WEBVTT 00:00:16.498 --> 00:00:19.841 ผมว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ 00:00:21.251 --> 00:00:23.283 ผมเชื่อแบบนั้น 00:00:23.283 --> 00:00:25.133 และพวกเราล่ะครับ 00:00:25.133 --> 00:00:27.365 พวกเราเชื่อว่า เราเปลี่ยนแปลงโลกได้หรือเปล่า 00:00:28.940 --> 00:00:30.778 ผมได้ทุนพสวท.ครับ 00:00:30.778 --> 00:00:32.722 โครงการพัฒนาและส่งเสริม 00:00:32.722 --> 00:00:35.561 ผู้มีความสามารถพิเศษ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 00:00:36.688 --> 00:00:39.538 ค้นพบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ตอนนั้นครับ 00:00:39.538 --> 00:00:41.471 พบความน่าทึ่งของวิทยาศาสตร์ 00:00:41.471 --> 00:00:43.012 แล้วก็คิดว่า 00:00:43.012 --> 00:00:47.260 "นี่แหละ เดี๋ยวเราจะใช้วิทยาศาสตร์นี่แหละ ในการเปลี่ยนแปลงโลก" 00:00:48.491 --> 00:00:51.148 ผมเซ็ตแล็บ ทำแล็บฉายรังสี 00:00:51.148 --> 00:00:53.903 เพาะเชื้อตั้งแต่ม.ปลาย 00:00:53.903 --> 00:00:59.302 ตอนปี 1 ก็ไปนำเสนอเปเปอร์ที่อังกฤษ 00:01:00.582 --> 00:01:04.477 ถ้าเข้าใจไม่ผิด จบ 3 ปีครึ่งเป็นคนแรก ของมหาวิทยาลัยมหิดล 00:01:05.703 --> 00:01:08.491 เสร็จแล้วก็ไปต่อที่เยล (Yale) ครับ 00:01:08.491 --> 00:01:12.022 ที่ที่เต็มไปด้วยคนที่ อยากจะออกไปเปลี่ยนแปลงโลก 00:01:12.022 --> 00:01:14.222 พอกลับมาเมืองไทย 00:01:14.222 --> 00:01:18.532 คิดว่าจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลง ชั้นเรียนของตัวเองก่อน 00:01:18.532 --> 00:01:20.564 ตอนเรียนอยู่ที่เมืองนอก 00:01:20.564 --> 00:01:23.278 ถ้าลงวิชานึง ก็กะไว้ว่า เราจะได้อ่านหนังสือ 00:01:23.278 --> 00:01:25.504 ประมาณสักสัปดาห์ละเล่ม 00:01:25.504 --> 00:01:27.855 หนึ่งเดือนก็ 4 เล่ม 00:01:27.855 --> 00:01:31.461 กลับมาเมืองไทย เอาละ เริ่มจากเดือนละเล่มก่อน 00:01:31.461 --> 00:01:33.702 หนึ่งเทอมก็ประมาณสัก 4-5 เล่ม 00:01:34.777 --> 00:01:36.591 จบเทอมครับ 00:01:37.716 --> 00:01:40.797 พวกเราคิดว่านักศึกษาอ่านจบสักกี่เล่มครับ 00:01:42.457 --> 00:01:44.225 หลายคนอาจจะพอเดาออกครับ 00:01:44.225 --> 00:01:46.320 อ่านไม่จบเลยสักเล่ม 00:01:47.440 --> 00:01:51.944 ผมก็งงมาก "เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นกับชั้นเรียน" 00:01:51.944 --> 00:01:57.074 ค้นไปก็พบว่า เราไม่ได้รู้จักนักศึกษาสักเท่าไหร่ 00:01:57.074 --> 00:01:58.538 ค้นลึกลงไปอีก 00:01:58.538 --> 00:02:02.257 พบว่านักศึกษาก็ไม่ได้รู้จักตัวเอง สักเท่าไหร่เหมือนกัน 00:02:03.471 --> 00:02:04.744 เลยคิดว่า 00:02:04.744 --> 00:02:09.672 "สงสัยเราจะต้องจัดกระบวนการ ให้นักศึกษาเค้ารู้จักตัวเองมากขึ้น" 00:02:10.752 --> 00:02:13.264 ก็ทำหลายอย่างครับ 00:02:13.264 --> 00:02:16.882 แต่ว่า พอจะสรุปได้สัก 3 อย่าง 00:02:18.228 --> 00:02:20.629 อย่างแรกก็คือฝึกฟังครับ 00:02:20.629 --> 00:02:25.913 เพราะเชื่อว่าการฟัง มันเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ 00:02:25.913 --> 00:02:28.729 พื้นฐานของการเข้าใจตนเอง 00:02:28.729 --> 00:02:32.222 นักศึกษาในชั้นเรียนจะต้องฝึกที่จะฟังด้วยหู 00:02:32.222 --> 00:02:34.175 ฟังด้วยตา 00:02:34.175 --> 00:02:35.827 แล้วก็ฟังด้วยใจ 00:02:37.371 --> 00:02:43.073 เค้าจะต้องฝึกฟังเพื่อนๆ คนอื่น แล้วก็ฝึกฟังตัวเองด้วย 00:02:43.073 --> 00:02:44.998 อย่างที่ 2 ก็คือ 00:02:44.998 --> 00:02:48.952 เค้าควรที่จะฝึกที่จะมีเครื่องมือ ที่จะใช้สะท้อนตนเองครับ 00:02:48.952 --> 00:02:52.432 อาจจะเป็นเจอร์นัลหรือว่าบันทึก คล้ายๆ กับบันทึกประจำวัน 00:02:52.432 --> 00:02:55.885 ที่เค้าจะต้องเขียนส่งมาทุกสัปดาห์ 00:02:55.885 --> 00:02:58.855 แล้วก้มีกิจกรรมที่เรียกว่า เช็คอินหรือเช็คเอาท์ 00:02:58.855 --> 00:03:02.041 เป็นกิจกรรมที่ทำให้เค้าได้เช็คสภาวะตนเอง 00:03:02.041 --> 00:03:04.797 ช่วงก่อนเรียน ระหว่างเรียน แล้วก็หลังเรียน 00:03:05.905 --> 00:03:10.536 อย่างที่ 3 นักศึกษาจะต้องได้ออกไปทำอะไรบางอย่าง 00:03:10.536 --> 00:03:12.143 ได้ลงมือจริงๆ 00:03:12.143 --> 00:03:15.430 ทำอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยง ตัวเค้ากับโลกภายนอก 00:03:16.772 --> 00:03:18.277 ผลก็น่าทึ่งครับ 00:03:19.265 --> 00:03:21.239 ยกตัวอย่างบอส 00:03:21.239 --> 00:03:25.743 บอสเป็นเด็กหัวดีครับ 00:03:25.743 --> 00:03:27.773 แต่ว่าอารมณ์ร้อน 00:03:27.773 --> 00:03:29.836 เป็นเด็กแว้นมาก่อนครับ 00:03:29.836 --> 00:03:34.095 แล้วเข้ามาเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ก็อกหัก 00:03:35.326 --> 00:03:37.719 ไม่ได้โดนผู้หญิงหักอกนะครับ 00:03:37.719 --> 00:03:41.353 แต่ว่าอกหักเพราะว่าเค้ามาเจอว่า 00:03:41.353 --> 00:03:44.316 วิทยาศาสตร์ที่เค้าเจอ มันคนละอย่างกัน 00:03:44.316 --> 00:03:48.753 ไม่เหมือนกับวิทยาศาสตร์ที่เค้าคิดอยู่ในใจ มีภาพเอาไว้ก่อน 00:03:49.963 --> 00:03:53.764 คิดๆ วนไปวนมาว่า "จะลาออกดีไหม" 00:03:53.764 --> 00:03:57.888 มาร้องไห้แล้วก็มาปรึกษาว่า จะเรียนต่อดีหรือเปล่า 00:03:59.203 --> 00:04:02.120 พอเค้าได้อยู่ในชั้นเรียนที่ตั้งคำถาม 00:04:02.120 --> 00:04:03.923 ให้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง 00:04:03.923 --> 00:04:08.413 ได้รู้จักเชื่อมโยงวิชา กับชีวิต กับโลกภายนอก 00:04:08.413 --> 00:04:13.259 เค้าก็รู้ว่า เค้าจะเรียนวิทยาศาสตร์ อย่างมีความสุขและมีความหมายอย่างไร 00:04:14.620 --> 00:04:16.062 แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ 00:04:16.062 --> 00:04:20.170 เค้ารู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ชีวิตของเค้ามันมีพลัง 00:04:22.056 --> 00:04:24.285 พอมาสำรวจตัวเองเยอะๆ 00:04:24.285 --> 00:04:29.827 ก็พบว่าเค้ามีความสุข กับการไปดูเว็บไซต์ซื้อขายเครื่องเสียงครับ 00:04:29.827 --> 00:04:35.636 แล้วที่บ้านก็ทำกิจการติดตั้งแสงสี 00:04:35.636 --> 00:04:40.550 แต่ว่า เค้าก็สับสนว่า มันจะไปด้วยกันได้หรือเปล่า 00:04:40.550 --> 00:04:42.364 แต่พอเค้ากลับไปสำรวจลึกๆ จริงๆ 00:04:42.364 --> 00:04:44.824 ก็พบว่าเค้ามีความมั่นใจ 00:04:44.824 --> 00:04:49.611 ที่จะทำทั้งการเรียนให้ได้ดี แล้วก็ทำธุรกิจให้ได้ดี 00:04:50.774 --> 00:04:52.493 ตอนกลางวัน 00:04:52.493 --> 00:04:57.269 บอสก็ทำแล็บใช้เครื่องมือหลายล้าน ที่แล็บซื้อมา 00:04:57.269 --> 00:04:59.896 ส่วนตอนเย็นหรือว่าสุดสัปดาห์ 00:04:59.896 --> 00:05:03.601 เค้าก็ไปจัดคอนเสิร์ต จัดแสงเสียงให้กับคอนเสิร์ต 00:05:03.601 --> 00:05:05.161 หรืองานแต่งงาน 00:05:05.161 --> 00:05:09.494 ใช้เครื่องมือมูลค่าเป็นล้าน ที่เค้าซื้อมาด้วยตนเอง 00:05:09.494 --> 00:05:12.595 มูลค่าธุรกิจของเค้าตอนนี้ก็หลายล้าน 00:05:15.133 --> 00:05:17.538 จากเด็กที่สุ่มเสี่ยง 00:05:17.538 --> 00:05:21.598 อาจจะเลือกทางเดินในชีวิตที่ไม่ถูกต้อง 00:05:21.598 --> 00:05:24.574 กลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียน 00:05:24.574 --> 00:05:26.945 เป็นว่าที่ด็อกเตอร์ 00:05:26.945 --> 00:05:29.609 แล้วก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจ 00:05:29.609 --> 00:05:33.359 พวกเราคิดว่าชีวิตของบอส 00:05:33.359 --> 00:05:35.229 เปลี่ยนไปไหมครับ 00:05:36.933 --> 00:05:41.273 ผมเรียกกระบวนการนี้ว่า จิตตปัญญาศึกษาครับ 00:05:42.501 --> 00:05:45.609 เป็นกระบวนการที่ทำให้คนเรียน 00:05:45.609 --> 00:05:47.509 รู้จัก เข้าใจตนเอง 00:05:47.509 --> 00:05:51.271 แล้วก็มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเอง 00:05:51.271 --> 00:05:55.903 ผมกับเพื่อนๆ ตั้งศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ที่มหิดลขึ้นมา 00:05:55.903 --> 00:05:58.885 เพื่อจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ ในระดับมหาวิทยาลัย 00:05:58.885 --> 00:06:00.375 แล้วก็ในระดับประเทศ 00:06:01.598 --> 00:06:04.746 เราจัดประชุมวิชาการกันหลายครั้ง 00:06:04.746 --> 00:06:07.983 มีครั้งหนึ่งเราจัดประชุมวิชาการที่ศิริราช 00:06:09.483 --> 00:06:14.450 โดยมากคนที่มาประชุมก็จะเป็น อาจารย์แล้วก็เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย 00:06:14.450 --> 00:06:17.331 อาจจะมีมหาวิทยาลัยอื่นมาเพิ่มด้วย 00:06:17.331 --> 00:06:20.490 พอช่วงที่เปิดให้ถามตอบกัน 00:06:20.490 --> 00:06:25.142 ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้น แล้วก็ขอพูด 00:06:26.467 --> 00:06:28.684 เธอแนะนำตัวเองว่า 00:06:28.684 --> 00:06:33.584 เธอเป็นคุณแม่ของเด็กในชั้นเรียน ของผมคนหนึ่ง 00:06:36.383 --> 00:06:39.550 เธอบอกว่าเธอเป็นแม่ของน้องเอม 00:06:40.733 --> 00:06:43.782 แล้วน้องเอมหนีออกจากบ้านไป 00:06:46.021 --> 00:06:49.094 เธอเล่าว่าน้องเอมเป็นเด็กน่ารัก 00:06:49.094 --> 00:06:52.226 สนิทกันมากเลยตอนสมัยที่เอมยังเด็กๆ อยู่ 00:06:52.226 --> 00:06:55.399 คุยกันได้ทุกเรื่อง สนิทสนมกันมาก 00:06:55.399 --> 00:07:01.310 แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่า มันห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ 00:07:01.310 --> 00:07:04.869 พูดจากันทีไรก็เหมือนกับจะทะเลาะกัน 00:07:04.869 --> 00:07:10.728 เธอรู้สึกว่าลูกห่างออกจากตัวเอง ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ 00:07:10.728 --> 00:07:15.929 จนกระทั่งเธอรู้สึกว่า เหมือนกับลูกหนีออกจากบ้านไป 00:07:17.232 --> 00:07:20.751 หนีออกจากบ้านไป ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในบ้านนี่แหละครับ 00:07:20.751 --> 00:07:24.417 แต่ว่าเธอรู้สึกว่าลูกของเธอ 00:07:24.417 --> 00:07:28.722 ห่างไกลจนกระทั่งเธอเอื้อมมือไปไม่ถึง 00:07:30.481 --> 00:07:33.101 ถึงขนาดที่เธอตัดใจว่า 00:07:33.101 --> 00:07:37.994 ชีวิตนี้คงจะไม่ได้ใกล้ชิดกับลูกแบบเดิมอีก 00:07:40.774 --> 00:07:43.795 แต่พอลูกของเธอได้มาเข้าในชั้นเรียน 00:07:44.975 --> 00:07:47.201 เรื่องราวก็เปลี่ยนไป 00:07:47.201 --> 00:07:52.148 เธอว่าลูกของเธอฟังเป็นมากขึ้น 00:07:52.148 --> 00:07:56.313 กลับมาใกล้ชิดกันในครอบครัวมากขึ้น 00:07:56.313 --> 00:07:58.815 วันนี้เธอก็เลยลางาน 00:07:58.815 --> 00:08:02.136 เธอยอมลางานที่งานของเธอ 00:08:02.136 --> 00:08:04.771 แล้วก็มาประชุมงานนี้ 00:08:05.859 --> 00:08:07.449 เพื่อจะบอกว่า 00:08:07.449 --> 00:08:09.067 ขอบคุณ 00:08:09.067 --> 00:08:12.998 ขอบคุณที่พาลูกของเธอกลับบ้าน 00:08:16.290 --> 00:08:19.830 แม่น้องเอมขอบคุณผม 00:08:19.830 --> 00:08:22.550 ขอบคุณชั้นเรียน 00:08:22.550 --> 00:08:27.909 ขอบคุณคณะวิทยาศาสตร์ แล้วก็ขอบคุณมหาวิทยาลัยมหิดลแห่งนี้ 00:08:27.909 --> 00:08:32.550 ที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอ กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง 00:08:35.803 --> 00:08:37.745 พวกเราคิดว่า 00:08:38.895 --> 00:08:43.501 โลกของน้องเอมกับโลกของคุณแม่ เปลี่ยนไปไหมครับ 00:08:45.949 --> 00:08:49.261 นี่หรือเปล่าการเปลี่ยนแปลงโลกที่แท้จริง 00:08:49.261 --> 00:08:55.726 การที่ทำให้คนสามารถรู้จัก เข้าใจตนเอง 00:08:55.726 --> 00:08:59.039 แล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ 00:09:01.982 --> 00:09:03.408 ผมก็มีฝันครับว่า 00:09:03.408 --> 00:09:07.624 ทำยังไงเจ้ากระบวนการดีๆ แบบนี้ มันจะเข้าถึงคนเยอะๆ 00:09:07.624 --> 00:09:10.606 ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น นักเรียน นิสิต หรือว่านักศึกษา 00:09:12.037 --> 00:09:15.469 ผมพบคำตอบในงานอาสาครับ 00:09:16.545 --> 00:09:21.869 เพราะว่างานอาสา มันไม่ใช่แค่ว่าจะต้องเป็นนักเรียนนักศึกษา 00:09:21.869 --> 00:09:27.214 ใครๆ ก็เข้าถึงได้ ทุกเพศ ทุกวัย แล้วก็ทุกสถานภาพด้วย 00:09:29.159 --> 00:09:33.108 เราเริ่มต้นจากการที่ทำรีแบรนด์ครับ 00:09:33.108 --> 00:09:36.831 เพิ่มคุณค่าแล้วก็ความหมายใหม่ให้กับงานอาสา 00:09:36.831 --> 00:09:40.925 เมื่อตอนปี 2547 ตอนช่วงเกิดสึนามิ 00:09:40.925 --> 00:09:43.303 ผมกับเพื่อนๆ เราคิดคำใหม่ขึ้นมา 00:09:43.303 --> 00:09:45.339 คือคำว่า "จิตอาสา" 00:09:45.339 --> 00:09:49.470 เป็นการเอาคำว่า "จิต" มารวมกับคำว่า "อาสา" 00:09:49.470 --> 00:09:53.562 เพื่อให้คุณค่า ความหมายใหม่ เพิ่มเติมขึ้นกับงานอาสา 00:09:53.562 --> 00:09:58.338 ว่าเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องของการเรียนรู้ 00:09:59.648 --> 00:10:05.140 แล้วพอช่วงปี 2554 ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ 00:10:05.140 --> 00:10:09.119 ผมกับเพื่อน แล้วก็ศิษย์เก่าในชั้นเรียน 00:10:09.119 --> 00:10:13.893 เรารวมกันตั้ง "ธนาคารจิตอาสา" ขึ้น 00:10:13.893 --> 00:10:18.865 เป็นธนาคารที่รับฝากของมีค่าของพวกเราครับ 00:10:18.865 --> 00:10:22.757 ไม่ใช่เงินทอง แต่ว่าเป็นของที่มีค่ามากกว่านั้นอีก 00:10:22.757 --> 00:10:26.796 เป็นของที่พวกเราทุกคนได้มาเท่าๆ กัน 00:10:26.796 --> 00:10:28.938 วันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันครับ 00:10:28.938 --> 00:10:31.073 ก็คือ "เวลา" 00:10:31.073 --> 00:10:33.651 เป็นธนาคารที่รับฝากเวลาครับ 00:10:33.651 --> 00:10:38.297 แล้วก็พาให้ทุกคนมาเจองานอาสา ที่ตรงกับโปรไฟล์ 00:10:38.297 --> 00:10:41.215 ตรงกับความสนใจ แล้วก็ความถนัดของตัวเอง 00:10:42.599 --> 00:10:48.502 มาเจองานอาสาที่ทำให้เรารู้จักตนเอง แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลก 00:10:49.939 --> 00:10:55.145 เวลาพูดถึงธนาคารนะครับ คนก็มักจะชอบถามถึง พูดถึงตัวเลข 00:10:56.567 --> 00:11:03.383 คนมักจะชอบพูดถึงตัวเลขว่า ธนาคารมีคนมาฝากเวลาไว้ 2.7 ล้านชั่วโมง 00:11:03.383 --> 00:11:07.446 มีสมาชิกอยู่ข้างในห้าหมื่นกว่าคน 00:11:07.446 --> 00:11:11.906 แล้วก็มีองค์กรมาเป็นสมาชิก สองร้อยกว่าองค์กร 00:11:11.906 --> 00:11:15.442 องค์กรเหล่านี้ ปีปีหนึ่งมาเปิดงานอาสา 00:11:15.442 --> 00:11:19.026 ที่ทำให้คนได้มาทำงานอาสา ประมาณพันงาน 00:11:20.549 --> 00:11:24.240 ตัวเลขพวกนี้มันก็น่าสนใจนะครับ 00:11:24.240 --> 00:11:30.263 แต่ว่า ผมคิดว่ามีอีกสิ่งหนึ่ง ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวเลขเหล่านี้ 00:11:30.263 --> 00:11:36.397 ก็คือเรื่องราว ความมหัศจรรย์ ของคนที่อยู่ข้างใน 00:11:36.397 --> 00:11:38.662 ก็คืออาสาสมัครต่างๆ ครับ 00:11:40.108 --> 00:11:42.291 มันมหัศจรรย์ยังไงครับ 00:11:42.291 --> 00:11:45.001 มันมหัศจรรย์เหมือนกับที่บอส 00:11:45.001 --> 00:11:49.825 เคยเป็นนักเรียนที่อยากจะลาออก 00:11:49.825 --> 00:11:56.629 กลายมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ กลายมาเป็นนักศึกษาที่ประสบความสำเร็จ 00:11:56.629 --> 00:11:58.660 แล้วก็มีความสุข 00:11:58.660 --> 00:12:02.838 มหัศจรรย์เหมือนกับน้องเอม 00:12:02.838 --> 00:12:06.587 ที่จากเดิมห่างเหินจากคุณแม่ 00:12:06.587 --> 00:12:10.846 กลายมาเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทสนม กับคุณแม่อีกครั้งหนึ่ง 00:12:12.341 --> 00:12:13.757 อย่างพี่ต๋อยครับ 00:12:14.847 --> 00:12:18.422 พี่ต๋อยเป็นชายวัยเกษียณ 00:12:18.422 --> 00:12:21.928 ที่มักจะนั่งรถจากจังหวัดมุกดาหาร 00:12:21.928 --> 00:12:26.453 ลงมาทำงานอาสาที่กรุงเทพฯ อยู่เนืองๆ 00:12:26.453 --> 00:12:30.557 พี่ต๋อยมาทำงานอาสาสมัคร ที่เรียกว่า "อาสารับฟัง" 00:12:32.100 --> 00:12:38.431 งานอาสารับฟังทำให้พี่ต๋อยได้มีประสบการณ์ ที่เจอการฟังอย่างมีคุณภาพ 00:12:38.431 --> 00:12:41.104 ได้ฝึกที่จะฟังด้วยใจ 00:12:41.104 --> 00:12:44.438 ฟังเพื่อฟัง ฟังโดยไม่ตัดสิน 00:12:45.778 --> 00:12:49.598 มีวันหนึ่งพี่ต๋อยมาเล่าให้พวกเราฟังว่า 00:12:49.598 --> 00:12:52.988 เค้าขอบคุณงานอาสามากมาย 00:12:52.988 --> 00:12:55.089 พี่ต๋อยเล่าให้ฟังว่า 00:12:55.089 --> 00:12:59.723 "มีวันหนึ่งผมนั่งทานข้าวอยู่ที่ฟู้ดคอร์ท แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ 00:12:59.723 --> 00:13:04.060 แล้วอยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรี่เข้ามา 00:13:04.060 --> 00:13:08.090 เข้ามาถึงก็ทำท่าเหมือนกับจะหาเรื่อง 00:13:08.090 --> 00:13:09.967 แล้วก็ตะคอกว่า 00:13:09.967 --> 00:13:11.747 'นี่ เสื้อเหลืองใช่มั้ย' " 00:13:12.967 --> 00:13:14.365 พี่ต๋อยก็งง 00:13:14.365 --> 00:13:18.675 ก้มลงไปดู เธอคงเห็นสายนกหวีดที่พี่ต๋อยห้อยอยู่ 00:13:21.255 --> 00:13:26.152 ตอนแรกก็กะว่าจะลุกและตวาดกลับไป 00:13:26.152 --> 00:13:29.718 แต่พอนึกถึงงานอาสาที่ตัวเองไปฝึกมา 00:13:29.718 --> 00:13:33.578 พี่ต๋อยก็ใจเย็นแล้วค่อยๆ ฟัง 00:13:33.578 --> 00:13:39.486 พอผู้หญิงเห็นว่าไม่ได้มีทีท่ารุนแรงกลับไป เธอก็เริ่มเย็นลงครับ 00:13:39.486 --> 00:13:41.835 สุดท้ายก็ค่อยๆ คุยกัน 00:13:43.041 --> 00:13:49.466 จากเดิมที่ตั้งท่าว่าจะทะเลาะกัน กลายเป็นนั่งคุยกันที่ฟู้ดคอร์ทเป็นชั่วโมง 00:13:49.466 --> 00:13:52.934 ได้ถาม รู้จักกันเพิ่มเติมมากขึ้น 00:13:52.934 --> 00:13:58.690 ถามทั้งความเชื่อเรื่องการเมือง แล้วก็ยาวไปถึงชีวิตส่วนตัว 00:13:58.690 --> 00:14:04.230 พี่ต๋อยเล่าให้ฟังว่า ปกติทำอาชีพอะไร แล้วสนใจเรื่องอะไร 00:14:04.230 --> 00:14:07.305 เธอก็เล่าให้ฟังครับว่า 00:14:07.305 --> 00:14:10.305 เธอเป็นนักแปลนิยาย 00:14:10.305 --> 00:14:14.697 คุยกันสนิทสนมถึงขนาดเธอบอกว่า จะมากรุงเทพฯ อีกเมื่อไหร่ 00:14:14.697 --> 00:14:17.536 เธอจะเตรียมนิยายที่เธอแปลให้ 00:14:18.936 --> 00:14:22.615 สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า 00:14:22.615 --> 00:14:27.904 "แหม ถ้าพวกเสื้อเหลือง เป็นอย่างคุณเยอะๆ ก็ดีสิ" 00:14:29.776 --> 00:14:35.070 พวกเราคิดว่าโลกของพี่ต๋อยเปลี่ยนไปไหมครับ 00:14:37.844 --> 00:14:41.323 นี่แหละครับ มหัศจรรย์ของงานอาสา 00:14:41.323 --> 00:14:46.093 งานอาสาที่ทำให้เรารู้จักตนเอง 00:14:46.093 --> 00:14:48.980 แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลกด้วย 00:14:50.373 --> 00:14:54.097 เพราะว่าพอเรารู้จักตนเองและเชื่อมโยงกับโลก 00:14:54.097 --> 00:14:59.965 เราก็จะเห็นว่าโลก มันไม่ได้มีแต่โลกที่เราอาศัยอยู่ 00:14:59.965 --> 00:15:04.680 แต่ว่ามันมีโลกภายในที่เราสร้างขึ้นด้วย 00:15:04.680 --> 00:15:11.390 และเราก็อาศัยอยู่ทั้งโลกที่เราสร้างอยู่ แล้วก็โลกที่เราอาศัยอยู่ภายนอก 00:15:12.730 --> 00:15:17.736 แล้วเมื่อใดก็ตามที่โลกภายในของเราเปลี่ยน 00:15:17.736 --> 00:15:20.370 โลกภายนอกก็เปลี่ยนไปด้วย 00:15:22.243 --> 00:15:23.910 เรื่องแบบนี้ครับ 00:15:23.910 --> 00:15:27.199 ถ้าฟังด้วยหัวก็เข้าหัว 00:15:27.199 --> 00:15:32.318 แต่ถ้าเกิดว่าเราฟังด้วยใจเราก็จะเข้าใจ 00:15:33.948 --> 00:15:35.198 เชิญนะครับ 00:15:35.198 --> 00:15:37.196 มาเจอกับงานอาสาครับ 00:15:37.196 --> 00:15:40.686 งานอาสาที่ทำให้เรารู้จักทั้งตนเอง 00:15:40.686 --> 00:15:44.496 แล้วก็ทำให้เราเชื่อมโยงกับโลกภายนอกด้วย 00:15:45.596 --> 00:15:48.799 แล้วพวกเราก็จะพบคำตอบด้วยตัวเองครับ 00:15:48.799 --> 00:15:52.214 ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลก 00:15:52.214 --> 00:15:58.212 ผ่านการรู้จัก แล้วก็เปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างไร 00:15:58.212 --> 00:15:59.743 ขอบคุณครับ