< Return to Video

1 วันมี 25 ชั่วโมงได้ไหม? เล่าเรื่อง Day Light Saving Time | Point of View

  • 0:01 - 0:03
    วันนึงมี 25 ชั่วโมงได้หรือเปล่า?
  • 0:03 - 0:05
    สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:05 - 0:07
    เชื่อว่าหลายคนเนี่ย น่าจะเคยเหมือนวิวใช่ไหมคะ?
  • 0:07 - 0:09
    ที่งานยุ่งมากๆ จนรู้สึกว่า
  • 0:09 - 0:11
    "วันนึงเนี่ย มี 24 ชั่วโมงมันไม่พอ!"
  • 0:11 - 0:13
    "ขอเวลาเพิ่มได้ไหม?" นะคะ
  • 0:13 - 0:15
    อยากรู้กันไหมคะว่า
  • 0:15 - 0:17
    วันนึงมี 25 ชั่วโมงได้หรือเปล่า?
  • 0:17 - 0:18
    แหมะ! มันจะเป็นไปได้ได้ยังไง
  • 0:18 - 0:20
    วันนึงก็ต้องมี 24 ชั่วโมงสิ!
  • 0:20 - 0:22
    ขอบอกว่า ได้ค่ะ!
  • 0:22 - 0:22
    และที่สำคัญ
  • 0:22 - 0:25
    ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สมมุตินะคะ
  • 0:25 - 0:26
    แต่ในโลกของเราเนี่ย
  • 0:26 - 0:29
    มีบางคนค่ะ ที่ได้สัมผัสประสบการณ์
  • 0:29 - 0:32
    การที่วันนึงมี 25 ชั่วโมงมาแล้วนะคะ
  • 0:32 - 0:33
    และไม่ใช่แค่คนหรือสองคนนะคะ
  • 0:33 - 0:35
    ที่เคยสัมผัสประสบการณ์นั้น
  • 0:35 - 0:38
    แต่ว่าคนประมาณ 40% ของทั้งโลกนะคะ
  • 0:38 - 0:40
    เคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาแล้วค่ะ
  • 0:40 - 0:42
    ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่า
  • 0:42 - 0:44
    Daylight Saving Time นั่นเองนะคะ
  • 0:44 - 0:47
    อยากรู้กันไหมว่า Daylgiht Saving Time คืออะไร?
  • 0:47 - 0:49
    แล้วมันส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา?
  • 0:49 - 0:51
    ทำไมเราถึงไม่เคยเจอมันเลย?
  • 0:51 - 0:53
    หรือบางคนอาจจะเคยเจอมันมาแล้วเล็กๆ น้อยๆ
  • 0:53 - 0:56
    แล้วทำให้ชีวิตของเราเนี่ย ปั่นป่วนนะคะ
  • 0:56 - 0:57
    แต่ว่าก่อนอื่น
  • 0:57 - 1:00
    ก่อนจะไปฟังเรื่องราวของ Daylight Saving Time กันเนี่ย
  • 1:00 - 1:02
    อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ
  • 1:02 - 1:05
    เพราะว่าแต่ละช่องทางก็มีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลยค่ะ
  • 1:05 - 1:06
    สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟัง
  • 1:06 - 1:09
    เรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ?
  • 1:09 - 1:11
    ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ~
  • 1:15 - 1:16
    พูดว่า Daylight Saving เนี่ยนะคะ
  • 1:16 - 1:18
    คนไทยหลายๆ คนน่าจะงงค่ะ
  • 1:18 - 1:19
    ประมาณว่า "เฮ้ย มันคืออะไรอะ?
  • 1:19 - 1:21
    เกิดมาไม่เคยได้ยินเลย" นะคะ
  • 1:21 - 1:24
    แต่ใครที่เคยไปเรียนหรือว่าเคยไปใช้ชีวิต
  • 1:24 - 1:27
    เคยไปเที่ยวแถวยุโรป แถวออสเตรเลีย แถวอเมริกา
  • 1:27 - 1:29
    น่าจะคุ้นเคยกันดีค่ะ
  • 1:29 - 1:31
    Daylight Saving นะคะ คือข้อตกลงค่ะ
  • 1:31 - 1:33
    ที่คนในบางประเทศ บางกลุ่ม บางรัฐเนี่ยนะคะ
  • 1:33 - 1:36
    ตกลงร่วมกันค่ะ ว่าเราจะมาปรับเวลากันเถอะ
  • 1:36 - 1:38
    เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้ชีวิต
  • 1:38 - 1:40
    ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยาวนานขึ้นค่ะ
  • 1:40 - 1:42
    ฟังดูตรงนี้อาจจะงงนิดนึงนะ
  • 1:42 - 1:43
    บอกเลยว่าคอนเซ็ปต์เนี้ย
  • 1:43 - 1:45
    เป็นคอนเซ็ปต์ที่จะงงมากๆ นะคะ
  • 1:45 - 1:48
    สำหรับคนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้จริงๆ น่ะนะ
  • 1:48 - 1:51
    ถามว่าปรับนาฬิกาเนี่ย ปรับตอนไหน?
  • 1:51 - 1:53
    ก็ต้องบอกว่าปรับช่วงฤดูร้อนค่ะ
  • 1:53 - 1:54
    คือเขาจะตกลงกันว่า
  • 1:54 - 1:56
    "เอาละ เราจะเริ่มปรับที่วันนี้"
  • 1:56 - 1:58
    เริ่มแรกเราต้องมารู้ก่อนว่า
  • 1:58 - 2:00
    เวลาที่ปกติที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เนี่ยนะคะ
  • 2:00 - 2:02
    เขานับว่าเป็น Standard time ค่ะ
  • 2:02 - 2:05
    ก็คือ เป็นเวลาที่เริ่มไปเรื่อยๆๆ ปกติใช่ไหม?
  • 2:05 - 2:08
    ทีนี้ในช่วงที่มีสิ่งที่เรียกว่า Daylight Saving นะคะ
  • 2:08 - 2:10
    มันเป็นข้อตกลงค่ะว่า
  • 2:10 - 2:12
    "เอาละทุกคน เรามาปรับเวลาให้เร็วขึ้นกันดีกว่า"
  • 2:13 - 2:14
    ซึ่งส่วนมากนะคะ ก็จะปรับเวลา
  • 2:14 - 2:17
    เป็นระยะเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ
  • 2:17 - 2:19
    เช่น วันนี้เป็นวันที่ตกลงกันแล้วว่า
  • 2:19 - 2:21
    "เอาละ เราจะ Daylight Saving กัน"
  • 2:21 - 2:22
    ตอนนี้ตีสองนะ
  • 2:22 - 2:25
    1 ชั่วโมงหลังจากนี้ มันจะต้องกลายเป็น
  • 2:25 - 2:26
    ตีสามใช่ไหมคะ?
  • 2:26 - 2:27
    แต่ปรากฏว่าวันเนี้ย
  • 2:27 - 2:30
    เป็นวันที่ตกลงกันไว้ว่าจะ Daylight Saving
  • 2:30 - 2:32
    พอตีสองปุ๊บ แทนที่จะตีสาม
  • 2:32 - 2:34
    มันเด้งข้าม ปึ้ง! ไปตีสี่เลย ใช่ไหมคะ?
  • 2:34 - 2:36
    ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดแค่วันเดียวเนอะ
  • 2:36 - 2:38
    วันรุ่งขึ้นก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ
  • 2:38 - 2:40
    เวลาในช่วงระยะเวลานั้นนะคะ
  • 2:40 - 2:42
    ก็จะเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงจาก Standard time ค่ะ
  • 2:42 - 2:44
    ทีนี้ทุกคนก็จะถามว่า "อ้าว แล้วอยู่ดีๆ
  • 2:44 - 2:47
    เวลาหายไป 1 ชั่วโมงอย่างนี้ได้เหรอ?
  • 2:47 - 2:49
    1 ปี ชั่วโมงก็หายไป 1 ชั่วโมง
  • 2:49 - 2:50
    2 ปีก็ 2 ชั่วโมง
  • 2:50 - 2:51
    3 ปี 3 ชั่วโมง
  • 2:51 - 2:53
    24 ปีนี่หายไป 1 วันเลยนะ
  • 2:53 - 2:54
    มันจะเวิร์กหรือเปล่า?" นะคะ
  • 2:54 - 2:57
    ต้องบอกว่า มันไม่ได้แค่ปรับไปอย่างเดียวค่ะ
  • 2:57 - 2:58
    ช่วงที่หมดฤดูร้อนแล้วเนี่ยนะคะ
  • 2:58 - 3:01
    ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่จะเข้าฤดูหนาวเนี่ย
  • 3:01 - 3:03
    เขาก็จะมีการปรับเวลากลับค่ะ
  • 3:03 - 3:05
    ก็คือ ตอนนี้เวลามันเร็วอยู่ 1 ชั่วโมงใช่ไหม?
  • 3:05 - 3:09
    อะ เราปรับเวลา ถอยหลังกลับ 1 ชั่วโมงกันเถอะ ปึ้ง!
  • 3:09 - 3:12
    ทำให้ 1. เวลากลับมาเหมือนเดิม ใช่ไหมคะ?
  • 3:12 - 3:13
    กลับมาที่ Standard time เหมือนเดิม
  • 3:13 - 3:16
    และ 2. วันวันนั้นที่ตกลงกันไว้ว่าจะปรับเนี่ย
  • 3:16 - 3:18
    จะมีเวลาทั้งหมด 25 ชั่วโมงค่ะ
  • 3:18 - 3:19
    เพราะว่าสมมุติว่า
  • 3:19 - 3:21
    เราตกลงกันไว้ว่าจะปรับลงตอนตีสาม
  • 3:21 - 3:22
    พอตีสามไปเรื่อยๆ ปุ๊บ
  • 3:22 - 3:24
    สามๆๆ มันควรจะสี่ใช่ไหม?
  • 3:24 - 3:27
    สามๆๆ เด้งกลับมาสามอีกรอบค่ะ
  • 3:27 - 3:31
    นี่ละค่ะ สาเหตุที่ทำให้วันนึงสามารถมี 25 ชั่วโมงได้
  • 3:31 - 3:33
    ฟังแบบนี้น่าจะงงกันนะคะ ประมาณว่า
  • 3:33 - 3:36
    "เอ้า แล้วอยู่ดีๆ ไม่ว่าดีจะไปปรับนาฬิกาเล่นกันทำไม?"
  • 3:36 - 3:38
    สาเหตุนั้นเนี่ย เราอาจจะไม่ค่อยเก็ตกันค่ะ
  • 3:38 - 3:41
    สาเหตุมันมาจากสภาพอากาศนั่นเอง
  • 3:41 - 3:42
    เราลองนึกสภาพทุกวันนี้นะคะ
  • 3:42 - 3:44
    ช่วงนี้ที่วิวอัดคลิปวิดิโอนี้อยู่เนี่ย
  • 3:44 - 3:46
    เป็นช่วงเดือนธันวาคมใช่ไหมคะ?
  • 3:46 - 3:49
    เอาแค่ในประเทศไทยของเรา เราก็จะรู้สึกว่า
  • 3:49 - 3:51
    "โห ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกเร็วจังเลย
  • 3:51 - 3:54
    สักประมาณ 5 โมงกว่า 6 โมงเนี่ย ฟ้าก็มืดแล้ว" นะคะ
  • 3:54 - 3:56
    "ส่วนตอนเช้าเนี่ย ประมาณ 6 โมง 7 โมง
  • 3:56 - 3:58
    ฟ้ายังไม่สว่างเลย นอนสบายมาก
  • 3:58 - 3:59
    ไม่อยากตื่นไปทำงานเลย"
  • 3:59 - 4:00
    ประมาณนั้นใช่ไหม?
  • 4:00 - 4:02
    ต่างจากช่วงตอนเมษายนค่ะ
  • 4:02 - 4:04
    ซึ่งเป็นฤดูร้อนของเราใช่ไหม?
  • 4:04 - 4:07
    โอ้โห ปกติตอนกลางวันก็ร้อนจะตายอยู่แล้ว
  • 4:07 - 4:09
    ทีเนี้ย ไม่ทันจะ 6 โมงดี พระอาทิตย์ขึ้นละ
  • 4:09 - 4:11
    เริ่มร้อนแล้วนะคะ
  • 4:11 - 4:12
    เท่านั้นยังไม่พอ ในตอนเย็นเนี่ย
  • 4:12 - 4:15
    พระอาทิตย์ก็อยู่กับเราไปจนถึง 6 โมง ทุ่มนึง
  • 4:15 - 4:16
    ก็ยังไม่ยอมตกซะที
  • 4:16 - 4:18
    นี่ละค่ะ แม้ว่าประเทศเราเนี่ย
  • 4:18 - 4:20
    จะเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร
  • 4:20 - 4:22
    เรายังเจอเหตุกาณ์แบบนี้เลย
  • 4:22 - 4:25
    แล้วนึกสภาพประเทศที่อยู่ในเขตอบอุ่น เขตหนาวสิคะ
  • 4:25 - 4:26
    อย่างพวกประเทศในยุโรป
  • 4:26 - 4:28
    อย่างพวกแคนาดา พวกอเมริกา
  • 4:28 - 4:29
    ที่อยู่ทางเหนือขึ้นไปเนี่ย
  • 4:29 - 4:31
    ว่าฤดูกาลของเขาแต่ละฤดูเนี่ย
  • 4:31 - 4:32
    จะแตกต่างกันขนาดไหน?
  • 4:32 - 4:35
    นึกสภาพนะคะ ฤดูกาลทางแถบนั้นแบ่งเป็น
  • 4:35 - 4:38
    Winter, Spring, Summer แล้วก็ Fall ใช่ไหมคะ?
  • 4:38 - 4:39
    ถ้าใครเคยไปเที่ยว
  • 4:39 - 4:41
    หรือไปใช้ชีวิตอยู่แถวยุโรปเนี่ยจะเห็นว่า
  • 4:41 - 4:43
    ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะคะ
  • 4:43 - 4:45
    ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากนะคะ
  • 4:45 - 4:47
    ยังไม่ทันเช้าเลย พระอาทิตย์ก็ขึ้นละ
  • 4:47 - 4:49
    เหมือนสว่างเป็นกลางวันเลย
  • 4:49 - 4:51
    เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ในช่วงเวลากลางคืน
  • 4:51 - 4:54
    อู้หู สองทุ่ม สามทุ่ม พระอาทิตย์ไม่ยอมตกซะที
  • 4:54 - 4:56
    หรือว่าบางประเทศในบางช่วงเวลาเนี่ย
  • 4:56 - 4:56
    พระอาทิตย์ไม่ยอมตก
  • 4:56 - 4:59
    จนกระทั่งเป็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนเลยทีเดียวนะคะ
  • 4:59 - 5:01
    แต่กลับกันนะคะ ในช่วงฤดูหนาว
  • 5:01 - 5:02
    ฟ้าขมุกขมัวทั้งวันเลยค่ะ
  • 5:02 - 5:04
    พระอาทิตย์แทบไม่โผล่มาเลยนะ
  • 5:04 - 5:06
    โดยเฉพาะตอนเย็น ตอนกลางคืนเนี่ย
  • 5:06 - 5:07
    แปปเดียว ฟ้ามืดสนิทแล้วค่ะ
  • 5:07 - 5:10
    สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งหมด 2 อย่างด้วยกันค่ะ
  • 5:10 - 5:11
    เราลองนึกสภาพ
  • 5:11 - 5:13
    ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนนะคะ
  • 5:13 - 5:17
    ตอนที่กิจกรรมในร่ม เรายังไม่ค่อยมีอะไรมากมาย
  • 5:17 - 5:19
    นอกจากจุดเทียน แล้วก็นั่งอยู่ในบ้านน่ะนะ
  • 5:19 - 5:20
    นึกสภาพสมัยก่อนนะคะ
  • 5:20 - 5:22
    ตอนที่ยังใช้เทียนกันอยู่
  • 5:22 - 5:24
    หรือว่าไฟฟ้าเพิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ๆ ค่ะ
  • 5:24 - 5:26
    ตอนนั้นเนี่ย ช่วงฤดูร้อนจะเป็นยังไง?
  • 5:26 - 5:29
    ตอนช่วงฤดูร้อน ทุกคนก็จะออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง
  • 5:29 - 5:30
    มีความสุข เพราะประเทศเขาหนาว
  • 5:30 - 5:32
    การเจอแสงอาทิตย์นี่เป็นอะไรที่แบบ
  • 5:32 - 5:34
    ซึ่งฤดูร้อนค่ะ อากาศดี อากาศแบบ
  • 5:34 - 5:37
    25 องศา มีต้นไม้เขียวขจี
  • 5:37 - 5:40
    อู้หู เหมาะมากกับการออกไปเตะบอล
  • 5:40 - 5:43
    ไปตีกอล์ฟ ไปเล่นเบสบอล ไปทำนู่นทำนี่ ใช่ไหมคะ?
  • 5:43 - 5:44
    คนอยากใช้ชีวิตกลางแจ้งค่ะ
  • 5:44 - 5:46
    คนไม่ค่อยอยากกลับเข้าอาคาร
  • 5:46 - 5:47
    ตัดภาพมาช่วงฤดูหนาว
  • 5:47 - 5:50
    กลางวันกลางคืนเหมือนกันอะ ฉันอยากอยู่แต่ในตึก
  • 5:50 - 5:51
    ประมาณนั้นนะคะ
  • 5:51 - 5:53
    สิ่งนี้ส่งผลกระทบไปยังข้อสองของเราค่ะ
  • 5:53 - 5:55
    เมื่อเราออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งมากขึ้น
  • 5:55 - 5:56
    ในช่วงฤดูร้อนเนี่ย
  • 5:56 - 5:58
    แปลว่าเราประหยัดพลังงานค่ะ
  • 5:58 - 6:00
    เพราะว่าเราใช้พลังงานธรรมชาติใช่ไหม?
  • 6:00 - 6:03
    เราออกไปอยู่ข้างนอก ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ
  • 6:03 - 6:04
    ไม่จำเป็นต้องจุดเทียน เพราะว่าอะไร?
  • 6:04 - 6:05
    เพราะว่าพระอาทิตย์มันขึ้นอยู่แล้ว
  • 6:05 - 6:07
    เราก็มีแสงสว่างอยู่แล้ว
  • 6:07 - 6:09
    ในขณะที่เวลาเราเข้ามาบ้านเนี่ย
  • 6:09 - 6:12
    เราก็จะต้องเปิดหลอดไฟ จะต้องจุดเทียนอะไรต่างๆ
  • 6:12 - 6:13
    สิ้นเปลืองพลังงานสุดๆ
  • 6:13 - 6:15
    เมื่อฤดูหนาว กลางวันกลางคืนก็เหมือนกันแหละ
  • 6:15 - 6:16
    เราไม่ได้ออกไปไหน
  • 6:16 - 6:18
    เราก็เปิดไฟทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้วนะคะ
  • 6:18 - 6:19
    จากเหตุการณ์นี้นะคะ
  • 6:19 - 6:22
    ทำให้ในช่วงปี 1874 เนี่ย มีคนดังคนนึง
  • 6:22 - 6:24
    ชื่อว่านาย Benjamin Franklin เนี่ยนะคะ
  • 6:24 - 6:26
    เขาเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมา
  • 6:26 - 6:28
    จริงๆ ก็ไม่เรียกว่าไอเดียหรอก เรียกว่ากวนมากกว่า
  • 6:28 - 6:29
    ไม่อยากจะเติมว่ากวนอะไรอะนะ
  • 6:29 - 6:31
    คือประมาณว่ามีคนไปถามอะไรเขาก็ไม่รู้
  • 6:31 - 6:33
    แล้วอยู่ดีๆ เขาก็กวนขึ้นมา บอกว่า
  • 6:33 - 6:35
    "นี่นะ รู้ไหม? จริงๆ พวกเราเนี่ย
  • 6:35 - 6:36
    สามารถประหยัดเทียนกันได้
  • 6:36 - 6:37
    ถ้าเราบังคับให้ทุกคนเนี่ย
  • 6:37 - 6:40
    ตื่นเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน
  • 6:40 - 6:41
    เพราะว่าอะไร? เพราะว่าถ้าเราอยู่ในอาคาร
  • 6:41 - 6:43
    เราต้องจุดเทียนใช่ไหม?
  • 6:43 - 6:45
    แต่ว่าจริงๆ แล้วอะ ปกติเราตื่น 6 โมงเช้า
  • 6:45 - 6:48
    ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะคะ ตีห้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ
  • 6:48 - 6:50
    ถ้าสมมุติว่าทุกๆ คนตื่นมาตั้งแต่ตีห้า
  • 6:50 - 6:52
    ก็จะออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเร็วขึ้น
  • 6:52 - 6:54
    ก็ประหยัดเทียนไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง
  • 6:54 - 6:56
    แต่อย่างไรก็ตามค่ะ เขาบอกว่า
  • 6:56 - 6:59
    อันนี้เป็นการพูดเล่นของ Benjamin Franklin เท่านั้นนะคะ
  • 6:59 - 7:00
    หลายๆ คนก็เลยไปยกย่องเขาแหละ
  • 7:00 - 7:03
    ว่าเขาเป็นหนึ่งในบิดาของ Daylight Saving Time อะนะ
  • 7:03 - 7:05
    แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ
  • 7:05 - 7:07
    คนที่เป็นคนคิดค้น Daylgiht Saving Time จริงๆ เนี่ยนะคะ
  • 7:07 - 7:09
    เกิดขึ้นในปี 1895 ค่ะ
  • 7:09 - 7:11
    คนๆ นี้ชื่อว่านาย George Vernon Hudson นะคะ
  • 7:11 - 7:12
    ซึ่งคุณ Hudson เนี่ยนะคะ
  • 7:12 - 7:14
    เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวนิวซีแลนด์ค่ะ
  • 7:14 - 7:16
    อยู่ดีๆ วันนึงเนี่ย เขาก็คิดขึ้นมา
  • 7:16 - 7:18
    อารมณ์คล้ายๆ Benjamin Franklin เนี่ยแหละ
  • 7:18 - 7:18
    ประมาณว่า
  • 7:18 - 7:20
    "เอ้ จะเป็นยังไงนะ? ถ้าสมมุติว่าอยู่ดีๆ
  • 7:20 - 7:24
    เราหมุนเวลาให้ทุกคนเนี่ย เร็วขึ้น 2 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน"
  • 7:24 - 7:26
    อะ อยู่ดีๆ ก็ไปหมุนเวลาเขาได้ด้วยนะคะ
  • 7:26 - 7:28
    ประมาณว่าเร่งเวลาให้เร็วขึ้น
  • 7:28 - 7:30
    นึกสภาพปกติ เราตื่นตอน 6 โมงเช้า
  • 7:30 - 7:32
    แต่พระอาทิตย์มันขึ้นตั้งแต่ตีสี่แล้ว
  • 7:32 - 7:35
    ถ้าสมมุติว่าเราไปตื่นตีสี่แทน
  • 7:35 - 7:36
    ปกติเราไปทำงาน 7 โมงใช่ไหม?
  • 7:36 - 7:38
    เวลาเร็วขึ้น 2 ชั่วโมงแล้ว
  • 7:38 - 7:41
    เราก็ไปทำงานตอนประมาณตีห้าแทนเนี่ยนะ
  • 7:41 - 7:43
    เราก็จะเลิกงานเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง
  • 7:43 - 7:44
    เราก็มีเวลาเนี่ย
  • 7:44 - 7:48
    ใช้ชีวิตอยู่ในแสงแดดอันสดใสของฤดูร้อนนานขึ้น
  • 7:48 - 7:50
    ตอนนี้พระอาทิตย์มันก็ขึ้นยาวนานใช่ไหม?
  • 7:50 - 7:52
    เราก็มีเวลาอยู่นอกบ้านนานขึ้นไง
  • 7:52 - 7:55
    แล้วพอเข้าบ้าน 6 โมง ซึ่งจริงๆ แล้วคือสองทุ่มแล้วเนี่ย
  • 7:55 - 7:57
    เราก็มีเวลาอยู่ในบ้านอีกแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ
  • 7:57 - 7:59
    เราก็ง่วง เราก็เข้านอนแล้ว
  • 7:59 - 8:02
    อืมๆๆ เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ
  • 8:02 - 8:03
    ดังนั้นนะคะ นาย Hudson เนี่ย
  • 8:03 - 8:06
    ก็เลยจัดการไปนำเสนอให้กับองค์กรนึงค่ะ
  • 8:06 - 8:09
    ที่ชื่อว่า Wellington Philosophical Society นะคะ
  • 8:09 - 8:13
    บอกว่า "เฮ้ย ทุกคน เรามาปรับเวลาในช่วงฤดูร้อนกันดีกว่า
  • 8:13 - 8:14
    ในช่วงเดือนมีนาคมเนี่ยนะ
  • 8:14 - 8:16
    ให้มันเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง ปึ้กๆ
  • 8:16 - 8:19
    แล้วเราก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆๆ
  • 8:19 - 8:21
    จนกระทั่งถึงฤดูหนาวเมื่อไรเนี่ย
  • 8:21 - 8:23
    เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาแบบเดิมแล้วใช่ไหม?
  • 8:23 - 8:26
    ถึงเดือนตุลาคมเมื่อไร เราค่อยปรับเวลากลับ
  • 8:26 - 8:27
    ปึ้กๆ 2 ชั่วโมง
  • 8:27 - 8:28
    ซึ่งถามว่า
  • 8:28 - 8:31
    Wellington Philosophical Society เนี่ยสนใจไหม?
  • 8:31 - 8:32
    ก็รู้สึกว่าสนใจนะ ก็แบบ
  • 8:32 - 8:34
    "เออ มันก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะ
  • 8:34 - 8:36
    มันทำให้เราประหยัดไฟได้ด้วย
  • 8:36 - 8:39
    เพราะว่าเราใช้ไฟฟ้าในการเปดิหลอดไฟน้อยลง
  • 8:39 - 8:42
    ที่สำคัญนะ เราก็เริ่มงานเร็ว แล้วก็เลิกงานเร็ว
  • 8:42 - 8:45
    เราก็มีเวลา Work-life balance หลังเลิกงานนานขึ้นไง
  • 8:45 - 8:47
    เพราะว่ากว่าเราจะเลิกงานเนี่ยนะ
  • 8:47 - 8:50
    ปกติเราก็มีเวลาประมาณสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก
  • 8:50 - 8:52
    กินข้าวเย็น ทำอะไรกุ๊กๆ กิ๊กๆ ก็นอนแล้ว
  • 8:52 - 8:54
    แต่ถ้าเราเลิกงานเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง
  • 8:54 - 8:56
    เราก็มีเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงไง
  • 8:56 - 8:59
    เราก็ไปทำนู่น ทำนี่ ทำนั่น ใต้แสงอาทิตย์อันงดงามได้
  • 8:59 - 9:00
    น่าสนใจ น่าสนใจ"
  • 9:00 - 9:01
    แต่อย่างไรก็ตามค่ะ
  • 9:01 - 9:03
    ไอเดียของการหมุนเวลาเนี่ย
  • 9:03 - 9:04
    มันอาจจะ Advance เกินไปนิดนึง
  • 9:04 - 9:07
    ทำให้สุดท้ายแล้วไอเดียนี้ก็ตกไปนะคะ
  • 9:07 - 9:09
    ตัดภาพมาค่ะ ในปี 1905
  • 9:09 - 9:11
    ประมาณสิบปีหลังจากนั้นเนี่ยนะคะ
  • 9:11 - 9:13
    ก็มีคนคนนึงในประเทศอังกฤษค่ะ
  • 9:13 - 9:16
    ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ Hudson คนแรกเลยเนี่ยนะ
  • 9:16 - 9:18
    เขาก็คิดไอเดียแบบเดียวกันขึ้นมาค่ะ
  • 9:18 - 9:21
    คนๆ นั้นก็คือคนที่ชื่อว่า William Willett นั่นเองค่ะ
  • 9:21 - 9:23
    เขาเนี่ยคิดเหมือนคุณ Hudson ทุกประการเลย
  • 9:23 - 9:24
    แต่แตกต่างกันนิดนึง
  • 9:24 - 9:27
    คือคุณ Hudson เนี่ย เขาบอกว่าให้ปรับ 2 ชั่วโมง
  • 9:27 - 9:28
    ตอนต้นเดือนมีนาคมใช่ไหม?
  • 9:28 - 9:31
    แล้วก็ปรับกลับอีกครั้งเดียวตอนเดือนตุลาคม
  • 9:31 - 9:34
    ในขณะที่คุณ William Willett เนี่ย เขาบอกว่า
  • 9:34 - 9:36
    "ไม่เอาๆ ฉันไม่ได้อยากตื่นเช้าไปทำงาน"
  • 9:36 - 9:39
    ฉันแค่อยากมีเวลามากขึ้นในวันอาทิตย์เท่านั้นแหละ
  • 9:39 - 9:40
    เพราะว่ามันเป็นวันหยุดของฉัน
  • 9:40 - 9:42
    ดังนั้นเราตกลงกันแบบนี้ดีไหม?
  • 9:42 - 9:44
    ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะ เป็นระยะเวลา 1 เดือน
  • 9:44 - 9:47
    ทุกๆ วันอาทิตย์ของเดือนนี้ ทั้งหมด 4 วันเนี่ยนะ
  • 9:47 - 9:50
    เราจะปรับเวลาให้เร็วขึ้นครึ่งชั่วโมงนะ
  • 9:50 - 9:52
    เราจะได้มีเวลามากขึ้นครึ่งชั่วโมง
  • 9:52 - 9:54
    แล้วในช่วงฤดูหนาวเนี่ยนะ เราก็เลือกมาเดือนนึง
  • 9:54 - 9:57
    ทุกๆ วันอาทิตย์เราก็จะปรับเวลาให้ช้าลง 4 ชั่วโมง
  • 9:57 - 9:58
    เพื่อปรับคืนนะคะ
  • 9:58 - 10:01
    ซึ่งถามว่าไอเดียนี้มีคนสนใจไหม?
  • 10:01 - 10:02
    แน่นอนว่ามีค่ะ
  • 10:02 - 10:05
    คนๆ นั้นเนี่ย บังเอิญว่าอยู่ในรัฐสภาอังกฤษด้วย
  • 10:05 - 10:08
    ก็เลยมีการเสนอเข้าไปในรัฐสภาอะไรต่างๆ นะคะ
  • 10:08 - 10:10
    แต่ว่าสุดท้ายค่ะ คนก็แบบ ต่อต้านกันมากมาย
  • 10:10 - 10:12
    ประมาณว่า "ไม่เอา จะบ้าเหรอ
  • 10:12 - 10:14
    ใครจะมาปรับเวลาปีนึง 8 ครั้ง
  • 10:14 - 10:15
    ปวดหัวตายพอดี"
  • 10:15 - 10:17
    โดยเฉพาะพวก Farmer นะคะ ก็แบบ
  • 10:17 - 10:19
    "อือหื้ม ปกติฉันก็ตื่นเช้ามารดน้ำผัก
  • 10:19 - 10:21
    จะให้ฉันตื่นเช้ากว่านี้อีกเหรอ?"
  • 10:21 - 10:22
    อะไรอย่างนี้นะคะ
  • 10:22 - 10:24
    ก็มีการเถียงๆๆ ค่ะ จนสุดท้ายเนี่ย
  • 10:24 - 10:26
    กฎหมายนี้ก็ตกไปนะคะ
  • 10:26 - 10:27
    อะ กฎหมายตกไปขนาดนี้
  • 10:27 - 10:30
    แล้วถามว่า Daylight Saving Time เนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไง?
  • 10:30 - 10:32
    ก็ต้องบอกว่า แม้ว่าไอเดียเนี้ย
  • 10:32 - 10:34
    ชาวอังกฤษจะไม่ซื้อ ชาวนิวซีแลนด์จะไม่ซื้อ
  • 10:34 - 10:36
    แต่มีหมู่บ้านนึงซื้อค่ะ
  • 10:36 - 10:37
    หมู่บ้านนั้นเนี่ยนะคะ
  • 10:37 - 10:39
    เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในแคนาดาค่ะ
  • 10:39 - 10:42
    ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 1908 นะคะ
  • 10:42 - 10:43
    มีหมู่บ้านนึงในแคนาดาค่ะ
  • 10:43 - 10:44
    ชื่อว่า Thunder Bay เนี่ย
  • 10:44 - 10:47
    เขาตกลงกันว่า "โอเค ไอเดียนี้น่าสนใจ
  • 10:47 - 10:49
    เรามาทำ Daylight Saving Time กันเถอะ"
  • 10:49 - 10:51
    คนอื่นว่ายังไงเราไม่สนใจ
  • 10:51 - 10:53
    แต่ในบริเวณหมู่บ้านเราเนี่ย
  • 10:53 - 10:55
    เราจะปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน
  • 10:55 - 10:57
    แล้วในช่วงฤดูหนาว เราก็จะปรับคืน
  • 10:57 - 11:01
    เราจะได้มีระยะเวลาในการใช้ชีวิตยาวนานขึ้น" นะคะ
  • 11:01 - 11:04
    หลังจากที่หมู่บ้านนี้เริ่มใช้นะคะ หลังจากนั้นอีกไม่นาน
  • 11:04 - 11:07
    ไอเดียนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วแคนาดาค่ะ
  • 11:07 - 11:09
    ก็จะมีหมู่บ้านนั้น หมู่บ้านนี้ หมู่บ้านโน้น
  • 11:09 - 11:11
    เริ่มทำตามมาเรื่อยๆๆๆ นะคะ
  • 11:11 - 11:14
    เพราะว่าแคนาดาเนี่ย มันอยู่สูงมาก นึกออกปะ?
  • 11:14 - 11:15
    ดังนั้นแสงอาทิตย์เนี่ย
  • 11:15 - 11:17
    ก็เป็นอะไรที่สำคัญกับเขามากจริงๆ
  • 11:17 - 11:19
    ก็เลยไม่แปลกเลยค่ะ ที่มันจะไปเริ่มที่แคนาดาเนอะ
  • 11:19 - 11:22
    แต่อย่างไรก็ดีค่ะ มันก็ยังฮิตแค่ในแคนาดาเท่านั้น
  • 11:22 - 11:23
    ถามว่าใครเป็นคนที่ทำให้
  • 11:23 - 11:26
    Daylight Saving Time เนี่ย ฮิตไปทั่วโลกนะคะ
  • 11:26 - 11:29
    ประเทศนั้นก็คือ จักรวรรดิเยอรมันนั่นเอง
  • 11:29 - 11:31
    ในช่วงปี 1916 นะคะ
  • 11:31 - 11:32
    จักรวรรดิเยอรมัน แล้วก็ออสเตรีย
  • 11:32 - 11:35
    ซึ่งเป็นพันธมิตรกันตอนนั้นเนี่ย รู้สึกว่า
  • 11:35 - 11:37
    "เออ Daylgiht Saving Time มันเป็นอะไรที่น่าสนใจนะ"
  • 11:37 - 11:40
    ก็เลยเอาไอเดียนี้มาใช้กันจักรวรรดิตัวเองค่ะ
  • 11:40 - 11:42
    เพราะว่าอะไร? เพราะว่าช่วงนั้นเนี่ยนะคะ
  • 11:42 - 11:44
    ใกล้จะเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วค่ะ
  • 11:44 - 11:47
    ไม่ใช่แค่การใช้ชีวิตนอกบ้านเนี่ย เป็นอะไรที่ดีนะคะ
  • 11:47 - 11:50
    การประหยัดพลังงาน การให้คนใช้ไฟฟ้าน้อยลง
  • 11:50 - 11:51
    เพื่อเตรียมตัวรับสงครามเนี่ย
  • 11:51 - 11:53
    ก็เป็นอะไรที่เวิร์กมากๆ ค่ะ
  • 11:53 - 11:54
    ดังนั้นจักรวรรดิเยอรมันเนี่ย
  • 11:54 - 11:57
    ก็เลยนำสิ่งนี้มาใช้กับจักรวรรดิของตัวเองนะคะ
  • 11:57 - 11:58
    แน่นอนว่าจักรวรรดิเยอรมันเนี่ย
  • 11:58 - 11:59
    เป็นอะไรที่ใหญ่มากๆ
  • 11:59 - 12:02
    และเป็นการใช้ในระดับประเทศเป็นครั้งแรก
  • 12:02 - 12:04
    ดังนั้นภายในเวลาไม่นานนะคะ
  • 12:04 - 12:07
    ฝรั่งเศส อังกฤษ ประเทศอะไรต่างๆ ในยุโรปเนี่ย
  • 12:07 - 12:09
    ก็เริ่มเห็นว่าไอเดียนี้ดีจริงๆ ด้วย
  • 12:09 - 12:11
    ก็เลยใช้ตามกันไปทั่วเลยค่ะ
  • 12:11 - 12:12
    แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
  • 12:12 - 12:14
    Daylight Saving Time เนี่ย ก็ใช้กันมาเรื่อยๆ
  • 12:14 - 12:16
    จนประทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ
  • 12:16 - 12:17
    หลายๆ ประเทศก็เปลี่ยนกลับกันหมด
  • 12:17 - 12:18
    ประมาณว่า "ฉันไม่เอาละ
  • 12:18 - 12:20
    ฉันไม่ใช้ Daylight Saving Time แล้วจ้า"
  • 12:20 - 12:22
    แล้วทีท่าไหนก็ไม่รู้นะคะ
  • 12:22 - 12:23
    พอช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนี่ย
  • 12:23 - 12:25
    น่าจะอยากประหยัดพลังงานขึ้นมาอีกรอบ
  • 12:25 - 12:27
    ก็เลยกลับมาใช้กันอีกรอบนึง
  • 12:27 - 12:30
    แล้วก็ใช้กันมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เนี่ยละค่ะ
  • 12:30 - 12:31
    ปัจจุบันเนี่ยนะคะ
  • 12:31 - 12:33
    มีประเทศประมาณ 70 ประเทศทั่วโลกนะคะ
  • 12:33 - 12:35
    ที่ใช้สิ่งที่เรียกว่า Daylight Saving Time
  • 12:35 - 12:38
    คือมีการปรับเวลาในช่วงฤดูร้อนให้เร็วขึ้น
  • 12:38 - 12:41
    และมีการปรับเวลาในช่วงฤดูหนาวให้กลับมาเป็นปกติ
  • 12:41 - 12:43
    ผลกระทบจาก Daylight Saving Time นะคะ
  • 12:43 - 12:46
    ก็เลยจะทำให้มีอยู่สองวันในหนึ่งปีค่ะ
  • 12:46 - 12:48
    ที่จะมีชั่วโมงแปลกๆ นะคะ
  • 12:48 - 12:51
    ก็คือวันแรกที่เริ่มใช้ Daylight Saving Time เนี่ย
  • 12:51 - 12:54
    จะมีแค่ทั้งหมด 23 ชั่วโมงในหนึ่งวันนะคะ
  • 12:54 - 12:56
    เพราะว่าพอถึงตีสองปุ๊บ ทุกคนก็จะหยิบนาฬิกาขึ้นมา
  • 12:56 - 12:58
    แล้วก็บิดไปตีสาม ปึ่ง!
  • 12:58 - 13:00
    ดังนั้นระยะเวลาระหว่างตีสองกับตีสาม
  • 13:00 - 13:02
    ก็จะหายไปค่ะ
  • 13:02 - 13:03
    และอีกวันนึงที่จะมีเวลาแปลกๆ นะคะ
  • 13:03 - 13:06
    ก็คือในช่วงเริ่มฤดูหนาวนั่นเองค่ะ
  • 13:06 - 13:08
    เป็นวันที่ทุกคนตกลงกันไว้ว่า
  • 13:08 - 13:10
    "โอเค ตอนนี้นะคะ ให้ทุกคนหยิบนาฬิกาขึ้นมา
  • 13:10 - 13:13
    ตอนนี้ตีสองใช่ไหม? หมุนกลับไปค่ะทุกคน ปึ่ง!
  • 13:13 - 13:15
    กลายเป็นตีหนึ่งนะคะ
  • 13:15 - 13:17
    ทำให้วันนั้นเนี่ย เหมือนจะมีตีหนึ่งสองรอบ
  • 13:17 - 13:18
    ประมาณนั้นค่ะ
  • 13:18 - 13:19
    ก็เลยกลายเป็นว่าวันนั้นเนี่ย
  • 13:19 - 13:22
    มีทั้งหมด 25 ชั่วโมงนั่นเองค่ะ
  • 13:22 - 13:25
    ดังนั้นนะคะ คลิปวิดิโอนี้ไม่อยากจะบอกอะไรหรอกค่ะ
  • 13:25 - 13:26
    นอกจากจะบอกว่า
  • 13:26 - 13:28
    ใครก็ตามที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศนะคะ
  • 13:28 - 13:31
    อย่าลืมเช็คกันดีๆ ค่ะ ว่าประเทศที่ตัวเองไปเนี่ย
  • 13:31 - 13:32
    มี Daylight Saving Time หรือเปล่า?
  • 13:32 - 13:34
    และเขาประกาศในวันไหน?
  • 13:34 - 13:36
    เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ตกใจนะคะ
  • 13:36 - 13:39
    แม้ว่าปัจจุบันเนี่ย มือถือจะปรับให้เราอัตโนมัติ
  • 13:39 - 13:41
    Daylight Saving Time ไม่ค่อยมีผลต่อเราหรอก
  • 13:41 - 13:43
    แต่ถ้าบังเอิญว่าเราไปประเทศนั้น
  • 13:43 - 13:45
    ตรงกับวันที่เขาปรับนาฬิกากันพอดี
  • 13:45 - 13:47
    สมมุติว่าเราจะต้องขึ้นเครื่องบินตอนตีสอง
  • 13:47 - 13:49
    11 โมง ชิลละ ออกจากบ้าน
  • 13:49 - 13:51
    "เดี๋ยวเที่ยงคืนนะ ออกเดินทาง
  • 13:51 - 13:53
    ไปถึงสนามบินสักตีหนึ่ง
  • 13:53 - 13:56
    นั่งเล่นชิลๆ หนึ่งชั่วโมง ขึ้นเครื่องบินตอนตีสอง
  • 13:56 - 13:58
    ปรากฏว่า เราชิลอยู่นะคะ
  • 13:58 - 14:00
    ไปถึงสนามบิน 00:59 น.
  • 14:00 - 14:02
    มีความสุข กำลังจะไปเช็คอิน
  • 14:02 - 14:05
    ตีหนึ่งปุ๊บ ทุกคนหยิบนาฬิกาขึ้นมาปรับ ปึ้ก! เป็นตีสอง
  • 14:05 - 14:07
    อ้าว ตกเครื่องซะอย่างนั้นนะคะ
  • 14:07 - 14:09
    นี่ละค่ะ สาเหตุที่วิวอยากมาเตือน
  • 14:09 - 14:12
    ก็คืออยากให้ทุกคนเช็คดีๆ ว่าประเทศที่ตัวเองไป
  • 14:12 - 14:14
    1. มี Daylight Saving Time ไหม?
  • 14:14 - 14:16
    2. มันมีในวันที่เท่าไร?
  • 14:16 - 14:18
    เขาปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในวันที่เท่าไร?
  • 14:18 - 14:21
    และปรับให้นาฬิกาช้าลงในวันที่เท่าไร?
  • 14:21 - 14:24
    ที่สำคัญนะคะ ขอบอกเลยว่าแต่ละประเทศเนี่ย
  • 14:24 - 14:26
    Daylight Saving Time ไม่เหมือนกันด้วยนะคะ
  • 14:26 - 14:29
    มีบางประเทศค่ะ ที่เขาไม่ได้ปรับเวลากัน 1 ชั่วโมงนะ
  • 14:29 - 14:32
    เขาปรับเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มีเหมือนกัน
  • 14:32 - 14:34
    อย่างเช่นบางที่ในออสเตรเลียเป็นต้นค่ะ
  • 14:34 - 14:36
    ดังนั้นเช็คกันดีๆ นะจ้ะทุกคน
  • 14:36 - 14:38
    หวังว่าคลิปวิดีโอนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ
  • 14:38 - 14:39
    ถ้าใครชื่นชอบให้วิว
  • 14:39 - 14:41
    เอาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มาเล่าให้ฟังอีก
  • 14:41 - 14:43
    ก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
  • 14:43 - 14:45
    แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
  • 14:45 - 14:47
    อยากรู้เรื่องอะไรอีก คอมเมนต์มาด้านล่างนะคะ
  • 14:47 - 14:50
    ถ้าหาคำตอบได้ จะพยายามหามาตอบทุกคนค่ะ
  • 14:50 - 14:52
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย~
  • 14:52 - 14:53
    สวัสดีค่ะ
  • 14:53 - 14:55
    เอาจริงๆ Daylight Saving Time นี่
  • 14:55 - 14:56
    เป็นเรื่องที่มึนมากๆ นะคะ
  • 14:56 - 14:58
    สำหรับคนไทย รวมถึงชาวเอเชีย อย่างพวกเรา
  • 14:58 - 15:00
    เพราะว่าพวกเราไม่มีไง
  • 15:00 - 15:01
    แต่อย่างไรก็ตาม คิดง่ายๆ ค่ะ
  • 15:01 - 15:03
    ช่วงฤดูร้อน เวลาจะหายไป 1 ชั่วโมง
  • 15:03 - 15:06
    และช่วงฤดูหนาว เวลาจะเพิ่มขึ้นมา 1 ชั่วโมง
  • 15:06 - 15:07
    เท่านั้นค่ะ
  • 15:07 - 15:09
    ซึ่งมันก็จะแค่เกิดขึ้นแค่สองวันเท่านั้นแหละ
  • 15:09 - 15:11
    ที่มันจะสับสนน่ะนะ ส่วนวันอื่นเราก็
  • 15:11 - 15:13
    ปล่อยให้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนอันแสนฉลาดของเรา
  • 15:13 - 15:15
    ทำหน้าที่ของมันไป
  • 15:15 - 15:17
    เพราะทันทีที่เราเหยียบประเทศนั้น แตะอินเตอร์เน็ต ปึ้ง!
  • 15:17 - 15:19
    มันก็จะปรับเวลาให้อัตโนมัติแล้วค่ะ
  • 15:19 - 15:20
    แค่ต้องระวังนิดนึง
  • 15:20 - 15:22
    ช่วงฤดูหนาวไม่ค่อยต้องระวังเท่าไรหรอก
  • 15:22 - 15:24
    เพราะเวลามันเกินมา 1 ชั่วโมงไง
  • 15:24 - 15:25
    เราก็แค่รอนานขึ้นชั่วโมงนึง
  • 15:25 - 15:27
    แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนแล้วละก็
  • 15:27 - 15:30
    เวลาหายไปชั่วโมงนึงนี่น่ากลัวจริงๆ นะคะ
  • 15:30 - 15:31
    ระวังกันให้ดีค่ะ
  • 15:31 - 15:33
    วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย~
  • 15:33 - 15:34
    สวัสดีค่ะ
Title:
1 วันมี 25 ชั่วโมงได้ไหม? เล่าเรื่อง Day Light Saving Time | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
15:35

Thai subtitles

Revisions