< Return to Video

ถึงเวลาเปลี่ยนโลก | ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ | TEDxMahidolU

  • 0:16 - 0:20
    ผมว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
  • 0:21 - 0:23
    ผมเชื่อแบบนั้น
  • 0:23 - 0:25
    และพวกเราล่ะครับ
  • 0:25 - 0:27
    พวกเราเชื่อว่า
    เราเปลี่ยนแปลงโลกได้หรือเปล่า
  • 0:29 - 0:31
    ผมได้ทุนพสวท.ครับ
  • 0:31 - 0:33
    โครงการพัฒนาและส่งเสริม
  • 0:33 - 0:36
    ผู้มีความสามารถพิเศษ
    ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • 0:37 - 0:40
    ค้นพบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ตอนนั้นครับ
  • 0:40 - 0:41
    พบความน่าทึ่งของวิทยาศาสตร์
  • 0:41 - 0:43
    แล้วก็คิดว่า
  • 0:43 - 0:47
    "นี่แหละ เดี๋ยวเราจะใช้วิทยาศาสตร์นี่แหละ
    ในการเปลี่ยนแปลงโลก"
  • 0:48 - 0:51
    ผมเซ็ตแล็บ ทำแล็บฉายรังสี
  • 0:51 - 0:54
    เพาะเชื้อตั้งแต่ม.ปลาย
  • 0:54 - 0:59
    ตอนปี 1 ก็ไปนำเสนอเปเปอร์ที่อังกฤษ
  • 1:01 - 1:04
    ถ้าเข้าใจไม่ผิด จบ 3 ปีครึ่งเป็นคนแรก
    ของมหาวิทยาลัยมหิดล
  • 1:06 - 1:08
    เสร็จแล้วก็ไปต่อที่เยล (Yale) ครับ
  • 1:08 - 1:12
    ที่ที่เต็มไปด้วยคนที่
    อยากจะออกไปเปลี่ยนแปลงโลก
  • 1:12 - 1:14
    พอกลับมาเมืองไทย
  • 1:14 - 1:19
    คิดว่าจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลง
    ชั้นเรียนของตัวเองก่อน
  • 1:19 - 1:21
    ตอนเรียนอยู่ที่เมืองนอก
  • 1:21 - 1:23
    ถ้าลงวิชานึง ก็กะไว้ว่า
    เราจะได้อ่านหนังสือ
  • 1:23 - 1:26
    ประมาณสักสัปดาห์ละเล่ม
  • 1:26 - 1:28
    หนึ่งเดือนก็ 4 เล่ม
  • 1:28 - 1:31
    กลับมาเมืองไทย เอาละ
    เริ่มจากเดือนละเล่มก่อน
  • 1:31 - 1:34
    หนึ่งเทอมก็ประมาณสัก 4-5 เล่ม
  • 1:35 - 1:37
    จบเทอมครับ
  • 1:38 - 1:41
    พวกเราคิดว่านักศึกษาอ่านจบสักกี่เล่มครับ
  • 1:42 - 1:44
    หลายคนอาจจะพอเดาออกครับ
  • 1:44 - 1:46
    อ่านไม่จบเลยสักเล่ม
  • 1:47 - 1:52
    ผมก็งงมาก
    "เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นกับชั้นเรียน"
  • 1:52 - 1:57
    ค้นไปก็พบว่า
    เราไม่ได้รู้จักนักศึกษาสักเท่าไหร่
  • 1:57 - 1:59
    ค้นลึกลงไปอีก
  • 1:59 - 2:02
    พบว่านักศึกษาก็ไม่ได้รู้จักตัวเอง
    สักเท่าไหร่เหมือนกัน
  • 2:03 - 2:05
    เลยคิดว่า
  • 2:05 - 2:10
    "สงสัยเราจะต้องจัดกระบวนการ
    ให้นักศึกษาเค้ารู้จักตัวเองมากขึ้น"
  • 2:11 - 2:13
    ก็ทำหลายอย่างครับ
  • 2:13 - 2:17
    แต่ว่า พอจะสรุปได้สัก 3 อย่าง
  • 2:18 - 2:21
    อย่างแรกก็คือฝึกฟังครับ
  • 2:21 - 2:26
    เพราะเชื่อว่าการฟัง
    มันเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้
  • 2:26 - 2:29
    พื้นฐานของการเข้าใจตนเอง
  • 2:29 - 2:32
    นักศึกษาในชั้นเรียนจะต้องฝึกที่จะฟังด้วยหู
  • 2:32 - 2:34
    ฟังด้วยตา
  • 2:34 - 2:36
    แล้วก็ฟังด้วยใจ
  • 2:37 - 2:43
    เค้าจะต้องฝึกฟังเพื่อนๆ คนอื่น
    แล้วก็ฝึกฟังตัวเองด้วย
  • 2:43 - 2:45
    อย่างที่ 2 ก็คือ
  • 2:45 - 2:49
    เค้าควรที่จะฝึกที่จะมีเครื่องมือ
    ที่จะใช้สะท้อนตนเองครับ
  • 2:49 - 2:52
    อาจจะเป็นเจอร์นัลหรือว่าบันทึก
    คล้ายๆ กับบันทึกประจำวัน
  • 2:52 - 2:56
    ที่เค้าจะต้องเขียนส่งมาทุกสัปดาห์
  • 2:56 - 2:59
    แล้วก้มีกิจกรรมที่เรียกว่า
    เช็คอินหรือเช็คเอาท์
  • 2:59 - 3:02
    เป็นกิจกรรมที่ทำให้เค้าได้เช็คสภาวะตนเอง
  • 3:02 - 3:05
    ช่วงก่อนเรียน ระหว่างเรียน แล้วก็หลังเรียน
  • 3:06 - 3:11
    อย่างที่ 3
    นักศึกษาจะต้องได้ออกไปทำอะไรบางอย่าง
  • 3:11 - 3:12
    ได้ลงมือจริงๆ
  • 3:12 - 3:15
    ทำอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยง
    ตัวเค้ากับโลกภายนอก
  • 3:17 - 3:18
    ผลก็น่าทึ่งครับ
  • 3:19 - 3:21
    ยกตัวอย่างบอส
  • 3:21 - 3:26
    บอสเป็นเด็กหัวดีครับ
  • 3:26 - 3:28
    แต่ว่าอารมณ์ร้อน
  • 3:28 - 3:30
    เป็นเด็กแว้นมาก่อนครับ
  • 3:30 - 3:34
    แล้วเข้ามาเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ก็อกหัก
  • 3:35 - 3:38
    ไม่ได้โดนผู้หญิงหักอกนะครับ
  • 3:38 - 3:41
    แต่ว่าอกหักเพราะว่าเค้ามาเจอว่า
  • 3:41 - 3:44
    วิทยาศาสตร์ที่เค้าเจอ
    มันคนละอย่างกัน
  • 3:44 - 3:49
    ไม่เหมือนกับวิทยาศาสตร์ที่เค้าคิดอยู่ในใจ
    มีภาพเอาไว้ก่อน
  • 3:50 - 3:54
    คิดๆ วนไปวนมาว่า
    "จะลาออกดีไหม"
  • 3:54 - 3:58
    มาร้องไห้แล้วก็มาปรึกษาว่า
    จะเรียนต่อดีหรือเปล่า
  • 3:59 - 4:02
    พอเค้าได้อยู่ในชั้นเรียนที่ตั้งคำถาม
  • 4:02 - 4:04
    ให้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง
  • 4:04 - 4:08
    ได้รู้จักเชื่อมโยงวิชา กับชีวิต
    กับโลกภายนอก
  • 4:08 - 4:13
    เค้าก็รู้ว่า เค้าจะเรียนวิทยาศาสตร์
    อย่างมีความสุขและมีความหมายอย่างไร
  • 4:15 - 4:16
    แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ
  • 4:16 - 4:20
    เค้ารู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่าง
    ที่ทำให้ชีวิตของเค้ามันมีพลัง
  • 4:22 - 4:24
    พอมาสำรวจตัวเองเยอะๆ
  • 4:24 - 4:30
    ก็พบว่าเค้ามีความสุข
    กับการไปดูเว็บไซต์ซื้อขายเครื่องเสียงครับ
  • 4:30 - 4:36
    แล้วที่บ้านก็ทำกิจการติดตั้งแสงสี
  • 4:36 - 4:41
    แต่ว่า เค้าก็สับสนว่า
    มันจะไปด้วยกันได้หรือเปล่า
  • 4:41 - 4:42
    แต่พอเค้ากลับไปสำรวจลึกๆ จริงๆ
  • 4:42 - 4:45
    ก็พบว่าเค้ามีความมั่นใจ
  • 4:45 - 4:50
    ที่จะทำทั้งการเรียนให้ได้ดี
    แล้วก็ทำธุรกิจให้ได้ดี
  • 4:51 - 4:52
    ตอนกลางวัน
  • 4:52 - 4:57
    บอสก็ทำแล็บใช้เครื่องมือหลายล้าน
    ที่แล็บซื้อมา
  • 4:57 - 5:00
    ส่วนตอนเย็นหรือว่าสุดสัปดาห์
  • 5:00 - 5:04
    เค้าก็ไปจัดคอนเสิร์ต
    จัดแสงเสียงให้กับคอนเสิร์ต
  • 5:04 - 5:05
    หรืองานแต่งงาน
  • 5:05 - 5:09
    ใช้เครื่องมือมูลค่าเป็นล้าน
    ที่เค้าซื้อมาด้วยตนเอง
  • 5:09 - 5:13
    มูลค่าธุรกิจของเค้าตอนนี้ก็หลายล้าน
  • 5:15 - 5:18
    จากเด็กที่สุ่มเสี่ยง
  • 5:18 - 5:22
    อาจจะเลือกทางเดินในชีวิตที่ไม่ถูกต้อง
  • 5:22 - 5:25
    กลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียน
  • 5:25 - 5:27
    เป็นว่าที่ด็อกเตอร์
  • 5:27 - 5:30
    แล้วก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจ
  • 5:30 - 5:33
    พวกเราคิดว่าชีวิตของบอส
  • 5:33 - 5:35
    เปลี่ยนไปไหมครับ
  • 5:37 - 5:41
    ผมเรียกกระบวนการนี้ว่า
    จิตตปัญญาศึกษาครับ
  • 5:43 - 5:46
    เป็นกระบวนการที่ทำให้คนเรียน
  • 5:46 - 5:48
    รู้จัก เข้าใจตนเอง
  • 5:48 - 5:51
    แล้วก็มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเอง
  • 5:51 - 5:56
    ผมกับเพื่อนๆ ตั้งศูนย์จิตตปัญญาศึกษา
    ที่มหิดลขึ้นมา
  • 5:56 - 5:59
    เพื่อจะขับเคลื่อนเรื่องนี้
    ในระดับมหาวิทยาลัย
  • 5:59 - 6:00
    แล้วก็ในระดับประเทศ
  • 6:02 - 6:05
    เราจัดประชุมวิชาการกันหลายครั้ง
  • 6:05 - 6:08
    มีครั้งหนึ่งเราจัดประชุมวิชาการที่ศิริราช
  • 6:09 - 6:14
    โดยมากคนที่มาประชุมก็จะเป็น
    อาจารย์แล้วก็เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย
  • 6:14 - 6:17
    อาจจะมีมหาวิทยาลัยอื่นมาเพิ่มด้วย
  • 6:17 - 6:20
    พอช่วงที่เปิดให้ถามตอบกัน
  • 6:20 - 6:25
    ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้น
    แล้วก็ขอพูด
  • 6:26 - 6:29
    เธอแนะนำตัวเองว่า
  • 6:29 - 6:34
    เธอเป็นคุณแม่ของเด็กในชั้นเรียน
    ของผมคนหนึ่ง
  • 6:36 - 6:40
    เธอบอกว่าเธอเป็นแม่ของน้องเอม
  • 6:41 - 6:44
    แล้วน้องเอมหนีออกจากบ้านไป
  • 6:46 - 6:49
    เธอเล่าว่าน้องเอมเป็นเด็กน่ารัก
  • 6:49 - 6:52
    สนิทกันมากเลยตอนสมัยที่เอมยังเด็กๆ อยู่
  • 6:52 - 6:55
    คุยกันได้ทุกเรื่อง สนิทสนมกันมาก
  • 6:55 - 7:01
    แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่า
    มันห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ
  • 7:01 - 7:05
    พูดจากันทีไรก็เหมือนกับจะทะเลาะกัน
  • 7:05 - 7:11
    เธอรู้สึกว่าลูกห่างออกจากตัวเอง
    ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ
  • 7:11 - 7:16
    จนกระทั่งเธอรู้สึกว่า
    เหมือนกับลูกหนีออกจากบ้านไป
  • 7:17 - 7:21
    หนีออกจากบ้านไป
    ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในบ้านนี่แหละครับ
  • 7:21 - 7:24
    แต่ว่าเธอรู้สึกว่าลูกของเธอ
  • 7:24 - 7:29
    ห่างไกลจนกระทั่งเธอเอื้อมมือไปไม่ถึง
  • 7:30 - 7:33
    ถึงขนาดที่เธอตัดใจว่า
  • 7:33 - 7:38
    ชีวิตนี้คงจะไม่ได้ใกล้ชิดกับลูกแบบเดิมอีก
  • 7:41 - 7:44
    แต่พอลูกของเธอได้มาเข้าในชั้นเรียน
  • 7:45 - 7:47
    เรื่องราวก็เปลี่ยนไป
  • 7:47 - 7:52
    เธอว่าลูกของเธอฟังเป็นมากขึ้น
  • 7:52 - 7:56
    กลับมาใกล้ชิดกันในครอบครัวมากขึ้น
  • 7:56 - 7:59
    วันนี้เธอก็เลยลางาน
  • 7:59 - 8:02
    เธอยอมลางานที่งานของเธอ
  • 8:02 - 8:05
    แล้วก็มาประชุมงานนี้
  • 8:06 - 8:07
    เพื่อจะบอกว่า
  • 8:07 - 8:09
    ขอบคุณ
  • 8:09 - 8:13
    ขอบคุณที่พาลูกของเธอกลับบ้าน
  • 8:16 - 8:20
    แม่น้องเอมขอบคุณผม
  • 8:20 - 8:23
    ขอบคุณชั้นเรียน
  • 8:23 - 8:28
    ขอบคุณคณะวิทยาศาสตร์
    แล้วก็ขอบคุณมหาวิทยาลัยมหิดลแห่งนี้
  • 8:28 - 8:33
    ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอ
    กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
  • 8:36 - 8:38
    พวกเราคิดว่า
  • 8:39 - 8:44
    โลกของน้องเอมกับโลกของคุณแม่
    เปลี่ยนไปไหมครับ
  • 8:46 - 8:49
    นี่หรือเปล่าการเปลี่ยนแปลงโลกที่แท้จริง
  • 8:49 - 8:56
    การที่ทำให้คนสามารถรู้จัก เข้าใจตนเอง
  • 8:56 - 8:59
    แล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้
  • 9:02 - 9:03
    ผมก็มีฝันครับว่า
  • 9:03 - 9:08
    ทำยังไงเจ้ากระบวนการดีๆ แบบนี้
    มันจะเข้าถึงคนเยอะๆ
  • 9:08 - 9:11
    ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น
    นักเรียน นิสิต หรือว่านักศึกษา
  • 9:12 - 9:15
    ผมพบคำตอบในงานอาสาครับ
  • 9:17 - 9:22
    เพราะว่างานอาสา
    มันไม่ใช่แค่ว่าจะต้องเป็นนักเรียนนักศึกษา
  • 9:22 - 9:27
    ใครๆ ก็เข้าถึงได้
    ทุกเพศ ทุกวัย แล้วก็ทุกสถานภาพด้วย
  • 9:29 - 9:33
    เราเริ่มต้นจากการที่ทำรีแบรนด์ครับ
  • 9:33 - 9:37
    เพิ่มคุณค่าแล้วก็ความหมายใหม่ให้กับงานอาสา
  • 9:37 - 9:41
    เมื่อตอนปี 2547
    ตอนช่วงเกิดสึนามิ
  • 9:41 - 9:43
    ผมกับเพื่อนๆ
    เราคิดคำใหม่ขึ้นมา
  • 9:43 - 9:45
    คือคำว่า "จิตอาสา"
  • 9:45 - 9:49
    เป็นการเอาคำว่า "จิต" มารวมกับคำว่า "อาสา"
  • 9:49 - 9:54
    เพื่อให้คุณค่า ความหมายใหม่
    เพิ่มเติมขึ้นกับงานอาสา
  • 9:54 - 9:58
    ว่าเป็นเรื่องของจิตใจ
    เป็นเรื่องของการเรียนรู้
  • 10:00 - 10:05
    แล้วพอช่วงปี 2554
    ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
  • 10:05 - 10:09
    ผมกับเพื่อน
    แล้วก็ศิษย์เก่าในชั้นเรียน
  • 10:09 - 10:14
    เรารวมกันตั้ง "ธนาคารจิตอาสา" ขึ้น
  • 10:14 - 10:19
    เป็นธนาคารที่รับฝากของมีค่าของพวกเราครับ
  • 10:19 - 10:23
    ไม่ใช่เงินทอง
    แต่ว่าเป็นของที่มีค่ามากกว่านั้นอีก
  • 10:23 - 10:27
    เป็นของที่พวกเราทุกคนได้มาเท่าๆ กัน
  • 10:27 - 10:29
    วันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันครับ
  • 10:29 - 10:31
    ก็คือ "เวลา"
  • 10:31 - 10:34
    เป็นธนาคารที่รับฝากเวลาครับ
  • 10:34 - 10:38
    แล้วก็พาให้ทุกคนมาเจองานอาสา
    ที่ตรงกับโปรไฟล์
  • 10:38 - 10:41
    ตรงกับความสนใจ แล้วก็ความถนัดของตัวเอง
  • 10:43 - 10:49
    มาเจองานอาสาที่ทำให้เรารู้จักตนเอง
    แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลก
  • 10:50 - 10:55
    เวลาพูดถึงธนาคารนะครับ
    คนก็มักจะชอบถามถึง พูดถึงตัวเลข
  • 10:57 - 11:03
    คนมักจะชอบพูดถึงตัวเลขว่า
    ธนาคารมีคนมาฝากเวลาไว้ 2.7 ล้านชั่วโมง
  • 11:03 - 11:07
    มีสมาชิกอยู่ข้างในห้าหมื่นกว่าคน
  • 11:07 - 11:12
    แล้วก็มีองค์กรมาเป็นสมาชิก
    สองร้อยกว่าองค์กร
  • 11:12 - 11:15
    องค์กรเหล่านี้
    ปีปีหนึ่งมาเปิดงานอาสา
  • 11:15 - 11:19
    ที่ทำให้คนได้มาทำงานอาสา
    ประมาณพันงาน
  • 11:21 - 11:24
    ตัวเลขพวกนี้มันก็น่าสนใจนะครับ
  • 11:24 - 11:30
    แต่ว่า ผมคิดว่ามีอีกสิ่งหนึ่ง
    ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวเลขเหล่านี้
  • 11:30 - 11:36
    ก็คือเรื่องราว ความมหัศจรรย์
    ของคนที่อยู่ข้างใน
  • 11:36 - 11:39
    ก็คืออาสาสมัครต่างๆ ครับ
  • 11:40 - 11:42
    มันมหัศจรรย์ยังไงครับ
  • 11:42 - 11:45
    มันมหัศจรรย์เหมือนกับที่บอส
  • 11:45 - 11:50
    เคยเป็นนักเรียนที่อยากจะลาออก
  • 11:50 - 11:57
    กลายมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
    กลายมาเป็นนักศึกษาที่ประสบความสำเร็จ
  • 11:57 - 11:59
    แล้วก็มีความสุข
  • 11:59 - 12:03
    มหัศจรรย์เหมือนกับน้องเอม
  • 12:03 - 12:07
    ที่จากเดิมห่างเหินจากคุณแม่
  • 12:07 - 12:11
    กลายมาเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทสนม
    กับคุณแม่อีกครั้งหนึ่ง
  • 12:12 - 12:14
    อย่างพี่ต๋อยครับ
  • 12:15 - 12:18
    พี่ต๋อยเป็นชายวัยเกษียณ
  • 12:18 - 12:22
    ที่มักจะนั่งรถจากจังหวัดมุกดาหาร
  • 12:22 - 12:26
    ลงมาทำงานอาสาที่กรุงเทพฯ อยู่เนืองๆ
  • 12:26 - 12:31
    พี่ต๋อยมาทำงานอาสาสมัคร
    ที่เรียกว่า "อาสารับฟัง"
  • 12:32 - 12:38
    งานอาสารับฟังทำให้พี่ต๋อยได้มีประสบการณ์
    ที่เจอการฟังอย่างมีคุณภาพ
  • 12:38 - 12:41
    ได้ฝึกที่จะฟังด้วยใจ
  • 12:41 - 12:44
    ฟังเพื่อฟัง ฟังโดยไม่ตัดสิน
  • 12:46 - 12:50
    มีวันหนึ่งพี่ต๋อยมาเล่าให้พวกเราฟังว่า
  • 12:50 - 12:53
    เค้าขอบคุณงานอาสามากมาย
  • 12:53 - 12:55
    พี่ต๋อยเล่าให้ฟังว่า
  • 12:55 - 13:00
    "มีวันหนึ่งผมนั่งทานข้าวอยู่ที่ฟู้ดคอร์ท
    แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
  • 13:00 - 13:04
    แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรี่เข้ามา
  • 13:04 - 13:08
    เข้ามาถึงก็ทำท่าเหมือนกับจะหาเรื่อง
  • 13:08 - 13:10
    แล้วก็ตะคอกว่า
  • 13:10 - 13:12
    'นี่ เสื้อเหลืองใช่มั้ย' "
  • 13:13 - 13:14
    พี่ต๋อยก็งง
  • 13:14 - 13:19
    ก้มลงไปดู
    เธอคงเห็นสายนกหวีดที่พี่ต๋อยห้อยอยู่
  • 13:21 - 13:26
    ตอนแรกก็กะว่าจะลุกและตวาดกลับไป
  • 13:26 - 13:30
    แต่พอนึกถึงงานอาสาที่ตัวเองไปฝึกมา
  • 13:30 - 13:34
    พี่ต๋อยก็ใจเย็นแล้วค่อยๆ ฟัง
  • 13:34 - 13:39
    พอผู้หญิงเห็นว่าไม่ได้มีทีท่ารุนแรงกลับไป
    เธอก็เริ่มเย็นลงครับ
  • 13:39 - 13:42
    สุดท้ายก็ค่อยๆ คุยกัน
  • 13:43 - 13:49
    จากเดิมที่ตั้งท่าว่าจะทะเลาะกัน
    กลายเป็นนั่งคุยกันที่ฟู้ดคอร์ทเป็นชั่วโมง
  • 13:49 - 13:53
    ได้ถาม รู้จักกันเพิ่มเติมมากขึ้น
  • 13:53 - 13:59
    ถามทั้งความเชื่อเรื่องการเมือง
    แล้วก็ยาวไปถึงชีวิตส่วนตัว
  • 13:59 - 14:04
    พี่ต๋อยเล่าให้ฟังว่า
    ปกติทำอาชีพอะไร แล้วสนใจเรื่องอะไร
  • 14:04 - 14:07
    เธอก็เล่าให้ฟังครับว่า
  • 14:07 - 14:10
    เธอเป็นนักแปลนิยาย
  • 14:10 - 14:15
    คุยกันสนิทสนมถึงขนาดเธอบอกว่า
    จะมากรุงเทพฯ อีกเมื่อไหร่
  • 14:15 - 14:18
    เธอจะเตรียมนิยายที่เธอแปลให้
  • 14:19 - 14:23
    สุดท้าย
    ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า
  • 14:23 - 14:28
    "แหม ถ้าพวกเสื้อเหลือง
    เป็นอย่างคุณเยอะๆ ก็ดีสิ"
  • 14:30 - 14:35
    พวกเราคิดว่าโลกของพี่ต๋อยเปลี่ยนไปไหมครับ
  • 14:38 - 14:41
    นี่แหละครับ มหัศจรรย์ของงานอาสา
  • 14:41 - 14:46
    งานอาสาที่ทำให้เรารู้จักตนเอง
  • 14:46 - 14:49
    แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลกด้วย
  • 14:50 - 14:54
    เพราะว่าพอเรารู้จักตนเองและเชื่อมโยงกับโลก
  • 14:54 - 15:00
    เราก็จะเห็นว่าโลก
    มันไม่ได้มีแต่โลกที่เราอาศัยอยู่
  • 15:00 - 15:05
    แต่ว่ามันมีโลกภายในที่เราสร้างขึ้นด้วย
  • 15:05 - 15:11
    และเราก็อาศัยอยู่ทั้งโลกที่เราสร้างอยู่
    แล้วก็โลกที่เราอาศัยอยู่ภายนอก
  • 15:13 - 15:18
    แล้วเมื่อใดก็ตามที่โลกภายในของเราเปลี่ยน
  • 15:18 - 15:20
    โลกภายนอกก็เปลี่ยนไปด้วย
  • 15:22 - 15:24
    เรื่องแบบนี้ครับ
  • 15:24 - 15:27
    ถ้าฟังด้วยหัวก็เข้าหัว
  • 15:27 - 15:32
    แต่ถ้าเกิดว่าเราฟังด้วยใจเราก็จะเข้าใจ
  • 15:34 - 15:35
    เชิญนะครับ
  • 15:35 - 15:37
    มาเจอกับงานอาสาครับ
  • 15:37 - 15:41
    งานอาสาที่ทำให้เรารู้จักทั้งตนเอง
  • 15:41 - 15:44
    แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลกภายนอกด้วย
  • 15:46 - 15:49
    แล้วพวกเราก็จะพบคำตอบด้วยตัวเองครับ
  • 15:49 - 15:52
    ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลก
  • 15:52 - 15:58
    ผ่านการรู้จัก
    แล้วก็เปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างไร
  • 15:58 - 16:00
    ขอบคุณครับ
Title:
ถึงเวลาเปลี่ยนโลก | ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ | TEDxMahidolU
Description:

ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ (เอเชีย) เชื่อเราทุกสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ เขาพบว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเริ่มต้นจากก้าวเล็ก ๆ ด้วยการค้นพบคุณค่าและศักยภาพภายในของตัวเองผ่านการทำกิจกรรมจิตอาสา ดร.สรยุทธได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้โดยหลอมรวมมันเข้ากับงานจิตอาสา ด้วยหวังว่ามันจะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมไทยด้วยเช่นกัน

ดร.สรยุทธได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทยจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยเยลในสาขาวนศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ดร.สรยุทธเคยเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดลและนำจิตตปัญญาศึกษาใช้ในชั้นเรียน ต่อมาได้ร่วมก่อตั้งธนาคารจิตอาสาที่สนับสนุนให้ผู้คนพัฒนาตนเองผ่านงานจิตอาสา

This talk was given at a TEDx event using the TED conference format but independently organized by a local community. Learn more at https://www.ted.com/tedx

more » « less
Video Language:
Thai
Team:
closed TED
Project:
TEDxTalks
Duration:
16:12

Thai subtitles

Revisions