< Return to Video

เปิบพิสดาร! หัวใจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 | Point of View

  • 0:00 - 0:04
    คิดว่า เนื้ออะไรคือ เนื้อที่แปลกที่สุดที่คนเราจะไปหามากินได้คะ?
  • 0:04 - 0:07
    บอกเลยว่า เรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ แปลกสุดๆ แน่ๆ ค่ะ
  • 0:07 - 0:09
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:09 - 0:11
    สำหรับใครที่ดูวิดีโอนี้นะคะ
  • 0:11 - 0:14
    แล้วรู้สึกว่า หน้าตาวิวดูง่วงๆ ดูตาจะปิดแล้ว
  • 0:14 - 0:15
    แต่ว่าดูตื่นเต้นมากๆ เนี่ย
  • 0:15 - 0:17
    ขอบอกเลยว่า มีสาเหตุค่ะ
  • 0:17 - 0:20
    เพราะว่าตอนนี้นะคะ คือเวลาประมาณตีสามค่ะทุกคน
  • 0:20 - 0:24
    แต่ว่า วิวเพิ่งจะไปอ่านเรื่องราวๆ นึงมานะคะ แล้วรู้สึกว่า
  • 0:24 - 0:26
    มันพี้คมาก มันพี้คในทุกแง่มุม
  • 0:26 - 0:28
    แบบไม่รู้จะพี้คในแง่มุมไหนแล้วนะคะ
  • 0:28 - 0:31
    เรียกได้ว่า อ่านแล้วตะลึงอ่ะ ช็อคไปหมดเลยนะคะ
  • 0:31 - 0:35
    ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่า ทนไม่ได้แล้ว ต้องเอามาเล่าให้ทุกคนฟังในเวลานี้เลยค่ะ
  • 0:35 - 0:38
    บอกเลยนะคะว่า เรื่องราวนี้พี้คมากๆๆๆ จริงๆ
  • 0:38 - 0:41
    พี้คจนวิวไม่รู้จะโฆษณาเรื่องราวนี้ยังไงเลยอ่ะ
  • 0:41 - 0:44
    ว่าแบบ เฮ้ย มาฟังเถอะ มันน่าสนใจไปในทุกแง่มุมเลยนะคะ
  • 0:44 - 0:46
    ดังนั้นเราไม่ต้องเวิ่นเว้อเกริ่นกันมากค่ะ
  • 0:46 - 0:47
    เดี๋ยวเราไปฟังกันเลยดีกว่า
  • 0:47 - 0:49
    แต่ก่อนอื่นนะคะ สัญญากับวิวก่อนว่า
  • 0:49 - 0:51
    ถ้าสมมติว่า ฟังเรื่องราวนี้ไปแล้วเนี่ย
  • 0:51 - 0:54
    รู้สึกว่า มันพี้คสมกับที่วิวโฆษณาไว้จริงๆ
  • 0:54 - 0:56
    อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆ ฟังกันด้วยนะคะว่า
  • 0:56 - 0:58
    เฮ้ย มันพี้คจริงๆ ทุกคน
  • 0:58 - 1:00
    กรุณามาฟัง เรื่องนี้อยากให้ทุกคนรู้จริงๆ ค่ะ
  • 1:00 - 1:01
    และนอกจากนี้นะคะ
  • 1:01 - 1:05
    ถ้าฟังเรื่องราวนี้แล้ว รู้สึกว่า อยากฟังเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้อีก
  • 1:05 - 1:06
    ก็อย่าลืม subscribe ช่อง Point of View
  • 1:06 - 1:08
    กดติดตามแฟนเพจ Point of View
  • 1:08 - 1:11
    หรือว่า จะติดตามวิวในช่องทางอื่นๆ ที่ขึ้นไว้ให้ ก็ได้เช่นกันค่ะ
  • 1:11 - 1:15
    สำหรับตอนนี้ พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ?
  • 1:15 - 1:17
    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:21 - 1:23
    เรื่องราวพี้คๆ ที่วิวจะเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้นะคะ
  • 1:23 - 1:24
    เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนึงค่ะ
  • 1:24 - 1:26
    ชื่อว่า Dr.William Buckland นะคะ
  • 1:26 - 1:29
    Dr.William Buckland คนนี้ เค้าเป็นหลายอย่างมากๆ เลยค่ะ
  • 1:29 - 1:31
    คืออาชีพของเค้าเนี่ยเป็นทั้งนักธรณีวิทยา
  • 1:31 - 1:34
    นักบรรพชีวินวิทยา
  • 1:34 - 1:36
    หรือว่าคนที่ศึกษาพวกฟอสซิลอะไรต่างๆ อ่ะนะ
  • 1:36 - 1:39
    ที่หมายถึงพวกพืช แล้วก็สัตว์ที่กลายเป็นหินใช่ไหมคะ?
  • 1:39 - 1:40
    เวลาผ่านมาหลายล้านปี
  • 1:40 - 1:43
    นอกจากนี้เค้าก็ยังเป็นอาจารย์ แล้วก็เป็นนักบวชอีกด้วยค่ะ
  • 1:43 - 1:45
    เรียกได้ว่า เค้าทำอาชีพหลากหลายจริงๆ นะ
  • 1:45 - 1:48
    แล้วแต่ละอาชีพ ก็เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติมากๆ ค่ะ
  • 1:48 - 1:50
    ทีนี้ถามว่า เค้าเป็นใคร? มาจากไหน? นะคะ
  • 1:50 - 1:51
    กว่าที่เค้าจะมาเป็นทั้งหมดนี้
  • 1:51 - 1:55
    เค้าเนี่ยเป็นเด็กคนนึงค่ะ ที่เกิดที่เมืองเดวอน ประเทศอังกฤษนะคะ
  • 1:55 - 1:56
    เมื่อปี 1784 ค่ะ
  • 1:56 - 1:57
    ทีนี้ตั้งแต่เด็กนะคะ
  • 1:57 - 2:00
    เค้าก็เริ่มฉายแววแล้วว่า เค้าเป็นเด็กที่เก่งมากๆ ค่ะ
  • 2:00 - 2:02
    ก็สนใจศึกษาหาความรู้ต่างๆ
  • 2:02 - 2:03
    แล้วก็เรียนเก่งมากๆ เลยนะ
  • 2:03 - 2:06
    ที่สำคัญค่ะ บริเวณแถวๆ บ้านเค้าที่เดวอนเนี่ย
  • 2:06 - 2:08
    มันเป็นแหล่งที่มีการค้นพบฟอสซิลอยู่แล้วนะคะ
  • 2:08 - 2:11
    ซึ่งทำให้เค้าเนี่ย สนใจเรื่องราวฟอสซิลตั้งแต่เด็กค่ะ
  • 2:11 - 2:12
    ดังนั้นตั้งแต่เด็กนะคะ
  • 2:12 - 2:16
    งานอดิเรกของเค้าเนี่ยก็คือ การตามพ่อไปเที่ยว road trip ที่ต่างๆ ค่ะ
  • 2:16 - 2:18
    ซึ่งพ่อเค้าก็จะขับรถพาไปเที่ยวนู่นนี่นั่นนะคะ
  • 2:18 - 2:23
    ส่วนตัวเค้าเนี่ยก็จะไปไล่เก็บพวกฟอสซิล หรือว่าอะไรต่างๆ เนี่ยมาเป็นของสะสมค่ะ
  • 2:23 - 2:26
    ก็ฟอสซิล จริงๆ มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นฟอสซิลแบบจริงจังขนาดนั้น
  • 2:26 - 2:29
    ในอังกฤษบางทีมันก็มีพวกเศษซากหอยอะไรอย่างงี้
  • 2:29 - 2:30
    ที่มันกลายเป็นหินอะไรอย่างงี้นะคะ
  • 2:30 - 2:33
    ที่นี้ ต้องบอกว่า เค้าเนี่ยเรียนเก่งมากๆ นะคะ
  • 2:33 - 2:34
    เพราะว่าในปี 1801 ค่ะ
  • 2:34 - 2:37
    เค้าก็ได้ทุนนะคะ จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดค่ะ
  • 2:37 - 2:40
    ให้เข้าไปศึกษาอยู่ใน Corpus Christi College นะคะ
  • 2:40 - 2:41
    ใน Oxford ค่ะ
  • 2:41 - 2:45
    และเค้าเนี่ยถือว่าเป็น นักธรณีวิทยาคนแรกของ Oxford เลยทีเดียวนะคะ
  • 2:45 - 2:48
    ทีนี้หลังจากที่เค้าเข้าไปศึกษาได้ประมาณปีสองปีค่ะ
  • 2:48 - 2:49
    เค้าก็เรียนจบนะ
  • 2:49 - 2:50
    แล้วพอเรียนจบออกมาเนี่ย
  • 2:50 - 2:52
    ด้วยความที่เค้าเก่งมากๆ นะคะ
  • 2:52 - 2:55
    เค้าก็เลยได้มีโอกาส เข้าไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน Oxford นี่แหละค่ะ
  • 2:55 - 2:58
    ซึ่งบอกเลยนะคะว่า เทคนิคการสอนของเค้าเนี่ย
  • 2:58 - 3:01
    มีชื่อเสียงมากๆ แล้วก็โดดเด่นไม่แพ้ใครเลยค่ะ
  • 3:01 - 3:04
    เพราะว่าเค้าเนี่ยเป็นคนที่ชอบตะโกนถามคำถามนักศึกษานะคะ
  • 3:04 - 3:07
    ประมาณว่าแบบ เฮ้ย ตอบมาเดี๋ยวนี้ อันนี้คือกะโหลกของอะไร?
  • 3:07 - 3:11
    แล้วก็เอากะโหลกสัตว์ เช่นแบบ กะโหลกไฮยีน่าเนี่ย ไปแกว่งๆๆ นะคะ
  • 3:11 - 3:13
    ใส่หน้านักศึกษาค่ะ
  • 3:13 - 3:15
    ทำให้เค้าเนี่ย ค่อนข้างจะโดดเด่นมากเลยทีเดียวนะ
  • 3:15 - 3:17
    ซึ่งหลังจากที่เค้าเริ่มอาชีพอาจารย์แล้วเนี่ยนะคะ
  • 3:17 - 3:20
    ก็ต้องบอกเลยว่า ในปีเดียวกัน เค้าก็บวชเป็นนักบวชด้วยนะ
  • 3:20 - 3:23
    เพราะว่าใน Oxford เนี่ย มันก็มีโบสถ์ มีอะไรอยู่ด้วยนะ
  • 3:23 - 3:26
    ในสมัยก่อนมันไม่ค่อยแยกกันระหว่างศาสนจักรกับการศึกษา
  • 3:26 - 3:27
    ก็คล้ายๆ ไทยนี่แหละค่ะ
  • 3:27 - 3:30
    เวลาจะเรียนอะไรก็ต้องไปอยู่ในวัด อยู่ในโบสถ์ ว่าอย่างนั้นเถอะ
  • 3:30 - 3:32
    นอกจากนี้เนี่ยนะคะ ก็ต้องบอกว่า
  • 3:32 - 3:36
    เค้าเนี่ย ไต่เต้าตำแหน่งอาชีพของเค้าขึ้นไปได้เรื่อยๆๆ เลยค่ะ
  • 3:36 - 3:40
    ซึ่งในตอนท้ายๆ เนี่ย เค้าถึงขั้นที่ว่า เค้าได้ไปสอนที่ Christ Church ด้วยนะ
  • 3:40 - 3:41
    จำได้ไหมคะ Christ Church College?
  • 3:41 - 3:43
    เป็น college สำคัญมากๆ ใน Oxford เนอะ
  • 3:43 - 3:44
    เราพูดถึงกันไปหลายคลิปแล้ว
  • 3:44 - 3:47
    ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ 6
  • 3:47 - 3:49
    ในเรื่องตามติ่งแฮรี่ หรือในที่ต่างๆ นะ
  • 3:49 - 3:50
    เท่านั้นยังไม่พอนะคะ
  • 3:50 - 3:52
    ต้องบอกว่า อาชีพสุดท้ายของเค้าเนี่ย
  • 3:52 - 3:54
    เค้าเป็นถึงอธิการบดีนะคะ
  • 3:54 - 3:57
    หรือว่า dean ของ Westminster College ใน Oxford เลยทีเดียวนะ
  • 3:57 - 4:00
    ก็เรียกได้ว่า ตำแหน่งใหญ่มากเลยทีเดียวค่ะ
  • 4:00 - 4:03
    ทีนี้ถามว่า เค้าไปทำอะไรมา ทำไมเค้าถึงได้ตำแหน่งใหญ่ขนาดนี้นะ?
  • 4:03 - 4:05
    ก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตค่ะ
  • 4:05 - 4:09
    ที่บอกว่า เค้ามีงานอดิเรกในการสะสมซากฟอสซิลต่างๆ เนี่ย
  • 4:09 - 4:10
    เค้าไม่ได้หยุดสะสมแค่นั้นค่ะ
  • 4:10 - 4:15
    คือยิ่งโตขึ้นเนี่ย เค้าก็ยิ่งสะสมซากฟอสซิลมากขึ้นๆ นะคะ
  • 4:15 - 4:18
    จนกระทั่ง มันไม่ใช่แค่ฟอสซิลพืชและสัตว์ทั่วไปแล้วไง
  • 4:18 - 4:21
    เค้าไปสะสมถึงขั้นแบบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์เลยนะคะ
  • 4:21 - 4:23
    ซึ่งต้องบอกว่า ในยุคสมัยของเค้าเนี่ย
  • 4:23 - 4:25
    มันยังไม่มีคำว่า ไดโนเสาร์เกิดขึ้นค่ะ
  • 4:25 - 4:27
    ทีนี้ นี่แหละคือ งานที่เด่นที่สุดของเค้านะคะ
  • 4:27 - 4:28
    ในด้านดีๆ
  • 4:28 - 4:30
    เน้นอีกครั้งว่า ในด้านดีๆ
  • 4:30 - 4:33
    ต้องบอกว่า มนุษย์เราเนี่ย มีการค้นพบซากกระดูกไดโนเสาร์เนี่ยนะคะ
  • 4:33 - 4:35
    มาประมาณเป็นพันปีแล้วแหละ
  • 4:35 - 4:37
    ชาวจงชาวจีน ชาวอะไรขุดดินลงไป
  • 4:37 - 4:38
    เค้าก็เจอซากไดโนเสาร์กันทั้งนั้น
  • 4:38 - 4:41
    แต่พอเจอแล้วเนี่ย เค้าไม่รู้ว่า มันคือสัตว์ชนิดไหนค่ะ
  • 4:41 - 4:43
    ดูมาแล้วเนี่ย เอ๊ะ จะเป็นกระดูกช้างก็ไม่ใช่
  • 4:43 - 4:45
    กระดูกอะไรก็ไม่ใช่
  • 4:45 - 4:49
    ดังนั้นนะคะ ในแต่ละประเทศก็เลยมีการจินตนาการในรูปแบบของตัวเองค่ะว่า
  • 4:49 - 4:52
    ไอ้เศษซากที่ไปขุดเจอเนี่ย คือเศษซากของอะไร
  • 4:52 - 4:53
    ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศจีนนะคะ
  • 4:53 - 4:56
    ก็เอาไปจินตนาการค่ะว่า อ่อ มันเป็นมังกร
  • 4:56 - 4:57
    เป็นมังกรยาวๆ อย่างนี้นะ
  • 4:57 - 5:00
    มีเขาเหมือนกิเลน มีหางเหมือนปลา อะไรอย่างนี้
  • 5:00 - 5:02
    ส่วนในไทย คิดว่าเป็นอะไร?
  • 5:02 - 5:03
    คิดว่าเป็นงูขนาดใหญ่ค่ะ
  • 5:03 - 5:06
    นั่นก็คือ พญานาค นั่นเอง
  • 5:06 - 5:09
    ส่วนฝั่งยุโรปนี่ก็ชัดเจนนะคะว่า ไปจินตนาการว่าเป็นมังกร
  • 5:09 - 5:11
    แบบมีปีก บินพับๆ แล้วก็พ่นไฟได้ค่ะ
  • 5:11 - 5:13
    ทีนี้ที่ผ่านมา หนึ่งพันปีที่ผ่านมาเนี่ย
  • 5:13 - 5:17
    ค้นพบมันก็จะอยู่ในรูปแบบตำนงตำนานอะไรอย่างนี้ใช่ไหม?
  • 5:17 - 5:19
    แต่ในช่วงเวลาของคุณ Buckland นี่อ่ะค่ะ
  • 5:19 - 5:22
    มันมีการค้นพบซากไดโนเสาร์นะคะ ในประเทศอังกฤษค่ะ
  • 5:22 - 5:24
    เมื่อปี 1822 นะคะ มีนักธรณีวิทยาคนนึงค่ะ
  • 5:24 - 5:25
    เป็นชาวอังกฤษเนอะ
  • 5:25 - 5:27
    ชื่อว่า Gideon Mantell ค่ะ
  • 5:27 - 5:29
    เค้าเนี่ยไปขุดค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ขึ้นมานะคะ
  • 5:29 - 5:32
    ทีนี้เค้าก็เริ่มเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาจับกับสิ่งนี้แล้วค่ะ
  • 5:32 - 5:36
    เค้าก็จินตนาการว่า เอ๊ ไอ้สิ่งนี้มันน่าจะเป็นอิกัวน่าขนาดยักษ์นะ
  • 5:36 - 5:38
    เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครคิดขึ้นมาว่า
  • 5:38 - 5:40
    ในสมัยก่อนที่จะเป็นยุคสมัยของมนุษย์เนี่ย
  • 5:40 - 5:43
    มันจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ไดโนเสาร์ ขึ้นมาค่ะ
  • 5:43 - 5:45
    ดังนั้นนะคะ เค้าก็จินตนาการขึ้นมาว่า
  • 5:45 - 5:47
    อ่อ นี่มันน่าจะเป็นอิกัวน่ายักษ์แน่ๆ เลย
  • 5:47 - 5:50
    ดังนั้นนะคะ ไดโนเสาร์พันธุ์แรกของโลกที่มีการค้นพบเนี่ย
  • 5:50 - 5:52
    ก็เลยชื่อว่า Iguanodon นั่นเองค่ะ
  • 5:52 - 5:56
    หลังจากนั้น 2 ปีนะคะ ก็มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์อีกเซ็ตนึงค่ะ
  • 5:56 - 5:58
    ซึ่งในคราวนี้ คุณ Buckland ของเราเนี่ยนะ
  • 5:58 - 6:00
    คนที่เป็นพระเอกของเราเนี่ย
  • 6:00 - 6:02
    เค้าก็ไปร่วมการค้นพบอะไรอย่างนี้ด้วย
  • 6:02 - 6:04
    แล้วเค้าก็เป็นคนแรกในโลกนะคะ
  • 6:04 - 6:08
    ที่ตัดสินใจเขียน article เกี่ยวกับไดโนเสาร์เนี่ย
  • 6:08 - 6:10
    อย่างเป็นทางการในด้านวิทยาศาสตร์ค่ะ
  • 6:10 - 6:12
    ดั้งนั้นกระดูกไดโนเสาร์พันธุ์นั้นนะคะ
  • 6:12 - 6:15
    ก็เลยได้ชื่อว่า Megalosaurus Bucklandii นั่นเองค่ะ
  • 6:15 - 6:16
    ก็เป็นเกียรติให้กับเค้านะคะ
  • 6:16 - 6:22
    ในฐานะคนแรกที่ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวไดโนเสาร์ในฐานะบทความทางวิทยาศาสตร์ค่ะ
  • 6:22 - 6:23
    หลังจากยุคของสองคนนี้นะคะ
  • 6:23 - 6:26
    ก็จะมีการขุดค้นพบเศษซากของไดโนเสาร์อีกมากมายนะ
  • 6:26 - 6:29
    จนกระทั่งนำไปสู่การบัญญัติศัพท์ คำว่า dinosaur
  • 6:29 - 6:31
    ซึ่งกลายมาเป็นคำว่า ไดโนเสาร์ ในที่สุดค่ะ
  • 6:31 - 6:34
    แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่เราจะเล่าเนอะ
  • 6:34 - 6:35
    กลับมาที่คุณ Buckland ของเราค่ะ
  • 6:35 - 6:38
    ผลงานครั้งนี้นะคะ ที่เค้าได้ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์เนี่ย
  • 6:38 - 6:40
    เป็นคนแรกของโลก
  • 6:40 - 6:41
    เค้าก็เลยได้รับเหรียญตรานะคะ
  • 6:41 - 6:43
    ถึง 2 เหรียญด้วยกันค่ะ
  • 6:43 - 6:45
    ก็คือเหรียญรางวัล Copley นะคะ
  • 6:45 - 6:48
    ซึ่งเป็นเหรียญที่แบบมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของอังกฤษนะ
  • 6:48 - 6:50
    รวมไปถึงเหรียญ Wallaston นะคะ
  • 6:50 - 6:52
    ซึ่งก็เป็นเหรียญสำคัญด้านธรณีวิทยาต่างๆ เหมือนกัน
  • 6:52 - 6:56
    แต่วันนี้ค่ะ เราจะไม่ได้มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติดีๆ ของเค้านะคะ
  • 6:56 - 7:01
    เพราะว่าทุกคนสามารถหาอ่านได้เองในทำเนียบนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นของโลก
  • 7:01 - 7:02
    เรียกได้ว่า เค้าสำคัญขนาดนั้นเลยนะ
  • 7:02 - 7:04
    ก็อยู่ในทำเนียบนั้นด้วย
  • 7:04 - 7:07
    แต่เราจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเค้าค่ะ
  • 7:07 - 7:08
    เพราะว่าชีวิตส่วนตัวของเค้าเนี่ย
  • 7:08 - 7:10
    พี้คกว่าหน้าที่การงานของเค้าไปไกลเลยค่ะ
  • 7:10 - 7:15
    เรียกได้กว่า ฉากหน้าที่ดูเป็นเหมือนคนที่แบบน่านับหน้าถือตาในสังคมเนี่ยนะ
  • 7:15 - 7:16
    ฉากหลัง หนักกว่านั้นเยอะค่ะ
  • 7:16 - 7:18
    เพราะว่าจำได้ไหมเมื่อกี้ที่วิวเล่าว่า
  • 7:18 - 7:22
    เค้าเป็นคนที่ชอบสะสมซากธรณีวิทยาอะไรต่างๆ
  • 7:22 - 7:24
    ก็ต้องบอกว่า เค้าสะสมไว้เยอะมากจริงๆ นะคะ
  • 7:24 - 7:26
    มากขนาดที่ว่า ตอนที่เค้าตายไปแล้วเนี่ย
  • 7:26 - 7:30
    ทุกอย่างที่เค้าสะสม สามารถเอาไปทำเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ห้องนึงเลยนะ
  • 7:30 - 7:33
    และห้องนั้นก็ชื่อว่าห้องแบบ William Bucklandy เลยทีเดียวค่ะ
  • 7:33 - 7:37
    อย่างไรก็ตามค่ะ เค้าเนี่ยไม่ได้สะสมแค่ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วนะคะ
  • 7:37 - 7:39
    แต่ว่าในตอนที่เค้ามีชีวิตอยู่เนี่ย
  • 7:39 - 7:41
    เค้าชอบสะสมสัตว์ที่มีชีวิตด้วยค่ะ
  • 7:41 - 7:43
    ต้องบอกว่า ที่ทำงานของเค้าเนี่ยนะคะ
  • 7:43 - 7:47
    บรรจุไปด้วยสัตว์ที่มีหลากหลายชนิดมากๆๆ เลยทีเดียวค่ะ
  • 7:47 - 7:49
    ถามว่า เค้าเลี้ยงของประหลาดขนาดไหนนะคะ?
  • 7:49 - 7:52
    ก็ที่ทำงานของเค้าเนี่ย ก็เต็มไปด้วยงูพันธุ์ต่างๆ นะคะ
  • 7:52 - 7:53
    นกอินทรีย์ ลิง
  • 7:53 - 7:55
    รวมไปถึงไฮยีนานะคะ
  • 7:55 - 7:57
    ซึ่งไฮยีนานี่เค้าก็ตั้งชื่อให้มันด้วยนะว่า เจ้าบิลลี่
  • 7:57 - 7:59
    ก็เป็นไฮยีนาของเค้าค่ะ
  • 7:59 - 8:01
    คือนอกจากบ้าเลี้ยงสัตว์แปลกๆ แล้วเนี่ยนะคะ
  • 8:01 - 8:04
    ต้องบอกว่า เค้ามีอีกนิสัยนึงค่ะที่แปลกไม่แพ้กันเลย
  • 8:04 - 8:06
    นั่นก็คือ บ้ากินเนื้อแปลกๆ
  • 8:06 - 8:08
    คำว่า เนื้อแปลกๆ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าแบบ
  • 8:08 - 8:10
    อ่อ ไปกินเนื้อวัวให้ครบทุกพันธุ์ในโลก
  • 8:10 - 8:12
    เนื้อมัตสึซากะ
  • 8:12 - 8:13
    เนื้อโกเบ
  • 8:13 - 8:14
    เนื่ออะไรต่างๆ
  • 8:14 - 8:15
    ไม่ใช่นะคะ
  • 8:15 - 8:17
    แต่คำว่าเนื้อแปลกๆ ของเค้าเนี่ยหมายถึง
  • 8:17 - 8:19
    เนื้อสัตว์แปลกๆ ที่มนุษย์ทั่วไปเค้าไม่กินกันค่ะ
  • 8:19 - 8:21
    ยกตัวอย่างเช่น เวลามีใครสักคนมาถามว่าแบบ
  • 8:21 - 8:23
    เฮ้ย อาหารจานโปรดของคุณคืออะไรอ่ะ?
  • 8:23 - 8:25
    คุณ Buckland เนี่ยนะคะ เค้าก็จะตอบว่า
  • 8:25 - 8:28
    อ่อ อาหารจานโปรดของผมก็คือ mice on toast
  • 8:28 - 8:30
    mice on toast แปลกันออกไหมทุกคน?
  • 8:30 - 8:31
    mice แปลว่าอะไร?
  • 8:31 - 8:33
    mice แปลว่า หนู
  • 8:33 - 8:33
    toast คืออะไร?
  • 8:33 - 8:34
    toast คือขนมปังปิ้ง
  • 8:34 - 8:37
    ดังนั้นนะคะ อาหารโปรดของคุณ Buckland ก็คือ
  • 8:37 - 8:39
    ขนมปังปิ้งหน้าหนู นั่นเอง
  • 8:39 - 8:44
    ซึ่งก็แบบ คนเรามันจะชอบกินอะไรแบบนี้จริงๆ เหรอ? นะคะ
  • 8:44 - 8:46
    แต่อย่างไรก็ดีค่ะ หนูมันก็อาจจะไม่ได้แปลกขนาดนั้น
  • 8:46 - 8:49
    เพราะว่าประเทศไทยเราก็กินหนูนงหนูนาย่างอะไรใช่ไหม?
  • 8:49 - 8:51
    คิดว่ายังแปลกกันไม่พอใช่ไหมคะ?
  • 8:51 - 8:54
    อ่ะ ยกตัวอย่างเวลาเค้าจัดปาร์ตี้ แล้วเค้าเป็น host ปาร์ตี้เป็นเจ้าภาพ
  • 8:54 - 8:57
    เชิญคนมางานปาร์ตี้ ถามว่าคนได้กินเนื้ออะไรรู้ไหม?
  • 8:57 - 8:59
    สิ่งที่เค้าเอามาเลี้ยงในงานปาร์ตี้นะคะ คือเนื้อของ
  • 8:59 - 9:01
    หนึ่งเลย เนื้อของลูกหมา puppy
  • 9:01 - 9:03
    คือแบบ กินลูกหมาอ่ะทุกคน
  • 9:03 - 9:05
    อ่ะ แต่ถ้าพูดจริงๆ มันก็ยังไม่ได้แปลกขนาดนั้น
  • 9:05 - 9:08
    เพราะว่าบางประเทศในโลกก็ยังกินหมาอยู่นะ
  • 9:08 - 9:09
    เท่านั้นยังไม่พอ เค้ากินอะไรอีก?
  • 9:09 - 9:10
    กินเสือดำ
  • 9:10 - 9:12
    ใช่ค่ะ หลักสูตรเดียวกันเลย
  • 9:12 - 9:14
    อันนี้ก็กินเสือดำเหมือนกันค่ะทุกคน
  • 9:14 - 9:16
    และยังไม่พอนะคะ ก็ยังมีเนื้อ porpoise ค่ะ
  • 9:16 - 9:20
    porpoise ก็คือสัตว์ที่เป็นอยู่ในวงศ์ของปลาวาฬกับปลาโลมา
  • 9:20 - 9:22
    อ่ะ 3 อย่างนี้ถามว่าแปลกไหม?
  • 9:22 - 9:24
    ก็แปลก แต่ยังไม่ได้แปลกขนาดนั้น
  • 9:24 - 9:25
    เพราะว่าญี่ปุ่นก็กินปลาวาฬ
  • 9:25 - 9:27
    บางประเทศก็กินหมา
  • 9:27 - 9:29
    แล้วก็เสือดำ เราก็เห็นไปแล้วอ่ะนะว่า ใครกิน
  • 9:29 - 9:31
    ต้องบอกว่า อาหารที่เค้ากินเนี่ย แปลกไปกว่านั้นอีกค่ะ
  • 9:31 - 9:34
    เพราะว่าเค้าเนี่ยมีความใฝ่ฝันอย่างนึงอยู่ในชีวิตค่ะ
  • 9:34 - 9:38
    นั่นก็คือ เค้าจะกินเนื้อสัตว์ให้ครบทุกชนิดในโลกนะคะ
  • 9:38 - 9:41
    ก็เป็นความใฝ่ฝันที่แปลกดีเหมือนกันนะ
  • 9:41 - 9:43
    ซึ่งถามว่า เค้าทำได้จริงไหม?
  • 9:43 - 9:45
    โอเค มันอาจจะไม่ได้กินทุกอย่างในโลก
  • 9:45 - 9:46
    แต่เค้าเนี่ยกินมากพอนะคะ
  • 9:46 - 9:49
    ถึงขนาดที่จะสามารถตอบคนได้เลยค่ะว่า
  • 9:49 - 9:51
    ในบรรดาเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ฉันกินมานะ
  • 9:51 - 9:54
    สิ่งที่รสชาติแย่ที่สุดเลยคือ หนึ่ง เนื้อของตัวตุ่น
  • 9:54 - 9:59
    แล้วก็สองคือ เนื้อของแมลงวันหัวเขียว พันธุ์ที่เป็นสีฟ้า
  • 9:59 - 10:00
    คือแบบ.....
  • 10:00 - 10:02
    กินแมลงวันหัวเขียว คิดได้ยังไงอ่ะคะทุกคน?
  • 10:02 - 10:06
    เอาเป็นว่า เค้าก็ชิมมาเยอะพอที่เค้าจะตอบคำถามข้อนี้ได้แล้วค่ะ
  • 10:06 - 10:10
    ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่สัตว์แปลกๆ เป็นแบบเนื้อสัตว์ตัวๆ นะคะที่คุณ Buckland กิน
  • 10:10 - 10:12
    แต่ว่าเค้ากินแปลกไปถึงขั้นที่ว่า
  • 10:12 - 10:14
    ครั้งนึงเค้าเคยไปเที่ยวโบสถ์ที่อิตาลีค่ะ
  • 10:14 - 10:17
    แล้วโบสถ์นี้ มันมีตำนานท้องถิ่นเล่าว่า
  • 10:17 - 10:19
    ผนังของโบสถ์นะ รวมไปถึงพื้นเนี่ย
  • 10:19 - 10:22
    ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของนักบุญมาจนถึงทุกวันนี้
  • 10:22 - 10:25
    ซึ่งคุณ Buckland นะคะ ได้ยินแบบนั้นปุ๊บ เค้าก็บอกว่า
  • 10:25 - 10:26
    ไม่จริงอ่ะ เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้
  • 10:26 - 10:28
    ด้วยความที่ฉันเป็นนักกินมือฉกาจนะ
  • 10:28 - 10:29
    ฉันชิมนิดเดียว ฉันรู้แล้ว
  • 10:29 - 10:31
    ฉันเคยกินทุกอย่างมาบนโลกแล้วนะคะ
  • 10:31 - 10:33
    ดังนั้นค่ะ คุณ Buckland ก็เลย เลียเลยค่ะ
  • 10:33 - 10:36
    เลียไปเลียมานะคะ ไม่รู้ว่าเลียพื้นหรือเลียผนังอ่ะนะ
  • 10:36 - 10:38
    แต่เค้าเนี่ยสรุปออกมาได้ค่ะว่า
  • 10:38 - 10:40
    เฮ้ย ไอ้ที่มันอยู่ที่พื้นกับผนังของโบสถ์อ่ะ
  • 10:40 - 10:41
    มันไม่ใช่เลือดนักบุญแน่นอน
  • 10:41 - 10:43
    ตำนานนี้ผิด
  • 10:43 - 10:45
    สิ่งที่มันอยู่ที่พื้นกับผนังของโบสถ์เนี่ย
  • 10:45 - 10:46
    มันคือ ฉี่ค้างคาว ต่างหาก
  • 10:46 - 10:48
    ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า เค้ารู้ได้ไง?
  • 10:48 - 10:51
    แปลว่า อย่างน้อย ต้องเคยชิมฉี่ค้างคาวมาก่อนถูกไหม?
  • 10:51 - 10:52
    อย่างไรก็ตามค่ะ
  • 10:52 - 10:55
    เรื่องราวนี้ยังไม่ใช่ของที่แปลกที่สุดที่คุณ Buckland เคยกินนะคะ
  • 10:55 - 10:58
    แต่ว่าเรื่องราวของที่แปลกที่สุดที่เป็นระดับตำนาน
  • 10:58 - 11:00
    ที่คุณ Buckland เคยกินเนี่ย
  • 11:00 - 11:02
    มันยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะเลยค่ะ
  • 11:02 - 11:05
    ถ้าจะต้องเล่านะคะว่า สิ่งที่คุณ Buckland เคยกินแล้วแปลกที่สุดเนี่ย
  • 11:05 - 11:07
    มันแปลกขนาดไหน? มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน?
  • 11:07 - 11:09
    ต้องเล่าย้อนไปก่อนเค้าเกิดนานมากเลยค่ะ
  • 11:09 - 11:12
    เพราะว่าเค้าเกิดในช่วงประมาณปี 18 กว่าๆ ใช่ไหม?
  • 11:12 - 11:14
    ช่วงศตวรรษที่ 19
  • 11:14 - 11:17
    แต่ว่าเรื่องราวนี้นะคะ ต้องเล่าย้อนไปถึงช่วงศตวรรษที่ 13 ค่ะ
  • 11:17 - 11:18
    ในศตวรรษที่ 13 นะคะ
  • 11:18 - 11:22
    ที่ฝรั่งเศสค่ะ มีประเพณีนึงที่ทุกวันนี้ เค้าไม่มีกันแล้วล่ะ
  • 11:22 - 11:27
    นั่นก็คือ ประเพณีการรักษาอวัยวะภายในของกษัตริย์ แล้วก็ราชินีในสมัยนั้นนะคะ
  • 11:27 - 11:30
    โดยเค้าจะเอาพวกเครื่องในต่างๆ แล้วก็หัวใจ อะไรพวกอย่างงี้
  • 11:30 - 11:33
    ออกมาแล้วก็มาใช้กระบวนการ mummify
  • 11:33 - 11:35
    หรือว่า กระบวนการคล้ายๆ กับการทำให้เป็นมัมมี่ค่ะ
  • 11:35 - 11:37
    ก็คือดูดความชื้นออก ว่าอย่างนั้นเถอะ
  • 11:37 - 11:41
    หลังจากนั้นนะคะ ก็จะมีการเอาไปเก็บรักษาในรูปแบบต่างๆ ค่ะ
  • 11:41 - 11:42
    โดยเฉพาะหัวใจนะคะ
  • 11:42 - 11:44
    ซึ่งเป็นอวัยวะภายในชิ้นสำคัญที่สุดค่ะ
  • 11:44 - 11:47
    ก็จะมีการแยกออกมา เอามาใส่โถบูชาอย่างงดงาม
  • 11:47 - 11:48
    เอาไปร่วมพิธีศพ
  • 11:48 - 11:51
    รวมไปถึงตอนสุดท้าย หลังจากจัดพิธีศพเสร็จแล้วเนี่ย
  • 11:51 - 11:52
    เค้าก็จะเอาแยกกับร่างค่ะ
  • 11:52 - 11:54
    ร่างก็ฝั่งไปที่นึงเนอะ
  • 11:54 - 11:57
    ส่วนหัวใจเนี่ย ก็มักจะเอาไปไว้ที่ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับกษัตริย์
  • 11:57 - 11:59
    หรือว่าพระราชินีองค์นั้นๆ นะคะ
  • 11:59 - 12:01
    และแน่นอนว่า กษัตริย์พระองค์นึง
  • 12:01 - 12:04
    ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มากๆ ของฝรั่งเศสในยุคนั้นค่ะ
  • 12:04 - 12:06
    ก็ต้องมีกระบวนการนี้ด้วยนะคะ
  • 12:06 - 12:09
    ก็คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่นเอง
  • 12:09 - 12:11
    พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือว่า The Sun เนี่ยนะคะ
  • 12:11 - 12:13
    เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มากๆ ของฝรั่งเศส
  • 12:13 - 12:16
    หลายๆ คนน่าจะคุ้นกันดีกับวีรกรรมต่างๆ ของท่านเนอะ
  • 12:16 - 12:20
    ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพระราชวังแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่มากๆ
  • 12:20 - 12:23
    เพื่อแสดงอำนาจความเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของตัวเอง
  • 12:23 - 12:25
    หรือว่าได้ยินในประวัติศาสตร์ไทยที่ว่า
  • 12:25 - 12:28
    พระยาโกษาธิบดีปานก็ไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศส
  • 12:28 - 12:30
    ก็ในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นี่แหละค่ะ
  • 12:30 - 12:32
    ก็เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนอะ
  • 12:32 - 12:35
    ซึ่งวันนี้นะคะ วิวไม่ได้จะมาเล่าถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์เหล่านั้นค่ะ
  • 12:35 - 12:38
    แต่วิวจะมาเล่าถึงหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยแหละ
  • 12:38 - 12:40
    แน่นอนนะคะว่า หลังจากที่สิ้นพระชนม์เนี่ย
  • 12:40 - 12:44
    หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ต้องผ่านกระบวนการการเก็บรักษาแบบนี้เหมือนกันนะคะ
  • 12:44 - 12:46
    แล้วก็โดนเอาไปไว้ที่โบสถ์แห่งนึงค่ะ
  • 12:46 - 12:48
    คู่กับหัวใจของพ่อของเค้าเองนะคะ
  • 12:48 - 12:50
    ซึ่งก็เป็นกษัตริย์เหมือนกันอ่ะนะ
  • 12:50 - 12:53
    ทีนี้หลังจากที่มันอยู่ที่นั่นมาประมาณ 70 ปีค่ะ
  • 12:53 - 12:56
    ปรากฏว่ามีเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึงเกิดขึ้นในฝรั่งเศสนะคะ
  • 12:56 - 12:59
    นั่นก็คือ เหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส นั่นเองค่ะ
  • 12:59 - 13:01
    ปรากฏว่า พอมีการปฏิวัติฝรั่งเศสเนอะ
  • 13:01 - 13:03
    คนก็ไม่นับถือกษัตริย์
  • 13:03 - 13:05
    คนก็แบบไม่โอเคกับราชวงศ์
  • 13:05 - 13:07
    มีการล้มล้างราชวงศ์ต่างๆ ค่ะ
  • 13:07 - 13:11
    ก็ทีมีการเอาพระราชินีมารี อ็องตัวแน็ตกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไปตัดคอ นั่นแหละค่ะ
  • 13:11 - 13:12
    ทีนี้พอมันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนะคะ
  • 13:12 - 13:15
    คนก็เหมือนกับไม่ค่อยได้ใส่ใจระบบกษัตริย์อะไรเท่าไหร่ตอนนั้นค่ะ
  • 13:15 - 13:19
    ทำให้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ หลุดออกมาค่ะ
  • 13:19 - 13:20
    คือหลุดออกมาจากในโบสถ์ได้ไงไม่รู้นะ
  • 13:20 - 13:22
    แต่ว่ามันโดนขายทอดตลาดไปค่ะ
  • 13:22 - 13:25
    แล้วก็ไปตกอยู่ในมือของจิตรกรคนนึงนะคะ
  • 13:25 - 13:27
    ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆ
  • 13:27 - 13:29
    เค้าเนี่ยชื่อว่า Alexandre Pau ค่ะ
  • 13:29 - 13:31
    ซึ่งต้องบอกว่า จิตรกรในสมัยนั้นเนี่ย
  • 13:31 - 13:34
    ถามว่า ทำยังไงให้รูปภาพของตัวเองแตกต่าง?
  • 13:34 - 13:35
    แปลกจากรูปภาพของคนอื่น
  • 13:35 - 13:38
    ก็ต้องบอกว่า เค้านิยมใช้สีกันแบบ organic ค่ะ
  • 13:38 - 13:40
    คือใช้สีที่ผลิตขึ้นเอง
  • 13:40 - 13:43
    ทุกคนก็จะพยายามสรรหาสิ่งต่างๆ มาผลิตสีของตัวเองเนอะ
  • 13:43 - 13:46
    บางคนก็มีการไปเอาต้นไม้แปลกๆ มาบด
  • 13:46 - 13:49
    บางคนก็ไปเอาพวกหินสีแปลกๆ มาบด
  • 13:49 - 13:52
    เรียกได้ว่า ใครที่หาสีอะไรที่แปลก ที่ใหม่ได้นะคะ
  • 13:52 - 13:54
    เอามาวาดภาพของตัวเองเนี่ย
  • 13:54 - 13:55
    ก็มักจะมีชื่อเสียง
  • 13:55 - 13:56
    ภาพนั้นก็มักจะแพงไปด้วยค่ะ
  • 13:56 - 13:59
    เพราะว่าถือว่าเป็นคนที่ครอบครองสีนี้แค่คนเดียว
  • 13:59 - 14:02
    คือให้คนอื่นวาด แกก็ไม่ได้สีนี้นะ อะไรแบบนั้น
  • 14:02 - 14:05
    แบบที่สมัยปัจจุบัน เราน่าจะเห็นดราม่งดราม่ากันที่
  • 14:05 - 14:07
    มีจิตรกรบางคนเค้าผลิตสีบางสีขึ้นมา
  • 14:07 - 14:10
    เพื่อใช้ของตัวเองคนเดียวนะคะ แบบนั้นเลยค่ะ
  • 14:10 - 14:12
    ซึ่ง Alexandre Pau นะคะ ก็เช่นเดียวกันเลยค่ะ
  • 14:12 - 14:14
    เค้ามีชื่อเสียงมากๆ นะคะ
  • 14:14 - 14:17
    เพราะว่าเค้ามีสีน้ำตาลในโทนของตัวเองสีนึงค่ะ
  • 14:17 - 14:18
    ที่คนอื่นเค้าไม่ใช้กันอ่ะนะ
  • 14:18 - 14:21
    สีน้ำตาลสีนี้นะคะชื่อว่า mummy brown ค่ะ
  • 14:21 - 14:22
    ใช่เลยค่ะ
  • 14:22 - 14:25
    สีน้ำตาลสีนี้นะคะ เกิดจากการเอามัมมี่จากอียิปต์เนี่ยนะ
  • 14:25 - 14:27
    มาแล้วก็บดค่ะ บดๆๆ แล้ว
  • 14:27 - 14:30
    แล้วก็เอาผงมัมมี่เนี่ย มาผลิตเป็นสี
  • 14:30 - 14:31
    แล้วก็ใช้วาดรูปค่ะ
  • 14:31 - 14:33
    พอพี่แกได้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มานะคะ
  • 14:33 - 14:35
    พี่แกก็เลยตัดสินใจ บดเลยค่ะ
  • 14:35 - 14:36
    ก็บดๆๆ นะคะ
  • 14:36 - 14:39
    ตัดแบ่งออกมานะคะ แล้วก็ค่อยๆ บดทีละก้อนๆ ค่ะ
  • 14:39 - 14:41
    ทีนี้ก็เอาไปวาดออกมาเป็นภาพวาดนะคะ
  • 14:41 - 14:44
    เป็นภาพวาดทิวทัศน์ ภาพนี้เลย
  • 14:44 - 14:47
    นี่แหละค่ะ ภาพที่ได้จากการบดหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนอะ
  • 14:47 - 14:48
    ซึ่งบังเอิญโชคดีมากๆ ค่ะ
  • 14:48 - 14:50
    วาดภาพนี้เสร็จแล้วเนี่ย
  • 14:50 - 14:52
    หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังใช้ไม่หมดค่ะ
  • 14:52 - 14:54
    ก็ยังเหลืออยู่ประมาณก้อนนึง
  • 14:54 - 14:55
    ขนาดเท่าประมาณวอลนัทค่ะ
  • 14:55 - 14:57
    เค้าก็เลยเก็บก้อนนี้เอาไว้นะคะ
  • 14:57 - 14:59
    ทีนี้หลังจากนั้นมันก็มีการส่งต่อค่ะ
  • 14:59 - 15:01
    ซึ่งตามที่มีบันทึกไว้เนี่ยนะคะ
  • 15:01 - 15:03
    ก็ไม่มีใครรู้ค่ะว่า จริงๆ แล้วไปอยู่ที่ไหน
  • 15:03 - 15:07
    แต่ว่ามีอยู่ทั้งหมด 3 เรื่องราวหลักๆ ด้วยกันนะคะที่มีการเล่ากัน
  • 15:07 - 15:10
    เรื่องราวแรกเนี่ยนะคะ ก็คือหลังจากที่ปฏิวัติฝรั่งเศสแล้วเนี่ย
  • 15:10 - 15:13
    มันก็มีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ขึ้นในฝรั่งเศสค่ะ
  • 15:13 - 15:15
    ตอนนั้นพอมีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ขึ้นเนี่ย
  • 15:15 - 15:18
    เค้าเนี่ยนะคะ ก็เลยตัดสินใจถวายหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย
  • 15:18 - 15:20
    คืนให้กับราชสำนักค่ะ
  • 15:20 - 15:22
    ดังนั้นราชสำนักก็เลยเอาไปเก็บไว้นะคะ
  • 15:22 - 15:24
    อันนี้คือทฤษฎีแรกเนอะ
  • 15:24 - 15:27
    ส่วนทฤษฎีที่สองค่ะ บอกว่า เอาไปเก็บไว้ในสถานที่นึงในปารีสนะคะ
  • 15:27 - 15:29
    ซึ่งวิวจะไม่กล้าออกเสียงให้ฟังเลย
  • 15:29 - 15:32
    แต่ว่า มันคือสถานที่นี้...
  • 15:32 - 15:34
    นั่นแหละค่ะ เชื่อยังว่าทำไมถึงไม่กล้าออกเสียงให้ฟัง?
  • 15:34 - 15:35
    คือชื่อยากจริงๆ เนอะ
  • 15:35 - 15:39
    และทฤษฎีที่สามค่ะ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีชื่อเสียงที่สุด
  • 15:39 - 15:42
    แล้วก็เกี่ยวพันกับเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้นี่แหละ
  • 15:42 - 15:44
    ก็คือมันตกไปอยู่ที่บ้านหลังนึงนะคะ
  • 15:44 - 15:45
    ของคนที่อยู่ในวงชั้นสูงค่ะ
  • 15:45 - 15:48
    บ้านหลังนี้นะคะ เป็นบ้านของตระกูล Harcourt ค่ะ
  • 15:48 - 15:53
    ซึ่งก็ตกทอดหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย ต่อมาเรื่อยๆๆๆ ในตระกูลของตัวเองนะคะ
  • 15:53 - 15:56
    ทีนี้เค้าก็ไม่ได้ตกทอดมาเป็นก้อนวอลนัทเฉยๆ ค่ะ
  • 15:56 - 15:59
    แต่ด้วยความที่เค้าคิดว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ นะ
  • 15:59 - 16:02
    ดังนั้นบ้าน Harcourt นะคะ ก็เลยเอาใส่ล็อกเก็ตเงินเนี่ย
  • 16:02 - 16:04
    ใส่ชิ้นหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ค่ะ
  • 16:04 - 16:05
    แล้วก็เก็บเอาไว้นะคะ
  • 16:05 - 16:07
    หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ
  • 16:07 - 16:09
    ก็ตกทอดกันอยู่ในบ้าน Harcourt มาเรื่อยๆ ค่ะ
  • 16:09 - 16:12
    จนกระทั่งถึงปี 1848 นะคะ
  • 16:12 - 16:15
    ในตอนนั้นเนี่ย เจ้าของบ้านก็มีการจัดปาร์ตี้ขึ้นค่ะ
  • 16:15 - 16:19
    ซึ่งในปาร์ตี้เนี่ย ก็มีกลุ่มชนชั้นสูงเนี่ยมารวมตัวกันเยอะมากเลยนะคะ
  • 16:19 - 16:21
    ไม่ว่าจะเป็น Archbishop of York นะคะ
  • 16:21 - 16:23
    ซึ่งก็เป็นคนในบ้าน Harcourt นี่แหละ
  • 16:23 - 16:24
    แล้วก็น้องชายของเค้านะคะ
  • 16:24 - 16:27
    ซึ่งน้องชายของเค้าเนี่ย ก็ถือเป็นคนในแวดวงวิทยาศาสตร์ช่วงนั้นแหละ
  • 16:27 - 16:30
    เป็นคนก่อตั้งสมาคมอะไรวิทยาศาสตร์สักอย่างนะคะ
  • 16:30 - 16:34
    แน่นอนว่า จัดงานโดยที่มีคนสมาคมวิทยาศาสตร์อยู่แบบนี้
  • 16:34 - 16:36
    คุณ William Buckland ของเราเนี่ยก็ต้องได้รับเชิญ ใช่ไหมคะ?
  • 16:36 - 16:39
    เพราะว่าถือว่าเป็น big name มากๆ ของนักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นนะ
  • 16:39 - 16:41
    Buckland ก็มาร่วมงานนี้ค่ะ
  • 16:41 - 16:43
    ซึ่งในงานนี้นะคะ นึกภาพเวลาเราไปเที่ยวบ้านเพื่อน
  • 16:43 - 16:44
    แล้วเพื่อนชอบเอาอะไรมาอวดเราอ่ะ
  • 16:44 - 16:49
    แบบ อ่อ บ้านเราเนี่ยนะ มีสิ่งนี้ดี เป็นสมบัติประจำตระกูล เราขออวดให้ท่านเห็นเถอะ
  • 16:49 - 16:51
    แน่นอนค่ะ บ้าน Harcourt ก็ทำแบบเดียวกันนะคะ
  • 16:51 - 16:54
    ก็มีการเอาหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย
  • 16:54 - 16:56
    ออกมาอวดกันค่ะว่า
  • 16:56 - 16:58
    นี่ บ้านฉันมีสิ่งนี้เป็นมรดกตกทอด
  • 16:58 - 17:01
    คือ หัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นะทุกคน
  • 17:01 - 17:05
    และแน่นอนนะคะว่า ในวงนั้นเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาอะไรต่างๆ ค่ะ
  • 17:05 - 17:09
    ทุกคนก็เลยส่งต่อหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กันไปเรื่อยๆ นะคะ
  • 17:09 - 17:11
    ประมาณว่า ไหน ขอดูหน่อยสิ มันเป็นของจริงหรือเปล่า?
  • 17:11 - 17:15
    จากความรู้ทางชีววิทยาของฉัน คิดว่ามันจริง คิดว่ามันไม่จริง อะไรต่างๆ นะคะ
  • 17:15 - 17:17
    จนกระทั่งหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ
  • 17:17 - 17:20
    ไปอยู่ในมือของคุณ William Buckland ค่ะ
  • 17:20 - 17:23
    William Buckland นะคะ พอได้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มาในมือ ปุ๊บ
  • 17:23 - 17:24
    ก็เลยลุกขึ้นยืนเลยค่ะ
  • 17:24 - 17:25
    ลุกขึ้นมาก็บอกว่า
  • 17:25 - 17:27
    ฮึม ฮึม ทุกคน จงฟังข้าพเจ้า
  • 17:27 - 17:30
    ชีวิตนี้เนี่ยนะ ฉันกินอะไรแปลกๆ มาเยอะแยะมากมายแล้วแหละ
  • 17:30 - 17:34
    แต่อย่างนึงนะที่ฉันไม่เคยกินเลยก็คือ หัวใจของกษัตริย์ นั่นเอง
  • 17:34 - 17:36
    ว่าแล้วนะคะ พี่แกก็เปิดล็อกเก็ตเงินค่ะ
  • 17:37 - 17:38
    จกหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
  • 17:38 - 17:39
    ซึ่งขนาดแค่ลูกวอลนัท
  • 17:39 - 17:42
    ยัดเข้าปากตัวเอง แล้วก็กลืนลงไปเลย
  • 17:42 - 17:43
    ซะอย่างนั้น
  • 17:43 - 17:46
    ก็เล่นเอาทุกคนในวง ก็แบบตะลึงกันไปหมดเลย
  • 17:46 - 17:48
    ประมาณว่า อ้าว สมบัติประจำตระกูลฉัน?
  • 17:48 - 17:50
    อ้าว แกกินหัวใจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14?
  • 17:50 - 17:51
    แกบ้าไปแล้วเหรอ?
  • 17:51 - 17:53
    นี่หลักฐานทางประวัติศาสตร์เลยนะ
  • 17:53 - 17:55
    หรือว่าอะไรต่างๆ ค่ะ
  • 17:55 - 17:57
    แต่ว่า คนบางกลุ่มในนั้น ก็ไม่ได้ตกใจขนาดนั้น
  • 17:57 - 18:01
    เพราะว่าก็น่าจะชินแล้วแหละ กับการที่คุณ Buckland นี่กินของประหลาดไปทั่วนะคะ
  • 18:01 - 18:05
    และนี่แหละค่ะ ก็คือวีรกรรมที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตของคุณ Buckland นะคะ
  • 18:05 - 18:10
    การกินหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ลงไป นั่นเอง
  • 18:10 - 18:12
    อย่างไรก็ตามค่ะ คุณ Buckland เนี่ย ก็ใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆ นะคะ
  • 18:12 - 18:14
    เรียกได้ว่า ก็อายุยืนพอสมควรเลย
  • 18:14 - 18:16
    ก็ไปทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้มากมาย
  • 18:16 - 18:17
    แบบที่เล่าไปนี่แหละ
  • 18:17 - 18:20
    ไปเป็นอธิการบดี ไปเป็นอาจารย์
  • 18:20 - 18:20
    ไปเป็นอะไรต่างๆ
  • 18:20 - 18:23
    จนกระทั่งเค้าอายุได้ 72 ปีค่ะ
  • 18:23 - 18:24
    เค้าถึงตายนะคะ
  • 18:24 - 18:25
    ส่วนสาเหตุที่ตายเนี่ย
  • 18:25 - 18:28
    ไม่ต้องห่วง เค้าไม่ได้ท้องเสียตาย หรืออาหารเป็นพิษตายนะคะ
  • 18:28 - 18:30
    คือกินมาขนาดนี้ คงไม่ตายเพราะเรื่องกินแล้วแหละ
  • 18:30 - 18:31
    แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เค้าตายเนี่ย
  • 18:31 - 18:32
    นักวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน
  • 18:32 - 18:36
    คาดเดาว่า เค้าน่าจะตายจากวัณโรคที่มันขึ้นไปที่สมองของเค้าค่ะ
  • 18:36 - 18:38
    คิดว่า เรื่องนี้มันจบความพี้คแล้วใช่ไหม?
  • 18:38 - 18:39
    แต่บอกเลยว่า มันยังไม่จบค่ะ
  • 18:39 - 18:41
    เพราะว่ายังเหลืออีกเรื่องนึงนะ
  • 18:41 - 18:43
    ก็คือ แม้แต่ตอนที่เค้าตายไปแล้วนะคะ
  • 18:43 - 18:44
    ป้ายหลุมศพของเค้าเนี่ย
  • 18:44 - 18:48
    ว่ากันว่า มันก็โดนตัดมาจากหินที่เป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์เหมือนกัน
  • 18:48 - 18:51
    แต่ว่า เป็นฟอสซิลที่แบบโดนตัดมาทำป้ายหลุมศพก่อน
  • 18:51 - 18:55
    ก่อนที่พวกนักธรณีวิทยาเนี่ย จะไปสำรวจแล้วเจอว่า มันเป็นฟอสซิลนะคะ
  • 18:55 - 18:59
    ดังนั้นนี่ก็เป็น เกร็ดอย่างสุดท้ายของคุณ Buckland ที่น่าสนใจค่ะ
  • 18:59 - 19:01
    เป็นไงบ้างทุกคน? ฟังเรื่องนี้ไป ตื่นเต้นกันไหมคะ?
  • 19:01 - 19:03
    แปลกใจกันไหม? แล้วก็ช็อคกันไหมนะคะ?
  • 19:03 - 19:06
    ถ้ารู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี้คสมกับที่วิวสัญญาไว้
  • 19:06 - 19:08
    จำสัญญาเมื่อตอนต้นคลิปกันได้ใช่ไหมคะ?
  • 19:08 - 19:10
    อย่าลืมกดแชร์คลิปนี้สักครั้งนึง
  • 19:10 - 19:13
    ไปฝากให้เพื่อนๆ ได้มาช็อคกับพวกเรานะคะ
  • 19:13 - 19:14
    อย่างไรก็ตามค่ะ
  • 19:14 - 19:16
    ถ้าใครมีเรื่องราวสนุกๆ อะไร อยากให้วิวเล่าอีก
  • 19:16 - 19:18
    ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ
  • 19:18 - 19:20
    หรือกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวก็ได้ค่ะ
  • 19:20 - 19:21
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน
  • 19:21 - 19:23
    คลิปยาวพอสมควรแล้วค่ะ
  • 19:23 - 19:24
    บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ
  • 19:24 - 19:25
    เป็นไงคะทุกคน?
  • 19:25 - 19:29
    เข้าใจความแบบอยากเล่าเรื่องนี้ตอนตีสามของวิวหรือยัง?
  • 19:29 - 19:30
    ว่าแบบว่า มันสุดขนาดไหน?
  • 19:30 - 19:32
    มันพี้คขนาดไหนนะคะ?
  • 19:32 - 19:35
    สำหรับใครที่เห็นชื่อคลิปนี้ หรือว่าเห็นปกคลิปนี้
  • 19:35 - 19:38
    บอกเลยว่า ปกคลิปหรือชื่อคลิปที่วิวยังไม่ได้ทำตอนนี้
  • 19:38 - 19:39
    แต่ว่าทุกคนเห็นแล้วเนี่ย
  • 19:39 - 19:41
    เป็นเรื่องที่วิวเครียดมาก แล้วไม่รู้จะทำยังไงดีเลยนะคะ
  • 19:41 - 19:43
    เพราะว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แบบ
  • 19:43 - 19:45
    ฉันจะเอาเรื่องไหนขึ้นปกดีทุกคน?
  • 19:45 - 19:47
    มันพี้คในทุกเรื่องเลยนะคะ
  • 19:47 - 19:49
    ดังนั้นก็ นั่นแหละค่ะ
  • 19:49 - 19:52
    สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ ความพยายามของข้าพเจ้านั่นเองนะจ๊ะ
  • 19:52 - 19:53
    วันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ
  • 19:53 - 19:54
    บ๊าย บาย
  • 19:54 - 19:55
    สวัสดีค่ะ
Title:
เปิบพิสดาร! หัวใจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
19:56

Thai subtitles

Revisions