1 00:00:00,000 --> 00:00:03,560 คิดว่า เนื้ออะไรคือ เนื้อที่แปลกที่สุดที่คนเราจะไปหามากินได้คะ? 2 00:00:03,560 --> 00:00:07,240 บอกเลยว่า เรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ แปลกสุดๆ แน่ๆ ค่ะ 3 00:00:07,240 --> 00:00:08,960 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 4 00:00:08,960 --> 00:00:10,600 สำหรับใครที่ดูวิดีโอนี้นะคะ 5 00:00:10,600 --> 00:00:13,740 แล้วรู้สึกว่า หน้าตาวิวดูง่วงๆ ดูตาจะปิดแล้ว 6 00:00:13,740 --> 00:00:15,220 แต่ว่าดูตื่นเต้นมากๆ เนี่ย 7 00:00:15,220 --> 00:00:16,760 ขอบอกเลยว่า มีสาเหตุค่ะ 8 00:00:16,760 --> 00:00:19,640 เพราะว่าตอนนี้นะคะ คือเวลาประมาณตีสามค่ะทุกคน 9 00:00:19,640 --> 00:00:23,720 แต่ว่า วิวเพิ่งจะไปอ่านเรื่องราวๆ นึงมานะคะ แล้วรู้สึกว่า 10 00:00:23,720 --> 00:00:25,760 มันพี้คมาก มันพี้คในทุกแง่มุม 11 00:00:25,760 --> 00:00:27,960 แบบไม่รู้จะพี้คในแง่มุมไหนแล้วนะคะ 12 00:00:27,960 --> 00:00:30,720 เรียกได้ว่า อ่านแล้วตะลึงอ่ะ ช็อคไปหมดเลยนะคะ 13 00:00:30,720 --> 00:00:34,860 ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่า ทนไม่ได้แล้ว ต้องเอามาเล่าให้ทุกคนฟังในเวลานี้เลยค่ะ 14 00:00:34,860 --> 00:00:38,140 บอกเลยนะคะว่า เรื่องราวนี้พี้คมากๆๆๆ จริงๆ 15 00:00:38,140 --> 00:00:40,800 พี้คจนวิวไม่รู้จะโฆษณาเรื่องราวนี้ยังไงเลยอ่ะ 16 00:00:40,800 --> 00:00:44,160 ว่าแบบ เฮ้ย มาฟังเถอะ มันน่าสนใจไปในทุกแง่มุมเลยนะคะ 17 00:00:44,160 --> 00:00:46,100 ดังนั้นเราไม่ต้องเวิ่นเว้อเกริ่นกันมากค่ะ 18 00:00:46,100 --> 00:00:47,320 เดี๋ยวเราไปฟังกันเลยดีกว่า 19 00:00:47,320 --> 00:00:49,440 แต่ก่อนอื่นนะคะ สัญญากับวิวก่อนว่า 20 00:00:49,440 --> 00:00:51,420 ถ้าสมมติว่า ฟังเรื่องราวนี้ไปแล้วเนี่ย 21 00:00:51,420 --> 00:00:53,960 รู้สึกว่า มันพี้คสมกับที่วิวโฆษณาไว้จริงๆ 22 00:00:53,960 --> 00:00:56,340 อย่าลืมแชร์ไปให้เพื่อนๆ ฟังกันด้วยนะคะว่า 23 00:00:56,340 --> 00:00:57,660 เฮ้ย มันพี้คจริงๆ ทุกคน 24 00:00:57,660 --> 00:01:00,080 กรุณามาฟัง เรื่องนี้อยากให้ทุกคนรู้จริงๆ ค่ะ 25 00:01:00,080 --> 00:01:01,040 และนอกจากนี้นะคะ 26 00:01:01,040 --> 00:01:04,680 ถ้าฟังเรื่องราวนี้แล้ว รู้สึกว่า อยากฟังเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้อีก 27 00:01:04,680 --> 00:01:06,480 ก็อย่าลืม subscribe ช่อง Point of View 28 00:01:06,480 --> 00:01:08,020 กดติดตามแฟนเพจ Point of View 29 00:01:08,020 --> 00:01:11,320 หรือว่า จะติดตามวิวในช่องทางอื่นๆ ที่ขึ้นไว้ให้ ก็ได้เช่นกันค่ะ 30 00:01:11,320 --> 00:01:15,140 สำหรับตอนนี้ พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ? 31 00:01:15,140 --> 00:01:17,120 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ 32 00:01:20,600 --> 00:01:22,540 เรื่องราวพี้คๆ ที่วิวจะเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้นะคะ 33 00:01:22,540 --> 00:01:23,940 เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนนึงค่ะ 34 00:01:23,940 --> 00:01:25,680 ชื่อว่า Dr.William Buckland นะคะ 35 00:01:25,680 --> 00:01:28,680 Dr.William Buckland คนนี้ เค้าเป็นหลายอย่างมากๆ เลยค่ะ 36 00:01:28,680 --> 00:01:31,400 คืออาชีพของเค้าเนี่ยเป็นทั้งนักธรณีวิทยา 37 00:01:31,400 --> 00:01:33,600 นักบรรพชีวินวิทยา 38 00:01:33,600 --> 00:01:36,280 หรือว่าคนที่ศึกษาพวกฟอสซิลอะไรต่างๆ อ่ะนะ 39 00:01:36,280 --> 00:01:38,900 ที่หมายถึงพวกพืช แล้วก็สัตว์ที่กลายเป็นหินใช่ไหมคะ? 40 00:01:38,900 --> 00:01:40,380 เวลาผ่านมาหลายล้านปี 41 00:01:40,380 --> 00:01:43,160 นอกจากนี้เค้าก็ยังเป็นอาจารย์ แล้วก็เป็นนักบวชอีกด้วยค่ะ 42 00:01:43,160 --> 00:01:45,360 เรียกได้ว่า เค้าทำอาชีพหลากหลายจริงๆ นะ 43 00:01:45,360 --> 00:01:48,040 แล้วแต่ละอาชีพ ก็เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติมากๆ ค่ะ 44 00:01:48,040 --> 00:01:49,960 ทีนี้ถามว่า เค้าเป็นใคร? มาจากไหน? นะคะ 45 00:01:49,960 --> 00:01:51,360 กว่าที่เค้าจะมาเป็นทั้งหมดนี้ 46 00:01:51,360 --> 00:01:54,700 เค้าเนี่ยเป็นเด็กคนนึงค่ะ ที่เกิดที่เมืองเดวอน ประเทศอังกฤษนะคะ 47 00:01:54,700 --> 00:01:56,100 เมื่อปี 1784 ค่ะ 48 00:01:56,100 --> 00:01:57,200 ทีนี้ตั้งแต่เด็กนะคะ 49 00:01:57,200 --> 00:01:59,800 เค้าก็เริ่มฉายแววแล้วว่า เค้าเป็นเด็กที่เก่งมากๆ ค่ะ 50 00:01:59,800 --> 00:02:01,760 ก็สนใจศึกษาหาความรู้ต่างๆ 51 00:02:01,760 --> 00:02:03,360 แล้วก็เรียนเก่งมากๆ เลยนะ 52 00:02:03,360 --> 00:02:05,900 ที่สำคัญค่ะ บริเวณแถวๆ บ้านเค้าที่เดวอนเนี่ย 53 00:02:05,900 --> 00:02:08,240 มันเป็นแหล่งที่มีการค้นพบฟอสซิลอยู่แล้วนะคะ 54 00:02:08,240 --> 00:02:11,140 ซึ่งทำให้เค้าเนี่ย สนใจเรื่องราวฟอสซิลตั้งแต่เด็กค่ะ 55 00:02:11,140 --> 00:02:12,140 ดังนั้นตั้งแต่เด็กนะคะ 56 00:02:12,140 --> 00:02:15,920 งานอดิเรกของเค้าเนี่ยก็คือ การตามพ่อไปเที่ยว road trip ที่ต่างๆ ค่ะ 57 00:02:15,920 --> 00:02:18,360 ซึ่งพ่อเค้าก็จะขับรถพาไปเที่ยวนู่นนี่นั่นนะคะ 58 00:02:18,360 --> 00:02:22,880 ส่วนตัวเค้าเนี่ยก็จะไปไล่เก็บพวกฟอสซิล หรือว่าอะไรต่างๆ เนี่ยมาเป็นของสะสมค่ะ 59 00:02:22,880 --> 00:02:26,100 ก็ฟอสซิล จริงๆ มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นฟอสซิลแบบจริงจังขนาดนั้น 60 00:02:26,100 --> 00:02:28,680 ในอังกฤษบางทีมันก็มีพวกเศษซากหอยอะไรอย่างงี้ 61 00:02:28,680 --> 00:02:30,360 ที่มันกลายเป็นหินอะไรอย่างงี้นะคะ 62 00:02:30,360 --> 00:02:32,580 ที่นี้ ต้องบอกว่า เค้าเนี่ยเรียนเก่งมากๆ นะคะ 63 00:02:32,580 --> 00:02:34,140 เพราะว่าในปี 1801 ค่ะ 64 00:02:34,140 --> 00:02:36,680 เค้าก็ได้ทุนนะคะ จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดค่ะ 65 00:02:36,680 --> 00:02:40,140 ให้เข้าไปศึกษาอยู่ใน Corpus Christi College นะคะ 66 00:02:40,140 --> 00:02:41,040 ใน Oxford ค่ะ 67 00:02:41,040 --> 00:02:45,400 และเค้าเนี่ยถือว่าเป็น นักธรณีวิทยาคนแรกของ Oxford เลยทีเดียวนะคะ 68 00:02:45,400 --> 00:02:47,980 ทีนี้หลังจากที่เค้าเข้าไปศึกษาได้ประมาณปีสองปีค่ะ 69 00:02:47,980 --> 00:02:48,980 เค้าก็เรียนจบนะ 70 00:02:48,980 --> 00:02:50,360 แล้วพอเรียนจบออกมาเนี่ย 71 00:02:50,360 --> 00:02:51,920 ด้วยความที่เค้าเก่งมากๆ นะคะ 72 00:02:51,920 --> 00:02:55,280 เค้าก็เลยได้มีโอกาส เข้าไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน Oxford นี่แหละค่ะ 73 00:02:55,280 --> 00:02:57,620 ซึ่งบอกเลยนะคะว่า เทคนิคการสอนของเค้าเนี่ย 74 00:02:57,620 --> 00:03:01,040 มีชื่อเสียงมากๆ แล้วก็โดดเด่นไม่แพ้ใครเลยค่ะ 75 00:03:01,040 --> 00:03:03,800 เพราะว่าเค้าเนี่ยเป็นคนที่ชอบตะโกนถามคำถามนักศึกษานะคะ 76 00:03:03,800 --> 00:03:07,120 ประมาณว่าแบบ เฮ้ย ตอบมาเดี๋ยวนี้ อันนี้คือกะโหลกของอะไร? 77 00:03:07,120 --> 00:03:11,180 แล้วก็เอากะโหลกสัตว์ เช่นแบบ กะโหลกไฮยีน่าเนี่ย ไปแกว่งๆๆ นะคะ 78 00:03:11,180 --> 00:03:12,600 ใส่หน้านักศึกษาค่ะ 79 00:03:12,600 --> 00:03:15,360 ทำให้เค้าเนี่ย ค่อนข้างจะโดดเด่นมากเลยทีเดียวนะ 80 00:03:15,360 --> 00:03:17,400 ซึ่งหลังจากที่เค้าเริ่มอาชีพอาจารย์แล้วเนี่ยนะคะ 81 00:03:17,400 --> 00:03:20,200 ก็ต้องบอกเลยว่า ในปีเดียวกัน เค้าก็บวชเป็นนักบวชด้วยนะ 82 00:03:20,200 --> 00:03:22,720 เพราะว่าใน Oxford เนี่ย มันก็มีโบสถ์ มีอะไรอยู่ด้วยนะ 83 00:03:22,720 --> 00:03:26,020 ในสมัยก่อนมันไม่ค่อยแยกกันระหว่างศาสนจักรกับการศึกษา 84 00:03:26,020 --> 00:03:27,340 ก็คล้ายๆ ไทยนี่แหละค่ะ 85 00:03:27,340 --> 00:03:30,440 เวลาจะเรียนอะไรก็ต้องไปอยู่ในวัด อยู่ในโบสถ์ ว่าอย่างนั้นเถอะ 86 00:03:30,440 --> 00:03:31,880 นอกจากนี้เนี่ยนะคะ ก็ต้องบอกว่า 87 00:03:31,880 --> 00:03:35,880 เค้าเนี่ย ไต่เต้าตำแหน่งอาชีพของเค้าขึ้นไปได้เรื่อยๆๆ เลยค่ะ 88 00:03:35,880 --> 00:03:39,660 ซึ่งในตอนท้ายๆ เนี่ย เค้าถึงขั้นที่ว่า เค้าได้ไปสอนที่ Christ Church ด้วยนะ 89 00:03:39,660 --> 00:03:41,160 จำได้ไหมคะ Christ Church College? 90 00:03:41,160 --> 00:03:42,800 เป็น college สำคัญมากๆ ใน Oxford เนอะ 91 00:03:42,800 --> 00:03:44,360 เราพูดถึงกันไปหลายคลิปแล้ว 92 00:03:44,360 --> 00:03:46,900 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องพระราชประวัติรัชกาลที่ 6 93 00:03:46,900 --> 00:03:49,240 ในเรื่องตามติ่งแฮรี่ หรือในที่ต่างๆ นะ 94 00:03:49,240 --> 00:03:50,320 เท่านั้นยังไม่พอนะคะ 95 00:03:50,320 --> 00:03:52,060 ต้องบอกว่า อาชีพสุดท้ายของเค้าเนี่ย 96 00:03:52,060 --> 00:03:53,600 เค้าเป็นถึงอธิการบดีนะคะ 97 00:03:53,600 --> 00:03:57,320 หรือว่า dean ของ Westminster College ใน Oxford เลยทีเดียวนะ 98 00:03:57,320 --> 00:03:59,560 ก็เรียกได้ว่า ตำแหน่งใหญ่มากเลยทีเดียวค่ะ 99 00:03:59,560 --> 00:04:03,140 ทีนี้ถามว่า เค้าไปทำอะไรมา ทำไมเค้าถึงได้ตำแหน่งใหญ่ขนาดนี้นะ? 100 00:04:03,140 --> 00:04:04,960 ก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตค่ะ 101 00:04:04,960 --> 00:04:08,560 ที่บอกว่า เค้ามีงานอดิเรกในการสะสมซากฟอสซิลต่างๆ เนี่ย 102 00:04:08,560 --> 00:04:10,400 เค้าไม่ได้หยุดสะสมแค่นั้นค่ะ 103 00:04:10,400 --> 00:04:14,780 คือยิ่งโตขึ้นเนี่ย เค้าก็ยิ่งสะสมซากฟอสซิลมากขึ้นๆ นะคะ 104 00:04:14,780 --> 00:04:17,680 จนกระทั่ง มันไม่ใช่แค่ฟอสซิลพืชและสัตว์ทั่วไปแล้วไง 105 00:04:17,680 --> 00:04:21,000 เค้าไปสะสมถึงขั้นแบบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์เลยนะคะ 106 00:04:21,000 --> 00:04:22,780 ซึ่งต้องบอกว่า ในยุคสมัยของเค้าเนี่ย 107 00:04:22,780 --> 00:04:24,840 มันยังไม่มีคำว่า ไดโนเสาร์เกิดขึ้นค่ะ 108 00:04:24,840 --> 00:04:27,340 ทีนี้ นี่แหละคือ งานที่เด่นที่สุดของเค้านะคะ 109 00:04:27,340 --> 00:04:27,880 ในด้านดีๆ 110 00:04:27,880 --> 00:04:29,580 เน้นอีกครั้งว่า ในด้านดีๆ 111 00:04:29,580 --> 00:04:32,880 ต้องบอกว่า มนุษย์เราเนี่ย มีการค้นพบซากกระดูกไดโนเสาร์เนี่ยนะคะ 112 00:04:32,880 --> 00:04:34,520 มาประมาณเป็นพันปีแล้วแหละ 113 00:04:34,520 --> 00:04:36,620 ชาวจงชาวจีน ชาวอะไรขุดดินลงไป 114 00:04:36,620 --> 00:04:38,460 เค้าก็เจอซากไดโนเสาร์กันทั้งนั้น 115 00:04:38,460 --> 00:04:41,320 แต่พอเจอแล้วเนี่ย เค้าไม่รู้ว่า มันคือสัตว์ชนิดไหนค่ะ 116 00:04:41,320 --> 00:04:43,340 ดูมาแล้วเนี่ย เอ๊ะ จะเป็นกระดูกช้างก็ไม่ใช่ 117 00:04:43,340 --> 00:04:44,700 กระดูกอะไรก็ไม่ใช่ 118 00:04:44,700 --> 00:04:49,100 ดังนั้นนะคะ ในแต่ละประเทศก็เลยมีการจินตนาการในรูปแบบของตัวเองค่ะว่า 119 00:04:49,100 --> 00:04:51,800 ไอ้เศษซากที่ไปขุดเจอเนี่ย คือเศษซากของอะไร 120 00:04:51,800 --> 00:04:53,360 ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศจีนนะคะ 121 00:04:53,360 --> 00:04:55,760 ก็เอาไปจินตนาการค่ะว่า อ่อ มันเป็นมังกร 122 00:04:55,760 --> 00:04:57,360 เป็นมังกรยาวๆ อย่างนี้นะ 123 00:04:57,360 --> 00:05:00,480 มีเขาเหมือนกิเลน มีหางเหมือนปลา อะไรอย่างนี้ 124 00:05:00,480 --> 00:05:01,940 ส่วนในไทย คิดว่าเป็นอะไร? 125 00:05:01,940 --> 00:05:03,480 คิดว่าเป็นงูขนาดใหญ่ค่ะ 126 00:05:03,480 --> 00:05:05,540 นั่นก็คือ พญานาค นั่นเอง 127 00:05:05,540 --> 00:05:08,920 ส่วนฝั่งยุโรปนี่ก็ชัดเจนนะคะว่า ไปจินตนาการว่าเป็นมังกร 128 00:05:08,920 --> 00:05:11,180 แบบมีปีก บินพับๆ แล้วก็พ่นไฟได้ค่ะ 129 00:05:11,180 --> 00:05:13,340 ทีนี้ที่ผ่านมา หนึ่งพันปีที่ผ่านมาเนี่ย 130 00:05:13,340 --> 00:05:16,580 ค้นพบมันก็จะอยู่ในรูปแบบตำนงตำนานอะไรอย่างนี้ใช่ไหม? 131 00:05:16,580 --> 00:05:18,700 แต่ในช่วงเวลาของคุณ Buckland นี่อ่ะค่ะ 132 00:05:18,700 --> 00:05:21,700 มันมีการค้นพบซากไดโนเสาร์นะคะ ในประเทศอังกฤษค่ะ 133 00:05:21,700 --> 00:05:24,420 เมื่อปี 1822 นะคะ มีนักธรณีวิทยาคนนึงค่ะ 134 00:05:24,420 --> 00:05:25,220 เป็นชาวอังกฤษเนอะ 135 00:05:25,220 --> 00:05:26,720 ชื่อว่า Gideon Mantell ค่ะ 136 00:05:26,720 --> 00:05:29,340 เค้าเนี่ยไปขุดค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ขึ้นมานะคะ 137 00:05:29,340 --> 00:05:32,120 ทีนี้เค้าก็เริ่มเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาจับกับสิ่งนี้แล้วค่ะ 138 00:05:32,120 --> 00:05:35,900 เค้าก็จินตนาการว่า เอ๊ ไอ้สิ่งนี้มันน่าจะเป็นอิกัวน่าขนาดยักษ์นะ 139 00:05:35,900 --> 00:05:37,660 เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครคิดขึ้นมาว่า 140 00:05:37,660 --> 00:05:39,980 ในสมัยก่อนที่จะเป็นยุคสมัยของมนุษย์เนี่ย 141 00:05:39,980 --> 00:05:42,580 มันจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ไดโนเสาร์ ขึ้นมาค่ะ 142 00:05:42,580 --> 00:05:44,720 ดังนั้นนะคะ เค้าก็จินตนาการขึ้นมาว่า 143 00:05:44,720 --> 00:05:47,000 อ่อ นี่มันน่าจะเป็นอิกัวน่ายักษ์แน่ๆ เลย 144 00:05:47,000 --> 00:05:49,760 ดังนั้นนะคะ ไดโนเสาร์พันธุ์แรกของโลกที่มีการค้นพบเนี่ย 145 00:05:49,760 --> 00:05:52,140 ก็เลยชื่อว่า Iguanodon นั่นเองค่ะ 146 00:05:52,140 --> 00:05:55,760 หลังจากนั้น 2 ปีนะคะ ก็มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์อีกเซ็ตนึงค่ะ 147 00:05:55,760 --> 00:05:58,180 ซึ่งในคราวนี้ คุณ Buckland ของเราเนี่ยนะ 148 00:05:58,180 --> 00:05:59,560 คนที่เป็นพระเอกของเราเนี่ย 149 00:05:59,560 --> 00:06:02,120 เค้าก็ไปร่วมการค้นพบอะไรอย่างนี้ด้วย 150 00:06:02,120 --> 00:06:04,160 แล้วเค้าก็เป็นคนแรกในโลกนะคะ 151 00:06:04,160 --> 00:06:07,940 ที่ตัดสินใจเขียน article เกี่ยวกับไดโนเสาร์เนี่ย 152 00:06:07,940 --> 00:06:10,260 อย่างเป็นทางการในด้านวิทยาศาสตร์ค่ะ 153 00:06:10,260 --> 00:06:11,940 ดั้งนั้นกระดูกไดโนเสาร์พันธุ์นั้นนะคะ 154 00:06:11,940 --> 00:06:15,140 ก็เลยได้ชื่อว่า Megalosaurus Bucklandii นั่นเองค่ะ 155 00:06:15,140 --> 00:06:16,420 ก็เป็นเกียรติให้กับเค้านะคะ 156 00:06:16,420 --> 00:06:21,860 ในฐานะคนแรกที่ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวไดโนเสาร์ในฐานะบทความทางวิทยาศาสตร์ค่ะ 157 00:06:21,860 --> 00:06:23,480 หลังจากยุคของสองคนนี้นะคะ 158 00:06:23,480 --> 00:06:26,440 ก็จะมีการขุดค้นพบเศษซากของไดโนเสาร์อีกมากมายนะ 159 00:06:26,440 --> 00:06:29,060 จนกระทั่งนำไปสู่การบัญญัติศัพท์ คำว่า dinosaur 160 00:06:29,060 --> 00:06:31,180 ซึ่งกลายมาเป็นคำว่า ไดโนเสาร์ ในที่สุดค่ะ 161 00:06:31,180 --> 00:06:33,560 แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่เราจะเล่าเนอะ 162 00:06:33,560 --> 00:06:35,160 กลับมาที่คุณ Buckland ของเราค่ะ 163 00:06:35,160 --> 00:06:38,300 ผลงานครั้งนี้นะคะ ที่เค้าได้ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์เนี่ย 164 00:06:38,420 --> 00:06:39,580 เป็นคนแรกของโลก 165 00:06:39,580 --> 00:06:41,300 เค้าก็เลยได้รับเหรียญตรานะคะ 166 00:06:41,300 --> 00:06:42,960 ถึง 2 เหรียญด้วยกันค่ะ 167 00:06:42,960 --> 00:06:44,580 ก็คือเหรียญรางวัล Copley นะคะ 168 00:06:44,580 --> 00:06:48,040 ซึ่งเป็นเหรียญที่แบบมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของอังกฤษนะ 169 00:06:48,040 --> 00:06:49,560 รวมไปถึงเหรียญ Wallaston นะคะ 170 00:06:49,560 --> 00:06:52,500 ซึ่งก็เป็นเหรียญสำคัญด้านธรณีวิทยาต่างๆ เหมือนกัน 171 00:06:52,500 --> 00:06:56,100 แต่วันนี้ค่ะ เราจะไม่ได้มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติดีๆ ของเค้านะคะ 172 00:06:56,100 --> 00:07:00,740 เพราะว่าทุกคนสามารถหาอ่านได้เองในทำเนียบนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นของโลก 173 00:07:00,740 --> 00:07:02,260 เรียกได้ว่า เค้าสำคัญขนาดนั้นเลยนะ 174 00:07:02,260 --> 00:07:03,760 ก็อยู่ในทำเนียบนั้นด้วย 175 00:07:03,760 --> 00:07:06,680 แต่เราจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเค้าค่ะ 176 00:07:06,680 --> 00:07:08,200 เพราะว่าชีวิตส่วนตัวของเค้าเนี่ย 177 00:07:08,200 --> 00:07:10,440 พี้คกว่าหน้าที่การงานของเค้าไปไกลเลยค่ะ 178 00:07:10,440 --> 00:07:14,540 เรียกได้กว่า ฉากหน้าที่ดูเป็นเหมือนคนที่แบบน่านับหน้าถือตาในสังคมเนี่ยนะ 179 00:07:14,540 --> 00:07:16,260 ฉากหลัง หนักกว่านั้นเยอะค่ะ 180 00:07:16,260 --> 00:07:18,180 เพราะว่าจำได้ไหมเมื่อกี้ที่วิวเล่าว่า 181 00:07:18,180 --> 00:07:21,760 เค้าเป็นคนที่ชอบสะสมซากธรณีวิทยาอะไรต่างๆ 182 00:07:21,760 --> 00:07:23,760 ก็ต้องบอกว่า เค้าสะสมไว้เยอะมากจริงๆ นะคะ 183 00:07:23,760 --> 00:07:26,240 มากขนาดที่ว่า ตอนที่เค้าตายไปแล้วเนี่ย 184 00:07:26,240 --> 00:07:29,640 ทุกอย่างที่เค้าสะสม สามารถเอาไปทำเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ห้องนึงเลยนะ 185 00:07:29,640 --> 00:07:32,780 และห้องนั้นก็ชื่อว่าห้องแบบ William Bucklandy เลยทีเดียวค่ะ 186 00:07:32,780 --> 00:07:36,920 อย่างไรก็ตามค่ะ เค้าเนี่ยไม่ได้สะสมแค่ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วนะคะ 187 00:07:36,920 --> 00:07:38,820 แต่ว่าในตอนที่เค้ามีชีวิตอยู่เนี่ย 188 00:07:38,820 --> 00:07:41,160 เค้าชอบสะสมสัตว์ที่มีชีวิตด้วยค่ะ 189 00:07:41,160 --> 00:07:42,760 ต้องบอกว่า ที่ทำงานของเค้าเนี่ยนะคะ 190 00:07:42,760 --> 00:07:46,800 บรรจุไปด้วยสัตว์ที่มีหลากหลายชนิดมากๆๆ เลยทีเดียวค่ะ 191 00:07:46,800 --> 00:07:48,840 ถามว่า เค้าเลี้ยงของประหลาดขนาดไหนนะคะ? 192 00:07:48,840 --> 00:07:51,540 ก็ที่ทำงานของเค้าเนี่ย ก็เต็มไปด้วยงูพันธุ์ต่างๆ นะคะ 193 00:07:51,540 --> 00:07:53,240 นกอินทรีย์ ลิง 194 00:07:53,240 --> 00:07:54,840 รวมไปถึงไฮยีนานะคะ 195 00:07:54,840 --> 00:07:57,480 ซึ่งไฮยีนานี่เค้าก็ตั้งชื่อให้มันด้วยนะว่า เจ้าบิลลี่ 196 00:07:57,480 --> 00:07:59,000 ก็เป็นไฮยีนาของเค้าค่ะ 197 00:07:59,000 --> 00:08:01,060 คือนอกจากบ้าเลี้ยงสัตว์แปลกๆ แล้วเนี่ยนะคะ 198 00:08:01,060 --> 00:08:04,120 ต้องบอกว่า เค้ามีอีกนิสัยนึงค่ะที่แปลกไม่แพ้กันเลย 199 00:08:04,120 --> 00:08:05,940 นั่นก็คือ บ้ากินเนื้อแปลกๆ 200 00:08:05,940 --> 00:08:07,760 คำว่า เนื้อแปลกๆ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าแบบ 201 00:08:07,760 --> 00:08:10,040 อ่อ ไปกินเนื้อวัวให้ครบทุกพันธุ์ในโลก 202 00:08:10,040 --> 00:08:11,560 เนื้อมัตสึซากะ 203 00:08:11,560 --> 00:08:12,740 เนื้อโกเบ 204 00:08:12,740 --> 00:08:14,080 เนื่ออะไรต่างๆ 205 00:08:14,080 --> 00:08:14,960 ไม่ใช่นะคะ 206 00:08:14,960 --> 00:08:16,840 แต่คำว่าเนื้อแปลกๆ ของเค้าเนี่ยหมายถึง 207 00:08:16,840 --> 00:08:19,260 เนื้อสัตว์แปลกๆ ที่มนุษย์ทั่วไปเค้าไม่กินกันค่ะ 208 00:08:19,260 --> 00:08:21,380 ยกตัวอย่างเช่น เวลามีใครสักคนมาถามว่าแบบ 209 00:08:21,380 --> 00:08:23,120 เฮ้ย อาหารจานโปรดของคุณคืออะไรอ่ะ? 210 00:08:23,120 --> 00:08:25,140 คุณ Buckland เนี่ยนะคะ เค้าก็จะตอบว่า 211 00:08:25,140 --> 00:08:28,320 อ่อ อาหารจานโปรดของผมก็คือ mice on toast 212 00:08:28,320 --> 00:08:30,340 mice on toast แปลกันออกไหมทุกคน? 213 00:08:30,340 --> 00:08:31,480 mice แปลว่าอะไร? 214 00:08:31,480 --> 00:08:32,560 mice แปลว่า หนู 215 00:08:32,560 --> 00:08:33,300 toast คืออะไร? 216 00:08:33,300 --> 00:08:34,420 toast คือขนมปังปิ้ง 217 00:08:34,420 --> 00:08:36,900 ดังนั้นนะคะ อาหารโปรดของคุณ Buckland ก็คือ 218 00:08:36,900 --> 00:08:39,480 ขนมปังปิ้งหน้าหนู นั่นเอง 219 00:08:39,480 --> 00:08:43,600 ซึ่งก็แบบ คนเรามันจะชอบกินอะไรแบบนี้จริงๆ เหรอ? นะคะ 220 00:08:43,600 --> 00:08:45,960 แต่อย่างไรก็ดีค่ะ หนูมันก็อาจจะไม่ได้แปลกขนาดนั้น 221 00:08:45,960 --> 00:08:48,900 เพราะว่าประเทศไทยเราก็กินหนูนงหนูนาย่างอะไรใช่ไหม? 222 00:08:48,900 --> 00:08:50,600 คิดว่ายังแปลกกันไม่พอใช่ไหมคะ? 223 00:08:50,600 --> 00:08:54,160 อ่ะ ยกตัวอย่างเวลาเค้าจัดปาร์ตี้ แล้วเค้าเป็น host ปาร์ตี้เป็นเจ้าภาพ 224 00:08:54,160 --> 00:08:57,020 เชิญคนมางานปาร์ตี้ ถามว่าคนได้กินเนื้ออะไรรู้ไหม? 225 00:08:57,020 --> 00:08:59,340 สิ่งที่เค้าเอามาเลี้ยงในงานปาร์ตี้นะคะ คือเนื้อของ 226 00:08:59,340 --> 00:09:01,180 หนึ่งเลย เนื้อของลูกหมา puppy 227 00:09:01,180 --> 00:09:02,860 คือแบบ กินลูกหมาอ่ะทุกคน 228 00:09:02,860 --> 00:09:04,960 อ่ะ แต่ถ้าพูดจริงๆ มันก็ยังไม่ได้แปลกขนาดนั้น 229 00:09:04,960 --> 00:09:07,560 เพราะว่าบางประเทศในโลกก็ยังกินหมาอยู่นะ 230 00:09:07,560 --> 00:09:09,180 เท่านั้นยังไม่พอ เค้ากินอะไรอีก? 231 00:09:09,180 --> 00:09:10,060 กินเสือดำ 232 00:09:10,060 --> 00:09:11,960 ใช่ค่ะ หลักสูตรเดียวกันเลย 233 00:09:11,960 --> 00:09:13,900 อันนี้ก็กินเสือดำเหมือนกันค่ะทุกคน 234 00:09:13,900 --> 00:09:16,140 และยังไม่พอนะคะ ก็ยังมีเนื้อ porpoise ค่ะ 235 00:09:16,140 --> 00:09:20,420 porpoise ก็คือสัตว์ที่เป็นอยู่ในวงศ์ของปลาวาฬกับปลาโลมา 236 00:09:20,420 --> 00:09:21,940 อ่ะ 3 อย่างนี้ถามว่าแปลกไหม? 237 00:09:21,940 --> 00:09:23,520 ก็แปลก แต่ยังไม่ได้แปลกขนาดนั้น 238 00:09:23,520 --> 00:09:25,120 เพราะว่าญี่ปุ่นก็กินปลาวาฬ 239 00:09:25,120 --> 00:09:26,600 บางประเทศก็กินหมา 240 00:09:26,600 --> 00:09:28,700 แล้วก็เสือดำ เราก็เห็นไปแล้วอ่ะนะว่า ใครกิน 241 00:09:28,700 --> 00:09:31,100 ต้องบอกว่า อาหารที่เค้ากินเนี่ย แปลกไปกว่านั้นอีกค่ะ 242 00:09:31,100 --> 00:09:33,880 เพราะว่าเค้าเนี่ยมีความใฝ่ฝันอย่างนึงอยู่ในชีวิตค่ะ 243 00:09:33,880 --> 00:09:37,680 นั่นก็คือ เค้าจะกินเนื้อสัตว์ให้ครบทุกชนิดในโลกนะคะ 244 00:09:38,440 --> 00:09:41,160 ก็เป็นความใฝ่ฝันที่แปลกดีเหมือนกันนะ 245 00:09:41,160 --> 00:09:42,860 ซึ่งถามว่า เค้าทำได้จริงไหม? 246 00:09:42,860 --> 00:09:44,820 โอเค มันอาจจะไม่ได้กินทุกอย่างในโลก 247 00:09:44,820 --> 00:09:46,280 แต่เค้าเนี่ยกินมากพอนะคะ 248 00:09:46,280 --> 00:09:48,900 ถึงขนาดที่จะสามารถตอบคนได้เลยค่ะว่า 249 00:09:48,900 --> 00:09:51,240 ในบรรดาเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ฉันกินมานะ 250 00:09:51,240 --> 00:09:54,400 สิ่งที่รสชาติแย่ที่สุดเลยคือ หนึ่ง เนื้อของตัวตุ่น 251 00:09:54,400 --> 00:09:58,620 แล้วก็สองคือ เนื้อของแมลงวันหัวเขียว พันธุ์ที่เป็นสีฟ้า 252 00:09:58,620 --> 00:10:00,180 คือแบบ..... 253 00:10:00,180 --> 00:10:02,200 กินแมลงวันหัวเขียว คิดได้ยังไงอ่ะคะทุกคน? 254 00:10:02,200 --> 00:10:06,040 เอาเป็นว่า เค้าก็ชิมมาเยอะพอที่เค้าจะตอบคำถามข้อนี้ได้แล้วค่ะ 255 00:10:06,040 --> 00:10:10,100 ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่สัตว์แปลกๆ เป็นแบบเนื้อสัตว์ตัวๆ นะคะที่คุณ Buckland กิน 256 00:10:10,100 --> 00:10:11,960 แต่ว่าเค้ากินแปลกไปถึงขั้นที่ว่า 257 00:10:11,960 --> 00:10:14,280 ครั้งนึงเค้าเคยไปเที่ยวโบสถ์ที่อิตาลีค่ะ 258 00:10:14,280 --> 00:10:16,800 แล้วโบสถ์นี้ มันมีตำนานท้องถิ่นเล่าว่า 259 00:10:16,800 --> 00:10:19,020 ผนังของโบสถ์นะ รวมไปถึงพื้นเนี่ย 260 00:10:19,020 --> 00:10:22,020 ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของนักบุญมาจนถึงทุกวันนี้ 261 00:10:22,020 --> 00:10:24,520 ซึ่งคุณ Buckland นะคะ ได้ยินแบบนั้นปุ๊บ เค้าก็บอกว่า 262 00:10:24,520 --> 00:10:26,020 ไม่จริงอ่ะ เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้ 263 00:10:26,020 --> 00:10:27,760 ด้วยความที่ฉันเป็นนักกินมือฉกาจนะ 264 00:10:27,760 --> 00:10:29,140 ฉันชิมนิดเดียว ฉันรู้แล้ว 265 00:10:29,140 --> 00:10:31,000 ฉันเคยกินทุกอย่างมาบนโลกแล้วนะคะ 266 00:10:31,000 --> 00:10:33,260 ดังนั้นค่ะ คุณ Buckland ก็เลย เลียเลยค่ะ 267 00:10:33,260 --> 00:10:36,260 เลียไปเลียมานะคะ ไม่รู้ว่าเลียพื้นหรือเลียผนังอ่ะนะ 268 00:10:36,260 --> 00:10:37,920 แต่เค้าเนี่ยสรุปออกมาได้ค่ะว่า 269 00:10:37,920 --> 00:10:40,200 เฮ้ย ไอ้ที่มันอยู่ที่พื้นกับผนังของโบสถ์อ่ะ 270 00:10:40,200 --> 00:10:41,480 มันไม่ใช่เลือดนักบุญแน่นอน 271 00:10:41,480 --> 00:10:42,540 ตำนานนี้ผิด 272 00:10:42,540 --> 00:10:44,640 สิ่งที่มันอยู่ที่พื้นกับผนังของโบสถ์เนี่ย 273 00:10:44,640 --> 00:10:45,980 มันคือ ฉี่ค้างคาว ต่างหาก 274 00:10:45,980 --> 00:10:47,760 ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า เค้ารู้ได้ไง? 275 00:10:47,760 --> 00:10:50,680 แปลว่า อย่างน้อย ต้องเคยชิมฉี่ค้างคาวมาก่อนถูกไหม? 276 00:10:50,680 --> 00:10:51,760 อย่างไรก็ตามค่ะ 277 00:10:51,760 --> 00:10:55,000 เรื่องราวนี้ยังไม่ใช่ของที่แปลกที่สุดที่คุณ Buckland เคยกินนะคะ 278 00:10:55,000 --> 00:10:58,360 แต่ว่าเรื่องราวของที่แปลกที่สุดที่เป็นระดับตำนาน 279 00:10:58,360 --> 00:10:59,980 ที่คุณ Buckland เคยกินเนี่ย 280 00:10:59,980 --> 00:11:01,640 มันยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะเลยค่ะ 281 00:11:01,640 --> 00:11:04,740 ถ้าจะต้องเล่านะคะว่า สิ่งที่คุณ Buckland เคยกินแล้วแปลกที่สุดเนี่ย 282 00:11:04,740 --> 00:11:06,820 มันแปลกขนาดไหน? มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน? 283 00:11:06,820 --> 00:11:09,260 ต้องเล่าย้อนไปก่อนเค้าเกิดนานมากเลยค่ะ 284 00:11:09,260 --> 00:11:12,040 เพราะว่าเค้าเกิดในช่วงประมาณปี 18 กว่าๆ ใช่ไหม? 285 00:11:12,040 --> 00:11:13,500 ช่วงศตวรรษที่ 19 286 00:11:13,500 --> 00:11:16,920 แต่ว่าเรื่องราวนี้นะคะ ต้องเล่าย้อนไปถึงช่วงศตวรรษที่ 13 ค่ะ 287 00:11:16,920 --> 00:11:18,500 ในศตวรรษที่ 13 นะคะ 288 00:11:18,500 --> 00:11:22,060 ที่ฝรั่งเศสค่ะ มีประเพณีนึงที่ทุกวันนี้ เค้าไม่มีกันแล้วล่ะ 289 00:11:22,060 --> 00:11:26,760 นั่นก็คือ ประเพณีการรักษาอวัยวะภายในของกษัตริย์ แล้วก็ราชินีในสมัยนั้นนะคะ 290 00:11:26,760 --> 00:11:30,220 โดยเค้าจะเอาพวกเครื่องในต่างๆ แล้วก็หัวใจ อะไรพวกอย่างงี้ 291 00:11:30,220 --> 00:11:32,620 ออกมาแล้วก็มาใช้กระบวนการ mummify 292 00:11:32,620 --> 00:11:35,040 หรือว่า กระบวนการคล้ายๆ กับการทำให้เป็นมัมมี่ค่ะ 293 00:11:35,040 --> 00:11:37,220 ก็คือดูดความชื้นออก ว่าอย่างนั้นเถอะ 294 00:11:37,220 --> 00:11:40,560 หลังจากนั้นนะคะ ก็จะมีการเอาไปเก็บรักษาในรูปแบบต่างๆ ค่ะ 295 00:11:40,560 --> 00:11:41,800 โดยเฉพาะหัวใจนะคะ 296 00:11:41,800 --> 00:11:44,300 ซึ่งเป็นอวัยวะภายในชิ้นสำคัญที่สุดค่ะ 297 00:11:44,300 --> 00:11:46,940 ก็จะมีการแยกออกมา เอามาใส่โถบูชาอย่างงดงาม 298 00:11:46,940 --> 00:11:48,120 เอาไปร่วมพิธีศพ 299 00:11:48,120 --> 00:11:50,900 รวมไปถึงตอนสุดท้าย หลังจากจัดพิธีศพเสร็จแล้วเนี่ย 300 00:11:50,900 --> 00:11:52,240 เค้าก็จะเอาแยกกับร่างค่ะ 301 00:11:52,240 --> 00:11:53,680 ร่างก็ฝั่งไปที่นึงเนอะ 302 00:11:53,680 --> 00:11:57,480 ส่วนหัวใจเนี่ย ก็มักจะเอาไปไว้ที่ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับกษัตริย์ 303 00:11:57,480 --> 00:11:59,260 หรือว่าพระราชินีองค์นั้นๆ นะคะ 304 00:11:59,260 --> 00:12:01,440 และแน่นอนว่า กษัตริย์พระองค์นึง 305 00:12:01,440 --> 00:12:04,400 ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มากๆ ของฝรั่งเศสในยุคนั้นค่ะ 306 00:12:04,400 --> 00:12:06,360 ก็ต้องมีกระบวนการนี้ด้วยนะคะ 307 00:12:06,360 --> 00:12:08,960 ก็คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่นเอง 308 00:12:08,960 --> 00:12:10,960 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือว่า The Sun เนี่ยนะคะ 309 00:12:10,960 --> 00:12:13,340 เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มากๆ ของฝรั่งเศส 310 00:12:13,340 --> 00:12:16,380 หลายๆ คนน่าจะคุ้นกันดีกับวีรกรรมต่างๆ ของท่านเนอะ 311 00:12:16,380 --> 00:12:19,500 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพระราชวังแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่มากๆ 312 00:12:19,500 --> 00:12:22,760 เพื่อแสดงอำนาจความเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของตัวเอง 313 00:12:22,760 --> 00:12:24,900 หรือว่าได้ยินในประวัติศาสตร์ไทยที่ว่า 314 00:12:24,900 --> 00:12:27,860 พระยาโกษาธิบดีปานก็ไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศส 315 00:12:27,860 --> 00:12:29,920 ก็ในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นี่แหละค่ะ 316 00:12:29,920 --> 00:12:31,880 ก็เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนอะ 317 00:12:31,880 --> 00:12:35,060 ซึ่งวันนี้นะคะ วิวไม่ได้จะมาเล่าถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์เหล่านั้นค่ะ 318 00:12:35,060 --> 00:12:37,540 แต่วิวจะมาเล่าถึงหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยแหละ 319 00:12:37,540 --> 00:12:39,500 แน่นอนนะคะว่า หลังจากที่สิ้นพระชนม์เนี่ย 320 00:12:39,500 --> 00:12:43,580 หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ต้องผ่านกระบวนการการเก็บรักษาแบบนี้เหมือนกันนะคะ 321 00:12:43,580 --> 00:12:45,860 แล้วก็โดนเอาไปไว้ที่โบสถ์แห่งนึงค่ะ 322 00:12:45,860 --> 00:12:48,060 คู่กับหัวใจของพ่อของเค้าเองนะคะ 323 00:12:48,060 --> 00:12:49,520 ซึ่งก็เป็นกษัตริย์เหมือนกันอ่ะนะ 324 00:12:49,520 --> 00:12:52,800 ทีนี้หลังจากที่มันอยู่ที่นั่นมาประมาณ 70 ปีค่ะ 325 00:12:52,800 --> 00:12:56,120 ปรากฏว่ามีเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึงเกิดขึ้นในฝรั่งเศสนะคะ 326 00:12:56,120 --> 00:12:59,020 นั่นก็คือ เหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส นั่นเองค่ะ 327 00:12:59,020 --> 00:13:01,360 ปรากฏว่า พอมีการปฏิวัติฝรั่งเศสเนอะ 328 00:13:01,360 --> 00:13:02,800 คนก็ไม่นับถือกษัตริย์ 329 00:13:02,800 --> 00:13:04,800 คนก็แบบไม่โอเคกับราชวงศ์ 330 00:13:04,800 --> 00:13:06,700 มีการล้มล้างราชวงศ์ต่างๆ ค่ะ 331 00:13:06,700 --> 00:13:10,560 ก็ทีมีการเอาพระราชินีมารี อ็องตัวแน็ตกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไปตัดคอ นั่นแหละค่ะ 332 00:13:10,560 --> 00:13:12,220 ทีนี้พอมันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนะคะ 333 00:13:12,220 --> 00:13:15,480 คนก็เหมือนกับไม่ค่อยได้ใส่ใจระบบกษัตริย์อะไรเท่าไหร่ตอนนั้นค่ะ 334 00:13:15,480 --> 00:13:18,640 ทำให้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ หลุดออกมาค่ะ 335 00:13:18,640 --> 00:13:20,500 คือหลุดออกมาจากในโบสถ์ได้ไงไม่รู้นะ 336 00:13:20,500 --> 00:13:22,340 แต่ว่ามันโดนขายทอดตลาดไปค่ะ 337 00:13:22,340 --> 00:13:25,040 แล้วก็ไปตกอยู่ในมือของจิตรกรคนนึงนะคะ 338 00:13:25,040 --> 00:13:26,760 ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากๆ 339 00:13:26,760 --> 00:13:28,700 เค้าเนี่ยชื่อว่า Alexandre Pau ค่ะ 340 00:13:28,700 --> 00:13:31,080 ซึ่งต้องบอกว่า จิตรกรในสมัยนั้นเนี่ย 341 00:13:31,080 --> 00:13:33,720 ถามว่า ทำยังไงให้รูปภาพของตัวเองแตกต่าง? 342 00:13:33,720 --> 00:13:35,460 แปลกจากรูปภาพของคนอื่น 343 00:13:35,460 --> 00:13:37,840 ก็ต้องบอกว่า เค้านิยมใช้สีกันแบบ organic ค่ะ 344 00:13:37,840 --> 00:13:39,660 คือใช้สีที่ผลิตขึ้นเอง 345 00:13:39,660 --> 00:13:43,160 ทุกคนก็จะพยายามสรรหาสิ่งต่างๆ มาผลิตสีของตัวเองเนอะ 346 00:13:43,160 --> 00:13:46,100 บางคนก็มีการไปเอาต้นไม้แปลกๆ มาบด 347 00:13:46,100 --> 00:13:48,600 บางคนก็ไปเอาพวกหินสีแปลกๆ มาบด 348 00:13:48,600 --> 00:13:52,340 เรียกได้ว่า ใครที่หาสีอะไรที่แปลก ที่ใหม่ได้นะคะ 349 00:13:52,340 --> 00:13:53,620 เอามาวาดภาพของตัวเองเนี่ย 350 00:13:53,620 --> 00:13:54,760 ก็มักจะมีชื่อเสียง 351 00:13:54,760 --> 00:13:56,220 ภาพนั้นก็มักจะแพงไปด้วยค่ะ 352 00:13:56,220 --> 00:13:59,280 เพราะว่าถือว่าเป็นคนที่ครอบครองสีนี้แค่คนเดียว 353 00:13:59,280 --> 00:14:02,080 คือให้คนอื่นวาด แกก็ไม่ได้สีนี้นะ อะไรแบบนั้น 354 00:14:02,080 --> 00:14:05,220 แบบที่สมัยปัจจุบัน เราน่าจะเห็นดราม่งดราม่ากันที่ 355 00:14:05,220 --> 00:14:07,380 มีจิตรกรบางคนเค้าผลิตสีบางสีขึ้นมา 356 00:14:07,380 --> 00:14:10,300 เพื่อใช้ของตัวเองคนเดียวนะคะ แบบนั้นเลยค่ะ 357 00:14:10,300 --> 00:14:12,460 ซึ่ง Alexandre Pau นะคะ ก็เช่นเดียวกันเลยค่ะ 358 00:14:12,460 --> 00:14:13,660 เค้ามีชื่อเสียงมากๆ นะคะ 359 00:14:13,660 --> 00:14:16,680 เพราะว่าเค้ามีสีน้ำตาลในโทนของตัวเองสีนึงค่ะ 360 00:14:16,680 --> 00:14:18,260 ที่คนอื่นเค้าไม่ใช้กันอ่ะนะ 361 00:14:18,260 --> 00:14:21,240 สีน้ำตาลสีนี้นะคะชื่อว่า mummy brown ค่ะ 362 00:14:21,240 --> 00:14:21,880 ใช่เลยค่ะ 363 00:14:21,880 --> 00:14:24,900 สีน้ำตาลสีนี้นะคะ เกิดจากการเอามัมมี่จากอียิปต์เนี่ยนะ 364 00:14:24,900 --> 00:14:27,000 มาแล้วก็บดค่ะ บดๆๆ แล้ว 365 00:14:27,000 --> 00:14:29,580 แล้วก็เอาผงมัมมี่เนี่ย มาผลิตเป็นสี 366 00:14:29,580 --> 00:14:30,980 แล้วก็ใช้วาดรูปค่ะ 367 00:14:30,980 --> 00:14:33,280 พอพี่แกได้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มานะคะ 368 00:14:33,280 --> 00:14:35,120 พี่แกก็เลยตัดสินใจ บดเลยค่ะ 369 00:14:35,120 --> 00:14:36,200 ก็บดๆๆ นะคะ 370 00:14:36,200 --> 00:14:38,920 ตัดแบ่งออกมานะคะ แล้วก็ค่อยๆ บดทีละก้อนๆ ค่ะ 371 00:14:38,920 --> 00:14:40,860 ทีนี้ก็เอาไปวาดออกมาเป็นภาพวาดนะคะ 372 00:14:40,860 --> 00:14:43,600 เป็นภาพวาดทิวทัศน์ ภาพนี้เลย 373 00:14:43,600 --> 00:14:46,800 นี่แหละค่ะ ภาพที่ได้จากการบดหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนอะ 374 00:14:46,800 --> 00:14:48,420 ซึ่งบังเอิญโชคดีมากๆ ค่ะ 375 00:14:48,420 --> 00:14:49,760 วาดภาพนี้เสร็จแล้วเนี่ย 376 00:14:49,760 --> 00:14:52,020 หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังใช้ไม่หมดค่ะ 377 00:14:52,020 --> 00:14:53,600 ก็ยังเหลืออยู่ประมาณก้อนนึง 378 00:14:53,600 --> 00:14:55,040 ขนาดเท่าประมาณวอลนัทค่ะ 379 00:14:55,040 --> 00:14:57,040 เค้าก็เลยเก็บก้อนนี้เอาไว้นะคะ 380 00:14:57,040 --> 00:14:59,420 ทีนี้หลังจากนั้นมันก็มีการส่งต่อค่ะ 381 00:14:59,420 --> 00:15:01,160 ซึ่งตามที่มีบันทึกไว้เนี่ยนะคะ 382 00:15:01,160 --> 00:15:03,460 ก็ไม่มีใครรู้ค่ะว่า จริงๆ แล้วไปอยู่ที่ไหน 383 00:15:03,460 --> 00:15:07,100 แต่ว่ามีอยู่ทั้งหมด 3 เรื่องราวหลักๆ ด้วยกันนะคะที่มีการเล่ากัน 384 00:15:07,100 --> 00:15:09,860 เรื่องราวแรกเนี่ยนะคะ ก็คือหลังจากที่ปฏิวัติฝรั่งเศสแล้วเนี่ย 385 00:15:09,860 --> 00:15:12,680 มันก็มีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ขึ้นในฝรั่งเศสค่ะ 386 00:15:12,680 --> 00:15:14,900 ตอนนั้นพอมีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ขึ้นเนี่ย 387 00:15:14,900 --> 00:15:18,440 เค้าเนี่ยนะคะ ก็เลยตัดสินใจถวายหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย 388 00:15:18,440 --> 00:15:19,840 คืนให้กับราชสำนักค่ะ 389 00:15:19,840 --> 00:15:21,940 ดังนั้นราชสำนักก็เลยเอาไปเก็บไว้นะคะ 390 00:15:21,940 --> 00:15:23,980 อันนี้คือทฤษฎีแรกเนอะ 391 00:15:23,980 --> 00:15:27,480 ส่วนทฤษฎีที่สองค่ะ บอกว่า เอาไปเก็บไว้ในสถานที่นึงในปารีสนะคะ 392 00:15:27,480 --> 00:15:29,120 ซึ่งวิวจะไม่กล้าออกเสียงให้ฟังเลย 393 00:15:29,120 --> 00:15:31,900 แต่ว่า มันคือสถานที่นี้... 394 00:15:31,900 --> 00:15:34,360 นั่นแหละค่ะ เชื่อยังว่าทำไมถึงไม่กล้าออกเสียงให้ฟัง? 395 00:15:34,360 --> 00:15:35,400 คือชื่อยากจริงๆ เนอะ 396 00:15:35,400 --> 00:15:38,640 และทฤษฎีที่สามค่ะ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีชื่อเสียงที่สุด 397 00:15:38,640 --> 00:15:41,680 แล้วก็เกี่ยวพันกับเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้นี่แหละ 398 00:15:41,680 --> 00:15:43,540 ก็คือมันตกไปอยู่ที่บ้านหลังนึงนะคะ 399 00:15:43,540 --> 00:15:45,400 ของคนที่อยู่ในวงชั้นสูงค่ะ 400 00:15:45,400 --> 00:15:47,760 บ้านหลังนี้นะคะ เป็นบ้านของตระกูล Harcourt ค่ะ 401 00:15:47,760 --> 00:15:53,300 ซึ่งก็ตกทอดหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย ต่อมาเรื่อยๆๆๆ ในตระกูลของตัวเองนะคะ 402 00:15:53,300 --> 00:15:55,720 ทีนี้เค้าก็ไม่ได้ตกทอดมาเป็นก้อนวอลนัทเฉยๆ ค่ะ 403 00:15:55,720 --> 00:15:59,440 แต่ด้วยความที่เค้าคิดว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ นะ 404 00:15:59,440 --> 00:16:01,760 ดังนั้นบ้าน Harcourt นะคะ ก็เลยเอาใส่ล็อกเก็ตเงินเนี่ย 405 00:16:01,760 --> 00:16:03,720 ใส่ชิ้นหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ค่ะ 406 00:16:03,720 --> 00:16:05,200 แล้วก็เก็บเอาไว้นะคะ 407 00:16:05,200 --> 00:16:06,920 หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ 408 00:16:06,920 --> 00:16:09,420 ก็ตกทอดกันอยู่ในบ้าน Harcourt มาเรื่อยๆ ค่ะ 409 00:16:09,420 --> 00:16:12,300 จนกระทั่งถึงปี 1848 นะคะ 410 00:16:12,300 --> 00:16:15,380 ในตอนนั้นเนี่ย เจ้าของบ้านก็มีการจัดปาร์ตี้ขึ้นค่ะ 411 00:16:15,380 --> 00:16:19,180 ซึ่งในปาร์ตี้เนี่ย ก็มีกลุ่มชนชั้นสูงเนี่ยมารวมตัวกันเยอะมากเลยนะคะ 412 00:16:19,180 --> 00:16:21,220 ไม่ว่าจะเป็น Archbishop of York นะคะ 413 00:16:21,220 --> 00:16:23,000 ซึ่งก็เป็นคนในบ้าน Harcourt นี่แหละ 414 00:16:23,000 --> 00:16:24,140 แล้วก็น้องชายของเค้านะคะ 415 00:16:24,140 --> 00:16:27,360 ซึ่งน้องชายของเค้าเนี่ย ก็ถือเป็นคนในแวดวงวิทยาศาสตร์ช่วงนั้นแหละ 416 00:16:27,360 --> 00:16:30,120 เป็นคนก่อตั้งสมาคมอะไรวิทยาศาสตร์สักอย่างนะคะ 417 00:16:30,120 --> 00:16:33,700 แน่นอนว่า จัดงานโดยที่มีคนสมาคมวิทยาศาสตร์อยู่แบบนี้ 418 00:16:33,700 --> 00:16:36,140 คุณ William Buckland ของเราเนี่ยก็ต้องได้รับเชิญ ใช่ไหมคะ? 419 00:16:36,140 --> 00:16:39,180 เพราะว่าถือว่าเป็น big name มากๆ ของนักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นนะ 420 00:16:39,180 --> 00:16:40,700 Buckland ก็มาร่วมงานนี้ค่ะ 421 00:16:40,700 --> 00:16:43,040 ซึ่งในงานนี้นะคะ นึกภาพเวลาเราไปเที่ยวบ้านเพื่อน 422 00:16:43,040 --> 00:16:44,340 แล้วเพื่อนชอบเอาอะไรมาอวดเราอ่ะ 423 00:16:44,340 --> 00:16:48,780 แบบ อ่อ บ้านเราเนี่ยนะ มีสิ่งนี้ดี เป็นสมบัติประจำตระกูล เราขออวดให้ท่านเห็นเถอะ 424 00:16:48,780 --> 00:16:51,160 แน่นอนค่ะ บ้าน Harcourt ก็ทำแบบเดียวกันนะคะ 425 00:16:51,160 --> 00:16:54,100 ก็มีการเอาหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ย 426 00:16:54,100 --> 00:16:55,600 ออกมาอวดกันค่ะว่า 427 00:16:55,600 --> 00:16:58,100 นี่ บ้านฉันมีสิ่งนี้เป็นมรดกตกทอด 428 00:16:58,100 --> 00:17:00,600 คือ หัวของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นะทุกคน 429 00:17:00,600 --> 00:17:05,180 และแน่นอนนะคะว่า ในวงนั้นเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยาอะไรต่างๆ ค่ะ 430 00:17:05,180 --> 00:17:08,740 ทุกคนก็เลยส่งต่อหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กันไปเรื่อยๆ นะคะ 431 00:17:08,740 --> 00:17:10,920 ประมาณว่า ไหน ขอดูหน่อยสิ มันเป็นของจริงหรือเปล่า? 432 00:17:10,920 --> 00:17:14,740 จากความรู้ทางชีววิทยาของฉัน คิดว่ามันจริง คิดว่ามันไม่จริง อะไรต่างๆ นะคะ 433 00:17:14,740 --> 00:17:17,140 จนกระทั่งหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เนี่ยนะคะ 434 00:17:17,140 --> 00:17:19,600 ไปอยู่ในมือของคุณ William Buckland ค่ะ 435 00:17:19,600 --> 00:17:22,580 William Buckland นะคะ พอได้หัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มาในมือ ปุ๊บ 436 00:17:22,580 --> 00:17:23,760 ก็เลยลุกขึ้นยืนเลยค่ะ 437 00:17:23,760 --> 00:17:24,800 ลุกขึ้นมาก็บอกว่า 438 00:17:24,800 --> 00:17:27,260 ฮึม ฮึม ทุกคน จงฟังข้าพเจ้า 439 00:17:27,260 --> 00:17:30,320 ชีวิตนี้เนี่ยนะ ฉันกินอะไรแปลกๆ มาเยอะแยะมากมายแล้วแหละ 440 00:17:30,320 --> 00:17:34,200 แต่อย่างนึงนะที่ฉันไม่เคยกินเลยก็คือ หัวใจของกษัตริย์ นั่นเอง 441 00:17:34,200 --> 00:17:36,480 ว่าแล้วนะคะ พี่แกก็เปิดล็อกเก็ตเงินค่ะ 442 00:17:36,760 --> 00:17:38,340 จกหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 443 00:17:38,340 --> 00:17:39,360 ซึ่งขนาดแค่ลูกวอลนัท 444 00:17:39,360 --> 00:17:41,560 ยัดเข้าปากตัวเอง แล้วก็กลืนลงไปเลย 445 00:17:42,280 --> 00:17:42,840 ซะอย่างนั้น 446 00:17:42,840 --> 00:17:45,820 ก็เล่นเอาทุกคนในวง ก็แบบตะลึงกันไปหมดเลย 447 00:17:45,820 --> 00:17:48,020 ประมาณว่า อ้าว สมบัติประจำตระกูลฉัน? 448 00:17:48,020 --> 00:17:50,400 อ้าว แกกินหัวใจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14? 449 00:17:50,400 --> 00:17:51,380 แกบ้าไปแล้วเหรอ? 450 00:17:51,380 --> 00:17:53,480 นี่หลักฐานทางประวัติศาสตร์เลยนะ 451 00:17:53,480 --> 00:17:54,700 หรือว่าอะไรต่างๆ ค่ะ 452 00:17:54,700 --> 00:17:56,860 แต่ว่า คนบางกลุ่มในนั้น ก็ไม่ได้ตกใจขนาดนั้น 453 00:17:56,860 --> 00:18:00,960 เพราะว่าก็น่าจะชินแล้วแหละ กับการที่คุณ Buckland นี่กินของประหลาดไปทั่วนะคะ 454 00:18:00,960 --> 00:18:05,340 และนี่แหละค่ะ ก็คือวีรกรรมที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตของคุณ Buckland นะคะ 455 00:18:05,340 --> 00:18:09,540 การกินหัวใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ลงไป นั่นเอง 456 00:18:09,540 --> 00:18:12,380 อย่างไรก็ตามค่ะ คุณ Buckland เนี่ย ก็ใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆ นะคะ 457 00:18:12,380 --> 00:18:14,120 เรียกได้ว่า ก็อายุยืนพอสมควรเลย 458 00:18:14,120 --> 00:18:16,180 ก็ไปทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้มากมาย 459 00:18:16,180 --> 00:18:17,440 แบบที่เล่าไปนี่แหละ 460 00:18:17,440 --> 00:18:19,580 ไปเป็นอธิการบดี ไปเป็นอาจารย์ 461 00:18:19,580 --> 00:18:20,500 ไปเป็นอะไรต่างๆ 462 00:18:20,500 --> 00:18:22,760 จนกระทั่งเค้าอายุได้ 72 ปีค่ะ 463 00:18:22,760 --> 00:18:23,820 เค้าถึงตายนะคะ 464 00:18:23,820 --> 00:18:24,800 ส่วนสาเหตุที่ตายเนี่ย 465 00:18:24,800 --> 00:18:27,500 ไม่ต้องห่วง เค้าไม่ได้ท้องเสียตาย หรืออาหารเป็นพิษตายนะคะ 466 00:18:27,500 --> 00:18:29,620 คือกินมาขนาดนี้ คงไม่ตายเพราะเรื่องกินแล้วแหละ 467 00:18:29,620 --> 00:18:31,060 แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เค้าตายเนี่ย 468 00:18:31,060 --> 00:18:32,340 นักวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบัน 469 00:18:32,340 --> 00:18:36,200 คาดเดาว่า เค้าน่าจะตายจากวัณโรคที่มันขึ้นไปที่สมองของเค้าค่ะ 470 00:18:36,200 --> 00:18:38,140 คิดว่า เรื่องนี้มันจบความพี้คแล้วใช่ไหม? 471 00:18:38,140 --> 00:18:39,360 แต่บอกเลยว่า มันยังไม่จบค่ะ 472 00:18:39,360 --> 00:18:40,660 เพราะว่ายังเหลืออีกเรื่องนึงนะ 473 00:18:40,660 --> 00:18:42,960 ก็คือ แม้แต่ตอนที่เค้าตายไปแล้วนะคะ 474 00:18:42,960 --> 00:18:44,100 ป้ายหลุมศพของเค้าเนี่ย 475 00:18:44,100 --> 00:18:47,760 ว่ากันว่า มันก็โดนตัดมาจากหินที่เป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์เหมือนกัน 476 00:18:47,760 --> 00:18:50,680 แต่ว่า เป็นฟอสซิลที่แบบโดนตัดมาทำป้ายหลุมศพก่อน 477 00:18:50,680 --> 00:18:55,040 ก่อนที่พวกนักธรณีวิทยาเนี่ย จะไปสำรวจแล้วเจอว่า มันเป็นฟอสซิลนะคะ 478 00:18:55,040 --> 00:18:58,520 ดังนั้นนี่ก็เป็น เกร็ดอย่างสุดท้ายของคุณ Buckland ที่น่าสนใจค่ะ 479 00:18:58,520 --> 00:19:00,980 เป็นไงบ้างทุกคน? ฟังเรื่องนี้ไป ตื่นเต้นกันไหมคะ? 480 00:19:00,980 --> 00:19:03,200 แปลกใจกันไหม? แล้วก็ช็อคกันไหมนะคะ? 481 00:19:03,200 --> 00:19:05,900 ถ้ารู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พี้คสมกับที่วิวสัญญาไว้ 482 00:19:05,900 --> 00:19:08,100 จำสัญญาเมื่อตอนต้นคลิปกันได้ใช่ไหมคะ? 483 00:19:08,100 --> 00:19:09,820 อย่าลืมกดแชร์คลิปนี้สักครั้งนึง 484 00:19:09,820 --> 00:19:12,580 ไปฝากให้เพื่อนๆ ได้มาช็อคกับพวกเรานะคะ 485 00:19:12,580 --> 00:19:13,560 อย่างไรก็ตามค่ะ 486 00:19:13,560 --> 00:19:16,020 ถ้าใครมีเรื่องราวสนุกๆ อะไร อยากให้วิวเล่าอีก 487 00:19:16,020 --> 00:19:17,760 ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ 488 00:19:17,760 --> 00:19:19,540 หรือกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวก็ได้ค่ะ 489 00:19:19,540 --> 00:19:21,300 สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน 490 00:19:21,300 --> 00:19:22,660 คลิปยาวพอสมควรแล้วค่ะ 491 00:19:22,660 --> 00:19:24,400 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ 492 00:19:24,400 --> 00:19:25,340 เป็นไงคะทุกคน? 493 00:19:25,340 --> 00:19:28,560 เข้าใจความแบบอยากเล่าเรื่องนี้ตอนตีสามของวิวหรือยัง? 494 00:19:28,560 --> 00:19:30,120 ว่าแบบว่า มันสุดขนาดไหน? 495 00:19:30,120 --> 00:19:31,560 มันพี้คขนาดไหนนะคะ? 496 00:19:31,560 --> 00:19:34,600 สำหรับใครที่เห็นชื่อคลิปนี้ หรือว่าเห็นปกคลิปนี้ 497 00:19:34,600 --> 00:19:37,520 บอกเลยว่า ปกคลิปหรือชื่อคลิปที่วิวยังไม่ได้ทำตอนนี้ 498 00:19:37,520 --> 00:19:38,660 แต่ว่าทุกคนเห็นแล้วเนี่ย 499 00:19:38,660 --> 00:19:41,480 เป็นเรื่องที่วิวเครียดมาก แล้วไม่รู้จะทำยังไงดีเลยนะคะ 500 00:19:41,480 --> 00:19:43,320 เพราะว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แบบ 501 00:19:43,320 --> 00:19:45,080 ฉันจะเอาเรื่องไหนขึ้นปกดีทุกคน? 502 00:19:45,080 --> 00:19:46,820 มันพี้คในทุกเรื่องเลยนะคะ 503 00:19:46,820 --> 00:19:48,520 ดังนั้นก็ นั่นแหละค่ะ 504 00:19:48,520 --> 00:19:51,660 สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ ความพยายามของข้าพเจ้านั่นเองนะจ๊ะ 505 00:19:51,660 --> 00:19:52,860 วันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ 506 00:19:52,860 --> 00:19:54,140 บ๊าย บาย 507 00:19:54,140 --> 00:19:55,120 สวัสดีค่ะ