WEBVTT 00:00:01.525 --> 00:00:04.632 ผมขอเริ่มด้วยคำถามง่าย ๆ 00:00:06.000 --> 00:00:09.670 ทำไมคนจนถึงมักตัดสินใจแย่ ๆ 00:00:11.742 --> 00:00:13.293 ผมรู้ว่าคำถามนี้โหด 00:00:13.427 --> 00:00:15.322 แต่ลองมาดูข้อมูลก่อน 00:00:15.416 --> 00:00:17.259 คนจนกู้ยืมมาก ออมน้อย 00:00:17.259 --> 00:00:18.942 สูบบุหรี่จัด ออกกำลังกายน้อย 00:00:18.956 --> 00:00:19.956 ดื่มเหล้าหนัก 00:00:19.956 --> 00:00:21.426 แถมกินอาหารไม่ค่อยมีประโยชน์ 00:00:22.272 --> 00:00:23.283 ทำไมกันล่ะ NOTE Paragraph 00:00:24.451 --> 00:00:26.002 คำอธิบายพื้นฐาน 00:00:26.002 --> 00:00:29.252 ถูกสรุปไว้โดยมาร์กาเรต แธตเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ 00:00:29.406 --> 00:00:32.791 เธอเรียกความยากจนว่า "ความบกพร่องทางบุคลิกภาพ" NOTE Paragraph 00:00:32.815 --> 00:00:34.365 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:00:34.679 --> 00:00:36.585 เรียกง่าย ๆ ว่า การขาดอุปนิสัยที่ดี NOTE Paragraph 00:00:37.465 --> 00:00:41.456 แต่ผมเชื่อว่าคนไม่มาก ที่จะใช้คำทื่อ ๆ แบบนั้น 00:00:42.497 --> 00:00:46.347 แต่แนวคิดที่ว่าพวกคนจนน่ะผิดปกติ 00:00:46.371 --> 00:00:48.354 ไม่ได้มีแค่คุณแธตเชอร์คนเดียวที่เชื่อ 00:00:49.285 --> 00:00:52.488 พวกคุณบางคนอาจคิดว่า คนจนควรต้องรับผิดชอบ 00:00:52.512 --> 00:00:54.265 ในความผิดพลาดของตัวเอง 00:00:54.289 --> 00:00:58.186 บางคนอาจแย้งว่า เราควรช่วยให้พวกเขาตัดสินใจดีขึ้น 00:00:58.854 --> 00:01:02.083 แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีสมมติฐานเดียวกัน 00:01:02.650 --> 00:01:05.224 คือพวกคนจนน่ะผิดปกติ 00:01:06.057 --> 00:01:07.915 ถ้าหากเราเปลี่ยนพวกเขาได้ 00:01:07.939 --> 00:01:10.091 ถ้าสามารถสอนวิธีใช้ชีวิตให้พวกเขา 00:01:10.091 --> 00:01:11.808 ถ้าเพียงแต่พวกเขารับฟัง 00:01:13.233 --> 00:01:14.930 ด้วยความสัตย์จริงนะครับ 00:01:14.954 --> 00:01:18.292 ตัวผมก็คิดแบบนั้นอยู่นานพอสมควร 00:01:19.078 --> 00:01:21.192 ผมเพิ่งมาตระหนักไม่กี่ปีมานี้เอง 00:01:21.192 --> 00:01:25.109 ว่าที่ผมคิดว่ารู้เกี่ยวกับ ความยากจน นั้นผิด NOTE Paragraph 00:01:26.286 --> 00:01:28.937 ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อผมบังเอิญพบงานวิจัย 00:01:28.961 --> 00:01:30.569 โดยนักจิตวิทยาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง 00:01:30.593 --> 00:01:33.146 พวกเขาเดินทาง 8,000 ไมล์ ไปที่อินเดีย 00:01:33.170 --> 00:01:34.935 เพื่อทำการศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 00:01:35.245 --> 00:01:38.013 เป็นการทดลองกับชาวไร่อ้อย 00:01:38.838 --> 00:01:42.186 คุณควรทราบว่าชาวไร่เหล่านี้ ได้เงินราว 60 เปอร์เซนต์ 00:01:42.210 --> 00:01:44.343 ของรายได้ทั้งปี ในคราวเดียว 00:01:44.367 --> 00:01:46.075 ทันทีหลังจากเก็บเกี่ยว 00:01:46.099 --> 00:01:49.639 ซึ่งแสดงว่าพวกเขาเป็นคนจนช่วงนึง 00:01:49.663 --> 00:01:51.457 และเป็นคนรวยในอีกช่วงหนึ่ง 00:01:52.595 --> 00:01:56.651 นักวิจัยขอให้พวกเขาทำแบบทดสอบไอคิว ก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว 00:01:57.902 --> 00:02:01.922 สิ่งที่พวกเขาค้นพบทำให้ผมถึงกับอึ้ง 00:02:03.159 --> 00:02:07.608 ช่วงก่อนเก็บเกี่ยว ชาวบ้านทำคะแนนได้ต่ำกว่ามาก 00:02:08.457 --> 00:02:10.757 การดำรงชีวิตอย่างยากจนส่งผลให้ 00:02:10.781 --> 00:02:14.149 ไอคิวลดลง 14 แต้ม 00:02:14.173 --> 00:02:16.042 เพื่อให้คุณเห็นภาพชัด 00:02:16.066 --> 00:02:18.507 มันเทียบได้กับการอดนอนหนึ่งคืน 00:02:18.531 --> 00:02:20.704 หรือมีอาการโรคพิษสุราเรื้อรัง NOTE Paragraph 00:02:22.465 --> 00:02:24.249 หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ผมได้ข่าวว่า 00:02:24.249 --> 00:02:28.515 เอลดาร์ ชาฟีร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และหนึ่งในผู้เขียนของการศึกษานี้ 00:02:28.539 --> 00:02:30.858 จะมาฮอลแลนด์ ประเทศที่ผมอาศัยอยู่ 00:02:30.882 --> 00:02:32.284 เราพบกันที่อัมสเตอร์ดัม 00:02:32.308 --> 00:02:35.859 เพื่อพูดถึงทฤษฎีระดับปฏิวัติวงการของเขา ที่ว่าด้วยความยากจน 00:02:36.390 --> 00:02:38.493 ผมขอสรุปเนื้อหาด้วยคำสองคำ 00:02:39.415 --> 00:02:41.432 ความขาดแคลนทางความคิด 00:02:42.647 --> 00:02:44.801 กลายเป็นว่าคนมีพฤติกรรมต่างออกไป 00:02:44.825 --> 00:02:47.311 เมื่อเข้าใจว่าตนขาดแคลนบางอย่าง 00:02:47.335 --> 00:02:49.550 สิ่งนั้นจะเป็นอะไรไม่ใช่สาระสำคัญ 00:02:49.574 --> 00:02:52.587 ไม่ว่าจะเป็นการมีเวลา เงิน หรืออาหาร ไม่เพียงพอ NOTE Paragraph 00:02:53.080 --> 00:02:54.738 คุณทุกคนเข้าใจความรู้สึกนี้ดี 00:02:54.762 --> 00:02:56.725 เวลามีงานล้นมือเต็มไปหมด 00:02:56.749 --> 00:02:58.765 หรือเวลาไม่ยอมไปพักกินข้าว 00:02:58.789 --> 00:03:00.452 แล้วระดับน้ำตาลในเลือดตก 00:03:00.476 --> 00:03:03.304 จิตใจคุณจะจดจ่อแต่สิ่งที่คุณขาด 00:03:03.328 --> 00:03:05.338 แซนวิชที่ต้องได้กินเดี๋ยวนี้ 00:03:05.362 --> 00:03:07.624 การประชุมที่จะเริ่มในอีกห้านาที 00:03:07.648 --> 00:03:10.527 หรือหนี้ที่ต้องจ่ายพรุ่งนี้ 00:03:11.048 --> 00:03:14.264 ดังนั้น การคิดเรื่องระยะยาว จึงยังไม่อยู่ในสมอง 00:03:15.835 --> 00:03:18.366 คุณอาจจะเทียบกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ 00:03:18.390 --> 00:03:20.577 ที่เปิดโปรแกรมหนัก ๆ เป็นสิบตัว 00:03:21.201 --> 00:03:23.974 เครื่องจะทำงานช้าลงเรื่อย ๆ และผิดพลาดบ่อย 00:03:23.998 --> 00:03:25.820 จนสุดท้ายก็ค้างไป 00:03:25.844 --> 00:03:27.950 ซึ่งไม่ใช่เพราะเครื่องไม่ดี 00:03:27.974 --> 00:03:30.594 แต่เพราะมันต้องทำหลายอย่าง พร้อม ๆ กันต่างหาก 00:03:31.459 --> 00:03:34.327 คนจนก็ประสบปัญหาแบบนี้เช่นกัน 00:03:34.834 --> 00:03:37.624 ไม่ได้ตัดสินโง่ ๆ เพราะพวกเขาโง่ 00:03:37.648 --> 00:03:39.570 แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่พวกเขาอยู่ 00:03:39.594 --> 00:03:41.938 ทำให้ไม่ว่าใครก็คงตัดสินใจโง่ ๆ เช่นกัน NOTE Paragraph 00:03:42.542 --> 00:03:45.490 ตอนนั้นเอง ผมถึงได้เข้าใจขึ้นมาว่า 00:03:45.514 --> 00:03:49.480 ทำไมโครงการขจัดความยากจน ของพวกเราจึงไม่ได้ผล 00:03:50.647 --> 00:03:55.171 เช่น การลงทุนด้านการศึกษามักไม่ได้ผล 00:03:55.195 --> 00:03:58.007 ความยากจนไม่ใช่การขาดความรู้ 00:03:58.760 --> 00:04:01.315 ผลวิเคราะห์จากการศึกษา 201 ชิ้น 00:04:01.339 --> 00:04:03.651 ว่าด้วยประสิทธิผลใน การสอนเรื่องการจัดการเงิน 00:04:03.675 --> 00:04:07.424 ได้ข้อสรุปว่ามันแทบไม่มีผลใด ๆ 00:04:07.448 --> 00:04:08.893 อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ 00:04:08.917 --> 00:04:11.413 นี่ไม่ได้หมายความว่า คนจนไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย 00:04:11.437 --> 00:04:13.342 พวกเขาฉลาดมากขึ้นแน่นอน 00:04:14.012 --> 00:04:15.650 แต่แค่นั้นมันไม่พอครับ 00:04:15.674 --> 00:04:18.676 หรืออย่างที่อาจารย์ชาร์ฟีร์บอกผม 00:04:18.700 --> 00:04:20.684 "เหมือนเวลาเราสอนคนว่ายน้ำ 00:04:20.708 --> 00:04:23.734 แล้วโยนเขาลงทะเลตอนมรสุมเข้า" NOTE Paragraph 00:04:24.688 --> 00:04:26.283 ผมยังจำภาพตัวเองนั่งอึ้ง 00:04:27.203 --> 00:04:28.458 งุนงง 00:04:29.291 --> 00:04:30.448 แล้วจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า 00:04:30.472 --> 00:04:32.775 เราควรจะเข้าใจเรื่องนี้ ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้ว 00:04:32.775 --> 00:04:35.840 นักจิตวิทยาไม่เห็นต้องใช้ กรรมวิธีซับซ้อนสแกนสมอง 00:04:35.840 --> 00:04:37.923 แค่ต้องวัดไอคิวชาวไร่อ้อย 00:04:37.923 --> 00:04:40.655 แบบทดสอบไอคิว ก็มีมามากกว่าร้อยกว่าปีแล้ว 00:04:41.219 --> 00:04:44.928 ผมนึกออกด้วยซ้ำ ว่าเคยอ่าน เรื่องจิตวิทยาของความยากจนมาก่อน 00:04:45.547 --> 00:04:49.221 จอร์จ ออร์เวลล์ นักเขียนชั้นครูตลอดกาลคนหนึ่ง 00:04:49.245 --> 00:04:52.148 เคยสัมผัสความยากจนในทศวรรษ 1920 00:04:52.856 --> 00:04:55.034 เขาเขียนไว้ว่า "แก่นแท้ของความยากจน" 00:04:55.058 --> 00:04:57.992 คือมัน "ทำลายอนาคตจนไม่เหลือซาก" 00:04:59.147 --> 00:05:01.334 เขาพรึงเพริดมากที่ ผมขอยกคำพูดนะ 00:05:01.926 --> 00:05:04.752 "ผู้คนไม่ตระหนักในข้อนี้ แล้วต่างถือสิทธิเทศนาคุณ 00:05:04.844 --> 00:05:08.009 และสวดภาวนาให้คุณ ทันทีที่รายได้คุณลดต่ำกว่าจุด ๆ หนึ่ง" NOTE Paragraph 00:05:08.907 --> 00:05:12.812 คำพูดของเขายังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ 00:05:15.145 --> 00:05:17.126 แน่นอน คำถามสำคัญก็คือ 00:05:17.150 --> 00:05:18.490 เราทำอะไรได้บ้าง 00:05:18.514 --> 00:05:21.309 นักเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่ มีคิดทางแก้เก็บไว้บ้าง 00:05:21.333 --> 00:05:23.392 เราสามารถช่วยจัดการปัญหางานเอกสาร 00:05:23.416 --> 00:05:26.398 หรือส่งข้อความเตือนให้ไปจ่ายหนี้ 00:05:26.422 --> 00:05:31.129 นักการเมืองสมัยใหม่นิยมมาก กับทางแก้จำพวกนี้ 00:05:31.153 --> 00:05:32.856 นั่นเพราะ 00:05:32.880 --> 00:05:35.120 มันแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายไงครับ 00:05:36.135 --> 00:05:40.145 ผมว่าทางแก้แบบนี้เป็นภาพแทนยุคเราได้ดี 00:05:40.169 --> 00:05:42.346 ยุคที่เราเน้นรักษาอาการ 00:05:42.370 --> 00:05:44.213 แต่ละเลยสาเหตุของโรค NOTE Paragraph 00:05:45.674 --> 00:05:46.928 ผมจึงสงสัยว่า 00:05:47.786 --> 00:05:51.133 ทำไมไม่เปลี่ยนสภาพชีวิตคนจนเสียใหม่ 00:05:51.725 --> 00:05:53.850 หรือถ้าจะให้เปรียบกับคอมพิวเตอร์ 00:05:53.874 --> 00:05:56.011 ทำไมมัวนั่งซ่อมซอฟต์แวร์ 00:05:56.035 --> 00:06:00.100 ทั้งที่ปัญหาแก้ได้ง่ายดาย เพียงแค่เพิ่มความจำเข้าไป 00:06:00.124 --> 00:06:03.522 พอผมพูดจบ อาจารย์ชาฟีร์จ้องหน้าผมนิ่ง 00:06:04.292 --> 00:06:05.929 หลังเงียบอยู่สองสามวินาที เขาพูดว่า 00:06:06.922 --> 00:06:09.047 "อ๋อ เข้าใจละ 00:06:09.660 --> 00:06:13.391 คุณอยากแจกเงินเพิ่มให้คนจน 00:06:14.144 --> 00:06:15.995 เพื่อขจัดความยากจนสินะ 00:06:16.019 --> 00:06:18.820 อ๋อ ได้ ความคิดดีนะ 00:06:19.914 --> 00:06:22.215 แต่ผมเกรงว่าการเมืองฝ่ายซ้าย 00:06:22.239 --> 00:06:24.083 แบบที่คุณเห็นในอัมสเตอร์ดัม 00:06:24.107 --> 00:06:25.770 จะไม่มีในอเมริกา" NOTE Paragraph 00:06:26.522 --> 00:06:30.497 แต่นี่ใช่แนวคิดเก่าแก่ ของฝ่ายซ้ายจริง ๆ หรือ 00:06:31.394 --> 00:06:33.381 ผมจำได้ว่าเคยอ่านแผนการเก่า ๆ 00:06:33.405 --> 00:06:36.889 ที่นักคิดชั้นนำในอดีตเคยเสนอ 00:06:36.913 --> 00:06:40.729 โธมัส มอร์ นักปรัชญาเขียนเป็นนัยถึงแผนนี้ ครั้งแรกในหนังสือของเขา "ยูโทเปีย" 00:06:40.753 --> 00:06:42.652 เมื่อกว่า 500 ปีมาแล้ว 00:06:43.205 --> 00:06:46.755 ผู้สนับสนุนแผนนี้มีทั้งจากฝ่ายซ้ายและขวา 00:06:46.779 --> 00:06:49.549 มีตั้งแต่มาร์ติน ลูเธอร์ คิง นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน 00:06:49.573 --> 00:06:52.324 จนถึงมิลตัน ฟรีดแมน นักเศรษฐศาสตร์ 00:06:53.273 --> 00:06:56.093 เป็นแนวความคิดที่เรียบง่ายจนน่าตกใจ 00:06:57.243 --> 00:06:59.878 การประกันรายได้พื้นฐาน NOTE Paragraph 00:07:01.465 --> 00:07:02.623 คืออะไรหรือครับ 00:07:03.004 --> 00:07:04.166 ง่ายมากเลย 00:07:04.487 --> 00:07:07.218 เงินรายเดือนจากรัฐ ที่เพียงพอต่อความต้องการพื้นฐาน 00:07:07.218 --> 00:07:09.360 ซึ่งคือ ค่าอาหาร ที่อยู่อาศัย การศึกษา 00:07:09.683 --> 00:07:11.504 เงินนี้เป็นเงินให้เปล่า 00:07:11.528 --> 00:07:14.228 จะไม่มีใครคอยพร่ำสอน ว่าต้องทำยังไงถึงมีสิทธิได้ 00:07:14.228 --> 00:07:16.270 ไม่มีคนคอยสั่งว่าต้องใช้เงินอย่างไร 00:07:16.270 --> 00:07:19.418 การประกันรายได้ไม่ใช่การสงเคราะห์ หากแต่เป็นสิทธิ 00:07:19.613 --> 00:07:21.516 ไม่ถือเป็นตราบาปหรือมลทินใด ๆ 00:07:22.322 --> 00:07:25.002 หลังเข้าใจธรรมชาติของความยากจนที่แท้ 00:07:25.026 --> 00:07:26.546 ผมเลิกสงสัยไม่ได้เลย 00:07:27.208 --> 00:07:30.048 นี่คือแนวคิดที่เรารอคอยจริงหรือ 00:07:30.698 --> 00:07:32.879 มันง่ายแค่นี้จริงหรือ 00:07:34.348 --> 00:07:36.148 ตลอดสามปีหลังจากนั้น 00:07:36.172 --> 00:07:38.710 ผมไล่ตามอ่าน ข้อมูลเรื่องการประกันรายได้ 00:07:38.710 --> 00:07:42.337 ผมค้นคว้าข้อมูล การทดลองที่เกิดขึ้นทั่วโลก 00:07:42.474 --> 00:07:45.292 ไม่นานผมก็เจอข้อมูลของเมืองแห่งหนึ่ง 00:07:45.292 --> 00:07:48.334 ที่เคยทดลองและขจัดความยากจนได้สำเร็จ 00:07:48.334 --> 00:07:49.240 แต่แล้ว 00:07:50.398 --> 00:07:51.898 แทบทุกคนกลับลืมเลือนมันไป 00:07:51.957 --> 00:07:53.507 (ตอนสอง: เมืองที่ไร้ความยากจน) NOTE Paragraph 00:07:53.586 --> 00:07:56.245 เรื่องนี้เริ่มต้นที่เมืองดอฟิน ประเทศแคนาดา 00:07:57.051 --> 00:08:02.631 ปี 1974 ชาวเมืองทุกคนมีประกันรายได้พื้นฐาน 00:08:02.655 --> 00:08:05.390 เพื่อรับรองว่าไม่มีใครตกไป ต่ำกว่าเส้นความยากจน 00:08:05.414 --> 00:08:07.010 ตอนแรกเริ่มการทดลอง 00:08:07.034 --> 00:08:10.507 นักวิจัยกลุ่มใหญ่เดินทางมาเมืองนี้ 00:08:11.367 --> 00:08:13.898 ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเป็นเวลาสี่ปี 00:08:14.511 --> 00:08:17.943 แต่แล้วก็มีรัฐบาลใหม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา 00:08:17.967 --> 00:08:21.477 คณะรัฐบาลใหม่เห็นว่า การทดลองราคาแพงนี้ไร้ประโยชน์ 00:08:21.501 --> 00:08:25.754 เมื่อรู้แน่ว่าไม่เหลืองบให้วิเคราะห์ผล 00:08:25.778 --> 00:08:30.620 เหล่านักวิจัยเก็บเอกสาร ลงกล่อง 2,000 กว่าใบและจากไป 00:08:32.175 --> 00:08:34.965 ผ่านไป 25 ปี 00:08:34.989 --> 00:08:37.677 เอเวอลิน ฟอร์เจต์ อาจารย์ชาวแคนาดา 00:08:37.701 --> 00:08:38.917 ไปพบเอกสารเหล่านั้นเข้า 00:08:38.941 --> 00:08:42.908 เธอใช้เวลา 3 ปีวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยวิธีการทางสถิติต่าง ๆ นานา 00:08:42.932 --> 00:08:44.518 ไม่ว่าจะทำอย่างไร 00:08:44.542 --> 00:08:47.278 ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนเดิมทุกครั้ง 00:08:47.968 --> 00:08:51.786 การทดลองประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง NOTE Paragraph 00:08:53.231 --> 00:08:54.471 เอเวอลิน ฟอร์เจต์ค้นพบว่า 00:08:54.495 --> 00:08:56.579 ชาวเมืองดอฟินร่ำรวยขึ้น 00:08:56.579 --> 00:08:58.504 มิหนำซ้ำยังฉลาด และสุขภาพแข็งแรงกว่าเดิม 00:08:58.648 --> 00:09:02.164 นักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นชัดเจน 00:09:03.156 --> 00:09:07.384 อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล ลดลงมากถึง 8.5 เปอร์เซ็นต์ 00:09:08.122 --> 00:09:09.932 การใช้ความรุนแรงในครัวเรือนลดลง 00:09:09.956 --> 00:09:11.747 เช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพจิต 00:09:12.153 --> 00:09:14.209 ชาวเมืองไม่ได้ลาออกจากงานนะครับ 00:09:14.509 --> 00:09:18.243 คนที่ทำงานน้อยลงนิดหน่อย คือแม่เพิ่งคลอด และเด็กนักเรียน 00:09:18.267 --> 00:09:19.712 ที่ได้เรียนสูงกว่าเดิม 00:09:20.888 --> 00:09:22.763 การทดลองคล้ายคลึงกัน 00:09:22.787 --> 00:09:25.183 ต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันทั่วโลก 00:09:25.207 --> 00:09:27.485 ตั้งแต่สหรัฐอเมริกาไปจนถึงอินเดีย NOTE Paragraph 00:09:29.450 --> 00:09:30.284 ดังนั้น 00:09:31.435 --> 00:09:33.070 สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ 00:09:33.795 --> 00:09:35.711 พอพูดถึงความยากจน 00:09:36.421 --> 00:09:41.275 พวกเรา คนรวยทั้งหลาย ควรเลิกแสร้งทำเป็นรู้ดีกว่าใคร 00:09:42.199 --> 00:09:45.166 เราควรเลิกบริจาครองเท้าและตุ๊กตาหมีให้คนจน 00:09:45.201 --> 00:09:46.774 ให้กับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า 00:09:46.967 --> 00:09:49.987 และควรยกเลิกตำแหน่งงาน ที่มีข้าราชการชอบทำเป็นสั่งสอน 00:09:50.061 --> 00:09:51.702 ในเมื่อเราเอาเงินเดือนของคนพวกนั้น 00:09:51.702 --> 00:09:53.882 ไปแจกจ่ายให้คนจน ซึ่งพวกเขาควรจะช่วยอยู่แล้ว NOTE Paragraph 00:09:53.906 --> 00:09:56.382 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:09:56.446 --> 00:09:59.319 ข้อดีของเงินน่ะ 00:09:59.358 --> 00:10:01.801 คือคนเราสามารถใช้ซื้อสิ่งของจำเป็น 00:10:01.894 --> 00:10:05.268 ไม่ใช่ของที่พวกผู้เชี่ยวชาญ คิดเอาเองว่าจำเป็น 00:10:05.910 --> 00:10:08.521 นึกดูสิครับว่ามีนักวิทยาศาสตร์ฉลาดล้ำ 00:10:08.685 --> 00:10:11.225 ผู้ประกอบการและนักเขียน อย่างจอร์จ ออร์เวลล์ อยู่กี่คน 00:10:11.225 --> 00:10:13.805 ที่ตอนนี้หมดแรงหมดใจ เพราะความขัดสน 00:10:14.219 --> 00:10:16.675 ลองนึกดูว่าเราจะปลดปล่อย ศักยภาพได้สักแค่ไหน 00:10:16.779 --> 00:10:19.518 หากเราขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไป 00:10:19.572 --> 00:10:23.924 ผมเชื่อว่าการประกันรายได้พื้นฐาน เป็นเหมือนการลงทุนในศักยภาพของประชาชน 00:10:25.093 --> 00:10:27.137 และเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ทำ 00:10:27.161 --> 00:10:30.006 เพราะความยากจนมีราคาแพงเหลือเกิน 00:10:30.546 --> 00:10:33.938 ดูสิ่งที่ต้องจ่ายจากความยากจน ของเด็กในสหรัฐฯ สิครับ 00:10:33.962 --> 00:10:38.194 ตัวเลขคาดการณ์คือปีละ 5 แสนล้านเหรียญ 00:10:38.218 --> 00:10:41.166 ทั้งด้านค่าบริการสุขภาพ อัตราการเลิกเรียนกลางคันที่สูง 00:10:41.190 --> 00:10:42.573 และอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น 00:10:42.597 --> 00:10:46.477 นี่คือการผลาญศักยภาพโดยเสียเปล่า NOTE Paragraph 00:10:48.365 --> 00:10:50.566 เปลี่ยนมาพูดเรื่องที่เห็นตำตากันดีกว่า 00:10:51.326 --> 00:10:54.338 ต้องทำยังไงถึงจะมีประกันรายได้พื้นฐาน 00:10:55.052 --> 00:10:58.151 ราคามันอาจจะถูกกว่าที่คุณคิด 00:10:58.175 --> 00:11:01.739 เมืองดอฟีนทดลอง โดยอาศัยเกณฑ์ภาษีเงินได้ติดลบ 00:11:01.763 --> 00:11:03.701 แปลว่าเมืองจะเติมเงินเพิ่มให้ 00:11:03.701 --> 00:11:06.207 เมื่อรายได้คุณเองตกไป ต่ำกว่าเส้นความยากจน 00:11:06.231 --> 00:11:07.593 ในสถานการณ์แบบนั้น 00:11:07.617 --> 00:11:10.131 นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้อย่างดีว่า 00:11:10.155 --> 00:11:13.180 จะมีต้นทุนสุทธิ 1.75 แสนล้านเหรียญ 00:11:13.204 --> 00:11:18.111 หนึ่งในสี่ของงบการทหารในสหรัฐฯ หรือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี 00:11:18.135 --> 00:11:21.689 ขอแค่นี้ คุณจะพาคนยากคนจนทั่วอเมริกา ขึ้นมาอยู่เหนือเส้นความยากจนได้ 00:11:22.566 --> 00:11:25.707 คุณจะขจัดความยากจนหมดสิ้น 00:11:26.142 --> 00:11:27.944 เราควรตั้งเป้าอย่างนี้สิครับ NOTE Paragraph 00:11:28.366 --> 00:11:29.450 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:11:29.494 --> 00:11:32.756 หมดเวลาของการ มักน้อยค่อย ๆ พัฒนา 00:11:32.780 --> 00:11:36.088 ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องคิดการใหญ่ 00:11:36.112 --> 00:11:39.312 อีกทั้งรายได้พื้นฐานไม่ได้เป็นแค่นโยบาย 00:11:39.336 --> 00:11:43.974 แต่คือการเปลี่ยนความคิด ว่างานคืออะไรกันแน่ 00:11:43.998 --> 00:11:45.668 และในแง่นั้น 00:11:45.692 --> 00:11:47.484 ไม่เพียงแต่แนวคิดนี้จะปลดปล่อยคนจน 00:11:48.532 --> 00:11:50.000 แต่ยังช่วยพวกเราที่เหลือด้วย NOTE Paragraph 00:11:51.261 --> 00:11:53.507 ทุกวันนี้ คนนับล้านรู้สึกว่า 00:11:53.531 --> 00:11:56.037 งานที่ทำไร้ค่าหรือไม่มีความสำคัญ 00:11:56.061 --> 00:11:58.878 การสำรวจความเห็นของพนักงาน 230,000 คน 00:11:58.902 --> 00:12:00.808 จาก 142 ประเทศ 00:12:00.832 --> 00:12:05.497 พบว่ามีคนแค่ 13 เปอร์เซ็นต์ที่ชอบงานของตน 00:12:06.600 --> 00:12:10.267 การสำรวจความเห็นอีกแหล่งพบว่า มีผู้ใช้แรงงานที่อังกฤษถึง 37% 00:12:10.291 --> 00:12:13.221 คิดว่างานที่ตัวเองทำไม่จำเป็น 00:12:14.387 --> 00:12:16.681 เหมือนที่แบรด พิตต์พูดในเรื่องไฟท์คลับ 00:12:16.705 --> 00:12:20.361 "เรามักทนทำงานที่เกลียด เพื่อมาซื้อของที่ไม่จำเป็น" NOTE Paragraph 00:12:20.385 --> 00:12:21.863 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:12:21.887 --> 00:12:23.284 อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะ 00:12:23.308 --> 00:12:25.862 ผมไม่ได้พูดถึงครู คนเก็บขยะ 00:12:25.886 --> 00:12:27.368 หรืองานดูแลผู้คน 00:12:27.392 --> 00:12:29.006 ถ้าพวกเขาหยุดทำงาน 00:12:29.030 --> 00:12:30.347 พวกเราเจอปัญหาแน่นอน 00:12:30.990 --> 00:12:34.615 ผมพูดถึงผู้เชี่ยวชาญ เงินเดือนสูง ประวัติย่อหรู 00:12:34.639 --> 00:12:36.444 ที่มีรายได้จากการเป็น 00:12:36.468 --> 00:12:38.963 ผู้วางกลยุทธ์การประชุม ระดมสมองเรื่องมูลค่าเพิ่ม 00:12:38.963 --> 00:12:41.781 จากงานร่วมสร้างสรรค์ ที่ก่อความพลิกผันในสังคมเครือข่าย NOTE Paragraph 00:12:41.781 --> 00:12:43.174 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:12:43.174 --> 00:12:44.232 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:12:44.232 --> 00:12:45.602 หรืองานเทือกนั้น 00:12:46.006 --> 00:12:49.020 ลองนึกดูสิว่าเราผลาญ ความสามารถคนไปแค่ไหน 00:12:49.044 --> 00:12:52.694 เพราะเราบอกลูกหลานว่าต้อง "ทำงานเลี้ยงชีพ" 00:12:53.638 --> 00:12:57.380 หรือสิ่งที่นักคณิตศาสตร์หัวกะทิ เขียนระบายบนเฟซบุ๊กเมื่อไม่กี่ปีก่อน 00:12:57.380 --> 00:12:59.266 "บรรดาอัจฉริยะของรุ่นผม 00:12:59.290 --> 00:13:02.843 ต้องมาจมปลักกับ การคิดหาวิธีให้คนคลิกดูโฆษณา" NOTE Paragraph 00:13:04.699 --> 00:13:05.944 ตัวผมเป็นนักประวัติศาสตร์ 00:13:06.992 --> 00:13:09.061 ถ้าประวัติศาสตร์สอนอะไรเราได้บ้าง 00:13:09.085 --> 00:13:11.877 นั่นคือสอนว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ 00:13:11.901 --> 00:13:13.292 วิธีที่เราจัดโครงสร้างสังคม 00:13:13.316 --> 00:13:16.273 และเศรษฐกิจนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ 00:13:16.297 --> 00:13:18.653 ความคิดสามารถเปลี่ยนโลกได้จริง 00:13:18.677 --> 00:13:21.188 ผมคิดด้วยว่าในช่วงสองสามปีมานี้ 00:13:21.212 --> 00:13:22.641 มันยิ่งชัดแจ่มแจ้งทีเดียว 00:13:22.665 --> 00:13:24.618 ว่าเราคงสถานะเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ 00:13:24.642 --> 00:13:26.217 ว่าเราต้องการแนวคิดใหม่ NOTE Paragraph 00:13:28.499 --> 00:13:31.712 ผมรู้ว่าหลาย ๆ คนมองแง่ร้าย 00:13:31.736 --> 00:13:33.799 เกี่ยวกับอนาคต ที่ความไม่เทียมจะรุนแรงขึ้น 00:13:33.823 --> 00:13:35.100 คนจะเกลียดกลัวคนต่างชาติ 00:13:35.124 --> 00:13:36.320 และมีปัญหาโลกร้อน 00:13:36.986 --> 00:13:39.204 แต่แค่การรู้อุปสรรคที่ต้องสู้ นั้นยังไม่พอ 00:13:39.228 --> 00:13:40.840 เรายังต้องมีสิ่งยึดมั่น 00:13:40.864 --> 00:13:43.398 มาร์ติน ลูเธอร์ คิงไม่ได้พูดว่า "ข้าพเจ้าฝันร้าย" NOTE Paragraph 00:13:43.422 --> 00:13:45.295 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:13:45.319 --> 00:13:46.478 เขามีความฝัน NOTE Paragraph 00:13:46.502 --> 00:13:47.581 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:13:47.605 --> 00:13:48.757 ฉะนั้นแล้ว... 00:13:49.835 --> 00:13:51.060 นี่คือฝันของผมครับ 00:13:52.303 --> 00:13:53.941 ผมเชื่อมั่นในอนาคต 00:13:53.965 --> 00:13:56.318 ที่คุณค่าของผลงานเรา ไม่ได้ถูกกำหนด 00:13:56.342 --> 00:13:57.819 ด้วยจำนวนค่าตอบแทน 00:13:57.843 --> 00:13:59.875 แต่ด้วยปริมาณความสุขที่คุณส่งต่อ 00:13:59.899 --> 00:14:01.876 และความหมายที่คุณมอบแก่มัน 00:14:01.900 --> 00:14:03.132 ผมเชื่อมั่นในอนาคต 00:14:03.156 --> 00:14:06.686 ที่ซึ่งการศึกษาไม่ได้มีเพื่อ เตรียมคุณให้พร้อมทำงานไร้ประโยชน์ 00:14:06.686 --> 00:14:08.450 แต่เพื่อชีวิตที่ควรค่า 00:14:09.204 --> 00:14:10.483 ผมเชื่อมั่นในอนาคต 00:14:10.507 --> 00:14:13.601 ที่ชีวิตอันปราศจากความยากจนไม่ใช่อภิสิทธิ์ 00:14:13.625 --> 00:14:15.638 หากแต่เป็นสิทธิที่ทุกคนพึงมี 00:14:15.662 --> 00:14:17.127 นั่นแหละครับ 00:14:17.151 --> 00:14:18.182 นั่นแหละครับ 00:14:18.216 --> 00:14:20.516 เราทำการวิจัยแล้ว มีหลักฐานยืนยัน 00:14:20.516 --> 00:14:21.703 และมีเครื่องมือพร้อม NOTE Paragraph 00:14:21.727 --> 00:14:25.636 โธมัส มอร์ เขียนเรื่องรายได้พื้นฐาน เป็นครั้งแรกเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว 00:14:25.660 --> 00:14:29.715 ร้อยปีต่อมาหลังจอร์จ ออร์เวลล์ ค้นพบธรรมชาติของความยากจนที่แท้ 00:14:29.739 --> 00:14:32.180 เราต้องปรับมุมมองของเราใหม่ 00:14:32.204 --> 00:14:35.193 เพราะความยากจนไม่ใช่ การขาดอุปนิสัยที่ดี 00:14:36.723 --> 00:14:39.291 แต่ความยากจนคือการขาดเงิน NOTE Paragraph 00:14:39.291 --> 00:14:40.475 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:14:40.529 --> 00:14:43.412 (เสียงปรบมือ)