เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรัก นี่คือเหตุผลว่าทำไม
-
0:01 - 0:04เมื่อไม่นานมานี้
ฉันได้ไปเที่ยวในไฮแลนด์ บนเกาะนิวกินี -
0:04 - 0:06และได้พูดคุยกับชายคนหนึ่งที่มีภรรยาสามคน
-
0:07 - 0:10ฉันถามเขาว่า "คุณอยากจะมีภรรยากี่คน"
-
0:10 - 0:12เขาเงียบไปพักใหญ่
-
0:12 - 0:13ฉันคิดกับตัวเองว่า
-
0:13 - 0:15นี่เขาจะตอบว่า 5 คนหรือเปล่า
-
0:15 - 0:16หรือว่า 10 คน
-
0:16 - 0:18หรือว่า 25 คน
-
0:18 - 0:19เขาโน้มตัวมาหาฉัน
-
0:19 - 0:21และกระซิบว่า
"ไม่อยากมีเลยสักคน" -
0:21 - 0:23(เสียงหัวเราะ)
-
0:24 - 0:2886 เปอร์เซ็นของสังคมมนุษย์
ยอมให้ผู้ชายมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน -
0:28 - 0:29มีภรรยาหลายคนพร้อมกัน
-
0:29 - 0:31แต่กลุ่มคนส่วนมากของวัฒนธรรมเหล่านี้
-
0:31 - 0:36มีเพียงห้าถึงสิบเปอร์เซ็นของผู้ชายเท่านั้น
ที่มีภรรยาหลายคน -
0:36 - 0:38การมีคู่ครองหลายคน
สร้างความเจ็บปวดได้เหมือนปวดฟัน -
0:38 - 0:41ในความเป็นจริงแล้ว
ภรรยาทั้งหลายจะทะเลาะกัน -
0:41 - 0:44บางครั้งถึงกับกลั่นแกล้งลูกของอีกฝ่าย
-
0:44 - 0:47และคุณก็จำเป็นต้องมีวัว มีแพะ
-
0:47 - 0:49มีเงิน และมีที่ดินจำนวนมากมาย
-
0:49 - 0:51ในการที่จะสร้างฮาเร็มขึ้นมา
-
0:51 - 0:53มนุษย์เราเป็นสปีชีส์ที่มีการจับคู่
-
0:53 - 0:5797 เปอร์เซ็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ไม่มีการจับคู่กันเพื่อเลี้ยงลูกของตน -
0:57 - 0:59แต่มนุษย์เราทำเช่นนั้น
-
0:59 - 1:01ฉันไม่ได้กำลังบอกว่าพวกเรา
-
1:01 - 1:04ไม่จำเป็นต้องว่ามีความซื่อสัตย์
ต่อคู่ครองของตนเองเสมอไป -
1:04 - 1:07ฉันพบเห็นพฤติกรรมนอกใจใน 42 วัฒนธรรม
-
1:07 - 1:09ฉันเข้าใจว่าจริง ๆ แล้ว
มันเป็นเหตุผลทางพันธุศาสตร์ -
1:09 - 1:11และระบบวงจรสมอง
-
1:11 - 1:13สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปกติทั่วโลก
-
1:13 - 1:15แต่พวกเรานั้นถูกสร้างมาให้รัก
-
1:16 - 1:19เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงความรักไปอย่างไร
-
1:20 - 1:22ฉันจะบอกว่าแทบไม่เปลี่ยนเลย
-
1:23 - 1:24ฉันศึกษาเรื่องสมอง
-
1:24 - 1:28ฉันและเพื่อนร่วมงาน
ได้สแกนสมองของคนกว่าร้อยคน -
1:28 - 1:31ประกอบด้วยคนที่กำลัง
ตกหลุมรักอย่างมีความสุข -
1:31 - 1:33คนที่เพิ่งถูกปฏิเสธความรัก
-
1:33 - 1:35และคนที่ตกหลุมรักมาอย่างยาวนาน
-
1:35 - 1:38และมันเป็นไปได้นะคะ
ที่จะตกหลุมรักเป็นเวลายาวนาน -
1:39 - 1:40และฉันสนับสนุนความคิดที่ว่า
-
1:40 - 1:43เราวิวัฒนาการระบบประสาทสามระบบ
ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน -
1:44 - 1:45เพื่อจับคู่และเจริญพันธุ์
-
1:45 - 1:47แรงขับทางเพศ
-
1:47 - 1:48ความรู้สึกรักหวานซึ้งอย่างแรงกล้า
-
1:48 - 1:52และความรู้สึกยึดติดหยั่งรากลึก
กับคู่ครองที่ครองคู่กันมานาน -
1:52 - 1:55และด้วยการทำงานร่วมกันของ
ระบบประสาททั้งสามระบบ -
1:55 - 1:57ร่วมกับส่วนอื่น ๆ ของสมอง
-
1:57 - 2:02ก่อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์
ความรักอย่างลึกซึ้ง และการสร้างครอบครัว -
2:02 - 2:05แต่พวกมันอยู่ต่ำกว่าสมองชั้นนอกมาก
-
2:05 - 2:09ต่ำลงไปกว่าระบบลิมบิค
ที่ทำให้เรารู้สึกถึงอารมณ์ -
2:09 - 2:10สร้างอารมณ์ความรู้สึกของเรา
-
2:10 - 2:15ระบบประสาทเหล่านี้วางตัวอยู่
ในส่วนดั้งเดิมของสมองเชื่อมต่อกับพลังงาน -
2:15 - 2:20การเพ่งความคิด ความปรารถนา
แรงบันดาลใจ ความต้องการ และแรงขับ -
2:20 - 2:22ในกรณีนี้
-
2:22 - 2:24เป็นแรงขับที่จะให้ได้มาซึ่งรางวัล
อันยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต -
2:24 - 2:26นั่นคือ คู่สืบพันธุ์
-
2:26 - 2:30โดยมีวิวัฒนาการมากว่า 4.4 ล้านปี
ตั้งแต่ยุคแรกของบรรพบุรุษ -
2:30 - 2:35และมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าคุณจะปัดหน้าจอแอปทินเดอร์ไปซ้ายหรือขวา -
2:35 - 2:36(เสียงหัวเราะ)
-
2:36 - 2:39(เสียงปรบมือ)
-
2:39 - 2:43เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนวิธีที่เราใช้จีบกัน
อย่างไม่ต้องสงสัย -
2:43 - 2:45อีเมล ส่งข้อความ
-
2:45 - 2:47สัญลักษณ์อิโมจิเพื่อสื่ออารมณ์
-
2:47 - 2:49ข้อความหรือรูปภาพติดเรท
-
2:49 - 2:51การกดไลค์รูป การถ่ายเซลฟี
-
2:51 - 2:55พวกเรากำลังมองเห็นกฎเกณฑ์
และข้อห้ามใหม่ ๆ สำหรับการจีบกัน -
2:56 - 2:58แต่คุณคิดว่า
-
2:58 - 3:01สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงความรัก
อย่างมากมายจริง ๆ น่ะหรือ -
3:02 - 3:04ลองคิดถึงสมัยปลายทศวรรษที่ 40 สิ
-
3:04 - 3:07ตอนที่รถยนต์เป็นที่นิยมมาก
-
3:07 - 3:09ทันใดนั้นพวกเราก็มีห้องนอนที่เขย่าไปมาได้
-
3:09 - 3:11(เสียงหัวเราะ)
-
3:11 - 3:15หรือว่าการเกิดขึ้นของยาคุมกำเนิด
-
3:15 - 3:21ที่ช่วยปลดปล่อยผู้หญิงจากภัยคุกคาม
ของการตั้งครรภ์และความย่อยยับทางสังคม -
3:21 - 3:25ในที่สุดผู้หญิงก็สามารถแสดงออกถึง
ความต้องการทางเพศจากสัญชาตญาณดิบได้ -
3:26 - 3:29แม้กระทั่งเว็บไซต์หาคู่
ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรัก -
3:29 - 3:31ฉันเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์
ของเว็บ Match.com -
3:31 - 3:33มาเป็นระยะเวลา 11 ปีแล้ว
-
3:33 - 3:35ฉันเฝ้าบอกพวกเขา และพวกเขาก็เห็นด้วย
-
3:35 - 3:37ว่าเว็บเหล่านี้ไม่ใช่เว็บหาคู่
-
3:37 - 3:39แต่เป็นเพียงเว็บแนะนำตัว
-
3:39 - 3:41เมื่อคุณนั่งลงในบาร์
-
3:41 - 3:43ในร้านกาแฟ
-
3:43 - 3:44บนม้านั่งในสวนสาธารณะ
-
3:44 - 3:49สมองดึกดำบรรพ์ของคุณเริ่มปฏิบัติการ
เหมือนแมวหลับที่ถูกปลุกให้ตื่น -
3:49 - 3:51และคุณก็เริ่มยิ้ม
-
3:51 - 3:52และหัวเราะ
-
3:52 - 3:53และตั้งใจฟัง
-
3:53 - 3:58และทำสิ่งต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษของเราทำ
เฉกเช่นเมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้ว -
3:58 - 4:00เราสามารถมอบผู้คนมากมายให้กับคุณ
-
4:00 - 4:02เหมือนเช่นที่เว็บไซต์หาคู่ทำ
-
4:02 - 4:06แต่อัลกอริทีมที่แท้จริงคือ
สมองของมนุษย์ต่างหาก -
4:06 - 4:08เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้
-
4:09 - 4:14เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนคนที่คุณเลือกที่จะรัก
-
4:14 - 4:16ฉันศึกษาชีววิทยาด้านบุคลิกภาพ
-
4:16 - 4:18และฉันเชื่อ
-
4:18 - 4:22ว่าเราค่อย ๆ พัฒนาวิธีการคิด
และพฤติกรรมอย่างกว้าง ๆ 4 แบบ -
4:22 - 4:24ที่เชื่อมโยงกับระบบโดพามีน, เซโรโทนิน,
-
4:24 - 4:26เทสโทสเตอโรน และ เอสโทรเจน
-
4:26 - 4:30ดังนั้น ฉันจึงได้สร้างแบบสอบถาม
ที่พัฒนาจากวิทยาศาสตร์ด้านสมอง -
4:30 - 4:34เพื่อวัดระดับที่คนแสดงคุณสมบัติ
-
4:34 - 4:35กลุ่มของคุณสมบัติ
-
4:35 - 4:38ที่เชื่อมโยงกับแต่ละระบบสมองทั้งสี่ชนิดนี้
-
4:39 - 4:44จากนั้นฉันได้ใส่แบบสอบถามนี้
ลงในเว็บหาคู่ต่าง ๆ -
4:44 - 4:45ใน 40 ประเทศ
-
4:46 - 4:50ขณะนี้มีคนตอบแบบสอบถามนี้แล้ว
มากกว่า 14 ล้านคน -
4:50 - 4:54และฉันก็ได้เห็นว่า
ตามธรรมชาติแล้ว คนแบบไหนจะดึงดูดกัน -
4:54 - 4:56ฉันพบว่า
-
4:56 - 4:59คนที่มีการแสดงออก
ของระบบโดพามีนอย่างชัดเจน -
4:59 - 5:02มีแนวโน้มที่จะขี้สงสัย สร้างสรรค์
ตอบสนองทันที มีพลังงาน -
5:02 - 5:05ซึ่งฉันอยากจะคิดว่า
มีผู้คนมากมายในห้องนี้มีลักษณะเช่นนี้ -
5:05 - 5:07จะดึงดูดคนที่มีลักษณะเหมือนกับตนเอง
-
5:07 - 5:11คนที่ขี้สงสัยและมีความคิดสร้างสรรค์
ต้องการผู้คนแบบเดียวกับตน -
5:11 - 5:13คนที่มีการแสดงออก
ของระบบเซโรโทนินอย่างชัดเจน -
5:13 - 5:16มีแนวโน้มที่เป็นพวกจะอนุรักษ์นิยม
และปฏิบัติตามกฎ -
5:16 - 5:18เคารพผู้ที่มีอำนาจมากกว่า
-
5:18 - 5:21การเลื่อมใสในศาสนา
ก็แสดงออกในระบบเซโรเทนิน -
5:21 - 5:25และคนที่เป็นอนุรักษ์นิยม
ก็เลือกที่จะไปกับคนที่เป็นอนุรักษ์นิยม -
5:25 - 5:27กรณีนี้ คนที่เหมือนกันจะดึงดูดดัน
-
5:27 - 5:30ในกรณีที่เหลืออีก 2 กรณีนั้น
คนที่ต่างกันดึงดูดกัน -
5:30 - 5:32คนที่มีการแสดงออก
ของระบบเทสโทสเตอโรนอย่างชัดเจน -
5:32 - 5:36มีแนวโน้มที่จะช่างวิเคราะห์ คิดเป็นระบบ
ตรงไปตรงมา ตัดสินใจได้เด็ดขาด -
5:36 - 5:37พวกเขาจะเลือกคนที่ตรงข้ามกับตน
-
5:37 - 5:40พวกเขามองหาคนที่มีระดับเอสโตรเจนสูง
-
5:40 - 5:42คนที่มีทักษะทางด้านภาษาดี
-
5:42 - 5:43มีทักษะกับคนที่ดี
-
5:43 - 5:45มีความคิดริเริ่ม
-
5:45 - 5:48คนที่ชอบดูแลคนอื่น
และแสดงออกทางอารมณ์อย่างชัดเจน -
5:49 - 5:51เรามีรูปแบบทางธรรมชาติของการเลือกคู่
-
5:51 - 5:57เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
คนที่เราเลือกที่จะรัก -
5:57 - 6:00แต่เทคโนโลยีกำลัง
สร้างแนวโน้มใหม่อย่างหนึ่ง -
6:00 - 6:02ที่ฉันพบว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
-
6:02 - 6:06มันเกี่ยวข้องกับแนวคิด
เรื่องความย้อนแย้งของการมีทางเลือก -
6:06 - 6:08เป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้ว
-
6:08 - 6:10เราอาศัยเป็นกลุ่มขนาดเล็ก
ล่าสัตว์ เก็บของป่า -
6:10 - 6:13พวกคุณไม่ได้มีโอกาสที่จะต้องเลือก
-
6:13 - 6:16หนึ่งคนจากตัวเลือกหนึ่งพันคน
เหมือนในเว็บหาคู่ -
6:16 - 6:18จริง ๆ แล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้
ฉันได้ทำการศึกษา -
6:18 - 6:21และคิดว่าในสมองของเรานั้น
มีจุดที่ค่อนข้างอ่อนหวาน -
6:21 - 6:25ฉ้นไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แต่จากการอ่านข้อมูลจำนวนมาก -
6:25 - 6:31คนเราจะจัดการกับตัวเลือก 5-9 คนได้
แต่หากมากกว่านั้น -
6:31 - 6:34คุณจะเกิดอาการที่ศัพท์วิชาการเรียกว่า
"ภาระเกินของกระบวนการรับรู้" -
6:34 - 6:36และคุณจะไม่เลือกใครเลย
-
6:36 - 6:39ดังนั้น ฉันจึงคิดว่า
การเกิดภาระเกินทางการรับรู้นี้ -
6:39 - 6:43จะนำไปสู่การสร้างรูปแบบการจีบกันแบบใหม่
-
6:43 - 6:45ที่ฉันเรียกว่า "รักอย่างช้า ๆ"
-
6:45 - 6:49ฉันได้แนวคิดนี้
ในระหว่างที่ทำงานกับ Match.com -
6:49 - 6:51ทุก ๆ ปีตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
-
6:51 - 6:54เราทำการศึกษาที่เรียกว่า
"คนโสดในอเมริกา" -
6:54 - 6:56เราไม่ได้สำรวจความคิดเห็น
เฉพาะคนที่ใช้เว็บไซต์ Match.com -
6:56 - 6:58เราสำรวจความคิดเห็น
ของประชาชนชาวอเมริกา -
6:58 - 7:01โดยใช้คนอย่างน้อยห้าพันคน
-
7:01 - 7:05เป็นกลุ่มตัวอย่างของชาวอเมริกัน
ที่อยู่ในสำมะโนประชากรของอเมริกา -
7:05 - 7:07ในขณะนี้เราได้ข้อมูล
จากผู้คนมากกว่าสามหมื่นคน -
7:07 - 7:10และทุก ๆ ปี
-
7:10 - 7:12ฉันมองเห็นรูปแบบที่เหมือนเดิมบางอย่าง
-
7:12 - 7:15ทุก ๆ ปีที่ฉันตั้งคำถาม
-
7:15 - 7:18พบว่ามากกว่า 50 เปอร์เซ็นของคน
ที่มีความสัมพันธ์แบบคู่นอนคืนเดียว -
7:18 - 7:21ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นปีที่แล้ว
แต่ช่วงใดช่วงหนึ่งในชีวิต -
7:21 - 7:2350 เปอร์เซ็นเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
กับเพื่อนแต่ไม่ผูกพัน -
7:23 - 7:25อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต
-
7:25 - 7:28และมากกว่า 50 เปอร์เซ็น
ใช้ชีวิตคู่อย่างยาวนาน -
7:28 - 7:30ก่อนที่จะแต่งงานกัน
-
7:30 - 7:32เนื่องจากคนอเมริกาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เสี่ยง
-
7:32 - 7:35ฉันสงสัยมานานแล้ว
-
7:35 - 7:37รูปแบบดังกล่าวมีความชัดเจนเกินไป
-
7:37 - 7:40มันต้องอธิบายได้ด้วยทฤษฎีของดาร์วิน
-
7:40 - 7:42ไม่ใช่ว่าผู้คนมากมายกำลังเป็นบ้า
-
7:42 - 7:46และฉันก็พบคำอธิบายทางสถิติ
ที่น่าเชื่อถือโดยบังเอิญ -
7:46 - 7:49จากบทความทางวิชาการที่น่าสนใจฉบับนึง
-
7:49 - 7:54ฉันพบว่า 67 เปอร์เซ็นต์
ของคนโสดชาวอเมริกา -
7:54 - 7:56ที่ใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนอย่างยาวนาน
-
7:56 - 8:00แต่ไม่ยอมแต่งงาน
เป็นเพราะพวกเขากลัวการหย่าร้าง -
8:00 - 8:02พวกเขากลัวผลลัพธ์ทางสังคม
-
8:02 - 8:04ทางกฎหมาย ทางอารมณ์
-
8:04 - 8:07ทางเศรษฐกิจ ของการหย่าร้าง
-
8:07 - 8:11ดังนั้น ฉันไม่คิดว่า
เหตุผลคือการกลัวความเสี่ยง -
8:11 - 8:12แต่คิดว่ามันคือความหวาดระแวง
-
8:13 - 8:18ทุกวันนี้ คนโสดต่างอยากรู้
ทุก ๆ รายละเอียดเกี่ยวกับคนที่คบหา -
8:18 - 8:19ก่อนจะแต่งงานกัน
-
8:19 - 8:21คุณเรียนรู้มากมายบนเตียง
-
8:21 - 8:24ไม่เพียงแต่ว่าวิธีการร่วมรักของเขา
-
8:24 - 8:25แต่เรียนรู้ด้วยว่าคน ๆ นั้น
จิตใจดีหรือไม่ -
8:25 - 8:27เขารู้จักรับฟังไหม
-
8:27 - 8:28และสำหรับคนรุ่นฉัน
-
8:28 - 8:30เรียนรู้ด้วยว่าเขามีอารมณ์ขันหรือไม่
-
8:30 - 8:31(เสียงหัวเราะ)
-
8:31 - 8:35และในยุคที่เราต่างมีทางเลือกเกินพอ
-
8:35 - 8:38แถมยังไม่ต้องกังวลว่าจะท้องหรือจะติดโรค
-
8:38 - 8:42และไม่มีต้องละอาย
เรื่องมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน -
8:42 - 8:46ฉันคิดว่าผู้คนจึงใช้เวลาในการศึกษากัน
-
8:46 - 8:48จริง ๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
-
8:48 - 8:52เรากำลังมองเห็น
ขั้นแรกก่อนจะเริ่มผูกมัด -
8:52 - 8:54ก่อนจะขมวดปมให้แน่นต่อไป
-
8:54 - 8:57ในสมัยก่อน การแต่งงาน
เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ -
8:57 - 8:58ในตอนนี้ ถือเป็นจุดสุดท้าย
-
8:59 - 9:01แต่สมองของคนนั้น...
-
9:01 - 9:03(เสียงหัวเราะ)
-
9:03 - 9:05สมองมักจะชนะเสมอ
-
9:05 - 9:07ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้
-
9:07 - 9:1086 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกา
แต่งงานตอนอายุ 49 ปี -
9:10 - 9:14กระทั่งในวัฒนธรรมทั่วโลก
ที่การแต่งงานไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ -
9:14 - 9:17ก็เริ่มยอมรับการอยู่ร่วมกันนาน ๆ
ก่อนแต่งงานมากขึ้น -
9:17 - 9:19ดั้งนั้นฉันจึงคิดว่า
-
9:19 - 9:24ในช่วงขั้นแรกก่อนจะเริ่มผูกมัดนี้
-
9:24 - 9:27ถ้าคุณสามารถยกเลิกความสัมพันธ์
ที่แย่ ๆ ก่อนแต่งงานได้ -
9:27 - 9:29บางทีเราอาจจะเห็นคู่แต่งงาน
ที่มีความสุขมากขึ้นก็ได้ -
9:30 - 9:35ฉันจึงทำการศึกษาคู่แต่งงาน
1,100 คู่ในอเมริกา -
9:35 - 9:36แน่นอนไม่ใช่พวกที่อยู่ใน Match.com
-
9:36 - 9:39ฉันถามคำถามพวกเขามากมาย
-
9:39 - 9:40แต่หนึ่งสิ่งที่ถามคือ
-
9:40 - 9:45คุณจะแต่งงานอีกครั้ง
กับคนที่คุณแต่งอยู่ตอนนี้ไหม -
9:45 - 9:4881 เปอร์เซ็นต์ตอบว่า แต่ง
-
9:49 - 9:55ความจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
ของชีวิตรักและครอบครัวสมัยใหม่ -
9:55 - 9:57ไม่ใช่เทคโนโลยี
-
9:57 - 9:59ไม่ใช่กระทั่งการรักอย่างช้า ๆ
-
9:59 - 10:02แต่คือการที่ผู้หญิงได้เข้าสู่ตลาดแรงงาน
-
10:02 - 10:03ในวัฒนธรรมทั่วโลก
-
10:04 - 10:05เป็นเวลากว่าหลายล้านปี
-
10:05 - 10:08บรรพบุรุษของเราอาศัยในสังคมขนาดเล็ก
ล่าสัตว์และเก็บอาหาร -
10:08 - 10:11ผู้หญิงทำงานด้วยการเก็บเกี่ยวพืชผล
-
10:11 - 10:14และนำอาหารกลับบ้าน
สำหรับ 60-80 เปอร์เซ็นต์ของมื้อเย็น -
10:14 - 10:17ครอบครัวต้องการผู้มีรายได้ทั้งสองคน
-
10:17 - 10:21และผู้หญิงได้รับการยอมรับ
ด้านเศรษฐกิจ สังคม -
10:21 - 10:24และมีอำนาจทางเพศเท่าเทียมเพศชาย
-
10:24 - 10:27การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
เมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว -
10:27 - 10:30เป็นจุดเริ่มต้นของการทำกสิกรรม
-
10:30 - 10:33ซึ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างตั้งมั่น
-
10:33 - 10:34ที่จะแต่งงานกับคนที่เหมาะสม
-
10:34 - 10:36ทั้งด้านพื้นความหลัง
-
10:36 - 10:37ด้านศาสนา
-
10:37 - 10:41และมีเครือญาติและการเชื่อมโยง
ทางสัมคมการเมืองที่ตรงกัน -
10:41 - 10:42งานของผู้ชายมีความสำคัญมากขึ้น
-
10:42 - 10:45พวกเขาต้องเคลื่อนหิน
ตัดต้นไม้ ไถพรวนดิน -
10:45 - 10:48นำสินค้าไปขายที่ตลาดและกลับบ้าน
-
10:48 - 10:50ด้วยเงินตอบแทนที่เท่าเทียมกัน
-
10:50 - 10:51ในช่วงนั้น
-
10:51 - 10:54เรามองเห็นจุดเริ่มต้นของความเชื่อ
-
10:54 - 10:56เรื่องการรักษาพรหมจรรย์ก่อนแต่งงาน
-
10:56 - 10:59การคลุมถุงชนที่เข้มงวด
-
10:59 - 11:02เห็นความเชื่อว่าผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว
-
11:02 - 11:04และที่ของผู้หญิงคือบ้าน
-
11:04 - 11:05ที่สำคัญที่สุดคือ
-
11:05 - 11:09การรักษาเกียรติของสามี
ตราบจนตายจากกัน -
11:09 - 11:10สิ่งเหล่านี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว
-
11:10 - 11:13อาจยังมีอยู่ในหลายที่
แต่อีกในหลายที่ -
11:13 - 11:14ก็ไม่มีอีกแล้ว
-
11:14 - 11:18ตอนนี้เราอยู่ในช่วง
การปฏิวัติด้านการแต่งงาน -
11:18 - 11:22เราค่อย ๆ ปล่อยวัฒนธรรมของสังคมกสิกรรม
เมื่อหนึ่งหมื่นปีที่แล้วให้สูญหายไป -
11:22 - 11:28และมุ่งไปสู่ความเสมอภาค
ของความสัมพันธ์ระหว่างเพศ -
11:28 - 11:33เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษ
สมัยดึกดำบรรพ์ของเราทำ -
11:34 - 11:35ฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีเกินไป
-
11:35 - 11:37ยังมีเรื่องน่าเศร้าอีกมาก
-
11:37 - 11:39ฉันศึกษาเรื่องการหย่าร้าง
ใน 80 วัฒนธรรม -
11:39 - 11:41อย่างที่กล่าวมาแล้ว
ฉันศึกษาเรื่องการนอกใจ -
11:41 - 11:43มันมีกองปัญหาขนาดใหญ่
-
11:43 - 11:46ดังที่กวี วิลเลี่ยม บัทเลอร์ ยีทส์
ได้กล่าวไว้ว่า -
11:46 - 11:49"ความรักคือความคดโกง"
-
11:49 - 11:52ฉันจะเพิ่มอีกว่า
"ไม่มีใครรอดออกมาอย่างมีชีวิตสักคน" -
11:52 - 11:53(เสียงหัวเราะ)
-
11:53 - 11:55เราทุกคนต่างมีปัญหา
-
11:55 - 11:59แต่ฉันว่าบทกลอนของ แรนดอลล์ จาร์เรลล์
กล่าวสรุปได้ดีที่สุด -
11:59 - 12:04ว่า "ในชีวิตครอบครัวที่มืดมนและเป็นทุกข์
-
12:04 - 12:08คนที่เยี่ยมที่สุดอาจล้มเหลว
และคนที่ต่ำต้อยที่สุดกลับชนะ" -
12:09 - 12:11ฉันจะทิ้งท้ายไว้ดังนี้
-
12:11 - 12:13ความรักและความผูกพันจะชนะ
-
12:13 - 12:16เทคโนโลยีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้
-
12:16 - 12:18และฉันจะสรุป โดยกล่าวว่า
-
12:18 - 12:23การจะเข้าใจในความสัมพันธ์ใด ๆ ต้องคำนึงถึง
-
12:23 - 12:27หนึ่งในพฤติกรรมที่ทรงพลังของมนุษย์ คือ
-
12:27 - 12:29ความกระหาย
-
12:29 - 12:30ความสามารถในการปรับตัว
-
12:31 - 12:34และแรงขับเคลื่อนเพื่อไขว่คว้าความรัก
-
12:34 - 12:35ขอบคุณค่ะ
-
12:35 - 12:38(เสียงปรบมือ)
-
12:40 - 12:42เคลลี่ สเตทเซล:
ขอบคุณมากค่ะ เฮเลน -
12:42 - 12:45อย่างที่รู้ เรามีผู้พูดอีกท่านที่นี่
-
12:45 - 12:46ที่ทำงานในสาขาเดียวกับคุณ
-
12:46 - 12:49เธอศึกษาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน
-
12:49 - 12:53เอสเธอร์ เพเรล
เป็นนักจิตวิทยาที่ทำงานกับคู่แต่งงาน -
12:54 - 12:55คุณศึกษาด้วยการเก็บข้อมูล
-
12:55 - 12:58เอสเธอร์ศึกษาจาก
สิ่งที่คู่สมรสเล่าให้เธอฟัง -
12:58 - 13:00เมื่อพวกเขามาขอคำปรึกษาจากเธอ
-
13:00 - 13:01เชิญเธอขึ้นมาบนเวทีเลยค่ะ
-
13:01 - 13:03เอสเธอร์
-
13:03 - 13:06(เสียงปรบมือ)
-
13:10 - 13:11เอสเธอร์คะ
-
13:11 - 13:14เมื่อคุณฟังสิ่งที่ เฮเลน พูดมา
-
13:14 - 13:15มีส่วนไหนบ้างไหม
-
13:15 - 13:18ที่สอดคล้องกับงานของคุณ
-
13:18 - 13:19หรือคุณอยากจะให้ความเห็นเพิ่มเติม
-
13:20 - 13:24เอสเธอร์ เพเรล:
น่าสนใจค่ะ เพราะว่าในทางหนึ่งแล้ว -
13:24 - 13:27ความต้องการรักเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไป
-
13:28 - 13:30แต่วิธีที่เรารัก
-
13:30 - 13:31ความหมายของความรัก
ในมุมมองของแต่ละคน -
13:31 - 13:34วิธีการดำเนินความสัมพันธ์ ฉันคิดว่า
-
13:34 - 13:36ได้เปลี่ยนแปลงไป
-
13:36 - 13:39เราเคยถูกสร้างจากรูปแบบ
-
13:39 - 13:42ซึ่งถูกควบคุมด้วยหน้าที่
และความรับผิดชอบเป็นหลัก -
13:42 - 13:45ความต้องการการรวมกลุ่มและการยอมรับ
-
13:45 - 13:46แต่ตอนนี้ เราเปลี่ยนไป
-
13:46 - 13:50สู่รูปแบบของการมีทางเลือกอิสระ
และเชื่อในสิทธิของบุคคล -
13:50 - 13:53การเติมเต็มและหาความสุขให้ตัวเอง
-
13:53 - 13:56และสิ่งแรกที่ฉันคิดถึงคือ
-
13:56 - 13:57ความต้องการไม่เคยเปลี่ยนไป
-
13:57 - 14:01เพียงแต่วิธีที่เราควบคุมความสัมพันธ์เหล่านี้
-
14:01 - 14:03ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
-
14:03 - 14:05การมีทางเลือกที่มากเกินไป
-
14:07 - 14:09ทำให้เราเพลิดเพลินกับสิ่งใหม่ ๆ
-
14:09 - 14:11และความสนุกสนาน
-
14:11 - 14:13จากการมีตัวเลือกมากมาย
-
14:13 - 14:15ในขณะเดียวกัน
-
14:15 - 14:17เมื่อคุณพูดถึงภาระเกินของกระบวนการรับรู้
-
14:17 - 14:21ฉันเห็นผู้คนมากมาย
-
14:22 - 14:26ที่กลัวความไม่แน่นอน
และมีความสงสัยในตัวเอง -
14:26 - 14:29อันเนื่องมาจากทางเลือกที่มากมายนี้
-
14:29 - 14:31ไปสู่สิ่งที่เรีกว่า "โฟโม"
-
14:31 - 14:33ซึ่งขับเคลื่อนเรา
-
14:33 - 14:36โฟโมคือความกลัว
ที่จะพลาดโอกาสหรือสูญเสีย -
14:36 - 14:39เช่น "ฉันจะรู้ได้อย่างไร
-
14:39 - 14:41ว่าได้พบคนที่ใช่แล้ว"
-
14:41 - 14:44ด้วยเหตุนี้ เราจึงสร้างสิ่งที่ฉันเรียกว่า
"ความคลุมเครืออย่างมั่นคง" -
14:45 - 14:48ความคลุมเครืออย่างมั่นคงเกิดขึ้น
เมื่อคุณกลัวเกินไปที่จะอยู่คนเดียว -
14:48 - 14:52แต่ก็ไม่เต็มใจ
ที่จะสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร -
14:52 - 14:58เป็นวิธีการยื้อเวลาแห่งความไม่แน่นอน
ของการมีความสัมพันธ์ -
14:58 - 15:00ทั้งยังยื้อเวลาของความไม่แน่นอน
ในการเลิกกันด้วย -
15:00 - 15:03ด้วยเหตุนี้ บนอินเตอร์เน็ต
เราจะพบความสัมพันธ์สามรูปแบบ -
15:03 - 15:06รูปแบบแรก เรียกว่า
การโรยน้ำตาลไอซิงและการเคี่ยว -
15:06 - 15:09ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม
-
15:09 - 15:11ของการครอบครองรูปแบบหนึ่ง
-
15:11 - 15:15เป็นการย้ำถึงธรรมชาติ
ของความสัมพันธ์ที่ไม่มีนิยาม -
15:15 - 15:19แต่ในขณะเดียวกัน
ก็มอบความมั่นคงให้คุณพอสมควร -
15:19 - 15:22และยังมอบอิสระอย่างเพียงพอ
ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่มีนิยาม -
15:22 - 15:24(เสียงหัวเราะ)
-
15:24 - 15:25ใช่ไหมคะ
-
15:25 - 15:27และ มาถึงรูปแบบที่เรียกว่า ผี
-
15:27 - 15:29รูปแบบผี คือ
-
15:29 - 15:33การที่คุณทำตัวหายไปเลย
-
15:33 - 15:37และไม่ต้องจัดการกับความเจ็บปวด
ที่สร้างให้กับอีกฝ่าย -
15:37 - 15:40คุณทำมันราวกับมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเห็น
แม้กระทั่งตัวคุณเอง -
15:40 - 15:41(เสียงหัวเราะ)
-
15:41 - 15:42ใช่ไหม
-
15:42 - 15:47ดั้งนั้น ตอนที่กำลังฟังคุณพูด ฉันก็คิดว่า
-
15:47 - 15:52คำศัพท์สามารถสร้างสรรค์ความจริงได้อย่างไร
-
15:52 - 15:54และในขณะเดียวกัน
-
15:54 - 15:55นี่คือคำถามที่ฉันอยากจะถามคุณ
-
15:55 - 15:58คุณคิดว่าเมื่อบริบทแวดล้อมเปลี่ยนไป
-
15:58 - 16:02ธรรมชาติของความรัก
จะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ -
16:02 - 16:06คุณศึกษาสมอง
ฉันศึกษาความสัมพันธ์ของคนและเรื่องราว -
16:06 - 16:10ฉันคิดว่ามันเกี่ยวกับทุกอย่างที่คุณพูดมา
-
16:11 - 16:15แต่ฉันไม่รู้ว่าบริบทแวดล้อม
ต้องเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด -
16:15 - 16:18หรือว่า ณ จุดหนึ่ง
จึงเริ่มมีเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น -
16:18 - 16:21ถ้าความหมายเปลี่ยนแปลงไป
มันจะเปลี่ยนความต้องการไปด้วย -
16:21 - 16:23หรือความต้องการนั้น
ไม่เปลี่ยนไปตามบริบททั้งหมด -
16:24 - 16:25เฮเลน: ว้าว! อืม
-
16:25 - 16:28(เสียงหัวเราะ)
-
16:28 - 16:31(เสียงปรบมือ)
-
16:31 - 16:34ฉันได้สามคำถามใช่ไหมคะ
-
16:35 - 16:37ก่อนอื่น คำถามแรกของคุณ
-
16:37 - 16:40แน่นอนว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงไป
ตอนนี้เราต้องการใครสักคนมารัก -
16:40 - 16:43และในหลายพันปีที่ผ่านมา
เราต้องแต่งงานกับคนที่ใช่ -
16:43 - 16:45ใช่ในด้านพื้นเพและเครือข่ายที่มี
-
16:45 - 16:49และความจริงแล้วในการศึกษา
ผู้คนห้าพันคนทุก ๆ ปี -
16:49 - 16:51ฉันถามพวกเขาว่า
"คุณกำลังมองหาอะไร" -
16:51 - 16:54และทุก ๆ ปี
มี 97 เปอร์เซ็นตอบว่า -
16:54 - 16:55เอสเธอร์: ความยืนยาว
-
16:55 - 16:56เฮเลน: ไม่ใช่ค่ะ
-
16:56 - 16:59โดยพื้นฐาน คือ
มากกว่า 97 เปอร์เซ็นของคน -
16:59 - 17:02ต้องการคนที่เคารพ
และให้เกียรติตนเอง -
17:02 - 17:04คนที่เชื่อใจและไว้ใจได้
-
17:04 - 17:06คนที่ทำให้หัวเราะได้
-
17:06 - 17:07คนที่มีเวลาให้กับพวกเขามากพอ
-
17:07 - 17:11และ คนที่ทำให้รู้สึกดึงดูดทางกาย
-
17:11 - 17:13สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน
-
17:13 - 17:16และ ยังมีอีกสองส่วน
-
17:16 - 17:18เอสเธอร์:
แต่ว่าสำหรับฉันแล้ว -
17:18 - 17:20นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนเคยพูดถึงนะ
-
17:20 - 17:21เฮเลน: ถูกต้องที่สุดค่ะ
-
17:21 - 17:24เอสเธอร์: พวกเขาบอกว่า
ต้องการใครสักคนที่อยู่เคียงข้างกัน -
17:24 - 17:26สนับสนุนด้านการเงิน มีลูก
-
17:26 - 17:28เราก้าวจากเศรษฐกิจที่เน้นการผลิต
มาสู่เศรษฐกิจที่เน้นการบริการ -
17:28 - 17:29(เสียงหัวเราะ)
-
17:29 - 17:32เราทำอย่างนี้ในวัฒนธรรมที่กว้างใหญ่ขึ้น
และทำผ่านการแต่งงาน -
17:32 - 17:34เฮเลน: ใช่ค่ะ ไม่ต้องสงสัยเลย
-
17:34 - 17:38แต่มันน่าสนใจนะที่คน Gen Y
(Millennium) อยากจะเป็นพ่อแม่ที่ดี -
17:38 - 17:42ในขณะที่คนยุคก่อนนั้น
อยากจะมีชีวิตแต่งงานที่ดี -
17:42 - 17:44โดยไม่จดจ่อกับการเป็นพ่อแม่ที่ดีมากนัก
-
17:44 - 17:46คุณมองเห็นความแตกต่างเล็ก ๆ นี้ได้
-
17:46 - 17:49มีองค์ประกอบพื้นฐาน
ของบุคลิกภาพสองประการ -
17:49 - 17:53นั่นคือ วัฒนธรรม
ทุกสิ่งที่ทำและเชื่อในขณะที่เติบโตมา -
17:53 - 17:54และนิสัยใจคอของคุณ
-
17:54 - 17:57ซึ่งสิ่งที่ฉันได้อ้างถึงก่อนหน้านี้
คือ นิสัยใจคอของคุณ -
17:57 - 18:00นิสัยเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
-
18:00 - 18:01และตามความเชื่อ
-
18:02 - 18:05และในแง่ของการมีทางเลือกที่มากเกินไป
-
18:05 - 18:07มันสร้างความยุ่งยากอย่างไม่ต้องสงสัย
-
18:07 - 18:10เมื่อล้านปีที่แล้ว
คุณอาจพบเด็กหนุ่มที่แสนอ่อนหวาน -
18:10 - 18:12ที่แอ่งน้ำอีกด้านหนึ่ง
-
18:12 - 18:13และคุณก็มุ่งไปหาเลย
-
18:13 - 18:14เอสเธอร์: ใช่ แต่คุณ
-
18:14 - 18:16เฮเลน: ฉันอยากจะกล่าวเพิ่มอีกอย่าง
-
18:16 - 18:19สิ่งสำคัญของสังคมล่าสัตว์
และเก็บอาหารคือ -
18:19 - 18:22ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมีคู่เพียงสองหรือสามคน
ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา -
18:22 - 18:24พวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์
-
18:24 - 18:25แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพวกเราซื่อสัตย์
-
18:25 - 18:29สิ่งสำคัญคือ
เรามีทางเลือกเสมอ -
18:29 - 18:31มนุษย์เป็นแบบนั้น
-
18:31 - 18:34ความจริงแล้ว
สมองถูกสร้างมาให้เกิดความสมดุล -
18:34 - 18:35เพื่อพยายามและตัดสินใจ
-
18:35 - 18:38ฉันจะมาหรือจะอยู่
ฉันจะไปหรือจะอยู่ -
18:38 - 18:39ที่นี่มีโอกาสอะไรบ้าง
-
18:39 - 18:41ฉันจะจัดการสิ่งนี้อย่างไร
-
18:41 - 18:44และฉันคิดว่าเรากำลังเห็นการเผยตัว
ของสิ่งนี้ในตอนนี้แล้ว -
18:44 - 18:46เคลลี่: ขอบคุณพวกคุณทั้งสองมาก
-
18:46 - 18:49ฉันคิดว่าคุณกำลังจะมีคู่เดท
ในมื้อเย็นนี้นับล้านคู่เลยล่ะ -
18:49 - 18:51(เสียงปรบมือ)
-
18:51 - 18:52ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ
- Title:
- เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรัก นี่คือเหตุผลว่าทำไม
- Speaker:
- เฮเลน ฟิชเชอร์ (Helen Fisher)
- Description:
-
ในโลกที่ถูกขับเคลื่อนและเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยี เราได้สร้างหนทางและกฎใหม่ของการหาคู่ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพื้นฐานของความรัก นักมานุษยวิทยา เฮเลน ฟิชเชอร์ ได้กล่าวไว้อย่างนั้น โดยการบรรยายครั้งนี้ เริ่มจากเรื่องการมีความรัก ไปสู่การเรียนรู้ว่าการเชื่อมต่อกันที่รวดเร็วขึ้น จริง ๆ แล้วนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เชื่องช้าและลึกซึ้งมากขึ้น ในตอนท้ายจะเป็นพูดคุยร่วมกับ เอสเธอร์ เพเรล ผู้เชื่ยวชาญด้านความรัก
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:05
![]() |
TED Translators admin approved Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn accepted Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why | |
![]() |
Monsicha Suajorn edited Thai subtitles for Technology hasn't changed love. Here's why |