-
อยากรู้ไหมคะว่าซีซาร์สลัดเกี่ยวอะไรกับจูเลียส ซีซาร์
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
ตอนนี้นะคะ วิวกำลังกินซีซาร์สลัดอยู่ค่ะ
-
แล้ววิวก็อยากรู้มากๆเลยว่า
-
ซีซาร์สลัดเกี่ยวข้องอะไรกับจูเลียส ซีซาร์
-
ชื่อเหมือนกันขนาดนี้มันจะต้องมี
ที่มาที่ไปเกี่ยวข้องกันแน่ๆค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ เกร็ดความรู้ที่วิวจะนำมา
เล่าในวันนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้สนุกๆเท่านั้นค่ะ
-
ไม่สามารถนำไปใช้เรียนใช้สอบได้นะคะ
-
ดังนั้นนะคะ ถ้าน้องๆคนไหน
จะต้องไปสอบไม่ว่าจะเป็น
-
O-NET GAT PAT กสพท. SATmath
BMAT IJSO โอ้ เยอะแยะเต็มไปหมดเนี่ยนะคะ
-
สามารถเข้าไปติวได้ที่
ช่อง Nestle School Channel ค่ะ
-
ที่นั่นเค้าจะมีรุ่นพี่ระดับท็อปประเทศนะคะ
-
มาติวให้ทุกคนพร้อมกับ
เฉลยข้อสอบละเอียดยิบเลย
-
ตรงตามหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆเลยนะคะ
-
ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ฟรีค่ะ
-
ดังนั้นอย่าลืมเข้าไป subscribe กันนะคะ
-
นอกจากนี้เหมือนว่าเค้าจะมีเป็นแอปด้วยนะคะ
-
ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ
-
เอาล่ะ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะ
-
กินสลัดเสร็จแล้ว
-
แล้วก็กลับบ้านมาค้นหาข้อมูลเพื่อมา
ตอบทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
-
ดังนั้นตอนนี้เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราว
เกี่ยวกับซีซาร์สลัดของเรากันต่อดีกว่าค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ อย่าลืมกดติดตามวิว
ให้ครบทุกช่องทางก่อนค่ะ
-
เพราะว่าแต่ละช่องทางเนี่ย
เนื้อหาก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว
ที่ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
พูดถึงซีซาร์สลัด เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีค่ะ
-
เพราะว่าเป็นสลัดชื่อดังที่ก็ขายไปทั่วโลกเลยใช่ไหม
-
ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนแทบทุกที่
-
ไปกินพิซซ่า ไปกินสปาเก็ตตี้ ไปกินอะไร
ก็เจอแต่ซีซาร์สลัดกันทั้งนั้น
-
ว่าแต่อยากรู้กันไหมคะว่าซีซาร์สลัดเนี่ย
-
มันมีที่มาที่ไปอะไรยังไง
-
พูดถึงซีซาร์สลัด
ซีซาร์ ซีซาร์ ซีซาร์
-
จูเลียส ซีซาร์
-
จูเลียส ซีซาร์มาจากอาณาจักรโรมัน
-
โรมันอยู่ตรงโรม
-
โรม อิตาลี
-
โอ้โห เกี่ยวข้องกันไปอีก
อาหารอิตาเลียน โรม
-
อาหารอิตาเลียน จูเลียส ซีซาร์
-
มันจะต้องเป็นเมนูเก่าแก่ไปถึงสมัยจูเลียส ซีซาร์
-
เป็นเมนูโปรดของจูเลียส ซีซาร์
-
ที่ใช้เสิร์ฟตอนชนะสงครามอะไรแน่ๆเลย
-
มันถึงยิ่งใหญ่อลังการแล้วก็
มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
-
แต่ขอบอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วไม่เกี่ยวเลยนะคะ
-
เพราะว่าจริงๆแล้วซีซาร์สลัดเนี่ย
เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเองค่ะ
-
และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดที่อิตาลีทุกคน
-
แม้ว่ามันจะเป็นอาหารอิตาเลียนก็ตาม
-
แต่ซีซาร์สลัดนะคะเกิดขึ้นที่
-
ประเทศเม็กซิโกค่ะ
-
ตรงบริเวณติฮัวนานะคะ
-
ที่มีพรมแดนติดกับซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
ประมาณนั้นแหละค่ะ
-
อ่าว แล้วว่าแต่ใครเป็นคนคิดค้นสลัดชื่อนี้
ทำไมมันถึงมาได้ชื่อซีซาร์นะคะ
-
แล้วสรุปมันไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์จริงๆเหรอ
-
ก็ต้องบอกว่าจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
-
เรายังสรุปกันไม่ได้เลยว่า
ใครเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้นะคะ
-
เพราะว่าด้วยความที่สลัดชนิดนี้
มันเป็นสลัดที่ทำง่ายๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น
-
แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
-
ดังนั้นทุกคนนะคะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ
สลัดชนิดนี้ตอนสมัยเริ่มแรกขึ้นมาเนี่ย
-
ก็พยายามจะเคลมกันค่ะว่า
ชั้นเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้จ้า
-
นี่มันเป็นสูตรจากคุณยายของชั้น
-
นี่มันเป็นสูตรจากคุณป้าของคุณปู่ของคุณตาของชั้น
-
ประมาณนี้นะคะ
-
เพื่อที่ว่าจะได้เป็นคนถือสูตรที่เป็น
ออริจินัลที่สุดของสลัดชนิดนี้ไปค่ะ
-
นึกสภาพว่าเกิดวิวบอกว่า
-
มันมีคนผลิตน้ำสลัดชนิดนี้แบบออริจินัล
จากคนแรกที่คิดค้นซีซาร์สลัดเลยนะ
-
ทุกคนก็ต้องอยากกินใช่ไหมคะ
-
ดังนั้น นี่แหละค่ะคือสาเหตุที่ทุกคนพยายามเคลมว่า
-
ตัวเองเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ค่ะ
-
ว่าแต่มันมีทฤษฎีไหนบ้าง
-
วิวก็ไปค้นมาให้แล้วนะคะ
-
แต่จากการที่วิวค้น อ่านนู่นอ่านนี่
มาเยอะแยะมากมายค่ะ
-
บอกเลยว่ามีทฤษฎีหลักๆนะคะ
อยู่ทั้งหมด 2 ทฤษฎีด้วยกันค่ะ
-
ซึ่งในแต่ละทฤษฎีก็มีรายละเอียด
ปลีกย่อยๆลงไปอีกนะคะ
-
มีเวอร์ชันที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
-
เดี๋ยวเราไปฟังกันดีกว่าว่า
-
ในแต่ละเวอร์ชันเนี่ย เค้าคิดว่า
-
ใครเป็นคนคิดค้นซีซาร์สลัดกันนะคะ
-
ทฤษฎีแรกเนี่ยนะคะพูดถึงซีซาร์ คาร์ดินีค่ะ
-
อะ ชื่อซีซาร์โผล่มาแล้วนะคะ
-
คุณซีซาร์คนนี้เป็นใครมาจากไหน
-
ต้องบอกว่าเค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ
เกิดที่ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1896 ค่ะ
-
แต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ยนะคะ
-
มันเป็นช่วงที่ชาวยุโรปจำนวนมาก
ย้ายถิ่นฐานใช่ไหมคะ
-
จากทวีปยุโรปเนี่ยมาอยู่ที่ New Land
ดินแดนแห่งใหม่ก็คือสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ
-
และคุณซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น
อีกหนึ่งคนที่อพยพย้ายถิ่นมาค่ะ
-
โดยที่เค้าย้ายถิ่นมาอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกานะคะ
-
ในปีค.ศ. 1924 ค่ะ
-
ซึ่งในระหว่างที่เค้าอาศัยอยู่ตรงนั้นเนี่ย
-
มันก็เป็นช่วงเวลาที่ในสหรัฐอเมริกาเนี่ย
มันมีการเคอร์ฟิว มีอะไรต่างๆประมาณว่า
-
มีข้อห้ามนะคะว่า อย่าปาร์ตี้เสียงดัง
อย่าปาร์ตี้ดึก อะไรต่างๆ
-
ดังนั้นด้วยความที่เค้าอาศัยอยู่
ติดกับเส้นชายแดนเนี่ยนะคะ
-
เค้าก็เลยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจค่ะ
-
ดังนั้นทุกวันนะคะ แม้ว่าบ้านของเค้า
จะอยู่ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
-
แต่เค้าข้ามไปเปิดร้านอาหารค่ะ
อยู่ที่ฝั่งเม็กซิโกนะคะ
-
ที่เมืองติฮัวนาที่อยู่ติดกันค่ะ
-
เปิดร้านอาหารอิตาเลียนขึ้นมานะคะ
แล้วก็เป็นร้านกินดื่มชื่อดังแถวนั้นเลย
-
ประมาณว่าพวกทหาร
-
พวกคนจากอเมริกาที่อยู่ในอเมริกาแบบ
-
อยู่ในอเมริกามีกฎใช่ไหมประมาณว่า
-
ห้ามปาร์ตี้ ห้ามกินเหล้า นู่นนี่นั่น
-
อะ ก็ข้ามเส้นพรมแดนมาปุ๊บ
-
ในเม็กซิโกไม่มีกฎอีกก็มากินดื่ม กินเหล้า
เละตุ้มเป๊ะอะไรกันอยู่ ประมาณนั้นนะคะ
-
อารมณ์คล้ายๆชายแดนไทย-กัมพูชานั่นแหละค่ะ
-
ฝั่งไทยห้ามพนันใช่ไหม
-
อะ ก็ข้ามไปเปิดบ่อนอยู่ฝั่งกัมพูชา ประมาณนั้นเลยนะคะ
-
ดังนั้นร้านของซีซาร์ก็โด่งดังขึ้นมาค่ะ
-
ก็คือเวลาคนเรียกชื่อร้านในภาษาอังกฤษ นึกออกไหม
-
's แปลว่า ของ ใช่ไหม
-
ดังนั้นเวลาเค้าเรียกร้าน เค้าก็เรียกว่า
-
Caesar's แปลว่าร้านของซีซาร์ ประมาณนั้นค่ะ
-
ซึ่งร้านนี้ก็เปิดมาเรื่อยๆนะคะ จนกระทั่ง
-
ถึงวันนึงค่ะก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1924 นะคะ
-
วันนั้นเนี่ยเป็นวันชาติอเมริกาค่ะ
-
มีคนคนนึงเล่าเหตุการณ์นี้ขึ้นมาค่ะ
-
คนคนนั้นก็คือคุณโรซ่านะคะที่เป็น
ลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ
-
เค้าเล่าให้ฟังว่าวันนั้นนะ พ่อของชั้นเนี่ย
เปิดร้านอาหารตามปกติ
-
และด้วยความที่มันเป็นวันชาติอเมริกานะ
-
มันก็มีคนมากินดื่มในร้านกัน
เยอะมากจนกระทั่งวัตถุดิบหมด
-
พอวัตถุดิบหมดเนี่ย คนก็เรียกร้องว่า
-
ชั้นอยากกินอะไรซักอย่าง
ทำอะไรซักอย่างให้ชั้นกินสิ
-
ดังนั้นนะคะ ซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย
ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ลูกค้ากินค่ะ
-
เค้าก็เลยเข้าไปในครัว
แล้วก็รื้อทุกอย่าง รื้อๆๆออกมา
-
ว่าแบบชั้นมีอะไรเหลืออยู่บ้าง
-
อ๋อ มีผักกาดแก้ว อ๋อ มีไข่ มีนู่นมีนี่มีนั่น
-
ก็เลยเอาออกมาทั้งหมดเลยค่ะ
-
แล้วก็ตัดสินใจว่าจากวัตถุดิบในวันนี้
-
ชั้นสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง
-
อื้ม...อื้ม...อื้ม...
-
เหมือนรายการมาสเตอร์เชฟนะทุกคน
-
เอ่อ ต้องคิดด่วน ต้องคิดด่วน
ลูกค้ารออยู่แล้ว เวลามีจำกัด
-
อะ อาหารที่ทำง่ายที่สุด สลัดนั่นเอง
-
เอาทุกอย่างมายำรวมกันเป็นสลัดเลย
-
แต่ทีนี้สมมติว่าไปคลุกๆๆสลัดอยู่หลังร้าน
-
แล้วก็ยกออกมาเนี่ย มันก็จะดูเหมือนแบบ
เอาเศษของเหลือมาให้ลูกค้ากิน นึกออกปะ
-
ดังนั้นนะคะคุณซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ยก็เลย
คิดวิธีการปรุงอาหารที่ทำให้ไฮโซขึ้นค่ะ
-
ด้วยการเข็นรถอาหารออกมาเลย
-
เป็นแบบวัตถุดิบ วัตถุดิบ วัตถุดิบ
เข็นออกมา แอ๊ดๆๆๆ
-
มาจอดอยู่ที่ข้างโต๊ะของลูกค้าค่ะ
-
หลังจากเนี่ยนะคะ เค้าก็เอา
ชามขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็เริ่ม
-
ทำสลัดตรงนั้นเลย
ให้ลูกค้าได้เห็นวิธีการทำนะคะ
-
ก็อารมณ์คล้ายๆกับที่ทุกวันนี้เราไปกินข้าวตามโรงแรม
-
แล้วจะเห็นว่ามันจะมี Salad Bowl
-
ที่เค้าให้เราทำสลัดสดๆเอง
ประมาณนั้นเลย นี่เป็นที่มานี่แหละ
-
คุณซีซาร์ คาร์ดินีนะคะ
ก็ทำสลัด ทำสลัดให้ลูกค้าค่ะ
-
แล้วก็ให้ลูกค้ากิน ปรากฏว่า
-
ลูกค้าเนี่ยชอบมากนะคะ
-
สลัดชนิดนี้โด่งดังไปค่ะ
-
ดังนั้นลูกค้านะคะก็เลยมาขอ
ให้ทำสลัดชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
-
รวมถึงพวกคนที่มาจากฮอลลีวูดอะไรอย่างนี้ด้วย
-
พอมันมีคนมากินเยอะๆๆๆ
สลัดชนิดนี้ก็เลยดังเป็นพลุแตกเลยนะคะ
-
แล้วก็ได้ชื่อว่า Caesar's Salad หรือว่า
สลัดของซีซาร์ ตั้งแต่วันนั้นนั่นเองค่ะ
-
แต่ว่าประวัติของซีซาร์สลัดมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ
-
คือมันไม่ใช่คุณซีซาร์คนนี้คนเดียวไง
ที่เคลมว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดนะ
-
หลังจากที่คุณโรซ่าลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี
ออกมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ค่ะ
-
ก็มีคนออกมาแย้งกันเต็มเลยนะคะประมาณว่า
-
เดี๋ยวๆๆๆ พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้
-
นี่ ชั้นต่างหากเป็นคนคิด
-
คนแรกนะคะก็คือคนที่ชื่อว่า
พอล แม็กจิโอรา ค่ะ
-
คนนี้เค้าเป็นหุ้นส่วนของซีซาร์ คาร์ดินี
ที่ร่วมกันเปิดร้านอาหารขึ้นมานะคะ
-
เค้าบอกว่าเดี๋ยว พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิด
-
ชั้นนี่แหละเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ในปีค.ศ. 1927
-
เพื่อให้พวกนักบินต่างๆได้กินกัน
-
แล้วชั้นก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad
-
ที่แปลว่า สลัดนักบิน ประมาณนี้แหละ
-
แล้วหลังจากนั้นพอเรามาเป็นหุ้นส่วนกันอะไรต่างๆ
-
มันก็เลยมาเสิร์ฟอยู่ในร้านนี้
-
อย่าโมเมนะว่าพ่อเธอเป็นคนคิด
-
น่ะ อันนี้เป็นคนแรกนะคะ
-
ส่วนคนที่สองเนี่ยนะคะ
ชื่อว่า ลิวิโอ ซานตินี ค่ะ
-
คนนี้เค้าเป็นเด็กฝึกงานในร้านของซีซาร์
-
คนนี้นะคะเค้าบอกว่า
ตอนนั้นเนี่ยนะ ในปีค.ศ. 1925
-
ผมเป็นเด็กอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น
-
ผมเนี่ยเป็นเด็กในร้านของซีซาร์ คาร์ดินี
-
ทีนี้ตอนนั้นอยู่ในร้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร
ผมก็เลยทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมา
-
ซึ่งสูตรเนี่ยนะ ผมเอามาจากแม่ผม
ที่แม่เคยทำให้ผมกิน
-
เสร็จแล้วปรากฏว่าซีซาร์ คาร์ดินี
ก็มาเห็นสลัดชนิดนี้ที่ผมทำ
-
แล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ย มันน่าสนใจมาก
เค้าก็เลยขโมยสูตรของผมไปเลย
-
แล้วก็ไปเคลมว่าเค้าเป็นคนคิดอะไรต่างๆนะคะ
-
นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีคนเล่าขึ้นมานะคะ
-
ทีนี้มีอีกคนนึงค่ะที่ลุกขึ้นมาเคลมว่า
-
เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ อย่าเคลมเอาเครดิตไปทั้งหมด
-
อันนี้คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครเป็นคนพูด
-
แต่ว่ามันมีคนบอกมาว่า
จริงๆแล้วซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย
-
มีน้องชายอยู่คนนึงชื่อว่า อเล็กซ์
-
ซึ่งอเล็กซ์เนี่ยเค้าก็เดินทางตาม
ซีซาร์มาจากอิตาลีเนี่ยนะ
-
มาอยู่ที่ติฮัวนาเหมือนกัน
แล้วก็มาช่วยอยู่ในร้านอาหารนี่แหละ
-
และตอนแรกซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น
คนทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมานี่แหละ
-
แต่ว่าทำออกมาแล้วมันก็ไม่ได้ฮิตขนาดนั้น
-
มันไม่อร่อยขนาดนั้น
-
ปรากฏว่าอเล็กซ์เนี่ยเล็งเห็นว่า
เฮ้ย สลัดจานนี้มันขาดอะไรไปนิดหน่อย
-
ถ้าเราใส่แอนโชวีลงไปนะ ฟึบ
-
รับรองว่าดังค่ะ
-
อเล็กซ์ก็เลยเอาแอนโชวีใส่ลงไปในสลัดชนิดนี้
-
แล้วก็ทำให้สลัดชนิดนี้ดังเป็นพลุแตกเลย
-
ดังนั้นเครดิตมันไม่ควรจะเป็นของ
ซีซาร์ คาร์ดินีคนเดียวนะ
-
ซึ่งตอนแรกนะคะเวอร์ชันนี้บอกว่าอเล็กซ์เนี่ย
ไม่ได้เรียกสลัดชนิดนี้ว่าซีซาร์สลัดหรอก
-
ก็ใช่สิ ชั้นเป็นคนคิด
-
ชั้นเป็นส่วนหนึ่งที่คิดด้วย
จะไปเรียกเป็นชื่อของพี่ทำไม
-
เค้าเรียกสลัดชนิดนี้นะว่า Aviator's Salad
-
ก็คือ สลัดนักบิน
-
เริ่มมีสองคนแล้วนะที่บอกว่า
สลัดนี้ชื่อสลัดนักบินนะคะ
-
แต่ว่ามันดันดังในฐานะสลัดของร้านซีซาร์
-
คนก็เลยเรียกว่าซีซาร์สลัดนั่นเองค่ะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ นี่แค่เวอร์ชันแรกนะคะ
-
คือเวอร์ชันที่โรซ่า ลูกสาวของ
ซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาพูด
-
แล้วคนก็ออกมาแย้งๆๆๆโรซ่า ประมาณนี้นะคะ
-
อย่างไรก็ตาม เรามาดูเวอร์ชันที่สองดีกว่า
-
เวอร์ชันที่สองนี่นะคะ หลานหรือเหลน
ซักอย่างนึงเนี่ยของอเล็กซ์ คาร์ดินีเนี่ยนะคะ
-
ซึ่งก็คือน้องชายของซีซาร์ คาร์ดินี
-
เป็นคนที่ลุกขึ้นมาเล่าค่ะประมาณว่า
-
ตอนนั้นปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิดค้นสลัดชนิดนี้
-
ในร้านของพี่ชายก็คือ
-
ลุง...คุณลุงใหญ่...เรียกว่าไรอะ
-
คือไม่...ไม่แม่น
-
ไม่แม่นเค้าเรียกว่าไร
ไม่แม่นการนับญาติแบบไทยอะ
-
ก็ my great grand uncle อะไรประมาณนี้นะคะ
-
ของผม ก็คือพี่ชายของปู่นั่นแหละ
-
อะ ช่างมันเถอะค่ะ
-
เราไม่ได้มาวุ่นวายกับการนับญาติกันในคลิปนี้นะ
-
ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส เดี๋ยวไว้มาทำ
เรื่องการนับญาติกันทีหลังนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม เค้าบอกว่า นี่แหละ
-
อเล็กซ์ คุณปู่ทวดของผมเนี่ยผลิตสลัดชนิดนี้ขึ้นมา
-
ในร้านของคุณซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ
-
คือจริงๆแล้วอเล็กซ์ ปู่ทวดของผมเนี่ย
เค้าไม่ได้มาเป็นพ่อครัวอะไรหรอก
-
เค้าเป็นนักบิน เป็นนักบินในกองทัพอิตาลี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
-
แล้วทีนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เค้าก็เห็นว่า
-
พี่ชายของเค้า ซีซาร์ คาร์ดินี
-
ย้ายมาอยู่ที่โลกใหม่
ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้ว
-
เค้าก็เลยย้ายตามมา
-
มาอาศัยอยู่ที่ติฮัวนาด้วย
-
ซึ่งเรื่องราวก็คล้ายๆกับร้านของคาร์ดินีนี่แหละ
-
ว่าสมัยนั้นเนี่ย ในฝั่งอเมริกามีการ
ห้ามปาร์ตี้ ห้ามอะไรต่างๆ
-
คือมีกฎห้ามว่าอย่างนั้นเถอะ
-
ดังนั้นพวกเหล่าทหาร พวกเหล่าอะไรต่างๆ
ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนเนี่ย
-
ก็จะข้ามมาฝั่งเม็กซิโก มาปาร์ตี้กัน
-
ซึ่งในคืนนึงเนี่ยนะ พวก Rockwell Field Air Force
ซึ่งเป็นทหารอากาศของสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ
-
แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณอเล็กซ์นี่ด้วยเนี่ย
-
ด้วยความที่เป็นนักบินด้วยกันน่ะ
ก็มากินข้าวที่ร้านนี้
-
แล้วพวกนี้เนี่ยนะก็ปาร์ตี้เละตุ้มเป๊ะเลย
-
ปาร์ตี้แบบเมาแอ๋ นอนหลับ
สลบเหมือดกันอยู่ในร้านนั่นแหละ
-
ก็คือกินกันจนเลยเวลาเคอร์ฟิวว่าอย่างนั้นเถอะ
-
ก็กินๆๆๆไปจนกระทั่งเช้าค่ะ
-
พวกนี้ก็ตื่นขึ้นมาในร้านแล้วก็รู้สึก
ว่าแบบโอ๊ยหิว อยากได้ข้าวเช้า
-
แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้ขายข้าวเช้าไง
-
ก็เลยเรียกอเล็กซ์บอกว่า อเล็กซ์ๆ
เฮ้ยเพื่อน ทำอาหารเช้าให้กินหน่อยดิ
-
หิวอะ กินเหล้ามาทั้งคืนแล้ว
อะไรประมาณนี้นะคะ
-
อเล็กซ์ก็เลยหาของในตู้เย็นต่างๆค่ะ
-
แล้วก็มาทำเป็นสลัดให้พวกเพื่อนนักบินกินค่ะ
-
แล้วก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า
Aviator's Salad ก็คือสลัดของนักบิน
-
เพื่อที่จะได้เป็นเกียรติแก่
เหล่าเพื่อนๆที่มากินเป็นกลุ่มแรกค่ะ
-
ซึ่งบังเอิญว่าสลัดชนิดนี้มันก็แพร่กระจาย
ออกไปแล้วก็ดังเป็นพลุแตกเลย
-
ประมาณว่าทุกคนก็อยากกิน
ทุกคนก็แบบชอบสลัดชนิดนี้
-
ก็มากิน มากิน มากินกันที่ร้านนี้ค่ะ
-
ทีนี้ทุกคนก็ชวนกันมาเพื่อที่จะมากินในร้านนี้
-
ก็เวลาชวนกันเนี่ย เค้าก็จะชวนกันว่า
-
Hey! Let's go to Caesar's!
-
Caesar's ก็คือร้านของซีซาร์
-
Let's go to Caesar's and have that salad.
-
ประมาณว่าเฮ้ย เราไปร้านซีซาร์
ไปกินไอ้สลัดนั้นกันเถอะ
-
แล้วนึกสภาพพูดไปเรื่อยๆ
-
คนมันไม่พูดอะไรยาวๆหรอกแบบ
-
Hey, let's go to Caesar's have salad...
-
Caesar...salad...
-
Caesar Salad
-
สรุปก็เลยกลายเป็นซีซาร์สลัดนั่นเอง
-
คนก็จำไปว่า
-
นี่แหละคือซีซาร์สลัด
-
และสุดท้ายนะคะ
หลังจากทุกอย่างดังเป็นพลุแตกเนี่ย
-
อเล็กซ์ก็มีการย้ายบ้านเหมือนกันนะ
-
คือเค้าย้ายไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้เลยนะคะ
-
แล้วก็ไปเปิดร้านอาหารที่นั่น
-
ในร้านอาหารของอเล็กซ์เนี่ย
ก็มีเมนูนะคะ แล้วก็เขียนไว้เลย
-
มีคนถ่ายรูปไว้ตั้งแต่สมัยนั้นว่า
-
เค้าเขียนชื่อเมนูนะไว้ว่า
-
The Original Alex Cardini Caesar Salad
-
ประมาณว่าชั้นเป็นคนออริจินัล
-
นี่แหละสลัดของชั้นนะคะ
-
ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นออริจินัลนะ
-
แต่ว่าในปีค.ศ. 1938 ค่ะ ปรากฏว่า
-
บ้านของซีซาร์ คาร์ดินีก็ย้ายบ้านเหมือนกัน
-
ย้ายบ้านไปอยู่ที่แอลเอค่ะ ลอสแอนเจลิส
-
ไปถึงเนี่ยนะคะปรากฏว่า
-
ตอนนั้นเค้าไม่ได้ไปเปิดร้านอาหารแล้วค่ะ
แต่เค้าไปเปิด Grocery Store
-
ก็คือเหมือนอารมณ์ซูเปอร์มาร์เก็ต
เหมือนร้านขายของชำประมาณนี้
-
แต่ว่าเน้นไปที่ขายอาหารนะคะ
-
แล้วทีนี้ด้วยความที่สลัดชนิดนี้โด่งดังค่ะ
-
น้ำสลัดเป็นที่ต้องการมาก
-
มันก็จะมีลูกค้าเยอะมากเลยนะคะ
เดินทางมาที่ร้านพร้อมกับขวดไวน์เปล่าค่ะ
-
แล้วก็บอกว่า อะ ซีซาร์ คาร์ดินี
ทำน้ำสลัดให้หน่อยสิ
-
เอาใส่ขวดไวน์นี้นะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามา
-
ซีซาร์นะคะ ก็ขายน้ำสลัด
ของตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ
-
จนกระทั่งปีค.ศ. 1948 ค่ะ
ปรากฏว่าซีซาร์รู้สึกว่าแบบ
-
เฮ้ย นี่มันมีคนมาซื้อน้ำสลัดชั้นเนี่ย
เยอะเกินไปแล้ว มันฮิตเกินไป
-
ดังนั้นซีซาร์นะคะก็เลยร่วมมือกับ
ลูกสาวที่ชื่อว่าโรซ่า บอกว่า
-
เราผลิตกันเองเลยไหม
-
ก็เลยไปสั่งไลน์ผลิตนะคะ
มีการบรรจุขวดแก้วอะไรต่างๆ
-
แล้วก็ผลิตน้ำสลัดซีซาร์ขึ้นมา
ขายเองซะอย่างนั้นเลยค่ะ
-
หลังจากนั้นน้ำสลัดของซีซาร์นะคะ
ก็มีการส่งออกไปขายทั่วเลยค่ะ
-
แล้วก็แปะป้ายว่าซีซาร์สลัดประมาณนั้นแหละ
-
และนี่ก็คือที่มาของซีซาร์สลัดทั้งหมด
กี่เวอร์ชันก็ไม่รู้นะคะ
-
ก็เราก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าสุดท้ายแล้ว
เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ถูกต้องที่สุด
-
เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด
-
ใครพูดจริง ใครพูดโกหก
-
หรือมันอาจจะแค่แบบ เอ๊ย
ผลิตขึ้นมาพร้อมๆกันในระยะเวลาใกล้ๆกัน
-
เพราะว่ามันก็อยู่ในร้านเดียวกัน
วัตถุดิบมันก็เหมือนกัน
-
แล้วถ้าเอาทุกอย่างมายำรวมกัน
มันก็ได้สลัดเหมือนกัน
-
อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ
-
อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินใจแบบไหนค่ะ
-
แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
จะเห็นว่าเรื่องราวของซีซาร์สลัดเนี่ย
-
ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์เลย
-
นอกจากว่าซีซาร์เป็นชื่อของคนที่ฮิตในอิตาลี
-
แล้วก็บังเอิญว่านายซีซาร์ คาร์ดินี
นี่ก็เลยได้ชื่อว่าซีซาร์ประมาณนั้นค่ะ
-
แต่จริงๆมันก็มีอีกคนนอกมาเถียงค่ะ
-
คือในปีค.ศ. 1903 โอโหประมาณ 20 ปีเลยนะ
-
ก่อนที่ซีซาร์ คาร์ดินีจะคิดสลัดชนิดนี้เนี่ย
-
เค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ
-
แล้วก็อยู่ในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกานะคะ
-
พวกทายาทของเค้าเนี่ยออกมาบอกว่า
-
คุณคนอิตาลีคนนี้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้
เพื่อขายในร้านอาหารอิตาเลียนที่รัฐอิลลินอยส์
-
ไม่ใช่ไอ้ซีซาร์ คาร์ดินีอะไรนี่เลย
-
ซีซาร์มันแค่เอาผักกาดมาใส่ลงไป
-
มันก็เลยทำให้สลัดชนิดนี้
กลมกล่อมขึ้นแค่นั้นแหละ
-
แต่จริงๆแล้วคุณปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิด
-
แล้วเค้าก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนีว่าซีซาร์เพราะว่า
-
ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียน
-
แล้วบริเวณนั้นมันไม่ใช่ที่อิตาลีไง
-
มันก็ต้องเอาชื่ออะไรอิตาลีๆมาใส่อะ ประมาณนั้นแหละ
-
เอ๊ ชื่ออะไรดีนะที่จะเป็นชื่อที่
มันดูอิตาลีที่สุด อิตาเลียนที่สุด
-
อ๋อ ชื่อคนอิตาเลียนที่ดังที่สุดในโลก
ก็น่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์แหละ
-
อะ เรียกอย่างนี้แล้วกัน ซีซาร์สลัด
-
เรียกเพื่อเป็นเกียรติแก่จูเลียส ซีซาร์ ประมาณนั้นนะคะ
-
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่แค่คนนี้นะที่ออกมาเถียง
-
มันยังมีอีกหลายเวอร์ชันเลย
-
มีประมาณแบบเป็นสิบเวอร์ชันเลยทีเดียวค่ะ
-
ดังนั้นใครจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ช่างมันละกันค่ะ
-
เพราะว่าสุดท้ายแล้วนะ
สลัดชนิดนี้มันก็ดังไปทั่วโลก
-
แล้วก็ดังมาจนถึงประเทศไทย
ที่เราได้กินกันในที่สุดนั่นเองค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ เรื่องราวความเป็นมาของซีซาร์สลัด
-
ใครเชื่อเวอร์ชันไหนกันบ้าง
-
คิดว่าเวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด
-
แต่บอกเลยว่าใครเชื่อหรือไม่เชื่อเวอร์ชันไหน
ก็เป็นแค่ความเห็นเนอะ
-
เพราะว่ามันไม่ได้มีการฟันธงแน่ๆที่ไหนค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม
-
กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
-
และพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงๆมันยังมีประวัติที่มาของอาหาร
อีกหลายชนิดเลยนะคะที่น่าเอามาคุยกัน
-
เดี๋ยววันหลังถ้ามีโอกาส
เดี๋ยววิวมาเล่าให้ฟังค่ะ
-
ถ้าใครอยากรู้เรื่องอาหารชนิดไหน
ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ
-
ถ้าวิวค้นข้อมูลเจอเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ
-
วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ