ภาษาอังกฤษมาจากไหน - แคลร์ โบเวอร์น (Claire Bowern)
-
0:07 - 0:11เมื่อเราพูดถึงภาษาอังกฤษ
เรามักจะคิดถึงมันเป็นเพียงภาษาหนึ่ง -
0:11 - 0:15แต่ว่าภาษาถิ่นที่ใช้พูดกัน
ในหลากหลายประเทศทั่วโลก -
0:15 - 0:17มีอะไรที่เหมือนกัน
-
0:17 - 0:19หรือเหมือนกับงานประพันธ์ของเชาเซอร์
-
0:19 - 0:23และมีสักเท่าไรที่เกี่ยวข้องกับคำแปลกๆ
ในบทกวีมหากาพย์เบวูล์ฟ -
0:23 - 0:25คำตอบก็คือเช่นเดียวกับภาษาอื่นๆ
-
0:25 - 0:28ภาษาอังกฤษมีวิวัฒนาการผ่านผู้ใช้ภาษา
จากรุ่นสู่รุ่น -
0:28 - 0:31ผ่านการเปลี่ยนแปลงสำคัญต่างๆ ตามกาลเวลา
-
0:31 - 0:33เมื่อปลดเปลื้องการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
-
0:33 - 0:36เราสามารถย้อนรอยภาษาจากในปัจจุบัน
-
0:36 - 0:38กลับไปยังรากเหง้าโบราณของมันได้
-
0:38 - 0:41ขณะที่ภาษาอังกฤษยุคใหม่
มีคำคล้ายมากมายร่วมกับ -
0:41 - 0:43ภาษาโรมานซ์ที่ถูกดัดแปลงมาจากภาษาละติน
-
0:43 - 0:45เช่น ภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปน
-
0:45 - 0:48คำส่วนใหญ่เหล่านั้นไม่ได้เป็น
ส่วนหนึ่งของภาษามาตั้งแต่ต้น -
0:48 - 0:50แต่ทว่า พวกมันเริ่มที่จะเข้ามาในภาษานี้
-
0:50 - 0:55พร้อมกับการบุกรุกอังกฤษของชาวนอร์มัน
ในปี ค.ศ. 1066 -
0:55 - 0:58เมื่อชาวนอร์มันผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศส
ยึดครองอังกฤษ -
0:58 - 1:00และกลายเป็นชนชั้นปกครอง
-
1:00 - 1:02พวกเขานำภาษาของพวกเขาเข้ามาด้วย
-
1:02 - 1:05เป็นการเพิ่มคำศัพท์ฝรั่งเศสและละตินจำนวนมาก
-
1:05 - 1:08ให้กับภาษาอังกฤษที่ที่นั่นใช้กันอยู่ก่อนหน้านี้
-
1:08 - 1:11ทุกวันนี้เราเรียกภาษานั้นว่า
ภาษาอังกฤษโบราณ (Old English) -
1:11 - 1:13มันเป็นภาษาของเบวูล์ฟ
-
1:13 - 1:16มันอาจดูไม่เป็นที่คุ้นเคยมากนัก
-
1:16 - 1:20แต่มันเป็นที่คุ้นตามากขึ้น
ถ้าคุณรู้ภาษาเยอรมัน -
1:20 - 1:24นั่นเป็นเพราะว่า ภาษาอังกฤษโบราณ
เป็นภาษาในตระกูลเยอรมันนิก -
1:24 - 1:28ที่ถูกนำเข้ามายังหมู่เกาะบริติชเป็นครั้งแรก
ในศตวรรษที่ 5 และ 6 -
1:28 - 1:31โดยชาวแองเกล แซกซอน และจูท
-
1:31 - 1:36ภาษาถิ่นเยอรมันนิกที่พวกเขาใช้กัน
อาจเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แองโกล-แซกซอน -
1:36 - 1:39ผู้บุกรุกชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 8 ถึง 11
-
1:39 - 1:43เพิ่มคำยืมจากภาษาเยอรมันโบราณ (Old Norse)
เข้าไปอีก -
1:43 - 1:46มันอาจจะไม่ง่ายนัก
ที่จะเห็นรากของภาษาอังกฤษยุคใหม่ -
1:46 - 1:48ภายใต้คำทั้งหมดนี้ที่ยืมมา
-
1:48 - 1:52จากภาษาฝรั่งเศส ละติน เยอรมันโบราณ
และภาษาอื่นๆ -
1:52 - 1:57แต่ภาษาศาสตร์เปรียบเทียบสามารถช่วยเรา
ให้จดจ่อไปที่โครงสร้างทางไวยกรณ์ -
1:57 - 1:59รูปแบบของการเปลี่ยนเสียง
-
1:59 - 2:01และคำศัพท์หลักบางคำ
-
2:01 - 2:04ยกตัวอย่างเช่น หลังจากศตวรรษที่ 6
-
2:04 - 2:09คำเยอรมันที่ขึ้นต้นด้วย "p"
เปลี่ยนไปเป็นเสียง "pf" อย่างเป็นระบบ -
2:09 - 2:13ในขณะที่ภาษาอังกฤษโบราณคู่ของมัน
ยังคงเสียง "p" ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง -
2:13 - 2:17อีกความแตกต่างหนึ่งคือ
คำที่มีเสียง "sk" จากภาษาสวีดิช -
2:17 - 2:20พัฒนาไปเป็นเสียง "sh" ในภาษาอังกฤษ
-
2:20 - 2:23ยังคงมีคำภาษาอังกฤษบางคำที่มี "sk"
-
2:23 - 2:25เช่น "skirt" และ "skull"
-
2:25 - 2:28แต่พวกมัน
ถูกยืมมาจากภาษาเยอรมันโบราณโดยตรง -
2:28 - 2:32ที่มาหลังจากการเปลี่ยน "sk" เป็น "sh"
-
2:32 - 2:34ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่า
-
2:34 - 2:38เช่นเดียวกับภาษาโรมานซ์ต่างๆ
ที่มีรากมาจากภาษาละติน -
2:38 - 2:42ภาษาอังกฤษ, สวีดิช, เยอรมัน
และอีกหลายภาษา -
2:42 - 2:46มีรากมาจากภาษาต้นตระกูลร่วมของพวกมัน
ที่รู้จักกันในชื่อ โปรโต-เยอรมันนิค -
2:46 - 2:49ที่ใช้กันในช่วง 500 ก่อนคริสกาล
-
2:49 - 2:52เพราะว่าภาษาโบราณนี้ไม่เคยถูกจารึก
-
2:52 - 2:56เราได้แต่บูรณะโครงสร้างมันขึ้นใหม่
โดยการเปรียบเทียบกับภาษาที่พัฒนามาจากมัน -
2:56 - 2:59ซึ่งบางทีอาจต้องขอบคุณการเปลี่ยนแปลง
ที่สม่ำเสมอ -
2:59 - 3:04เราสามารถใช้กระบวนการเดียวกัน
ย้อนขั้นตอนกลับขึ้นไป -
3:04 - 3:10และย้อนจากภาษาโปรโต-เยอรมันนิค
ไปยังภาษาที่เรียกว่า โปรโต-อินโด-ยูโรเปียน -
3:10 - 3:12ที่ใช้กันราวๆ 6000 ปีก่อน
-
3:12 - 3:17ในพอนทิค สเตปป์ (Pontic steppe)
ที่ตั้งในปัจจุบันของยูเครนและรัสเซีย -
3:17 - 3:21นี่เป็นภาษาโบราณในตระกูล
อินโด-ยูโรเปียนที่ได้รับการบูรณะ -
3:21 - 3:25ที่รวมเอาเกือบทุกภาษา
ที่ใช้กันในประวัติศาสตร์ยุโรป -
3:25 - 3:29เช่นเดียวกับในส่วนใหญ่ของเอเชียใต้
และตะวันตก -
3:29 - 3:31และแม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นอีกนิด
-
3:31 - 3:36เราก็สามารถพบความคล้ายเชิงระบบ
ที่เหมือนๆ กันหรือเกี่ยวข้องกัน -
3:36 - 3:40ระหว่างคำที่เกี่ยวข้องกันในภาษาต่างๆ
ในกลุ่มอินโด-ยูโรเปียน -
3:40 - 3:42เมื่อเปรียบเทียบภาษาอังกฤษกับละติน
-
3:42 - 3:46เราจะเห็นว่าภาษาอังกฤษมี "t"
ในขณะที่ภาษาละตินมี "d" -
3:46 - 3:50และ "f" ในขณะที่ภาษาละตินมี "p"
ที่ต้นคำ -
3:50 - 3:54สำหรับภาษาที่ห่างจากภาษาอังกฤษไปมากกว่านั้น
เช่น ฮินดี, เปอร์เซียน -
3:54 - 3:58และเซลติก พวกมันถูกนำไปใช้
ในบริเวณที่ตอนนี้คืออังกฤษ -
3:58 - 4:03โปรโต-อินโด-ยูโรเปียน เองนั้นมีรากมาจาก
ภาษาที่โบราณไปมากกว่านั้น -
4:03 - 4:08แต่เสียดาย ที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์
และโบราณคดี -
4:08 - 4:10พาเราย้อนเวลากลับไปได้ไกลสุดเท่านั้น
-
4:10 - 4:12ปริศนาอีกมากมายยังคงไกลเกินเอื้อม
-
4:12 - 4:16เช่น จริงหรือไม่
ที่มันอาจมีตัวเชื่อมระหว่าง อินโด-ยูโรเปียน -
4:16 - 4:18และตระกูลภาษาหลักอื่นๆ
-
4:18 - 4:23และธรรมชาติของภาษาที่ใช้กันในยุโรป
ก่อนที่ภาษานี้จะเข้ามาคืออะไร -
4:23 - 4:27แต่ความจริงอันน่าอัศจรรย์คือ
การที่คนเกือบสามพันล้านคนทั่วโลก -
4:27 - 4:30ที่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจภาษาของอีกฝ่าย
-
4:30 - 4:36ยังพูดคำเดียวกันที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมา
ด้วยประวัติศาสตร์ 6000 ปี
- Title:
- ภาษาอังกฤษมาจากไหน - แคลร์ โบเวอร์น (Claire Bowern)
- Speaker:
- Claire Bowern
- Description:
-
more » « less
ชมบทเรียนแบบเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/where-did-english-come-from-claire-bowern
เมื่อเราพูดถึงภาษาอังกฤษ เรามักจะคิดถึงมันเป็นเพียงภาษาหนึ่ง แต่ว่าภาษาถิ่นที่ใช้พูดกันในหลากหลายประเทศทั่วโลกมีอะไรที่เหมือนกัน หรือเหมือนกับงานประพันธ์ของเชาเซอร์ แคลร์ โบเวอร์น ย้อนรอยภาษาจากในปัจจุบันกลับไปยังรากเหง้าโบราณ ที่แสดงว่าภาษาอังกฤษมีวิวัฒนาการผ่านผู้ใช้ภาษาจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างไร
บทเรียนโดย Claire Bowern แอนิเมชันโดย Patrick Smith
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 04:54
|
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
Thitiporn Ratanapojnard accepted Thai subtitles for Where did English come from? | |
|
|
Thitiporn Ratanapojnard edited Thai subtitles for Where did English come from? |