WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:01.600 00:00:01.600 --> 00:00:02.540 ตกใจกันไหมทุกคน 00:00:02.540 --> 00:00:04.360 สวัสดีค่ะวิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:04.360 --> 00:00:07.840 สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าสำหรับใครหลายๆ คนที่ทันดูรอบสดด้วยนะคะ 00:00:07.840 --> 00:00:12.000 แล้วก็สวัสดีปีใหมม่ย้อนหลังสำหรับใครที่มาดูย้อนหลังในปี 2563 ค่ะ 00:00:12.040 --> 00:00:14.720 แหมะ พูดถึงสวัสดีปีใหม่ ตอนนั้น ตอนนี้ ตอนนู้น 00:00:14.880 --> 00:00:16.820 เดี๋ยวก็สวัสดีล่วงหน้า เดี๋ยวก็สวัสดีย้อนหลัง 00:00:16.820 --> 00:00:23.760 ว่าแต่ อยากรู้กันไหมคะว่าทำไมอยู่ดีๆ เราถึงมาฉลองปีใหม่กันในวันที่ 1 มกราคม แบบที่เราฉลองอยู่ทุกปี 00:00:23.760 --> 00:00:25.680 มันมีที่มาที่ไปจากอะไร? 00:00:25.680 --> 00:00:26.880 ใครเป็นคนคิดคนแรก? 00:00:26.880 --> 00:00:29.740 เนื่องจากนี่ก็เป็นอีก 1 เรื่องนะคะที่วิวอยากรู้มาตั้งนานแล้ว 00:00:29.740 --> 00:00:32.360 วิวก็เลยไปหาข้อมูลมาให้ทุกคนมาเรียบร้อยแล้วค่ะ 00:00:32.460 --> 00:00:37.220 ซึ่งอ้างอิงของวิวเนี่ยก็อยู่ด้านล่างสามารถไปตามอ่านกันได้ถ้าสมมติว่าใครอยากอ่านละเอียดค่ะ 00:00:37.260 --> 00:00:39.880 แต่สำหรับตอนนี้อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ 00:00:39.880 --> 00:00:43.440 จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ 00:00:43.460 --> 00:00:47.360 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุก แล้วก็มีสาระกันหรือยังคะ? 00:00:47.360 --> 00:00:49.280 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ 00:00:54.640 --> 00:00:58.840 ถ้าเราจะพูดถึงว่าทำไมเราถึงฉลองปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคมนะคะ 00:00:58.900 --> 00:01:01.780 ก็ต้องบอกว่าเราต้องไปพูดถึงการสร้างปฏิทินค่ะ 00:01:01.780 --> 00:01:02.720 เพราะว่าอะไร? 00:01:02.740 --> 00:01:05.360 เพราะว่าเอาจริงๆ เราฉลองปีใหม่ไม่ตรงกันหรอกค่ะ 00:01:05.360 --> 00:01:07.300 นึกสภาพไม่ต้องเป็นสมัยโบราณนะคะ 00:01:07.340 --> 00:01:10.520 แค่สมัยปัจจุบันนี้ เอาไม่ต้องประเทศไหนเลยแค่ในประเทศไทยเนี่ย 00:01:10.600 --> 00:01:12.660 เรายังมีวันปีใหม่เต็มไปหมดเลยใช่ไหมคะ? 00:01:12.680 --> 00:01:16.960 ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 1 มกราคมที่เราฉลองกันทุกปีตามหลักสากล 00:01:17.060 --> 00:01:20.920 หรือว่าถ้าใครเป็นคนไทยเชื้อสายจีนก็จะรู้ว่าหลังจากที่เราฉลองตรุษจีนแล้วเนี่ย 00:01:20.940 --> 00:01:23.280 เราก็จะบอกว่ามันคือวัน ชิวอิก ชิวหยีชิวอะไร 00:01:23.280 --> 00:01:24.740 ก็คือปีใหม่ของจีนใช่ไหมคะ? 00:01:24.840 --> 00:01:27.800 หรือถ้าใครไปนึกถึงเพลงเสียงแหลมๆ ที่เราเปิดกันตอนสงกรานต์เนี่ย 00:01:27.800 --> 00:01:28.720 เราก็เปิดเพลง 00:01:28.720 --> 00:01:35.400 วันนี้วันดีปีใหม่ ท้องฟ้าแจ่มใสพาใจสุขสันต์ #@&^%$*%&$(^ 00:01:35.460 --> 00:01:37.160 นั่นแหละค่ะดำน้ำต่อไปไม่ถูกแล้วนะคะ 00:01:37.160 --> 00:01:38.720 เห็นไหมคะว่าแค่ในประเทศไทยเนี่ย 00:01:38.720 --> 00:01:40.680 เรายังฉลองปีใหม่ไม่ตรงกันเลยค่ะ 00:01:40.800 --> 00:01:42.800 ทีนี้เรามาลองดูกันที่สเกลใหญ่กว่านี้ดีกว่าค่ะ 00:01:42.820 --> 00:01:44.820 เราไปดูกันที่ปีใหม่ทั่วโลก 00:01:44.820 --> 00:01:46.820 นึกสภาพกลับไปในสมัยโบราณนะคะ 00:01:46.860 --> 00:01:49.040 ย้อนไปตอนอารยธรรมมนุษย์เริ่มต้นขึ้น 00:01:49.040 --> 00:01:51.640 นึกสภาพเราเป็นมนุษย์หินมนุษย์ถ้ำอะไรต่างๆ 00:01:51.640 --> 00:01:56.280 อ้าวอยู่ดีๆ เราจะมารู้กันได้ยังไงว่าเราต้องฉลองปีใหม่ในวันนี้วันที่ 1 มกราคม 00:01:56.280 --> 00:01:58.840 มันไม่ได้มีอะไรเป็นวันพิเศษอะไรเลยนี่คะ 00:01:58.840 --> 00:02:00.180 ไม่ได้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง 00:02:00.180 --> 00:02:03.960 ไม่ได้เป็นวันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางนั้น พระอาทิตย์ขึ้นทางนี้ 00:02:03.960 --> 00:02:05.900 ไม่ได้มีดาวดวงนั้นดวงนี้มาเรียงกัน 00:02:05.900 --> 00:02:09.780 แล้วทำไมคนสมัยโบราณเค้าถึงเลือกวันนี้ให้เป็นวันปีใหม่ของเรา 00:02:09.780 --> 00:02:12.240 จะบอกว่ามันมีคำตอบเบื้องหลังอยู่ค่ะ 00:02:12.280 --> 00:02:15.240 ถ้าเราจะไปดูว่าทำไมเราถึงฉลองวันที่ 1 มกราคมนะคะ 00:02:15.240 --> 00:02:18.560 เราจะต้องย้อนกลับไปในอารยธรรมเมโสโปเตเมียค่ะ 00:02:18.560 --> 00:02:20.900 อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสนะคะ 00:02:20.900 --> 00:02:24.840 ถ้าใครแม่นประวัติศาสตร์โลกหน่อยก็จะรู้ว่าเป็น 1 ในอารยธรรมแรกๆ ของโลกใช่ไหมคะ 00:02:24.920 --> 00:02:30.100 วันนี้เราไม่ได้จะไปดูถึงชาวสุเมเรียนที่เป็นคนประดิษฐ์อักษรลิ่มคูนิฟอร์มที่เป็นอักษรแรกของโลกนะคะ 00:02:30.100 --> 00:02:31.900 แต่เราจะไปดูที่ชาวบาบิโลเนียนค่ะ 00:02:31.900 --> 00:02:37.500 ชาวบาบิโลเนียนถือเป็นชนชาติแรกๆ ที่มีการบันทึกไว้ค่ะว่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่กัน 00:02:37.520 --> 00:02:40.140 แล้วถามว่าชาวบาบิโลเนียนเขาเฉลิมฉลองกันตอนไหน? 00:02:40.160 --> 00:02:42.580 เขาเฉลิมฉลองกันในวันที่ 1 มการาคม 00:02:42.580 --> 00:02:44.540 แบบที่เราฉลองกันอยู่ทุกวันนี้รึเปล่า 00:02:44.540 --> 00:02:46.100 ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เลยค่ะ 00:02:46.100 --> 00:02:50.040 ชาวบาบิโลเนียเนี่ยฉลองปีใหม่กันในช่วงเดือนมีนาคมค่ะ 00:02:50.040 --> 00:02:51.640 อ้าว! แล้วเดือนมีนาคมมีอะไรพิเศษนะคะ? 00:02:51.640 --> 00:02:54.680 ก็ต้องบอกว่า ในเดือนมีนาคมค่ะ มีสิ่งนึงเกิดขึ้น 00:02:54.740 --> 00:02:59.560 ก็คือเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ หรือว่า Spring นั่นเองค่ะ 00:02:59.560 --> 00:03:00.900 ก็ฟังดู Make Sense นะ 00:03:00.920 --> 00:03:03.160 เป็นตอนที่ฤดูหนาวเพิ่งจะผ่านพ้นไป 00:03:03.180 --> 00:03:07.420 พวกใบไม้ที่ตายๆ ไปเนี่ย ก็กำลังเริ่มผลิดอก ออกผลใหม่อีกรอบนึง 00:03:07.420 --> 00:03:09.600 เหมือนการเฉลิมฉลองชีวิตใหม่ใช่ไหมคะ? 00:03:09.700 --> 00:03:14.080 และชาวบาลิโลเนียนนี่เขา mark วันปีใหม่ของเขาไม่ใช่แค่ช่วง Spring เท่านั้นหรอกค่ะ 00:03:14.220 --> 00:03:16.620 แต่เขา Mark ไว้ในวันวันนึงค่ะ ที่เราเรียกว่า 00:03:16.620 --> 00:03:18.160 Vernal Equinox นะคะ 00:03:18.160 --> 00:03:19.900 หรือว่าในภาษาไทยเรียกว่า 00:03:19.900 --> 00:03:21.680 วสันตวิษุวัตนั่นเอง 00:03:21.680 --> 00:03:25.460 ก็คือวันที่กลางวันกับกลางคืนเนี่ยนะคะ ยาวเท่ากันค่ะ 00:03:25.600 --> 00:03:30.280 คือปกติแล้วพระอาทิตย์ของเราเนี่ยมันจะขึ้นแล้วก็ตกในทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกใช่ไหม? 00:03:30.280 --> 00:03:32.000 แต่บอกเลยว่าจริงๆ ไม่ใช่นะคะ 00:03:32.120 --> 00:03:35.520 พระอาทิตย์ทุกวันเนี่ยไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันออกเป๊ะ และตกทางทิศตะวันตกเป๊ะค่ะ 00:03:35.520 --> 00:03:37.720 มันจะเบี่ยงบ้างแบบบางองศาอะไรงี้ 00:03:37.720 --> 00:03:42.400 แต่ในวันวสันตวิษุวัตมันจะขึ้นทางทิศตะวันออกเป๊ะ และตกทางทิศตะวันตกเป๊ะค่ะ 00:03:42.540 --> 00:03:45.220 ส่งผลให้กลางวันกับกลางคืนเนี่ยยาวเท่ากันนะคะ 00:03:45.380 --> 00:03:50.340 นี่ก็คือวันปีใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่วิวหาเจอแล้วก็น่าจะเก่าแก่ที่สุดในโลกด้วยนะคะ 00:03:50.460 --> 00:03:54.020 อย่างไรก็ดีชาวบาบิโลเนียนนี่ไม่ใช่คำตอบที่เราค้นหานะคะ 00:03:54.020 --> 00:03:57.620 นั่นก็คือดังนั้นเรา Move ไปที่ชาวตะวันตกอารยธรรมถัดไปที่เราค้นหาดีกว่า 00:03:57.620 --> 00:03:59.280 นั่นก็คือชาวกรีกค่ะ 00:03:59.300 --> 00:04:02.800 ถามว่าชาวกรีกมีการเฉลิมฉลองปีใหม่ไหมก็ต้องบอกว่า มีค่ะ 00:04:02.840 --> 00:04:05.440 แล้วถามว่าเขาเฉลิงฉลองวันเดียวกับชาวบาบิโลเนียนไหม? 00:04:05.440 --> 00:04:06.720 ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะ 00:04:06.760 --> 00:04:10.480 แต่วันที่เขาเฉลิมฉลองเนี่ยก็ต้องบอกว่ามีความคล้ายกับชาวบาบิโลเนียนนิดนึง 00:04:10.500 --> 00:04:12.980 คือมันเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกนี่แหละ 00:04:13.100 --> 00:04:16.220 เพราะว่าวันที่เขาเฉลิงฉลองกันเนี่ยนะคะมันคือวัน Winter Solstice 00:04:16.340 --> 00:04:18.340 หรือว่าในภาษาไทยเรียกว่า 00:04:18.340 --> 00:04:20.060 วันเหมายันนั่นเองค่ะ 00:04:20.060 --> 00:04:25.920 มันก็คือวันที่อยู่ช่วงปลายๆ ปีที่เราน่าจะเคยได้ยินกันบ้างในช่วงวันที่ 21 ธันวาคมนะคะ 00:04:25.960 --> 00:04:28.760 วันนั้นคือวันที่กลางคืนยาวที่สุดของปีค่ะ 00:04:28.760 --> 00:04:30.480 แล้วก็กลางวันสั้นที่สุดนะคะ 00:04:30.600 --> 00:04:33.520 ซึ่งชาวกรีกนี่เขาก็จะเฉลิมฉลองกันในช่วงนั้นนี่แหละค่ะ 00:04:33.540 --> 00:04:37.080 อย่างไรก็ดีอารยธรรมกรีกไม่ใช่อารยธรรมสำคัญของเราในวันนี้ค่ะ 00:04:37.140 --> 00:04:39.860 อารยธรรมสำคัญที่สุดของเราในวันนี้ก็คือ 00:04:39.860 --> 00:04:41.460 อารยธรรมโรมันนั่นเอง 00:04:41.480 --> 00:04:45.260 ซึ่งอารยธรรมโรมันเนี่ยนะคะต้องขอบอกว่ามีระยะเวลาค่อนข้างยาวนานค่ะ 00:04:45.260 --> 00:04:48.300 และเขาก็มีปฏิทินของเขามาตั้งนานแล้วนะคะ 00:04:48.340 --> 00:04:52.540 อย่างไรก็ตามปฏิทินโรมันในยุคเริ่มแรกเนี่ยนะคะมีความสับสนงุนงงค่อนข้างมากค่ะ 00:04:52.580 --> 00:04:55.560 คือในยุคแรกๆ เนี่ยเหมือนใช้ปฏิทินแบบจันทรคตินะคะ 00:04:55.620 --> 00:04:58.040 ก็คือปฏิทินที่ดูตามดวงจันทร์นั่นเอง 00:04:58.040 --> 00:04:59.880 ก็คล้ายๆ กับปฏิทินไทยปัจจุบันนี้นี่แหละ 00:04:59.920 --> 00:05:03.340 ก็คือดูข้างขึ้นดูข้างแรมดูเดือนเพ็ญอะไรแบบนี้นะคะ 00:05:03.420 --> 00:05:05.420 อย่างไรก็ตามมันก็มีความสับสนนิดนึง 00:05:05.440 --> 00:05:07.760 เพราะว่ามันก็มีคนบางกลุ่มในอารยธรรมโรมันเนี่ย 00:05:07.840 --> 00:05:09.840 ที่ใช้ปฏิทินแบบสุริยคติ 00:05:09.960 --> 00:05:11.960 หรือว่าปฏิทินที่ดูตามพระอาทิตย์ค่ะ 00:05:12.060 --> 00:05:14.840 ว่าแบบพระอาทิตย์โคจรอะไรแบบนี้ อะไรแบบนั้น 00:05:14.980 --> 00:05:16.200 แล้วก็เอามาทำเป็นปฏิทินนะคะ 00:05:16.280 --> 00:05:19.300 ดังนั้นเมื่อมีระบบ 2 ปฏิทินเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเนี่ย 00:05:19.440 --> 00:05:21.440 คนก็เกิดการสับสนงุนงงอะไรต่างๆ ค่ะ 00:05:21.560 --> 00:05:23.560 จนกระทั่งมีคนสำคัญเกิดขึ้นคนนึง 00:05:23.640 --> 00:05:26.920 คนคนนั้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของโรมันตามความเชื่อค่ะ 00:05:26.920 --> 00:05:27.940 คนคนนั้นก็คือ 00:05:27.940 --> 00:05:29.140 คิงโรมิวรัสนะคะ 00:05:29.140 --> 00:05:32.340 ซึ่งถ้าสมมติว่าใครแม่นประวัติศาสตร์โรมันนิดนึงก็จะรู้ว่า 00:05:32.400 --> 00:05:35.160 รูปของคิงโรมิวลัสเนี่ยถ้าสมมติว่าอยู่ที่ยุโรปเนี่ย 00:05:35.220 --> 00:05:38.760 จะเป็นรูปของหมาป่าตัวนึงที่มีนมแล้วเป็นเด็กสองคนที่กินนมอยู่ 00:05:38.760 --> 00:05:40.960 เด็กสองคนนั้นคือรีมัสกับโรมิวลัสนะคะ 00:05:40.960 --> 00:05:41.980 เป็นฝาแฝดกันค่ะ 00:05:42.060 --> 00:05:44.600 และนี่คือที่มาของรีมัส ลูปินส์จากแฮร์รี พอตเตอร์นะคะ 00:05:44.680 --> 00:05:47.040 ก็คือหมาป่า มันเกี่ยวข้องกับหมาป่าประมาณนี้แหละ 00:05:47.060 --> 00:05:50.420 ก็คือเขาเชื่อว่าคิงโรมิวลัสนี่คือคนที่หมาป่าเลี้ยงมาประมาณนั้นค่ะ 00:05:50.420 --> 00:05:52.200 เห็นไหมคะว่ามันเกี่ยวพันกันทุกเรื่องเลย 00:05:52.200 --> 00:05:53.500 แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเดียวก็คือ 00:05:53.540 --> 00:05:56.060 ไม่เกี่ยวกับเรื่อง 1 มกราคมที่วิวกำลังจะเล่านี่แหละ 00:05:56.060 --> 00:05:57.840 นอกเรื่องอีกแล้ว กลับมานะคะทุกคน 00:05:57.840 --> 00:05:59.340 00:05:59.460 --> 00:06:02.420 อะ กลับมาที่คิงโรมิวลัส กับวันที่ 1 มกราคมของเราค่ะ 00:06:02.480 --> 00:06:06.420 ในยุคของคิงโรมิวลัสค่ะ มีปฏิทินโรมันโบราณแบบนึงเกิดขึ้นมานะคะ 00:06:06.520 --> 00:06:11.920 ซึ่งมันเป็นปฏิทินที่ได้รับรากฐานมาจากปฏิทินแบบเดิมคือปฏิทินจันทรคติแหละ 00:06:12.020 --> 00:06:16.140 เหมือนกับเอาทุกอย่างมา Mix กันเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็คำนวณออกมาแล้วให้เป็นปฏิทินนะคะ 00:06:16.240 --> 00:06:18.240 ซึ่งปฏิทินแบบนี้มีความพิเศษยังไงคะ 00:06:18.340 --> 00:06:21.760 บอกเลยว่าพิเศษค่ะ เพราะมันมีแค่ 10 เดือนด้วยกันค่ะ 00:06:21.840 --> 00:06:24.440 และแน่นอนว่าใน 10 เดือนนี้ก็จะต้องมีเดือนที่ 1 นะคะ 00:06:24.440 --> 00:06:26.880 ดังนั้นเขาเริ่มฉลองปีใหม่กันในเดือนนั้นค่ะ 00:06:26.940 --> 00:06:29.340 ถามว่าเดือนที่ 1 คือเดือนมกราคมใช่ไหม? 00:06:29.340 --> 00:06:30.620 บอกเลยว่าไม่ใช่ค่ะ 00:06:30.620 --> 00:06:32.080 เพราะว่าเดือนที่ 1 ของเขาคือเดือน 00:06:32.140 --> 00:06:34.480 มีนาคมหรือว่าเดือน March นั่นเองนะคะ 00:06:34.520 --> 00:06:36.640 อันนี้เป็นการออกเสียงแบบในสมัยปัจจุบันเนอะ 00:06:36.680 --> 00:06:39.160 ในสมัยนั้นเขาจะเรียกว่าเดือน Martius อะไรประมาณนี้นะคะ 00:06:39.160 --> 00:06:41.960 อันนี้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษแล้วเนอะจะได้เข้าใจอะไรง่ายขึ้นนะคะ 00:06:41.960 --> 00:06:45.000 จะไม่ใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาสมัยนู้นด้วยนะ 00:06:45.000 --> 00:06:46.640 ก็คือ March ถือเป็นเดือน 1 00:06:46.660 --> 00:06:49.140 พอ March เป็นเดือน 1 นะคะ April ก็จะเป็นเดือน 2 00:06:49.140 --> 00:06:50.600 May ก็เป็นเดือน 3 00:06:50.600 --> 00:06:51.760 ไล่ไปเรื่อยๆ ใช่ไหมคะ 00:06:51.780 --> 00:06:53.780 และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คนเนี่ย 00:06:53.780 --> 00:06:55.640 ที่พอจะรู้รากศัพท์บ้างเนี่ย 00:06:55.640 --> 00:06:56.860 งุนงงกันมานาน 00:06:56.860 --> 00:06:58.240 เช่นชื่อเดือน September 00:06:58.340 --> 00:07:00.960 ถ้าใครเคยเรียนเคมี hepta- แปลว่า 7 ใช่ไหมคะ 00:07:00.980 --> 00:07:03.220 อ้าวแล้วทำไม September ถึงเป็นเดือน 9 00:07:03.300 --> 00:07:05.340 ทำไม octa- October เนี่ย 00:07:05.340 --> 00:07:07.140 octa- แปลว่า 8 ทำไมถึงเป็นเดือน 10 00:07:07.140 --> 00:07:08.860 อะ นี่แหละค่ะ ที่มานะคะ 00:07:09.660 --> 00:07:11.660 อย่างไรก็ตามเรามาดูที่การแบ่งเดือนของเขาดีกว่า 00:07:11.660 --> 00:07:13.240 คิดว่าเขาแบ่งเดือนกันยังไงคะ 00:07:13.240 --> 00:07:14.600 คือเขาแบ่งเดือนจาก 00:07:14.600 --> 00:07:16.120 ปฏิทินจันทรคติค่ะ 00:07:16.160 --> 00:07:18.500 คือไปดูที่การขึ้นการลงของพระจันทร์นะคะ 00:07:18.500 --> 00:07:20.000 ดังนั้น 1 เดือนเนี่ยก็คือ 00:07:20.000 --> 00:07:21.360 เริ่มจากตอนที่ New Moon 00:07:21.360 --> 00:07:25.580 New Moon คือเสี้ยวของพระจันทร์เสี้ยวแรกที่เพิ่งจะโผล่มาหลังจากพระจันทร์ดับนะคะ 00:07:25.580 --> 00:07:27.360 นึกสภาพในคืนจันทร์แรมอะค่ะ 00:07:27.380 --> 00:07:30.080 ที่แบบไม่มีพระจันทร์เลยอะนะแล้วพระจันทร์เริ่มโผล่มา ฟึบ 00:07:30.080 --> 00:07:31.100 อันแรกเนี่ยแหละค่ะ 00:07:31.140 --> 00:07:34.100 เขาเรียกว่า New Moon หลังจากที่พระจันทร์หายไปประมาณนั้น 00:07:34.100 --> 00:07:35.720 นี่ก็จะเป็นต้นเดือนใช่ไหมคะ 00:07:35.780 --> 00:07:40.060 หลังจากนั้นก็จะนับเดือนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพระจันทร์เต็มดวง แล้วก็พระจันทร์หายไปอีกรอบ 00:07:40.060 --> 00:07:41.400 นี่ก็คือ 1 เดือนนะคะ 00:07:41.400 --> 00:07:44.080 และเป็นที่มาของการเรียกเดือนว่า Month นั่นเอง 00:07:44.080 --> 00:07:46.060 จะเห็นว่า month กับ moon เนี่ยคล้ายกันมากเลย 00:07:46.060 --> 00:07:47.780 เพราะว่ามันมีที่มาแบบนี้นี่แหละค่ะ 00:07:47.800 --> 00:07:51.060 หรือแม้แต่ในประเทศไทยเนี่ย เดือน เดือนก็แปลว่าพระจันทร์ด้วยใช่ไหม? 00:07:51.080 --> 00:07:54.020 นี่แหละค่ะการนับเดือนทั่วโลกค่อนข้างจะเกี่ยวกับพระจันทร์นะคะ 00:07:54.020 --> 00:07:55.420 ซึ่งเหล่านี้แปลว่าอะไรคะ? 00:07:55.420 --> 00:07:57.960 แปลว่าวันปีใหม่ของชาวโรมันโบราณเนี่ย 00:07:58.120 --> 00:08:00.740 ก็คือวันที่เกิด New Moon ของเดือนมีนาคมนั่นเองค่ะ 00:08:00.820 --> 00:08:03.760 ก็จะนับว่าอะ ขึ้นปีใหม่แล้ว ฉลองกันได้จ้า 00:08:03.800 --> 00:08:06.280 แล้วถามว่าปฏิทินแบบนี้มีปัญหาอะไรคะ? 00:08:06.420 --> 00:08:08.420 ก็ต้องบอกว่าปฏิทินแบบนี้มีปัญหาก็คือ 00:08:08.480 --> 00:08:11.880 ในช่วงฤดูหนาวค่ะ ช่วงที่เป็นช่วงมืดมนแห่งปีเนี่ย 00:08:11.880 --> 00:08:13.360 เขาไม่นับอยู่ในปฏิทินนะคะ 00:08:13.360 --> 00:08:14.840 ถือว่าเป็นช่วงเดือนว่างไปเลย 00:08:14.860 --> 00:08:17.360 ประมาณว่าไม่มีชื่อเดือน นี่ไม่ได้อยู่ในปฏิทินของฉัน 00:08:17.400 --> 00:08:20.740 ช่างฤดูหนาวไป เหมือนกับว่าทุกคนไม่ใส่ฤดูหนาวนะคะ 00:08:20.740 --> 00:08:22.560 ดังนั้นปฏิทินของโรมันโบราณนะคะ 00:08:22.620 --> 00:08:25.640 ปีนึงก็เลยมีแค่ 304 วันเท่านั้นค่ะ 00:08:25.720 --> 00:08:28.420 ซึ่งทำให้คนสมัยนั้นเนี่ยสับสนงุนงงกันนิดนึงนะคะ 00:08:28.420 --> 00:08:33.100 ประมาณว่าฉันจะนับวันนับเดือนในช่วงฤดูหนาวยังไง อยู่ดีๆ ปฏิทินก็หายไป 61 วันในช่วงฤดูหนาวแบบนี้อะ 00:08:33.120 --> 00:08:36.580 ดังนั้นเมื่อมีคนสับสนงุนงงค่ะก็จะต้องมีการแก้ไขใช่ไหมคะ 00:08:36.660 --> 00:08:38.840 เราต้องมีพูดถึงกษัตริย์โรมันอีกคนนึงค่ะ 00:08:38.940 --> 00:08:41.480 คนคนนั้นก็คือกษัตริย์ Numa Pompilius นั่นเองนะคะ 00:08:41.600 --> 00:08:46.520 ซึ่งกษัตริย์องค์นี้เนี่ย เขาทำคุณประโยชน์ให้กับเราอย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ สำหรับโลกใบนี้ 00:08:46.540 --> 00:08:50.740 เพราะว่าเขาบอกว่า อ้าว ทำไมเราถึงทิ้งให้เดือนนึงมันหายไปตั้ง 61 วัน 00:08:50.740 --> 00:08:51.960 หายไปเราก็เติมสิ 00:08:51.960 --> 00:08:56.480 ดังนั้นเขาก็เลยยัดเดือน 2 เดือนเข้าไปในปฏิทินของโรมันโบราณค่ะ 00:08:56.620 --> 00:08:58.720 ก็คือเดือน January กับ Febuary 00:08:58.720 --> 00:09:00.320 หรือที่สมัยก่อนเขาเรียกว่า 00:09:00.320 --> 00:09:00.940 00:09:00.960 --> 00:09:03.360 ประมาณนี้นะคะ วิวออกเสียงไม่้ได้นั่นเองค่ะ 00:09:03.440 --> 00:09:07.860 ซึ่งปฏิทินนี้นะคะ เราก็เริ่มใช้กันราวๆ 509 ปีก่อนคริสตศักราช 00:09:07.860 --> 00:09:10.420 เราเรียกปฏิทินนี้ว่า Republic Calendar นะคะ 00:09:10.440 --> 00:09:12.780 มีใครสังเกตอะไรจากปฏิทินนี้ไหมคะ? 00:09:12.780 --> 00:09:16.260 จะเห็นว่ามันยังไม่มีเดือนที่ชื่อว่า July กับ August ค่ะ 00:09:16.420 --> 00:09:19.820 แต่จะเป็นเดือนที่ชื่อว่า Quintulis กับ Sextilis แทนค่ะ 00:09:19.820 --> 00:09:21.480 ซึ่งเป็นคำแปลว่า 00:09:21.560 --> 00:09:23.720 5 แล้วก็ 6 ในภาษาละตินนะคะ 00:09:23.740 --> 00:09:26.520 ว่าแต่แล้วเดือน July กับ August เนี่ยมาได้ยังไง? 00:09:26.620 --> 00:09:29.160 ก็ต้องบอกว่าเป็นการตั้งชื่อตาม 00:09:29.280 --> 00:09:31.360 บุคคลสำคัญ 2 คนของโรมันนะคะ ก็คือ 00:09:31.400 --> 00:09:34.260 Julius Caesar แล้วก็ Augustus Caesar นั่นเองค่ะ 00:09:34.260 --> 00:09:39.480 โดย Julius Caesar ก็คือเดือน July แล้ว Augustus ก็คือเดือน August นั่นเองค่ะ 00:09:39.480 --> 00:09:41.020 00:09:41.100 --> 00:09:45.520 โดยปฏิทินของ Republic เนี่ยตลอดปีก็จะมีทั้งหมด 355 วันค่ะ 00:09:45.520 --> 00:09:48.440 โดยแต่ละเดือนเนี่ยก็จะมีเดือนที่เป็น Full Month 00:09:48.440 --> 00:09:50.260 ก็จะมีทั้งหมด 31 วัน 00:09:50.280 --> 00:09:52.820 ส่วนเดือนที่มีวันน้อยลงมาก็คือHallow Month 00:09:52.920 --> 00:09:54.920 จะมีทั้งหมด 29 วันนะคะ 00:09:54.920 --> 00:09:56.740 และเดือนพิเศษเดือนนึงก็คือ 00:09:56.740 --> 00:10:00.820 Febuary กรือเดือนที่ 2 เนี่ยก็จะมีแค่ทั้งหมด 28 วันเท่านั้นเองค่ะ 00:10:00.980 --> 00:10:03.940 ถามว่าการเติม 2 เดือนนี้เข้ามาส่งผลกระทบยังไงกับเราคะ? 00:10:04.020 --> 00:10:06.500 ผลกระทบของการเติม 2 เดือนนั้นเข้ามาก็คือ 00:10:06.540 --> 00:10:11.940 ทำให้วันปีใหม่เนี่ยนะคะ เลื่อนจากวันที่ 1 มีนาคม ไปที่วันที่ 1 มกราคมแทนค่ะ 00:10:11.940 --> 00:10:16.200 และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองปีใหม่ในเดือนมกราคมนะคะ 00:10:16.200 --> 00:10:17.100 อย่างไรก็ตาม 00:10:17.100 --> 00:10:20.780 นี่ไม่ใช่มกราคมแบบที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้ค่ะ เพราะว่า 00:10:20.800 --> 00:10:24.220 ต่อให้มันเฉลิมฉลองวันที่ 1 มกราคมแล้ว แต่วันที่1 มกราคมเนี่ย 00:10:24.260 --> 00:10:26.720 มันไม่ใช่วันที่ 1 มกราคมแบบเดียวกับเราค่ะ เพราะว่า 00:10:26.780 --> 00:10:29.520 มันยังเลื่อนไปเลื่อนมาอยู่ มันยังไม่ได้ Fix วันนะคะ 00:10:29.560 --> 00:10:33.760 ถ้าเราจะ Fix วันเนี่ยเราต้องพูดถึงว่าปัญหาของปฏิทินนี้คืออะไรค่ะ 00:10:33.760 --> 00:10:38.400 ปัญหาก็คือทุกวันนี้เรารู้กันแล้วใช่ไหมว่าปีนึงมันมี 365 - 366 วัน 00:10:38.400 --> 00:10:42.740 ดังนั้นการที่ปีของชาวโรมันโบราณมีแค่ 355 วันเกิดอะไรคะ? 00:10:42.740 --> 00:10:43.820 ผลกระทบก็คือ 00:10:43.820 --> 00:10:46.060 ในทุกปีเนี่ยวันมันก็จะ เลื่อน เลื่อน เลื่อน เลื่อน 00:10:46.060 --> 00:10:48.580 คือมันเหมือนมีวันจำนวนนึงอะ ขาดไปใช่ไหมคะ? 00:10:48.580 --> 00:10:51.720 สุดท้ายฤดูกาลกับปฏิทินมันก็เลยไม่สัมพันธ์กันค่ะ 00:10:51.720 --> 00:10:53.140 ถามว่าเขามีวิธีแก้ไหม? 00:10:53.140 --> 00:10:55.100 คนสมัยโบราณไม่ได้คำนวณไม่ได้นะคะทุกคน 00:10:55.100 --> 00:10:56.980 เขาค่อนข้างจะแม่นเรื่องการคำนวณค่ะ 00:10:56.980 --> 00:11:01.260 ดังนั้นนะคะเขาเลยมีการเติมเดือนพิเศษเข้าไปในทุกๆ 2-3 ปีค่ะ 00:11:01.280 --> 00:11:04.680 เพื่อที่เหมือนกับว่าเราสะสมๆ วันที่ขาดไปแล้วประมาณ 3 ปี 00:11:04.680 --> 00:11:06.300 อะปีนี้เติมเข้าไป 1 เดือน ปึ้ง 00:11:06.300 --> 00:11:09.940 ปฏิทินมันก็จะเด้งกลับมาในระยะเวลาปกติใช่ไหมคะ? 00:11:09.960 --> 00:11:12.980 ซึ่งเดือนนั้นเนี่ยนะคะ เราจะเรียกว่าเดือน Mercedonius นั่นเองค่ะ 00:11:12.980 --> 00:11:16.540 ทีนี้แล้วจะถามว่าจะเพิ่มตอนไหน เพิ่มเมื่อไหร่ กฎเกณฑ์คือยังไง? 00:11:16.540 --> 00:11:17.460 ก็ต้องบอกว่า 00:11:17.460 --> 00:11:18.000 ไม่มี! 00:11:18.080 --> 00:11:21.320 ไม่มีกฎนะคะ คือเพิ่มที่ประมาณ ทุกๆ 2-3 ปีค่ะ 00:11:21.320 --> 00:11:23.780 โดยที่ให้ผู้ที่มีอำนาจในยุคนั้นนะคะ 00:11:23.780 --> 00:11:25.660 เรียกว่า Pontifex Maximus เนี่ย 00:11:25.680 --> 00:11:30.580 เป็นคนมีอำนาจสั่งว่า เอาล่ะ ปีนี้ข้าขอสั่งให้มีเดือนพิเศษเกิดขึ้น! 00:11:30.580 --> 00:11:31.080 ผ่าม! 00:11:31.100 --> 00:11:34.380 แล้วทุกคนในอาณาจักรนะคะ ก็จะใส่เดือนพิเศษเข้าไปในปฏิทิน พึ่บ! 00:11:34.380 --> 00:11:35.240 เข้าไปอย่างงี้เลย 00:11:35.240 --> 00:11:39.160 ถามว่าการที่ไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนแล้วให้ผู้มีอำนาจเป็นคนสั่ง 00:11:39.160 --> 00:11:40.420 ทำให้เกิดอะไรขึ้นคะ? 00:11:40.480 --> 00:11:43.400 สิ่งนั้นก็คือทำให้เกิดการโกงกันขึ้นค่ะ 00:11:43.420 --> 00:11:45.800 แล้วคิดว่าเขาเอาวันที่เกินมาไปโกงอะไรคะ? 00:11:45.840 --> 00:11:48.600 ก็คือโกงเรื่องการปกครองนั่นเองนะคะ 00:11:48.620 --> 00:11:51.640 เพราะว่าสมมติว่าคนที่มีอำนาจสั่งเนี่ยรู้สึกว่า 00:11:51.720 --> 00:11:54.820 เห้ย ตอนนี้ฉันกำลังปกครองอยู่แล้วมันกำลังจะหมดวาระของฉันแล้ว 00:11:54.920 --> 00:11:58.220 ฉันอยากมีวาระการปกครองเพิ่มขึ้นอีก 1 เดือนทำยังไงดีนะ 00:11:58.240 --> 00:12:01.380 อะ สั่งเพิ่มเดือนพิเศษดีกว่า อะทุกคนปีนี้มีเดือนพิเศษ 00:12:01.380 --> 00:12:01.940 ผ่าม! 00:12:02.000 --> 00:12:05.720 ก็ได้ระยะเวลาการปกครองขึ้นมาอีก 1 เฮือกซะอย่างนั้นเลยนะคะ 00:12:05.740 --> 00:12:08.820 หรือว่าถ้าสมมติว่าแบบ เห้ย ปีนี้ฐานเสียงฉันดี 00:12:08.960 --> 00:12:10.960 เดี๋ยวปีหน้าเดี๋ยวฉันก็ได้รับเลือกกลับเข้ามาใหม่ 00:12:10.960 --> 00:12:12.620 อะ อะ ปีนี้ไม่มีเดือนพิเศษดีกว่า 00:12:12.620 --> 00:12:13.700 ก็ทำได้นะคะ 00:12:13.700 --> 00:12:17.320 ดังนั้นมันก็เลยเกิดการสับสนงุนงงกันอย่างยิ่งยวดเลยค่ะ 00:12:17.320 --> 00:12:20.760 สุดท้ายนะคะ ก็มีคนคนนึงทนไม่ได้เลยค่ะ คนคนนั้นก็คือ 00:12:20.760 --> 00:12:22.180 Julius Caeser นั่นเอง 00:12:22.200 --> 00:12:24.880 คือ Julius Caeser เนี่ยนะคะ ตอนนั้นขึ้นมาปกครองโรมันค่ะ 00:12:24.980 --> 00:12:27.300 แล้วก็รู้สึกว่าระบบนี้มันไม่ Okay เลย มันไม่ Make Sense 00:12:27.420 --> 00:12:29.760 เราควรจะมีวันที่สามารถคำนวณได้สิ 00:12:29.840 --> 00:12:33.040 ดังนั้น Julius Caeser ก็เลยไปปรึกษานักดาราศาสตร์คนนึงค่ะ 00:12:33.080 --> 00:12:36.600 ซึ่งเขาชื่อว่าคุณ So ci... So cigi....อะไรประมาณนี้นะคะ 00:12:36.680 --> 00:12:37.580 ชื่อประมาณนี้แหละ 00:12:37.640 --> 00:12:42.100 เขาก็ไปปรึกษากันนะคะแล้วก็บอกว่า เอ๊ย ไปคำนวณมาซิปีนึงมันควรจะมีกี่วันกันแน่ 00:12:42.200 --> 00:12:45.240 เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาใส่ไอ้เดือนพิเศษนี้กันค่ะ 00:12:45.320 --> 00:12:48.880 ซึ่งคุณนักดาราศาสตร์คนนี้เขาก็ไปคำนวณอะไรต่างๆ มาเรียบร้อยนะคะ 00:12:48.880 --> 00:12:50.800 แล้วเขาก็คำนวณขึ้นมาได้ค่ะว่า 00:12:50.800 --> 00:12:54.040 เอ๊ย จริงๆ แล้วปีนึงของเราเนี่ยมันไม่ได้มี 355 วัน 00:12:54.140 --> 00:12:56.960 จริงๆ มันมี 365.25 วันต่างหาก 00:12:57.040 --> 00:12:59.720 ดังนั้นทุกคน เรามาสร้างปฏิทินใหม่กันดีกว่า 00:12:59.820 --> 00:13:04.580 ช่างหัวพระจันทร์ ช่างหัวอะไรทั้งสิ้น คือแต่เดิมเดือนเนี่ยมันมัวแต่ไปตามพระจันทร์ ตามนู่นตามนี่ 00:13:04.580 --> 00:13:06.300 อะ เรามาตามพระอาทิตย์กันดีกว่านะ 00:13:06.400 --> 00:13:09.080 แล้วก็ตั้งเลยว่าปีนึงเนี่ยมี 365 วัน 00:13:09.080 --> 00:13:10.980 แล้วก็ทุกๆ 4 ปีเนี่ยเราก็จะมี 00:13:11.080 --> 00:13:15.840 วันพิเศษ 1 วันเพื่อที่วันนั้นเนี่ยนะจะได้ชดเชยของวันอื่นๆ ใน 3 ปีที่ผ่านมา 00:13:15.840 --> 00:13:20.320 แล้วปีนึงมันจะได้มี 365.25 วันพอดีเป๊ะเลยตกลงไหมนะคะ 00:13:20.340 --> 00:13:22.720 สุดท้ายถามว่า Julius Caesar ชอบไหมไอเดียนี้ 00:13:22.720 --> 00:13:24.200 Julius Caesar ชอบนะคะ 00:13:24.200 --> 00:13:27.480 ดังนั้นนะคะ Julius Caesar ก็เลยสั่งให้ประดิษฐ์ปฏิทินแบบนี้ขึ้นค่ะ 00:13:27.640 --> 00:13:29.640 และสั่งให้ทุกคนเนี่ยใช้ปฏิทินนี้นะคะ 00:13:29.680 --> 00:13:33.440 ซึ่งเราเรียกปฏิทินชนิดนี้ว่า Julian Calendar นั่นเองค่ะ 00:13:33.520 --> 00:13:37.820 แล้วถามว่าวันพิเศษของ Julius Caesar ที่เติมเข้ามาเพื่อให้เต็มวันเนี่ยมันคือวันที่เท่าไหร่ 00:13:37.820 --> 00:13:41.840 มันคือวันที่ 29 กุมภาพันธ์แบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้รึเปล่านะ 00:13:41.840 --> 00:13:43.540 ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ค่ะ 00:13:43.540 --> 00:13:48.240 แม้ว่าจะเติมเข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์เหมือนกันเนี่ยนะคะ แต่วันที่เติมเข้ามาของสมัย Julius Caesar เนี่ย 00:13:48.380 --> 00:13:50.380 คือวันที่ 23 กุมภาพันธ์ค่ะ 00:13:50.400 --> 00:13:52.660 คือปีไหนก็ตามที่เขาถือว่าเป็น Leap Year นะคะ 00:13:52.660 --> 00:13:53.500 ก็คือปีที่แบบ 00:13:53.500 --> 00:13:55.460 จะเอามา Adjust ให้ทุกอย่างเข้าที่เนี่ย 00:13:55.460 --> 00:13:57.180 เขาจะมีวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 00:13:57.180 --> 00:13:58.320 2 วันค่ะ 00:13:58.320 --> 00:14:02.660 คือเช้าวันนี้เป็นวันที่ 23 อะนอนไปตื่นขึ้นมาเป็นวันที่ 23 อีกรอบนึงค่ะ 00:14:02.660 --> 00:14:06.160 และแน่นอนว่าตอนนี้วันที่ของเราเนี่ย Fix แล้วใช่ไหมคะ 00:14:06.160 --> 00:14:07.960 ก็จะต้องมีการเลือกกันค่ะว่า 00:14:07.960 --> 00:14:12.340 เอ...แล้วเราจะเริ่มต้น ใช้ปฏิทินนี้วันไหน ปีไหน อะไรยังไงนะคะ 00:14:12.420 --> 00:14:17.020 แล้วถามว่าคุณ Julius Caesar ของเราเนี่ยเขาเริ่มปักว่าจะใช้ปฏิทินนี้วันแรกในวันไหน 00:14:17.120 --> 00:14:21.700 เพราะนั่นคือวันที่ 1 มกราแบบที่คล้ายๆ กับที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันใช่ไหมคะ 00:14:21.700 --> 00:14:25.680 หลังจากที่ 1 มกราเนี่ยมันเลื่อนไปเลื่อนมามานานจากการตามพระจันทร์ 00:14:26.940 --> 00:14:28.940 00:14:28.940 --> 00:14:29.620 เอาจริงๆ นะคะ 00:14:29.620 --> 00:14:31.240 บางคนเนี่ยเขาก็บอกกันว่า 00:14:31.240 --> 00:14:33.100 วันที่ 3 มกราคมในทุกวันนี้ 00:14:33.180 --> 00:14:37.420 จริงๆ ควรจะเป็นวันปีใหม่มากกว่าวันที่ 1 มกราคมในทุกวันนี้มากกว่าอีกค่ะ 00:14:37.420 --> 00:14:41.920 เพราะว่าวันนั้นคือวันที่โลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปีนะคะ 00:14:41.920 --> 00:14:42.840 อย่างไรก็ตาม 00:14:42.940 --> 00:14:47.700 Julius Caesar ของเราก็ดันเลือก 1 มกราคมแบบปัจจุบันเป็นวันแรกของปีค่ะ 00:14:47.700 --> 00:14:48.800 อยากรู้กันไหมคะว่าทำไม 00:14:48.800 --> 00:14:50.780 เอาจริงๆ มันก็มีหลายทฤษฎีค่ะ 00:14:50.780 --> 00:14:52.340 ทฤษฎีนึงเนี่ยบอกไว้ว่า 00:14:52.400 --> 00:14:54.800 เพราะว่าวันที่ 1 มกราคมแบบทุกวันนี้เนี่ยนะคะ 00:14:54.880 --> 00:14:57.940 เป็นวันที่เวลากลางวันของซีกโลกเหนือ 00:14:58.040 --> 00:15:02.000 จะค่อยๆ ยาวขึ้นๆๆตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ 00:15:02.020 --> 00:15:05.680 อย่างไรก็ตามนะคะเราก็ยังไม่ชัวร์ค่ะว่านี่คือเหตุผลที่เขาเลือกวันนี้ 00:15:05.740 --> 00:15:08.520 เพราะถ้าพูดถึงวันสำคัญเกี่ยวกับพระอาทิตย์ที่ใกล้กว่านั้นเนี่ย 00:15:08.620 --> 00:15:11.680 มันก็คือวันเหมายันช่วงวันที่ 21 ธันวาคมต่างหาก 00:15:11.680 --> 00:15:13.060 ชัดกว่าตั้งเยอะนะ 00:15:13.120 --> 00:15:14.500 คุณ Julius Caesar นะคะ 00:15:14.500 --> 00:15:19.180 แทนที่เขาจะเลือกว่าเอาล่ะวันที่กลางคืนยาวที่สุดกลางวันสั้นที่สุด 00:15:19.260 --> 00:15:20.840 เพราะว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 00:15:20.960 --> 00:15:23.380 อยู่ดีๆ ค่ะแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาเลิกใช้พระจันทร์แล้ว 00:15:23.440 --> 00:15:26.060 แต่เจาก็ดันไปปัก วันที่ 1 มกราคมนะคะ 00:15:26.060 --> 00:15:27.440 ตามพระจันทร์ซะอย่างนั้นค่ะ 00:15:27.560 --> 00:15:31.460 ก็คือเขาไปยึดหลักการเริ่มเดือนแบบโบราณของโรมันนู่นเลย 00:15:31.520 --> 00:15:32.880 ก็คือเริ่มที่ New Moon นะคะ 00:15:32.960 --> 00:15:35.440 และในปีที่เขาเริ่มใช้ปฏิทินนี้ค่ะก็คือ 00:15:35.600 --> 00:15:37.600 46 ปีก่อนคริสตศักราชนะคะ 00:15:37.640 --> 00:15:41.260 ดังนั้นนะคะวันที่เกิด New Moon ของ46 ปีก่อนคริสตศักราช 00:15:41.340 --> 00:15:44.540 ก็เลยเป็นวันที่ Mark วันทีที่ 1 มกราคมตั้งแต่นั้นมาค่ะ 00:15:44.540 --> 00:15:45.580 อย่างไรก็ตามค่ะ 00:15:45.580 --> 00:15:46.740 คิดว่าคลิปนี้จบแล้วใช่ไหม 00:15:46.760 --> 00:15:49.440 ยังๆ ดูข้างล่างเวลายังเหลืออีกเพียบเลย 00:15:49.440 --> 00:15:50.300 เพราะว่าอะไร? 00:15:50.300 --> 00:15:52.260 ถามว่าคุณนักดาราศาสตร์สมัยโรมันเนี่ย 00:15:52.260 --> 00:15:53.800 คำนวณแม่นไหมก็ต้องบอกว่า 00:15:53.800 --> 00:15:55.780 แม่นมากแล้วเมื่อเทียบกับสมัยโบราณ 00:15:55.820 --> 00:15:58.640 ทุกคนก็จะแบบ อ้าว! แต่นี่มันปฏิทินแบบที่เราใช้ทุกวันนี้แล้วหนิ 00:15:58.640 --> 00:15:59.360 ขอบอกว่า 00:15:59.360 --> 00:16:00.200 ไม่ใช่ค่ะ 00:16:00.200 --> 00:16:01.400 ทุกคนจำผิดนะคะ 00:16:01.440 --> 00:16:06.480 แม้ว่าทุกวันนี้เราจะสอนกันเข้าใจง่ายๆ ว่าทุก 4 ปีเนี่ยเราจะมีวันพิเศษขึ้นมาวันนึง 00:16:06.480 --> 00:16:07.020 แต่ 00:16:07.020 --> 00:16:08.180 จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ 00:16:08.180 --> 00:16:09.640 ปฏิทินที่เราใช้ในทุกวันนี้ 00:16:09.720 --> 00:16:12.680 ไม่ได้มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์ในทุก 4 ปีค่ะ 00:16:12.680 --> 00:16:13.300 เพราะว่าอะไร? 00:16:13.300 --> 00:16:17.260 เพราะว่าแม้ว่าคุณนักดาราศาสตร์สมับโรมันจะคำยวณแม่นขนาดไหนก็ตาม 00:16:17.260 --> 00:16:18.920 แต่มันไม่ได้แม่นขนาดนั้นค่ะ 00:16:18.920 --> 00:16:19.480 คือ 00:16:19.600 --> 00:16:23.240 ที่เขาคำยงณไว้ว่า 1 ปีมี 365.25 วันเนี่ย 00:16:23.280 --> 00:16:25.500 จริงๆ เขาตำนวณเกินไปนิดนึงค่ะ 00:16:25.600 --> 00:16:28.920 คือปีนึงอะไม่ได้มี 365.25 วันเป๊ะๆหรอก 00:16:28.960 --> 00:16:32.940 จริงๆ มันเป็น 365.24 แล้วก็ตัวเลขยาวๆ อีกเต็มไปหมดนะคะ 00:16:32.940 --> 00:16:34.240 คือเขาคำนวณเกินไปเนี่ยนะคะ 00:16:34.360 --> 00:16:37.180 ปีนึงประมาณ 11 นาทีแล้วก็ 14 วินาทีค่ะ 00:16:37.180 --> 00:16:40.500 ทุกคนก็จะแบบคำนวณเกินไป 11 นาทีเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก 00:16:40.500 --> 00:16:42.380 แต่จริงๆ แล้วมันก่อให้เกิดปัญหาค่ะ 00:16:42.380 --> 00:16:46.760 เพราะว่าปฏิทินของจูเลียนเนี่ยนึกสภาพว่าถ้าใช้มาถึงปัจจุบันนี้มันก็เป็นพันปีแล้วใช่ไหมคะ 00:16:46.800 --> 00:16:50.240 พันปีคูณ 11 นาทีอู้หู หายไปหลายวันพอสมควรเลยนะ 00:16:50.320 --> 00:16:55.700 ดังนั้นปัญหาของปฏิทินจูเลียนค่ะ ก็เลยเริ่มแสดงออกมาในช่วงประมาณยุคกลางของยุโรปค่ะ 00:16:55.700 --> 00:16:56.900 ในช่วงนั้นเนี่ยนะคะ 00:16:57.000 --> 00:16:57.880 คนเริ่มรู้สึกว่าแบบ 00:16:57.940 --> 00:17:01.300 เอ...ปฏิทินที่ฉันใช้อยู่เนี่ยมันไม่ตรงกับฤดูกาลปัจจุบันเลยนะ 00:17:01.300 --> 00:17:04.700 เพราะว่าวันที่เนี่ยนะคะมันเลื่อนไปประมาณ 10 วันด้วยกันแล้วค่ะ 00:17:04.840 --> 00:17:07.420 ดังนั้นคนก็เริ่มรู้สึกว่า เห้ยปฏิทินมันมั่วรึเปล่า 00:17:07.540 --> 00:17:09.540 ทำไมวันที่กลางวันกลางคืนมันควรจะเท่ากัน 00:17:09.540 --> 00:17:10.300 มันก็ไม่เท่า 00:17:10.300 --> 00:17:11.320 ทำไมอะไรยังไง?นะคะ 00:17:11.320 --> 00:17:12.340 งงกันไปหมดค่ะ 00:17:12.340 --> 00:17:13.720 ประกอบกับว่าช่วงนั้นเนี่ย 00:17:13.760 --> 00:17:16.300 มันมีการฉลองปีใหม่กันมั่วขึ้นมาอีกรอบนึง 00:17:16.300 --> 00:17:18.240 ไม่ได้ฉลองที่วันที่ 1 มกราคมแล้ว 00:17:18.240 --> 00:17:19.120 ถามว่าเพราะอะไร? 00:17:19.300 --> 00:17:21.300 เพราะว่าคนที่กำหนดให้ฉลอง 1 มกราคม 00:17:21.300 --> 00:17:21.920 คือ 00:17:21.920 --> 00:17:22.560 ชาวโรมัน 00:17:22.720 --> 00:17:25.080 และ ชาวยุโรปยุคกลางเนี่ยเป็นยุคที่แบบว่า 00:17:25.120 --> 00:17:28.460 ค่อนข้างจะนับถือศาสนาคริสต์คากอลืกค่อนข้างโหดใช่ไหม 00:17:28.460 --> 00:17:29.620 แล้วก็เป็นช่วงที่แบบว่า 00:17:29.620 --> 00:17:31.480 ถ้าใครไม่เชื่อตามที่บาปหลวงกล่าว 00:17:31.480 --> 00:17:35.740 มันจะต้องเป็นพ่อมดเป็นพวกนอกรีตเป็นพวกศาสนาเพแกนทำนองนี้ใช่ไหมคะ? 00:17:35.760 --> 00:17:39.060 ดังนั้นค่ะ การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในช่วงวันที่ 1 มกราคมเนี่ย 00:17:39.220 --> 00:17:41.220 มันดูจะเป็นของศาสนาของชาวโรมัน 00:17:41.220 --> 00:17:42.560 ชาวยุโรปยุคกลางก็เลย 00:17:42.560 --> 00:17:43.700 มั่วกันไปหมดเลยค่ะ 00:17:43.700 --> 00:17:44.780 แบบฉันจะฉลองวันนี้ละกัน 00:17:44.780 --> 00:17:45.960 อะฉันจะฉลองวันนั้นละกัน 00:17:45.960 --> 00:17:47.480 ฉันกลับไปฉลองตอน X'mas แล้วกัน 00:17:47.620 --> 00:17:49.620 ฉันไปฉลองเดือนมีนาคมแล้วกันค่ะ 00:17:49.700 --> 00:17:52.060 เรื่องราวของปฏิทินนะคะก็มั่วกันแบบนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ 00:17:52.080 --> 00:17:54.580 จนกระทั่งมาถึงปี 1582 นะคะ 00:17:54.580 --> 00:17:58.640 ก็เกิดคนคนนึงนะคะที่เกิดการทนไม่ได้อีกแล้วกับการที่ปฏิทินมันมั่วขนาดนี้ 00:17:58.780 --> 00:18:00.780 แล้ววันกับฤดูกาลเนี่ยมันไม่ตรงกันนะคะ 00:18:00.780 --> 00:18:02.100 คนคนนั้นเป็น Pope ค่ะ 00:18:02.140 --> 00:18:05.000 นั่นก็คือสมเด็จพระสันตะปาปาGregory XIIIนะคะ 00:18:05.000 --> 00:18:06.480 คือท่านเนี่ยรู้สึกว่าแบบ 00:18:06.480 --> 00:18:08.960 เอ๊ย มันไม่โอเคแล้วที่ปฏิทินเราจะมั่วแบบนี้ 00:18:08.980 --> 00:18:11.180 ดังนั้นท่านก็เลยไปปรึกษานักดาราศาสตร์ค่ะ 00:18:11.240 --> 00:18:13.600 ซึ่งนักดาราศาสตร์ที่ท่านไปปรึกษานะคะ ก็ชื่อว่า... 00:18:13.600 --> 00:18:14.340 ... 00:18:14.340 --> 00:18:15.400 นี่แหละค่ะ ชื่อนี้แหละ 00:18:15.500 --> 00:18:17.460 คือวิวอ่านไม่ออกอีกแล้วนะคะทุกคน 00:18:17.540 --> 00:18:20.120 ซึ่งหลังจากที่ท่านไปปรึกษานักดาราศาสตร์คนนี้นะคะ 00:18:20.120 --> 00:18:21.360 นักดาราศาสตร์คนนี้ก็บอกว่า 00:18:21.380 --> 00:18:24.800 เออ มันไม่ Work แล้วแหละ เราจะต้องคำนวณกันใหม่แล้วว่าปีนึงมันมีกี่วัน 00:18:24.800 --> 00:18:28.000 ดังนั้นนักดาราศาสตร์คนนี้นะคะก็เลยไปคำนวณอะไรต่างๆ มาค่ะ 00:18:28.000 --> 00:18:29.960 แล้วก็ได้คำตอบเหมือนที่วิวบอกทุกคนไปนี่แหละ 00:18:30.000 --> 00:18:33.180 ว่าจริงๆ แล้วปีนึงมันไม่ได้มี 365.25 วัน 00:18:33.180 --> 00:18:37.240 แต่มันเป็น365.24บลาๆๆๆๆยาวเหยียดเลยนะคะ 00:18:37.280 --> 00:18:42.500 ดังนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาGregory นะคะ ก็เลยรู้สึกว่าเราจำเป็นจะต้องออกปฏิทินใหม่อีกอันนึงแล้ว 00:18:42.580 --> 00:18:45.460 เพื่อที่จะปรับเวลาเนี่ย ให้ตรงกับฤดูกาลนะคะ 00:18:45.460 --> 00:18:47.180 ก็เลยออกเป็นปฏิทินอันใหม่มาค่ะ 00:18:47.180 --> 00:18:49.140 ชื่อว่าปฏิทิน Gregorian นั่นเอง 00:18:49.140 --> 00:18:50.440 ซึ่งปฏิทิน Gregorianเนี่นะคะ 00:18:50.460 --> 00:18:52.340 ก็เป็นปฏิทินที่เราใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน 00:18:52.340 --> 00:18:55.900 ถ้าใครเคยปรับปฏิทินในมือถือของตัวเองจะเห็นว่ามันจะมีให้เลือกว่าแบบ 00:18:55.900 --> 00:18:58.420 จะมีให้เลือกว่าจะใช้ปฏิทินแบบจีน ปฏิทินแบบGregorian 00:18:58.420 --> 00:18:59.760 นี่แหละค่ะที่มานะคะ 00:18:59.820 --> 00:19:02.420 ปัญหาก็คือตอนที่จะเริ่มใช้ปฏิทินแบบ Gregorian เนี่ยนะคะ 00:19:02.420 --> 00:19:05.020 วันในปีเนี่ยมันเกินมาแล้วทั้งหมด 10 วันใช่ไหม 00:19:05.020 --> 00:19:06.480 ที่มันไม่ตรงกับฤดูกาล 00:19:06.480 --> 00:19:08.900 ดังนั้นมันก็ต้องมีการปรับปฏิทินกันอีกรอบนะคะ 00:19:08.900 --> 00:19:10.560 สมเด็จพระสันตะปาปา Gregory นะคะก็เลย 00:19:10.560 --> 00:19:13.200 มีการประกาศออกมาในปี 1582 ค่ะว่า 00:19:13.300 --> 00:19:16.620 เอาล่ะ เราจะลบวันที่ออกจากปฏิทินทั้งหมด 10 วันนะจ๊ะทุกคน 00:19:16.620 --> 00:19:20.220 เพื่อที่ว่าปฏิทินมันจะได้อยู่ในวันที่ที่ถูกต้องอีกครั้งนึง 00:19:20.280 --> 00:19:24.100 ในปี 2582 ก็เลยไม่มีวันที่ 5-14 ตุลาคมนะคะ 00:19:24.120 --> 00:19:26.880 คือพอเวลาเรานอนไปในคืนวันที่ 4 ตุลาคม 00:19:26.980 --> 00:19:30.380 ตื่นเช้ามาปุ๊บมันจะกลายเป้นวันที่15 ตุลาคมทันทีเลยค่ะ 00:19:30.440 --> 00:19:33.220 อะ ตอนนี้เราปรับปฏิทินและฤดูกาลให้ตรงกันแล้วเรียบร้อยใช่ไหมคะ? 00:19:33.220 --> 00:19:36.160 แล้วทำยังไงให้ในอนาคตเนี่ยวันที่มันไม่คลาดเคลื่อนอีก 00:19:36.220 --> 00:19:39.640 ก็ 365.24...อะไรสักอย่างวันเนี่ยมันจะไปคำนวณยังไง 00:19:39.640 --> 00:19:40.380 ก็ต้องบอกว่า 00:19:40.420 --> 00:19:42.420 หลังจากใช้สูตรคณิตศาสตร์อะไรต่างๆ ค่ะ 00:19:42.420 --> 00:19:43.740 เขาก็เลยคำนวณออกมาได้ว่า 00:19:43.820 --> 00:19:46.680 อะ เราจะต้องมีปีที่มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี่แหละ 00:19:46.680 --> 00:19:47.820 เพื่อที่จะเป็น Leap Year นะคะ 00:19:47.880 --> 00:19:50.920 คือเป็นปีที่เอาไว้ปรับให้ปฏิทินมันกลับมาตรงอีกครั้งนึง 00:19:50.920 --> 00:19:52.620 แต่ถามว่ามันจะมีทุกกี่ปี 00:19:52.720 --> 00:19:55.140 ในเมื่อสูตาทุก 4 ปีเนี่ยมันไม่ Valid แล้วนะคะ 00:19:55.140 --> 00:19:57.000 เขาก็บอกว่าสูตรคำนวณง่ายมากค่ะ 00:19:57.000 --> 00:19:58.280 ให้ไปดูที่ 2 กรณีด้วยกัน 00:19:58.280 --> 00:19:59.660 คือไปดูที่ปี ค.ศ. 00:19:59.680 --> 00:20:02.460 ว่าปี ค.ศ. นั้นเนี่ยลงท้ายด้วย 00 รึเปล่า 00:20:02.520 --> 00:20:04.520 สำหรับปีไหนที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย 00 เนี่ยนะคะ 00:20:04.520 --> 00:20:06.260 ให้เอา 4 หารปี ค.ศ. ค่ะ 00:20:06.260 --> 00:20:07.960 ถ้าสมมติว่า 4 หารลงตัว 00:20:07.960 --> 00:20:09.600 อะ ปีนั้นจะเรียกว่า Leap Year นะคะ 00:20:09.660 --> 00:20:12.100 คือปีที่เดือนกุมภาพันธ์เนี่ยมี 29 วันค่ะ 00:20:12.220 --> 00:20:14.460 ส่วนถ้าปีไหนมันลงท้ายด้วย 00 พอดีเป๊ะเนี่ยนะคะ 00:20:14.460 --> 00:20:16.400 อย่าหารด้วย 4 ค่ะ ให้หารด้วย 400 00:20:16.480 --> 00:20:18.560 ถ้าหารด้วย 400 ลวตัว ปีนั้นคือ LEap Year 00:20:18.560 --> 00:20:20.060 แต่ถ้าหารด้วย 400 ไม่ลงตัว 00:20:20.060 --> 00:20:21.780 ปีนั้นก็จะไม่ใช่ Leap Year นะคะ 00:20:21.800 --> 00:20:25.720 นี่ก็เป็นจุดแต่งต่างระหว่างปฏิทิน Julian กับปฏิทิน Gregorian ค่ะ 00:20:25.720 --> 00:20:29.480 และทั้งหมดนี้ก็คือปฏิทินที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันแบบเป็นสากลนะคะ 00:20:29.480 --> 00:20:31.100 และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรา 00:20:31.140 --> 00:20:33.140 ฉลองปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 00:20:33.140 --> 00:20:35.060 แบบที่เป็น 1 มกราคมในปัจจุบัน 00:20:35.080 --> 00:20:37.240 ไม่ใช่ 1 มกราคมที่ลอยไปลอยมา 00:20:37.240 --> 00:20:38.520 ไปอยู่ที่วันนั้นวันนี้วันนู้น 00:20:38.520 --> 00:20:39.500 นั่นเองค่ะ 00:20:39.500 --> 00:20:40.160 โอ๊ะ 00:20:40.160 --> 00:20:42.680 เป็นไงคลิปนี้ยากมาก มึนมาก งงมากนะคะ 00:20:42.680 --> 00:20:45.740 ตอนแรกคิดว่าจะทำคลิปปีใหม่ขำๆ สนุกๆ 00:20:45.740 --> 00:20:48.140 แบบ เออ ตอบคำถามง่ายๆ แค่ปฏิทิน Julian นู่นนี่นั่น 00:20:48.140 --> 00:20:49.460 พอไปค้นข้อมูลเข้าไปแบบ 00:20:49.460 --> 00:20:50.460 โอ้โห! ทุกคน 00:20:50.460 --> 00:20:52.420 ความคณิตศาสตร์นี้มึนไหมคะ 00:20:52.460 --> 00:20:55.460 อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มความมึนให้กับทุกคนเพิ่มไปอีกนะคะ 00:20:55.460 --> 00:20:59.060 ก็ต้องบอกว่าถามว่าเราเริ่มใช้ปฏิทิน Gregorian เมื่อไหร่ ก็ต้องบอกว่า 00:20:59.060 --> 00:21:00.480 เมื่อ Pope ประกาศมาแล้วเนี่ยนะคะ 00:21:00.480 --> 00:21:02.980 แต่ละประเทศก็ค่อนๆ เปลี่ยนตามไปเรื่อยๆ 00:21:02.980 --> 00:21:03.940 ก็เปลี่ยนไม่พร้อมกันนะคะ 00:21:04.080 --> 00:21:08.660 และในคนบางกลุ่มเนี่ยก็ยังมีคนที่ใช้ปฏิทิน Julian อยู่จนถึงปัจจุบันนี้เหมือนกันนะคะ 00:21:08.700 --> 00:21:11.360 ก็คือศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์ทอดอกซ์นะคะ 00:21:11.460 --> 00:21:16.480 ทางนั้นเนี่ยเขาจะใช้ปฏิทิน Julian ในการคำนวณพวกวันพิเศษที่เขาจะต้องเฉลิมฉลองต่างๆ 00:21:16.480 --> 00:21:18.340 เช่น วันอีสเตอร์อะไรแบบนี้ 00:21:18.440 --> 00:21:22.240 ซึ่งในปัจจุบันนี้วันของเขาก็จะห่างกับเราทั้งหมด 11วันด้วยกันค่ะ 00:21:22.400 --> 00:21:24.680 แตกต่างจากสมัยยุคกลางที่ห่างกัน 10 วันเนอะ 00:21:24.860 --> 00:21:26.860 อะเพื่อไม่เพิ่มความงงให้ทุกคนไปมากกว่านี้ 00:21:27.040 --> 00:21:29.900 วิวคิดว่าคลิปสุดท้ายของปี 2562ของเราเนี่ย 00:21:29.900 --> 00:21:31.080 ยาวพอสมควรแล้วค่ะ 00:21:31.180 --> 00:21:34.400 ก็ วิวขอขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามวิวมาตลอดปีนี้ 00:21:34.440 --> 00:21:35.580 แล้วก็ขอ 00:21:35.580 --> 00:21:36.780 สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน 00:21:36.880 --> 00:21:40.600 ขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2563 ที่กำลังจะมาถึงนี้ค่ะ 00:21:40.600 --> 00:21:42.040 สำหรับใครที่ชื่นชอบคลิปนี้นะคะ 00:21:42.040 --> 00:21:43.600 อย่าลืมกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้วิว 00:21:43.600 --> 00:21:45.500 แล้วก็กด Share เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 00:21:45.500 --> 00:21:46.920 ก่อนจะจากกันไปขออนุญาต 00:21:47.040 --> 00:21:52.840 สวัสดีปีใหม่ 2563 ทุกคน แล้วก็ขอให้ปี 2563 เป็นปีที่มีความสุขสำหรับทุกคนค่ะ 00:21:52.840 --> 00:21:53.840 โอยยยย ทุกคน 00:21:53.840 --> 00:21:55.780 เอาจริงๆ คลิปนี้เป็นคลิปที่เหนื่อยมากเลยนะคะทุกคน 00:21:55.860 --> 00:21:57.960 วิวไม่รู้ว่าทุกคนเข้าใจแบบนัน้รึเปล่า 00:21:57.960 --> 00:21:58.980 แต่สำหรับตัววิวเนี่ย 00:21:58.980 --> 00:22:00.020 ก่อนที่จะทำคลิปนี้นะ 00:22:00.020 --> 00:22:01.400 ส่วนตัวยังเข้าใจอยู่เลยว่า 00:22:01.460 --> 00:22:03.700 เอ๊ย เรามีวันที่ 29 กุมภา ทุกๆ 4 ปี 00:22:03.700 --> 00:22:04.900 ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ 00:22:04.900 --> 00:22:06.840 ถ้าสมมติว่าเราไปใช้สูตรใหม่เนี่ย 00:22:06.900 --> 00:22:09.800 บางปีผ่านไป 4 ปีแล้วก็ไม่มี 29 กุมภาฯ เหมือนกันนะคะ 00:22:09.800 --> 00:22:10.460 ดังนั้น 00:22:10.580 --> 00:22:12.800 นี่แหละ ใครเพิ่งจะรู้แบบนี้เหมือนวิวบ้าง 00:22:12.880 --> 00:22:15.920 ใครที่ไม่เคยรู้เรื่องปฏิทิน Gregorian กับปฏิทิน Julian มาก่อนเลย 00:22:15.920 --> 00:22:17.640 ก็ Comment มาคุยกันด้านล่างได้นะคะ 00:22:17.760 --> 00:22:21.000 ส่วนใครมีคำถามอะไรน่าสนใจอยากให้วิวทำคลิปอะไรในปีหน้า 00:22:21.140 --> 00:22:23.640 อยากเห็นคลิปในช่องเราเป็นรูปแบบไหนในปีหน้า 00:22:23.640 --> 00:22:25.140 Comment มาคุยกันด้านล่างได้ค่ะ 00:22:25.140 --> 00:22:26.620 วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน 00:22:26.620 --> 00:22:27.960 สวัสดีปีใหม่ค่ะ