ประชาธิปไตยจะอยู่โดยไม่มีความเชื่อใจได้หรือไม่?
-
0:00 - 0:03ผมเกรงว่าผมเป็นหนึ่งในนักพูด
-
0:03 - 0:06ที่คุณหวังว่าคุณจะไม่ต้องเจอที่ TED
-
0:06 - 0:08หนึ่ง ผมไม่มีโทรศัพท์
-
0:08 - 0:10เพื่อผมจะได้ไม่มีปัญหา
-
0:10 - 0:12สอง นักทฤษฏีการเมือง
-
0:12 - 0:14ที่จะพูดเรื่องวิกฤติของประชาธิปไตย
-
0:14 - 0:18อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนใจที่สุดที่คุณนึกถึง
-
0:18 - 0:21นอกจากนี้ ผมก็จะไม่ให้คำตอบใดๆ กับคุณ
-
0:21 - 0:25อันที่จริง ผมคงจะพยายามเพิ่มคำถาม
เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันมากกว่า -
0:25 - 0:27และหนึ่งในสิ่งที่ผมอยากจะตั้งคำถาม
-
0:27 - 0:29คือความหวังที่เป็นที่นิยมมากในตอนนี้
-
0:29 - 0:31ว่าความโปร่งใสและความเปิดเผย
-
0:31 - 0:36จะพิ่มความเชื่อมั่นในสถาบันประชาธิปไตยได้
-
0:36 - 0:39มีเหตุผลอีกข้อที่ควรทำให้คุณระแวงในตัวผม
-
0:39 - 0:43พวกคุณ สาวกของ TED เป็นกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ
-
0:43 - 0:46(เสียงหัวเราะ)
-
0:46 - 0:51โดยพื้นฐานแล้ว คุณเชื่อในความซับซ้อน
แต่ไม่เชื่อในความคลุมเครือ -
0:51 - 0:53อย่างที่พวกคุณรู้ ผมเป็นชาวบัลแกเรีย
-
0:53 - 0:55และจากผลสำรวจ
-
0:55 - 0:59เราถูกจัดเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายที่สุดในโลก
-
0:59 - 1:00(เสียงหัวเราะ)
-
1:00 - 1:04นิตยสาร The Economist ได้เขียนบทความหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้
-
1:04 - 1:07เกี่ยวกับงานวิจัยใหม่ๆเรื่องความสุข
-
1:07 - 1:11และชื่อของมันก็คือ "คนที่มีความสุข
คนที่ไม่มีความสุข และชาวบัลแกเรีย" -
1:11 - 1:13(เสียงหัวเราะ)
-
1:13 - 1:17ตอนนี้ พวกคุณก็รู้กันแล้วว่าจะเจอกับอะไร
-
1:17 - 1:18ผมจะเล่าเรื่องๆหนึ่งในคุณฟัง
-
1:18 - 1:23ในวันเลือกตั้งที่ฝนตกวันหนึ่ง ในประเทศเล็กๆ
-
1:23 - 1:27ซึ่งอาจจะเป็นประเทศของผม หรือของคุณก็ได้
-
1:27 - 1:30และเพราะฝนที่ตกจนถึงสี่โมงเย็น
-
1:30 - 1:33จึงไม่มีใครเลยที่ไปคูหาเลือกตั้ง
-
1:33 - 1:35แต่เมื่อฝนหยุด
-
1:35 - 1:37ประชาชนก็ไปโหวตกัน
-
1:37 - 1:40และเมื่อนับคะแนนเสียงเสร็จ
-
1:40 - 1:47พบว่า สามในสี่ของคนที่ไปโหวต
เลือกไม่ลงคะแนนให้ใครเลย -
1:47 - 1:50ส่วนฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
-
1:50 - 1:53ทั้งคู่ก็อึ้งไปเลย
-
1:53 - 1:55เพราะคุณรู้ว่าต้องทำอะไรถ้ามีการประท้วง
-
1:55 - 1:57คุณรู้ว่าต้องจับใคร เจรจากับใคร
-
1:57 - 2:02แต่จะทำอะไร ในเมื่อผู้คนต่างโหวตช่องไม่ลงคะแนน
-
2:02 - 2:07รัฐบาลก็เลยตัดสินใจจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
-
2:07 - 2:09และครั้งนี้ คนจำนวนมากกว่าเดิมเสียอีก
-
2:09 - 2:1483% ของคนทั้งหมด เลือกช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน
-
2:14 - 2:17พูดง่ายๆก็คือ พวกเขาไปที่คูหาเลือกตั้ง
-
2:17 - 2:20เพื่อจะบอกว่าเขาไม่มีใครที่จะโหวตให้
-
2:20 - 2:25นี่เป็นฉากเริ่มของนิยายที่งดงามโดย Jose Saramago
-
2:25 - 2:27ชื่อว่า "Seeing"
-
2:27 - 2:29แต่ในมุมมองของผม มันจับภาพ
-
2:29 - 2:33ปัญหาบางส่วนเกี่ยวกับประชาธิปไตย
ในยุโรปในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี -
2:33 - 2:36ในจุดหนึ่ง ไม่มีใครสงสัย
-
2:36 - 2:40ว่าประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด
-
2:40 - 2:43ประชาธิปไตยเป็นเกมเพียงเกมเดียวในสังคม
-
2:43 - 2:45ปัญหาก็คือ ผู้คนจำนวนมากเริ่มเชื่อว่า
-
2:45 - 2:48มันเป็นเกมที่ไม่คุ้มค่าที่จะเล่น
-
2:48 - 2:5230 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์การเมืองพบว่า
-
2:52 - 2:56การมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
-
2:56 - 3:00และกลุ่มคนที่สนใจเรื่องการลงคะแนนเสียงน้อยที่สุด
-
3:00 - 3:05คือกลุ่มคนที่คุณคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการโหวตที่สุด
-
3:05 - 3:08ผมหมายถึง คนที่ตกงาน หรือคนที่ด้อยสิทธิ
-
3:08 - 3:10และนี่เป็นประเด็นสำคัญ
-
3:10 - 3:13โดยเฉพาะในตอนนี้ซึ่งมีวิกฤติทางเศรษฐกิจ
-
3:13 - 3:15คุณเห็นได้ว่าความเขื่อใจในการเมือง
-
3:15 - 3:18ความเชื่อใจในสถาบันทางประชาธิปไตยต่างๆ
-
3:18 - 3:20ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
-
3:20 - 3:23จากผลสำรวจล่าสุดของคณะกรรมาธิการยุโรป
-
3:23 - 3:2889% ของพลเมืองยุโรปเชื่อว่า มีการเพิ่มช่องว่าง
-
3:28 - 3:35ระหว่างความเห็นของผู้ออกนโยบายกับของสาธารณชน
-
3:35 - 3:39เพียง 18% ของชาวอีตาลี และ 15% ของชาวกรีก
-
3:39 - 3:42เชื่อว่าคะแนนเสียงของพวกเขามีผล
-
3:42 - 3:46นั่นคือ ผู้คนเริ่มเข้าใจว่าพวกเขาเปลี่ยนรัฐบาลได้
-
3:46 - 3:48แต่ไม่สามารถเปลี่ยนนโยบายได้
-
3:48 - 3:51คำถามที่ผมอยากจะถามก็คือ
-
3:51 - 3:55มันเกิดขึ้นได้ยังไง การที่เราอยู่ในสังคม
-
3:55 - 3:57ที่มีอิสระมากกว่าที่เคยเป็นมา
-
3:57 - 4:00เรามีสิทธิมากขึ้น เราเดินทางสะดวกขึ้น
-
4:00 - 4:02เราเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น
-
4:02 - 4:06และในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในสถาบันประชาธิปไตย
-
4:06 - 4:08ถึงกลับพังทลายลง
-
4:08 - 4:10สรุปแล้ว ผมอยากจะถามว่า
-
4:10 - 4:15สิ่งไหนที่เป็นความถูกต้องและ
ความผิดพลาดในช่วง 50 ปีนี้ -
4:15 - 4:16เมื่อเราพูดถึงประชาธิปไตย
-
4:16 - 4:20ผมจะเริ่มจากสิ่งที่เป็นความถูกต้อง
-
4:20 - 4:23อย่างแรกก็คือ แน่นอน
-
4:23 - 4:26การปฏิวัติทั้งห้าครั้งนี้ ซึ่งในความคิดของผม
-
4:26 - 4:30เปลี่ยนชีวิตประจำวันของเราและทำให้
เรามีประสบการณ์ทางประชาธิปไตยมากขึ้น -
4:30 - 4:36อย่างแรกคือ การปฏิวัติวัฒนธรรมและสังคม
ในปี 1968 และช่วง 1970 -
4:36 - 4:38ซึ่งทำให้ตัวบุคคลกลายเป็นศูนย์กลางของการเมือง
-
4:38 - 4:41มันคือช่วงเวลาของสิทธิมนุษยชน
-
4:41 - 4:45และยังเป็นการปะทุครั้งใหญ่ของวัฒนธรรมการเห็นต่าง
-
4:45 - 4:49วัฒนธรรมของการไม่ทำตามคนอื่น
-
4:49 - 4:51ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
-
4:51 - 4:53ผมเชื่อว่าแม้แต่เรื่องแบบนั้น
-
4:53 - 4:57ก็เป็นผลของยุค '68 เช่นกัน
-
4:57 - 5:00อย่างไรก็ตาม พวกเราส่วนมากก็ยังไม่เกิดในช่วงนั้น
-
5:00 - 5:03แต่หลังจากนั้น ก็มีการปฏิวัติการตลาดช่วงปี 1980
-
5:03 - 5:07และไม่ว่าอย่างไร พวกฝั่งซ้ายก็พยายามจะเกลียดมัน
-
5:07 - 5:11ความจริงแล้วมันก็คือการปฏิวัติการตลาดนี่แหละ ที่แสดงว่า
-
5:11 - 5:13รัฐบาลไม่ได้รู้ดีไปกว่าเรา
-
5:13 - 5:16และคุณก็ได้สังคมที่ดำเนินไปด้วยทางเลือกมากกว่าเดิม
-
5:16 - 5:23และแน่นอน คุณมีปี 1989
จุดจบของคอมมิวนิสต์ จุดจบของสงครามเย็น -
5:23 - 5:25และเป็นจุดกำเนิดของโลกทั้งโลก
-
5:25 - 5:27และคุณก็มีอินเตอร์เน็ต
-
5:27 - 5:30ผมคงไม่สวดให้คุณฟังว่า
-
5:30 - 5:32อินเตอร์เน็ตให้อำนาจกับผูุ้คนมากแค่ไหน
-
5:32 - 5:35มันเปลี่ยนวิธีการติดต่อสื่อสารของเรา
-
5:35 - 5:37และมุมมองต่อการเมืองของเรา
-
5:37 - 5:40แนวคิดหลังของสังคมการเมืองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
-
5:40 - 5:42ผมจะกล่าวถึงการปฏิวัติเพิ่มอีกเหตุการณ์หนึ่ง
-
5:42 - 5:44นั่นก็คือการปฏิวัติทางด้านวิทยาศาสตร์สมอง
-
5:44 - 5:46ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่
-
5:46 - 5:49เราเข้าใจว่าผู้คนตัดสินใจอย่างไร
-
5:49 - 5:52และนี่คือสิ่งที่เป็นความถูกต้อง
-
5:52 - 5:55แต่ถ้าเราจะดูสิ่งที่เป็นความผิดพลาด
-
5:55 - 5:58เราก็จะจบลงที่การปฏิวัติทั้งห้าครั้งนี้เช่นเดิม
-
5:58 - 6:02เพราะตอนแรก คุณมีช่วงปี 1960s และ 1970s
-
6:02 - 6:03การปฏิวัติางด้านวัฒนธรรมและสังคม
-
6:03 - 6:07ซึ่ง ในมุมหนึ่ง ได้ทำลายแนวคิดเรื่อง
เป้าหมายส่วนรวมอย่างถึงแก่น -
6:07 - 6:12คำนามจัดกลุุ่มต่างๆที่เราถูกสอน
-
6:12 - 6:15ชาติ, ชนชั้น, ครอบครัว
-
6:15 - 6:17พวกเราเริ่มที่จะชอบการหย่า, ถ้าเราเคยแม้แต่จะแต่งงาน
-
6:17 - 6:21ทั้งหมดนี้กำลังถูกโจมตี
-
6:21 - 6:25และมันก็ยากมากที่จะทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับการเมือง
-
6:25 - 6:28เมื่อพวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆ
-
6:28 - 6:30ก็คือจุดยืนของตัวพวกเขาแต่ละคน
-
6:30 - 6:33และคุณก็มีการปฏิวัติการตลาดในช่วงปี 1980s
-
6:33 - 6:39ซึ่งมาพร้อมกับความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้นในสังคม
-
6:39 - 6:41จำไว้นะครับ ก่อนจะถึงช่วง 1970s
-
6:41 - 6:45การเผยแพร่ของประชาธิปไตยจะมาพร้อมกับ
-
6:45 - 6:49ความไม่เท่าเทียมที่ลดลงเสมอ
-
6:49 - 6:51ยิ้งสังคมเราเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่าไหร่
-
6:51 - 6:55สังคมก็ยิ่งเท่าเทียมกันมากขึ้นเท่านั้น
-
6:55 - 6:57แต่ตอนนี้ เรามีแนวโน้มที่ตรงข้ามกัน
-
6:57 - 7:00การเผลแพร่ของประชาธิปไตยในขณะนี้มาพร้อมกับ
-
7:00 - 7:02ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น
-
7:02 - 7:05และผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก
-
7:05 - 7:09เมื่อเราพูดถึงสิ่งที่เป็นความถูกต้องและความผิดพลาด
-
7:09 - 7:11ของประชาธิปไตยในปัจจุบัน
-
7:11 - 7:13และถ้าคุณย้อนกลับไปช่วงปี 1989
-
7:13 - 7:16คุณจะได้ฟังบางอย่างที่คุณไม่คาดว่าจะมีใครวิจารณ์
-
7:16 - 7:20แต่หลายๆคนจะบอกคุณว่า "ฟังนะ
มันก็คือจุดจบของสงครามเย็นนั่นแหละ -
7:20 - 7:26ที่ฉีกสัญญาประชาคมระหว่าง
ชนชั้นนำกับผู้คนในยุโรปตะวันตก" -
7:26 - 7:27เมื่อสหภาพโซเวียตยังอยู่นั้น
-
7:27 - 7:31กลุ่มคนรวยและทรงอำนาจยังต้องการประชาชนอยู่
-
7:31 - 7:33เพราะพวกเขากลัวประชาชน
-
7:33 - 7:36แต่ตอนนี้ ชนชั้นสูงก็เหมือนได้รับอิสระ
-
7:36 - 7:39พวกเขาไหลลื่นมาก เราไม่สามารถเก็บภาษีจากเขาได้
-
7:39 - 7:41และโดยทั่วไป เขาไม่กลัวประชาชน
-
7:41 - 7:44ผลที่ตามมาก็คือ คุณเจอกับสถานกาณ์ที่ประหลาดอย่างมาก
-
7:44 - 7:48ชนชั้นนำอยุ่นอกเหนือการควบคุมของผู้ลงคะแนนเสียง
-
7:48 - 7:50ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
-
7:50 - 7:53ที่ผู้ลงคะแนนเสียงไม่สนใจจะโหวตอีกต่อไป
-
7:53 - 7:55และเมื่อเราพูดถึงอินเตอร์เน็ต
-
7:55 - 7:58ใช่ มันจริงที่ว่าอินเตอร์เน็ตเชื่อมเราเข้าด้วยกัน
-
7:58 - 8:04แต่เราก็รู้ว่าอินเตอร์เน็ตสร้างการเห็นพ้อง
และเป็นที่กักกันของความคิดทางการเมือง -
8:04 - 8:09ซึ่งตลอดทั้งชีวิตของคุณ คุณสามารถอยู่กับ
ฝ่ายการเมืองที่คุณเห็นด้วยได้ -
8:09 - 8:11และมันก็ยากขึ้นทุกที
-
8:11 - 8:14ที่จะเข้าใจผู้คนที่แตกต่างไปจากเรา
-
8:14 - 8:16ผมรู้ว่าหลายๆคนตรงนี้
-
8:16 - 8:21เคยพูดเกี่ยวกับโลกดิจิตัลและความเป็นไปได้ในการร่วมมือกัน
-
8:21 - 8:25แต่เห็นมั้ยครับว่าโลกดิจิตัลทำอะไร
กับการเมืองของอเมริกาไว้บ้าง -
8:25 - 8:29นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอินเตอร์เน็ตเช่นกัน
-
8:29 - 8:31นี่เป็นอีกด้านของสิ่งที่พวกเราชอบ
-
8:31 - 8:33และเมื่อคุณนึกถึงวิทยาศาสตร์สมอง
-
8:33 - 8:38สิ่งที่ผู่ให้คำปรึกษาด้านการเมืองได้จากนักวิทยาศาสตร์สมอง
-
8:38 - 8:41ก็คืออย่าพูดเรื่องไอเดียให้ฉันฟังอีก
-
8:41 - 8:43ไม่ต้องพูดเรื่องแผนนโยบายให้ฉันฟัง
-
8:43 - 8:49สิ่งที่ส่งผลจริงๆคือการบงการอารมณ์ของประชาชนต่างหาก
-
8:49 - 8:51และนี่มันส่งผลมาก
-
8:51 - 8:55ถึงขนาดที่ในปัจจุบัน เมื่อเราพูดถึงการปฏิวัติ
-
8:55 - 9:01การปฏิวัติเหล่านั้นไม่ได้ถูกตั้งชื่อตามแนวความคิดอีกต่อไป
-
9:01 - 9:04ก่อนหน้านี้ มันถูกตั้งขื่อตามแนวคิด
-
9:04 - 9:06มันอาจจะเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเป็นเสรีนิยม
-
9:06 - 9:08อาจจะเป็นฟาสซิสต์หรืออิสลาม
-
9:08 - 9:12แต่ตอนนี้ การปฏิวัติถูกเรียกชื่อตามสื่อที่ถูกใช้มากที่สุด
-
9:12 - 9:15คุณมีการปฏิวัติเฟสบุ๊ค การปฏิวัติทวิตเตอร์
-
9:15 - 9:19เนื้อหาไม่สำคัญอีกต่อไป ปัญหาอยู่ที่สื่อที่ใช้
-
9:19 - 9:22ผมพูดถึงเรื่องนี้ เพราะหนึ่งในประเด็นหลักของผมคือ
-
9:22 - 9:27สิ่งที่เป็นความถูกต้อง ก็เป็นความผิดพลาดเช่นเดียวกัน
-
9:27 - 9:30และเมื่อเราพยายามคิดว่าเราจะ
เปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร -
9:30 - 9:33หรือพยายามคิดว่าสามารถทำอะไรกับประชาธิปไตยได้บ้าง
-
9:33 - 9:36เราควรนึกถึงความคลุมเครือนี้ด้วย
-
9:36 - 9:39เพราะบางครั้ง บางอย่างที่เรารักมากที่สุด
-
9:39 - 9:42ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากที่สุดเช่นกัน
-
9:42 - 9:45ในปัจจุบัน มันเป็นที่นิยมมากที่จะเชื่อว่า
-
9:45 - 9:48การผลักดันเพื่อความโปร่งใส
-
9:48 - 9:54การผสมผสานระหว่างพลเมืองที่ตื่นตัว เทคโนโลยีใหม่ๆ
-
9:54 - 9:58และกฏหมายที่ส่งเสริมความโปร่งใส
-
9:58 - 10:01จะทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นในการเมืองอีกครั้ง
-
10:01 - 10:04คุณเชื่อว่าเมื่อคุณมีเทคโนโลยีใหม่ๆ
และผู้คนที่พร้อมจะใช้มัน -
10:04 - 10:08มันจะทำให้รัฐบาลโกหกได้ยากขึ้น
-
10:08 - 10:11ทำให้รัฐบาลขโมยได้ยากขึ้น
-
10:11 - 10:14หรือแม้แต่ทำให้รัฐบาลฆ่าคนได้ยากขึ้น
-
10:14 - 10:16นี่ก็อาจจะจริง
-
10:16 - 10:19แต่ผมเชื่อว่า เราควรจะทำให้ชัดเจนด้วยว่า
-
10:19 - 10:25เมื่อเราให้ความโปร่งใสเป็นจุดศูนย์กลางของการเมือง
-
10:25 - 10:28ข้อความที่ออกมาคือ "มันโปร่งใสน่ะ เจ้าโง่"
-
10:28 - 10:32ความโปร่งใสไม่ใช่การเรียกความเชื่อใจกลับมาสู่สถาบัน
-
10:32 - 10:37ความโปร่งใสเป็นการจัดการทางการเมืองของความไม่เชื่อใจ
-
10:37 - 10:41เรากำลังสมมติว่าสังคมของเราจะมีรากฐานเป็นความไม่เชื่อใจ
-
10:41 - 10:44อย่างไรก็ตาม ความไม่เขื่อใจนั้นสำคัญมากต่อประชาธิปไตย
-
10:44 - 10:46นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมีระบบถ่วงดุลอำนาจ
-
10:46 - 10:50เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมีความไม่เชื่อใจที่สร้างสรรค์เหล่านี้
-
10:50 - 10:53ระหว่างตัวแทนกับกลุ่มคนที่เขาเป็นตัวแทนให้
-
10:53 - 10:58แต่เมื่อการเมืองกลายเป็นเรื่องของการจัดการความไม่เชื่อมั่น
-
10:58 - 11:01นั่น -- ผมดีใจที่ "1984" ถูกกล่าวถึง
-
11:01 - 11:05เพราะเรากำลังจะมี "1984" เวอร์ชั่นตรงข้าม
-
11:05 - 11:07มันจะไม่ใช่เรื่องของพี่เบิ้มที่คอยจับตามองคุณ
-
11:07 - 11:10แต่เราจะกลายเป็นพี่เบิ้มนั่นแทน
-
11:10 - 11:11คอยจับตามองชนชั้นการเมือง
-
11:11 - 11:15แต่นั่นมันคือสังคมที่อิสระจริงๆหรือ?
-
11:15 - 11:16ยกตัวอย่างเช่น คุณลองจินตนาการดู
-
11:16 - 11:23ว่าผู้คนที่มีความสามารถจะทำงานการเมืองไหมครับ
-
11:23 - 11:24ถ้าเขาเชื่อจริงๆจังๆ
-
11:24 - 11:28ว่าการเมืองเป็นเรื่องการจัดการความไม่เชื่อใจ
-
11:28 - 11:31คุณไม่กลัวหรือ? ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้
-
11:31 - 11:33ซึ่งจะแกะรอย
-
11:33 - 11:37ทุกประโยคที่นักการเมืองจะพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
-
11:37 - 11:41คุณไม่กลัวว่านี่จะเป็นสัญญาณนี่รุนแรงต่อนักการเมืองเหรอ
-
11:41 - 11:45ให้พวกเขาย้ำจุดยืนของตนเอง แม้ว่าจะเป็นจุดยืนที่ผิด
-
11:45 - 11:49เพราะความคงเส้นคงวาจะกลายเป็น
สิ่งที่สำคัญกว่าสามัญสำนึก? -
11:49 - 11:51และพวกคุณชาวอเมริกันทุกคนในห้องนี้
-
11:51 - 11:54คุณไม่กลัวเหรอครับว่า
ประธานาธิปดีของคุณจะต้องปกครอง -
11:54 - 11:57ตามสิ่งที่พวกเขาพูดในการเลือกตั้งขั้นต้น?
-
11:57 - 11:59ผมคิดว่านี่สำคัญมากๆ
-
11:59 - 12:03เพราะประชาธิปไตยเป็นเรื่องของผู้คนที่เปลี่ยนมุมมอง
-
12:03 - 12:07ตามข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลและการอภิปราย
-
12:07 - 12:10และเราอาจจะสูญเสียสิ่งนี้ให้กับแนวคิดที่สูงส่ง
-
12:10 - 12:12เพื่อให้ผู้คนสามารถตรวจสอบได้
-
12:12 - 12:15ด้วยการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเราจะไม่ทน
-
12:15 - 12:17ต่อการฉวยโอกาสของนักการเมือง
-
12:17 - 12:20ดังนั้น สำหรับผม นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด
-
12:20 - 12:23และผมเชื่อว่าเมื่อเรากำลังถกกันเรื่องการเมืองในปัจจุบัน
-
12:23 - 12:25บางครั้งมันอาจจะดูมีเหตุผล
-
12:25 - 12:29ที่จะพิจารณาเรื่องราวแบบนี้บ้าง
-
12:29 - 12:32แต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งที่เปิดเผยก็ยังถูกปกปิด
-
12:32 - 12:36[ไม่ว่า]รัฐบาลจะอยากโปร่งใสมากแค่ไหน
-
12:36 - 12:38พวกเขาก็ยังจะโปร่งใสเฉพาะบางเรื่องอยู่ดี
-
12:38 - 12:40ในประเทศเล็กๆที่อาจจะเป็นประเทศของผม
-
12:40 - 12:42หรือประเทศของคุณ
-
12:42 - 12:44พวกเขาได้ตัดสินใจ - นี่เป็นเรื่องจริงนะครับ -
-
12:44 - 12:47ว่าการตัดสินใจทั้งหมดของรัฐบาล
-
12:47 - 12:49และการอภิปรายของสภารัฐมนตรี
-
12:49 - 12:52จะถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต
-
12:52 - 12:57ใน 24 ชั่วโมงหลังจากการอภิปราย
-
12:57 - 12:59และสาธารณชนก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
-
12:59 - 13:01ผมก็เลยได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกฯ
-
13:01 - 13:03ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจอย่างนี้
-
13:03 - 13:05เขาบอก "ฟังนะ นี่คือทางที่ดีที่สุด
-
13:05 - 13:09ที่จะทำให้ปากของรัฐมนตรีของผมปิดเสียที
-
13:09 - 13:12เพราะมันจะยากมากสำหรับพวกเขาที่จะแย้งกัน
-
13:12 - 13:15เมื่อเขารู้ว่า 24 ชั่วโมงหลังจากนี้
-
13:15 - 13:17เรื่องนี่จะไปอยู่บนพื้นที่สาธารณะ
-
13:17 - 13:21และจะนำไปสู่หายนะทางการเมืองอย่างแน่นอน"
-
13:21 - 13:22ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงความโปร่งใส
-
13:22 - 13:24เมื่อเราพูดถึงความเปิดเผย
-
13:24 - 13:26ผมเชื่ออย่างสุดใจว่าเราควรจะระลึกไว้
-
13:26 - 13:29ว่าความถูกต้องก็เป็นความผิดพลาดได้เช่นกัน
-
13:29 - 13:34และนี่คือ Goethe ซึ่งไม่ใช่ชาวบัลแกเรีย
หรือนักวิทยาศาสตร์การเมือง -
13:34 - 13:36ไม่กี่ศตวรรษที่แล้ว เขาได้กล่าวไว้ว่า
-
13:36 - 13:39"มันจะมีเงามหึมา ณ ที่ที่มีแสงมาก"
-
13:39 - 13:41ขอบคุณมากครับ
-
13:41 - 13:43(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ประชาธิปไตยจะอยู่โดยไม่มีความเชื่อใจได้หรือไม่?
- Speaker:
- อีวาร คราสเตฟ
- Description:
-
การปฏิวัติครั้งใหญ่ 5 ครั้งได้ส่งผลต่อวัฒนธรรมทางสังคมของพวกเราในช่วงกว่า 50 ปีที่ผ่านมา นักทฤษฎี อีวาน คราสเตฟ ได้กล่าวไว้ เขาแสดงให้เห็นว่าแต่ละก้าวที่ก้าวไปข้างหน้า -- จากการปฏิวัติทางวัฒนธรรมในช่วงปี '60s สู่การค้นพบใหม่ๆในสาขาประสาทวิทยาศาสตร์ --
ได้กัดกร่อนความเชื่อใจในเครื่องมือของประชาธิปไตยไปได้อย่างไร อย่างที่เขากล่าวไว้ "สิ่งที่เป็นความถูกต้องก็เป็นความผิดพลาดเช่นเดียวกัน" ประชาธิปไตยจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่? - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:04
Dimitra Papageorgiou approved Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Nattpapat Pinyopusarerk edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Nattpapat Pinyopusarerk accepted Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Nattpapat Pinyopusarerk edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Nattpapat Pinyopusarerk edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? | ||
Retired user edited Thai subtitles for Can democracy exist without trust? |