สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ ถ้าใครติดตามโซเชียลเน็ตเวิร์กของวิวอยู่ช่วงนี้นะคะ ก็จะเห็นว่า ตอนนี้ตัววิวกลับไปอยู่ที่อังกฤษอีกแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการมาสองครั้งในสามเดือนเลยนะคะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วอะ หลายคนน่าจะรู้ว่าวิวเป็นคนที่ อินกับวัฒนธรรมอังกฤษค่อนข้างมาก ที่สำคัญเนี่ย อีกเรื่องนึงที่วิวชอบมาก ๆ เลยก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษนั่นเองค่ะ อย่างที่หลายคนน่าจะแอบเห็นจากข้างหลังใช่ไหมคะ คือตอนนี้ใน Netflix นะคะ มันมีซีรีส์ซีรีส์นึงที่วิวติดมากเลยคือ ซีรีส์ชื่อว่า The Crown เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขึ้นครองราชย์ของ ควีนเอลิซาเบธที่สองแห่งราชวงศ์อังกฤษนั่นเองค่ะ คือดูมาตั้งแต่ซีซั่นหนึ่งจนซีซั่นสองนะ เรียกได้ว่าติดเว่อร์ ติดจริง ติดสุด ติดไม่รู้จะติดยังไงแล้วเนี่ยนะคะ ยิ่งตอนนี้เนี่ย เห็นอะไรใหญ่ ๆ ข้างหลังนั่นไหม คือตอนนี้ไปได้ทีวีมาจาก LG นะคะ เป็น LG Super UHD TV นะคะ รุ่น 65SK8000 คือเป็นรุ่นใหม่ของปี 2018 นี้เลย พอได้มาลองใช้นะ อื้อหือ จอใหญ่เบิ้ม ที่เห็นขนาดอยู่ข้างหลังเนี่ย ขนาดประมาณ 65 นิ้วนะคะ อุ๊ยตาย เทียบไป เขาเห็นความสูงวิวกันหมดเลย ภาพมันคมชัดมาก คือเล่นเอาแบบติดงอมแงม ดังนั้นนะคะ เพื่อไม่ให้เสียการเสียงาน จากความติ่งของตัวเอง วิวก็เลยคิดว่าวิวควรจะเอา เรื่องที่วิวติดงอมแงมนี่แหละมาทำเป็นคอนเทนต์ อย่างที่หลายคนขอมาค่ะ วันนี้วิวก็เลยจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ราชวงศ์วินด์เซอร์ของอังกฤษนั่นเอง ถ้าใครอยากรู้แล้วก็ ก่อนอื่นอย่าลืมกดปุ่ม Subscribe ให้แชนเนล Point of View ก่อน Subscribe เสร็จแล้วอย่าลืม กดปุ่มกระดิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างด้วยนะคะ มันจะได้แจ้งเตือนทุกครั้งเลยค่ะ ที่วิวอัปคลิปวิดีโอใหม่ ๆ โอเค พร้อมที่จะฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุกและมีสาระเกี่ยวกับราชวงศ์วินด์เซอร์รึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ โอเค ก่อนที่จะเล่าเรื่องราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ เพื่อไม่ให้ภาพอันสวยงามด้านหลังนี่ ดึงความสนใจไปจากวิวมากเกินไปนะคะ ขออนุญาตเปลี่ยนแอปพลิเคชันแป๊บนึงนะ LG เนี่ยนะคะ ดีมาก ๆ เลยค่ะ มีแอปพลิเคชันอยู่แอปพลิเคชันนึงนะคะ เข้าไปที่ Photo Gallery เราก็จะสามารถเลือกฉากหลังสวย ๆ มาไว้ ประดับบ้านของเราได้นะคะ โอเค ออกนอกเรื่องมาอย่างยาวนาน เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ คือราชวงศ์วินด์เซอร์เนี่ยนะคะ ไม่ใช่ราชวงศ์ที่เก่าแก่ ยาวนานเป็นพันปีอะไรเลยนะคะ แต่ว่าเป็นราชวงศ์ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ค่ะ จริง ๆ แล้วจนถึงปัจจุบันนี้ เพิ่งจะมีประมุขปกครองในนามราชวงศ์วินด์เซอร์เนี่ย หรือว่า House of Windsor เนี่ยนะคะ สี่องค์ด้วยกันค่ะ ก็ต้องเล่าย้อนไปจนถึงสมัยควีนวิกตอเรีย หรือว่าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเนี่ยนะคะ ก็เป็นกษัตริย์องค์สำคัญองค์นึงของอังกฤษค่ะ ควีนวิกตอเรียเนี่ยนะคะ ก็เป็นคนที่ มีลูกค่อนข้างเยอะค่ะ มีทั้งหมดเก้าพระองค์ด้วยกันนะคะ ซึ่งแต่ละพระองค์ก็แต่งงานกับ เจ้าหญิงเจ้าชายในยุโรปต่าง ๆ นานาไป เต็มไปหมดเลย ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ในยุโรปเนี่ยใกล้ชิดกัน ตอนแรกนะคะ ควีนวิกตอเรียก็ถือ ราชวงศ์อยู่ราชวงศ์นึง เป็นราชวงศ์ที่ปกครองอังกฤษมา เป็นระยะเวลานึงนะคะ แต่ว่าควีนวิกตอเรียค่ะ แต่งงาน และคนที่แต่งงานกับควีนวิกตอเรียเนี่ย เขาเรียกว่า เจ้าชายอัลเบิร์ต จำที่วิวพาไปเที่ยวที่อังกฤษได้ไหมคะ Victoria & Albert Museum ตั้งชื่อตามสองคนนี้นั่นเอง ซึ่งเจ้าชายอัลเบิร์ตมาจากดินแดนที่เป็น เยอรมนีปัจจุบันนะคะ ตรงนั้นเนี่ยค่ะ มีราชวงศ์อยู่ราชวงศ์นึง ชื่อว่า ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา เมื่อมาแต่งงานกับควีนวิกตอเรีย ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิง ในสมัยโบราณเนี่ย ลูกก็ต้องใช้นามสกุลตามผู้ชาย ดังนั้นลูก ๆ ของควีนวิกตอเรียเนี่ย ก็เลยถือว่าอยู่ในราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา หลังจากเหตุการณ์นั้นค่ะ ทำให้ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาเนี่ย มีสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์อังกฤษนะคะ ซึ่งคนที่ขึ้นมาปกครองต่อจากควีนวิกตอเรียนะคะ ก็คือ ลูกชายของควีนวิกตอเรียค่ะ ที่ใช้ชื่อว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 นะคะ หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 สวรรคตไปค่ะ ลูกชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ก็ขึ้นมาครองราชย์ต่อ คนคนนี้เป็นคนที่มีความสำคัญมาก ต่อราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ นั่นก็คือ พระเจ้าจอร์จที่ 5 นั่นเองค่ะ พระเจ้าจอร์จที่ 5 เดิมเป็นกษัตริย์ใน ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา โอ๊ย ยาวมากแล้วฟังดูเยอรมันมาก ไม่เข้าปากเลยซักเล็กน้อยนะคะ ปกครองมาเรื่อย ๆ ค่ะ ปรากฏว่ามันมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ในสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 5 นั่นก็คือเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง จำที่วิวเคยเล่าสรุปสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ไหมคะ ถ้าใครจำไม่ได้ กดไปดูตรงนี้เลยนะคะ บังเอิญว่าในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ย ชาวโลกมองว่าเยอรมนีเป็นตัวร้ายสุด ๆ เลยใช่ไหม โดยเฉพาะในอังกฤษนะคะ มีกระแสแอนตี้เยอรมนีค่อนข้างรุนแรง เยอรมนีมีการเอาเครื่องบินรบ มาทิ้งระเบิดในลอนดอน มีการไปตีคนนั้นตีคนนี้ ทำให้ชาวอังกฤษโดนโฆษณาชวนเชื่อเยอะ ๆ ฟังข่าวเยอะ ๆ ก็รู้สึกว่าแบบ โอ้โห ในเยอรมนีเนี่ยนะ โหดร้ายมาก บุกเข้าไปประเทศนั้นก็ไปฆ่าคนบริสุทธิ์ บุกเข้าไปประเทศนี้ ไปฆ่าพลเรือน พวกเยอรมันนี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ เลย มันก็เลยเกิดการเหมารวม แล้วก็เกิดการเหยียดเชื้อชาติกันเกิดขึ้นนะคะ ทำให้ในอังกฤษตอนนั้นเนี่ย ใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับเยอรมนีเนี่ย โดนเหยียด โดนทำร้ายหนักมาก ก่อนที่มันจะมีสงครามก็ไม่ใช่ว่าในประเทศอังกฤษ จะมีแต่คนเชื้อสายอังกฤษล้วน ๆ มันก็จะมีพวกเยอรมันที่เข้ามาทำงานในอังกฤษบ้าง มีคนที่แต่งงานกันบ้าง มีลูกครึ่งอะไรต่าง ๆ ดังนั้นมันก็มีหลาย ๆ คนนะคะ ที่พูดอังกฤษติดสำเนียงเยอรมัน โดยเฉพาะในราชวงศ์เนี่ยนะคะ ติดกันหนักมาก เพราะว่าถือว่าเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย มาจากเยอรมนีกันทั้งนั้นเลยนะคะ มาแต่งงานกับราชวงศ์อังกฤษ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นลูกครึ่ง แทบจะมีเชื้อสายเยอรมันเป็นหลักกันเลย ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ ซึ่งกระแสแอนตี้เยอรมนีเนี่ย มันรุนแรงถึงขนาดที่ว่า มันมีคนบางคนที่พูดติดสำเนียงเยอรมันเนี่ยนะ แล้วเหมือนกับเป็นพ่อค้า ทำนองนี้ ยืนขายของอยู่แล้วดันไปพูดกับคน เป็นสำเนียงเยอรมัน คนเนี่ยนะคะ โกรธแค้นถึงขั้นที่แบบ หยิบก้อนหินหยิบอะไรขึ้นมา แล้วก็ไล่เขวี้ยงพ่อค้าคนนี้จนแบบ แทบตายไปเลยทีเดียวนะคะ หรือว่าบางครั้งเนี่ย มันก็รุนแรงแล้วก็ไม่เลือก ถึงขนาดที่ว่าบางบ้านนะ ต่อให้เป็นคนอังกฤษแท้ ๆ เลย แต่ดันไปเลี้ยงหมา แล้วหมาดันเป็นหมาพันธุ์พื้นเมืองเยอรมนี คนก็จะแบบ เป็นพวกนิยมเยอรมนีใช่ไหม อี๊ แล้วก็รุมกันไปนะคะ เผาบ้านคนนี้ทิ้งไปเลย สงครามเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายเสมอค่ะ เพราะเราจะมองคนอื่นเป็นสิ่งของ 100% เป็นศัตรู เป็นอะไรที่เราต้องฆ่าน่ะนะ จากเหตุการณ์นี้นะคะ รวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญ อีกเหตุการณ์นึงในสงครามโลกครั้งที่ 1 ค่ะ คือเหตุการณ์ล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟนะคะ ในรัสเซีย เกี่ยวกันยังไง งงไหม ถึงจะบอกว่าเป็นราชวงศ์รัสเซียต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วนับนะ ก็เป็นญาติที่ค่อนข้างสนิท กับพระเจ้าจอร์จที่ 5 เลยทีเดียว ไม่เชื่อลองดูหน้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เทียบกับหน้าพระเจ้าจอร์จที่ 5 นะคะ โอ้โห แทบจะเรียกได้ว่าเป็นฝาแฝดกันเลยนะคะ จริง ๆ แล้วสองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ ควีนของซาร์นิโคลัสเนี่ยนะคะ ก็ถือว่าเป็นเจ้าหญิงเยอรมันแท้ ๆ ที่ไปแต่งงานเลยค่ะ ดังนั้นเมื่อโดนล้มล้างราชบัลลังก์ไป แม้ว่าการเมืองภายในจะมีอะไรก็ตาม แต่ฝั่งอังกฤษเนี่ยก็เริ่มเอ๊ะ ๆ แล้วประมาณว่า เฮ้ย หรือว่ากระแสแอนตี้เยอรมนีมันจะรุนแรงมาก ถึงขนาดที่ซาร์นิโคลัสจะต้องโดนล้มล้างราชบัลลังก์ อุ๊ย ฝั่งราชวงศ์อังกฤษเริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ กันแล้ว เริ่มรู้สึกว่า จริง ๆ แล้วชื่อฉันเนี่ยก็ เยอรมันสุดขีดเลย มีวันไหนที่คนจะเริ่มเอ๊ะบ้างไหมว่า ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาก็เป็นเยอรมัน ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยิ่งเริ่มมีกระแส ล้มล้างราชวงศ์ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย เริ่มเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบ สาธารณรัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันตัวเอง ราชวงศ์อังกฤษก็เลยรู้สึกว่า ฉันจะต้องตัดตัวเองให้ขาดจากราชวงศ์เยอรมัน ที่มีไกเซอร์ ที่กำลังบ้าคลั่งอาละวาด ตีกับทั้งยุโรปอยู่ พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก็เลยออกนโยบายมา นโยบายนึงนะคะ ก็คือ นโยบายกวาดล้างทุกสิ่งอย่างที่เป็นเยอรมัน เกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษทิ้ง แล้วก็ พยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นอังกฤษ 100% ค่ะ โดยการเริ่มจากออกประกาศฉบับนึงนะคะ บอกว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป ราชวงศ์ของเรา จะโดนเรียกว่า ราชวงศ์วินด์เซอร์ โดยหลังจากนี้นะ ผู้ชายคนไหนก็ตาม ที่เกิดมาในราชวงศ์วินด์เซอร์ จะต้องถือว่าอยู่ใน House of Windsor ไม่ใช่ House of Saxe-Coburg and Gotha อีกต่อไปแล้วนะคะ ชื่อราชวงศ์วินด์เซอร์ เขาก็เอามาจากปราสาทหลังนึง ชื่อว่าปราสาทวินด์เซอร์นะคะ ก็เป็นปราสาทเก่าแก่ของอังกฤษ มีประวัติศาสตร์ยาวนานแบบ 800 ปีอะไรอย่างนี้ เรียกได้ว่า ฉันจะใช้ชื่อตาม ปราสาทอังกฤษแท้ ๆ แล้วจ้า อย่ามาถือว่าฉันเป็นชาวเยอรมันอีกนะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ก็มีการล้างตำแหน่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเยอรมนีของใครก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษค่ะ คือนึกสภาพแต่ก่อนเนี่ย มันก็จะต้องมี เจ้าหญิงแห่งเยอรมนีมาแต่งงาน กับเจ้าชายแห่งอังกฤษ ในอังกฤษ เขาก็จะถือว่าเขามียศเป็น เหมือนลูกสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทำนองนี้ แต่ว่าเขาก็ยังถือยศเป็นเจ้าหญิงเยอรมันตั้งแต่เกิด คือมองในมุมอังกฤษก็เป็นเจ้าฝั่งอังกฤษแบบนึง มองในมุมของคนเยอรมันก็จะเป็น เจ้าของเยอรมนีในอีกตำแหน่งนึง พระเจ้าจอร์จที่ 5 ในตอนนั้นนะคะ ตัดสินใจค่ะ ถอดยศที่เป็นราชวงศ์เยอรมัน ของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษ ทิ้งไปให้หมดเลยค่ะ แล้วก็ตั้งตำแหน่งใหม่ให้แทน ให้เป็นขุนนางอังกฤษ กลายเป็นเจ้าของฝั่งยุโรปเนี่ย เป็นได้จากการเกิดเท่านั้นนะ คือ สมมติว่าเป็นสามัญชนมาแต่งงานกับเจ้าชายอังกฤษ สิ่งที่เขาเป็นได้คือ เขาจะถือว่าเป็น ลูกสะใภ้แห่งราชวงศ์อังกฤษ แต่เขาจะไม่สามารถใช้ชื่อนำหน้าได้ว่า Princess อะไรอย่างนี้ไม่ได้ เหมือนถ้าเรามาดูยุคสมัยปัจจุบันนี้ เราจะเห็นว่า เคท มิดเดิลตันเนี่ยนะคะ แต่งงานกับเจ้าชายวิลเลียม Prince William เป็น Prince เพราะว่าเกิดมาเป็นเจ้าชาย ในขณะที่เคทไม่ใช่ Princess Kate จะไม่มีวันได้ยินคำว่า Princess Kate ฟังมาถึงตรงนี้ หลายคนเถียงในใจทันที เจ้าหญิงไดอาน่า Princess Diana ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ ก็ต้องบอกนะคะว่า ไดอาน่าไม่ใช่ Princess Diana ค่ะ ตำแหน่งจริง ๆ ของไดอาน่าคือ Diana, Princess of Wales แปลว่า ไดอาน่า ชายาของเจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งเป็นตำแหน่งของเจ้าฟ้าชายชาลส์ค่ะ ดังนั้นเหล่าราชวงศ์เยอรมันเดิม ๆ ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ พอโดนถอดยศจากความเป็นเจ้าเยอรมันปุ๊บ ก็เลยกลายเป็นแค่พวกขุนน้ำขุนนางทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเอิร์ล เป็นดัชเชส เป็นดยุค เป็นอะไรอย่างนี้นะคะ เรียกได้ว่าล้างบางกันอย่างยิ่งใหญ่เลยค่ะ บางคนที่ชื่อดูเป็นเยอรมันมาก ๆ อย่างตระกูลแบบ บัทเทินแบร์ก ตระกูลทหารคนสำคัญของราชวงศ์อังกฤษนะ แต่ว่า Berg เนี่ยมันเป็นภาษาเยอรมัน มันเป็นแปลว่าภูเขา ก็โดนจับเปลี่ยนนามสกุลจากบัทเทินแบร์ก ให้กลายเป็นเมาต์แบทเทิน Mount แปลว่าภูเขาเหมือนกันน่ะนะ ก็คือแปลเป็นอังกฤษไปเลย เรียกได้ว่าโดนถอนรากถอนโคนกันหมดเลยนะคะ ซึ่งบางคนก็แฮปปี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นเยอรมันแล้ว แต่ก็จะมีบางคนเหมือนกันที่แบบ โกรธแค้นอยู่ลึก ๆ ประมาณว่า ฉันเกิดมาเป็นเจ้าอยู่ดี ๆ ทำไมฉันต้องโดนถอดยศลงมาเป็นสามัญชนด้วย แต่ว่าก็เพื่อความอยู่รอดของราชวงศ์ เรียกได้ว่าตอนนี้เนี่ยนะคะ ราชวงศ์วินด์เซอร์เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ ถามว่าจากพระเจ้าจอร์จที่ 5 ไล่ลงมาถึงควีนเอลิซาเบธในปัจจุบันเนี่ย สืบเชื้อสายกันต่อมายังไง เราถือว่าพระเจ้าจอร์จที่ 5 เป็นกษัตริย์ องค์แรกแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ใช่ไหมคะ กษัตริย์องค์ที่สองในราชวงศ์วินด์เซอร์นะคะ คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ค่ะ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ยถือว่าเป็น ลูกชายคนโตของพระเจ้าจอร์จที่ 5 นะคะ ก็ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อ เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ยนะคะ มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ ตอนที่พ่อกำลังจะสวรรคตเนี่ยนะคะ แม้ว่าจะอายุ 41 ปีแล้วก็ดูจะไม่มีท่าทีว่าแบบ จะไปแต่งงานกับผู้หญิงอะไรที่ไหนเลย คือแบบ คนนั้นก็ไม่ชอบ คนนี้ก็ไม่ชอบ ถึงแม้ว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 จะเป็นเจ้าชายที่หล่อมาก ๆ เลยนะ หล่อแบบหล่อจริง ๆ ไม่เชื่อดูรูป เห็นป้ะ หล่อแบบอื้อหือ แต่ว่าก็ดูเหมือนจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย จนกระทั่งใกล้ ๆ เวลาที่พ่อสวรรคตเนี่ย ปรากฏว่าไปสนใจผู้หญิงอยู่คนนึงค่ะ แต่ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปแบบที่เจ้าชายจะสนใจ คือระดับเจ้าชายปกติเนี่ย เขาก็จะแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่งงานกับอะไรเท่านั้นใช่ไหมที่ผ่านมา ไม่มีสิทธิ์แต่งงานกับสามัญชน แต่เนื่องด้วยนโยบายของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ที่ถอดยศเจ้าหญิงเจ้าชายลงไป เยอะแยะมากมายเนี่ยนะคะ ทำให้พระเจ้าจอร์จที่ 5 ค่ะ จำเป็นจะต้องออกกฎข้อนึงขึ้นมา นั่นก็คือกฎที่ว่า ให้ราชวงศ์อังกฤษเนี่ย สามารถแต่งงานกับสามัญชนได้แล้ว เพราะว่ามันจะไม่เหลือใครแต่งงานด้วยแล้วไง คือในเยอรมนีก็โกรธกันไปแล้ว ราชวงศ์นี้ก็หายไป ราชวงศ์นู้นก็หายไป ถ้ายังบอกว่าต้องแต่งงานกับคนที่ เกิดมาเป็น Prince เกิดมาเป็น Princess อีกเนี่ย เชื่อว่าเดี๋ยวจะหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้นะคะ ซึ่งนโยบายนี้ดันไปส่งผลกระทบต่อ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 อย่างหนักเลยค่ะ เพราะว่าพระองค์หันไปสนใจสาวสามัญชนหนึ่งคน แต่ไม่ใช่สาวสามัญชนแบบที่พ่อคาดไว้เลย คือพ่อเนี่ย ตอนบอกให้แต่งกับสามัญชน ก็หมายถึงสามัญชนที่เหมือนจะเป็นชนชั้นสูง เป็นลูกขุนน้ำขุนนาง เป็นคนที่เคยเป็น Prince เคยเป็น Princess มาก่อน แล้วโดนถอดยศ เรียกได้ว่าเป็นสามัญชนชั้นสูงว่าอย่างนั้นเถอะ แต่คนที่กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ไปสนใจนะคะ เป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ผัวคนแรกหย่าไปแล้วหรือตายไปแล้ว จำไม่ได้นะ แต่ว่าผัวคนที่สองเนี่ย ยังแต่งงานกันอยู่เลย แค่รอวันหย่าเพื่อมาแต่งงานกับ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 เท่านั้นเอง แล้วที่สำคัญนะคะ ผู้หญิงคนนี้ ที่ชื่อว่า วอลลิส ซิมป์สัน เนี่ย เป็นคนอเมริกันด้วย คือเรียกได้ว่า ในสมัยที่ราชวงศ์อังกฤษรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งมาก ๆ แล้วต้องรักษาเลือดบริสุทธิ์มาก ๆ เนี่ยนะ ที่ผ่านมาเนี่ย ใครก็ตามที่อยู่ในราชวงศ์อังกฤษ แล้วมีการหย่าร้างเกิดขึ้น คือจะโดนตัดออกจากราชวงศ์เลย แล้วนี่เป็นถึงคนที่กำลังจะเป็นกษัตริย์ ดันไปสนใจผู้หญิงม่ายเนี่ย โอ้โห ไม่มีใครรับได้เลยนะคะ พระเจ้าจอร์จที่ 5 ก่อนจะสวรรคต ถึงขั้นต้องเรียกพระราชินีของตัวเอง หรือว่าแม่ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เนี่ย เข้ามาคุยเลยนะ บอกว่า หลังจากฉันตายไปแล้ว ช่วยดูแลด้วยนะ อย่าให้พวกนี้ได้แต่งงานกันเด็ดขาด ฉันรับไม่ได้ ซึ่งอย่างไรก็ตาม หลังจากที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 สวรรคตไปนะคะ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ใช่ไหมคะ แล้วก็ถืออำนาจการปกครองเบ็ดเสร็จ ดังนั้นฉันจะทำอะไรก็ได้ รึเปล่านะคะ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็พยายาม ตั้งหน้าตั้งตาจะพยายามแก้กฎหมาย พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้แต่งงาน กับนางวอลลิส ซิมป์สันคนนี้ค่ะ แต่ว่าแน่นอนนะคะ ถ้าใครเคยดูเรื่อง The Crown จะรู้ว่า ตำแหน่งกษัตริย์อังกฤษเนี่ย ไม่ใช่ว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อม ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เสมอ อันนี้มันสไปเดอร์แมนน่ะนะ แต่ว่ามันก็เป็นตามนั้นจริง ๆ ค่ะ มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามมา ดังนั้นรัฐบาลต่าง ๆ ก็เลยห้ามกันไปหมด บอกว่า ไม่ได้ คุณแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แต่ว่ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 นะคะ ก็ยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ ก็เลยพยายามจะสอบถามประชาชน ประมาณว่า ประชาชนรักฉัน ประชาชนจะต้องโอเคกับการแต่งงานของฉันสิ ฉันแต่งงานเพื่อความรัก ประชาชนต้องเห็นใจความรักของฉัน ก็เลยหันไปเหมือนทำโพลถามประชาชน ซึ่งการซาวเสียงประชาชน สิ่งที่ได้กลับมา ไม่เหมือนที่คิดเลยค่ะ เพราะว่าเสียงของประชาชนนะคะ แตกเป็นสองทาง ไม่ใช่บอกว่าให้แต่งกับไม่ให้แต่งนะ แต่เสียงที่แตกสองทางบอกว่า หนึ่ง ให้ทิ้งผู้หญิงคนนี้ไปซะ กับสอง ถ้าไม่ทิ้งผู้หญิงคนนี้ก็ทิ้งราชบัลลังก์ซะ ซึ่งแน่นอนนะคะว่ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 จะเลือก ทิ้งราชบัลลังก์ค่ะ เขาก็ออกประกาศขึ้นมาประมาณว่า ถ้าสมมติว่าฉันอยู่บนพระราชบัลลังก์ แล้วไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันรักเนี่ย ราชบัลลังก์นี้ก็เป็นเพียงราชบัลลังก์ที่ว่างเปล่า ฉันขอสละราชสมบัติ ค่ะ ซึ่งทำให้เกิดกษัตริย์องค์ที่สาม ในราชวงศ์วินด์เซอร์ขึ้นนะคะ นั่นก็คือพระเจ้าจอร์จที่ 6 นั่นเองค่ะ พระเจ้าจอร์จที่ 6 นี่เป็น น้องชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 น่ะนะ ก็เป็นลูกของพระเจ้าจอร์จที่ 5 เช่นเดียวกัน พระเจ้าจอร์จที่ 6 เนี่ยก็เป็นอีกคนนึง ที่แต่งงานกับหญิงสามัญชนค่ะ แต่ว่าสามัญชนในที่นี้เป็นสามัญชน ที่ทุกคนเลิฟ ๆ นะคะเพราะว่า ไม่ใช่สามัญชนจ๋าขนาดที่พี่แต่งงานด้วย สามัญชนคนนี้เป็นลูกสาว ของขุนนางชาวสก็อตแลนด์ค่ะ ชื่อว่า เลดี้เอลิซาเบธ หรือว่าที่ต่อมาเนี่ย จะเป็นแม่ของควีนเอลิซาเบธองค์ปัจจุบัน แล้วก็เราเรียกว่า Queen Mom คนนั้นนี่แหละค่ะ หลังจากที่ลงจากราชบัลลังก์ไปนะคะ กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 8 ก็ มีปัญหาด้านการตั้งตำแหน่งนิดนึง เพราะว่าเหมือนกษัตริย์อังกฤษ ไม่ค่อยจะมีเหตุการณ์สละราชบัลลังก์ โดยที่ไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โตอะไรนะ ดังนั้นเขาก็เลยถือตำแหน่งเป็น Duke of Windsor ประมาณนี้ค่ะ ก็เป็นกึ่ง ๆ จะเจ้าก็ไม่เจ้า จะไม่เจ้าก็ไม่ใช่ ทำนองนั้นนะคะ แล้วก็ใช้ชีวิตค่อนข้างจะมีดราม่ากับราชวงศ์ ไปเรื่อย ๆ เพราะเหมือนกับว่า ตัวเองแบบแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก แต่ว่าทางบ้านไม่เข้าใจ ทางบ้านไม่ยอมรับ ก็เลยมีปัญหากับทางบ้านเล็กน้อยตลอดเวลาค่ะ มาถึงพระเจ้าจอร์จที่ 6 ของเรานะคะ เป็นพ่อของควีนเอลิซาเบธที่ 2 หรือว่าเป็นควีนองค์ปัจจุบันนี้นี่แหละค่ะ ส่วนควีนเอลิซาเบธเองเนี่ยนะคะ ก็แต่งงานกับเจ้าชายองค์นึงค่ะ ชื่อว่าเจ้าชายฟิลลิป ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็น เจ้าชายแห่งกรีซนะคะ แต่ว่าก่อนที่จะมาแต่งงานกับควีนเอลิซาเบธเนี่ย ก็ได้ถอดยศเจ้าชายตัวเองทิ้งไปเรียบร้อยนะคะ แล้วก็ได้รับการอุปการะ รับเข้าไปอยู่ใน บ้านเมาต์แบทเทินนั่นแหละค่ะ จำตระกูลนี้ได้ใช่ไหมที่โดนถอดยศไปตอนนู้น จากบัทเทินแบร์กนั่นน่ะค่ะ ซึ่งการแต่งงานของสองคนนี้ก็ทำให้ มีปัญหากับชื่อราชวงศ์วินด์เซอร์นิดนึง เพราะว่าเจ้าชายฟิลลิปเนี่ยนะคะ ก็เคยถามควีนเอลิซาเบธเหมือนกันประมาณว่า จำตอนเจ้าชายอัลเบิร์ตได้ไหม แต่งงานกับควีน หลังจากนั้นเนี่ย ราชวงศ์ก็ต้องเป็นชื่อราชวงศ์ของฝั่งผู้ชายไม่ใช่เหรอ อย่างนี้ลูก ๆ ของพวกเราเนี่ย ก็จะต้องใช้นามสกุลของฉันรึเปล่า ซึ่งเหตุการณ์นี้นะคะ ทำให้ควีนเอลิซาเบธ ออกประกาศฉบับนึงนะคะ ล้มล้างทุกสิ่งอย่างทิ้งไปเลย ประมาณว่า ไม่ ราชวงศ์ของเรา ต่อให้ฉันแต่งงานแล้ว ลูกของฉันและอะไรของฉันต่อไปหลังจากนี้ จะใช้ชื่อราชวงศ์ว่า ราชวงศ์วินด์เซอร์ เท่านั้นนะคะ นี่ก็เป็นสาเหตุนะคะที่ทำให้ราชวงศ์อังกฤษปัจจุบัน ยังอยู่ใน House of Windsor เช่นเดิมค่ะ แล้วก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วยนะ จำครั้งแรกตอนประกาศราชวงศ์วินด์เซอร์ได้ไหมคะ ตอนนั้นเนี่ยบอกแค่ว่า male line หรือว่าทายาทผู้ชายนะ ที่จะถือว่าอยู่ในราชวงศ์วินด์เซอร์ แต่ว่าหลังจากนี้เนี่ย ควีนเอลิซาเบธประกาศไว้แล้วเรียบร้อยนะคะ ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชายผู้หญิง ก็ราชวงศ์วินด์เซอร์ทั้งนั้นเลยจ้า เป็นไงกันบ้างคะ ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ ราชวงศ์วินด์เซอร์กันจบแล้ว สนุกไหมคะ เชื่อว่าตอนนี้ใครที่ดู The Crown ก็น่าจะทำให้ เข้าใจเรื่องราวของ The Crown มากขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่เคยดูนะคะ แล้วรู้สึกว่าอยากหามาดูแล้วเนี่ย ก็เชิญทาง Netflix ได้เลยนะคะ บอกเลยนะคะว่าถ้าดู The Crown ใน Netflix ตอนนี้สตรีมคมชัดระดับ 4K เลยทีเดียว แถมที่สำคัญนะคะ Netflix กับ LG เนี่ย เขาร่วมมือกันค่ะ ใครก็ตามที่ซื้อ ทีวี LG OLED TV ตอนนี้นะคะ สามารถเข้าไปลงทะเบียนใน Netflix นะคะ แล้วก็ดูแพ็กเกจพรีเมียมแบบ 4K ได้ถึง 6 เดือนด้วยกันเลยค่ะ ถามว่าทำไมสองบริษัทนี้จะต้องมาร่วมมือกัน คือจะบอกว่ามันส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพราะว่าตอนนี้หนังและซีรีส์ใน Netflix หลาย ๆ เรื่องตอนนี้นะคะ ดูได้ความชัดแบบ 4K แล้วนะคะ แล้วก็เป็นภาพแบบ HDR Dolby Vision เท่านั้นยังไม่พอนะคะ เขายังบอกว่า ระบบเสียงใน Netflix ตอนนี้ เป็นระบบเสียงแบบ Dolby Atmos นะคะ ก็เลยเข้ากับ Super UHD TV ของ LG ที่ตอนนี้จอข้างหลังอย่างที่เห็นเนี่ย เป็น 4K แล้ว แล้วก็รองรับภาพแบบ Dolby Vision HDR แล้วก็รองรับเสียงระบบ Dolby Atmos นะคะ คือระบบ Dolby Atmos เนี่ยนะคะ จะทำให้เราได้ยินเสียงเนี่ย รอบทิศทางเลยนะคะ ก็เหมือนกับว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เราดูเนี่ย มันเกิดขึ้นรอบตัวเราเลยน่ะนะ แถมตอนนี้นะคะ ทีวี LG ยังมี เทคโนโลยีที่เขาเรียกว่านาโนเซลล์ค่ะ ทำให้การแสดงสีสันของภาพนะคะ ชัดเจนแล้วก็แม่นยำยิ่งขึ้นค่ะ พูดให้เข้าใจแบบง่ายๆ ที่สุดเลยนะคะ Netflix เริ่มสตรีม 4K แล้ว จอทีวี LG ก็รองรับ 4K แล้ว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายก็เลยจัดการจับมือกัน สร้างโปรโมชันนี้ขึ้นมานี่แหละค่ะ ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเนี่ย วิวลงรายละเอียดไว้ให้ด้านล่างแล้ว ไปอ่านเองได้เลย ละเอียดยิบนะคะ ส่วนใครที่ฟังมาขนาดนี้แล้ว อยากโดนทีวีเหมือนที่วิวใช้อยู่ข้างหลังเนี่ย ราคาไม่แรงเลยนะ สำหรับสมาร์ททีวี แล้วก็มีความสามารถระดับนี้ อยู่ที่ประมาณ 69,990 บาทเท่านั้นค่ะ เชื่อว่าจะทำให้หลาย ๆ คนเนี่ย ดู Netflix ได้สนุกสนานยิ่งขึ้นนะคะ เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ ใครมีซีรีส์ Netflix โปรดเรื่องไหนเนี่ย ลองคอมเมนต์มาคุยกันด้านล่างได้นะคะ ส่วนใครที่ชื่นชอบคลิปที่ทั้งสนุกและมีสาระแบบนี้ ก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ จริง ๆ แล้วเนี่ยนอกจาก The Crown นะ ชีวิตตอนนี้ติด Netflix หนักมาก ทำให้ปั่นป่วนมากนะคะ ดู Netflix ไง พอดูเสร็จมันก็จะไปเจอ ที่เที่ยวที่น่าสนใจที่ปรากฏขึ้นมาในหนัง พอไปเจอที่เที่ยวก็อยากเที่ยว พอไปเที่ยวเสร็จก็ไปดู Netflix ตอนระหว่างเที่ยว ดู Netflix เสร็จ เอ้า อยากเที่ยวอีกแล้ว เรียกได้ว่าติดหลายเรื่องจริง ๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นนี่เลยนะคะ Series of An Unfortunate Event น่ะ มันพูดได้ด้วยนะทีวีนี้ อันนี้ก็ติด อันนี้ก็สนุกนะ หรือว่าที่หลาย ๆ คนจะเห็นจาก vlog อังกฤษวิวแล้วนะคะ ว่าวิวก็ติด Sherlock เหมือนกันนะ Sherlock อันนี้ก็ติดใช่เล่นนะคะ เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ดู ไม่ว่าจะเป็น Stranger Things หรือว่า Lost in Space ซึ่งสองอันนี้สตรีมแบบ 4K แล้วนะคะ แถมแบบนั่งดูอยู่ก็เนี่ย เห็นป้ะ มือขยับแค่นี้ รีโมตชี้ไปชี้มาเหมือนเมาส์เลยนะ เรียกได้ว่าวัน ๆ ไม่ต้องขยับไปไหนแล้วนะคะ ก่อนจากไป แอบเปิดเสียงให้ฟังนิดนึงนะ ว่าเสียง Dolby Atmos มันกระหึ่มขนาดไหนนะคะ คือไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากล้องวิวเนี่ย จะมีปัญหาจับเสียง Dolby Atmos ไหมนะ แต่ถ้ามาฟังอยู่ตรงนี้จะเห็นว่าแบบ รู้สึกเหมือนเขามาหยิบของอยู่ข้างหูเลยอะ นะ เอาเป็นว่าขายของเยอะพอแล้ว วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ