ความยากจนไม่ใช่การขาดอุปนิสัยที่ดี แต่คือการขาดเงิน
-
0:02 - 0:05ผมขอเริ่มด้วยคำถามง่าย ๆ
-
0:06 - 0:10ทำไมคนจนถึงมักตัดสินใจแย่ ๆ
-
0:12 - 0:13ผมรู้ว่าคำถามนี้โหด
-
0:13 - 0:15แต่ลองมาดูข้อมูลก่อน
-
0:15 - 0:17คนจนกู้ยืมมาก ออมน้อย
-
0:17 - 0:19สูบบุหรี่จัด ออกกำลังกายน้อย
-
0:19 - 0:20ดื่มเหล้าหนัก
-
0:20 - 0:21แถมกินอาหารไม่ค่อยมีประโยชน์
-
0:22 - 0:23ทำไมกันล่ะ
-
0:24 - 0:26คำอธิบายพื้นฐาน
-
0:26 - 0:29ถูกสรุปไว้โดยมาร์กาเรต แธตเชอร์
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ -
0:29 - 0:33เธอเรียกความยากจนว่า
"ความบกพร่องทางบุคลิกภาพ" -
0:33 - 0:34(เสียงหัวเราะ)
-
0:35 - 0:37เรียกง่าย ๆ ว่า การขาดอุปนิสัยที่ดี
-
0:37 - 0:41แต่ผมเชื่อว่าคนไม่มาก
ที่จะใช้คำทื่อ ๆ แบบนั้น -
0:42 - 0:46แต่แนวคิดที่ว่าพวกคนจนน่ะผิดปกติ
-
0:46 - 0:48ไม่ได้มีแค่คุณแธตเชอร์คนเดียวที่เชื่อ
-
0:49 - 0:52พวกคุณบางคนอาจคิดว่า
คนจนควรต้องรับผิดชอบ -
0:53 - 0:54ในความผิดพลาดของตัวเอง
-
0:54 - 0:58บางคนอาจแย้งว่า
เราควรช่วยให้พวกเขาตัดสินใจดีขึ้น -
0:59 - 1:02แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีสมมติฐานเดียวกัน
-
1:03 - 1:05คือพวกคนจนน่ะผิดปกติ
-
1:06 - 1:08ถ้าหากเราเปลี่ยนพวกเขาได้
-
1:08 - 1:10ถ้าสามารถสอนวิธีใช้ชีวิตให้พวกเขา
-
1:10 - 1:12ถ้าเพียงแต่พวกเขารับฟัง
-
1:13 - 1:15ด้วยความสัตย์จริงนะครับ
-
1:15 - 1:18ตัวผมก็คิดแบบนั้นอยู่นานพอสมควร
-
1:19 - 1:21ผมเพิ่งมาตระหนักไม่กี่ปีมานี้เอง
-
1:21 - 1:25ว่าที่ผมคิดว่ารู้เกี่ยวกับ
ความยากจน นั้นผิด -
1:26 - 1:29ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อผมบังเอิญพบงานวิจัย
-
1:29 - 1:31โดยนักจิตวิทยาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง
-
1:31 - 1:33พวกเขาเดินทาง 8,000 ไมล์ ไปที่อินเดีย
-
1:33 - 1:35เพื่อทำการศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
-
1:35 - 1:38เป็นการทดลองกับชาวไร่อ้อย
-
1:39 - 1:42คุณควรทราบว่าชาวไร่เหล่านี้
ได้เงินราว 60 เปอร์เซนต์ -
1:42 - 1:44ของรายได้ทั้งปี
ในคราวเดียว -
1:44 - 1:46ทันทีหลังจากเก็บเกี่ยว
-
1:46 - 1:50ซึ่งแสดงว่าพวกเขาเป็นคนจนช่วงนึง
-
1:50 - 1:51และเป็นคนรวยในอีกช่วงหนึ่ง
-
1:53 - 1:57นักวิจัยขอให้พวกเขาทำแบบทดสอบไอคิว
ก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว -
1:58 - 2:02สิ่งที่พวกเขาค้นพบทำให้ผมถึงกับอึ้ง
-
2:03 - 2:08ช่วงก่อนเก็บเกี่ยว
ชาวบ้านทำคะแนนได้ต่ำกว่ามาก -
2:08 - 2:11การดำรงชีวิตอย่างยากจนส่งผลให้
-
2:11 - 2:14ไอคิวลดลง 14 แต้ม
-
2:14 - 2:16เพื่อให้คุณเห็นภาพชัด
-
2:16 - 2:19มันเทียบได้กับการอดนอนหนึ่งคืน
-
2:19 - 2:21หรือมีอาการโรคพิษสุราเรื้อรัง
-
2:22 - 2:24หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ผมได้ข่าวว่า
-
2:24 - 2:29เอลดาร์ ชาฟีร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
และหนึ่งในผู้เขียนของการศึกษานี้ -
2:29 - 2:31จะมาฮอลแลนด์ ประเทศที่ผมอาศัยอยู่
-
2:31 - 2:32เราพบกันที่อัมสเตอร์ดัม
-
2:32 - 2:36เพื่อพูดถึงทฤษฎีระดับปฏิวัติวงการของเขา
ที่ว่าด้วยความยากจน -
2:36 - 2:38ผมขอสรุปเนื้อหาด้วยคำสองคำ
-
2:39 - 2:41ความขาดแคลนทางความคิด
-
2:43 - 2:45กลายเป็นว่าคนมีพฤติกรรมต่างออกไป
-
2:45 - 2:47เมื่อเข้าใจว่าตนขาดแคลนบางอย่าง
-
2:47 - 2:50สิ่งนั้นจะเป็นอะไรไม่ใช่สาระสำคัญ
-
2:50 - 2:53ไม่ว่าจะเป็นการมีเวลา เงิน
หรืออาหาร ไม่เพียงพอ -
2:53 - 2:55คุณทุกคนเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
-
2:55 - 2:57เวลามีงานล้นมือเต็มไปหมด
-
2:57 - 2:59หรือเวลาไม่ยอมไปพักกินข้าว
-
2:59 - 3:00แล้วระดับน้ำตาลในเลือดตก
-
3:00 - 3:03จิตใจคุณจะจดจ่อแต่สิ่งที่คุณขาด
-
3:03 - 3:05แซนวิชที่ต้องได้กินเดี๋ยวนี้
-
3:05 - 3:08การประชุมที่จะเริ่มในอีกห้านาที
-
3:08 - 3:11หรือหนี้ที่ต้องจ่ายพรุ่งนี้
-
3:11 - 3:14ดังนั้น การคิดเรื่องระยะยาว
จึงยังไม่อยู่ในสมอง -
3:16 - 3:18คุณอาจจะเทียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่
-
3:18 - 3:21ที่เปิดโปรแกรมหนัก ๆ เป็นสิบตัว
-
3:21 - 3:24เครื่องจะทำงานช้าลงเรื่อย ๆ
และผิดพลาดบ่อย -
3:24 - 3:26จนสุดท้ายก็ค้างไป
-
3:26 - 3:28ซึ่งไม่ใช่เพราะเครื่องไม่ดี
-
3:28 - 3:31แต่เพราะมันต้องทำหลายอย่าง
พร้อม ๆ กันต่างหาก -
3:31 - 3:34คนจนก็ประสบปัญหาแบบนี้เช่นกัน
-
3:35 - 3:38ไม่ได้ตัดสินโง่ ๆ เพราะพวกเขาโง่
-
3:38 - 3:40แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่
-
3:40 - 3:42ทำให้ไม่ว่าใครก็คงตัดสินใจโง่ ๆ เช่นกัน
-
3:43 - 3:45ตอนนั้นเอง ผมถึงได้เข้าใจขึ้นมาว่า
-
3:46 - 3:49ทำไมโครงการขจัดความยากจน
ของพวกเราจึงไม่ได้ผล -
3:51 - 3:55เช่น การลงทุนด้านการศึกษามักไม่ได้ผล
-
3:55 - 3:58ความยากจนไม่ใช่การขาดความรู้
-
3:59 - 4:01ผลวิเคราะห์จากการศึกษา 201 ชิ้น
-
4:01 - 4:04ว่าด้วยประสิทธิผลใน
การสอนเรื่องการจัดการเงิน -
4:04 - 4:07ได้ข้อสรุปว่ามันแทบไม่มีผลใด ๆ
-
4:07 - 4:09อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ
-
4:09 - 4:11นี่ไม่ได้หมายความว่า
คนจนไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย -
4:11 - 4:13พวกเขาฉลาดมากขึ้นแน่นอน
-
4:14 - 4:16แต่แค่นั้นมันไม่พอครับ
-
4:16 - 4:19หรืออย่างที่อาจารย์ชาร์ฟีร์บอกผม
-
4:19 - 4:21"เหมือนเวลาเราสอนคนว่ายน้ำ
-
4:21 - 4:24แล้วโยนเขาลงทะเลตอนมรสุมเข้า"
-
4:25 - 4:26ผมยังจำภาพตัวเองนั่งอึ้ง
-
4:27 - 4:28งุนงง
-
4:29 - 4:30แล้วจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า
-
4:30 - 4:33เราควรจะเข้าใจเรื่องนี้
ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว -
4:33 - 4:36นักจิตวิทยาไม่เห็นต้องใช้
กรรมวิธีซับซ้อนสแกนสมอง -
4:36 - 4:38แค่ต้องวัดไอคิวชาวไร่อ้อย
-
4:38 - 4:41แบบทดสอบไอคิว
ก็มีมามากกว่าร้อยกว่าปีแล้ว -
4:41 - 4:45ผมนึกออกด้วยซ้ำ ว่าเคยอ่าน
เรื่องจิตวิทยาของความยากจนมาก่อน -
4:46 - 4:49จอร์จ ออร์เวลล์
นักเขียนชั้นครูตลอดกาลคนหนึ่ง -
4:49 - 4:52เคยสัมผัสความยากจนในทศวรรษ 1920
-
4:53 - 4:55เขาเขียนไว้ว่า "แก่นแท้ของความยากจน"
-
4:55 - 4:58คือมัน "ทำลายอนาคตจนไม่เหลือซาก"
-
4:59 - 5:01เขาพรึงเพริดมากที่ ผมขอยกคำพูดนะ
-
5:02 - 5:05"ผู้คนไม่ตระหนักในข้อนี้
แล้วต่างถือสิทธิเทศนาคุณ -
5:05 - 5:08และสวดภาวนาให้คุณ
ทันทีที่รายได้คุณลดต่ำกว่าจุด ๆ หนึ่ง" -
5:09 - 5:13คำพูดของเขายังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้
-
5:15 - 5:17แน่นอน คำถามสำคัญก็คือ
-
5:17 - 5:18เราทำอะไรได้บ้าง
-
5:19 - 5:21นักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่
มีคิดทางแก้เก็บไว้บ้าง -
5:21 - 5:23เราสามารถช่วยจัดการปัญหางานเอกสาร
-
5:23 - 5:26หรือส่งข้อความเตือนให้ไปจ่ายหนี้
-
5:26 - 5:31นักการเมืองสมัยใหม่นิยมมาก
กับทางแก้จำพวกนี้ -
5:31 - 5:33นั่นเพราะ
-
5:33 - 5:35มันแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายไงครับ
-
5:36 - 5:40ผมว่าทางแก้แบบนี้เป็นภาพแทนยุคเราได้ดี
-
5:40 - 5:42ยุคที่เราเน้นรักษาอาการ
-
5:42 - 5:44แต่ละเลยสาเหตุของโรค
-
5:46 - 5:47ผมจึงสงสัยว่า
-
5:48 - 5:51ทำไมไม่เปลี่ยนสภาพชีวิตคนจนเสียใหม่
-
5:52 - 5:54หรือถ้าจะให้เปรียบกับคอมพิวเตอร์
-
5:54 - 5:56ทำไมมัวนั่งซ่อมซอฟต์แวร์
-
5:56 - 6:00ทั้งที่ปัญหาแก้ได้ง่ายดาย
เพียงแค่เพิ่มความจำเข้าไป -
6:00 - 6:04พอผมพูดจบ อาจารย์ชาฟีร์จ้องหน้าผมนิ่ง
-
6:04 - 6:06หลังเงียบอยู่สองสามวินาที
เขาพูดว่า -
6:07 - 6:09"อ๋อ เข้าใจละ
-
6:10 - 6:13คุณอยากแจกเงินเพิ่มให้คนจน
-
6:14 - 6:16เพื่อขจัดความยากจนสินะ
-
6:16 - 6:19อ๋อ ได้ ความคิดดีนะ
-
6:20 - 6:22แต่ผมเกรงว่าการเมืองฝ่ายซ้าย
-
6:22 - 6:24แบบที่คุณเห็นในอัมสเตอร์ดัม
-
6:24 - 6:26จะไม่มีในอเมริกา"
-
6:27 - 6:30แต่นี่ใช่แนวคิดเก่าแก่
ของฝ่ายซ้ายจริง ๆ หรือ -
6:31 - 6:33ผมจำได้ว่าเคยอ่านแผนการเก่า ๆ
-
6:33 - 6:37ที่นักคิดชั้นนำในอดีตเคยเสนอ
-
6:37 - 6:41โธมัส มอร์ นักปรัชญาเขียนเป็นนัยถึงแผนนี้
ครั้งแรกในหนังสือของเขา "ยูโทเปีย" -
6:41 - 6:43เมื่อกว่า 500 ปีมาแล้ว
-
6:43 - 6:47ผู้สนับสนุนแผนนี้มีทั้งจากฝ่ายซ้ายและขวา
-
6:47 - 6:50มีตั้งแต่มาร์ติน ลูเธอร์ คิง
นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน -
6:50 - 6:52จนถึงมิลตัน ฟรีดแมน นักเศรษฐศาสตร์
-
6:53 - 6:56เป็นแนวความคิดที่เรียบง่ายจนน่าตกใจ
-
6:57 - 7:00การประกันรายได้พื้นฐาน
-
7:01 - 7:03คืออะไรหรือครับ
-
7:03 - 7:04ง่ายมากเลย
-
7:04 - 7:07เงินรายเดือนจากรัฐ
ที่เพียงพอต่อความต้องการพื้นฐาน -
7:07 - 7:09ซึ่งคือ ค่าอาหาร
ที่อยู่อาศัย การศึกษา -
7:10 - 7:12เงินนี้เป็นเงินให้เปล่า
-
7:12 - 7:14จะไม่มีใครคอยพร่ำสอน
ว่าต้องทำยังไงถึงมีสิทธิได้ -
7:14 - 7:16ไม่มีคนคอยสั่งว่าต้องใช้เงินอย่างไร
-
7:16 - 7:19การประกันรายได้ไม่ใช่การสงเคราะห์
หากแต่เป็นสิทธิ -
7:20 - 7:22ไม่ถือเป็นตราบาปหรือมลทินใด ๆ
-
7:22 - 7:25หลังเข้าใจธรรมชาติของความยากจนที่แท้
-
7:25 - 7:27ผมเลิกสงสัยไม่ได้เลย
-
7:27 - 7:30นี่คือแนวคิดที่เรารอคอยจริงหรือ
-
7:31 - 7:33มันง่ายแค่นี้จริงหรือ
-
7:34 - 7:36ตลอดสามปีหลังจากนั้น
-
7:36 - 7:39ผมไล่ตามอ่าน
ข้อมูลเรื่องการประกันรายได้ -
7:39 - 7:42ผมค้นคว้าข้อมูล
การทดลองที่เกิดขึ้นทั่วโลก -
7:42 - 7:45ไม่นานผมก็เจอข้อมูลของเมืองแห่งหนึ่ง
-
7:45 - 7:48ที่เคยทดลองและขจัดความยากจนได้สำเร็จ
-
7:48 - 7:49แต่แล้ว
-
7:50 - 7:52แทบทุกคนกลับลืมเลือนมันไป
-
7:52 - 7:54(ตอนสอง: เมืองที่ไร้ความยากจน)
-
7:54 - 7:56เรื่องนี้เริ่มต้นที่เมืองดอฟิน
ประเทศแคนาดา -
7:57 - 8:03ปี 1974 ชาวเมืองทุกคนมีประกันรายได้พื้นฐาน
-
8:03 - 8:05เพื่อรับรองว่าไม่มีใครตกไป
ต่ำกว่าเส้นความยากจน -
8:05 - 8:07ตอนแรกเริ่มการทดลอง
-
8:07 - 8:11นักวิจัยกลุ่มใหญ่เดินทางมาเมืองนี้
-
8:11 - 8:14ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเป็นเวลาสี่ปี
-
8:15 - 8:18แต่แล้วก็มีรัฐบาลใหม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา
-
8:18 - 8:21คณะรัฐบาลใหม่เห็นว่า
การทดลองราคาแพงนี้ไร้ประโยชน์ -
8:22 - 8:26เมื่อรู้แน่ว่าไม่เหลืองบให้วิเคราะห์ผล
-
8:26 - 8:31เหล่านักวิจัยเก็บเอกสาร
ลงกล่อง 2,000 กว่าใบและจากไป -
8:32 - 8:35ผ่านไป 25 ปี
-
8:35 - 8:38เอเวอลิน ฟอร์เจต์ อาจารย์ชาวแคนาดา
-
8:38 - 8:39ไปพบเอกสารเหล่านั้นเข้า
-
8:39 - 8:43เธอใช้เวลา 3 ปีวิเคราะห์ข้อมูล
ด้วยวิธีการทางสถิติต่าง ๆ นานา -
8:43 - 8:45ไม่ว่าจะทำอย่างไร
-
8:45 - 8:47ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนเดิมทุกครั้ง
-
8:48 - 8:52การทดลองประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
-
8:53 - 8:54เอเวอลิน ฟอร์เจต์ค้นพบว่า
-
8:54 - 8:57ชาวเมืองดอฟินร่ำรวยขึ้น
-
8:57 - 8:59มิหนำซ้ำยังฉลาด
และสุขภาพแข็งแรงกว่าเดิม -
8:59 - 9:02นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นชัดเจน
-
9:03 - 9:07อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ลดลงมากถึง 8.5 เปอร์เซ็นต์ -
9:08 - 9:10การใช้ความรุนแรงในครัวเรือนลดลง
-
9:10 - 9:12เช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพจิต
-
9:12 - 9:14ชาวเมืองไม่ได้ลาออกจากงานนะครับ
-
9:15 - 9:18คนที่ทำงานน้อยลงนิดหน่อย
คือแม่เพิ่งคลอด และเด็กนักเรียน -
9:18 - 9:20ที่ได้เรียนสูงกว่าเดิม
-
9:21 - 9:23การทดลองคล้ายคลึงกัน
-
9:23 - 9:25ต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันทั่วโลก
-
9:25 - 9:27ตั้งแต่สหรัฐอเมริกาไปจนถึงอินเดีย
-
9:29 - 9:30ดังนั้น
-
9:31 - 9:33สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ
-
9:34 - 9:36พอพูดถึงความยากจน
-
9:36 - 9:41พวกเรา คนรวยทั้งหลาย
ควรเลิกแสร้งทำเป็นรู้ดีกว่าใคร -
9:42 - 9:45เราควรเลิกบริจาครองเท้าและตุ๊กตาหมีให้คนจน
-
9:45 - 9:47ให้กับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า
-
9:47 - 9:50และควรยกเลิกตำแหน่งงาน
ที่มีข้าราชการชอบทำเป็นสั่งสอน -
9:50 - 9:52ในเมื่อเราเอาเงินเดือนของคนพวกนั้น
-
9:52 - 9:54ไปแจกจ่ายให้คนจน
ซึ่งพวกเขาควรจะช่วยอยู่แล้ว -
9:54 - 9:56(เสียงปรบมือ)
-
9:56 - 9:59ข้อดีของเงินน่ะ
-
9:59 - 10:02คือคนเราสามารถใช้ซื้อสิ่งของจำเป็น
-
10:02 - 10:05ไม่ใช่ของที่พวกผู้เชี่ยวชาญ
คิดเอาเองว่าจำเป็น -
10:06 - 10:09นึกดูสิครับว่ามีนักวิทยาศาสตร์ฉลาดล้ำ
-
10:09 - 10:11ผู้ประกอบการและนักเขียน
อย่างจอร์จ ออร์เวลล์ อยู่กี่คน -
10:11 - 10:14ที่ตอนนี้หมดแรงหมดใจ
เพราะความขัดสน -
10:14 - 10:17ลองนึกดูว่าเราจะปลดปล่อย
ศักยภาพได้สักแค่ไหน -
10:17 - 10:20หากเราขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไป
-
10:20 - 10:24ผมเชื่อว่าการประกันรายได้พื้นฐาน
เป็นเหมือนการลงทุนในศักยภาพของประชาชน -
10:25 - 10:27และเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ทำ
-
10:27 - 10:30เพราะความยากจนมีราคาแพงเหลือเกิน
-
10:31 - 10:34ดูสิ่งที่ต้องจ่ายจากความยากจน
ของเด็กในสหรัฐฯ สิครับ -
10:34 - 10:38ตัวเลขคาดการณ์คือปีละ 5 แสนล้านเหรียญ
-
10:38 - 10:41ทั้งด้านค่าบริการสุขภาพ
อัตราการเลิกเรียนกลางคันที่สูง -
10:41 - 10:43และอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น
-
10:43 - 10:46นี่คือการผลาญศักยภาพโดยเสียเปล่า
-
10:48 - 10:51เปลี่ยนมาพูดเรื่องที่เห็นตำตากันดีกว่า
-
10:51 - 10:54ต้องทำยังไงถึงจะมีประกันรายได้พื้นฐาน
-
10:55 - 10:58ราคามันอาจจะถูกกว่าที่คุณคิด
-
10:58 - 11:02เมืองดอฟีนทดลอง
โดยอาศัยเกณฑ์ภาษีเงินได้ติดลบ -
11:02 - 11:04แปลว่าเมืองจะเติมเงินเพิ่มให้
-
11:04 - 11:06เมื่อรายได้คุณเองตกไป
ต่ำกว่าเส้นความยากจน -
11:06 - 11:08ในสถานการณ์แบบนั้น
-
11:08 - 11:10นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้อย่างดีว่า
-
11:10 - 11:13จะมีต้นทุนสุทธิ 1.75 แสนล้านเหรียญ
-
11:13 - 11:18หนึ่งในสี่ของงบการทหารในสหรัฐฯ
หรือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี -
11:18 - 11:22ขอแค่นี้ คุณจะพาคนยากคนจนทั่วอเมริกา
ขึ้นมาอยู่เหนือเส้นความยากจนได้ -
11:23 - 11:26คุณจะขจัดความยากจนหมดสิ้น
-
11:26 - 11:28เราควรตั้งเป้าอย่างนี้สิครับ
-
11:28 - 11:29(เสียงปรบมือ)
-
11:29 - 11:33หมดเวลาของการ
มักน้อยค่อย ๆ พัฒนา -
11:33 - 11:36ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องคิดการใหญ่
-
11:36 - 11:39อีกทั้งรายได้พื้นฐานไม่ได้เป็นแค่นโยบาย
-
11:39 - 11:44แต่คือการเปลี่ยนความคิด
ว่างานคืออะไรกันแน่ -
11:44 - 11:46และในแง่นั้น
-
11:46 - 11:47ไม่เพียงแต่แนวคิดนี้จะปลดปล่อยคนจน
-
11:49 - 11:50แต่ยังช่วยพวกเราที่เหลือด้วย
-
11:51 - 11:54ทุกวันนี้ คนนับล้านรู้สึกว่า
-
11:54 - 11:56งานที่ทำไร้ค่าหรือไม่มีความสำคัญ
-
11:56 - 11:59การสำรวจความเห็นของพนักงาน 230,000 คน
-
11:59 - 12:01จาก 142 ประเทศ
-
12:01 - 12:05พบว่ามีคนแค่ 13 เปอร์เซ็นต์ที่ชอบงานของตน
-
12:07 - 12:10การสำรวจความเห็นอีกแหล่งพบว่า
มีผู้ใช้แรงงานที่อังกฤษถึง 37% -
12:10 - 12:13คิดว่างานที่ตัวเองทำไม่จำเป็น
-
12:14 - 12:17เหมือนที่แบรด พิตต์พูดในเรื่องไฟท์คลับ
-
12:17 - 12:20"เรามักทนทำงานที่เกลียด
เพื่อมาซื้อของที่ไม่จำเป็น" -
12:20 - 12:22(เสียงหัวเราะ)
-
12:22 - 12:23อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะ
-
12:23 - 12:26ผมไม่ได้พูดถึงครู คนเก็บขยะ
-
12:26 - 12:27หรืองานดูแลผู้คน
-
12:27 - 12:29ถ้าพวกเขาหยุดทำงาน
-
12:29 - 12:30พวกเราเจอปัญหาแน่นอน
-
12:31 - 12:35ผมพูดถึงผู้เชี่ยวชาญ
เงินเดือนสูง ประวัติย่อหรู -
12:35 - 12:36ที่มีรายได้จากการเป็น
-
12:36 - 12:39ผู้วางกลยุทธ์การประชุม
ระดมสมองเรื่องมูลค่าเพิ่ม -
12:39 - 12:42จากงานร่วมสร้างสรรค์
ที่ก่อความพลิกผันในสังคมเครือข่าย -
12:42 - 12:43(เสียงหัวเราะ)
-
12:43 - 12:44(เสียงปรบมือ)
-
12:44 - 12:46หรืองานเทือกนั้น
-
12:46 - 12:49ลองนึกดูสิว่าเราผลาญ
ความสามารถคนไปแค่ไหน -
12:49 - 12:53เพราะเราบอกลูกหลานว่าต้อง
"ทำงานเลี้ยงชีพ" -
12:54 - 12:57หรือสิ่งที่นักคณิตศาสตร์หัวกะทิ
เขียนระบายบนเฟซบุ๊กเมื่อไม่กี่ปีก่อน -
12:57 - 12:59"บรรดาอัจฉริยะของรุ่นผม
-
12:59 - 13:03ต้องมาจมปลักกับ
การคิดหาวิธีให้คนคลิกดูโฆษณา" -
13:05 - 13:06ตัวผมเป็นนักประวัติศาสตร์
-
13:07 - 13:09ถ้าประวัติศาสตร์สอนอะไรเราได้บ้าง
-
13:09 - 13:12นั่นคือสอนว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้
-
13:12 - 13:13วิธีที่เราจัดโครงสร้างสังคม
-
13:13 - 13:16และเศรษฐกิจนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้
-
13:16 - 13:19ความคิดสามารถเปลี่ยนโลกได้จริง
-
13:19 - 13:21ผมคิดด้วยว่าในช่วงสองสามปีมานี้
-
13:21 - 13:23มันยิ่งชัดแจ่มแจ้งทีเดียว
-
13:23 - 13:25ว่าเราคงสถานะเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
-
13:25 - 13:26ว่าเราต้องการแนวคิดใหม่
-
13:28 - 13:32ผมรู้ว่าหลาย ๆ คนมองแง่ร้าย
-
13:32 - 13:34เกี่ยวกับอนาคต
ที่ความไม่เทียมจะรุนแรงขึ้น -
13:34 - 13:35คนจะเกลียดกลัวคนต่างชาติ
-
13:35 - 13:36และมีปัญหาโลกร้อน
-
13:37 - 13:39แต่แค่การรู้อุปสรรคที่ต้องสู้
นั้นยังไม่พอ -
13:39 - 13:41เรายังต้องมีสิ่งยึดมั่น
-
13:41 - 13:43มาร์ติน ลูเธอร์ คิงไม่ได้พูดว่า
"ข้าพเจ้าฝันร้าย" -
13:43 - 13:45(เสียงหัวเราะ)
-
13:45 - 13:46เขามีความฝัน
-
13:47 - 13:48(เสียงปรบมือ)
-
13:48 - 13:49ฉะนั้นแล้ว...
-
13:50 - 13:51นี่คือฝันของผมครับ
-
13:52 - 13:54ผมเชื่อมั่นในอนาคต
-
13:54 - 13:56ที่คุณค่าของผลงานเรา
ไม่ได้ถูกกำหนด -
13:56 - 13:58ด้วยจำนวนค่าตอบแทน
-
13:58 - 14:00แต่ด้วยปริมาณความสุขที่คุณส่งต่อ
-
14:00 - 14:02และความหมายที่คุณมอบแก่มัน
-
14:02 - 14:03ผมเชื่อมั่นในอนาคต
-
14:03 - 14:07ที่ซึ่งการศึกษาไม่ได้มีเพื่อ
เตรียมคุณให้พร้อมทำงานไร้ประโยชน์ -
14:07 - 14:08แต่เพื่อชีวิตที่ควรค่า
-
14:09 - 14:10ผมเชื่อมั่นในอนาคต
-
14:11 - 14:14ที่ชีวิตอันปราศจากความยากจนไม่ใช่อภิสิทธิ์
-
14:14 - 14:16หากแต่เป็นสิทธิที่ทุกคนพึงมี
-
14:16 - 14:17นั่นแหละครับ
-
14:17 - 14:18นั่นแหละครับ
-
14:18 - 14:21เราทำการวิจัยแล้ว มีหลักฐานยืนยัน
-
14:21 - 14:22และมีเครื่องมือพร้อม
-
14:22 - 14:26โธมัส มอร์ เขียนเรื่องรายได้พื้นฐาน
เป็นครั้งแรกเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว -
14:26 - 14:30ร้อยปีต่อมาหลังจอร์จ ออร์เวลล์
ค้นพบธรรมชาติของความยากจนที่แท้ -
14:30 - 14:32เราต้องปรับมุมมองของเราใหม่
-
14:32 - 14:35เพราะความยากจนไม่ใช่
การขาดอุปนิสัยที่ดี -
14:37 - 14:39แต่ความยากจนคือการขาดเงิน
-
14:39 - 14:40ขอบคุณครับ
-
14:41 - 14:43(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ความยากจนไม่ใช่การขาดอุปนิสัยที่ดี แต่คือการขาดเงิน
- Speaker:
- รุตเกอร์ เบรกแมน
- Description:
-
"ความคิดสามารถเปลี่ยนโลกได้จริง" รุตเกอร์ เบรกแมน นักประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ขณะเล่าแนวคิดน่าตื่นใจเรื่องการประกันรายได้พื้นฐาน มาทำความรู้จักแนวคิดอายุ 500 ปีและการทดลองสมัยใหม่ที่ถูกลืมเลือนซึ่งจริง ๆ แล้วได้ผล และจินตนาการว่าเราจะปลดปล่อยพลังและความสามารถได้มากขึ้นแค่ไหน หากสามารถแก้ปัญหาความยากจนให้หมดไปได้
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:58
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Sakunphat Jirawuthitanant approved Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Thanyanuch Tantikul accepted Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Thanyanuch Tantikul edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Thanyanuch Tantikul edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Thanyanuch Tantikul edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash | ||
Thanyanuch Tantikul edited Thai subtitles for Poverty isn't a lack of character; it's a lack of cash |