1 00:00:00,600 --> 00:00:02,600 วันนึงมี 25 ชั่วโมงได้หรือเปล่า? 2 00:00:03,080 --> 00:00:04,800 สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 3 00:00:04,800 --> 00:00:06,940 เชื่อว่าหลายคนเนี่ย น่าจะเคยเหมือนวิวใช่ไหมคะ? 4 00:00:06,940 --> 00:00:08,940 ที่งานยุ่งมากๆ จนรู้สึกว่า 5 00:00:08,940 --> 00:00:11,380 "วันนึงเนี่ย มี 24 ชั่วโมงมันไม่พอ!" 6 00:00:11,380 --> 00:00:13,120 "ขอเวลาเพิ่มได้ไหม?" นะคะ 7 00:00:13,120 --> 00:00:14,560 อยากรู้กันไหมคะว่า 8 00:00:14,560 --> 00:00:16,600 วันนึงมี 25 ชั่วโมงได้หรือเปล่า? 9 00:00:16,700 --> 00:00:18,320 แหมะ! มันจะเป็นไปได้ได้ยังไง 10 00:00:18,320 --> 00:00:20,280 วันนึงก็ต้องมี 24 ชั่วโมงสิ! 11 00:00:20,280 --> 00:00:21,780 ขอบอกว่า ได้ค่ะ! 12 00:00:21,780 --> 00:00:22,480 และที่สำคัญ 13 00:00:22,480 --> 00:00:24,860 ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สมมุตินะคะ 14 00:00:24,860 --> 00:00:26,480 แต่ในโลกของเราเนี่ย 15 00:00:26,480 --> 00:00:28,860 มีบางคนค่ะ ที่ได้สัมผัสประสบการณ์ 16 00:00:28,860 --> 00:00:31,580 การที่วันนึงมี 25 ชั่วโมงมาแล้วนะคะ 17 00:00:31,700 --> 00:00:33,320 และไม่ใช่แค่คนหรือสองคนนะคะ 18 00:00:33,320 --> 00:00:34,720 ที่เคยสัมผัสประสบการณ์นั้น 19 00:00:34,740 --> 00:00:37,640 แต่ว่าคนประมาณ 40% ของทั้งโลกนะคะ 20 00:00:37,640 --> 00:00:39,520 เคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาแล้วค่ะ 21 00:00:39,520 --> 00:00:42,200 ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่า 22 00:00:42,200 --> 00:00:44,200 Daylight Saving Time นั่นเองนะคะ 23 00:00:44,200 --> 00:00:46,660 อยากรู้กันไหมว่า Daylgiht Saving Time คืออะไร? 24 00:00:46,660 --> 00:00:48,920 แล้วมันส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา? 25 00:00:48,920 --> 00:00:50,820 ทำไมเราถึงไม่เคยเจอมันเลย? 26 00:00:50,820 --> 00:00:53,460 หรือบางคนอาจจะเคยเจอมันมาแล้วเล็กๆ น้อยๆ 27 00:00:53,460 --> 00:00:56,120 แล้วทำให้ชีวิตของเราเนี่ย ปั่นป่วนนะคะ 28 00:00:56,120 --> 00:00:57,220 แต่ว่าก่อนอื่น 29 00:00:57,220 --> 00:00:59,660 ก่อนจะไปฟังเรื่องราวของ Daylight Saving Time กันเนี่ย 30 00:00:59,700 --> 00:01:01,780 อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ 31 00:01:01,780 --> 00:01:04,620 เพราะว่าแต่ละช่องทางก็มีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลยค่ะ 32 00:01:04,620 --> 00:01:06,080 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟัง 33 00:01:06,080 --> 00:01:08,600 เรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ? 34 00:01:08,820 --> 00:01:10,600 ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ~ 35 00:01:14,580 --> 00:01:16,040 พูดว่า Daylight Saving เนี่ยนะคะ 36 00:01:16,040 --> 00:01:17,720 คนไทยหลายๆ คนน่าจะงงค่ะ 37 00:01:17,720 --> 00:01:19,240 ประมาณว่า "เฮ้ย มันคืออะไรอะ? 38 00:01:19,240 --> 00:01:20,960 เกิดมาไม่เคยได้ยินเลย" นะคะ 39 00:01:20,960 --> 00:01:23,980 แต่ใครที่เคยไปเรียนหรือว่าเคยไปใช้ชีวิต 40 00:01:23,980 --> 00:01:27,360 เคยไปเที่ยวแถวยุโรป แถวออสเตรเลีย แถวอเมริกา 41 00:01:27,360 --> 00:01:28,780 น่าจะคุ้นเคยกันดีค่ะ 42 00:01:28,780 --> 00:01:30,640 Daylight Saving นะคะ คือข้อตกลงค่ะ 43 00:01:30,640 --> 00:01:33,460 ที่คนในบางประเทศ บางกลุ่ม บางรัฐเนี่ยนะคะ 44 00:01:33,460 --> 00:01:36,400 ตกลงร่วมกันค่ะ ว่าเราจะมาปรับเวลากันเถอะ 45 00:01:36,400 --> 00:01:38,000 เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้ชีวิต 46 00:01:38,000 --> 00:01:40,300 ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยาวนานขึ้นค่ะ 47 00:01:40,300 --> 00:01:42,000 ฟังดูตรงนี้อาจจะงงนิดนึงนะ 48 00:01:42,000 --> 00:01:43,120 บอกเลยว่าคอนเซ็ปต์เนี้ย 49 00:01:43,120 --> 00:01:45,120 เป็นคอนเซ็ปต์ที่จะงงมากๆ นะคะ 50 00:01:45,120 --> 00:01:48,320 สำหรับคนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้จริงๆ น่ะนะ 51 00:01:48,320 --> 00:01:50,860 ถามว่าปรับนาฬิกาเนี่ย ปรับตอนไหน? 52 00:01:50,860 --> 00:01:53,140 ก็ต้องบอกว่าปรับช่วงฤดูร้อนค่ะ 53 00:01:53,140 --> 00:01:54,320 คือเขาจะตกลงกันว่า 54 00:01:54,320 --> 00:01:56,020 "เอาละ เราจะเริ่มปรับที่วันนี้" 55 00:01:56,020 --> 00:01:57,640 เริ่มแรกเราต้องมารู้ก่อนว่า 56 00:01:57,640 --> 00:01:59,960 เวลาที่ปกติที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้เนี่ยนะคะ 57 00:01:59,960 --> 00:02:01,860 เขานับว่าเป็น Standard time ค่ะ 58 00:02:01,880 --> 00:02:05,440 ก็คือ เป็นเวลาที่เริ่มไปเรื่อยๆๆ ปกติใช่ไหม? 59 00:02:05,440 --> 00:02:08,240 ทีนี้ในช่วงที่มีสิ่งที่เรียกว่า Daylight Saving นะคะ 60 00:02:08,240 --> 00:02:09,680 มันเป็นข้อตกลงค่ะว่า 61 00:02:09,680 --> 00:02:12,400 "เอาละทุกคน เรามาปรับเวลาให้เร็วขึ้นกันดีกว่า" 62 00:02:12,540 --> 00:02:14,320 ซึ่งส่วนมากนะคะ ก็จะปรับเวลา 63 00:02:14,320 --> 00:02:16,620 เป็นระยะเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ 64 00:02:16,620 --> 00:02:18,880 เช่น วันนี้เป็นวันที่ตกลงกันแล้วว่า 65 00:02:18,880 --> 00:02:20,780 "เอาละ เราจะ Daylight Saving กัน" 66 00:02:20,780 --> 00:02:22,060 ตอนนี้ตีสองนะ 67 00:02:22,080 --> 00:02:24,560 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ มันจะต้องกลายเป็น 68 00:02:24,560 --> 00:02:25,780 ตีสามใช่ไหมคะ? 69 00:02:25,800 --> 00:02:27,480 แต่ปรากฏว่าวันเนี้ย 70 00:02:27,480 --> 00:02:29,660 เป็นวันที่ตกลงกันไว้ว่าจะ Daylight Saving 71 00:02:29,660 --> 00:02:31,500 พอตีสองปุ๊บ แทนที่จะตีสาม 72 00:02:31,500 --> 00:02:33,620 มันเด้งข้าม ปึ้ง! ไปตีสี่เลย ใช่ไหมคะ? 73 00:02:33,640 --> 00:02:35,680 ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดแค่วันเดียวเนอะ 74 00:02:35,680 --> 00:02:38,000 วันรุ่งขึ้นก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ 75 00:02:38,000 --> 00:02:39,780 เวลาในช่วงระยะเวลานั้นนะคะ 76 00:02:39,780 --> 00:02:42,320 ก็จะเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงจาก Standard time ค่ะ 77 00:02:42,320 --> 00:02:44,400 ทีนี้ทุกคนก็จะถามว่า "อ้าว แล้วอยู่ดีๆ 78 00:02:44,400 --> 00:02:46,560 เวลาหายไป 1 ชั่วโมงอย่างนี้ได้เหรอ? 79 00:02:46,560 --> 00:02:48,620 1 ปี ชั่วโมงก็หายไป 1 ชั่วโมง 80 00:02:48,620 --> 00:02:49,700 2 ปีก็ 2 ชั่วโมง 81 00:02:49,720 --> 00:02:50,820 3 ปี 3 ชั่วโมง 82 00:02:50,820 --> 00:02:52,880 24 ปีนี่หายไป 1 วันเลยนะ 83 00:02:52,900 --> 00:02:54,440 มันจะเวิร์กหรือเปล่า?" นะคะ 84 00:02:54,460 --> 00:02:56,880 ต้องบอกว่า มันไม่ได้แค่ปรับไปอย่างเดียวค่ะ 85 00:02:56,880 --> 00:02:58,380 ช่วงที่หมดฤดูร้อนแล้วเนี่ยนะคะ 86 00:02:58,380 --> 00:03:00,960 ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงที่จะเข้าฤดูหนาวเนี่ย 87 00:03:00,980 --> 00:03:02,880 เขาก็จะมีการปรับเวลากลับค่ะ 88 00:03:02,880 --> 00:03:05,160 ก็คือ ตอนนี้เวลามันเร็วอยู่ 1 ชั่วโมงใช่ไหม? 89 00:03:05,160 --> 00:03:08,540 อะ เราปรับเวลา ถอยหลังกลับ 1 ชั่วโมงกันเถอะ ปึ้ง! 90 00:03:08,540 --> 00:03:11,560 ทำให้ 1. เวลากลับมาเหมือนเดิม ใช่ไหมคะ? 91 00:03:11,560 --> 00:03:13,100 กลับมาที่ Standard time เหมือนเดิม 92 00:03:13,100 --> 00:03:16,080 และ 2. วันวันนั้นที่ตกลงกันไว้ว่าจะปรับเนี่ย 93 00:03:16,080 --> 00:03:18,340 จะมีเวลาทั้งหมด 25 ชั่วโมงค่ะ 94 00:03:18,340 --> 00:03:19,080 เพราะว่าสมมุติว่า 95 00:03:19,080 --> 00:03:21,000 เราตกลงกันไว้ว่าจะปรับลงตอนตีสาม 96 00:03:21,000 --> 00:03:22,200 พอตีสามไปเรื่อยๆ ปุ๊บ 97 00:03:22,200 --> 00:03:24,480 สามๆๆ มันควรจะสี่ใช่ไหม? 98 00:03:24,480 --> 00:03:27,020 สามๆๆ เด้งกลับมาสามอีกรอบค่ะ 99 00:03:27,040 --> 00:03:31,160 นี่ละค่ะ สาเหตุที่ทำให้วันนึงสามารถมี 25 ชั่วโมงได้ 100 00:03:31,160 --> 00:03:33,160 ฟังแบบนี้น่าจะงงกันนะคะ ประมาณว่า 101 00:03:33,160 --> 00:03:36,420 "เอ้า แล้วอยู่ดีๆ ไม่ว่าดีจะไปปรับนาฬิกาเล่นกันทำไม?" 102 00:03:36,420 --> 00:03:38,500 สาเหตุนั้นเนี่ย เราอาจจะไม่ค่อยเก็ตกันค่ะ 103 00:03:38,500 --> 00:03:40,680 สาเหตุมันมาจากสภาพอากาศนั่นเอง 104 00:03:40,680 --> 00:03:42,160 เราลองนึกสภาพทุกวันนี้นะคะ 105 00:03:42,160 --> 00:03:43,940 ช่วงนี้ที่วิวอัดคลิปวิดิโอนี้อยู่เนี่ย 106 00:03:43,940 --> 00:03:45,940 เป็นช่วงเดือนธันวาคมใช่ไหมคะ? 107 00:03:45,940 --> 00:03:48,540 เอาแค่ในประเทศไทยของเรา เราก็จะรู้สึกว่า 108 00:03:48,540 --> 00:03:50,520 "โห ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกเร็วจังเลย 109 00:03:50,520 --> 00:03:53,980 สักประมาณ 5 โมงกว่า 6 โมงเนี่ย ฟ้าก็มืดแล้ว" นะคะ 110 00:03:53,980 --> 00:03:55,980 "ส่วนตอนเช้าเนี่ย ประมาณ 6 โมง 7 โมง 111 00:03:55,980 --> 00:03:57,960 ฟ้ายังไม่สว่างเลย นอนสบายมาก 112 00:03:57,960 --> 00:03:59,380 ไม่อยากตื่นไปทำงานเลย" 113 00:03:59,380 --> 00:04:00,360 ประมาณนั้นใช่ไหม? 114 00:04:00,360 --> 00:04:02,280 ต่างจากช่วงตอนเมษายนค่ะ 115 00:04:02,280 --> 00:04:03,940 ซึ่งเป็นฤดูร้อนของเราใช่ไหม? 116 00:04:03,940 --> 00:04:06,600 โอ้โห ปกติตอนกลางวันก็ร้อนจะตายอยู่แล้ว 117 00:04:06,600 --> 00:04:09,400 ทีเนี้ย ไม่ทันจะ 6 โมงดี พระอาทิตย์ขึ้นละ 118 00:04:09,400 --> 00:04:10,620 เริ่มร้อนแล้วนะคะ 119 00:04:10,620 --> 00:04:12,340 เท่านั้นยังไม่พอ ในตอนเย็นเนี่ย 120 00:04:12,340 --> 00:04:15,040 พระอาทิตย์ก็อยู่กับเราไปจนถึง 6 โมง ทุ่มนึง 121 00:04:15,040 --> 00:04:16,400 ก็ยังไม่ยอมตกซะที 122 00:04:16,400 --> 00:04:17,980 นี่ละค่ะ แม้ว่าประเทศเราเนี่ย 123 00:04:17,980 --> 00:04:20,000 จะเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร 124 00:04:20,000 --> 00:04:21,620 เรายังเจอเหตุกาณ์แบบนี้เลย 125 00:04:21,620 --> 00:04:24,560 แล้วนึกสภาพประเทศที่อยู่ในเขตอบอุ่น เขตหนาวสิคะ 126 00:04:24,560 --> 00:04:25,840 อย่างพวกประเทศในยุโรป 127 00:04:25,840 --> 00:04:27,660 อย่างพวกแคนาดา พวกอเมริกา 128 00:04:27,660 --> 00:04:29,000 ที่อยู่ทางเหนือขึ้นไปเนี่ย 129 00:04:29,000 --> 00:04:30,760 ว่าฤดูกาลของเขาแต่ละฤดูเนี่ย 130 00:04:30,760 --> 00:04:32,280 จะแตกต่างกันขนาดไหน? 131 00:04:32,280 --> 00:04:34,980 นึกสภาพนะคะ ฤดูกาลทางแถบนั้นแบ่งเป็น 132 00:04:34,980 --> 00:04:37,900 Winter, Spring, Summer แล้วก็ Fall ใช่ไหมคะ? 133 00:04:37,900 --> 00:04:38,680 ถ้าใครเคยไปเที่ยว 134 00:04:38,680 --> 00:04:41,120 หรือไปใช้ชีวิตอยู่แถวยุโรปเนี่ยจะเห็นว่า 135 00:04:41,120 --> 00:04:42,680 ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะคะ 136 00:04:42,680 --> 00:04:44,860 ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากนะคะ 137 00:04:44,860 --> 00:04:46,920 ยังไม่ทันเช้าเลย พระอาทิตย์ก็ขึ้นละ 138 00:04:46,920 --> 00:04:48,620 เหมือนสว่างเป็นกลางวันเลย 139 00:04:48,620 --> 00:04:50,760 เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ในช่วงเวลากลางคืน 140 00:04:50,760 --> 00:04:53,620 อู้หู สองทุ่ม สามทุ่ม พระอาทิตย์ไม่ยอมตกซะที 141 00:04:53,620 --> 00:04:55,620 หรือว่าบางประเทศในบางช่วงเวลาเนี่ย 142 00:04:55,620 --> 00:04:56,460 พระอาทิตย์ไม่ยอมตก 143 00:04:56,460 --> 00:04:59,020 จนกระทั่งเป็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนเลยทีเดียวนะคะ 144 00:04:59,020 --> 00:05:00,780 แต่กลับกันนะคะ ในช่วงฤดูหนาว 145 00:05:00,780 --> 00:05:02,340 ฟ้าขมุกขมัวทั้งวันเลยค่ะ 146 00:05:02,340 --> 00:05:03,860 พระอาทิตย์แทบไม่โผล่มาเลยนะ 147 00:05:03,860 --> 00:05:05,680 โดยเฉพาะตอนเย็น ตอนกลางคืนเนี่ย 148 00:05:05,680 --> 00:05:07,400 แปปเดียว ฟ้ามืดสนิทแล้วค่ะ 149 00:05:07,400 --> 00:05:10,420 สิ่งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งหมด 2 อย่างด้วยกันค่ะ 150 00:05:10,420 --> 00:05:11,380 เราลองนึกสภาพ 151 00:05:11,380 --> 00:05:13,440 ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนนะคะ 152 00:05:13,440 --> 00:05:16,720 ตอนที่กิจกรรมในร่ม เรายังไม่ค่อยมีอะไรมากมาย 153 00:05:16,720 --> 00:05:18,800 นอกจากจุดเทียน แล้วก็นั่งอยู่ในบ้านน่ะนะ 154 00:05:18,800 --> 00:05:20,120 นึกสภาพสมัยก่อนนะคะ 155 00:05:20,120 --> 00:05:21,600 ตอนที่ยังใช้เทียนกันอยู่ 156 00:05:21,600 --> 00:05:23,740 หรือว่าไฟฟ้าเพิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ๆ ค่ะ 157 00:05:23,740 --> 00:05:25,960 ตอนนั้นเนี่ย ช่วงฤดูร้อนจะเป็นยังไง? 158 00:05:25,960 --> 00:05:28,640 ตอนช่วงฤดูร้อน ทุกคนก็จะออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง 159 00:05:28,640 --> 00:05:30,360 มีความสุข เพราะประเทศเขาหนาว 160 00:05:30,360 --> 00:05:31,900 การเจอแสงอาทิตย์นี่เป็นอะไรที่แบบ 161 00:05:31,900 --> 00:05:33,980 ซึ่งฤดูร้อนค่ะ อากาศดี อากาศแบบ 162 00:05:33,980 --> 00:05:37,460 25 องศา มีต้นไม้เขียวขจี 163 00:05:37,460 --> 00:05:39,560 อู้หู เหมาะมากกับการออกไปเตะบอล 164 00:05:39,560 --> 00:05:42,600 ไปตีกอล์ฟ ไปเล่นเบสบอล ไปทำนู่นทำนี่ ใช่ไหมคะ? 165 00:05:42,600 --> 00:05:44,360 คนอยากใช้ชีวิตกลางแจ้งค่ะ 166 00:05:44,360 --> 00:05:45,940 คนไม่ค่อยอยากกลับเข้าอาคาร 167 00:05:45,940 --> 00:05:47,440 ตัดภาพมาช่วงฤดูหนาว 168 00:05:47,440 --> 00:05:49,800 กลางวันกลางคืนเหมือนกันอะ ฉันอยากอยู่แต่ในตึก 169 00:05:49,800 --> 00:05:50,800 ประมาณนั้นนะคะ 170 00:05:50,800 --> 00:05:53,280 สิ่งนี้ส่งผลกระทบไปยังข้อสองของเราค่ะ 171 00:05:53,280 --> 00:05:55,440 เมื่อเราออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งมากขึ้น 172 00:05:55,440 --> 00:05:56,500 ในช่วงฤดูร้อนเนี่ย 173 00:05:56,500 --> 00:05:58,400 แปลว่าเราประหยัดพลังงานค่ะ 174 00:05:58,400 --> 00:06:00,380 เพราะว่าเราใช้พลังงานธรรมชาติใช่ไหม? 175 00:06:00,380 --> 00:06:02,520 เราออกไปอยู่ข้างนอก ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ 176 00:06:02,520 --> 00:06:04,040 ไม่จำเป็นต้องจุดเทียน เพราะว่าอะไร? 177 00:06:04,040 --> 00:06:05,460 เพราะว่าพระอาทิตย์มันขึ้นอยู่แล้ว 178 00:06:05,460 --> 00:06:06,920 เราก็มีแสงสว่างอยู่แล้ว 179 00:06:06,920 --> 00:06:08,680 ในขณะที่เวลาเราเข้ามาบ้านเนี่ย 180 00:06:08,680 --> 00:06:11,540 เราก็จะต้องเปิดหลอดไฟ จะต้องจุดเทียนอะไรต่างๆ 181 00:06:11,540 --> 00:06:12,940 สิ้นเปลืองพลังงานสุดๆ 182 00:06:12,940 --> 00:06:15,200 เมื่อฤดูหนาว กลางวันกลางคืนก็เหมือนกันแหละ 183 00:06:15,200 --> 00:06:16,120 เราไม่ได้ออกไปไหน 184 00:06:16,120 --> 00:06:18,120 เราก็เปิดไฟทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้วนะคะ 185 00:06:18,120 --> 00:06:19,000 จากเหตุการณ์นี้นะคะ 186 00:06:19,000 --> 00:06:21,600 ทำให้ในช่วงปี 1874 เนี่ย มีคนดังคนนึง 187 00:06:21,600 --> 00:06:23,720 ชื่อว่านาย Benjamin Franklin เนี่ยนะคะ 188 00:06:23,720 --> 00:06:25,520 เขาเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมา 189 00:06:25,520 --> 00:06:27,880 จริงๆ ก็ไม่เรียกว่าไอเดียหรอก เรียกว่ากวนมากกว่า 190 00:06:27,880 --> 00:06:29,440 ไม่อยากจะเติมว่ากวนอะไรอะนะ 191 00:06:29,440 --> 00:06:31,440 คือประมาณว่ามีคนไปถามอะไรเขาก็ไม่รู้ 192 00:06:31,440 --> 00:06:33,000 แล้วอยู่ดีๆ เขาก็กวนขึ้นมา บอกว่า 193 00:06:33,000 --> 00:06:34,700 "นี่นะ รู้ไหม? จริงๆ พวกเราเนี่ย 194 00:06:34,700 --> 00:06:36,180 สามารถประหยัดเทียนกันได้ 195 00:06:36,180 --> 00:06:37,260 ถ้าเราบังคับให้ทุกคนเนี่ย 196 00:06:37,260 --> 00:06:39,680 ตื่นเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน 197 00:06:39,680 --> 00:06:41,440 เพราะว่าอะไร? เพราะว่าถ้าเราอยู่ในอาคาร 198 00:06:41,440 --> 00:06:42,520 เราต้องจุดเทียนใช่ไหม? 199 00:06:42,520 --> 00:06:45,320 แต่ว่าจริงๆ แล้วอะ ปกติเราตื่น 6 โมงเช้า 200 00:06:45,320 --> 00:06:48,220 ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะคะ ตีห้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่ะ 201 00:06:48,220 --> 00:06:50,220 ถ้าสมมุติว่าทุกๆ คนตื่นมาตั้งแต่ตีห้า 202 00:06:50,220 --> 00:06:52,220 ก็จะออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านเร็วขึ้น 203 00:06:52,220 --> 00:06:54,100 ก็ประหยัดเทียนไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 204 00:06:54,100 --> 00:06:55,740 แต่อย่างไรก็ตามค่ะ เขาบอกว่า 205 00:06:55,740 --> 00:06:58,520 อันนี้เป็นการพูดเล่นของ Benjamin Franklin เท่านั้นนะคะ 206 00:06:58,520 --> 00:07:00,100 หลายๆ คนก็เลยไปยกย่องเขาแหละ 207 00:07:00,100 --> 00:07:02,980 ว่าเขาเป็นหนึ่งในบิดาของ Daylight Saving Time อะนะ 208 00:07:02,980 --> 00:07:04,540 แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ 209 00:07:04,600 --> 00:07:06,980 คนที่เป็นคนคิดค้น Daylgiht Saving Time จริงๆ เนี่ยนะคะ 210 00:07:06,980 --> 00:07:08,780 เกิดขึ้นในปี 1895 ค่ะ 211 00:07:08,780 --> 00:07:11,180 คนๆ นี้ชื่อว่านาย George Vernon Hudson นะคะ 212 00:07:11,180 --> 00:07:12,200 ซึ่งคุณ Hudson เนี่ยนะคะ 213 00:07:12,200 --> 00:07:14,320 เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวนิวซีแลนด์ค่ะ 214 00:07:14,320 --> 00:07:16,040 อยู่ดีๆ วันนึงเนี่ย เขาก็คิดขึ้นมา 215 00:07:16,040 --> 00:07:17,780 อารมณ์คล้ายๆ Benjamin Franklin เนี่ยแหละ 216 00:07:17,780 --> 00:07:18,300 ประมาณว่า 217 00:07:18,300 --> 00:07:20,400 "เอ้ จะเป็นยังไงนะ? ถ้าสมมุติว่าอยู่ดีๆ 218 00:07:20,400 --> 00:07:23,920 เราหมุนเวลาให้ทุกคนเนี่ย เร็วขึ้น 2 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน" 219 00:07:23,920 --> 00:07:26,140 อะ อยู่ดีๆ ก็ไปหมุนเวลาเขาได้ด้วยนะคะ 220 00:07:26,140 --> 00:07:27,940 ประมาณว่าเร่งเวลาให้เร็วขึ้น 221 00:07:27,940 --> 00:07:30,340 นึกสภาพปกติ เราตื่นตอน 6 โมงเช้า 222 00:07:30,340 --> 00:07:32,200 แต่พระอาทิตย์มันขึ้นตั้งแต่ตีสี่แล้ว 223 00:07:32,200 --> 00:07:34,660 ถ้าสมมุติว่าเราไปตื่นตีสี่แทน 224 00:07:34,660 --> 00:07:36,320 ปกติเราไปทำงาน 7 โมงใช่ไหม? 225 00:07:36,320 --> 00:07:37,720 เวลาเร็วขึ้น 2 ชั่วโมงแล้ว 226 00:07:37,720 --> 00:07:40,840 เราก็ไปทำงานตอนประมาณตีห้าแทนเนี่ยนะ 227 00:07:40,840 --> 00:07:42,920 เราก็จะเลิกงานเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง 228 00:07:42,920 --> 00:07:43,960 เราก็มีเวลาเนี่ย 229 00:07:43,960 --> 00:07:48,020 ใช้ชีวิตอยู่ในแสงแดดอันสดใสของฤดูร้อนนานขึ้น 230 00:07:48,020 --> 00:07:50,020 ตอนนี้พระอาทิตย์มันก็ขึ้นยาวนานใช่ไหม? 231 00:07:50,020 --> 00:07:52,120 เราก็มีเวลาอยู่นอกบ้านนานขึ้นไง 232 00:07:52,120 --> 00:07:55,220 แล้วพอเข้าบ้าน 6 โมง ซึ่งจริงๆ แล้วคือสองทุ่มแล้วเนี่ย 233 00:07:55,220 --> 00:07:57,440 เราก็มีเวลาอยู่ในบ้านอีกแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ 234 00:07:57,440 --> 00:07:59,160 เราก็ง่วง เราก็เข้านอนแล้ว 235 00:07:59,160 --> 00:08:01,520 อืมๆๆ เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ 236 00:08:01,520 --> 00:08:03,280 ดังนั้นนะคะ นาย Hudson เนี่ย 237 00:08:03,280 --> 00:08:06,240 ก็เลยจัดการไปนำเสนอให้กับองค์กรนึงค่ะ 238 00:08:06,240 --> 00:08:09,320 ที่ชื่อว่า Wellington Philosophical Society นะคะ 239 00:08:09,320 --> 00:08:12,560 บอกว่า "เฮ้ย ทุกคน เรามาปรับเวลาในช่วงฤดูร้อนกันดีกว่า 240 00:08:12,560 --> 00:08:14,040 ในช่วงเดือนมีนาคมเนี่ยนะ 241 00:08:14,040 --> 00:08:16,340 ให้มันเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง ปึ้กๆ 242 00:08:16,340 --> 00:08:19,160 แล้วเราก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆๆ 243 00:08:19,160 --> 00:08:20,940 จนกระทั่งถึงฤดูหนาวเมื่อไรเนี่ย 244 00:08:20,940 --> 00:08:23,300 เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาแบบเดิมแล้วใช่ไหม? 245 00:08:23,300 --> 00:08:25,920 ถึงเดือนตุลาคมเมื่อไร เราค่อยปรับเวลากลับ 246 00:08:25,920 --> 00:08:27,380 ปึ้กๆ 2 ชั่วโมง 247 00:08:27,380 --> 00:08:28,320 ซึ่งถามว่า 248 00:08:28,320 --> 00:08:30,900 Wellington Philosophical Society เนี่ยสนใจไหม? 249 00:08:30,900 --> 00:08:32,360 ก็รู้สึกว่าสนใจนะ ก็แบบ 250 00:08:32,360 --> 00:08:34,500 "เออ มันก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะ 251 00:08:34,500 --> 00:08:36,240 มันทำให้เราประหยัดไฟได้ด้วย 252 00:08:36,240 --> 00:08:38,920 เพราะว่าเราใช้ไฟฟ้าในการเปดิหลอดไฟน้อยลง 253 00:08:38,920 --> 00:08:42,120 ที่สำคัญนะ เราก็เริ่มงานเร็ว แล้วก็เลิกงานเร็ว 254 00:08:42,120 --> 00:08:45,360 เราก็มีเวลา Work-life balance หลังเลิกงานนานขึ้นไง 255 00:08:45,360 --> 00:08:46,740 เพราะว่ากว่าเราจะเลิกงานเนี่ยนะ 256 00:08:46,740 --> 00:08:49,620 ปกติเราก็มีเวลาประมาณสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก 257 00:08:49,620 --> 00:08:51,980 กินข้าวเย็น ทำอะไรกุ๊กๆ กิ๊กๆ ก็นอนแล้ว 258 00:08:51,980 --> 00:08:53,700 แต่ถ้าเราเลิกงานเร็วขึ้น 2 ชั่วโมง 259 00:08:53,700 --> 00:08:55,560 เราก็มีเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงไง 260 00:08:55,560 --> 00:08:58,880 เราก็ไปทำนู่น ทำนี่ ทำนั่น ใต้แสงอาทิตย์อันงดงามได้ 261 00:08:58,880 --> 00:09:00,280 น่าสนใจ น่าสนใจ" 262 00:09:00,280 --> 00:09:01,380 แต่อย่างไรก็ตามค่ะ 263 00:09:01,380 --> 00:09:02,720 ไอเดียของการหมุนเวลาเนี่ย 264 00:09:02,720 --> 00:09:04,480 มันอาจจะ Advance เกินไปนิดนึง 265 00:09:04,480 --> 00:09:07,060 ทำให้สุดท้ายแล้วไอเดียนี้ก็ตกไปนะคะ 266 00:09:07,060 --> 00:09:09,260 ตัดภาพมาค่ะ ในปี 1905 267 00:09:09,260 --> 00:09:11,140 ประมาณสิบปีหลังจากนั้นเนี่ยนะคะ 268 00:09:11,140 --> 00:09:13,240 ก็มีคนคนนึงในประเทศอังกฤษค่ะ 269 00:09:13,240 --> 00:09:16,000 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ Hudson คนแรกเลยเนี่ยนะ 270 00:09:16,000 --> 00:09:18,220 เขาก็คิดไอเดียแบบเดียวกันขึ้นมาค่ะ 271 00:09:18,220 --> 00:09:21,220 คนๆ นั้นก็คือคนที่ชื่อว่า William Willett นั่นเองค่ะ 272 00:09:21,220 --> 00:09:23,320 เขาเนี่ยคิดเหมือนคุณ Hudson ทุกประการเลย 273 00:09:23,320 --> 00:09:24,460 แต่แตกต่างกันนิดนึง 274 00:09:24,460 --> 00:09:26,920 คือคุณ Hudson เนี่ย เขาบอกว่าให้ปรับ 2 ชั่วโมง 275 00:09:26,920 --> 00:09:28,480 ตอนต้นเดือนมีนาคมใช่ไหม? 276 00:09:28,480 --> 00:09:31,180 แล้วก็ปรับกลับอีกครั้งเดียวตอนเดือนตุลาคม 277 00:09:31,180 --> 00:09:33,680 ในขณะที่คุณ William Willett เนี่ย เขาบอกว่า 278 00:09:33,680 --> 00:09:36,040 "ไม่เอาๆ ฉันไม่ได้อยากตื่นเช้าไปทำงาน" 279 00:09:36,040 --> 00:09:38,760 ฉันแค่อยากมีเวลามากขึ้นในวันอาทิตย์เท่านั้นแหละ 280 00:09:38,760 --> 00:09:40,080 เพราะว่ามันเป็นวันหยุดของฉัน 281 00:09:40,080 --> 00:09:42,020 ดังนั้นเราตกลงกันแบบนี้ดีไหม? 282 00:09:42,020 --> 00:09:44,300 ในช่วงฤดูร้อนเนี่ยนะ เป็นระยะเวลา 1 เดือน 283 00:09:44,300 --> 00:09:47,080 ทุกๆ วันอาทิตย์ของเดือนนี้ ทั้งหมด 4 วันเนี่ยนะ 284 00:09:47,080 --> 00:09:49,540 เราจะปรับเวลาให้เร็วขึ้นครึ่งชั่วโมงนะ 285 00:09:49,540 --> 00:09:51,520 เราจะได้มีเวลามากขึ้นครึ่งชั่วโมง 286 00:09:51,520 --> 00:09:54,020 แล้วในช่วงฤดูหนาวเนี่ยนะ เราก็เลือกมาเดือนนึง 287 00:09:54,020 --> 00:09:57,060 ทุกๆ วันอาทิตย์เราก็จะปรับเวลาให้ช้าลง 4 ชั่วโมง 288 00:09:57,060 --> 00:09:58,280 เพื่อปรับคืนนะคะ 289 00:09:58,280 --> 00:10:00,820 ซึ่งถามว่าไอเดียนี้มีคนสนใจไหม? 290 00:10:00,820 --> 00:10:02,100 แน่นอนว่ามีค่ะ 291 00:10:02,100 --> 00:10:04,700 คนๆ นั้นเนี่ย บังเอิญว่าอยู่ในรัฐสภาอังกฤษด้วย 292 00:10:04,700 --> 00:10:07,620 ก็เลยมีการเสนอเข้าไปในรัฐสภาอะไรต่างๆ นะคะ 293 00:10:07,620 --> 00:10:10,440 แต่ว่าสุดท้ายค่ะ คนก็แบบ ต่อต้านกันมากมาย 294 00:10:10,440 --> 00:10:11,880 ประมาณว่า "ไม่เอา จะบ้าเหรอ 295 00:10:11,880 --> 00:10:14,240 ใครจะมาปรับเวลาปีนึง 8 ครั้ง 296 00:10:14,240 --> 00:10:15,380 ปวดหัวตายพอดี" 297 00:10:15,380 --> 00:10:16,940 โดยเฉพาะพวก Farmer นะคะ ก็แบบ 298 00:10:16,940 --> 00:10:19,300 "อือหื้ม ปกติฉันก็ตื่นเช้ามารดน้ำผัก 299 00:10:19,300 --> 00:10:20,800 จะให้ฉันตื่นเช้ากว่านี้อีกเหรอ?" 300 00:10:20,800 --> 00:10:21,580 อะไรอย่างนี้นะคะ 301 00:10:21,580 --> 00:10:24,040 ก็มีการเถียงๆๆ ค่ะ จนสุดท้ายเนี่ย 302 00:10:24,040 --> 00:10:25,700 กฎหมายนี้ก็ตกไปนะคะ 303 00:10:25,700 --> 00:10:27,280 อะ กฎหมายตกไปขนาดนี้ 304 00:10:27,280 --> 00:10:29,880 แล้วถามว่า Daylight Saving Time เนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไง? 305 00:10:29,880 --> 00:10:31,680 ก็ต้องบอกว่า แม้ว่าไอเดียเนี้ย 306 00:10:31,680 --> 00:10:34,160 ชาวอังกฤษจะไม่ซื้อ ชาวนิวซีแลนด์จะไม่ซื้อ 307 00:10:34,160 --> 00:10:35,700 แต่มีหมู่บ้านนึงซื้อค่ะ 308 00:10:35,700 --> 00:10:36,660 หมู่บ้านนั้นเนี่ยนะคะ 309 00:10:36,660 --> 00:10:38,880 เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในแคนาดาค่ะ 310 00:10:38,880 --> 00:10:41,580 ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 1908 นะคะ 311 00:10:41,580 --> 00:10:43,060 มีหมู่บ้านนึงในแคนาดาค่ะ 312 00:10:43,060 --> 00:10:44,320 ชื่อว่า Thunder Bay เนี่ย 313 00:10:44,320 --> 00:10:47,120 เขาตกลงกันว่า "โอเค ไอเดียนี้น่าสนใจ 314 00:10:47,120 --> 00:10:49,220 เรามาทำ Daylight Saving Time กันเถอะ" 315 00:10:49,220 --> 00:10:50,840 คนอื่นว่ายังไงเราไม่สนใจ 316 00:10:50,840 --> 00:10:52,580 แต่ในบริเวณหมู่บ้านเราเนี่ย 317 00:10:52,580 --> 00:10:55,420 เราจะปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อน 318 00:10:55,420 --> 00:10:57,320 แล้วในช่วงฤดูหนาว เราก็จะปรับคืน 319 00:10:57,320 --> 00:11:00,820 เราจะได้มีระยะเวลาในการใช้ชีวิตยาวนานขึ้น" นะคะ 320 00:11:00,820 --> 00:11:03,980 หลังจากที่หมู่บ้านนี้เริ่มใช้นะคะ หลังจากนั้นอีกไม่นาน 321 00:11:03,980 --> 00:11:06,740 ไอเดียนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วแคนาดาค่ะ 322 00:11:06,740 --> 00:11:08,760 ก็จะมีหมู่บ้านนั้น หมู่บ้านนี้ หมู่บ้านโน้น 323 00:11:08,760 --> 00:11:11,260 เริ่มทำตามมาเรื่อยๆๆๆ นะคะ 324 00:11:11,260 --> 00:11:13,620 เพราะว่าแคนาดาเนี่ย มันอยู่สูงมาก นึกออกปะ? 325 00:11:13,620 --> 00:11:14,760 ดังนั้นแสงอาทิตย์เนี่ย 326 00:11:14,760 --> 00:11:16,520 ก็เป็นอะไรที่สำคัญกับเขามากจริงๆ 327 00:11:16,520 --> 00:11:18,940 ก็เลยไม่แปลกเลยค่ะ ที่มันจะไปเริ่มที่แคนาดาเนอะ 328 00:11:18,940 --> 00:11:21,720 แต่อย่างไรก็ดีค่ะ มันก็ยังฮิตแค่ในแคนาดาเท่านั้น 329 00:11:21,720 --> 00:11:23,260 ถามว่าใครเป็นคนที่ทำให้ 330 00:11:23,260 --> 00:11:25,820 Daylight Saving Time เนี่ย ฮิตไปทั่วโลกนะคะ 331 00:11:25,820 --> 00:11:28,800 ประเทศนั้นก็คือ จักรวรรดิเยอรมันนั่นเอง 332 00:11:28,800 --> 00:11:30,660 ในช่วงปี 1916 นะคะ 333 00:11:30,660 --> 00:11:32,500 จักรวรรดิเยอรมัน แล้วก็ออสเตรีย 334 00:11:32,500 --> 00:11:35,080 ซึ่งเป็นพันธมิตรกันตอนนั้นเนี่ย รู้สึกว่า 335 00:11:35,080 --> 00:11:37,340 "เออ Daylgiht Saving Time มันเป็นอะไรที่น่าสนใจนะ" 336 00:11:37,340 --> 00:11:40,240 ก็เลยเอาไอเดียนี้มาใช้กันจักรวรรดิตัวเองค่ะ 337 00:11:40,240 --> 00:11:42,140 เพราะว่าอะไร? เพราะว่าช่วงนั้นเนี่ยนะคะ 338 00:11:42,140 --> 00:11:44,440 ใกล้จะเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วค่ะ 339 00:11:44,440 --> 00:11:46,920 ไม่ใช่แค่การใช้ชีวิตนอกบ้านเนี่ย เป็นอะไรที่ดีนะคะ 340 00:11:46,920 --> 00:11:49,640 การประหยัดพลังงาน การให้คนใช้ไฟฟ้าน้อยลง 341 00:11:49,640 --> 00:11:51,240 เพื่อเตรียมตัวรับสงครามเนี่ย 342 00:11:51,240 --> 00:11:52,940 ก็เป็นอะไรที่เวิร์กมากๆ ค่ะ 343 00:11:52,940 --> 00:11:54,380 ดังนั้นจักรวรรดิเยอรมันเนี่ย 344 00:11:54,380 --> 00:11:56,820 ก็เลยนำสิ่งนี้มาใช้กับจักรวรรดิของตัวเองนะคะ 345 00:11:56,820 --> 00:11:58,460 แน่นอนว่าจักรวรรดิเยอรมันเนี่ย 346 00:11:58,460 --> 00:11:59,480 เป็นอะไรที่ใหญ่มากๆ 347 00:11:59,480 --> 00:12:01,760 และเป็นการใช้ในระดับประเทศเป็นครั้งแรก 348 00:12:01,760 --> 00:12:03,680 ดังนั้นภายในเวลาไม่นานนะคะ 349 00:12:03,680 --> 00:12:06,600 ฝรั่งเศส อังกฤษ ประเทศอะไรต่างๆ ในยุโรปเนี่ย 350 00:12:06,600 --> 00:12:08,620 ก็เริ่มเห็นว่าไอเดียนี้ดีจริงๆ ด้วย 351 00:12:08,620 --> 00:12:10,540 ก็เลยใช้ตามกันไปทั่วเลยค่ะ 352 00:12:10,540 --> 00:12:11,640 แต่อย่างไรก็ตามนะคะ 353 00:12:11,640 --> 00:12:13,520 Daylight Saving Time เนี่ย ก็ใช้กันมาเรื่อยๆ 354 00:12:13,520 --> 00:12:15,720 จนประทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ 355 00:12:15,720 --> 00:12:17,400 หลายๆ ประเทศก็เปลี่ยนกลับกันหมด 356 00:12:17,400 --> 00:12:18,440 ประมาณว่า "ฉันไม่เอาละ 357 00:12:18,440 --> 00:12:20,240 ฉันไม่ใช้ Daylight Saving Time แล้วจ้า" 358 00:12:20,240 --> 00:12:21,620 แล้วทีท่าไหนก็ไม่รู้นะคะ 359 00:12:21,620 --> 00:12:23,280 พอช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนี่ย 360 00:12:23,280 --> 00:12:25,280 น่าจะอยากประหยัดพลังงานขึ้นมาอีกรอบ 361 00:12:25,280 --> 00:12:27,280 ก็เลยกลับมาใช้กันอีกรอบนึง 362 00:12:27,280 --> 00:12:29,860 แล้วก็ใช้กันมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เนี่ยละค่ะ 363 00:12:29,860 --> 00:12:30,600 ปัจจุบันเนี่ยนะคะ 364 00:12:30,600 --> 00:12:32,780 มีประเทศประมาณ 70 ประเทศทั่วโลกนะคะ 365 00:12:32,780 --> 00:12:34,840 ที่ใช้สิ่งที่เรียกว่า Daylight Saving Time 366 00:12:34,840 --> 00:12:37,820 คือมีการปรับเวลาในช่วงฤดูร้อนให้เร็วขึ้น 367 00:12:37,820 --> 00:12:41,000 และมีการปรับเวลาในช่วงฤดูหนาวให้กลับมาเป็นปกติ 368 00:12:41,000 --> 00:12:42,740 ผลกระทบจาก Daylight Saving Time นะคะ 369 00:12:42,740 --> 00:12:45,540 ก็เลยจะทำให้มีอยู่สองวันในหนึ่งปีค่ะ 370 00:12:45,540 --> 00:12:47,700 ที่จะมีชั่วโมงแปลกๆ นะคะ 371 00:12:47,700 --> 00:12:50,680 ก็คือวันแรกที่เริ่มใช้ Daylight Saving Time เนี่ย 372 00:12:50,680 --> 00:12:53,560 จะมีแค่ทั้งหมด 23 ชั่วโมงในหนึ่งวันนะคะ 373 00:12:53,560 --> 00:12:56,500 เพราะว่าพอถึงตีสองปุ๊บ ทุกคนก็จะหยิบนาฬิกาขึ้นมา 374 00:12:56,500 --> 00:12:58,080 แล้วก็บิดไปตีสาม ปึ่ง! 375 00:12:58,080 --> 00:13:00,360 ดังนั้นระยะเวลาระหว่างตีสองกับตีสาม 376 00:13:00,360 --> 00:13:01,580 ก็จะหายไปค่ะ 377 00:13:01,580 --> 00:13:03,480 และอีกวันนึงที่จะมีเวลาแปลกๆ นะคะ 378 00:13:03,480 --> 00:13:06,020 ก็คือในช่วงเริ่มฤดูหนาวนั่นเองค่ะ 379 00:13:06,020 --> 00:13:07,600 เป็นวันที่ทุกคนตกลงกันไว้ว่า 380 00:13:07,600 --> 00:13:10,320 "โอเค ตอนนี้นะคะ ให้ทุกคนหยิบนาฬิกาขึ้นมา 381 00:13:10,320 --> 00:13:13,160 ตอนนี้ตีสองใช่ไหม? หมุนกลับไปค่ะทุกคน ปึ่ง! 382 00:13:13,160 --> 00:13:14,640 กลายเป็นตีหนึ่งนะคะ 383 00:13:14,640 --> 00:13:16,800 ทำให้วันนั้นเนี่ย เหมือนจะมีตีหนึ่งสองรอบ 384 00:13:16,800 --> 00:13:17,540 ประมาณนั้นค่ะ 385 00:13:17,540 --> 00:13:19,320 ก็เลยกลายเป็นว่าวันนั้นเนี่ย 386 00:13:19,320 --> 00:13:21,920 มีทั้งหมด 25 ชั่วโมงนั่นเองค่ะ 387 00:13:21,920 --> 00:13:24,600 ดังนั้นนะคะ คลิปวิดิโอนี้ไม่อยากจะบอกอะไรหรอกค่ะ 388 00:13:24,600 --> 00:13:25,720 นอกจากจะบอกว่า 389 00:13:25,720 --> 00:13:27,920 ใครก็ตามที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศนะคะ 390 00:13:27,920 --> 00:13:30,800 อย่าลืมเช็คกันดีๆ ค่ะ ว่าประเทศที่ตัวเองไปเนี่ย 391 00:13:30,800 --> 00:13:32,460 มี Daylight Saving Time หรือเปล่า? 392 00:13:32,460 --> 00:13:34,460 และเขาประกาศในวันไหน? 393 00:13:34,460 --> 00:13:36,460 เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ตกใจนะคะ 394 00:13:36,460 --> 00:13:39,000 แม้ว่าปัจจุบันเนี่ย มือถือจะปรับให้เราอัตโนมัติ 395 00:13:39,000 --> 00:13:40,820 Daylight Saving Time ไม่ค่อยมีผลต่อเราหรอก 396 00:13:40,820 --> 00:13:42,820 แต่ถ้าบังเอิญว่าเราไปประเทศนั้น 397 00:13:42,820 --> 00:13:44,980 ตรงกับวันที่เขาปรับนาฬิกากันพอดี 398 00:13:44,980 --> 00:13:47,240 สมมุติว่าเราจะต้องขึ้นเครื่องบินตอนตีสอง 399 00:13:47,240 --> 00:13:49,340 11 โมง ชิลละ ออกจากบ้าน 400 00:13:49,340 --> 00:13:51,440 "เดี๋ยวเที่ยงคืนนะ ออกเดินทาง 401 00:13:51,440 --> 00:13:53,360 ไปถึงสนามบินสักตีหนึ่ง 402 00:13:53,360 --> 00:13:56,080 นั่งเล่นชิลๆ หนึ่งชั่วโมง ขึ้นเครื่องบินตอนตีสอง 403 00:13:56,080 --> 00:13:58,320 ปรากฏว่า เราชิลอยู่นะคะ 404 00:13:58,320 --> 00:14:00,200 ไปถึงสนามบิน 00:59 น. 405 00:14:00,200 --> 00:14:01,880 มีความสุข กำลังจะไปเช็คอิน 406 00:14:01,880 --> 00:14:05,100 ตีหนึ่งปุ๊บ ทุกคนหยิบนาฬิกาขึ้นมาปรับ ปึ้ก! เป็นตีสอง 407 00:14:05,100 --> 00:14:07,300 อ้าว ตกเครื่องซะอย่างนั้นนะคะ 408 00:14:07,300 --> 00:14:09,280 นี่ละค่ะ สาเหตุที่วิวอยากมาเตือน 409 00:14:09,280 --> 00:14:12,100 ก็คืออยากให้ทุกคนเช็คดีๆ ว่าประเทศที่ตัวเองไป 410 00:14:12,100 --> 00:14:13,880 1. มี Daylight Saving Time ไหม? 411 00:14:13,880 --> 00:14:16,340 2. มันมีในวันที่เท่าไร? 412 00:14:16,340 --> 00:14:18,460 เขาปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นในวันที่เท่าไร? 413 00:14:18,460 --> 00:14:21,100 และปรับให้นาฬิกาช้าลงในวันที่เท่าไร? 414 00:14:21,100 --> 00:14:23,880 ที่สำคัญนะคะ ขอบอกเลยว่าแต่ละประเทศเนี่ย 415 00:14:23,880 --> 00:14:26,120 Daylight Saving Time ไม่เหมือนกันด้วยนะคะ 416 00:14:26,120 --> 00:14:29,340 มีบางประเทศค่ะ ที่เขาไม่ได้ปรับเวลากัน 1 ชั่วโมงนะ 417 00:14:29,340 --> 00:14:31,640 เขาปรับเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มีเหมือนกัน 418 00:14:31,640 --> 00:14:33,960 อย่างเช่นบางที่ในออสเตรเลียเป็นต้นค่ะ 419 00:14:33,960 --> 00:14:35,660 ดังนั้นเช็คกันดีๆ นะจ้ะทุกคน 420 00:14:35,660 --> 00:14:38,100 หวังว่าคลิปวิดีโอนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ 421 00:14:38,100 --> 00:14:38,920 ถ้าใครชื่นชอบให้วิว 422 00:14:38,920 --> 00:14:41,440 เอาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มาเล่าให้ฟังอีก 423 00:14:41,440 --> 00:14:43,060 ก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 424 00:14:43,060 --> 00:14:45,060 แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 425 00:14:45,060 --> 00:14:47,060 อยากรู้เรื่องอะไรอีก คอมเมนต์มาด้านล่างนะคะ 426 00:14:47,060 --> 00:14:49,820 ถ้าหาคำตอบได้ จะพยายามหามาตอบทุกคนค่ะ 427 00:14:49,820 --> 00:14:52,320 สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย~ 428 00:14:52,480 --> 00:14:53,260 สวัสดีค่ะ 429 00:14:53,260 --> 00:14:54,540 เอาจริงๆ Daylight Saving Time นี่ 430 00:14:54,540 --> 00:14:55,660 เป็นเรื่องที่มึนมากๆ นะคะ 431 00:14:55,660 --> 00:14:58,340 สำหรับคนไทย รวมถึงชาวเอเชีย อย่างพวกเรา 432 00:14:58,340 --> 00:14:59,520 เพราะว่าพวกเราไม่มีไง 433 00:14:59,520 --> 00:15:01,160 แต่อย่างไรก็ตาม คิดง่ายๆ ค่ะ 434 00:15:01,160 --> 00:15:03,400 ช่วงฤดูร้อน เวลาจะหายไป 1 ชั่วโมง 435 00:15:03,400 --> 00:15:06,060 และช่วงฤดูหนาว เวลาจะเพิ่มขึ้นมา 1 ชั่วโมง 436 00:15:06,060 --> 00:15:06,700 เท่านั้นค่ะ 437 00:15:06,700 --> 00:15:09,020 ซึ่งมันก็จะแค่เกิดขึ้นแค่สองวันเท่านั้นแหละ 438 00:15:09,020 --> 00:15:11,000 ที่มันจะสับสนน่ะนะ ส่วนวันอื่นเราก็ 439 00:15:11,000 --> 00:15:13,440 ปล่อยให้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนอันแสนฉลาดของเรา 440 00:15:13,440 --> 00:15:14,560 ทำหน้าที่ของมันไป 441 00:15:14,560 --> 00:15:17,120 เพราะทันทีที่เราเหยียบประเทศนั้น แตะอินเตอร์เน็ต ปึ้ง! 442 00:15:17,120 --> 00:15:19,000 มันก็จะปรับเวลาให้อัตโนมัติแล้วค่ะ 443 00:15:19,000 --> 00:15:20,340 แค่ต้องระวังนิดนึง 444 00:15:20,340 --> 00:15:22,120 ช่วงฤดูหนาวไม่ค่อยต้องระวังเท่าไรหรอก 445 00:15:22,120 --> 00:15:23,540 เพราะเวลามันเกินมา 1 ชั่วโมงไง 446 00:15:23,540 --> 00:15:25,180 เราก็แค่รอนานขึ้นชั่วโมงนึง 447 00:15:25,180 --> 00:15:27,240 แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนแล้วละก็ 448 00:15:27,240 --> 00:15:29,860 เวลาหายไปชั่วโมงนึงนี่น่ากลัวจริงๆ นะคะ 449 00:15:29,860 --> 00:15:30,960 ระวังกันให้ดีค่ะ 450 00:15:30,960 --> 00:15:33,140 วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย~ 451 00:15:33,340 --> 00:15:34,100 สวัสดีค่ะ