< Return to Video

Black Death โรคร้ายฆ่าคนตาย 25 ล้าน! | Point of View

  • 0:00 - 0:04
    รู้กันไหมคะว่าในอดีตเคยมีโรคระบาด
    ครั้งใหญ่ที่เรียกว่า Black Death
  • 0:04 - 0:06
    และทำให้คนตายไป
  • 0:06 - 0:08
    เกินหนึ่งร้อยล้านคนค่ะ
  • 0:08 - 0:09
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:09 - 0:12
    ในตอนที่วิวกำลังอัดคลิปนี้อยู่นะคะ
  • 0:12 - 0:15
    มีเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ เหตุการณ์นึงเพิ่งจะเกิดขึ้นค่ะ
  • 0:15 - 0:17
    ก็คือ WHO หรือว่าองค์การอนามัยโลกนะคะ
  • 0:17 - 0:18
    เพิ่งจะประกาศให้
  • 0:18 - 0:21
    COVID-19 หรือว่าไวรัสโคโรนา
    สายพันธุ์ใหม่เนี่ยนะคะ
  • 0:21 - 0:25
    เป็นโรคระบาดที่เรียกได้ว่าระบาดไปทั่วโลกค่ะ
  • 0:25 - 0:29
    ดังนั้นค่ะ จากเหตุการณ์นี้ทำให้วิว
    นึกถึงเหตุการณ์นึงในอดีต
  • 0:29 - 0:31
    นั่นก็คือเหตุการณ์ Black Death นั่นเองค่ะ
  • 0:31 - 0:34
    เพราะว่าเป็นเหตุการณ์โรคระบาด
    ที่กระจายไปทั่วโลกเหมือนกันนะคะ
  • 0:34 - 0:39
    และที่สำคัญเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่มี
    คนตายจำนวนเยอะมากๆๆๆเลยทีเดียวค่ะ
  • 0:39 - 0:40
    ดังนั้นวิวก็เลยคิดว่า
  • 0:40 - 0:44
    การศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีตเนี่ย
    มันก็ช่วยให้เราเข้าใจปัจจุบันได้มากขึ้น
  • 0:44 - 0:47
    วันนี้วิวก็เลยอยากชวนทุกคนมาคุยเรื่อง
  • 0:47 - 0:48
    Black Death กันค่ะ
  • 0:48 - 0:50
    แต่ก่อนที่เราจะไปฟังเรื่อง Black Death กันเนี่ยนะคะ
  • 0:50 - 0:54
    ใครที่ชื่นชอบที่จะฟังเรื่องราวที่ทั้ง
    สนุกแล้วก็ได้สาระไปพร้อมกันเนี่ย
  • 0:54 - 0:56
    อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
  • 0:56 - 0:59
    เพราะว่าแต่ละช่องทางเนี่ย
    เนื้อหาก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ
  • 0:59 - 1:01
    เอาล่ะ พอแล้วเลิกโฆษณา เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
  • 1:01 - 1:05
    สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว
    ที่ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
  • 1:05 - 1:07
    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:11 - 1:14
    Black Death หรือว่าความตายสีดำเนี่ยนะคะก็คือ
  • 1:14 - 1:19
    การระบาดของกาฬโรคซึ่งเป็นโรคระบาด
    ร้ายแรงมากๆนะคะ ในช่วงเวลานึงค่ะ
  • 1:19 - 1:20
    ซึ่งถามว่าโรคนี้เกิดจากอะไร
  • 1:20 - 1:22
    ก็ต้องบอกว่าเกิดจากเห็บค่ะ
  • 1:22 - 1:25
    แล้วก็เป็นเห็บที่อาศัยอยู่ใน
    สัตว์ประเภทสัตว์ฟันแทะนะคะ
  • 1:25 - 1:28
    ประเภทพวกหนู กระรอก อะไรประมาณอย่างนี้ค่ะ
  • 1:28 - 1:30
    โดยในสมัยแรกๆนะคะที่กาฬโรคระบาดเนี่ย
  • 1:30 - 1:32
    เขาก็ไม่ได้เรียกมันว่า Black Death หรอกค่ะ
  • 1:32 - 1:35
    เพราะว่าคำว่า Black Death เนี่ย
    เป็นคำที่เกิดขึ้นในสมัยหลังนะคะ
  • 1:35 - 1:37
    ช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 ค่ะ
  • 1:37 - 1:41
    มีนักประวัติศาสตร์ชาว
    สแกนดิเวียคนนึงใช้คำนี้ขึ้นมาค่ะ
  • 1:41 - 1:43
    แต่คำนี้ก็ยังไม่ได้ฮิตในยุคสมัยนั้นนะคะ
  • 1:43 - 1:44
    มาฮิตอีกรอบนึงในช่วง
  • 1:44 - 1:46
    ศตวรรษที่ 19 ค่ะ
  • 1:46 - 1:48
    เมื่อเกิดโรคระบาดครั้งใหม่ขึ้นมา
  • 1:48 - 1:50
    คนก็กลับไปศึกษาเรื่อง Black Death กันนะคะ
  • 1:50 - 1:54
    ว่าแบบเออ ตอนนี้เราก็มีโรคระบาด
    ตอนนั้นจะเป็นยังไงนะ
  • 1:54 - 1:56
    เหมือนกับที่วิวทำคลิปนี้เป๊ะเลยก็คือ
  • 1:56 - 1:58
    ตอนนี้เรามีโรคระบาด ดังนั้นเราก็ควรจะไป
  • 1:58 - 2:00
    ศึกษาโรคระบาดในอดีตนะคะ
  • 2:00 - 2:02
    คนในช่วงศตวรรษที่ 19 ค่ะ
  • 2:02 - 2:04
    ก็เลยฮิตคำว่า Black Death ขึ้นมานะคะแล้วก็
  • 2:04 - 2:07
    เรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า
    Black Death ตั้งแต่นั้นมาค่ะ
  • 2:07 - 2:09
    ทีนี้พูดกันมาว่า Black Death
  • 2:09 - 2:13
    เอ่อ Black Death นี่มีอาการยังไง
    แล้วมันน่ากลัวขนาดไหน
  • 2:13 - 2:14
    ก็ต้องบอกว่าน่ากลัวมากๆค่ะ
  • 2:14 - 2:18
    เพราะว่าในยุคสมัยนั้นนะคะ
    คนที่รับเชื้อเข้าไปเนี่ย ตายได้ภายใน
  • 2:18 - 2:20
    5-6 วันเลยทีเดียวนะคะ
  • 2:20 - 2:22
    คือคนที่ได้รับเชื้อเข้าไปจากการโดนเห็บกัดเนี่ย
  • 2:22 - 2:24
    ก็จะมีอาการดังนี้ค่ะ
  • 2:24 - 2:26
    อย่างแรกเลยนะคะก็คือเป็นไข้แน่นอนค่ะ
  • 2:26 - 2:28
    แล้วก็ปวดเนื้อปวดตัวนะคะ
  • 2:28 - 2:31
    รู้สึกว่าสู้แสงจ้าไม่ได้ เวียนหัว อะไรต่างๆค่ะ
  • 2:31 - 2:34
    หลังจากนั้นนะคะ อาการที่ชัดเจนที่สุดก็คือ
  • 2:34 - 2:37
    ต่อมน้ำเหลืองของเขามันก็จะโตขึ้นมาค่ะ
  • 2:37 - 2:39
    ขนาดเท่าไข่ไก่เลยทีเดียวนะ
  • 2:39 - 2:41
    หลังจากนั้นถามว่ามันหยุดหรือยัง
  • 2:41 - 2:43
    มันก็ยังไม่หยุดค่ะ มันก็จะโตขึ้นเรื่อยๆๆๆ
  • 2:43 - 2:46
    จนกระทั่งในที่สุดมันก็จะแตกออกมาค่ะ
  • 2:46 - 2:50
    ซึ่งถ้ารักษาประคองอาการกันดีๆเนี่ยนะคะ
    ก็จะสามารถหายได้ใน 10 วันค่ะ
  • 2:50 - 2:52
    แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
  • 2:52 - 2:55
    คนในสมัยนั้นน่ะ เทคโนโลยีไม่ถึงด้วย
    ความรู้ก็ไม่ถึง อะไรต่างๆ
  • 2:55 - 2:57
    คนก็เลยมักจะหมดแรง
  • 2:57 - 3:00
    แล้วก็ตายไปภายใน 5-6 วันนี่เองค่ะ
  • 3:00 - 3:02
    ด้วยอาการ หนึ่งคือเหนื่อยล้าก่อนเลย
  • 3:02 - 3:03
    คือสู้ไม่ไหวแล้วนะคะ
  • 3:03 - 3:06
    สองนะคะก็คือหัวใจล้มเหลวค่ะ
  • 3:06 - 3:09
    และสามก็คือเลือดออกที่อวัยวะภายในค่ะ
  • 3:09 - 3:13
    ซึ่งถ้าใครเล่นเกม Plague Inc. นี่จะรู้ว่า
    นี่เป็นคอมโบที่ทำให้คนตายเร็วมากนะคะ
  • 3:13 - 3:14
    ซึ่งวิวใช้ประจำเลยนะ
  • 3:14 - 3:17
    ทีนี้ถามว่าแล้วมันระบาดกันได้ยังไงนะคะ
  • 3:17 - 3:19
    ก็ต้องบอกกาฬโรคเนี่ย
    มันไม่ได้ระบาดครั้งเดียวในโลกค่ะ
  • 3:19 - 3:21
    มันระบาดมาหลายครั้งมากๆนะคะ
  • 3:21 - 3:25
    ซึ่งนักประวัติศาสตร์ส่วนมากก็จะ
    แบ่งการระบาดออกเป็นทั้งหมด
  • 3:25 - 3:26
    3 ช่วงเวลาด้วยกันค่ะ
  • 3:26 - 3:29
    ในช่วงเวลาแรกเนี่ยนะคะ
    เกิดขึ้นในช่วงยุคกลางตอนต้นค่ะ
  • 3:29 - 3:32
    ที่บริเวณอาณาจักรโรมันตะวันออกนะคะ
  • 3:32 - 3:35
    ก็คือศูนย์กลางอยู่ที่
    กรุงคอนสแตนติโนเปิลนั่นเองนะคะ
  • 3:35 - 3:37
    ทีนี้ถามว่าเริ่มมาจากไหน
  • 3:37 - 3:40
    เขาก็เชื่อกันว่าเชื้อโรคตัวนี้
    เริ่มมาจากที่ประเทศจีนนะคะ
  • 3:40 - 3:44
    อย่างไรก็ตาม กรุงคอนสแตนติโนเปิล
    ไม่ได้รับมาโดยตรงจากจีนค่ะ
  • 3:44 - 3:46
    เขารับมาผ่านการค้าขายกับประเทศอียิปต์นะคะ
  • 3:46 - 3:48
    คือกรุงคอนสแตนติโนเปิลเนี่ย
  • 3:48 - 3:51
    มีการนำเข้าพวกธัญพืชต่างๆจากอียิปต์ค่ะ
  • 3:51 - 3:53
    ทีนี้ตอนที่นำเข้าเข้ามาเนี่ย
  • 3:53 - 3:57
    มันก็จะต้องมีพวกหนูพวกอะไร
    ที่มีเห็บเนี่ยติดตัวมาด้วยใช่ไหมคะ
  • 3:57 - 3:59
    แล้วก็มาบึ้มที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลนะคะ
  • 3:59 - 4:03
    เพราะว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีหนู
    อยู่ปริมาณเยอะมากๆเลยค่ะ
  • 4:03 - 4:06
    นักประวัติศาสตร์คาดการณ์กันว่า
    ในช่วงพีกของโรคนี้เนี่ย
  • 4:06 - 4:09
    มีคนในกรุงคอนสแตนติโนเปิลตายไปวันละ
  • 4:09 - 4:11
    10,000 คนเลยทีเดียวค่ะ
  • 4:11 - 4:15
    และแน่นอนว่ามันก็จะต้องกระจายจาก
    กรุงคอนสแตนติโนเปิลไปทั่วยุโรปนะคะ
  • 4:15 - 4:17
    เขาคาดการณ์กันว่า
  • 4:17 - 4:20
    จากเหตุการณ์นี้ทำให้คนในยุโรปตายไปประมาณ
  • 4:20 - 4:22
    หนึ่งร้อยล้านคนเลยทีเดียว
  • 4:22 - 4:27
    และถือว่าเป็นประชากรประมาณ
    50% ของคนยุโรปทั้งหมดค่ะ
  • 4:27 - 4:29
    ในช่วงปีค.ศ. 541 ถึงปีค.ศ. 700 นะคะ
  • 4:29 - 4:31
    และนี่ก็คือการระบาดในช่วงแรกค่ะ
  • 4:31 - 4:35
    ผ่านมันไปอย่างเร็วๆเนอะเพราะว่า
    เราจะไปโฟกัสกันที่การระบาดในครั้งที่สอง
  • 4:35 - 4:37
    ที่ถือว่าเป็นการระบาดครั้งใหญ่มากๆ
  • 4:37 - 4:41
    ในสมัยนั้นเนี่ยถึงขั้นเรียกว่า The Great Plague
    หรือว่าการระบาดครั้งใหญ่เลยนะ
  • 4:41 - 4:43
    ซึ่งการระบาดครั้งนี้ก็คือ
  • 4:43 - 4:48
    การระบาดที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดได้รับการ
    ขนานนามว่าเป็น Black Death นั่นเองค่ะ
  • 4:48 - 4:51
    การระบาดครั้งนี้นะคะเกิดขึ้น
    ในช่วงศตวรรษที่ 14 - 17 ค่ะ
  • 4:51 - 4:55
    ก็แน่นอนนะคะ ต้นกำเนิดก็ยังเริ่มมาจากที่ประเทศจีนค่ะ
  • 4:55 - 4:57
    คือเขาเชื่อกันว่ามันเกิดขึ้นที่
  • 4:57 - 5:01
    มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนนะคะ
    ในปีค.ศ. 1334 นั่นเอง
  • 5:01 - 5:04
    จากการระบาดครั้งนี้ทำให้
    คนในมณฑลหูเป่ยเนี่ยนะคะ
  • 5:04 - 5:08
    ตายไปถึง 90% ของประชากรทั้งหมดค่ะ
  • 5:08 - 5:10
    ก็ตายไปประมาณห้าล้านคนเลยทีเดียวนะคะ
  • 5:10 - 5:12
    เขาก็สันนิษฐานกันว่าเกิดจาก
  • 5:12 - 5:13
    ภัยพิบัติธรรมชาติค่ะ
  • 5:13 - 5:17
    ในช่วงนั้นอาจจะมีน้ำท่วม มีแผ่นดินไหว
    มีความแห้งแล้งอะไรต่างๆ
  • 5:17 - 5:20
    ทำให้สัตว์ประเภทหนูซึ่งมันซุกซ่อนตัวอยู่เนี่ย
  • 5:20 - 5:22
    เกิดออกมารวมตัวกันค่ะ
  • 5:22 - 5:25
    พอออกมารวมตัวกัน แน่นอนว่าก็จะต้องพา
  • 5:25 - 5:28
    เห็บ ซึ่งเป็นที่มาของโรคมาด้วยนะคะ
  • 5:28 - 5:29
    ทีนี้พอคนในมณฑลหูเป่ยติดนะคะ
  • 5:29 - 5:33
    แน่นอนว่ามันก็จะต้องแพร่กระจายไปที่อื่นอีกค่ะ
  • 5:33 - 5:34
    ถามว่าแพร่กระจายไปผ่านอะไร
  • 5:34 - 5:38
    ก็ผ่านเส้นทางสายไหม
    ซึ่งเป็นเส้นทางการค้านั่นเองนะคะ
  • 5:38 - 5:40
    ทีนี้มันก็แพร่กระจายจากจีนใช่ไหมคะ
  • 5:40 - 5:42
    ไปตามทางก็ไปบริเวณรัสเซีย
  • 5:42 - 5:45
    ไปบริเวณเอเชียใต้หรือว่าอินเดียนะคะ
  • 5:45 - 5:48
    หลังจากนั้นค่ะ เมื่อมาถึงอินเดียแล้วก็จะต้องไปถึงที่
  • 5:48 - 5:50
    ตะวันออกกลางนั่นเองนะคะ
  • 5:50 - 5:54
    หลังจากที่ค่อยๆเดินทางจากจีนมาในช่วง
    ปีค.ศ. 1334 เรื่อยมาเรื่อยๆเนี่ยนะคะ
  • 5:54 - 5:56
    ในปีค.ศ. 1347 ค่ะ
  • 5:56 - 5:58
    สังเกตว่าใช้เวลาร่วมสิบปีเลยเนี่ยนะ
  • 5:58 - 6:00
    มันก็มาถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลค่ะ
  • 6:00 - 6:05
    และในกรุงคอนสแตนติโนเปิลก็ยังเป็น
    เมืองใหญ่ที่มีประชากรมากอยู่นะคะ
  • 6:05 - 6:08
    บวกกับว่าเป็นเมืองท่าการค้า
    ที่มีการค้าขายทางเรือค่ะ
  • 6:08 - 6:12
    ดังนั้นจากเดิมที่มันแพร่กระจายกัน
    ผ่านทางบกเนี่ยนะคะ
  • 6:12 - 6:15
    มันก็กลายเป็นแพร่กระจายทางเรือไปด้วยค่ะ
  • 6:15 - 6:18
    ทำให้โรคระบาดนี้นะคะ
    เดินทางเข้าไปในยุโรปในที่สุดค่ะ
  • 6:18 - 6:20
    หลังจากที่เข้าไปในยุโรปแล้วเนี่ยนะคะ
  • 6:20 - 6:23
    เขาก็บอกว่ามีเหตุการณ์นึงซึ่งน่ากลัวมากๆค่ะ
  • 6:23 - 6:26
    ก็คือที่เมืองท่าของเมืองซิซิลีเนี่ยนะคะ
  • 6:26 - 6:29
    เกิดอยู่ดีๆก็มีเรือ 12 ลำค่ะแล่นเข้ามาเทียบท่า
  • 6:29 - 6:32
    และในเรือนั้นเนี่ยนะคะเรียกได้ว่า
    เป็นคนตายเกือบหมดเลย
  • 6:32 - 6:34
    คือมีคนเหลืออยู่น้อยมากๆ
  • 6:34 - 6:38
    แต่ว่าก็เป็นคนที่เหลืออยู่ตัวเปื่อยๆอะ
    คือเรียกได้ว่าป่วยใกล้ตายแล้วนะคะ
  • 6:38 - 6:42
    ดังนั้นเมื่อเรือ 12 ลำนี้ที่บรรทุกศพติดเชื้อมาเต็มที่
  • 6:42 - 6:44
    บวกกับคนป่วยมาเต็มที่เนี่ย
  • 6:44 - 6:45
    จอดที่เมืองซิซิลีค่ะ
  • 6:45 - 6:47
    โรคมันก็เลยแพร่กระจายในที่สุดนะคะ
  • 6:47 - 6:50
    และนี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่เขาสันนิษฐานกันว่า
  • 6:50 - 6:52
    ทำให้โรคนี้แพร่กระจายเข้าไปใน
  • 6:52 - 6:54
    ยุโรปตะวันตกในที่สุดนะคะ
  • 6:54 - 6:56
    หลังจากเหตุการณ์นั้นค่ะ
  • 6:56 - 6:58
    การระบาดก็เกิดขึ้นรวดเร็วขึ้นนะคะ
  • 6:58 - 7:00
    คือในช่วงเดือนมกราคม ปีค.ศ. 1348 นะคะ
  • 7:00 - 7:02
    โรคระบาดนี้ก็เข้าไปที่อิตาลีค่ะ
  • 7:02 - 7:05
    ก็เข้าไปที่เมืองฟลอเรนซ์ เมืองปิซา เมืองเวนิส
  • 7:05 - 7:08
    ชื่อคุ้นขนาดนี้แปลว่าเป็น
    เมืองที่เจริญรุ่งเรืองจากการค้าขายค่ะ
  • 7:08 - 7:11
    หลังจากนั้นมันก็เลยแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเลยนะคะ
  • 7:11 - 7:16
    ก็แพร่กระจายไปที่ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ
    สก็อตแลนด์อะไรต่างๆ ไปตามปีเรื่อยๆค่ะ
  • 7:16 - 7:19
    ทีนี้ถามว่าการระบาดครั้งนั้น
    ยิ่งใหญ่ขนาดไหนนะคะ
  • 7:19 - 7:23
    ก็ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่ขนาดที่
    ประชากรสองในสามของอิตาลีเนี่ย
  • 7:23 - 7:24
    ตายเรียบเลยค่ะ
  • 7:24 - 7:27
    ซึ่งเราจะรู้เรื่องโรคระบาดนี้
    ได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะคะ
  • 7:27 - 7:28
    จากผู้ชายชาวฟลอเรนซ์คนนึงค่ะ
  • 7:28 - 7:30
    ชื่อว่าคุณ Giovanni Boccaccio
  • 7:30 - 7:34
    เขาจดบันทึกเรื่องราวโรคระบาดครั้งนี้
    ไว้อย่างละเอียดยิบเลยนะคะ
  • 7:34 - 7:38
    ทีนี้โรคระบาดนี่ก็ระบาดไปเรื่อยๆนะคะ
    จนกระทั่งปีค.ศ. 1350 ค่ะ
  • 7:38 - 7:40
    โรคก็เหมือนจะเบาบางลงค่ะ
  • 7:40 - 7:44
    แต่ว่าถึงจุดนี้ ชาวยุโรปเนี่ยนะคะ
    ก็ตายไปถึง 25 ล้านคนแล้วทีเดียว
  • 7:44 - 7:47
    แต่ถามว่าบอกว่าเบาลงเนี่ย
    มันหยุดระบาดไหมนะคะ
  • 7:47 - 7:49
    ก็ต้องบอกว่าจริงๆมันไม่ได้หยุดระบาดค่ะ
  • 7:49 - 7:51
    มันก็ยังระบาดกลับมา กลับมา กลับมา
  • 7:51 - 7:55
    คือต้องบอกว่าโรคระบาดครั้งนั้น
    เป็นการระบาดที่ต่อเนื่องยาวนานมากๆ
  • 7:55 - 7:57
    หลายครั้งมันเหมือนจะดีขึ้นตอนช่วงหน้าหนาว
  • 7:57 - 8:00
    เหมือนแบบอ๊ะ เข้าหน้าหนาวแล้วโรคระบาดจะหยุด
  • 8:00 - 8:03
    แต่ว่าพอหมดหน้าหนาวเนี่ยนะคะ
    โรคระบาดเหล่านี้ก็กลับมาอีกรอบค่ะ
  • 8:03 - 8:05
    ก็ติดซ้ำๆๆๆไปอย่างนั้นนะคะ
  • 8:05 - 8:07
    จะเห็นว่ามันเป็นการระบาดที่ระบาดต่อเนื่อง
  • 8:07 - 8:10
    ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 - 17 เลยทีเดียวนะทุกคน
  • 8:10 - 8:14
    ทีนี้เราอย่าเพิ่งไปถึงตรงนั้นเลยค่ะ
    กลับมาที่การระบาดครั้งใหญ่ของเราก่อนดีกว่า
  • 8:14 - 8:16
    วิวอาจจะไม่ได้อยากเจาะลึกว่า
  • 8:16 - 8:18
    มันมีเส้นทางการระบาดอะไรยังไงนะคะ
  • 8:18 - 8:21
    แต่อยากให้ดูเอฟเฟกต์ของ
    การระบาดทางนั้นมากกว่าค่ะว่า
  • 8:21 - 8:25
    มันส่งผลกระทบอะไรต่อ
    มนุษยชาติของเราบ้างนะคะ
  • 8:25 - 8:29
    ถามว่าการระบาดในช่วง Black Death กับ
    โรคระบาดในสมัยปัจจุบันนี้มันแตกต่างกันยังไง
  • 8:29 - 8:31
    มีสองจุดค่ะที่แตกต่างกันมากๆ ก็คือ
  • 8:31 - 8:32
    จำนวนคนตาย กับ
  • 8:32 - 8:34
    ความเร็วของการแพร่กระจายนั่นเอง
  • 8:34 - 8:37
    คือในสมัยก่อนนะคะ
    จะเห็นว่ามีโรคระบาดขึ้นมาทีนึงเนี่ย
  • 8:37 - 8:39
    คนตายห้าล้าน คนตายสิบล้าน
  • 8:39 - 8:41
    เพราะว่าเทคโนโลยีมันยังไม่ถึงไงคะ
  • 8:41 - 8:43
    ดังนั้นมันก็ไม่ได้มีการป้องกันโรคที่ดีพอค่ะ
  • 8:43 - 8:47
    ทำให้มีโรคระบาดขึ้นมาครั้งนึงเนี่ย
    คนตายจำนวนเยอะมากเลยนะคะ
  • 8:47 - 8:49
    และอีกจุดที่ต่างกันก็คือ
  • 8:49 - 8:51
    ความเร็วของการระบาดค่ะ
  • 8:51 - 8:54
    จะเห็นว่าตอนที่วิวพูดปีๆๆมาเนี่ย
  • 8:54 - 8:56
    กว่าจะข้ามจากประเทศนึงไปอีกประเทศนึงเนี่ย
  • 8:56 - 9:00
    บางทีมันใช้เวลาเป็นปี เป็นปี
    เป็นสิบปี ยี่สิบปีเลยนะคะ ถามว่าทำไม
  • 9:00 - 9:03
    เพราะว่าในยุคสมัยนั้นค่ะ
    คนยังไม่ค่อยได้เดินทางข้ามเมือง
  • 9:03 - 9:05
    เดินทางไปที่ต่างๆค่ะ
  • 9:05 - 9:07
    จะมีก็มีแค่พวกพ่อค้า มีพวกอะไร
  • 9:07 - 9:11
    ดังนั้นการระบาดนี่ก็เลยข้ามเมือง
    ได้ช้ามากๆเลยทีเดียวค่ะ
  • 9:11 - 9:14
    ปัญหาอีกอย่างนึงนะคะที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นเนี่ยก็คือ
  • 9:14 - 9:17
    คนเรายังไม่ได้ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ขึ้นมานะคะ
  • 9:17 - 9:20
    ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าสาเหตุที่มาของโรคนี่คืออะไร
  • 9:20 - 9:22
    แบคทีเรียคืออะไร ยังไม่รู้จักค่ะ
  • 9:22 - 9:25
    คนก็เลยสันนิษฐานกันไปต่างๆนานานะคะว่า
  • 9:25 - 9:26
    เอ๊ โรคนี้เกิดจากอะไร
  • 9:26 - 9:29
    บางคนก็บอกว่าเกิดจากการเรียงตัวของดาวเคราะห์
  • 9:29 - 9:33
    ทำให้เกิดเคราะห์ร้ายอะไรต่างๆ
    โรคระบาดก็เลยเกิดขึ้น
  • 9:33 - 9:35
    บางคนก็บอกว่าโอ๊ย สงสัยอากาศไม่ดี
  • 9:35 - 9:37
    คือเขาใช้คำว่า bad air ประมาณนี้นะ
  • 9:37 - 9:38
    ส่วนบางคนหนักกว่านั้นอีกนะคะ
  • 9:38 - 9:41
    ก็เป็นช่วงยุคกลางอะนะ นับถือพระเจ้าอยู่แล้ว
  • 9:41 - 9:43
    ก็บอกว่านี่แหละ พระเจ้าลงโทษพวกเรา
  • 9:43 - 9:45
    พวกเราจะต้องไถ่บาปนะคะ
  • 9:45 - 9:47
    คนก็เลยออกมาไถ่บาปกันเต็มเลย
  • 9:47 - 9:48
    ถามว่าไถ่ยังไง
  • 9:48 - 9:52
    คนในยุคนั้นนะคะก็คล้ายๆกับตอนต้น
    ของเทวาซาตาน Angels & Demons
  • 9:52 - 9:55
    ก็คือต้องทรมานตัวเองในที่สาธารณะนะคะ
  • 9:55 - 9:58
    ด้วยการเอาแส้มาแล้วก็ฟาดตัวเองเปรี๊ยะๆๆๆ
  • 9:58 - 10:00
    เป็นการไถ่บาปให้กับพระเจ้าค่ะ
  • 10:00 - 10:02
    ไม่ใช่แค่เรื่องสาเหตุนะคะที่เดากันมั่ว
  • 10:02 - 10:04
    เรื่องการติดต่อนี่ก็เดากันมั่วเหมือนกัน
  • 10:04 - 10:05
    เดากันไปถึงขนาดที่ว่า
  • 10:05 - 10:08
    สงสัยว่าถ้าเรามองตาคนป่วยเนี่ยนะ
  • 10:08 - 10:09
    เราจะติดต่อกันไหมนะ
  • 10:09 - 10:12
    หรือบางคนก็บอกว่าโอ๊ย มันจะต้องติดต่อจากคนที่
  • 10:12 - 10:14
    ใส่รองเท้าหัวแหลมแน่ๆเลย
  • 10:14 - 10:17
    ถ้าแกใส่รองเท้าหัวแหลมเนี่ย แกจะเป็นตัวแพร่เชื้อ
  • 10:17 - 10:20
    บางคนก็บอกว่าเนี่ยนะ ถ้าขยับตัวเยอะๆเนี่ย
  • 10:20 - 10:23
    โรคมันก็จะกำเริบอีก ดังนั้นฉันต้อง
    นอนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ขยับตัว
  • 10:23 - 10:26
    ส่วนวิธีการรักษานี่บอกเลยว่าแฟนตาซีกว่าอีกค่ะ
  • 10:26 - 10:28
    คือจินตนาการกันหนักมากนะ บอกว่า
  • 10:28 - 10:30
    ให้กินพวกแร่ต่างๆเนี่ยเอามาบด
  • 10:30 - 10:33
    หรือว่าบางคนก็บอกว่าให้เอาเนื้อนกพิราบเนี่ยนะ
  • 10:33 - 10:36
    เอามาขัดถูตามตัว มันก็จะทำให้หาย
  • 10:36 - 10:38
    ซึ่งก็...
  • 10:38 - 10:41
    บางคนก็บอกว่าต่อมน้ำเหลือง
    ที่มันโตขึ้นมาเนี่ย จะต้องเจาะทิ้ง
  • 10:41 - 10:43
    ให้มันแตกบึ้มออกมาไวๆ จะได้หายไวๆนะคะ
  • 10:43 - 10:45
    ส่วนบางคนหนักกว่านั้นอีกค่ะก็บอกว่า
  • 10:45 - 10:48
    ต้องเอาตัวไปแช่อยู่ในน้ำส้มสายชูนะ
  • 10:48 - 10:49
    มันก็จะทำให้หายไว
  • 10:49 - 10:53
    ก็เรียกได้ว่ามีทฤษฎีต่างๆออกมา
    มากมายเต็มไปหมดเลยค่ะ
  • 10:53 - 10:57
    แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ทฤษฎีต่างๆที่เกิดขึ้น
    แล้วทำร้ายตัวเองที่เป็นคนป่วยนะคะ
  • 10:57 - 11:00
    แต่ทฤษฎีที่ไปทำร้ายคนอื่นก็มีเหมือนกัน
  • 11:00 - 11:02
    มันมีการโทษกันต่างๆนานาว่า
  • 11:02 - 11:06
    เนี่ยนะ โรคมันจะต้องเกิดมาจาก
    กลุ่มคนแบบพวกแกแน่ๆเลย
  • 11:06 - 11:08
    ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะต้องซวยนะคะก็คือ
  • 11:08 - 11:11
    พวกชนชายขอบต่างๆค่ะ
  • 11:11 - 11:12
    ไม่ว่าจะเป็นพวกยิว ก็จะแบบ
  • 11:12 - 11:15
    โรคนี้มันจะต้องเกิดจากไอ้พวกชาวยิวแน่นอน
  • 11:15 - 11:18
    หรือว่าพวกผู้หญิงโสเภณีเนี่ย
    ก็จะโดนเหมือนกันประมาณว่า
  • 11:18 - 11:21
    แหม ไอ้ผู้หญิงโสเภณี
    พวกนี้นี่แหละที่เป็นคนทำให้ติด
  • 11:21 - 11:23
    ก็คือมีข่าวลือต่างๆเกิดขึ้นมากมายนะคะ
  • 11:23 - 11:28
    ทุกครั้งที่เรายังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง
    เราก็จะคิดนู่นคิดนี่แล้วก็ลือกันไป
  • 11:28 - 11:30
    เหมือนตอนที่โรคเอดส์เกิดขึ้นแรกๆก็จะเห็นว่า
  • 11:30 - 11:33
    มีข่าวลือเกิดขึ้นเยอะมากนะคะ เช่นแบบ
  • 11:33 - 11:36
    ถ้ากินข้าวจานเดียวกันจะติดโรค อะไรประมาณนี้
  • 11:36 - 11:38
    แต่ว่าเมื่อเทคโนโลยีมันพัฒนามา
  • 11:38 - 11:41
    เราเข้าใจโรคมากขึ้น
    เดี๋ยวมันก็จะค่อยๆหายไปเองนะคะ
  • 11:41 - 11:42
    ฟังตอนนี้อาจจะไม่เมกเซนส์
  • 11:42 - 11:44
    แต่นึกสภาพสมัยยุคกลาง
  • 11:44 - 11:46
    ตอนที่เรายังไม่มีกล้องจุลทรรศน์
    เราไม่รู้จักแบคทีเรีย
  • 11:46 - 11:50
    ก็ไม่แปลกเลยที่คนในสมัยนั้น
    จะจินตนาการไปแบบนี้ค่ะ
  • 11:50 - 11:52
    ทีนี้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นอีก
  • 11:52 - 11:54
    พอคนมันจะตายวันตายพรุ่งแบบ
  • 11:54 - 11:56
    คนตายไปแล้ว 90% ของประเทศอย่างนี้
  • 11:56 - 11:59
    คนมันก็เลยรู้สึกว่าเออ อยู่ไปก็เท่านั้นน่ะ
  • 11:59 - 12:01
    ฉันทำตามใจชอบฉันดีกว่า
  • 12:01 - 12:05
    คนก็เลยละทิ้งพวกศีลธรรมอะไรต่างๆ
    ทิ้งหมดเลยนะคะ อยากทำอะไรก็ทำ
  • 12:05 - 12:06
    อยากไปขโมยของก็ขโมย
  • 12:06 - 12:08
    อยากมีอะไรกันในที่สาธารณะก็มี
  • 12:08 - 12:11
    บางคนนี่ก็กินเหล้าแล้วก็เมาตลอดเวลาเลยนะคะ
  • 12:11 - 12:13
    ถามว่าเวลาทำผิด มีใครมาจับไหม
  • 12:13 - 12:17
    ก็ไม่มีไง เพราะว่าพวกผู้รักษากฎหมายเนี่ย
    ก็ติดโรคแล้วก็ตายไปกันหมดแล้ว
  • 12:17 - 12:21
    นอกจากนี้อีกเอฟเฟกต์นึงที่หนักมากๆเลย
    ก็คือเรื่องของศาสนาคริสต์นั่นเอง
  • 12:21 - 12:25
    เราจะรู้กันได้นะคะว่าในช่วงยุคกลางเนี่ย
    ศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นแบบ
  • 12:25 - 12:28
    จุดศูนย์กลางของชีวิตทุกคนในสมัยนั้นเลยนะ
  • 12:28 - 12:29
    เขาเชื่อในพระเจ้ากันมากๆค่ะ
  • 12:29 - 12:32
    ทีนี้เกิดโรคระบาดใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา
  • 12:32 - 12:36
    เขาก็รู้สึกว่าทำไมพระเจ้าไม่ช่วยเราเลยล่ะ
    พระเจ้ามีจริงรึเปล่านะคะ
  • 12:36 - 12:39
    ดังนั้นหลายๆคนก็เลย
    เลิกนับถือพระเจ้าซะอย่างนั้นเลย
  • 12:39 - 12:41
    และเขาบอกว่าการระบาดของโรคครั้งนี้
  • 12:41 - 12:43
    คือหนึ่งในสาเหตุเลยนะคะที่ทำให้
  • 12:43 - 12:45
    ยุคกลางเนี่ยสิ้นสุดค่ะ
  • 12:45 - 12:46
    คือคนไม่เชื่อในพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว
  • 12:46 - 12:50
    ก็เลยเกิดการปฏิรูปศาสนา
    ในช่วงเวลาต่อมานั่นเองค่ะ
  • 12:50 - 12:53
    นอกจากนี้นะคะ คนบางคนในยุคนั้น
    ก็พยายามเอาตัวรอดค่ะ
  • 12:53 - 12:57
    ด้วยการเอาตัวเองออกไปจากที่ชุมชน
    ประมาณว่าฉันไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจ้า
  • 12:57 - 12:59
    ไปอยู่แบบกักตัวเองอยู่คนเดียว
    เพื่อที่จะได้ไม่ติดโรค
  • 12:59 - 13:03
    บางคนนี่ก็สถาบันครอบครัว
    แตกกระสานซ่านเซ็นเลยทีเดียว
  • 13:03 - 13:05
    เพราะว่าทุกคนในครอบครัวเนี่ย
    ฉันไม่สนใจญาติฉันละ
  • 13:05 - 13:07
    ฉันจะต้องเอาตัวฉันให้รอดก่อน
  • 13:07 - 13:09
    และบางคนที่มีญาติติดเนี่ย
  • 13:09 - 13:11
    ก็เอาญาติเนี่ยไปขังไว้นะคะ
  • 13:11 - 13:13
    แล้วก็พยายามไม่บอกใครว่าเป็นโรค
  • 13:13 - 13:15
    เพราะว่ากลัวจะโดนคนรังเกียจ
  • 13:15 - 13:18
    นอกจากนี้นะคะ อีกเรื่องนึงที่เกิดขึ้นแล้ว
    เป็นเรื่องใหญ่มากๆในยุคนั้นเลยค่ะ
  • 13:18 - 13:20
    ก็คือเรื่องของศพนั่นเอง
  • 13:20 - 13:23
    เพราะว่าคนตายเยอะขนาดนี้
    คิดว่าฝังกันทันไหม
  • 13:23 - 13:26
    คือคนที่ยังรอดอยู่ก็มีทั้งป่วย
    ทั้งไม่ป่วย ทั้งอะไรต่างๆ
  • 13:26 - 13:28
    มีทั้งกล้าออกมา ทั้งไม่กล้าออกมา
  • 13:28 - 13:30
    ดังนั้นแน่นอนว่าฝังศพกันไม่ทันค่ะ
  • 13:30 - 13:33
    ก็เลยจะเกิดเหตุการณ์ที่มี
    การรวบศพหลายๆๆๆศพเนี่ยนะคะ
  • 13:33 - 13:36
    แล้วก็เอาไปฝังรวมเป็นหลุมเดียวกันเนี่ย
    เกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะ
  • 13:36 - 13:40
    นอกจากนี้นะคะ บอกเลยว่ามีศัพท์คำนึงค่ะ
    ซึ่งเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้นี่แหละ
  • 13:40 - 13:43
    ก็คือศัพท์คำว่า Quarantine นะคะ
  • 13:43 - 13:45
    ซึ่งแปลว่า การกักกัน การกักตัว นั่นเองค่ะ
  • 13:45 - 13:49
    คือในยุโรปเนี่ย แน่นอนว่าเขาก็จะต้อง
    มีความพยายามในการจำกัดโรคใช่ไหม
  • 13:49 - 13:51
    หลังๆเนี่ยเขาเริ่มรู้แล้วว่า
  • 13:51 - 13:53
    เฮ้ย โรคมันมากับเรือ มันมากับคนป่วยอะไรอย่างนี้
  • 13:53 - 13:56
    เขาก็เลยมีการกักเรือไว้ค่ะ ประมาณว่า
  • 13:56 - 13:58
    เฮ้ย ถ้าเรือเดินทางมาถึงท่าเรือนะ
  • 13:58 - 14:00
    ห้ามเรือเข้าจอดที่ท่าเรือ
  • 14:00 - 14:04
    ต้องจอดอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลา
    ทั้งหมด 40 วัน เอาให้ปลอดโรคก่อน
  • 14:04 - 14:08
    ซึ่งคำว่า 40 ในภาษาอิตาเลียน
    มันดันเป็นคำว่า Quaranta ค่ะ
  • 14:08 - 14:11
    ดังนั้นคำว่า Quaranta นะคะ
    ก็เลยพัฒนาจนกลายมาเป็นคำว่า
  • 14:11 - 14:14
    Quarantine ที่แปลว่าการกักตัวนั่นเองนะคะ
  • 14:14 - 14:17
    ส่วนอีกอย่างนึงที่ทุกคนจะคุ้นกัน
    จากคำว่า Black Death ก็คือ
  • 14:17 - 14:18
    หน้ากากนะคะ
  • 14:18 - 14:22
    ที่คนที่เป็นพวกหมอ ที่เป็นคนมีหน้าที่
    จัดการผู้ป่วยเนี่ยจะชอบใส่กัน
  • 14:22 - 14:25
    ก็คือหน้ากากสีดำๆ ที่มีจะงอยปากเป็นรูปนกค่ะ
  • 14:25 - 14:30
    ต้องบอกว่าอันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแรกๆ
    ที่เขาเริ่มระบาดกันในช่วงศตวรรษที่ 14 นะ
  • 14:30 - 14:32
    แต่เพิ่งจะมาเกิดในช่วงศตวรรษที่ 16 - 17 นะคะ
  • 14:32 - 14:35
    ซึ่งถามว่าทำไมจะต้องเป็นรูปนกเนี่ย
  • 14:35 - 14:38
    ก็เพราะว่าพวกคนที่จะต้องเข้าไป
    จัดการกับคนป่วยอะไรต่างๆ
  • 14:38 - 14:39
    เค้าก็ยังไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้น
  • 14:39 - 14:43
    เค้าเชื่อว่าโรคพวกนี้มันติดจาก
    bad air ไง คืออากาศที่แย่
  • 14:43 - 14:46
    ถ้าเราสูดดมเอาโรคนี้เข้าไป
    เราอาจจะติดก็ได้นะ
  • 14:46 - 14:49
    ดังนั้นก็เลยต้องทำหน้ากากนะคะ
    ให้มีจะงอยยาวๆออกมาค่ะ
  • 14:49 - 14:53
    แล้วก็เอาพวกเครื่องหอมหรือ
    เอาสมุนไพรอะไรต่างๆยัดเข้าไปนะคะ
  • 14:53 - 14:55
    เพื่อหนึ่งค่ะ คือดับกลิ่น
  • 14:55 - 14:59
    กับสองคือเพื่อกรองอากาศนะคะ
    ให้อากาศมันบริสุทธิ์ขึ้นนั่นเองค่ะ
  • 14:59 - 15:02
    นอกจากนี้นะคะ ขออนุญาตย้อนกลับ
    ไปที่ศตวรรษที่ 14 อีกครั้งนึงค่ะ
  • 15:02 - 15:04
    จะบอกว่าเขาสันนิษฐานกันว่า
  • 15:04 - 15:08
    การระบาด Black Death ครั้งนี้
    เกี่ยวข้องกับประเทศไทยของเราด้วยนะคะ
  • 15:08 - 15:11
    เพราะว่าในช่วงศตวรรษที่ 14 เนี่ย
    ตรงกับยุคสมัยของใครรู้ไหม
  • 15:11 - 15:13
    ตรงกับยุคสมัย
  • 15:13 - 15:15
    ก่อนกรุงศรีอยุธยาตั้งขึ้นค่ะ
  • 15:15 - 15:18
    ซึ่งในตอนนั้นเนี่ยถ้าใครเรียน
    ประวัติศาสตร์ไทยมาก็จะรู้ว่า
  • 15:18 - 15:21
    สาเหตุที่มีการตั้งกรุงศรีอยุธยาขึ้นเนี่ย
  • 15:21 - 15:24
    เพราะว่าพระเจ้าอู่ทอง
    อพยพหนีโรคระบาดมานะคะ
  • 15:24 - 15:27
    มาตั้งเมืองอยู่บริเวณบึงพระรามใช่ไหม
  • 15:27 - 15:28
    ทีนี้เค้าก็สันนิษฐานกันว่า
  • 15:28 - 15:32
    มันอาจจะเป็น Black Death
    ที่แพร่เชื้อมาจากประเทศจีนก็ได้นะคะ
  • 15:32 - 15:34
    ดังนั้น เป็นไปได้มากๆเลยที่พระเจ้าอู่ทอง
  • 15:34 - 15:36
    ย้ายเมืองหนีกาฬโรคนี่ล่ะค่ะ
  • 15:36 - 15:39
    และทั้งหมดนี้นะคะก็คือการระบาดใน phase ที่สองค่ะ
  • 15:39 - 15:41
    มาถึง phase ที่สามกันดีกว่า
  • 15:41 - 15:44
    เอาจริงๆจะบอกว่า phase ที่สามก็แบ่งยากนิดนึงนะ
  • 15:44 - 15:46
    เพราะว่าหลังจากการระบาดใน phase ที่สองเนี่ย
  • 15:46 - 15:48
    ที่วิวบอกว่าเริ่มจากศตวรรษที่ 14
  • 15:48 - 15:50
    ก็ไล่ลงมาถึงศตวรรษที่ 17
  • 15:50 - 15:54
    ไล่ลงมาเรื่อยๆ มันก็เหมือนไม่ได้มี
    ช่วงที่มันหยุดพักจริงๆจังๆขนาดนั้นค่ะ
  • 15:54 - 15:56
    อย่างในช่วงปีค.ศ. 1665 - 1666 เนี่ย
  • 15:56 - 15:59
    ก็มีการระบาดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในลอนดอนนะคะ
  • 15:59 - 16:04
    ซึ่งตอนนั้นเนี่ยทำให้ประชากรชาวลอนดอน
    ตายไปถึง 70% เลยทีเดียวนะคะ
  • 16:04 - 16:06
    จากที่มีประชากร 450,000 คนในเมือง
  • 16:06 - 16:08
    ก็เหลือแค่ 60,000 คนนะคะ
  • 16:08 - 16:10
    ก็ตายไปเยอะมากนะทุกคน
  • 16:10 - 16:12
    ส่วน phase ที่สามเนี่ยถามว่าเขานับกันตอนไหน
  • 16:12 - 16:15
    ส่วนมากนี่เขาจะนับกันอยู่ในช่วง
    ศตวรรษที่ 19 - 20 อะนะ
  • 16:15 - 16:20
    แล้วก็นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยนะคะ
    ที่มีการระบาดครั้งยิ่งใหญ่แบบระดับโลกเลย
  • 16:20 - 16:21
    ซึ่งถามว่าเริ่มต้นขึ้นที่ไหน
  • 16:21 - 16:23
    ก็ประเทศจีนอีกแล้วค่ะ
  • 16:23 - 16:25
    ที่มณฑลยูนนานนะคะ ในปีค.ศ. 1855 นั่นเอง
  • 16:25 - 16:28
    คราวนี้มีคนตายไปทั้งหมดประมาณ 12 ล้านคนค่ะ
  • 16:28 - 16:32
    แต่ว่าข้อนึงที่แตกต่างจากคราวก่อนๆก็คือ
  • 16:32 - 16:36
    ในศตวรรษที่ 17 เนี่ยเรามีการค้นพบ
    กล้องจุลทรรศน์แล้วก็แบคทีเรียเรียบร้อยแล้ว
  • 16:36 - 16:37
    ดังนั้นเรารู้แล้วนะว่า
  • 16:37 - 16:39
    เฮ้ย มันมีสิ่งที่เรียกว่าแบคทีเรียอยู่
  • 16:39 - 16:41
    มันก็ให้เกิดโรคนู้นโรคนี้นะ
  • 16:41 - 16:44
    ดังนั้นนะคะก็เลยมีแพทย์ชาวฝรั่งเศสคนนึงค่ะ
  • 16:44 - 16:47
    ชื่อว่า Alexandre Emile Jean Yersin นะคะ
  • 16:47 - 16:52
    เค้าค้นพบแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของ
    กาฬโรคนะคะในปีค.ศ. 1894 ค่ะ
  • 16:52 - 16:54
    ดังนั้นการค้นพบของเขาเนี่ยก็นำไปสู่
  • 16:54 - 16:56
    การผลิตวัคซีนอะไรต่างๆขึ้นมา
  • 16:56 - 16:57
    เพื่อรักษาโรคนี้นะคะ
  • 16:57 - 17:00
    ในปีค.ศ. 1897 ในที่สุดค่ะ
  • 17:00 - 17:02
    ในปัจจุบันเนี่ยนะคะ
    กาฬโรคสามารถรักษาให้หายได้ค่ะ
  • 17:02 - 17:04
    ถ้าตรวจพบได้อย่างรวดเร็วนะ
  • 17:04 - 17:08
    แล้วก็เอาจริงๆในสมัยปัจจุบันเนี่ย
    เราไม่ค่อยค้นพบการระบาดของโรคนี้แล้วนะ
  • 17:08 - 17:09
    แต่ถามว่ามีไหม ก็ยังมีค่ะ
  • 17:09 - 17:14
    อย่างรอบล่าสุดตอนปีค.ศ. 2009 เนี่ย
    ก็มีการระบาดของโรคนี้กลับมาอีกครั้งนะคะ
  • 17:14 - 17:15
    ในมณฑลชิงไห่ ประเทศจีนค่ะ
  • 17:15 - 17:18
    แต่ว่ารอบนี้ก็มีคนตายไปแค่
    ทั้งหมด 9 คนด้วยกันนะคะ
  • 17:18 - 17:20
    เพราะว่าเทคโนโลยีมันพัฒนาไปแล้วน่ะนะ
  • 17:20 - 17:22
    ส่วนในไทยเนี่ย นอกจากที่
  • 17:22 - 17:24
    เขาสันนิษฐานกันตอนต้นอยุธยาเนี่ยนะคะ
  • 17:24 - 17:26
    ก็ยังมีมาเรื่อยๆค่ะ
  • 17:26 - 17:28
    อย่างตอนในสมัยช่วงรัชกาลที่ 5 เนี่ยนะคะ
  • 17:28 - 17:31
    ก็มีบันทึกไว้ว่ามันมีการระบาดที่ซัวเถานะ
  • 17:31 - 17:33
    ดังนั้นไทยก็เลยมีการออกกฎประมาณว่า
  • 17:33 - 17:36
    ถ้ามีเรือเดินทางมาจากซัวเถา
    ห้ามจอดเทียบท่าที่ไทย
  • 17:36 - 17:38
    แต่การระบาดอย่างเป็นทางการในไทยเนี่ย
  • 17:38 - 17:41
    เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1904 ค่ะ
  • 17:41 - 17:42
    ถามว่าเกิดที่ไหน
  • 17:42 - 17:44
    เกิดขึ้นที่โกดังสินค้าตรงกรุงธนบุรีนะคะ
  • 17:44 - 17:46
    ก็มาจากพ่อค้าชาวอินเดียค่ะ
  • 17:46 - 17:49
    ซึ่งเขาเดินทางไปค้าขายที่บอมเบย์มา
  • 17:49 - 17:51
    พอไปค้าขายที่นั่นก็แพร่มาสู่ประเทศไทยค่ะ
  • 17:51 - 17:54
    และแน่นอนว่ามันก็จะต้อง
    แพร่กระจายจากกรุงธนบุรีนะคะ
  • 17:54 - 17:55
    ไปทั่วไปหมดเลยค่ะ
  • 17:55 - 17:56
    แต่ว่าในครั้งนั้นเนี่ย
  • 17:56 - 17:59
    ไม่ได้มีการบันทึกนะคะว่าเสียชีวิตไปเท่าไหร่
  • 17:59 - 18:01
    หลังจากครั้งนั้นก็ยังมีการระบาด
    มาอีกหลายครั้งนะคะ
  • 18:01 - 18:05
    ไม่ว่าจะเป็นปีค.ศ. 1913
    นี่ก็มีการระบาดที่นครปฐมค่ะ
  • 18:05 - 18:08
    รอบนั้นเนี่ยมีคนตายไปทั้งหมด 300 คนด้วยกันนะคะ
  • 18:08 - 18:11
    หลังจากปีค.ศ. 1913
    ก็มาระบาดอีกครั้งนึงค่ะก็คือ
  • 18:11 - 18:13
    ในปีค.ศ. 1952 นั่นเอง
  • 18:13 - 18:16
    และครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ
    ที่มีการบันทึกไว้ว่า
  • 18:16 - 18:18
    มีโรคนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยค่ะ
  • 18:18 - 18:21
    ก็มีคนป่วยแค่ 2 คน
    แล้วก็ตายไป 1 คนด้วยกันนะคะ
  • 18:21 - 18:25
    และทั้งหมดนี้นะคะก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ
    Black Death ที่วิวรวบรวมมาฝากทุกคนค่ะ
  • 18:25 - 18:27
    หลายๆครั้งเราจะเห็นว่า
  • 18:27 - 18:30
    คนเนี่ยบอกว่าเราต้องศึกษาประวัติศาสตร์
    เพื่อที่เราจะได้เห็นปัจจุบัน
  • 18:30 - 18:33
    เอาจริงๆเราในปัจจุบันที่
    อยู่ท่ามกลางโรค COVID-19
  • 18:33 - 18:34
    เราก็จะเห็นว่า
  • 18:34 - 18:38
    เฮ้ย มันดูเป็นไปได้ไหมที่มันจะหาย
    มันจะเป็นยังไง เป็นอะไรต่อไป
  • 18:38 - 18:39
    แต่ถ้าเราดูแพตเทิร์นกันดีๆเนี่ย
  • 18:39 - 18:43
    เราก็จะเห็นว่าเออ โรคระบาดในอดีต
    กับโรคระบาดในปัจจุบันเนี่ย
  • 18:43 - 18:45
    มันมีแพตเทิร์นที่ใกล้เคียงกันมากๆค่ะ
  • 18:45 - 18:49
    ก็คือเริ่มจากตอนที่ไม่เข้าใจ
    จนในที่สุดก็สามารถรักษาหายได้
  • 18:49 - 18:50
    แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างไปก็คือ
  • 18:50 - 18:53
    ปัจจัยต่างๆภายนอกที่มันแตกต่างกันไปค่ะ
  • 18:53 - 18:57
    ในสมัยโบราณเนี่ยมันอาจจะมี
    เทคโนโลยีอะไรต่างๆทางการแพทย์ที่แย่กว่า
  • 18:57 - 19:00
    ทำให้การรักษาเกิดขึ้นช้ากว่า
  • 19:00 - 19:02
    ทำให้คนตายมากกว่า
  • 19:02 - 19:03
    ปัจจุบันอาจจะรักษาได้เร็วกว่า
  • 19:03 - 19:06
    แต่สิ่งที่แตกต่างไปก็คือ
    ปัจจุบันเนี่ยเรามีการเดินทาง
  • 19:06 - 19:10
    ดังนั้นนี่ก็คือจุดที่แตกต่างกัน
    ระหว่างอดีตกับปัจจุบันนั่นเองค่ะ
  • 19:10 - 19:13
    เป็นยังไงบ้างคะดูคลิปนี้กันไปแล้ว
    มีความคิดเห็นอะไรยังไงบ้าง
  • 19:13 - 19:16
    เชื่อว่าวิวเนี่ยพูดข้ามๆไป
    อาจจะข้ามไปหลายประเด็นมากๆ
  • 19:16 - 19:19
    และหลายคนน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าวิวมากๆเลยนะคะ
  • 19:19 - 19:21
    ดังนั้นสามารถคอมเมนต์
    เพิ่มเติมให้วิวด้านล่างได้เลยค่ะ
  • 19:21 - 19:23
    ส่วนใครที่ชื่นชอบคลิปนี้นะคะอย่าลืม
  • 19:23 - 19:27
    กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
    กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
  • 19:27 - 19:29
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
  • 19:29 - 19:30
    บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
  • 19:30 - 19:32
    อะ คลิปนี้อาจจะมึนๆนิดนึงนะคะทุกคน
  • 19:32 - 19:36
    ถ้าใครตามโซเชียลมีเดียอื่นๆ
    ทั้งหมดทุกช่องทางของวิวเนี่ยจะเห็นว่า
  • 19:36 - 19:39
    คลิปนี้เป็นคลิปที่ประกอบไปด้วย
    วิบากกรรมจำนวนมากตั้งแต่
  • 19:39 - 19:42
    หนึ่ง จะอัดคลิปปุ๊บ
    ข้างบ้านเชิดสิงโตนะคะ
  • 19:42 - 19:44
    หลังจากนั้นก็อัดขึ้นมาได้แล้ว
  • 19:44 - 19:46
    สิ่งที่เกิดขึ้นคือลืมเปิดไมค์ค่ะ
  • 19:46 - 19:50
    วิวยืนพูดคนเดียวอยู่หน้ากล้องแบบไม่มีไมค์
    อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงด้วยกันนะคะทุกคน
  • 19:50 - 19:53
    ถ้ามีอะไรมึนๆไปบ้างก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะ
  • 19:53 - 19:54
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ
  • 19:54 - 19:56
    บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
Title:
Black Death โรคร้ายฆ่าคนตาย 25 ล้าน! | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
19:57

Thai subtitles

Revisions