุทธ์ของฉันไม่ได้
  • 7:30 - 7:31
    (หัวเราะ)
  • 7:31 - 7:33
    เธอต้องการแค่ความยุติธรรม
    ไม่ใช่ชื่อเสียง
  • 7:34 - 7:35
    ถ้าไม่มี เคท
  • 7:35 - 7:38
    เราจะมีโอกาสได้รู้ว่ามีการทุจริตนี้
    เกิดขึ้นเหรอ?
  • 7:39 - 7:42
    ยังจำบทความในนิตยสาร ฟอร์บส์ ได้ใช่มั๊ยคะ
  • 7:42 - 7:44
    บทความที่ฉันกำลังเขียนในระหว่างเตรียมสอน
  • 7:44 - 7:47
    พอบทความนั้น ได้ตีพิมพ์ออกไป
    สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น
  • 7:47 - 7:52
    ฉันเริ่มได้รับ อีเมล์
    จากผู้แจ้งเบาะแสทั่วโลก
  • 7:52 - 7:56
    ซึ่งในระหว่างที่ฉันอ่าน
    และตอบอีเมล์เหล่านี้
  • 7:56 - 7:58
    ฉันก็พบลักษณะบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน
  • 7:58 - 7:59
    ซึ่งก็คือทุกคน ๆ จะบอกว่า
  • 8:00 - 8:04
    "ฉันเป็นคนแจ้งเบาะแส
    และทุกคนก็เกลียดหน้าฉันกันหมด"
  • 8:04 - 8:06
    บ้างก็บอกว่า
    "ฉันโดนไล่ออกนะแต่รู้มั๊ยว่า
  • 8:06 - 8:09
    ฉันก็จะทำแบบเดิมอีก ถ้ามีโอกาส"
  • 8:10 - 8:13
    และในระหว่างที่ฉันอ่านอีเมล์ทั้งหมดนี้
  • 8:13 - 8:16
    ฉันก็คิดว่า "แล้วเราจะสอนอะไรนักเรียนดี"
  • 8:16 - 8:19
    เมื่อฉันรวมรวมข้อมูลที่ได้มา
    ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า
  • 8:19 - 8:22
    เราต้องรู้จักมีความหวัง
  • 8:22 - 8:24
    ผู้แจ้งเบาะแสะเป็นคนที่มีความหวัง
  • 8:24 - 8:26
    แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดอีกแบบ
  • 8:26 - 8:30
    คนพวกนี้ ไม่ใช่พนักงานที่เกลียด
    หรือมีความขัดแย้งกับองค์กร
  • 8:30 - 8:34
    แต่พวกเขามีความหวัง
    ที่ผลักดันให้เขาทำในสิ่งที่ควรทำ
  • 8:34 - 8:37
    เราต้องรู้จักรับผิดชอบ
  • 8:37 - 8:39
    ผู้แจ้งเบาะแส เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
  • 8:39 - 8:41
    ซึ่งนั่นคือความหวังดี
    ที่พวกเขามีต่อองค์กร
  • 8:41 - 8:43
    และทำให้พวกเขากล้าพูดออกมา
  • 8:44 - 8:45
    ผู้แจ้งเบาะแส เป็นคนถ่อมตัว
  • 8:45 - 8:49
    พวกเค้าไม่ได้อยากจะมีชื่อเสียง
    แต่อยากได้ความยุติธรรม
  • 8:49 - 8:52
    และสุดท้าย
    เราต้องปลูกฝังความกล้าหาญ
  • 8:52 - 8:54
    ผู้แจ้งเบาะแส มีความกล้าหาญ
  • 8:54 - 8:57
    บ่อยครั้ง ที่พวกเขา
  • 8:57 - 9:00
    ประเมินผลกระทบที่เกิด
    กับครอบครัวของเขาต่ำไป
  • 9:00 - 9:05
    แต่สิ่งที่พวกเขามักจะบอกก็คือ
    มันยากลำบากกว่าที่จะเก็บงำความจริงไว้
  • 9:06 - 9:09
    และจากที่พูดมาทั้งหมด
    ฉันอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักคน ๆ หนึ่ง
  • 9:09 - 9:10
    ปีเตอร์ บักซ์ตัน
  • 9:11 - 9:17
    เขาอายุ 27 ปี เป็นพนักงานของ
    หน่วยงานสาธารณสุขแห่งสหรัฐอเมริกา
  • 9:17 - 9:21
    เขาถูกจ้างให้ทำหน้าที่สัมภาษณ์ผู้ป่วย
  • 9:21 - 9:24
    ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศ
  • 9:24 - 9:26
    ซึ่งในระหว่างการทำงาน
  • 9:26 - 9:30
    เขาได้พบการศึกษาทางคลินิกฉบับหนึ่ง
  • 9:30 - 9:34
    ซึ่งเป็นการวิจัยเกี่ยวกับการลุกลาม
    ของโรคซิฟิลสที่ยังไม่ได้รับการรักษา
  • 9:34 - 9:37
    โดยทำการศึกษา
    ชายชาว แอฟริกัน-อเมริกัน
  • 9:37 - 9:38
    จำนวน 600 คน
  • 9:38 - 9:39
    ที่ถูกชักชวนให้เข้าร่วมงานวิจัย
  • 9:40 - 9:43
    เพื่อแลกกับการได้รับการวินิจฉัยโรคฟรี
    หรือได้รับประกันฌาปนกิจศพ
  • 9:43 - 9:47
    ซึ่งในระหว่างที่การศึกษาวิจัยนี้ดำเนินไป
  • 9:47 - 9:52
    ยาเพนนิซิลิน ก็ได้ถูกค้นพบขึ้น
    ซึ่งยานี้สามารถใช้รักษาโรคซิฟิลิสได้
  • 9:52 - 9:54
    สิ่งที่ ปีเตอร์ พบคือ
  • 9:54 - 9:58
    ผู้ป่วยที่เข้ารับการวิจัยนี้
    กลับไม่ได้เคยรับยาเพนนิซิลิน
  • 9:58 - 10:00
    เพื่อนำไปรักษาโรคที่พวกเขาเป็น
  • 10:00 - 10:01
    โดยที่พวกเขาเองก็ไม่ทราบเรื่องเลย
  • 10:01 - 10:07
    คล้าย ๆ กับกรณีของ แมรี
    คือ ปีเตอร์ พยายามจะรายงานให้หัวหน้าทราบ
  • 10:07 - 10:08
    แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
  • 10:08 - 10:11
    ปีเตอร์ รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเลย
  • 10:11 - 10:12
    เขาจึงพยายามรายงานอีกครั้ง
  • 10:12 - 10:16
    จนท้ายที่สุด เขาไปเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง
    คล้าย ๆ กับเรื่องของ แมรี
  • 10:16 - 10:20
    และในปี 1972 บนหน้าหนึ่งของ
    หนังสือพิมพ์ นิวยอร์คไทมส์
  • 10:20 - 10:24
    "เหยื่อของโรคซิฟิลิสในการวิจัยของ สหรัฐฯ
    ไม่ได้รับการรักษามานานกว่า 40 ปี"
  • 10:26 - 10:30
    ปัจจุบันเรื่องนี้พวกเรารู้จักกันดีในนาม
    การทดลองเรื่องซิฟิลิสที่สถาบันทัสคีจี
  • 10:30 - 10:32
    ที่มี ปีเตอร์ เป็นผู้แจ้งเบาะแส
  • 10:32 - 10:36
    แล้วเกิดอะไรขึ้นกับชาย 600 คน
    ที่เข้าร่วมวิจัยนี้ในตอนแรก ?
  • 10:36 - 10:39
    28 คนเสียชีวิตจากโรคซิฟิลิส
  • 10:39 - 10:43
    100 คนเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของโรค
  • 10:43 - 10:44
    ภรรยาของชายเหล่านี้จำนวน 40 คนติดเชื้อ
  • 10:44 - 10:47
    ลูก ๆ ของพวกเขาอีก 10 คน
    เป็นโรคนี้โดยกำเนิด
  • 10:47 - 10:50
    ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นเช่นไร
  • 10:50 - 10:54
    หากไม่มีความกล้าหาญของ ปีเตอร์
  • 10:54 - 10:56
    พวกเราทุกคนต่างเป็นหนี้บุญคุณ ปีเตอร์
  • 10:56 - 10:59
    ถ้าเรารู้จักใครซักคนในการศึกษาวิจัยนี้
  • 10:59 - 11:02
    ที่วันนี้เรามีกฎหมายคุ้มครองทางการแพทย์
  • 11:02 - 11:04
    ก็เพราะการกระทำที่กล้าหาญ
    ของ ปีเตอร์ นั่นเอง
  • 11:05 - 11:07
    ขอฉันถามอีกหนึ่งคำถาม
  • 11:07 - 11:10
    ซึ่งก็เคยถามไปก่อนหน้านี้ว่า
  • 11:10 - 11:13
    มีใครบ้างที่เคยใช้คำนี้ ?
  • 11:13 - 11:16
    "คนขี้ฟ้อง", "หนอนบ่อนไส้"
  • 11:16 - 11:17
    "คนปากโป้ง"
  • 11:17 - 11:19
    "งูเห่า"
  • 11:19 - 11:21
    "ตลบตะแลง"
  • 11:21 - 11:22
    "คนปากโป้ง"
  • 11:23 - 11:24
    มีใครมั๊ย ?
  • 11:28 - 11:31
    ก่อนที่คุณจะใช้คำพูดนี้อีกครั้ง
  • 11:31 - 11:33
    ฉันอยากให้คุณคิดเสียหน่อยว่า
  • 11:33 - 11:36
    นั่นอาจจะเป็น แมรี, ปีเตอร์ หรือ เคท อีกคน
  • 11:37 - 11:40
    คุณอาจจะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
  • 11:40 - 11:43
    หรือพวกเค้า
    อาจจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของคุณ
  • 11:43 - 11:44
    ขอบคุณค่ะ
  • 11:44 - 11:48
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ผู้แจ้งเบาะแสพลิกโฉมประวัติศาสตร์ได้อย่างไร
Speaker:
Kelly Richmond Pope
Description:

เคลลี ริชมอนด์ โปป เป็นนักวิจัยเรื่องการทุจริต และเป็นผู้สร้างภาพยนตร์สารคดี เธอได้แบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตคนสำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ และอธิบายว่าคนเหล่านี้ได้เปิดโปงข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างไร รวมทั้งอธิบายว่าเหตุใดคนเหล่านี้สมควรจะได้รับการปกป้อง และความน่าเชื่อถือจากคนในสังคมด้วย

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
12:01
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong accepted Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Thanwa Wathahong edited Thai subtitles for How whistle-blowers shape history
Show all

Thai subtitles

Revisions