-
-
ตกใจกันไหมทุกคน
-
สวัสดีค่ะวิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าสำหรับใครหลายๆ คนที่ทันดูรอบสดด้วยนะคะ
-
แล้วก็สวัสดีปีใหมม่ย้อนหลังสำหรับใครที่มาดูย้อนหลังในปี 2563 ค่ะ
-
แหมะ พูดถึงสวัสดีปีใหม่ ตอนนั้น ตอนนี้ ตอนนู้น
-
เดี๋ยวก็สวัสดีล่วงหน้า เดี๋ยวก็สวัสดีย้อนหลัง
-
ว่าแต่ อยากรู้กันไหมคะว่าทำไมอยู่ดีๆ เราถึงมาฉลองปีใหม่กันในวันที่ 1 มกราคม แบบที่เราฉลองอยู่ทุกปี
-
มันมีที่มาที่ไปจากอะไร?
-
ใครเป็นคนคิดคนแรก?
-
เนื่องจากนี่ก็เป็นอีก 1 เรื่องนะคะที่วิวอยากรู้มาตั้งนานแล้ว
-
วิวก็เลยไปหาข้อมูลมาให้ทุกคนมาเรียบร้อยแล้วค่ะ
-
ซึ่งอ้างอิงของวิวเนี่ยก็อยู่ด้านล่างสามารถไปตามอ่านกันได้ถ้าสมมติว่าใครอยากอ่านละเอียดค่ะ
-
แต่สำหรับตอนนี้อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ
-
จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุก แล้วก็มีสาระกันหรือยังคะ?
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ถ้าเราจะพูดถึงว่าทำไมเราถึงฉลองปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคมนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าเราต้องไปพูดถึงการสร้างปฏิทินค่ะ
-
เพราะว่าอะไร?
-
เพราะว่าเอาจริงๆ เราฉลองปีใหม่ไม่ตรงกันหรอกค่ะ
-
นึกสภาพไม่ต้องเป็นสมัยโบราณนะคะ
-
แค่สมัยปัจจุบันนี้ เอาไม่ต้องประเทศไหนเลยแค่ในประเทศไทยเนี่ย
-
เรายังมีวันปีใหม่เต็มไปหมดเลยใช่ไหมคะ?
-
ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 1 มกราคมที่เราฉลองกันทุกปีตามหลักสากล
-
หรือว่าถ้าใครเป็นคนไทยเชื้อสายจีนก็จะรู้ว่าหลังจากที่เราฉลองตรุษจีนแล้วเนี่ย
-
เราก็จะบอกว่ามันคือวัน ชิวอิก ชิวหยีชิวอะไร
-
ก็คือปีใหม่ของจีนใช่ไหมคะ?
-
หรือถ้าใครไปนึกถึงเพลงเสียงแหลมๆ ที่เราเปิดกันตอนสงกรานต์เนี่ย
-
เราก็เปิดเพลง
-
วันนี้วันดีปีใหม่ ท้องฟ้าแจ่มใสพาใจสุขสันต์ #@&^%$*%&$(^
-
นั่นแหละค่ะดำน้ำต่อไปไม่ถูกแล้วนะคะ
-
เห็นไหมคะว่าแค่ในประเทศไทยเนี่ย
-
เรายังฉลองปีใหม่ไม่ตรงกันเลยค่ะ
-
ทีนี้เรามาลองดูกันที่สเกลใหญ่กว่านี้ดีกว่าค่ะ
-
เราไปดูกันที่ปีใหม่ทั่วโลก
-
นึกสภาพกลับไปในสมัยโบราณนะคะ
-
ย้อนไปตอนอารยธรรมมนุษย์เริ่มต้นขึ้น
-
นึกสภาพเราเป็นมนุษย์หินมนุษย์ถ้ำอะไรต่างๆ
-
อ้าวอยู่ดีๆ เราจะมารู้กันได้ยังไงว่าเราต้องฉลองปีใหม่ในวันนี้วันที่ 1 มกราคม
-
มันไม่ได้มีอะไรเป็นวันพิเศษอะไรเลยนี่คะ
-
ไม่ได้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง
-
ไม่ได้เป็นวันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางนั้น พระอาทิตย์ขึ้นทางนี้
-
ไม่ได้มีดาวดวงนั้นดวงนี้มาเรียงกัน
-
แล้วทำไมคนสมัยโบราณเค้าถึงเลือกวันนี้ให้เป็นวันปีใหม่ของเรา
-
จะบอกว่ามันมีคำตอบเบื้องหลังอยู่ค่ะ
-
ถ้าเราจะไปดูว่าทำไมเราถึงฉลองวันที่ 1 มกราคมนะคะ
-
เราจะต้องย้อนกลับไปในอารยธรรมเมโสโปเตเมียค่ะ
-
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสนะคะ
-
ถ้าใครแม่นประวัติศาสตร์โลกหน่อยก็จะรู้ว่าเป็น 1 ในอารยธรรมแรกๆ ของโลกใช่ไหมคะ
-
วันนี้เราไม่ได้จะไปดูถึงชาวสุเมเรียนที่เป็นคนประดิษฐ์อักษรลิ่มคูนิฟอร์มที่เป็นอักษรแรกของโลกนะคะ
-
แต่เราจะไปดูที่ชาวบาบิโลเนียนค่ะ
-
ชาวบาบิโลเนียนถือเป็นชนชาติแรกๆ ที่มีการบันทึกไว้ค่ะว่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่กัน
-
แล้วถามว่าชาวบาบิโลเนียนเขาเฉลิมฉลองกันตอนไหน?
-
เขาเฉลิมฉลองกันในวันที่ 1 มการาคม
-
แบบที่เราฉลองกันอยู่ทุกวันนี้รึเปล่า
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เลยค่ะ
-
ชาวบาบิโลเนียเนี่ยฉลองปีใหม่กันในช่วงเดือนมีนาคมค่ะ
-
อ้าว! แล้วเดือนมีนาคมมีอะไรพิเศษนะคะ?
-
ก็ต้องบอกว่า ในเดือนมีนาคมค่ะ มีสิ่งนึงเกิดขึ้น
-
ก็คือเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ หรือว่า Spring นั่นเองค่ะ
-
ก็ฟังดู Make Sense นะ
-
เป็นตอนที่ฤดูหนาวเพิ่งจะผ่านพ้นไป
-
พวกใบไม้ที่ตายๆ ไปเนี่ย ก็กำลังเริ่มผลิดอก ออกผลใหม่อีกรอบนึง
-
เหมือนการเฉลิมฉลองชีวิตใหม่ใช่ไหมคะ?
-
และชาวบาลิโลเนียนนี่เขา mark วันปีใหม่ของเขาไม่ใช่แค่ช่วง Spring เท่านั้นหรอกค่ะ
-
แต่เขา Mark ไว้ในวันวันนึงค่ะ ที่เราเรียกว่า
-
Vernal Equinox นะคะ
-
หรือว่าในภาษาไทยเรียกว่า
-
วสันตวิษุวัตนั่นเอง
-
ก็คือวันที่กลางวันกับกลางคืนเนี่ยนะคะ ยาวเท่ากันค่ะ
-
คือปกติแล้วพระอาทิตย์ของเราเนี่ยมันจะขึ้นแล้วก็ตกในทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกใช่ไหม?
-
แต่บอกเลยว่าจริงๆ ไม่ใช่นะคะ
-
พระอาทิตย์ทุกวันเนี่ยไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันออกเป๊ะ และตกทางทิศตะวันตกเป๊ะค่ะ
-
มันจะเบี่ยงบ้างแบบบางองศาอะไรงี้
-
แต่ในวันวสันตวิษุวัตมันจะขึ้นทางทิศตะวันออกเป๊ะ และตกทางทิศตะวันตกเป๊ะค่ะ
-
ส่งผลให้กลางวันกับกลางคืนเนี่ยยาวเท่ากันนะคะ
-
นี่ก็คือวันปีใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่วิวหาเจอแล้วก็น่าจะเก่าแก่ที่สุดในโลกด้วยนะคะ
-
อย่างไรก็ดีชาวบาบิโลเนียนนี่ไม่ใช่คำตอบที่เราค้นหานะคะ
-
นั่นก็คือดังนั้นเรา Move ไปที่ชาวตะวันตกอารยธรรมถัดไปที่เราค้นหาดีกว่า
-
นั่นก็คือชาวกรีกค่ะ
-
ถามว่าชาวกรีกมีการเฉลิมฉลองปีใหม่ไหมก็ต้องบอกว่า มีค่ะ
-
แล้วถามว่าเขาเฉลิงฉลองวันเดียวกับชาวบาบิโลเนียนไหม?
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะ
-
แต่วันที่เขาเฉลิมฉลองเนี่ยก็ต้องบอกว่ามีความคล้ายกับชาวบาบิโลเนียนนิดนึง
-
คือมันเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกนี่แหละ
-
เพราะว่าวันที่เขาเฉลิงฉลองกันเนี่ยนะคะมันคือวัน Winter Solstice
-
หรือว่าในภาษาไทยเรียกว่า
-
วันเหมายันนั่นเองค่ะ
-
มันก็คือวันที่อยู่ช่วงปลายๆ ปีที่เราน่าจะเคยได้ยินกันบ้างในช่วงวันที่ 21 ธันวาคมนะคะ
-
วันนั้นคือวันที่กลางคืนยาวที่สุดของปีค่ะ
-
แล้วก็กลางวันสั้นที่สุดนะคะ
-
ซึ่งชาวกรีกนี่เขาก็จะเฉลิมฉลองกันในช่วงนั้นนี่แหละค่ะ
-
อย่างไรก็ดีอารยธรรมกรีกไม่ใช่อารยธรรมสำคัญของเราในวันนี้ค่ะ
-
อารยธรรมสำคัญที่สุดของเราในวันนี้ก็คือ
-
อารยธรรมโรมันนั่นเอง
-
ซึ่งอารยธรรมโรมันเนี่ยนะคะต้องขอบอกว่ามีระยะเวลาค่อนข้างยาวนานค่ะ
-
และเขาก็มีปฏิทินของเขามาตั้งนานแล้วนะคะ
-
อย่างไรก็ตามปฏิทินโรมันในยุคเริ่มแรกเนี่ยนะคะมีความสับสนงุนงงค่อนข้างมากค่ะ
-
คือในยุคแรกๆ เนี่ยเหมือนใช้ปฏิทินแบบจันทรคตินะคะ
-
ก็คือปฏิทินที่ดูตามดวงจันทร์นั่นเอง
-
ก็คล้ายๆ กับปฏิทินไทยปัจจุบันนี้นี่แหละ
-
ก็คือดูข้างขึ้นดูข้างแรมดูเดือนเพ็ญอะไรแบบนี้นะคะ
-
อย่างไรก็ตามมันก็มีความสับสนนิดนึง
-
เพราะว่ามันก็มีคนบางกลุ่มในอารยธรรมโรมันเนี่ย
-
ที่ใช้ปฏิทินแบบสุริยคติ
-
หรือว่าปฏิทินที่ดูตามพระอาทิตย์ค่ะ
-
ว่าแบบพระอาทิตย์โคจรอะไรแบบนี้ อะไรแบบนั้น
-
แล้วก็เอามาทำเป็นปฏิทินนะคะ
-
ดังนั้นเมื่อมีระบบ 2 ปฏิทินเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเนี่ย
-
คนก็เกิดการสับสนงุนงงอะไรต่างๆ ค่ะ
-
จนกระทั่งมีคนสำคัญเกิดขึ้นคนนึง
-
คนคนนั้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของโรมันตามความเชื่อค่ะ
-
คนคนนั้นก็คือ
-
คิงโรมิวรัสนะคะ
-
ซึ่งถ้าสมมติว่าใครแม่นประวัติศาสตร์โรมันนิดนึงก็จะรู้ว่า
-
รูปของคิงโรมิวลัสเนี่ยถ้าสมมติว่าอยู่ที่ยุโรปเนี่ย
-
จะเป็นรูปของหมาป่าตัวนึงที่มีนมแล้วเป็นเด็กสองคนที่กินนมอยู่
-
เด็กสองคนนั้นคือรีมัสกับโรมิวลัสนะคะ
-
เป็นฝาแฝดกันค่ะ
-
และนี่คือที่มาของรีมัส ลูปินส์จากแฮร์รี พอตเตอร์นะคะ
-
ก็คือหมาป่า มันเกี่ยวข้องกับหมาป่าประมาณนี้แหละ
-
ก็คือเขาเชื่อว่าคิงโรมิวลัสนี่คือคนที่หมาป่าเลี้ยงมาประมาณนั้นค่ะ
-
เห็นไหมคะว่ามันเกี่ยวพันกันทุกเรื่องเลย
-
แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเดียวก็คือ
-
ไม่เกี่ยวกับเรื่อง 1 มกราคมที่วิวกำลังจะเล่านี่แหละ
-
นอกเรื่องอีกแล้ว กลับมานะคะทุกคน
-
-
อะ กลับมาที่คิงโรมิวลัส กับวันที่ 1 มกราคมของเราค่ะ
-
ในยุคของคิงโรมิวลัสค่ะ มีปฏิทินโรมันโบราณแบบนึงเกิดขึ้นมานะคะ
-
ซึ่งมันเป็นปฏิทินที่ได้รับรากฐานมาจากปฏิทินแบบเดิมคือปฏิทินจันทรคติแหละ
-
เหมือนกับเอาทุกอย่างมา Mix กันเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็คำนวณออกมาแล้วให้เป็นปฏิทินนะคะ
-
ซึ่งปฏิทินแบบนี้มีความพิเศษยังไงคะ
-
บอกเลยว่าพิเศษค่ะ เพราะมันมีแค่ 10 เดือนด้วยกันค่ะ
-
และแน่นอนว่าใน 10 เดือนนี้ก็จะต้องมีเดือนที่ 1 นะคะ
-
ดังนั้นเขาเริ่มฉลองปีใหม่กันในเดือนนั้นค่ะ
-
ถามว่าเดือนที่ 1 คือเดือนมกราคมใช่ไหม?
-
บอกเลยว่าไม่ใช่ค่ะ
-
เพราะว่าเดือนที่ 1 ของเขาคือเดือน
-
มีนาคมหรือว่าเดือน March นั่นเองนะคะ
-
อันนี้เป็นการออกเสียงแบบในสมัยปัจจุบันเนอะ
-
ในสมัยนั้นเขาจะเรียกว่าเดือน Martius อะไรประมาณนี้นะคะ
-
อันนี้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษแล้วเนอะจะได้เข้าใจอะไรง่ายขึ้นนะคะ
-
จะไม่ใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาสมัยนู้นด้วยนะ
-
ก็คือ March ถือเป็นเดือน 1
-
พอ March เป็นเดือน 1 นะคะ April ก็จะเป็นเดือน 2
-
May ก็เป็นเดือน 3
-
ไล่ไปเรื่อยๆ ใช่ไหมคะ
-
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คนเนี่ย
-
ที่พอจะรู้รากศัพท์บ้างเนี่ย
-
งุนงงกันมานาน
-
เช่นชื่อเดือน September
-
ถ้าใครเคยเรียนเคมี hepta- แปลว่า 7 ใช่ไหมคะ
-
อ้าวแล้วทำไม September ถึงเป็นเดือน 9
-
ทำไม octa- October เนี่ย
-
octa- แปลว่า 8 ทำไมถึงเป็นเดือน 10
-
อะ นี่แหละค่ะ ที่มานะคะ
-
อย่างไรก็ตามเรามาดูที่การแบ่งเดือนของเขาดีกว่า
-
คิดว่าเขาแบ่งเดือนกันยังไงคะ
-
คือเขาแบ่งเดือนจาก
-
ปฏิทินจันทรคติค่ะ
-
คือไปดูที่การขึ้นการลงของพระจันทร์นะคะ
-
ดังนั้น 1 เดือนเนี่ยก็คือ
-
เริ่มจากตอนที่ New Moon
-
New Moon คือเสี้ยวของพระจันทร์เสี้ยวแรกที่เพิ่งจะโผล่มาหลังจากพระจันทร์ดับนะคะ
-
นึกสภาพในคืนจันทร์แรมอะค่ะ
-
ที่แบบไม่มีพระจันทร์เลยอะนะแล้วพระจันทร์เริ่มโผล่มา ฟึบ
-
อันแรกเนี่ยแหละค่ะ
-
เขาเรียกว่า New Moon หลังจากที่พระจันทร์หายไปประมาณนั้น
-
นี่ก็จะเป็นต้นเดือนใช่ไหมคะ
-
หลังจากนั้นก็จะนับเดือนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพระจันทร์เต็มดวง แล้วก็พระจันทร์หายไปอีกรอบ
-
นี่ก็คือ 1 เดือนนะคะ
-
และเป็นที่มาของการเรียกเดือนว่า Month นั่นเอง
-
จะเห็นว่า month กับ moon เนี่ยคล้ายกันมากเลย
-
เพราะว่ามันมีที่มาแบบนี้นี่แหละค่ะ
-
หรือแม้แต่ในประเทศไทยเนี่ย เดือน เดือนก็แปลว่าพระจันทร์ด้วยใช่ไหม?
-
นี่แหละค่ะการนับเดือนทั่วโลกค่อนข้างจะเกี่ยวกับพระจันทร์นะคะ
-
ซึ่งเหล่านี้แปลว่าอะไรคะ?
-
แปลว่าวันปีใหม่ของชาวโรมันโบราณเนี่ย
-
ก็คือวันที่เกิด New Moon ของเดือนมีนาคมนั่นเองค่ะ
-
ก็จะนับว่าอะ ขึ้นปีใหม่แล้ว ฉลองกันได้จ้า
-
แล้วถามว่าปฏิทินแบบนี้มีปัญหาอะไรคะ?
-
ก็ต้องบอกว่าปฏิทินแบบนี้มีปัญหาก็คือ
-
ในช่วงฤดูหนาวค่ะ ช่วงที่เป็นช่วงมืดมนแห่งปีเนี่ย
-
เขาไม่นับอยู่ในปฏิทินนะคะ
-
ถือว่าเป็นช่วงเดือนว่างไปเลย
-
ประมาณว่าไม่มีชื่อเดือน นี่ไม่ได้อยู่ในปฏิทินของฉัน
-
ช่างฤดูหนาวไป เหมือนกับว่าทุกคนไม่ใส่ฤดูหนาวนะคะ
-
ดังนั้นปฏิทินของโรมันโบราณนะคะ
-
ปีนึงก็เลยมีแค่ 304 วันเท่านั้นค่ะ
-
ซึ่งทำให้คนสมัยนั้นเนี่ยสับสนงุนงงกันนิดนึงนะคะ
-
ประมาณว่าฉันจะนับวันนับเดือนในช่วงฤดูหนาวยังไง อยู่ดีๆ ปฏิทินก็หายไป 61 วันในช่วงฤดูหนาวแบบนี้อะ
-
ดังนั้นเมื่อมีคนสับสนงุนงงค่ะก็จะต้องมีการแก้ไขใช่ไหมคะ
-
เราต้องมีพูดถึงกษัตริย์โรมันอีกคนนึงค่ะ
-
คนคนนั้นก็คือกษัตริย์ Numa Pompilius นั่นเองนะคะ
-
ซึ่งกษัตริย์องค์นี้เนี่ย เขาทำคุณประโยชน์ให้กับเราอย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ สำหรับโลกใบนี้
-
เพราะว่าเขาบอกว่า อ้าว ทำไมเราถึงทิ้งให้เดือนนึงมันหายไปตั้ง 61 วัน
-
หายไปเราก็เติมสิ
-
ดังนั้นเขาก็เลยยัดเดือน 2 เดือนเข้าไปในปฏิทินของโรมันโบราณค่ะ
-
ก็คือเดือน January กับ Febuary
-
หรือที่สมัยก่อนเขาเรียกว่า
-
-
ประมาณนี้นะคะ วิวออกเสียงไม่้ได้นั่นเองค่ะ
-
ซึ่งปฏิทินนี้นะคะ เราก็เริ่มใช้กันราวๆ 509 ปีก่อนคริสตศักราช
-
เราเรียกปฏิทินนี้ว่า Republic Calendar นะคะ
-
มีใครสังเกตอะไรจากปฏิทินนี้ไหมคะ?
-
จะเห็นว่ามันยังไม่มีเดือนที่ชื่อว่า July กับ August ค่ะ
-
แต่จะเป็นเดือนที่ชื่อว่า Quintulis กับ Sextilis แทนค่ะ
-
ซึ่งเป็นคำแปลว่า
-
5 แล้วก็ 6 ในภาษาละตินนะคะ
-
ว่าแต่แล้วเดือน July กับ August เนี่ยมาได้ยังไง?
-
ก็ต้องบอกว่าเป็นการตั้งชื่อตาม
-
บุคคลสำคัญ 2 คนของโรมันนะคะ ก็คือ
-
Julius Caesar แล้วก็ Augustus Caesar นั่นเองค่ะ
-
โดย Julius Caesar ก็คือเดือน July แล้ว Augustus ก็คือเดือน August นั่นเองค่ะ
-
-
โดยปฏิทินของ Republic เนี่ยตลอดปีก็จะมีทั้งหมด 355 วันค่ะ
-
โดยแต่ละเดือนเนี่ยก็จะมีเดือนที่เป็น Full Month
-
ก็จะมีทั้งหมด 31 วัน
-
ส่วนเดือนที่มีวันน้อยลงมาก็คือHallow Month
-
จะมีทั้งหมด 29 วันนะคะ
-
และเดือนพิเศษเดือนนึงก็คือ
-
Febuary กรือเดือนที่ 2 เนี่ยก็จะมีแค่ทั้งหมด 28 วันเท่านั้นเองค่ะ
-
ถามว่าการเติม 2 เดือนนี้เข้ามาส่งผลกระทบยังไงกับเราคะ?
-
ผลกระทบของการเติม 2 เดือนนั้นเข้ามาก็คือ
-
ทำให้วันปีใหม่เนี่ยนะคะ เลื่อนจากวันที่ 1 มีนาคม ไปที่วันที่ 1 มกราคมแทนค่ะ
-
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองปีใหม่ในเดือนมกราคมนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม
-
นี่ไม่ใช่มกราคมแบบที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้ค่ะ เพราะว่า
-
ต่อให้มันเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมแล้ว แต่วันที่1 มกราคมเนี่ย
-
มันไม่ใช่วันที่ 1 มกราคมแบบเดียวกับเราค่ะ เพราะว่า
-
มันยังเลื่อนไปเลื่อนมาอยู่ มันยังไม่ได้ Fix วันนะคะ
-
ถ้าเราจะ Fix วันเนี่ยเราต้องพูดถึงว่าปัญหาของปฏิทินนี้คืออะไรค่ะ
-
ปัญหาก็คือทุกวันนี้เรารู้กันแล้วใช่ไหมว่าปีนึงมันมี 365 - 366 วัน
-
ดังนั้นการที่ปีของชาวโรมันโบราณมีแค่ 355 วันเกิดอะไรคะ?
-
ผลกระทบก็คือ
-
ในทุกปีเนี่ยวันมันก็จะ เลื่อน เลื่อน เลื่อน เลื่อน
-
คือมันเหมือนมีวันจำนวนนึงอะ ขาดไปใช่ไหมคะ?
-
สุดท้ายฤดูกาลกับปฏิทินมันก็เลยไม่สัมพันธ์กันค่ะ
-
ถามว่าเขามีวิธีแก้ไหม?
-
คนสมัยโบราณไม่ได้คำนวณไม่ได้นะคะทุกคน
-
เขาค่อนข้างจะแม่นเรื่องการคำนวณค่ะ
-
ดังนั้นนะคะเขาเลยมีการเติมเดือนพิเศษเข้าไปในทุกๆ 2-3 ปีค่ะ
-
เพื่อที่เหมือนกับว่าเราสะสมๆ วันที่ขาดไปแล้วประมาณ 3 ปี
-
อะปีนี้เติมเข้าไป 1 เดือน ปึ้ง
-
ปฏิทินมันก็จะเด้งกลับมาในระยะเวลาปกติใช่ไหมคะ?
-
ซึ่งเดือนนั้นเนี่ยนะคะ เราจะเรียกว่าเดือน Mercedonius นั่นเองค่ะ
-
ทีนี้แล้วจะถามว่าจะเพิ่มตอนไหน เพิ่มเมื่อไหร่ กฎเกณฑ์คือยังไง?
-
ก็ต้องบอกว่า
-
ไม่มี!
-
ไม่มีกฎนะคะ คือเพิ่มที่ประมาณ ทุกๆ 2-3 ปีค่ะ
-
โดยที่ให้ผู้ที่มีอำนาจในยุคนั้นนะคะ
-
เรียกว่า Pontifex Maximus เนี่ย
-
เป็นคนมีอำนาจสั่งว่า เอาล่ะ ปีนี้ข้าขอสั่งให้มีเดือนพิเศษเกิดขึ้น!
-
ผ่าม!
-
แล้วทุกคนในอาณาจักรนะคะ ก็จะใส่เดือนพิเศษเข้าไปในปฏิทิน พึ่บ!
-
เข้าไปอย่างงี้เลย
-
ถามว่าการที่ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนแล้วให้ผู้มีอำนาจเป็นคนสั่ง
-
ทำให้เกิดอะไรขึ้นคะ?
-
สิ่งนั้นก็คือทำให้เกิดการโกงกันขึ้นค่ะ
-
แล้วคิดว่าเขาเอาวันที่เกินมาไปโกงอะไรคะ?
-
ก็คือโกงเรื่องการปกครองนั่นเองนะคะ
-
เพราะว่าสมมติว่าคนที่มีอำนาจสั่งเนี่ยรู้สึกว่า
-
เห้ย ตอนนี้ฉันกำลังปกครองอยู่แล้วมันกำลังจะหมดวาระของฉันแล้ว
-
ฉันอยากมีวาระการปกครองเพิ่มขึ้นอีก 1 เดือนทำยังไงดีนะ
-
อะ สั่งเพิ่มเดือนพิเศษดีกว่า อะทุกคนปีนี้มีเดือนพิเศษ
-
ผ่าม!
-
ก็ได้ระยะเวลาการปกครองขึ้นมาอีก 1 เฮือกซะอย่างนั้นเลยนะคะ
-
หรือว่าถ้าสมมติว่าแบบ เห้ย ปีนี้ฐานเสียงฉันดี
-
เดี๋ยวปีหน้าเดี๋ยวฉันก็ได้รับเลือกกลับเข้ามาใหม่
-
อะ อะ ปีนี้ไม่มีเดือนพิเศษดีกว่า
-
ก็ทำได้นะคะ
-
ดังนั้นมันก็เลยเกิดการสับสนงุนงงกันอย่างยิ่งยวดเลยค่ะ
-
สุดท้ายนะคะ ก็มีคนคนนึงทนไม่ได้เลยค่ะ คนคนนั้นก็คือ
-
Julius Caeser นั่นเอง
-
คือ Julius Caeser เนี่ยนะคะ ตอนนั้นขึ้นมาปกครองโรมันค่ะ
-
แล้วก็รู้สึกว่าระบบนี้มันไม่ Okay เลย มันไม่ Make Sense
-
เราควรจะมีวันที่สามารถคำนวณได้สิ
-
ดังนั้น Julius Caeser ก็เลยไปปรึกษานักดาราศาสตร์คนนึงค่ะ
-
ซึ่งเขาชื่อว่าคุณ So ci... So cigi....อะไรประมาณนี้นะคะ
-
ชื่อประมาณนี้แหละ
-
เขาก็ไปปรึกษากันนะคะแล้วก็บอกว่า เอ๊ย ไปคำนวณมาซิปีนึงมันควรจะมีกี่วันกันแน่
-
เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาใส่ไอ้เดือนพิเศษนี้กันค่ะ
-
ซึ่งคุณนักดาราศาสตร์คนนี้เขาก็ไปคำนวณอะไรต่างๆ มาเรียบร้อยนะคะ
-
แล้วเขาก็คำนวณขึ้นมาได้ค่ะว่า
-
เอ๊ย จริงๆ แล้วปีนึงของเราเนี่ยมันไม่ได้มี 355 วัน
-
จริงๆ มันมี 365.25 วันต่างหาก
-
ดังนั้นทุกคน เรามาสร้างปฏิทินใหม่กันดีกว่า
-
ช่างหัวพระจันทร์ ช่างหัวอะไรทั้งสิ้น คือแต่เดิมเดือนเนี่ยมันมัวแต่ไปตามพระจันทร์ ตามนู่นตามนี่
-
อะ เรามาตามพระอาทิตย์กันดีกว่านะ
-
แล้วก็ตั้งเลยว่าปีนึงเนี่ยมี 365 วัน
-
แล้วก็ทุกๆ 4 ปีเนี่ยเราก็จะมี
-
วันพิเศษ 1 วันเพื่อที่วันนั้นเนี่ยนะจะได้ชดเชยของวันอื่นๆ ใน 3 ปีที่ผ่านมา
-
แล้วปีนึงมันจะได้มี 365.25 วันพอดีเป๊ะเลยตกลงไหมนะคะ
-
สุดท้ายถามว่า Julius Caesar ชอบไหมไอเดียนี้
-
Julius Caesar ชอบนะคะ
-
ดังนั้นนะคะ Julius Caesar ก็เลยสั่งให้ประดิษฐ์ปฏิทินแบบนี้ขึ้นค่ะ
-
และสั่งให้ทุกคนเนี่ยใช้ปฏิทินนี้นะคะ
-
ซึ่งเราเรียกปฏิทินชนิดนี้ว่า Julian Calendar นั่นเองค่ะ
-
แล้วถามว่าวันพิเศษของ Julius Caesar ที่เติมเข้ามาเพื่อให้เต็มวันเนี่ยมันคือวันที่เท่าไหร่
-
มันคือวันที่ 29 กุมภาพันธ์แบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้รึเปล่านะ
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะ
-
แม้ว่าจะเติมเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์เหมือนกันเนี่ยนะคะ แต่วันที่เติมเข้ามาของสมัย Julius Caesar เนี่ย
-
คือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ค่ะ
-
คือปีไหนก็ตามที่เขาถือว่าเป็น Leap Year นะคะ
-
ก็คือปีที่แบบ
-
จะเอามา Adjust ให้ทุกอย่างเข้าที่เนี่ย
-
เขาจะมีวันที่ 23 กุมภาพันธ์
-
2 วันค่ะ
-
คือเช้าวันนี้เป็นวันที่ 23 อะนอนไปตื่นขึ้นมาเป็นวันที่ 23 อีกรอบนึงค่ะ
-
และแน่นอนว่าตอนนี้วันที่ของเราเนี่ย Fix แล้วใช่ไหมคะ
-
ก็จะต้องมีการเลือกกันค่ะว่า
-
เอ...แล้วเราจะเริ่มต้น ใช้ปฏิทินนี้วันไหน ปีไหน อะไรยังไงนะคะ
-
แล้วถามว่าคุณ Julius Caesar ของเราเนี่ยเขาเริ่มปักว่าจะใช้ปฏิทินนี้วันแรกในวันไหน
-
เพราะนั่นคือวันที่ 1 มกราแบบที่คล้ายๆ กับที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันใช่ไหมคะ
-
หลังจากที่ 1 มกราเนี่ยมันเลื่อนไปเลื่อนมามานานจากการตามพระจันทร์
-
-
เอาจริงๆ นะคะ
-
บางคนเนี่ยเขาก็บอกกันว่า
-
วันที่ 3 มกราคมในทุกวันนี้
-
จริงๆ ควรจะเป็นวันปีใหม่มากกว่าวันที่ 1 มกราคมในทุกวันนี้มากกว่าอีกค่ะ
-
เพราะว่าวันนั้นคือวันที่โลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปีนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม
-
Julius Caesar ของเราก็ดันเลือก 1 มกราคมแบบปัจจุบันเป็นวันแรกของปีค่ะ
-
อยากรู้กันไหมคะว่าทำไม
-
เอาจริงๆ มันก็มีหลายทฤษฎีค่ะ
-
ทฤษฎีนึงเนี่ยบอกไว้ว่า
-
เพราะว่าวันที่ 1 มกราคมแบบทุกวันนี้เนี่ยนะคะ
-
เป็นวันที่เวลากลางวันของซีกโลกเหนือ
-
จะค่อยๆ ยาวขึ้นๆๆตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะเราก็ยังไม่ชัวร์ค่ะว่านี่คือเหตุผลที่เขาเลือกวันนี้
-
เพราะถ้าพูดถึงวันสำคัญเกี่ยวกับพระอาทิตย์ที่ใกล้กว่านั้นเนี่ย
-
มันก็คือวันเหมายันช่วงวันที่ 21 ธันวาคมต่างหาก
-
ชัดกว่าตั้งเยอะนะ
-
คุณ Julius Caesar นะคะ
-
แทนที่เขาจะเลือกว่าเอาล่ะวันที่กลางคืนยาวที่สุดกลางวันสั้นที่สุด
-
เพราะว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
-
อยู่ดีๆ ค่ะแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาเลิกใช้พระจันทร์แล้ว
-
แต่เจาก็ดันไปปัก วันที่ 1 มกราคมนะคะ
-
ตามพระจันทร์ซะอย่างนั้นค่ะ
-
ก็คือเขาไปยึดหลักการเริ่มเดือนแบบโบราณของโรมันนู่นเลย
-
ก็คือเริ่มที่ New Moon นะคะ
-
และในปีที่เขาเริ่มใช้ปฏิทินนี้ค่ะก็คือ
-
46 ปีก่อนคริสตศักราชนะคะ
-
ดังนั้นนะคะวันที่เกิด New Moon ของ46 ปีก่อนคริสตศักราช
-
ก็เลยเป็นวันที่ Mark วันทีที่ 1 มกราคมตั้งแต่นั้นมาค่ะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ
-
คิดว่าคลิปนี้จบแล้วใช่ไหม
-
ยังๆ ดูข้างล่างเวลายังเหลืออีกเพียบเลย
-
เพราะว่าอะไร?
-
ถามว่าคุณนักดาราศาสตร์สมัยโรมันเนี่ย
-
คำนวณแม่นไหมก็ต้องบอกว่า
-
แม่นมากแล้วเมื่อเทียบกับสมัยโบราณ
-
ทุกคนก็จะแบบ อ้าว! แต่นี่มันปฏิทินแบบที่เราใช้ทุกวันนี้แล้วหนิ
-
ขอบอกว่า
-
ไม่ใช่ค่ะ
-
ทุกคนจำผิดนะคะ
-
แม้ว่าทุกวันนี้เราจะสอนกันเข้าใจง่ายๆ ว่าทุก 4 ปีเนี่ยเราจะมีวันพิเศษขึ้นมาวันนึง
-
แต่
-
จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ
-
ปฏิทินที่เราใช้ในทุกวันนี้
-
ไม่ได้มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์ในทุก 4 ปีค่ะ
-
เพราะว่าอะไร?
-
เพราะว่าแม้ว่าคุณนักดาราศาสตร์สมับโรมันจะคำยวณแม่นขนาดไหนก็ตาม
-
แต่มันไม่ได้แม่นขนาดนั้นค่ะ
-
คือ
-
ที่เขาคำยงณไว้ว่า 1 ปีมี 365.25 วันเนี่ย
-
จริงๆ เขาตำนวณเกินไปนิดนึงค่ะ
-
คือปีนึงอะไม่ได้มี 365.25 วันเป๊ะๆหรอก
-
จริงๆ มันเป็น 365.24 แล้วก็ตัวเลขยาวๆ อีกเต็มไปหมดนะคะ
-
คือเขาคำนวณเกินไปเนี่ยนะคะ
-
ปีนึงประมาณ 11 นาทีแล้วก็ 14 วินาทีค่ะ
-
ทุกคนก็จะแบบคำนวณเกินไป 11 นาทีเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก
-
แต่จริงๆ แล้วมันก่อให้เกิดปัญหาค่ะ
-
เพราะว่าปฏิทินของจูเลียนเนี่ยนึกสภาพว่าถ้าใช้มาถึงปัจจุบันนี้มันก็เป็นพันปีแล้วใช่ไหมคะ
-
พันปีคูณ 11 นาทีอู้หู หายไปหลายวันพอสมควรเลยนะ
-
ดังนั้นปัญหาของปฏิทินจูเลียนค่ะ ก็เลยเริ่มแสดงออกมาในช่วงประมาณยุคกลางของยุโรปค่ะ
-
ในช่วงนั้นเนี่ยนะคะ
-
คนเริ่มรู้สึกว่าแบบ
-
เอ...ปฏิทินที่ฉันใช้อยู่เนี่ยมันไม่ตรงกับฤดูกาลปัจจุบันเลยนะ
-
เพราะว่าวันที่เนี่ยนะคะมันเลื่อนไปประมาณ 10 วันด้วยกันแล้วค่ะ
-
ดังนั้นคนก็เริ่มรู้สึกว่า เห้ยปฏิทินมันมั่วรึเปล่า
-
ทำไมวันที่กลางวันกลางคืนมันควรจะเท่ากัน
-
มันก็ไม่เท่า
-
ทำไมอะไรยังไง?นะคะ
-
งงกันไปหมดค่ะ
-
ประกอบกับว่าช่วงนั้นเนี่ย
-
มันมีการฉลองปีใหม่กันมั่วขึ้นมาอีกรอบนึง
-
ไม่ได้ฉลองที่วันที่ 1 มกราคมแล้ว
-
ถามว่าเพราะอะไร?
-
เพราะว่าคนที่กำหนดให้ฉลอง 1 มกราคม
-
คือ
-
ชาวโรมัน
-
และ ชาวยุโรปยุคกลางเนี่ยเป็นยุคที่แบบว่า
-
ค่อนข้างจะนับถือศาสนาคริสต์คากอลืกค่อนข้างโหดใช่ไหม
-
แล้วก็เป็นช่วงที่แบบว่า
-
ถ้าใครไม่เชื่อตามที่บาปหลวงกล่าว
-
มันจะต้องเป็นพ่อมดเป็นพวกนอกรีตเป็นพวกศาสนาเพแกนทำนองนี้ใช่ไหมคะ?
-
ดังนั้นค่ะ การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในช่วงวันที่ 1 มกราคมเนี่ย
-
มันดูจะเป็นของศาสนาของชาวโรมัน
-
ชาวยุโรปยุคกลางก็เลย
-
มั่วกันไปหมดเลยค่ะ
-
แบบฉันจะฉลองวันนี้ละกัน
-
อะฉันจะฉลองวันนั้นละกัน
-
ฉันกลับไปฉลองตอน X'mas แล้วกัน
-
ฉันไปฉลองเดือนมีนาคมแล้วกันค่ะ
-
เรื่องราวของปฏิทินนะคะก็มั่วกันแบบนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ
-
จนกระทั่งมาถึงปี 1582 นะคะ
-
ก็เกิดคนคนนึงนะคะที่เกิดการทนไม่ได้อีกแล้วกับการที่ปฏิทินมันมั่วขนาดนี้
-
แล้ววันกับฤดูกาลเนี่ยมันไม่ตรงกันนะคะ
-
คนคนนั้นเป็น Pope ค่ะ
-
นั่นก็คือสมเด็จพระสันตะปาปาGregory XIIIนะคะ
-
คือท่านเนี่ยรู้สึกว่าแบบ
-
เอ๊ย มันไม่โอเคแล้วที่ปฏิทินเราจะมั่วแบบนี้
-
ดังนั้นท่านก็เลยไปปรึกษานักดาราศาสตร์ค่ะ
-
ซึ่งนักดาราศาสตร์ที่ท่านไปปรึกษานะคะ ก็ชื่อว่า...
-
...
-
นี่แหละค่ะ ชื่อนี้แหละ
-
คือวิวอ่านไม่ออกอีกแล้วนะคะทุกคน
-
ซึ่งหลังจากที่ท่านไปปรึกษานักดาราศาสตร์คนนี้นะคะ
-
นักดาราศาสตร์คนนี้ก็บอกว่า
-
เออ มันไม่ Work แล้วแหละ เราจะต้องคำนวณกันใหม่แล้วว่าปีนึงมันมีกี่วัน
-
ดังนั้นนักดาราศาสตร์คนนี้นะคะก็เลยไปคำนวณอะไรต่างๆ มาค่ะ
-
แล้วก็ได้คำตอบเหมือนที่วิวบอกทุกคนไปนี่แหละ
-
ว่าจริงๆ แล้วปีนึงมันไม่ได้มี 365.25 วัน
-
แต่มันเป็น365.24บลาๆๆๆๆยาวเหยียดเลยนะคะ
-
ดังนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาGregory นะคะ ก็เลยรู้สึกว่าเราจำเป็นจะต้องออกปฏิทินใหม่อีกอันนึงแล้ว
-
เพื่อที่จะปรับเวลาเนี่ย ให้ตรงกับฤดูกาลนะคะ
-
ก็เลยออกเป็นปฏิทินอันใหม่มาค่ะ
-
ชื่อว่าปฏิทิน Gregorian นั่นเอง
-
ซึ่งปฏิทิน Gregorianเนี่นะคะ
-
ก็เป็นปฏิทินที่เราใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน
-
ถ้าใครเคยปรับปฏิทินในมือถือของตัวเองจะเห็นว่ามันจะมีให้เลือกว่าแบบ
-
จะมีให้เลือกว่าจะใช้ปฏิทินแบบจีน ปฏิทินแบบGregorian
-
นี่แหละค่ะที่มานะคะ
-
ปัญหาก็คือตอนที่จะเริ่มใช้ปฏิทินแบบ Gregorian เนี่ยนะคะ
-
วันในปีเนี่ยมันเกินมาแล้วทั้งหมด 10 วันใช่ไหม
-
ที่มันไม่ตรงกับฤดูกาล
-
ดังนั้นมันก็ต้องมีการปรับปฏิทินกันอีกรอบนะคะ
-
สมเด็จพระสันตะปาปา Gregory นะคะก็เลย
-
มีการประกาศออกมาในปี 1582 ค่ะว่า
-
เอาล่ะ เราจะลบวันที่ออกจากปฏิทินทั้งหมด 10 วันนะจ๊ะทุกคน
-
เพื่อที่ว่าปฏิทินมันจะได้อยู่ในวันที่ที่ถูกต้องอีกครั้งนึง
-
ในปี 2582 ก็เลยไม่มีวันที่ 5-14 ตุลาคมนะคะ
-
คือพอเวลาเรานอนไปในคืนวันที่ 4 ตุลาคม
-
ตื่นเช้ามาปุ๊บมันจะกลายเป้นวันที่15 ตุลาคมทันทีเลยค่ะ
-
อะ ตอนนี้เราปรับปฏิทินและฤดูกาลให้ตรงกันแล้วเรียบร้อยใช่ไหมคะ?
-
แล้วทำยังไงให้ในอนาคตเนี่ยวันที่มันไม่คลาดเคลื่อนอีก
-
ก็ 365.24...อะไรสักอย่างวันเนี่ยมันจะไปคำนวณยังไง
-
ก็ต้องบอกว่า
-
หลังจากใช้สูตรคณิตศาสตร์อะไรต่างๆ ค่ะ
-
เขาก็เลยคำนวณออกมาได้ว่า
-
อะ เราจะต้องมีปีที่มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี่แหละ
-
เพื่อที่จะเป็น Leap Year นะคะ
-
คือเป็นปีที่เอาไว้ปรับให้ปฏิทินมันกลับมาตรงอีกครั้งนึง
-
แต่ถามว่ามันจะมีทุกกี่ปี
-
ในเมื่อสูตาทุก 4 ปีเนี่ยมันไม่ Valid แล้วนะคะ
-
เขาก็บอกว่าสูตรคำนวณง่ายมากค่ะ
-
ให้ไปดูที่ 2 กรณีด้วยกัน
-
คือไปดูที่ปี ค.ศ.
-
ว่าปี ค.ศ. นั้นเนี่ยลงท้ายด้วย 00 รึเปล่า
-
สำหรับปีไหนที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย 00 เนี่ยนะคะ
-
ให้เอา 4 หารปี ค.ศ. ค่ะ
-
ถ้าสมมติว่า 4 หารลงตัว
-
อะ ปีนั้นจะเรียกว่า Leap Year นะคะ
-
คือปีที่เดือนกุมภาพันธ์เนี่ยมี 29 วันค่ะ
-
ส่วนถ้าปีไหนมันลงท้ายด้วย 00 พอดีเป๊ะเนี่ยนะคะ
-
อย่าหารด้วย 4 ค่ะ ให้หารด้วย 400
-
ถ้าหารด้วย 400 ลวตัว ปีนั้นคือ LEap Year
-
แต่ถ้าหารด้วย 400 ไม่ลงตัว
-
ปีนั้นก็จะไม่ใช่ Leap Year นะคะ
-
นี่ก็เป็นจุดแต่งต่างระหว่างปฏิทิน Julian กับปฏิทิน Gregorian ค่ะ
-
และทั้งหมดนี้ก็คือปฏิทินที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันแบบเป็นสากลนะคะ
-
และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรา
-
ฉลองปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม
-
แบบที่เป็น 1 มกราคมในปัจจุบัน
-
ไม่ใช่ 1 มกราคมที่ลอยไปลอยมา
-
ไปอยู่ที่วันนั้นวันนี้วันนู้น
-
นั่นเองค่ะ
-
โอ๊ะ
-
เป็นไงคลิปนี้ยากมาก มึนมาก งงมากนะคะ
-
ตอนแรกคิดว่าจะทำคลิปปีใหม่ขำๆ สนุกๆ
-
แบบ เออ ตอบคำถามง่ายๆ แค่ปฏิทิน Julian นู่นนี่นั่น
-
พอไปค้นข้อมูลเข้าไปแบบ
-
โอ้โห! ทุกคน
-
ความคณิตศาสตร์นี้มึนไหมคะ
-
อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มความมึนให้กับทุกคนเพิ่มไปอีกนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าถามว่าเราเริ่มใช้ปฏิทิน Gregorian เมื่อไหร่ ก็ต้องบอกว่า
-
เมื่อ Pope ประกาศมาแล้วเนี่ยนะคะ
-
แต่ละประเทศก็ค่อนๆ เปลี่ยนตามไปเรื่อยๆ
-
ก็เปลี่ยนไม่พร้อมกันนะคะ
-
และในคนบางกลุ่มเนี่ยก็ยังมีคนที่ใช้ปฏิทิน Julian อยู่จนถึงปัจจุบันนี้เหมือนกันนะคะ
-
ก็คือศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์ทอดอกซ์นะคะ
-
ทางนั้นเนี่ยเขาจะใช้ปฏิทิน Julian ในการคำนวณพวกวันพิเศษที่เขาจะต้องเฉลิมฉลองต่างๆ
-
เช่น วันอีสเตอร์อะไรแบบนี้
-
ซึ่งในปัจจุบันนี้วันของเขาก็จะห่างกับเราทั้งหมด 11วันด้วยกันค่ะ
-
แตกต่างจากสมัยยุคกลางที่ห่างกัน 10 วันเนอะ
-
อะเพื่อไม่เพิ่มความงงให้ทุกคนไปมากกว่านี้
-
วิวคิดว่าคลิปสุดท้ายของปี 2562ของเราเนี่ย
-
ยาวพอสมควรแล้วค่ะ
-
ก็ วิวขอขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามวิวมาตลอดปีนี้
-
แล้วก็ขอ
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน
-
ขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2563 ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ
-
สำหรับใครที่ชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
-
อย่าลืมกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กด Share เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
ก่อนจะจากกันไปขออนุญาต
-
สวัสดีปีใหม่ 2563 ทุกคน แล้วก็ขอให้ปี 2563 เป็นปีที่มีความสุขสำหรับทุกคนค่ะ
-
โอยยยย ทุกคน
-
เอาจริงๆ คลิปนี้เป็นคลิปที่เหนื่อยมากเลยนะคะทุกคน
-
วิวไม่รู้ว่าทุกคนเข้าใจแบบนัน้รึเปล่า
-
แต่สำหรับตัววิวเนี่ย
-
ก่อนที่จะทำคลิปนี้นะ
-
ส่วนตัวยังเข้าใจอยู่เลยว่า
-
เอ๊ย เรามีวันที่ 29 กุมภา ทุกๆ 4 ปี
-
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่
-
ถ้าสมมติว่าเราไปใช้สูตรใหม่เนี่ย
-
บางปีผ่านไป 4 ปีแล้วก็ไม่มี 29 กุมภาฯ เหมือนกันนะคะ
-
ดังนั้น
-
นี่แหละ ใครเพิ่งจะรู้แบบนี้เหมือนวิวบ้าง
-
ใครที่ไม่เคยรู้เรื่องปฏิทิน Gregorian กับปฏิทิน Julian มาก่อนเลย
-
ก็ Comment มาคุยกันด้านล่างได้นะคะ
-
ส่วนใครมีคำถามอะไรน่าสนใจอยากให้วิวทำคลิปอะไรในปีหน้า
-
อยากเห็นคลิปในช่องเราเป็นรูปแบบไหนในปีหน้า
-
Comment มาคุยกันด้านล่างได้ค่ะ
-
วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะ