-
ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นความตาย?
-
สวัสดีค่าวิว จากแชนแนล "Point of View" ค่ะ
-
น่ะใช่ไหมทำไมเราถึงไม่เคยเห็นความตาย เคยอยากรู้คำตอบของคำถามนี้กันไหม
-
เชื่อว่าไม่มีใครอยากรู้หรอก แล้วก็ไม่มีใครได้นึกถึงด้วยนะคะ
-
แต่พอถามขึ้นมาแล้วเนี่ย หลายคนก็อาจจะแบบคิดตาม
-
ประมาณว่า เอ๊ะ มันเป็นเรื่องไหนดีนะ เรื่องนั้น เรื่องนี้ เรื่องนู้น
-
แต่จริงๆแล้วนะคะ จะบอกว่าเรื่องราวในโลกใบเนี้ย มีคำอธิบาย มากมายหลากหลายเวอร์ชันเลยค่ะ
-
โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย
-
เพราะอะไรคะ เพราะว่าคนในสมัยโบราณเนี่ย เวลาที่เค้าไม่รู้อะไรสักอย่าง
-
หรือว่าเค้าเจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ หรือว่าเหตุการณ์อะไรที่ควบคุมไม่ได้เนี่ย
-
เค้าก็จะต้องพยายามแต่งนิทาน แต่งตำนาน แต่งอะไรมาเพื่ออธิบายเหตุสิ่งนั้นใช่มั้ยคะ
-
และแน่นอนค่ะ วันนี้วิวคงไม่ได้มาตอบแบบเป็นวิทยาศาสตร์หรอกว่า
-
เราไม่เคยเห็นความตายเพราะว่าความตายมันมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศ
-
อะไรอย่างงี้คงไม่มีนะคะ วิทยาศาสตร์ในทุกวันนี้คงหาคำตอบแบบนั้นไม่ได้นะคะ
-
ดังนั้นคำตอบของในวันนี้ จะมาเป็นนิทานอธิบายเหตุค่ะ
-
ซึ่งถ้าพูดถึงความตายเนี่ยต้องบอกว่าความตายก็เป็นเรื่องสากล
-
ดังนั้นเราทุกคนเราทุกคนก็ต้องตาย
-
ดังนั้นคนในสมัยโบราณชาติต่างๆก็พยายามอธิบายคำตอบของตัวเองแบบนั้น แบบนี้ แบบโน้นเต็มไปหมดใช่มั้ยคะ
-
ถ้าเราจะเล่าทุกเวอร์ชันมันคงมากเกินไปค่ะ นิทานในวันนี้ที่วิวจะนำว่าเล่าให้ทุกคนฟัง
-
ก็เลยเป็น คำตอบจากชาวเนปาลค่ะ
-
ซึ่งความเก๋ของชาวเนปาลคืออะไรคะ ชาวเนปาลอยู่ใกล้อินเดียใช่มั้ยคะ
-
ดังนั้นมีความเชื่อแบบฮินดูเข้าไปผสมด้วยนะคะ
-
เราก็จะเห็นเทพที่เราคุ้นเคยต่างๆเข้าไปอยู่ในเวอร์ชันนี้ค่ะ
-
อย่างไรก็ดีนะคะ เช่นเดิมค่ะเหมือนกับนิทาน ตำนานทั่วๆไป
-
นิทานพวกนี้ก็จะมีหลากหลายเวอร์ชันนะคะ รวมไปถึงนิทานของเนปาล(ขอโทษค่ะติดปากเลยพูดผิด)ที่วิวจะนำมาเล่า
-
เรื่องความตายในวันนี้ด้วยก็มีหลายเวอร์ชัน
-
แต่ละเวอร์ชันก็มีรายละเอียดปลึกย่อยต่างๆไม่เหมือนกันค่ะ
-
ใครอยากรู้ว่าวิวเอาเวอร์ชันไหนมาผสมกันบ้างก็ด้านล่างนี้เลยนะคะ วิวลงอ้างอิงไว้ให้แล้วค่ะ
-
สำหรับตอนนี้ พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุกและก็ได้สาระหรือยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
สาเหตุที่ทำให้เราไม่เคยเห็นความตายนะคะ เริ่มมาจากชายแก่คนนึงเท่านั้นค่ะ
-
ชายแก่คนนี้นะคะ เป็นชายแก่ยากจนที่อาศัยอยู่ในชนบทค่ะ
-
บ้านเนี่ยก็ยากจนมากๆ
-
เรียกได้ว่ายากจนข้นแค้นเลยนะคะ
-
ชีวิตนี่ลำบากสุดๆ เค้าดำรงชีพด้วยการตัดฟืนขายค่ะ
-
ซึ่งทุกวันเนี่ยเขาก็จะออกไปตัดฟืนๆๆแล้วก็แบกกลับบ้านมานะคะ
-
เอาไปขาย เอาไปทำนู่น ทำนี่ค่ะ
-
ทีนี้วันนึงค่ะ ชายแก่ก็เดินทางไปตัดฟืนตามปกตินะคะ
-
ระหว่างที่เขาตัดฟืนๆอยู่นั้นเนี่ย
-
เขาก็คิดได้ว่า เอ๊ะ! ทำไมเราถึงต้องใช้ชีวิตยากจนข้นแค้นแบบนี้ด้วยนะ
-
ถ้าเราตัดฟืนได้มากกว่าเดิม เราขนฟืนกลับบ้านมากกว่าเดิม
-
เราก็จะขายฟืนได้มากกว่าเดิมนี่นา
-
มันก็จะทำให้เรารวย!
-
รวย!
-
รวย แล้วก็รวย
-
เราก็จะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
-
ดังนั้นพอคิดได้แบบนั้นนะคะ ชายแก่ก็ตั้งหน้าตั้งตาค่ะ
-
ตัดฟืน ตัดๆๆๆๆๆ เรียกว่าสับยับเลยนะคะ
-
เสร็จแล้วก็เอากองฟืนทั้งหมดที่เยอะกว่าปกติหลายเท่าเนี่ย
-
แบกขึ้นบ่าค่ะ แล้วก็ออกเดินไป
-
ระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่นั้น
-
จำได้มั้ยคะว่าชายคนนี้เป็นชายอะไร
-
เค้าไม่ใช่ชายหนุ่มค่ะ เค้าเป็นชายแก่นะคะ
-
ดังนั้นนึกสภาพชายแก่ที่แบกฟืนกองใหญ่มาก
-
แล้วก็ใหญ่เกินกว่าปกติที่ตัวเองแบกทุกวัน
-
แล้วก็เป็นชายแก่ยากจนข้นแค้นที่สารอาหารอะไรต่างๆ ก็ไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว
-
ร่างกายอ่อนแอนะคะ ดังนั้นค่ะ
-
ระหว่างที่แบกๆ อยู่ ชายแก่ก็รู้สึกหมดแรงค่ะ
-
แล้วก็ ถึงขั้นที่ต้องวางฟืนเนี่ย แล้วก็นั่งพัก ดื่มน้ำอะไรต่างๆ
-
หลังจากที่พักผ่อนดื่มน้ำอะไรเสร็จนะคะ
-
ชายแก่ก็หยิบฟืนขึ้นมาทำท่าจะแบกต่อค่ะ
-
ปรากฎว่า ลุกไม่ขึ้น!
-
รู้สึกว่าแบบหมดแรงแล้วนะคะ
-
ดังนั้นค่ะชายแก่ก็รู้สึกตัดพ้อกับตัวเองมากๆ
-
ประมาณว่า อะไรกันเนี่ย ทำไมชีวิตเรามันถึงยากจนข้นแค้นขนาดนี้
-
แรงก็ไม่มีจะทำให้ตัวเองดีขึ้น
-
ชีวิตนี้มันไม่ยุติธรรมเลย
-
คนแบบเราเนี่ยนะ ต่อให้เราเรียกหาความตายเนี่ยนะ
-
ความตายก็ไม่มาหาเราหรอกมันสบายเกินไป
-
พอคิดจบเท่านั้นนะคะ อยู่ดีๆก็มีชายหนุ่มคนนึงค่ะ เดินเข้ามาหาคนแก่คนนี้ทันที แล้วก็บอกว่า
-
ฮัลโหลตา ตาเรียกฉันทำไมล่ะ
-
ต้องการอะไรหรอ
-
ฝั่งคนแก่นะคะ ก็งงค่ะ
-
นึกสภาพอยู่ดีๆก็มีเด็กคนนึงบอกว่า
-
เฮ้ย เรียกเราทำไมอะ
-
ฉันก็ไม่ได้เรียกใครนี่ ฉันก็ไม่ได้คุยกับใคร คิดอยู่ในหัวนะคะ
-
ดังนั้นชายแก่ก็เลยหันไปค่ะแล้วก็ถามชายหนุ่มคนนั้นว่า
-
ห้ะ เรียกอะไร ข้ายังไม่รู้จักเจ้าเลย ข้าจะไปเรียกเจ้าได้ยังไง
-
เฮ้ย เพี้ยนป่ะเนี่ยเราอะ ข้าไม่ได้เรียกๆ จะบ้าหรอ นะคะ
-
ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนั้นค่ะก็หันไปบอกชายแก่ว่า
-
ตาจะบอกว่าตาไม่ได้เรียกได้ไง ก็ฉันนี่แหละความตาย
-
ฉันคือเดท ฉันคือความตาย
-
ฉันนี่แหละคือคนที่มีหน้าที่คอยเก็บวิญญาณของคนนั้น คนนี้เวลาที่เขาสิ้นอายุขัยแล้ว
-
ตาเรียกฉันมาทำไมล่ะ
-
น่ะ เรียกหาความตาย ความตายก็มาหานะคะ
-
ถามว่าไอ้คนที่ชอบบ่นว่าแบบ
-
โอ้ย! อยากตายๆ
-
พอถึงเวลาตายจริงๆ อยากตายป่ะ
-
บอกเลยนะคะว่าคนบ่นส่วนใหญ่ไม่ได้อยากตายค่ะ
-
ดังนั้นตาคนนี้ก็ไม่ได้อยากตายเหมือนกัน
-
เค้าก็เลยแบบ อ้อ เรียกมาทำไมหรอ เรียกมา.. เรียกมา
-
แต่ตาก็คิดได้นะคะ ประมาณว่า
-
เอ้ แต่ความตายก็ไม่ได้บอกว่า จะมาเก็บเรานี่หน่า
-
เราก็ยังไม่สิ้นอายุขัยหรือเปล่าน้า
-
แต่เอ๊ะ! มันเป็นความตายจริงๆ หรือเปล่า
-
ชายแก่คนนั้นนะคะก็เลยหันกลับไปค่ะ แล้วก็ไปถามชายหนุ่มคนนั้นว่า
-
ไม่จริงอะ เจ้าอะนะความตายตัวจริง
-
อย่ามาหลอกข้าให้ยากเลย
-
ถ้าเป็นความตายตัวจริง พิสูจน์มาสิ
-
น่ะ ไปท้าเค้าอีก เดี๋ยวเค้าก็กระชากวิญญาณหลุดจากตัวเข้าให้หรอกนะ
-
ดังนั้นนะคะความตายก็มองไปรอบๆ ค่ะ
-
ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนนึงอาบน้ำอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น
-
ความตายเห็นแล้วล่ะว่า นี่ไง หมดอายุขัยพอดี
-
เจ้าดูให้ดีนะคุณตา
-
คุณตาดูให้ดีนะ เห็นผู้หญิงคนนั้นมั้ย ผู้หญิงคนนั้นเนี่ย
-
กำลังจะสิ้นอายุขัยตอนนี้แล้ว ดังนั้นข้าจะเก็บวิญญาณของเขาไป
-
ว่าแล้วนะคะ ความตายก็ดีดนิ้วค่ะ
-
พรึบ*เสียงดีดนิ้ว*
-
แล้วก็เสกให้ก้อนหินก้อนใหญ่มากก้อนนึงตกลงมาโดนผู้หญิงคนนั้นที่กำลังอาบน้ำ
-
ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่นะคะ
-
แล้วก็ตายไปตรงนั้นเลย
-
ดังนั้นตาแก่ตัดฟืนเนี่ยนะคะก็เลยเชื่อว่า
-
โอ้โฮ นี่คือความตายจริงๆ
-
เอาแล้วๆ ทำไงดีๆ
-
แต่เอ๊ะ! เค้าก็ไม่ได้บอกว่าเค้าจะมาเก็บวิญญาณเรานี่หน่า
-
แล้วเมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้น ก็ต้องหมดอายุขัยแล้ว อายุขัยเรายังไม่หมดหรอก
-
ดังนั้นนะคะพอความตายถามอีกรอบว่า
-
อ่ะ ตาเรียกฉันมาทำไมไหนบอกมาสิ
-
ตาแก่คนนี้นะคะก็เลยเกิดวุฒิปัญญาอะไรขึ้นมา
-
เกิดฉลาดขึ้นมาค่ะ
-
อ๋อ ข้าเรียกท่านเนี่ยมาช่วยข้าขนฟืน
-
คือข้าขนฟืนไม่ไหว เห็นมั้ยฟืนกองเบ้อเร่อเลย
-
ช่วยข้าขนหน่อยได้มั้ย
-
ซึ่งความตายนะคะค่อนข้างจะเป็นคนที่ใจดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใจดี
-
พอได้ยินแบบนั้นก็
-
อ้าวหรอ เรียกข้ามาช่วยขนฟืนหรอ อะได้ๆๆ เดี๋ยวข้าช่วยขนนะ
-
ว่าแล้วนะคะความตายก็หยิบฟืนทั้งหมดขึ้นมาค่ะ
-
แล้วก็เดินตามชายแก่คนนี้กลับบ้านไปนะคะ
-
ซึ่งพอไปถึงเนี่ยความตายก็ทำท่าจะบอกลาชายแก่ค่ะประมาณว่า
-
อ่ะ ข้าช่วยตาขนฟืนเสร็จแล้วนะ เดี๋ยวข้าไปก่อนนะ บ๊ายบายนะตา
-
ตาแก่คนนี้นะคะก็เลยหันไปถามความตายค่ะบอกว่า
-
เดี๋ยวๆๆ ท่านๆๆก่อนที่ท่านจะไปเนี่ยข้ามีคำถาม คำถามนึงจะถามท่านไว้ก่อน
-
ช่วยบอกข้าได้มั้ยว่า อายุขัยของข้าเนี่ย เหลืออีกกี่ปี
-
ข้าจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมวางแผนชีวิตอะไรต่างๆ
-
เพื่อที่จะละจากโลกนี้ไปนะคะ
-
ซึ่งความตายก็ใจดีอีกรอบค่ะ หันไปบอกชายแก่ว่า
-
อ๋อ อายุขัยของท่านหรอ
-
ข้าเล็งแล้วด้วยดวงตายมทูตที่ข้าแลกมาด้วยอายุขัยครึ่งนึง
-
อ่ะไม่ใช่ อันนี้เติมเอง อันนั้นเดทโน๊ต ไม่ใช่เรื่องของนิทานเนปาลนะคะ
-
กลับมาๆ
-
เอาเป็นว่าความตายเนี่ยก็ดูโน่นดูนี่แล้วก็บอกชายแก่คนนี้ไปว่า
-
ข้าเล็งมาแล้วนะ อายุขัยของเจ้าเนี่ยเหลือแค่ 5 ปีเท่านั้น
-
ใช้ให้คุ้มแล้วกันนะ
-
ว่าแล้วนะคะความตายก็ลาจากชายคนนั้นไปค่ะ
-
ชายแก่คนนี้นะคะหลังจากที่รู้ว่า
-
อายุขัยของตัวเองเหลือแค่ 5 ปี
-
เค้าก็วางแผนอย่างดีค่ะ ด้วยการเดินไปเดินมา
-
ในป่านะคะตามหาต้นไม้ ต้นที่ใหญ่ที่สุด
-
เรียกได้ว่าใหญ่มากๆใหญ่โตมโหฬารเลยนะคะ
-
เสร็จแล้วเค้าก็ทำการเจาะรูเข้าไปตรงต้นไม้ค่ะ
-
พอเจาะเสร็จเค้าก็ใช้เวลา 5 ปีนะคะ
-
ค่อยๆขุดรู ขุดๆๆๆด้านในต้นไม้ออกให้หมด
-
แล้วก็ทำเป็นห้องหาบต่างๆเรียกได้ว่าเป็นบ้านในต้นไม้นะคะ
-
เป็นบ้านที่สวยงามอลังการมาก แล้วก็มีหลากหลายชั้นเลยค่ะ
-
มีชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่
-
คือชั้นเยอะมากข้างในสลับซับซ้อนตกแต่งประดับอย่างสวยงามมากๆ
-
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปเอาฝีมือและทรัพยากรในการทำมาจากไหน
-
ถ้าทำได้ขนาดนี้ก็ทำบ้านขายตั้งแต่แรก
-
น่าจะไปเป็นชายแก่จนๆไปแล้วน่าจะรวยไปแล้วนะ
-
อย่างไรก็ตามนี่คือการนอกเรื่องค่ะ
-
ชายแก่คนนี้ก็ทำบ้านจนเสร็จสมบูรณ์นะคะ
-
เสร็จแล้วก็ทำประตูปิดบ้านค่ะ
-
ซึ่งประตูเนี้ยเป็นประตูที่แข็งแรงมากๆนะคะ
-
เรียกได้ว่าถ้าปิดปุ๊บ
-
ล็อคปั๊บ
-
เนี่ยไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมาได้เลยค่ะ
-
จนกระทั่งในที่สุดนะคะ
-
จนเวลา 5 ปีก็ผ่านพ้นไปค่ะ
-
ความตายก็มาเยือนชายแก่คนนี้อีกรอบนึง แล้วก็โผล่มากทักทายประมาณว่า
-
อ้าวตา เป็นไงบ้าง นี่ถึงเวลาที่เรานัดกันแล้วนะเนี่ย 5 ปีผ่านไป
-
วันนี้แหละคือวันตายของตา ฉันมารับวิญญาณของตาแล้ว
-
ตามีอะไรจะสั่งเสียก่อนจากไปมั้ย
-
ซึ่งตาแก่คนนี้นะคะด้วยความที่สนิทกับความตาย
-
ก็หันไปบอกว่า
-
นี่ท่าน ท่านรู้มั้ยว่า 5 ปีที่ผ่านมา
-
ข้าใช้เวลาทำอะไร
-
ข้าใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเลิศชิ้นนึงในชีวิตของข้านะ
-
เป็นบ้านในต้นไม้ที่สลับซับซ้อนสวยงามมากๆ
-
ก่อนที่ข้าจะตายเนี่ย ข้าอยากอวดให้ท่านเห็น
-
ไปเที่ยวบ้านข้าก่อนมั้ย
-
ความตายนะคะก็พาซื่อค่ะ ประมาณว่า
-
อ้าวหรอตาๆ ตาสร้างจริงหรอ สวยจริงหรอ ไหนๆพาข้าไปดูหน่อย
-
ตาแก่คนนี้นะคะก็เลยพาความตายไปที่ต้นไม้ที่ตัวเองสร้างไว้ค่ะ
-
แล้วก็พาขึ้นไปในห้องที่หนึ่ง อู้ว ห้องที่หนึ่งตกแต่งสวยงาม
-
อู้ว ห้องที่สองตกแต่งสวยงาม
-
ความตายกับตาแก่นะคะก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงชั้นบนสุดค่ะ
-
พอไปถึงปุ๊บอยู่ดีๆ ตาแก่ก็บอกว่า
-
โอ๊ะเดี๋ยวๆ ห้องนี้มันสลับซับซ้อนมากท่านเห็นมั้ย
-
ตกแต่งสวยงาม
-
ท่านดูไปก่อนแปบนึงนะ
-
คือข้าลืมสร้างห้องน้ำอะ
-
แต่ตอนนี้ข้าปวดฉี่มากเลย
-
ขอลงไปฉี่ข้างล่างแปบนึง
-
เดี๋ยวไปฉี่ในบ้านมันเลอะเทอะนะ
-
ความตายนะคะก็เลยรอชายแก่คนนั้นอยู่ในห้องนั้นค่ะ
-
ในขณะที่ชายแก่คนนี้รีบวิ่งลงมาด้านล่างเลยนะคะ
-
ออกจากบ้านต้นไม้ค่ะ
-
แล้วก็ปิดประตู ปึ้งง!*เสียงปิดประตู*
-
แล้วก็ล็อคทันทีนะคะ
-
ขังความตายไว้ในบ้านนั้นค่ะ
-
ซึ่งก็แน่นอนว่าความตายก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นไม่ได้นะคะ
-
ก็ไม่รู้ว่าทำไมความตายกระจอกขนาดนี้ในเวอร์ชันนี้แต่ว่า
-
ความตายตนนี้ก็ล็อคขังอยู่ในบ้านนั้นค่ะ
-
ผลกระทบที่ความตายโดนขังเนี่ยนะคะ
-
ทำให้โลกของเราเนี่ยเสียสมดุลค่ะ
-
เพราะว่าสัตว์ต่างๆก็เกิดขึ้นมา มนุษย์เกิดขึ้นมา
-
ประชากรต่างๆล้นโลกไปหมดเลยนะคะ
-
ไม่มีใครเจอกับความตาย
-
ทุกคนก็เกิดๆๆๆแต่ไม่มีใครตายค่ะ
-
จนกระทั่งเวลาผ่านไปแปบนึงนะคะ
-
แน่นอนว่าประชากรล้นโลกแต่สิ่ที่ไม่ได้เพิ่มตามประชากรก็คือ
-
อาหารและทรัพยากรธรรมชาตินั่นเอง
-
ดังนั้นตอนนี้โลกวุ่นวายไปหมดนะคะ
-
ดังนั้นพวกประชากรต่างๆ ก็เลยจำเป็นจะต้องไปฟ้องเทพเจ้าองค์นึงค่ะ
-
ประมาณว่า
-
เฮ้ยไม่ได้แล้วท่านต้องมาจัดการแล้ว
-
คิดว่าเขาจะไปฟ้องเทพเจ้าองค์ไหนกันคะ
-
เดากันได้มั้ย
-
บอกเลยว่า
-
เดาไม่ถูกหรอกค่ะเพราะว่า
-
เท่าที่วิวไปอ่านมาเนี่ย 2 เวอร์ชันบอกไม่เหมือนกันนะคะ
-
เวอร์ชันนึงก็บอกว่าไปฟ้องพระนารายณ์นะคะ พระวิศณุนั่นเอง
-
ส่วนอีกเวอร์ชันนึงเนี่ย
-
บอกว่าไปฟ้องพระศิวะ
-
เพราะว่าพระศิวะเนี่ยเป็นเจ้าแห่งความตาย
-
ตามความเชื่อฮินดู
-
อย่างไรก็ตามเป็นเทพองค์ไหนไม่สำคัญค่ะ
-
เพราะว่าแอคชันของทั้งสององค์เนี่ยเหมือนกันเป๊ะเลย
-
คือทั้งสององค์เนี่ยนะคะก็ลงมาในโลกค่ะ
-
แล้วก็มาสำรวจว่า
-
เอ๊ะ ความตายอยู่ที่ไหน ความตายหายไปไหนนะคะ
-
แล้วก็ได้รู้ว่า
-
อ๋อ ไอคุณตาคนเนี้ยมันไปล็อคความตายขังไว้ในบ้าน
-
แล้วก็เก็บกุญแจไว้กับตัว
-
ดังนั้นนะคะ อะเราสมมุติว่าเป็นพระศิวะละกันนะ
-
ขอโทษเวอร์ชันพระนารายณ์ด้วยนะ เก็บเวอร์ชันพระนารายณ์ไป
-
พระศิวะนะคะก็เลยมาเยี่ยมคุณตาคนนี้ที่บ้านค่ะ
-
ซึ่งตอนนี้คุณตาคนนี้แก่มากแล้วนะคะ
-
แก่งอม เรียกได้ว่าแก่จนถึงขั้นที่ว่าตัวเองก็อยากตายแล้วแหละ
-
แต่ว่าป่วยหนัก จนไม่สามารถลุกขึ้นไปปล่อยความตายจากบ้านต้นไม้ได้ค่ะ
-
คือจริงๆคุณตาเนี่ยไม่ได้ตั้งใจจะขังความตายไว้นานขนาดนั้นหรอก
-
แต่ว่าตัวเองน่ะลุกไม่ไหวแล้วนะคะ
-
ดังนั้นพระศิวะนะคะก็เลยลงมาละก็มาบอกว่า
-
อ่ะตา ตาจะต้องไปปล่อยความตายมาแล้วนะ
-
ไม่งั้นคนอื่นก็จะตายไม่ได้ รวมถึงตาเองด้วยเนี่ยไม่ได้ตาย ทรมาณมั้ย เห็นมั้ย
-
แต่คุณตาคนนี้ก็หันไปบอกพระศิวะบอกว่า
-
ท่านๆ ข้าเนี่ยก็อยากไปปล่อยความตายเหมือนกัน
-
ข้าไม่ไหวแล้วข้าอยากตายแล้วเนี่ย
-
แต่ว่าข้าลุกไม่ขึ้น ทำยังไงดี
-
ดังนั้นนะคะพระศิวะก็เลยให้พรชายคนนี้ค่ะบอกว่า
-
อ่ะ ขอให้เจ้ามีพลังชีวิตขึ้นมาอีกหนึ่งเฮือก
-
ปิ๊งง! ชายแก่คนนึงก็เลยมีพลังชีวิตขึ้นมาค่ะ
-
แล้วก็ลุกไปเปิดประตูนะคะ
-
ปล่อยความตายออกมาในที่สุดค่ะ
-
หลังจากที่ปล่อยความตายออกมาค่ะ
-
ปรากฏว่า
-
ความตายนะคะโดนขังอยู่ในบ้านต้นไม้เป็นระยะเวลาหลายปีเหมือนกันนะคะ
-
ก็รู้สึกหมดpassion
-
หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ประมาณว่า
-
ฉันโดนขังอยู่ตั้งหลายปี
-
ไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน
-
ทำไมฉันถึงเป็นความตายที่โง่ขนาดนี้
-
ทำไมฉันถึงยอมให้ชายแก่คนนึงหลอกฉันได้
-
เสียแรงที่ฉันเป็นความตาย
-
ดังนั้นพระศิวะจะบอกว่า
-
ให้ความตายเนี่ยออกไปทำงาน
-
ที่ตัวเองต่อความตายก็บอกว่า
-
ไม่ ข้าหมด passion ในการใช้ชีวิตแล้ว
-
ข้าไม่อยากออกไปทำงานอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
-
ไม่ๆๆๆ
-
ดังนั้นนะคะพระศิวะก็เลยหันมาตกลงกับความตายค่ะ
-
ประมาณว่า
-
ช่วยด้วยเถอะตอนนี้โลกเราวุ่นวายไปหมดแล้ว
-
ท่านต้องออกไปทำหน้าที่ต่อแล้วนะ
-
ซึ่งความตายนะคะก็เลยบอกว่า
-
อะๆๆ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่โลกใบนี้
-
ข้าออกไปไล่เก็บวิญญาณคนต่อก็ได้
-
แต่ว่า
-
ข้ามีเงื่อนไขข้อนึงที่จะขอท่าน
-
เงื่อนไขข้อนั้นก็คือ
-
เรื่องราวทั้งหมดเนี่ยเกิดขึ้นเพราะ
-
ความใจดีของข้าและเกิดขึ้นเพราะว่า
-
คนเนี่ยเห็นตัวข้า
-
ดังนั้นหลังจากเนี่ย
-
ขอให้ไม่มีใครเห็นตัวข้าอีกตอนที่ข้าไปเก็บวิญญาณ
-
คนนั้นคนนี้
-
มันจะได้ไม่ต้องมีความผูกพัน
-
ไม่ต้องมาขอนู่นขอนี่อะไร
-
เก็บวิญญาณปุ๊บก็ไปเลยตายเลยเท่านั้นนะคะ
-
ซึ่งพระศิวะก็ตกลงค่ะ
-
ดังนั้นความตายนะคะก็เลยออกไปไล่เก็บวิญญาณ
-
ของคนและสัตว์ต่างๆ
-
ทั่วโลก แล้วก็ทำให้โลกนี้กลับมาสมดุล
-
อีกครั้งค่ะ
-
และนิทานเรื่องนี้นะคะก็คือสาเหตุที่ทำให้เรามองไม่เห็นความตายนั่นเองค่ะ
-
เป็นไงบ้างนิทานเนปาล
-
สนุกมั้ยคะ
-
ถ้าใครชื่นชอบเรื่องนี้นะคะ
-
อย่าลืมกด like เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็กด share เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
ขึ้นชื่อว่านิทายอธิบายเหตุนะคะ
-
บอกเลยว่าไม่ได้มีแค่เรื่องความตายค่ะ
-
มีอีกหลากหลายเรื่องเลยแล้วแต่ละเรื่องของแต่ละประเทศ
-
เนี่ยนะคะ บอกเลยว่าแซ่บพอกันหมดค่ะ
-
แต่ละประเทศนี่จินตนาการสูงส่งจริงๆ
-
ดังนั้น ถ้ามีโอกาสเดี๋ยววันหลังวิวจะมาเล่าเรื่องอื่นให้ฟังอีกนะคะ
-
วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันค่ะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ