-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
ถ้าใครติดตามโซเชียลเน็ตเวิร์กของวิวอยู่ช่วงนี้นะคะ
-
ก็จะเห็นว่า ตอนนี้ตัววิวกลับไปอยู่ที่อังกฤษอีกแล้ว
-
เรียกได้ว่าเป็นการมาสองครั้งในสามเดือนเลยนะคะ
-
เพราะว่าจริง ๆ แล้วอะ
-
หลายคนน่าจะรู้ว่าวิวเป็นคนที่
-
อินกับวัฒนธรรมอังกฤษค่อนข้างมาก
-
ที่สำคัญเนี่ย อีกเรื่องนึงที่วิวชอบมาก ๆ เลยก็คือ
-
เรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษนั่นเองค่ะ
-
อย่างที่หลายคนน่าจะแอบเห็นจากข้างหลังใช่ไหมคะ
-
คือตอนนี้ใน Netflix นะคะ
-
มันมีซีรีส์ซีรีส์นึงที่วิวติดมากเลยคือ
-
ซีรีส์ชื่อว่า The Crown
-
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขึ้นครองราชย์ของ
-
ควีนเอลิซาเบธที่สองแห่งราชวงศ์อังกฤษนั่นเองค่ะ
-
คือดูมาตั้งแต่ซีซั่นหนึ่งจนซีซั่นสองนะ
-
เรียกได้ว่าติดเว่อร์ ติดจริง ติดสุด
-
ติดไม่รู้จะติดยังไงแล้วเนี่ยนะคะ
-
ยิ่งตอนนี้เนี่ย เห็นอะไรใหญ่ ๆ ข้างหลังนั่นไหม
-
คือตอนนี้ไปได้ทีวีมาจาก LG นะคะ
-
เป็น LG Super UHD TV นะคะ
-
รุ่น 65SK8000
-
คือเป็นรุ่นใหม่ของปี 2018 นี้เลย
-
พอได้มาลองใช้นะ อื้อหือ จอใหญ่เบิ้ม
-
ที่เห็นขนาดอยู่ข้างหลังเนี่ย
-
ขนาดประมาณ 65 นิ้วนะคะ
-
อุ๊ยตาย เทียบไป เขาเห็นความสูงวิวกันหมดเลย
-
ภาพมันคมชัดมาก คือเล่นเอาแบบติดงอมแงม
-
ดังนั้นนะคะ เพื่อไม่ให้เสียการเสียงาน
-
จากความติ่งของตัวเอง
-
วิวก็เลยคิดว่าวิวควรจะเอา
-
เรื่องที่วิวติดงอมแงมนี่แหละมาทำเป็นคอนเทนต์
-
อย่างที่หลายคนขอมาค่ะ
-
วันนี้วิวก็เลยจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ
-
ราชวงศ์วินด์เซอร์ของอังกฤษนั่นเอง
-
ถ้าใครอยากรู้แล้วก็
-
ก่อนอื่นอย่าลืมกดปุ่ม Subscribe
-
ให้แชนเนล Point of View ก่อน
-
Subscribe เสร็จแล้วอย่าลืม
-
กดปุ่มกระดิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างด้วยนะคะ
-
มันจะได้แจ้งเตือนทุกครั้งเลยค่ะ
-
ที่วิวอัปคลิปวิดีโอใหม่ ๆ
-
โอเค พร้อมที่จะฟังเรื่องราวที่ทั้ง
-
สนุกและมีสาระเกี่ยวกับราชวงศ์วินด์เซอร์รึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ
-
โอเค ก่อนที่จะเล่าเรื่องราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ
-
เพื่อไม่ให้ภาพอันสวยงามด้านหลังนี่
-
ดึงความสนใจไปจากวิวมากเกินไปนะคะ
-
ขออนุญาตเปลี่ยนแอปพลิเคชันแป๊บนึงนะ
-
LG เนี่ยนะคะ ดีมาก ๆ เลยค่ะ
-
มีแอปพลิเคชันอยู่แอปพลิเคชันนึงนะคะ
-
เข้าไปที่ Photo Gallery
-
เราก็จะสามารถเลือกฉากหลังสวย ๆ มาไว้
-
ประดับบ้านของเราได้นะคะ
-
โอเค ออกนอกเรื่องมาอย่างยาวนาน
-
เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
-
คือราชวงศ์วินด์เซอร์เนี่ยนะคะ
-
ไม่ใช่ราชวงศ์ที่เก่าแก่
-
ยาวนานเป็นพันปีอะไรเลยนะคะ
-
แต่ว่าเป็นราชวงศ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ค่ะ
-
จริง ๆ แล้วจนถึงปัจจุบันนี้
-
เพิ่งจะมีประมุขปกครองในนามราชวงศ์วินด์เซอร์เนี่ย
-
หรือว่า House of Windsor เนี่ยนะคะ
-
สี่องค์ด้วยกันค่ะ
-
ก็ต้องเล่าย้อนไปจนถึงสมัยควีนวิกตอเรีย
-
หรือว่าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเนี่ยนะคะ
-
ก็เป็นกษัตริย์องค์สำคัญองค์นึงของอังกฤษค่ะ
-
ควีนวิกตอเรียเนี่ยนะคะ ก็เป็นคนที่
-
มีลูกค่อนข้างเยอะค่ะ
-
มีทั้งหมดเก้าพระองค์ด้วยกันนะคะ
-
ซึ่งแต่ละพระองค์ก็แต่งงานกับ
-
เจ้าหญิงเจ้าชายในยุโรปต่าง ๆ นานาไป
-
เต็มไปหมดเลย
-
ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ
-
ในยุโรปเนี่ยใกล้ชิดกัน
-
ตอนแรกนะคะ ควีนวิกตอเรียก็ถือ
-
ราชวงศ์อยู่ราชวงศ์นึง
-
เป็นราชวงศ์ที่ปกครองอังกฤษมา
-
เป็นระยะเวลานึงนะคะ
-
แต่ว่าควีนวิกตอเรียค่ะ แต่งงาน
-
และคนที่แต่งงานกับควีนวิกตอเรียเนี่ย
-
เขาเรียกว่า เจ้าชายอัลเบิร์ต
-
จำที่วิวพาไปเที่ยวที่อังกฤษได้ไหมคะ
-
Victoria & Albert Museum
-
ตั้งชื่อตามสองคนนี้นั่นเอง
-
ซึ่งเจ้าชายอัลเบิร์ตมาจากดินแดนที่เป็น
-
เยอรมนีปัจจุบันนะคะ
-
ตรงนั้นเนี่ยค่ะ มีราชวงศ์อยู่ราชวงศ์นึง
-
ชื่อว่า ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา
-
เมื่อมาแต่งงานกับควีนวิกตอเรีย
-
ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิง ในสมัยโบราณเนี่ย
-
ลูกก็ต้องใช้นามสกุลตามผู้ชาย
-
ดังนั้นลูก ๆ ของควีนวิกตอเรียเนี่ย
-
ก็เลยถือว่าอยู่ในราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา
-
หลังจากเหตุการณ์นั้นค่ะ
-
ทำให้ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาเนี่ย
-
มีสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์อังกฤษนะคะ
-
ซึ่งคนที่ขึ้นมาปกครองต่อจากควีนวิกตอเรียนะคะ
-
ก็คือ ลูกชายของควีนวิกตอเรียค่ะ
-
ที่ใช้ชื่อว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 นะคะ
-
หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 สวรรคตไปค่ะ
-
ลูกชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7
-
ก็ขึ้นมาครองราชย์ต่อ
-
คนคนนี้เป็นคนที่มีความสำคัญมาก
-
ต่อราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ
-
นั่นก็คือ พระเจ้าจอร์จที่ 5 นั่นเองค่ะ
-
พระเจ้าจอร์จที่ 5 เดิมเป็นกษัตริย์ใน
-
ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา
-
โอ๊ย ยาวมากแล้วฟังดูเยอรมันมาก
-
ไม่เข้าปากเลยซักเล็กน้อยนะคะ
-
ปกครองมาเรื่อย ๆ ค่ะ
-
ปรากฏว่ามันมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
-
ในสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 5
-
นั่นก็คือเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง
-
จำที่วิวเคยเล่าสรุปสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ไหมคะ
-
ถ้าใครจำไม่ได้ กดไปดูตรงนี้เลยนะคะ
-
บังเอิญว่าในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ย
-
ชาวโลกมองว่าเยอรมนีเป็นตัวร้ายสุด ๆ เลยใช่ไหม
-
โดยเฉพาะในอังกฤษนะคะ
-
มีกระแสแอนตี้เยอรมนีค่อนข้างรุนแรง
-
เยอรมนีมีการเอาเครื่องบินรบ
-
มาทิ้งระเบิดในลอนดอน
-
มีการไปตีคนนั้นตีคนนี้
-
ทำให้ชาวอังกฤษโดนโฆษณาชวนเชื่อเยอะ ๆ
-
ฟังข่าวเยอะ ๆ ก็รู้สึกว่าแบบ
-
โอ้โห ในเยอรมนีเนี่ยนะ โหดร้ายมาก
-
บุกเข้าไปประเทศนั้นก็ไปฆ่าคนบริสุทธิ์
-
บุกเข้าไปประเทศนี้ ไปฆ่าพลเรือน
-
พวกเยอรมันนี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ เลย
-
มันก็เลยเกิดการเหมารวม
-
แล้วก็เกิดการเหยียดเชื้อชาติกันเกิดขึ้นนะคะ
-
ทำให้ในอังกฤษตอนนั้นเนี่ย
-
ใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับเยอรมนีเนี่ย
-
โดนเหยียด โดนทำร้ายหนักมาก
-
ก่อนที่มันจะมีสงครามก็ไม่ใช่ว่าในประเทศอังกฤษ
-
จะมีแต่คนเชื้อสายอังกฤษล้วน ๆ
-
มันก็จะมีพวกเยอรมันที่เข้ามาทำงานในอังกฤษบ้าง
-
มีคนที่แต่งงานกันบ้าง มีลูกครึ่งอะไรต่าง ๆ
-
ดังนั้นมันก็มีหลาย ๆ คนนะคะ
-
ที่พูดอังกฤษติดสำเนียงเยอรมัน
-
โดยเฉพาะในราชวงศ์เนี่ยนะคะ
-
ติดกันหนักมาก
-
เพราะว่าถือว่าเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย
-
มาจากเยอรมนีกันทั้งนั้นเลยนะคะ
-
มาแต่งงานกับราชวงศ์อังกฤษ
-
เรียกได้ว่าแทบจะเป็นลูกครึ่ง
-
แทบจะมีเชื้อสายเยอรมันเป็นหลักกันเลย
-
ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
-
ซึ่งกระแสแอนตี้เยอรมนีเนี่ย
-
มันรุนแรงถึงขนาดที่ว่า
-
มันมีคนบางคนที่พูดติดสำเนียงเยอรมันเนี่ยนะ
-
แล้วเหมือนกับเป็นพ่อค้า ทำนองนี้
-
ยืนขายของอยู่แล้วดันไปพูดกับคน
-
เป็นสำเนียงเยอรมัน
-
คนเนี่ยนะคะ โกรธแค้นถึงขั้นที่แบบ
-
หยิบก้อนหินหยิบอะไรขึ้นมา
-
แล้วก็ไล่เขวี้ยงพ่อค้าคนนี้จนแบบ
-
แทบตายไปเลยทีเดียวนะคะ
-
หรือว่าบางครั้งเนี่ย มันก็รุนแรงแล้วก็ไม่เลือก
-
ถึงขนาดที่ว่าบางบ้านนะ
-
ต่อให้เป็นคนอังกฤษแท้ ๆ เลย
-
แต่ดันไปเลี้ยงหมา
-
แล้วหมาดันเป็นหมาพันธุ์พื้นเมืองเยอรมนี
-
คนก็จะแบบ เป็นพวกนิยมเยอรมนีใช่ไหม อี๊
-
แล้วก็รุมกันไปนะคะ เผาบ้านคนนี้ทิ้งไปเลย
-
สงครามเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายเสมอค่ะ
-
เพราะเราจะมองคนอื่นเป็นสิ่งของ 100%
-
เป็นศัตรู เป็นอะไรที่เราต้องฆ่าน่ะนะ
-
จากเหตุการณ์นี้นะคะ รวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญ
-
อีกเหตุการณ์นึงในสงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ
-
คือเหตุการณ์ล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟนะคะ
-
ในรัสเซีย เกี่ยวกันยังไง งงไหม
-
ถึงจะบอกว่าเป็นราชวงศ์รัสเซียต่าง ๆ
-
แต่จริง ๆ แล้วนับนะ ก็เป็นญาติที่ค่อนข้างสนิท
-
กับพระเจ้าจอร์จที่ 5 เลยทีเดียว
-
ไม่เชื่อลองดูหน้าซาร์นิโคลัสที่ 2
-
เทียบกับหน้าพระเจ้าจอร์จที่ 5 นะคะ
-
โอ้โห แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฝาแฝดกันเลยนะคะ
-
จริง ๆ แล้วสองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ
-
ควีนของซาร์นิโคลัสเนี่ยนะคะ
-
ก็ถือว่าเป็นเจ้าหญิงเยอรมันแท้ ๆ
-
ที่ไปแต่งงานเลยค่ะ
-
ดังนั้นเมื่อโดนล้มล้างราชบัลลังก์ไป
-
แม้ว่าการเมืองภายในจะมีอะไรก็ตาม
-
แต่ฝั่งอังกฤษเนี่ยก็เริ่มเอ๊ะ ๆ แล้วประมาณว่า
-
เฮ้ย หรือว่ากระแสแอนตี้เยอรมนีมันจะรุนแรงมาก
-
ถึงขนาดที่ซาร์นิโคลัสจะต้องโดนล้มล้างราชบัลลังก์
-
อุ๊ย ฝั่งราชวงศ์อังกฤษเริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ กันแล้ว
-
เริ่มรู้สึกว่า จริง ๆ แล้วชื่อฉันเนี่ยก็
-
เยอรมันสุดขีดเลย
-
มีวันไหนที่คนจะเริ่มเอ๊ะบ้างไหมว่า
-
ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาก็เป็นเยอรมัน
-
ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยิ่งเริ่มมีกระแส
-
ล้มล้างราชวงศ์ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
-
เริ่มเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
-
เริ่มเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบ
-
สาธารณรัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ
-
เพื่อป้องกันตัวเอง ราชวงศ์อังกฤษก็เลยรู้สึกว่า
-
ฉันจะต้องตัดตัวเองให้ขาดจากราชวงศ์เยอรมัน
-
ที่มีไกเซอร์ ที่กำลังบ้าคลั่งอาละวาด ตีกับทั้งยุโรปอยู่
-
พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก็เลยออกนโยบายมา
-
นโยบายนึงนะคะ ก็คือ
-
นโยบายกวาดล้างทุกสิ่งอย่างที่เป็นเยอรมัน
-
เกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษทิ้ง แล้วก็
-
พยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอังกฤษ 100% ค่ะ
-
โดยการเริ่มจากออกประกาศฉบับนึงนะคะ
-
บอกว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป ราชวงศ์ของเรา
-
จะโดนเรียกว่า ราชวงศ์วินด์เซอร์
-
โดยหลังจากนี้นะ ผู้ชายคนไหนก็ตาม
-
ที่เกิดมาในราชวงศ์วินด์เซอร์
-
จะต้องถือว่าอยู่ใน House of Windsor
-
ไม่ใช่ House of Saxe-Coburg and Gotha
-
อีกต่อไปแล้วนะคะ
-
ชื่อราชวงศ์วินด์เซอร์ เขาก็เอามาจากปราสาทหลังนึง
-
ชื่อว่าปราสาทวินด์เซอร์นะคะ
-
ก็เป็นปราสาทเก่าแก่ของอังกฤษ
-
มีประวัติศาสตร์ยาวนานแบบ 800 ปีอะไรอย่างนี้
-
เรียกได้ว่า ฉันจะใช้ชื่อตาม
-
ปราสาทอังกฤษแท้ ๆ แล้วจ้า
-
อย่ามาถือว่าฉันเป็นชาวเยอรมันอีกนะ
-
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ก็มีการล้างตำแหน่งต่าง ๆ
-
ที่เกี่ยวข้องกับเยอรมนีของใครก็ตาม
-
ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษค่ะ
-
คือนึกสภาพแต่ก่อนเนี่ย มันก็จะต้องมี
-
เจ้าหญิงแห่งเยอรมนีมาแต่งงาน
-
กับเจ้าชายแห่งอังกฤษ
-
ในอังกฤษ เขาก็จะถือว่าเขามียศเป็น
-
เหมือนลูกสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทำนองนี้
-
แต่ว่าเขาก็ยังถือยศเป็นเจ้าหญิงเยอรมันตั้งแต่เกิด
-
คือมองในมุมอังกฤษก็เป็นเจ้าฝั่งอังกฤษแบบนึง
-
มองในมุมของคนเยอรมันก็จะเป็น
-
เจ้าของเยอรมนีในอีกตำแหน่งนึง
-
พระเจ้าจอร์จที่ 5 ในตอนนั้นนะคะ
-
ตัดสินใจค่ะ ถอดยศที่เป็นราชวงศ์เยอรมัน
-
ของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษ
-
ทิ้งไปให้หมดเลยค่ะ
-
แล้วก็ตั้งตำแหน่งใหม่ให้แทน ให้เป็นขุนนางอังกฤษ
-
กลายเป็นเจ้าของฝั่งยุโรปเนี่ย
-
เป็นได้จากการเกิดเท่านั้นนะ คือ
-
สมมติว่าเป็นสามัญชนมาแต่งงานกับเจ้าชายอังกฤษ
-
สิ่งที่เขาเป็นได้คือ เขาจะถือว่าเป็น
-
ลูกสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ
-
แต่เขาจะไม่สามารถใช้ชื่อนำหน้าได้ว่า Princess
-
อะไรอย่างนี้ไม่ได้
-
เหมือนถ้าเรามาดูยุคสมัยปัจจุบันนี้ เราจะเห็นว่า
-
เคท มิดเดิลตันเนี่ยนะคะ
-
แต่งงานกับเจ้าชายวิลเลียม
-
Prince William เป็น Prince
-
เพราะว่าเกิดมาเป็นเจ้าชาย
-
ในขณะที่เคทไม่ใช่ Princess Kate
-
จะไม่มีวันได้ยินคำว่า Princess Kate
-
ฟังมาถึงตรงนี้ หลายคนเถียงในใจทันที
-
เจ้าหญิงไดอาน่า Princess Diana
-
ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ
-
ก็ต้องบอกนะคะว่า
-
ไดอาน่าไม่ใช่ Princess Diana ค่ะ
-
ตำแหน่งจริง ๆ ของไดอาน่าคือ
-
Diana, Princess of Wales
-
แปลว่า ไดอาน่า ชายาของเจ้าชายแห่งเวลส์
-
ซึ่งเป็นตำแหน่งของเจ้าฟ้าชายชาลส์ค่ะ
-
ดังนั้นเหล่าราชวงศ์เยอรมันเดิม ๆ ต่าง ๆ
-
ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ
-
พอโดนถอดยศจากความเป็นเจ้าเยอรมันปุ๊บ
-
ก็เลยกลายเป็นแค่พวกขุนน้ำขุนนางทั้งหลาย
-
ไม่ว่าจะเป็นเอิร์ล เป็นดัชเชส เป็นดยุค
-
เป็นอะไรอย่างนี้นะคะ
-
เรียกได้ว่าล้างบางกันอย่างยิ่งใหญ่เลยค่ะ
-
บางคนที่ชื่อดูเป็นเยอรมันมาก ๆ
-
อย่างตระกูลแบบ บัทเทินแบร์ก
-
ตระกูลทหารคนสำคัญของราชวงศ์อังกฤษนะ
-
แต่ว่า Berg เนี่ยมันเป็นภาษาเยอรมัน
-
มันเป็นแปลว่าภูเขา
-
ก็โดนจับเปลี่ยนนามสกุลจากบัทเทินแบร์ก
-
ให้กลายเป็นเมาต์แบทเทิน
-
Mount แปลว่าภูเขาเหมือนกันน่ะนะ
-
ก็คือแปลเป็นอังกฤษไปเลย
-
เรียกได้ว่าโดนถอนรากถอนโคนกันหมดเลยนะคะ
-
ซึ่งบางคนก็แฮปปี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นเยอรมันแล้ว
-
แต่ก็จะมีบางคนเหมือนกันที่แบบ
-
โกรธแค้นอยู่ลึก ๆ ประมาณว่า
-
ฉันเกิดมาเป็นเจ้าอยู่ดี ๆ
-
ทำไมฉันต้องโดนถอดยศลงมาเป็นสามัญชนด้วย
-
แต่ว่าก็เพื่อความอยู่รอดของราชวงศ์
-
เรียกได้ว่าตอนนี้เนี่ยนะคะ
-
ราชวงศ์วินด์เซอร์เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ
-
ถามว่าจากพระเจ้าจอร์จที่ 5
-
ไล่ลงมาถึงควีนเอลิซาเบธในปัจจุบันเนี่ย
-
สืบเชื้อสายกันต่อมายังไง
-
เราถือว่าพระเจ้าจอร์จที่ 5 เป็นกษัตริย์
-
องค์แรกแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ใช่ไหมคะ
-
กษัตริย์องค์ที่สองในราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ
-
คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ค่ะ
-
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ยถือว่าเป็น
-
ลูกชายคนโตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 นะคะ
-
ก็ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อ เป็นเรื่องปกติค่ะ
-
แต่คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ยนะคะ
-
มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ
-
ตอนที่พ่อกำลังจะสวรรคตเนี่ยนะคะ
-
แม้ว่าจะอายุ 41 ปีแล้วก็ดูจะไม่มีท่าทีว่าแบบ
-
จะไปแต่งงานกับผู้หญิงอะไรที่ไหนเลย คือแบบ
-
คนนั้นก็ไม่ชอบ คนนี้ก็ไม่ชอบ
-
ถึงแม้ว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8
-
จะเป็นเจ้าชายที่หล่อมาก ๆ เลยนะ
-
หล่อแบบหล่อจริง ๆ ไม่เชื่อดูรูป
-
เห็นป้ะ หล่อแบบอื้อหือ
-
แต่ว่าก็ดูเหมือนจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย
-
จนกระทั่งใกล้ ๆ เวลาที่พ่อสวรรคตเนี่ย
-
ปรากฏว่าไปสนใจผู้หญิงอยู่คนนึงค่ะ
-
แต่ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปแบบที่เจ้าชายจะสนใจ
-
คือระดับเจ้าชายปกติเนี่ย
-
เขาก็จะแต่งงานกับเจ้าหญิง
-
แต่งงานกับอะไรเท่านั้นใช่ไหมที่ผ่านมา
-
ไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับสามัญชน
-
แต่เนื่องด้วยนโยบายของพระเจ้าจอร์จที่ 5
-
ที่ถอดยศเจ้าหญิงเจ้าชายลงไป
-
เยอะแยะมากมายเนี่ยนะคะ
-
ทำให้พระเจ้าจอร์จที่ 5 ค่ะ
-
จำเป็นจะต้องออกกฎข้อนึงขึ้นมา
-
นั่นก็คือกฎที่ว่า ให้ราชวงศ์อังกฤษเนี่ย
-
สามารถแต่งงานกับสามัญชนได้แล้ว
-
เพราะว่ามันจะไม่เหลือใครแต่งงานด้วยแล้วไง
-
คือในเยอรมนีก็โกรธกันไปแล้ว
-
ราชวงศ์นี้ก็หายไป ราชวงศ์นู้นก็หายไป
-
ถ้ายังบอกว่าต้องแต่งงานกับคนที่
-
เกิดมาเป็น Prince เกิดมาเป็น Princess อีกเนี่ย
-
เชื่อว่าเดี๋ยวจะหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้นะคะ
-
ซึ่งนโยบายนี้ดันไปส่งผลกระทบต่อ
-
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 อย่างหนักเลยค่ะ
-
เพราะว่าพระองค์หันไปสนใจสาวสามัญชนหนึ่งคน
-
แต่ไม่ใช่สาวสามัญชนแบบที่พ่อคาดไว้เลย
-
คือพ่อเนี่ย ตอนบอกให้แต่งกับสามัญชน
-
ก็หมายถึงสามัญชนที่เหมือนจะเป็นชนชั้นสูง
-
เป็นลูกขุนน้ำขุนนาง
-
เป็นคนที่เคยเป็น Prince
-
เคยเป็น Princess มาก่อน แล้วโดนถอดยศ
-
เรียกได้ว่าเป็นสามัญชนชั้นสูงว่าอย่างนั้นเถอะ
-
แต่คนที่กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ไปสนใจนะคะ
-
เป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว
-
ผัวคนแรกหย่าไปแล้วหรือตายไปแล้ว จำไม่ได้นะ
-
แต่ว่าผัวคนที่สองเนี่ย ยังแต่งงานกันอยู่เลย
-
แค่รอวันหย่าเพื่อมาแต่งงานกับ
-
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 เท่านั้นเอง
-
แล้วที่สำคัญนะคะ ผู้หญิงคนนี้
-
ที่ชื่อว่า วอลลิส ซิมป์สัน เนี่ย
-
เป็นคนอเมริกันด้วย คือเรียกได้ว่า
-
ในสมัยที่ราชวงศ์อังกฤษรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งมาก ๆ
-
แล้วต้องรักษาเลือดบริสุทธิ์มาก ๆ เนี่ยนะ
-
ที่ผ่านมาเนี่ย ใครก็ตามที่อยู่ในราชวงศ์อังกฤษ
-
แล้วมีการหย่าร้างเกิดขึ้น
-
คือจะโดนตัดออกจากราชวงศ์เลย
-
แล้วนี่เป็นถึงคนที่กำลังจะเป็นกษัตริย์
-
ดันไปสนใจผู้หญิงม่ายเนี่ย โอ้โห
-
ไม่มีใครรับได้เลยนะคะ
-
พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก่อนจะสวรรคต
-
ถึงขั้นต้องเรียกพระราชินีของตัวเอง
-
หรือว่าแม่ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ย
-
เข้ามาคุยเลยนะ บอกว่า
-
หลังจากฉันตายไปแล้ว ช่วยดูแลด้วยนะ
-
อย่าให้พวกนี้ได้แต่งงานกันเด็ดขาด ฉันรับไม่ได้
-
ซึ่งอย่างไรก็ตาม
-
หลังจากที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 สวรรคตไปนะคะ
-
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ใช่ไหมคะ
-
แล้วก็ถืออำนาจการปกครองเบ็ดเสร็จ
-
ดังนั้นฉันจะทำอะไรก็ได้
-
รึเปล่านะคะ
-
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็พยายาม
-
ตั้งหน้าตั้งตาจะพยายามแก้กฎหมาย
-
พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงาน
-
กับนางวอลลิส ซิมป์สันคนนี้ค่ะ
-
แต่ว่าแน่นอนนะคะ
-
ถ้าใครเคยดูเรื่อง The Crown จะรู้ว่า
-
ตำแหน่งกษัตริย์อังกฤษเนี่ย
-
ไม่ใช่ว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้
-
อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อม
-
ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เสมอ
-
อันนี้มันสไปเดอร์แมนน่ะนะ
-
แต่ว่ามันก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ค่ะ
-
มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามมา
-
ดังนั้นรัฐบาลต่าง ๆ ก็เลยห้ามกันไปหมด
-
บอกว่า ไม่ได้ คุณแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
-
แต่ว่ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 นะคะ
-
ก็ยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ
-
ก็เลยพยายามจะสอบถามประชาชน
-
ประมาณว่า ประชาชนรักฉัน
-
ประชาชนจะต้องโอเคกับการแต่งงานของฉันสิ
-
ฉันแต่งงานเพื่อความรัก
-
ประชาชนต้องเห็นใจความรักของฉัน
-
ก็เลยหันไปเหมือนทำโพลถามประชาชน
-
ซึ่งการซาวเสียงประชาชน
-
สิ่งที่ได้กลับมา ไม่เหมือนที่คิดเลยค่ะ
-
เพราะว่าเสียงของประชาชนนะคะ
-
แตกเป็นสองทาง
-
ไม่ใช่บอกว่าให้แต่งกับไม่ให้แต่งนะ
-
แต่เสียงที่แตกสองทางบอกว่า
-
หนึ่ง ให้ทิ้งผู้หญิงคนนี้ไปซะ
-
กับสอง ถ้าไม่ทิ้งผู้หญิงคนนี้ก็ทิ้งราชบัลลังก์ซะ
-
ซึ่งแน่นอนนะคะว่ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 จะเลือก
-
ทิ้งราชบัลลังก์ค่ะ
-
เขาก็ออกประกาศขึ้นมาประมาณว่า
-
ถ้าสมมติว่าฉันอยู่บนพระราชบัลลังก์
-
แล้วไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันรักเนี่ย
-
ราชบัลลังก์นี้ก็เป็นเพียงราชบัลลังก์ที่ว่างเปล่า
-
ฉันขอสละราชสมบัติ ค่ะ
-
ซึ่งทำให้เกิดกษัตริย์องค์ที่สาม
-
ในราชวงศ์วินด์เซอร์ขึ้นนะคะ
-
นั่นก็คือพระเจ้าจอร์จที่ 6 นั่นเองค่ะ
-
พระเจ้าจอร์จที่ 6 นี่เป็น
-
น้องชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 น่ะนะ
-
ก็เป็นลูกของพระเจ้าจอร์จที่ 5 เช่นเดียวกัน
-
พระเจ้าจอร์จที่ 6 เนี่ยก็เป็นอีกคนนึง
-
ที่แต่งงานกับหญิงสามัญชนค่ะ
-
แต่ว่าสามัญชนในที่นี้เป็นสามัญชน
-
ที่ทุกคนเลิฟ ๆ นะคะเพราะว่า
-
ไม่ใช่สามัญชนจ๋าขนาดที่พี่แต่งงานด้วย
-
สามัญชนคนนี้เป็นลูกสาว
-
ของขุนนางชาวสก็อตแลนด์ค่ะ
-
ชื่อว่า เลดี้เอลิซาเบธ
-
หรือว่าที่ต่อมาเนี่ย
-
จะเป็นแม่ของควีนเอลิซาเบธองค์ปัจจุบัน
-
แล้วก็เราเรียกว่า Queen Mom คนนั้นนี่แหละค่ะ
-
หลังจากที่ลงจากราชบัลลังก์ไปนะคะ
-
กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็
-
มีปัญหาด้านการตั้งตำแหน่งนิดนึง
-
เพราะว่าเหมือนกษัตริย์อังกฤษ
-
ไม่ค่อยจะมีเหตุการณ์สละราชบัลลังก์
-
โดยที่ไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โตอะไรนะ
-
ดังนั้นเขาก็เลยถือตำแหน่งเป็น
-
Duke of Windsor ประมาณนี้ค่ะ
-
ก็เป็นกึ่ง ๆ จะเจ้าก็ไม่เจ้า
-
จะไม่เจ้าก็ไม่ใช่ ทำนองนั้นนะคะ
-
แล้วก็ใช้ชีวิตค่อนข้างจะมีดราม่ากับราชวงศ์
-
ไปเรื่อย ๆ เพราะเหมือนกับว่า
-
ตัวเองแบบแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก
-
แต่ว่าทางบ้านไม่เข้าใจ ทางบ้านไม่ยอมรับ
-
ก็เลยมีปัญหากับทางบ้านเล็กน้อยตลอดเวลาค่ะ
-
มาถึงพระเจ้าจอร์จที่ 6 ของเรานะคะ
-
เป็นพ่อของควีนเอลิซาเบธที่ 2
-
หรือว่าเป็นควีนองค์ปัจจุบันนี้นี่แหละค่ะ
-
ส่วนควีนเอลิซาเบธเองเนี่ยนะคะ
-
ก็แต่งงานกับเจ้าชายองค์นึงค่ะ
-
ชื่อว่าเจ้าชายฟิลลิป ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็น
-
เจ้าชายแห่งกรีซนะคะ
-
แต่ว่าก่อนที่จะมาแต่งงานกับควีนเอลิซาเบธเนี่ย
-
ก็ได้ถอดยศเจ้าชายตัวเองทิ้งไปเรียบร้อยนะคะ
-
แล้วก็ได้รับการอุปการะ รับเข้าไปอยู่ใน
-
บ้านเมาต์แบทเทินนั่นแหละค่ะ
-
จำตระกูลนี้ได้ใช่ไหมที่โดนถอดยศไปตอนนู้น
-
จากบัทเทินแบร์กนั่นน่ะค่ะ
-
ซึ่งการแต่งงานของสองคนนี้ก็ทำให้
-
มีปัญหากับชื่อราชวงศ์วินด์เซอร์นิดนึง
-
เพราะว่าเจ้าชายฟิลลิปเนี่ยนะคะ
-
ก็เคยถามควีนเอลิซาเบธเหมือนกันประมาณว่า
-
จำตอนเจ้าชายอัลเบิร์ตได้ไหม
-
แต่งงานกับควีน หลังจากนั้นเนี่ย
-
ราชวงศ์ก็ต้องเป็นชื่อราชวงศ์ของฝั่งผู้ชายไม่ใช่เหรอ
-
อย่างนี้ลูก ๆ ของพวกเราเนี่ย
-
ก็จะต้องใช้นามสกุลของฉันรึเปล่า
-
ซึ่งเหตุการณ์นี้นะคะ ทำให้ควีนเอลิซาเบธ
-
ออกประกาศฉบับนึงนะคะ
-
ล้มล้างทุกสิ่งอย่างทิ้งไปเลย ประมาณว่า
-
ไม่ ราชวงศ์ของเรา ต่อให้ฉันแต่งงานแล้ว
-
ลูกของฉันและอะไรของฉันต่อไปหลังจากนี้
-
จะใช้ชื่อราชวงศ์ว่า ราชวงศ์วินด์เซอร์ เท่านั้นนะคะ
-
นี่ก็เป็นสาเหตุนะคะที่ทำให้ราชวงศ์อังกฤษปัจจุบัน
-
ยังอยู่ใน House of Windsor เช่นเดิมค่ะ
-
แล้วก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วยนะ
-
จำครั้งแรกตอนประกาศราชวงศ์วินด์เซอร์ได้ไหมคะ
-
ตอนนั้นเนี่ยบอกแค่ว่า male line
-
หรือว่าทายาทผู้ชายนะ
-
ที่จะถือว่าอยู่ในราชวงศ์วินด์เซอร์
-
แต่ว่าหลังจากนี้เนี่ย
-
ควีนเอลิซาเบธประกาศไว้แล้วเรียบร้อยนะคะ
-
ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิง
-
ก็ราชวงศ์วินด์เซอร์ทั้งนั้นเลยจ้า
-
เป็นไงกันบ้างคะ ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ
-
ราชวงศ์วินด์เซอร์กันจบแล้ว สนุกไหมคะ
-
เชื่อว่าตอนนี้ใครที่ดู The Crown ก็น่าจะทำให้
-
เข้าใจเรื่องราวของ The Crown มากขึ้น
-
ส่วนใครที่ยังไม่เคยดูนะคะ
-
แล้วรู้สึกว่าอยากหามาดูแล้วเนี่ย
-
ก็เชิญทาง Netflix ได้เลยนะคะ
-
บอกเลยนะคะว่าถ้าดู The Crown ใน Netflix
-
ตอนนี้สตรีมคมชัดระดับ 4K เลยทีเดียว
-
แถมที่สำคัญนะคะ Netflix กับ LG เนี่ย
-
เขาร่วมมือกันค่ะ ใครก็ตามที่ซื้อ
-
ทีวี LG OLED TV ตอนนี้นะคะ
-
สามารถเข้าไปลงทะเบียนใน Netflix นะคะ
-
แล้วก็ดูแพ็กเกจพรีเมียมแบบ 4K ได้ถึง
-
6 เดือนด้วยกันเลยค่ะ
-
ถามว่าทำไมสองบริษัทนี้จะต้องมาร่วมมือกัน
-
คือจะบอกว่ามันส่งเสริมซึ่งกันและกัน
-
เพราะว่าตอนนี้หนังและซีรีส์ใน Netflix
-
หลาย ๆ เรื่องตอนนี้นะคะ
-
ดูได้ความชัดแบบ 4K แล้วนะคะ
-
แล้วก็เป็นภาพแบบ HDR Dolby Vision
-
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ เขายังบอกว่า
-
ระบบเสียงใน Netflix ตอนนี้
-
เป็นระบบเสียงแบบ Dolby Atmos นะคะ
-
ก็เลยเข้ากับ Super UHD TV ของ LG
-
ที่ตอนนี้จอข้างหลังอย่างที่เห็นเนี่ย เป็น 4K แล้ว
-
แล้วก็รองรับภาพแบบ Dolby Vision HDR
-
แล้วก็รองรับเสียงระบบ Dolby Atmos นะคะ
-
คือระบบ Dolby Atmos เนี่ยนะคะ
-
จะทำให้เราได้ยินเสียงเนี่ย รอบทิศทางเลยนะคะ
-
ก็เหมือนกับว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เราดูเนี่ย
-
มันเกิดขึ้นรอบตัวเราเลยน่ะนะ
-
แถมตอนนี้นะคะ ทีวี LG ยังมี
-
เทคโนโลยีที่เขาเรียกว่านาโนเซลล์ค่ะ
-
ทำให้การแสดงสีสันของภาพนะคะ
-
ชัดเจนแล้วก็แม่นยำยิ่งขึ้นค่ะ
-
พูดให้เข้าใจแบบง่ายๆ ที่สุดเลยนะคะ
-
Netflix เริ่มสตรีม 4K แล้ว
-
จอทีวี LG ก็รองรับ 4K แล้ว
-
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายก็เลยจัดการจับมือกัน
-
สร้างโปรโมชันนี้ขึ้นมานี่แหละค่ะ
-
ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเนี่ย
-
วิวลงรายละเอียดไว้ให้ด้านล่างแล้ว
-
ไปอ่านเองได้เลย ละเอียดยิบนะคะ
-
ส่วนใครที่ฟังมาขนาดนี้แล้ว
-
อยากโดนทีวีเหมือนที่วิวใช้อยู่ข้างหลังเนี่ย
-
ราคาไม่แรงเลยนะ สำหรับสมาร์ททีวี
-
แล้วก็มีความสามารถระดับนี้
-
อยู่ที่ประมาณ 69,990 บาทเท่านั้นค่ะ
-
เชื่อว่าจะทำให้หลาย ๆ คนเนี่ย
-
ดู Netflix ได้สนุกสนานยิ่งขึ้นนะคะ
-
เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรแบบนี้
-
ใครมีซีรีส์ Netflix โปรดเรื่องไหนเนี่ย
-
ลองคอมเมนต์มาคุยกันด้านล่างได้นะคะ
-
ส่วนใครที่ชื่นชอบคลิปที่ทั้งสนุกและมีสาระแบบนี้
-
ก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
-
จริง ๆ แล้วเนี่ยนอกจาก The Crown นะ
-
ชีวิตตอนนี้ติด Netflix หนักมาก
-
ทำให้ปั่นป่วนมากนะคะ
-
ดู Netflix ไง พอดูเสร็จมันก็จะไปเจอ
-
ที่เที่ยวที่น่าสนใจที่ปรากฏขึ้นมาในหนัง
-
พอไปเจอที่เที่ยวก็อยากเที่ยว
-
พอไปเที่ยวเสร็จก็ไปดู Netflix ตอนระหว่างเที่ยว
-
ดู Netflix เสร็จ เอ้า อยากเที่ยวอีกแล้ว
-
เรียกได้ว่าติดหลายเรื่องจริง ๆ นะ
-
ไม่ว่าจะเป็นนี่เลยนะคะ
-
Series of An Unfortunate Event
-
น่ะ มันพูดได้ด้วยนะทีวีนี้
-
อันนี้ก็ติด อันนี้ก็สนุกนะ
-
หรือว่าที่หลาย ๆ คนจะเห็นจาก
-
vlog อังกฤษวิวแล้วนะคะ
-
ว่าวิวก็ติด Sherlock เหมือนกันนะ
-
Sherlock
-
อันนี้ก็ติดใช่เล่นนะคะ
-
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ดู
-
ไม่ว่าจะเป็น Stranger Things
-
หรือว่า Lost in Space
-
ซึ่งสองอันนี้สตรีมแบบ 4K แล้วนะคะ
-
แถมแบบนั่งดูอยู่ก็เนี่ย เห็นป้ะ
-
มือขยับแค่นี้ รีโมตชี้ไปชี้มาเหมือนเมาส์เลยนะ
-
เรียกได้ว่าวัน ๆ ไม่ต้องขยับไปไหนแล้วนะคะ
-
ก่อนจากไป แอบเปิดเสียงให้ฟังนิดนึงนะ
-
ว่าเสียง Dolby Atmos มันกระหึ่มขนาดไหนนะคะ
-
คือไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากล้องวิวเนี่ย
-
จะมีปัญหาจับเสียง Dolby Atmos ไหมนะ
-
แต่ถ้ามาฟังอยู่ตรงนี้จะเห็นว่าแบบ
-
รู้สึกเหมือนเขามาหยิบของอยู่ข้างหูเลยอะ
-
นะ เอาเป็นว่าขายของเยอะพอแล้ว
-
วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ