WEBVTT 00:00:00.371 --> 00:00:03.139 ผมเกรงว่าผมเป็นหนึ่งในนักพูด 00:00:03.139 --> 00:00:06.354 ที่คุณหวังว่าคุณจะไม่ต้องเจอที่ TED 00:00:06.354 --> 00:00:07.690 หนึ่ง ผมไม่มีโทรศัพท์ 00:00:07.690 --> 00:00:09.521 เพื่อผมจะได้ไม่มีปัญหา 00:00:09.521 --> 00:00:11.722 สอง นักทฤษฏีการเมือง 00:00:11.722 --> 00:00:14.187 ที่จะพูดเรื่องวิกฤติของประชาธิปไตย 00:00:14.187 --> 00:00:18.259 อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนใจที่สุดที่คุณนึกถึง 00:00:18.259 --> 00:00:20.742 นอกจากนี้ ผมก็จะไม่ให้คำตอบใดๆ กับคุณ 00:00:20.742 --> 00:00:24.576 อันที่จริง ผมคงจะพยายามเพิ่มคำถาม เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันมากกว่า 00:00:24.576 --> 00:00:26.742 และหนึ่งในสิ่งที่ผมอยากจะตั้งคำถาม 00:00:26.742 --> 00:00:29.459 คือความหวังที่เป็นที่นิยมมากในตอนนี้ 00:00:29.459 --> 00:00:31.393 ว่าความโปร่งใสและความเปิดเผย 00:00:31.393 --> 00:00:35.693 จะพิ่มความเชื่อมั่นในสถาบันประชาธิปไตยได้ NOTE Paragraph 00:00:35.693 --> 00:00:39.409 มีเหตุผลอีกข้อที่ควรทำให้คุณระแวงในตัวผม 00:00:39.409 --> 00:00:43.386 พวกคุณ สาวกของ TED เป็นกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ 00:00:43.386 --> 00:00:45.594 (เสียงหัวเราะ) 00:00:45.594 --> 00:00:50.511 โดยพื้นฐานแล้ว คุณเชื่อในความซับซ้อน แต่ไม่เชื่อในความคลุมเครือ 00:00:50.511 --> 00:00:53.426 อย่างที่พวกคุณรู้ ผมเป็นชาวบัลแกเรีย 00:00:53.426 --> 00:00:55.010 และจากผลสำรวจ 00:00:55.010 --> 00:00:58.577 เราถูกจัดเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายที่สุดในโลก 00:00:58.577 --> 00:01:00.361 (เสียงหัวเราะ) 00:01:00.361 --> 00:01:03.951 นิตยสาร The Economist ได้เขียนบทความหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้ 00:01:03.951 --> 00:01:06.502 เกี่ยวกับงานวิจัยใหม่ๆเรื่องความสุข 00:01:06.502 --> 00:01:11.336 และชื่อของมันก็คือ "คนที่มีความสุข คนที่ไม่มีความสุข และชาวบัลแกเรีย" NOTE Paragraph 00:01:11.336 --> 00:01:12.936 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:12.936 --> 00:01:16.783 ตอนนี้ พวกคุณก็รู้กันแล้วว่าจะเจอกับอะไร 00:01:16.783 --> 00:01:18.219 ผมจะเล่าเรื่องๆหนึ่งในคุณฟัง 00:01:18.219 --> 00:01:23.170 ในวันเลือกตั้งที่ฝนตกวันหนึ่ง ในประเทศเล็กๆ 00:01:23.170 --> 00:01:26.502 ซึ่งอาจจะเป็นประเทศของผม หรือของคุณก็ได้ 00:01:26.502 --> 00:01:30.302 และเพราะฝนที่ตกจนถึงสี่โมงเย็น 00:01:30.302 --> 00:01:32.987 จึงไม่มีใครเลยที่ไปคูหาเลือกตั้ง 00:01:32.987 --> 00:01:34.752 แต่เมื่อฝนหยุด 00:01:34.752 --> 00:01:36.986 ประชาชนก็ไปโหวตกัน 00:01:36.986 --> 00:01:40.136 และเมื่อนับคะแนนเสียงเสร็จ 00:01:40.136 --> 00:01:47.452 พบว่า สามในสี่ของคนที่ไปโหวต เลือกไม่ลงคะแนนให้ใครเลย 00:01:47.452 --> 00:01:49.802 ส่วนฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน 00:01:49.802 --> 00:01:52.736 ทั้งคู่ก็อึ้งไปเลย 00:01:52.736 --> 00:01:54.853 เพราะคุณรู้ว่าต้องทำอะไรถ้ามีการประท้วง 00:01:54.853 --> 00:01:56.837 คุณรู้ว่าต้องจับใคร เจรจากับใคร 00:01:56.837 --> 00:02:02.185 แต่จะทำอะไร ในเมื่อผู้คนต่างโหวตช่องไม่ลงคะแนน 00:02:02.185 --> 00:02:06.518 รัฐบาลก็เลยตัดสินใจจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง 00:02:06.518 --> 00:02:09.068 และครั้งนี้ คนจำนวนมากกว่าเดิมเสียอีก 00:02:09.068 --> 00:02:14.251 83% ของคนทั้งหมด เลือกช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน 00:02:14.251 --> 00:02:17.002 พูดง่ายๆก็คือ พวกเขาไปที่คูหาเลือกตั้ง 00:02:17.002 --> 00:02:20.068 เพื่อจะบอกว่าเขาไม่มีใครที่จะโหวตให้ NOTE Paragraph 00:02:20.068 --> 00:02:25.100 นี่เป็นฉากเริ่มของนิยายที่งดงามโดย Jose Saramago 00:02:25.100 --> 00:02:26.583 ชื่อว่า "Seeing" 00:02:26.583 --> 00:02:28.833 แต่ในมุมมองของผม มันจับภาพ 00:02:28.833 --> 00:02:33.217 ปัญหาบางส่วนเกี่ยวกับประชาธิปไตย ในยุโรปในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี 00:02:33.217 --> 00:02:35.885 ในจุดหนึ่ง ไม่มีใครสงสัย 00:02:35.885 --> 00:02:39.784 ว่าประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด 00:02:39.784 --> 00:02:42.520 ประชาธิปไตยเป็นเกมเพียงเกมเดียวในสังคม 00:02:42.520 --> 00:02:44.833 ปัญหาก็คือ ผู้คนจำนวนมากเริ่มเชื่อว่า 00:02:44.833 --> 00:02:47.535 มันเป็นเกมที่ไม่คุ้มค่าที่จะเล่น NOTE Paragraph 00:02:47.535 --> 00:02:51.833 30 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์การเมืองพบว่า 00:02:51.833 --> 00:02:56.383 การมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง 00:02:56.383 --> 00:03:00.301 และกลุ่มคนที่สนใจเรื่องการลงคะแนนเสียงน้อยที่สุด 00:03:00.301 --> 00:03:04.938 คือกลุ่มคนที่คุณคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการโหวตที่สุด 00:03:04.938 --> 00:03:08.363 ผมหมายถึง คนที่ตกงาน หรือคนที่ด้อยสิทธิ 00:03:08.363 --> 00:03:10.055 และนี่เป็นประเด็นสำคัญ 00:03:10.055 --> 00:03:12.786 โดยเฉพาะในตอนนี้ซึ่งมีวิกฤติทางเศรษฐกิจ 00:03:12.786 --> 00:03:15.237 คุณเห็นได้ว่าความเขื่อใจในการเมือง 00:03:15.237 --> 00:03:17.819 ความเชื่อใจในสถาบันทางประชาธิปไตยต่างๆ 00:03:17.819 --> 00:03:19.738 ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง 00:03:19.738 --> 00:03:23.354 จากผลสำรวจล่าสุดของคณะกรรมาธิการยุโรป 00:03:23.354 --> 00:03:28.236 89% ของพลเมืองยุโรปเชื่อว่า มีการเพิ่มช่องว่าง 00:03:28.236 --> 00:03:34.562 ระหว่างความเห็นของผู้ออกนโยบายกับของสาธารณชน 00:03:34.562 --> 00:03:38.570 เพียง 18% ของชาวอีตาลี และ 15% ของชาวกรีก 00:03:38.570 --> 00:03:41.720 เชื่อว่าคะแนนเสียงของพวกเขามีผล 00:03:41.720 --> 00:03:45.786 นั่นคือ ผู้คนเริ่มเข้าใจว่าพวกเขาเปลี่ยนรัฐบาลได้ 00:03:45.786 --> 00:03:48.288 แต่ไม่สามารถเปลี่ยนนโยบายได้ NOTE Paragraph 00:03:48.288 --> 00:03:50.904 คำถามที่ผมอยากจะถามก็คือ 00:03:50.904 --> 00:03:54.820 มันเกิดขึ้นได้ยังไง การที่เราอยู่ในสังคม 00:03:54.820 --> 00:03:57.370 ที่มีอิสระมากกว่าที่เคยเป็นมา 00:03:57.370 --> 00:04:00.054 เรามีสิทธิมากขึ้น เราเดินทางสะดวกขึ้น 00:04:00.054 --> 00:04:02.403 เราเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น 00:04:02.403 --> 00:04:05.787 และในขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นในสถาบันประชาธิปไตย 00:04:05.787 --> 00:04:08.370 ถึงกลับพังทลายลง 00:04:08.370 --> 00:04:09.806 สรุปแล้ว ผมอยากจะถามว่า 00:04:09.806 --> 00:04:14.655 สิ่งไหนที่เป็นความถูกต้องและ ความผิดพลาดในช่วง 50 ปีนี้ 00:04:14.655 --> 00:04:16.456 เมื่อเราพูดถึงประชาธิปไตย 00:04:16.456 --> 00:04:20.339 ผมจะเริ่มจากสิ่งที่เป็นความถูกต้อง NOTE Paragraph 00:04:20.339 --> 00:04:23.401 อย่างแรกก็คือ แน่นอน 00:04:23.401 --> 00:04:25.872 การปฏิวัติทั้งห้าครั้งนี้ ซึ่งในความคิดของผม 00:04:25.872 --> 00:04:30.456 เปลี่ยนชีวิตประจำวันของเราและทำให้ เรามีประสบการณ์ทางประชาธิปไตยมากขึ้น 00:04:30.456 --> 00:04:35.681 อย่างแรกคือ การปฏิวัติวัฒนธรรมและสังคม ในปี 1968 และช่วง 1970 00:04:35.681 --> 00:04:38.496 ซึ่งทำให้ตัวบุคคลกลายเป็นศูนย์กลางของการเมือง 00:04:38.496 --> 00:04:40.914 มันคือช่วงเวลาของสิทธิมนุษยชน 00:04:40.914 --> 00:04:44.764 และยังเป็นการปะทุครั้งใหญ่ของวัฒนธรรมการเห็นต่าง 00:04:44.764 --> 00:04:48.630 วัฒนธรรมของการไม่ทำตามคนอื่น 00:04:48.630 --> 00:04:50.931 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน 00:04:50.931 --> 00:04:53.280 ผมเชื่อว่าแม้แต่เรื่องแบบนั้น 00:04:53.280 --> 00:04:56.732 ก็เป็นผลของยุค '68 เช่นกัน 00:04:56.732 --> 00:05:00.147 อย่างไรก็ตาม พวกเราส่วนมากก็ยังไม่เกิดในช่วงนั้น 00:05:00.147 --> 00:05:03.196 แต่หลังจากนั้น ก็มีการปฏิวัติการตลาดช่วงปี 1980 00:05:03.196 --> 00:05:06.830 และไม่ว่าอย่างไร พวกฝั่งซ้ายก็พยายามจะเกลียดมัน 00:05:06.830 --> 00:05:11.447 ความจริงแล้วมันก็คือการปฏิวัติการตลาดนี่แหละ ที่แสดงว่า 00:05:11.447 --> 00:05:13.124 รัฐบาลไม่ได้รู้ดีไปกว่าเรา 00:05:13.124 --> 00:05:16.031 และคุณก็ได้สังคมที่ดำเนินไปด้วยทางเลือกมากกว่าเดิม 00:05:16.031 --> 00:05:22.598 และแน่นอน คุณมีปี 1989 จุดจบของคอมมิวนิสต์ จุดจบของสงครามเย็น 00:05:22.598 --> 00:05:24.898 และเป็นจุดกำเนิดของโลกทั้งโลก 00:05:24.898 --> 00:05:27.030 และคุณก็มีอินเตอร์เน็ต 00:05:27.030 --> 00:05:29.997 ผมคงไม่สวดให้คุณฟังว่า 00:05:29.997 --> 00:05:32.414 อินเตอร์เน็ตให้อำนาจกับผูุ้คนมากแค่ไหน 00:05:32.414 --> 00:05:35.247 มันเปลี่ยนวิธีการติดต่อสื่อสารของเรา 00:05:35.247 --> 00:05:36.997 และมุมมองต่อการเมืองของเรา 00:05:36.997 --> 00:05:40.015 แนวคิดหลังของสังคมการเมืองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 00:05:40.015 --> 00:05:42.330 ผมจะกล่าวถึงการปฏิวัติเพิ่มอีกเหตุการณ์หนึ่ง 00:05:42.330 --> 00:05:44.163 นั่นก็คือการปฏิวัติทางด้านวิทยาศาสตร์สมอง 00:05:44.163 --> 00:05:46.064 ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่ 00:05:46.064 --> 00:05:49.400 เราเข้าใจว่าผู้คนตัดสินใจอย่างไร NOTE Paragraph 00:05:49.400 --> 00:05:52.364 และนี่คือสิ่งที่เป็นความถูกต้อง 00:05:52.364 --> 00:05:54.698 แต่ถ้าเราจะดูสิ่งที่เป็นความผิดพลาด 00:05:54.698 --> 00:05:58.130 เราก็จะจบลงที่การปฏิวัติทั้งห้าครั้งนี้เช่นเดิม 00:05:58.130 --> 00:06:01.631 เพราะตอนแรก คุณมีช่วงปี 1960s และ 1970s 00:06:01.631 --> 00:06:03.497 การปฏิวัติางด้านวัฒนธรรมและสังคม 00:06:03.497 --> 00:06:07.064 ซึ่ง ในมุมหนึ่ง ได้ทำลายแนวคิดเรื่อง เป้าหมายส่วนรวมอย่างถึงแก่น 00:06:07.064 --> 00:06:11.900 คำนามจัดกลุุ่มต่างๆที่เราถูกสอน 00:06:11.900 --> 00:06:14.697 ชาติ, ชนชั้น, ครอบครัว 00:06:14.697 --> 00:06:17.181 พวกเราเริ่มที่จะชอบการหย่า, ถ้าเราเคยแม้แต่จะแต่งงาน 00:06:17.181 --> 00:06:20.530 ทั้งหมดนี้กำลังถูกโจมตี 00:06:20.530 --> 00:06:24.881 และมันก็ยากมากที่จะทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับการเมือง 00:06:24.881 --> 00:06:27.580 เมื่อพวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญจริงๆ 00:06:27.580 --> 00:06:29.749 ก็คือจุดยืนของตัวพวกเขาแต่ละคน NOTE Paragraph 00:06:29.749 --> 00:06:33.499 และคุณก็มีการปฏิวัติการตลาดในช่วงปี 1980s 00:06:33.499 --> 00:06:39.460 ซึ่งมาพร้อมกับความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้นในสังคม 00:06:39.460 --> 00:06:41.366 จำไว้นะครับ ก่อนจะถึงช่วง 1970s 00:06:41.366 --> 00:06:45.106 การเผยแพร่ของประชาธิปไตยจะมาพร้อมกับ 00:06:45.106 --> 00:06:48.566 ความไม่เท่าเทียมที่ลดลงเสมอ 00:06:48.566 --> 00:06:50.732 ยิ้งสังคมเราเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่าไหร่ 00:06:50.732 --> 00:06:54.765 สังคมก็ยิ่งเท่าเทียมกันมากขึ้นเท่านั้น 00:06:54.765 --> 00:06:57.099 แต่ตอนนี้ เรามีแนวโน้มที่ตรงข้ามกัน 00:06:57.099 --> 00:06:59.799 การเผลแพร่ของประชาธิปไตยในขณะนี้มาพร้อมกับ 00:06:59.799 --> 00:07:01.683 ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น 00:07:01.683 --> 00:07:04.917 และผมว่ามันเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก 00:07:04.917 --> 00:07:08.865 เมื่อเราพูดถึงสิ่งที่เป็นความถูกต้องและความผิดพลาด 00:07:08.865 --> 00:07:10.749 ของประชาธิปไตยในปัจจุบัน NOTE Paragraph 00:07:10.749 --> 00:07:12.751 และถ้าคุณย้อนกลับไปช่วงปี 1989 00:07:12.751 --> 00:07:16.265 คุณจะได้ฟังบางอย่างที่คุณไม่คาดว่าจะมีใครวิจารณ์ 00:07:16.265 --> 00:07:20.216 แต่หลายๆคนจะบอกคุณว่า "ฟังนะ มันก็คือจุดจบของสงครามเย็นนั่นแหละ 00:07:20.216 --> 00:07:25.516 ที่ฉีกสัญญาประชาคมระหว่าง ชนชั้นนำกับผู้คนในยุโรปตะวันตก" 00:07:25.516 --> 00:07:27.433 เมื่อสหภาพโซเวียตยังอยู่นั้น 00:07:27.433 --> 00:07:30.816 กลุ่มคนรวยและทรงอำนาจยังต้องการประชาชนอยู่ 00:07:30.816 --> 00:07:33.099 เพราะพวกเขากลัวประชาชน 00:07:33.099 --> 00:07:36.400 แต่ตอนนี้ ชนชั้นสูงก็เหมือนได้รับอิสระ 00:07:36.400 --> 00:07:38.565 พวกเขาไหลลื่นมาก เราไม่สามารถเก็บภาษีจากเขาได้ 00:07:38.565 --> 00:07:40.899 และโดยทั่วไป เขาไม่กลัวประชาชน 00:07:40.899 --> 00:07:43.916 ผลที่ตามมาก็คือ คุณเจอกับสถานกาณ์ที่ประหลาดอย่างมาก 00:07:43.916 --> 00:07:48.433 ชนชั้นนำอยุ่นอกเหนือการควบคุมของผู้ลงคะแนนเสียง 00:07:48.433 --> 00:07:49.932 ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 00:07:49.932 --> 00:07:52.918 ที่ผู้ลงคะแนนเสียงไม่สนใจจะโหวตอีกต่อไป NOTE Paragraph 00:07:52.918 --> 00:07:55.032 และเมื่อเราพูดถึงอินเตอร์เน็ต 00:07:55.032 --> 00:07:57.533 ใช่ มันจริงที่ว่าอินเตอร์เน็ตเชื่อมเราเข้าด้วยกัน 00:07:57.533 --> 00:08:04.216 แต่เราก็รู้ว่าอินเตอร์เน็ตสร้างการเห็นพ้อง และเป็นที่กักกันของความคิดทางการเมือง 00:08:04.216 --> 00:08:09.318 ซึ่งตลอดทั้งชีวิตของคุณ คุณสามารถอยู่กับ ฝ่ายการเมืองที่คุณเห็นด้วยได้ 00:08:09.318 --> 00:08:11.250 และมันก็ยากขึ้นทุกที 00:08:11.250 --> 00:08:14.016 ที่จะเข้าใจผู้คนที่แตกต่างไปจากเรา 00:08:14.016 --> 00:08:15.884 ผมรู้ว่าหลายๆคนตรงนี้ 00:08:15.884 --> 00:08:20.648 เคยพูดเกี่ยวกับโลกดิจิตัลและความเป็นไปได้ในการร่วมมือกัน 00:08:20.648 --> 00:08:24.682 แต่เห็นมั้ยครับว่าโลกดิจิตัลทำอะไร กับการเมืองของอเมริกาไว้บ้าง 00:08:24.682 --> 00:08:28.533 นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอินเตอร์เน็ตเช่นกัน 00:08:28.533 --> 00:08:31.199 นี่เป็นอีกด้านของสิ่งที่พวกเราชอบ NOTE Paragraph 00:08:31.199 --> 00:08:33.217 และเมื่อคุณนึกถึงวิทยาศาสตร์สมอง 00:08:33.217 --> 00:08:37.583 สิ่งที่ผู่ให้คำปรึกษาด้านการเมืองได้จากนักวิทยาศาสตร์สมอง 00:08:37.583 --> 00:08:40.935 ก็คืออย่าพูดเรื่องไอเดียให้ฉันฟังอีก 00:08:40.935 --> 00:08:43.200 ไม่ต้องพูดเรื่องแผนนโยบายให้ฉันฟัง 00:08:43.200 --> 00:08:48.967 สิ่งที่ส่งผลจริงๆคือการบงการอารมณ์ของประชาชนต่างหาก 00:08:48.967 --> 00:08:51.034 และนี่มันส่งผลมาก 00:08:51.034 --> 00:08:55.435 ถึงขนาดที่ในปัจจุบัน เมื่อเราพูดถึงการปฏิวัติ 00:08:55.435 --> 00:09:01.434 การปฏิวัติเหล่านั้นไม่ได้ถูกตั้งชื่อตามแนวความคิดอีกต่อไป 00:09:01.434 --> 00:09:03.900 ก่อนหน้านี้ มันถูกตั้งขื่อตามแนวคิด 00:09:03.900 --> 00:09:05.833 มันอาจจะเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเป็นเสรีนิยม 00:09:05.833 --> 00:09:07.618 อาจจะเป็นฟาสซิสต์หรืออิสลาม 00:09:07.618 --> 00:09:11.866 แต่ตอนนี้ การปฏิวัติถูกเรียกชื่อตามสื่อที่ถูกใช้มากที่สุด 00:09:11.866 --> 00:09:15.000 คุณมีการปฏิวัติเฟสบุ๊ค การปฏิวัติทวิตเตอร์ 00:09:15.000 --> 00:09:19.400 เนื้อหาไม่สำคัญอีกต่อไป ปัญหาอยู่ที่สื่อที่ใช้ NOTE Paragraph 00:09:19.400 --> 00:09:21.935 ผมพูดถึงเรื่องนี้ เพราะหนึ่งในประเด็นหลักของผมคือ 00:09:21.935 --> 00:09:26.734 สิ่งที่เป็นความถูกต้อง ก็เป็นความผิดพลาดเช่นเดียวกัน 00:09:26.734 --> 00:09:30.467 และเมื่อเราพยายามคิดว่าเราจะ เปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร 00:09:30.467 --> 00:09:33.416 หรือพยายามคิดว่าสามารถทำอะไรกับประชาธิปไตยได้บ้าง 00:09:33.416 --> 00:09:35.983 เราควรนึกถึงความคลุมเครือนี้ด้วย 00:09:35.983 --> 00:09:39.001 เพราะบางครั้ง บางอย่างที่เรารักมากที่สุด 00:09:39.001 --> 00:09:42.202 ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากที่สุดเช่นกัน 00:09:42.202 --> 00:09:45.386 ในปัจจุบัน มันเป็นที่นิยมมากที่จะเชื่อว่า 00:09:45.386 --> 00:09:47.700 การผลักดันเพื่อความโปร่งใส 00:09:47.700 --> 00:09:54.085 การผสมผสานระหว่างพลเมืองที่ตื่นตัว เทคโนโลยีใหม่ๆ 00:09:54.085 --> 00:09:57.749 และกฏหมายที่ส่งเสริมความโปร่งใส 00:09:57.749 --> 00:10:00.817 จะทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นในการเมืองอีกครั้ง 00:10:00.817 --> 00:10:04.500 คุณเชื่อว่าเมื่อคุณมีเทคโนโลยีใหม่ๆ และผู้คนที่พร้อมจะใช้มัน 00:10:04.500 --> 00:10:08.184 มันจะทำให้รัฐบาลโกหกได้ยากขึ้น 00:10:08.184 --> 00:10:10.699 ทำให้รัฐบาลขโมยได้ยากขึ้น 00:10:10.699 --> 00:10:14.384 หรือแม้แต่ทำให้รัฐบาลฆ่าคนได้ยากขึ้น 00:10:14.384 --> 00:10:16.400 นี่ก็อาจจะจริง 00:10:16.400 --> 00:10:19.450 แต่ผมเชื่อว่า เราควรจะทำให้ชัดเจนด้วยว่า 00:10:19.450 --> 00:10:24.717 เมื่อเราให้ความโปร่งใสเป็นจุดศูนย์กลางของการเมือง 00:10:24.717 --> 00:10:28.316 ข้อความที่ออกมาคือ "มันโปร่งใสน่ะ เจ้าโง่" NOTE Paragraph 00:10:28.316 --> 00:10:31.899 ความโปร่งใสไม่ใช่การเรียกความเชื่อใจกลับมาสู่สถาบัน 00:10:31.899 --> 00:10:36.618 ความโปร่งใสเป็นการจัดการทางการเมืองของความไม่เชื่อใจ 00:10:36.618 --> 00:10:41.150 เรากำลังสมมติว่าสังคมของเราจะมีรากฐานเป็นความไม่เชื่อใจ 00:10:41.150 --> 00:10:43.976 อย่างไรก็ตาม ความไม่เขื่อใจนั้นสำคัญมากต่อประชาธิปไตย 00:10:43.976 --> 00:10:46.116 นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมีระบบถ่วงดุลอำนาจ 00:10:46.116 --> 00:10:50.267 เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมีความไม่เชื่อใจที่สร้างสรรค์เหล่านี้ 00:10:50.267 --> 00:10:53.351 ระหว่างตัวแทนกับกลุ่มคนที่เขาเป็นตัวแทนให้ 00:10:53.351 --> 00:10:58.250 แต่เมื่อการเมืองกลายเป็นเรื่องของการจัดการความไม่เชื่อมั่น 00:10:58.250 --> 00:11:01.333 นั่น -- ผมดีใจที่ "1984" ถูกกล่าวถึง 00:11:01.333 --> 00:11:05.083 เพราะเรากำลังจะมี "1984" เวอร์ชั่นตรงข้าม 00:11:05.083 --> 00:11:07.200 มันจะไม่ใช่เรื่องของพี่เบิ้มที่คอยจับตามองคุณ 00:11:07.200 --> 00:11:09.500 แต่เราจะกลายเป็นพี่เบิ้มนั่นแทน 00:11:09.500 --> 00:11:11.250 คอยจับตามองชนชั้นการเมือง NOTE Paragraph 00:11:11.250 --> 00:11:14.866 แต่นั่นมันคือสังคมที่อิสระจริงๆหรือ? 00:11:14.866 --> 00:11:16.400 ยกตัวอย่างเช่น คุณลองจินตนาการดู 00:11:16.400 --> 00:11:22.518 ว่าผู้คนที่มีความสามารถจะทำงานการเมืองไหมครับ 00:11:22.518 --> 00:11:24.300 ถ้าเขาเชื่อจริงๆจังๆ 00:11:24.300 --> 00:11:28.100 ว่าการเมืองเป็นเรื่องการจัดการความไม่เชื่อใจ 00:11:28.100 --> 00:11:31.134 คุณไม่กลัวหรือ? ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ 00:11:31.134 --> 00:11:33.134 ซึ่งจะแกะรอย 00:11:33.134 --> 00:11:36.749 ทุกประโยคที่นักการเมืองจะพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ 00:11:36.749 --> 00:11:40.616 คุณไม่กลัวว่านี่จะเป็นสัญญาณนี่รุนแรงต่อนักการเมืองเหรอ 00:11:40.616 --> 00:11:45.250 ให้พวกเขาย้ำจุดยืนของตนเอง แม้ว่าจะเป็นจุดยืนที่ผิด 00:11:45.250 --> 00:11:49.267 เพราะความคงเส้นคงวาจะกลายเป็น สิ่งที่สำคัญกว่าสามัญสำนึก? 00:11:49.267 --> 00:11:50.949 และพวกคุณชาวอเมริกันทุกคนในห้องนี้ 00:11:50.949 --> 00:11:54.001 คุณไม่กลัวเหรอครับว่า ประธานาธิปดีของคุณจะต้องปกครอง 00:11:54.001 --> 00:11:57.376 ตามสิ่งที่พวกเขาพูดในการเลือกตั้งขั้นต้น? NOTE Paragraph 00:11:57.376 --> 00:11:59.367 ผมคิดว่านี่สำคัญมากๆ 00:11:59.367 --> 00:12:03.399 เพราะประชาธิปไตยเป็นเรื่องของผู้คนที่เปลี่ยนมุมมอง 00:12:03.399 --> 00:12:06.549 ตามข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลและการอภิปราย 00:12:06.549 --> 00:12:10.033 และเราอาจจะสูญเสียสิ่งนี้ให้กับแนวคิดที่สูงส่ง 00:12:10.033 --> 00:12:12.049 เพื่อให้ผู้คนสามารถตรวจสอบได้ 00:12:12.049 --> 00:12:14.667 ด้วยการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเราจะไม่ทน 00:12:14.667 --> 00:12:17.385 ต่อการฉวยโอกาสของนักการเมือง 00:12:17.385 --> 00:12:19.717 ดังนั้น สำหรับผม นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด 00:12:19.717 --> 00:12:22.983 และผมเชื่อว่าเมื่อเรากำลังถกกันเรื่องการเมืองในปัจจุบัน 00:12:22.983 --> 00:12:25.182 บางครั้งมันอาจจะดูมีเหตุผล 00:12:25.182 --> 00:12:28.584 ที่จะพิจารณาเรื่องราวแบบนี้บ้าง NOTE Paragraph 00:12:28.584 --> 00:12:32.134 แต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งที่เปิดเผยก็ยังถูกปกปิด 00:12:32.134 --> 00:12:35.899 [ไม่ว่า]รัฐบาลจะอยากโปร่งใสมากแค่ไหน 00:12:35.899 --> 00:12:38.301 พวกเขาก็ยังจะโปร่งใสเฉพาะบางเรื่องอยู่ดี 00:12:38.301 --> 00:12:40.333 ในประเทศเล็กๆที่อาจจะเป็นประเทศของผม 00:12:40.333 --> 00:12:41.766 หรือประเทศของคุณ 00:12:41.766 --> 00:12:43.951 พวกเขาได้ตัดสินใจ - นี่เป็นเรื่องจริงนะครับ - 00:12:43.951 --> 00:12:46.566 ว่าการตัดสินใจทั้งหมดของรัฐบาล 00:12:46.566 --> 00:12:49.132 และการอภิปรายของสภารัฐมนตรี 00:12:49.132 --> 00:12:52.433 จะถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต 00:12:52.433 --> 00:12:56.833 ใน 24 ชั่วโมงหลังจากการอภิปราย 00:12:56.833 --> 00:12:59.001 และสาธารณชนก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก 00:12:59.001 --> 00:13:01.452 ผมก็เลยได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกฯ 00:13:01.452 --> 00:13:03.050 ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจอย่างนี้ 00:13:03.050 --> 00:13:04.766 เขาบอก "ฟังนะ นี่คือทางที่ดีที่สุด 00:13:04.766 --> 00:13:09.394 ที่จะทำให้ปากของรัฐมนตรีของผมปิดเสียที 00:13:09.394 --> 00:13:12.479 เพราะมันจะยากมากสำหรับพวกเขาที่จะแย้งกัน 00:13:12.479 --> 00:13:14.661 เมื่อเขารู้ว่า 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ 00:13:14.661 --> 00:13:16.565 เรื่องนี่จะไปอยู่บนพื้นที่สาธารณะ 00:13:16.565 --> 00:13:20.511 และจะนำไปสู่หายนะทางการเมืองอย่างแน่นอน" NOTE Paragraph 00:13:20.511 --> 00:13:21.978 ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงความโปร่งใส 00:13:21.978 --> 00:13:23.577 เมื่อเราพูดถึงความเปิดเผย 00:13:23.577 --> 00:13:25.694 ผมเชื่ออย่างสุดใจว่าเราควรจะระลึกไว้ 00:13:25.694 --> 00:13:29.444 ว่าความถูกต้องก็เป็นความผิดพลาดได้เช่นกัน 00:13:29.444 --> 00:13:33.628 และนี่คือ Goethe ซึ่งไม่ใช่ชาวบัลแกเรีย หรือนักวิทยาศาสตร์การเมือง 00:13:33.628 --> 00:13:36.110 ไม่กี่ศตวรรษที่แล้ว เขาได้กล่าวไว้ว่า 00:13:36.110 --> 00:13:39.447 "มันจะมีเงามหึมา ณ ที่ที่มีแสงมาก" NOTE Paragraph 00:13:39.447 --> 00:13:40.979 ขอบคุณมากครับ NOTE Paragraph 00:13:40.979 --> 00:13:42.629 (เสียงปรบมือ)