-
สวัสดีครับ พบกับผม โทนี่ และรายการ Every Frame A Painting
-
รายการนี้ออกอากาศมาสักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นคงถึงเวลาแล้วที่จะ...
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : เวลาที่จะสารภาพบาป? ]
-
ครับ เวลาสำหรับการสารภาพบาป
-
ผมขโมยความคิดมาจากหนังเรื่องนี้เยอะที่สุด ในบรรดาหนังที่ผมขโมยมา
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : F for Fake ]
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : F for Fake ]
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : F for Fake ]
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : ท่านสุภาพพบุรุษและสุภาพสตรี กระผมขอแนะนำ]
-
[ว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกี่ยวกับ กลลวง]
-
[การฉ้อฉล]
-
[และ คำโกหก]
-
เอ่อ ขออภัย ผมกำลังทำผิด เริ่มใหม่นะครับ
-
F for Fake คือหนังความเรียงโดย Orson Welles
-
ผมยึดถือหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในคัมภีร์ของผม
-
ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับการตัดต่อ มาจากหนังเรื่องนี้ทั้งหมด
-
แต่วันนี้ ผมจะพูดถึงสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องพื้นฐาน
-
(STRUCTURE : โครงสร้าง)
[Trey Parker ผู้สร้าง 'South Park' : เราค้นพบกฎง่ายๆ ที่ทุกคนอาจจะรู้กันหมดแล้วอ่ะนะ]
-
[แต่มันก็นานทีเดียวละกว่าพวกผมจะรู้เกี่ยวกับมัน]
-
เมื่อคุณวางโครงเรื่องของหนังความเรียง
-
มีสิ่งหนึ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยง
-
(วัยรุ่น) : ผมว่าเราสั่งครบแล้วครับ
(เครื่องตอบรับจากพนักงาน) : แล้ว?
-
(วัยรุ่น) : ครบแล้วครับ
(เครื่องตอบรับจากพนักงาน) : แล้ว?
-
(วัยรุ่น) : ไม่มีอะไรแล้ว ผมสั่งครบแล้ว
(เครื่องตอบรับจากพนักงาน) : แล้ว?
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ(F for Fake) : ถ้าคุณเล่าเรื่อง]
-
[โดยใช้คำว่า "แล้ว" ]
-
[ "แล้ว" ]
-
[และ "แล้ว" ]
-
[คุณมีปัญหาใหญ่แล้วละ]
-
นี้เป็นข้อผิดพลาดที่ผมทำบ่อยที่สุด
-
ตัวอย่างเช่น ลองดูนะครับว่ามันซ้ำซากแค่ไหน
-
เลือกที่จะเอาเงิน
-
เลือกที่จะไม่สู้กลับ
-
เลือกที่จะซ้อนความรู้สึก
-
เลือกที่จะไม่เชื่อในคนบางคน
-
เลือกที่จะหลบสิ่งกวนใจ
-
เลือกที่จะ...
-
เหล่านี้เป็นรายการที่คุณจะเรียงลำดับอย่างไรก็ได้ มันก็เลยดูน่าเบื่อ
-
[Trey Parker : สิ่งที่ควรจะเกิดระหว่างเหตุการณ์]
-
[คือ "จึง" หรือ "แต่"]
-
[ที่ผมจะบอกคือประมาณว่า นี้เกิดขึ้น]
-
(ตัวละครที่หนึ่ง : นั้นอะไรนะ )
(Cartman : ขนหมอยนะ ฉันซื้อมาจากเจ้า Scott Tenorman)
-
[ "จึง"เกิดนี้]
-
(เสียงการ์ตูนตัวละครที่หนึ่ง : Cartman แกไม่ต้องซื้อขนหมอยหรอก มันขึ้นเองนะ)
-
(Cartman : นี้กำลังบอกว่าไอ้นี้ไม่มีค่าเลยงั้นหรอ)
(ตัวละครที่หนึ่ง : ช่าย)
-
[ "แต่" นี้เกิดขึ้น ]
-
(Scott Tenorman : อะ เอาขนหมอยไป)
(Cartman : เยี่ยม!!!)
-
[ "จึง" เกิดนี้ ]
-
(Cartman : ห่าเอ้ย!!!)
-
ตลอดหนังเรื่องนี้ Orson Welles ทำอย่างนี้
-
แต่เขาไม่ได้เชื่อม"ฉาก" เขาเชื่อม"ความคิด"
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : คุณเป็นนักวาดรูปนี้ ทำไมคุณอยากให้ผู้อื่นทำแต่ของปลอมๆล่ะ? ]
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : เพราะของปลอมก็ดีพอๆกับของจริงนั่นแหละ แล้วตลาดก็มีความต้องการด้วย ]
-
[เสียงจากภาพยนตร์ต้นฉบับ : ก็ถ้าเราไม่มีตลาดศิลปะเเล้วคนทำสิ่งปลอมๆนี้ก็ไม่มีที่อยู่นะสิ ]
-
ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังความเรียง
-
แต่ทุกๆวินาทีของหนังเรื่องนี้ก็ใช้หลักเดียวกันกับการ์ตูน South Park
-
กฎที่สองก็คือต้องมีเรื่องราวมากกว่าหนึ่งดำเนินควบคู่กันไป
-
[ผมจะขอใช้คำพูดของ HItchcock อีกครั้ง เขาบอกว่า ]
-
[ "การทำหนังนะก็คือ ในขณะเดียวกัน กลับไปที่" ]
-
[เขาพูดได้ตรงเผง]
-
[คุณต้องให้สองเรื่องดำเนินไป]
-
[ถ้าอันหนึ่งถึงจุดที่สุดแล้ว คุณก็ไปเล่นอีกอันหนึ่ง]
-
(เจ้าหญิง Leia : หวังว่าคุณจะรู้นะว่าคุณทำอะไรอยู่)
-
[คุณเอามาใช้ตอนที่คุณต้องการ ถ้ามันไม่น่าสนใจแล้วก็ปล่อยมัน]
-
[ "ในขณะเดียวกัน กลับไปที่" ]
-
แล้วในหนังเรียงความวิธีนี้มันทำงานอย่างไร?
-
ลองคิดว่าคุณมีเรื่องอยู่สองเรื่อง ก็ให้เรื่องหนึ่งเดินเรื่องมา
-
พอมันถึงจุดที่สุด ก็เปลี่ยนไปเล่นอีกเรื่องหนึ่ง ให้เดินเรื่องขึ้นมา
-
แล้วพอมันไปถึงจุดที่สุดก็กลับไปเรื่องแรก ง่ายมากใช่มั้ยล่ะ
-
แต่ F for Fake ไม่ได้มีแค่สองเรื่อง
-
ในหนังมีเรื่องเกี่ยวกับ Orson Welles, Howard Hughes
-
ผู้หญิงที่ชื่อ Oja แล้วยังมีขั้นตอนการทำหนังเรื่องนี้อีกน่ะ
-
และโดยการสร้างเรื่องแต่ละเรื่องอย่างระวังแล้ว Welles ก็สามารถโดดไปโดดมาระหว่างเรื่องหกเรื่องนี้ได้
-
โดยคนดูไม่เบื่อซะก่อน
-
เพราะฉะนั้นเวลาผมทำวิดิโอเรียงความ นี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวผมตลอดเวลา
-
(เครื่องตอบรับจากพนักงาน) : แล้ว?
(วัยรุ่น) : ไม่มีแล้ว!
-
และเรื่องทั้งหมดนี้ผมก็ได้มาจากาารดูหนังเรื่องนี้เรื่องเดียว
-
ซึ่งมากกว่าที่ผมเคยเรียนมาซะอีก : มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณได้อะไรมา
-
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตัดยังไงและผลลัพธ์มันเป็นยังไง
-
จำไว้ วิดิโอเรียงความไม่ใช่เรียงความ มันคือหนัง
-
เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องวางโครงสร้างและวางจังหวะให้เหมือนกับคนทำหนัง
-
'จึง' และ 'เเต่'
-
'ในขณะเดียวกัน กลับไปที่'
-
แต่ถ้าเกิดคุณไม่เชื่อผม อย่างน้อยคุณก็น่าจะเชื่อ Orson Welles
-
ที่คิดเรื่องนี้ออกมาตั้งแต่สี่สิบปีก่อนได้ไงก็ไม่รู้
-
[ ทำไมจะไม่ล่ะ? ผมมันพวกสิบแปดมงกุฎนี่ ]
-
อย่างไรก็ตาม ผมต้องรวบความเรียงชิ้นนี้แล้วล่ะ
-
[ตอนนี้ก็ได้เวลาสำหรับการแนะนำตัวแล้ว]
-
สวัสดีครับ พบกับผม โทนี่ และนี้ก็เป็นการลงเอยของหนึ่งปีกับรายการ Every Frame A Painting
-
ผมอยากขอบคุณทุกท่านที่มารับชม
-
และขอให้ทุกท่านมีความสุข
-
สวัสดีครับ