< Return to Video

ซีซาร์สลัด เกี่ยวอะไรกับ จูเลียส ซีซาร์ ? | Point of View x Nestle School Channel

  • 0:01 - 0:03
    อยากรู้ไหมคะว่าซีซาร์สลัดเกี่ยวอะไรกับจูเลียส ซีซาร์
  • 0:03 - 0:05
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:05 - 0:07
    ตอนนี้นะคะ วิวกำลังกินซีซาร์สลัดอยู่ค่ะ
  • 0:07 - 0:09
    แล้ววิวก็อยากรู้มากๆเลยว่า
  • 0:09 - 0:12
    ซีซาร์สลัดเกี่ยวข้องอะไรกับจูเลียส ซีซาร์
  • 0:12 - 0:15
    ชื่อเหมือนกันขนาดนี้มันจะต้องมี
    ที่มาที่ไปเกี่ยวข้องกันแน่ๆค่ะ
  • 0:15 - 0:19
    อย่างไรก็ตามนะคะ เกร็ดความรู้ที่วิวจะนำมา
    เล่าในวันนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้สนุกๆเท่านั้นค่ะ
  • 0:19 - 0:21
    ไม่สามารถนำไปใช้เรียนใช้สอบได้นะคะ
  • 0:21 - 0:24
    ดังนั้นนะคะ ถ้าน้องๆคนไหน
    จะต้องไปสอบไม่ว่าจะเป็น
  • 0:24 - 0:29
    O-NET GAT PAT กสพท. SATmath
    BMAT IJSO โอ้ เยอะแยะเต็มไปหมดเนี่ยนะคะ
  • 0:29 - 0:31
    สามารถเข้าไปติวได้ที่
    ช่อง Nestle School Channel ค่ะ
  • 0:31 - 0:34
    ที่นั่นเค้าจะมีรุ่นพี่ระดับท็อปประเทศนะคะ
  • 0:34 - 0:36
    มาติวให้ทุกคนพร้อมกับ
    เฉลยข้อสอบละเอียดยิบเลย
  • 0:36 - 0:39
    ตรงตามหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆเลยนะคะ
  • 0:39 - 0:40
    ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ฟรีค่ะ
  • 0:40 - 0:42
    ดังนั้นอย่าลืมเข้าไป subscribe กันนะคะ
  • 0:42 - 0:44
    นอกจากนี้เหมือนว่าเค้าจะมีเป็นแอปด้วยนะคะ
  • 0:44 - 0:45
    ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ
  • 0:48 - 0:49
    เอาล่ะ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะ
  • 0:49 - 0:50
    กินสลัดเสร็จแล้ว
  • 0:50 - 0:54
    แล้วก็กลับบ้านมาค้นหาข้อมูลเพื่อมา
    ตอบทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
  • 0:54 - 0:58
    ดังนั้นตอนนี้เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราว
    เกี่ยวกับซีซาร์สลัดของเรากันต่อดีกว่าค่ะ
  • 0:58 - 1:01
    อย่างไรก็ตามนะคะ อย่าลืมกดติดตามวิว
    ให้ครบทุกช่องทางก่อนค่ะ
  • 1:01 - 1:03
    เพราะว่าแต่ละช่องทางเนี่ย
    เนื้อหาก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ
  • 1:03 - 1:07
    สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว
    ที่ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ
  • 1:07 - 1:09
    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:12 - 1:15
    พูดถึงซีซาร์สลัด เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีค่ะ
  • 1:15 - 1:17
    เพราะว่าเป็นสลัดชื่อดังที่ก็ขายไปทั่วโลกเลยใช่ไหม
  • 1:17 - 1:20
    ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนแทบทุกที่
  • 1:20 - 1:24
    ไปกินพิซซ่า ไปกินสปาเก็ตตี้ ไปกินอะไร
    ก็เจอแต่ซีซาร์สลัดกันทั้งนั้น
  • 1:24 - 1:27
    ว่าแต่อยากรู้กันไหมคะว่าซีซาร์สลัดเนี่ย
  • 1:27 - 1:28
    มันมีที่มาที่ไปอะไรยังไง
  • 1:28 - 1:31
    พูดถึงซีซาร์สลัด
    ซีซาร์ ซีซาร์ ซีซาร์
  • 1:31 - 1:32
    จูเลียส ซีซาร์
  • 1:32 - 1:34
    จูเลียส ซีซาร์มาจากอาณาจักรโรมัน
  • 1:34 - 1:35
    โรมันอยู่ตรงโรม
  • 1:35 - 1:36
    โรม อิตาลี
  • 1:36 - 1:39
    โอ้โห เกี่ยวข้องกันไปอีก
    อาหารอิตาเลียน โรม
  • 1:39 - 1:41
    อาหารอิตาเลียน จูเลียส ซีซาร์
  • 1:41 - 1:44
    มันจะต้องเป็นเมนูเก่าแก่ไปถึงสมัยจูเลียส ซีซาร์
  • 1:44 - 1:45
    เป็นเมนูโปรดของจูเลียส ซีซาร์
  • 1:45 - 1:48
    ที่ใช้เสิร์ฟตอนชนะสงครามอะไรแน่ๆเลย
  • 1:48 - 1:52
    มันถึงยิ่งใหญ่อลังการแล้วก็
    มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
  • 1:52 - 1:55
    แต่ขอบอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วไม่เกี่ยวเลยนะคะ
  • 1:55 - 1:59
    เพราะว่าจริงๆแล้วซีซาร์สลัดเนี่ย
    เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเองค่ะ
  • 1:59 - 2:01
    และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดที่อิตาลีทุกคน
  • 2:01 - 2:03
    แม้ว่ามันจะเป็นอาหารอิตาเลียนก็ตาม
  • 2:03 - 2:05
    แต่ซีซาร์สลัดนะคะเกิดขึ้นที่
  • 2:05 - 2:06
    ประเทศเม็กซิโกค่ะ
  • 2:06 - 2:08
    ตรงบริเวณติฮัวนานะคะ
  • 2:08 - 2:12
    ที่มีพรมแดนติดกับซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
    ประมาณนั้นแหละค่ะ
  • 2:12 - 2:17
    อ่าว แล้วว่าแต่ใครเป็นคนคิดค้นสลัดชื่อนี้
    ทำไมมันถึงมาได้ชื่อซีซาร์นะคะ
  • 2:17 - 2:19
    แล้วสรุปมันไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์จริงๆเหรอ
  • 2:19 - 2:21
    ก็ต้องบอกว่าจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
  • 2:21 - 2:24
    เรายังสรุปกันไม่ได้เลยว่า
    ใครเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้นะคะ
  • 2:24 - 2:28
    เพราะว่าด้วยความที่สลัดชนิดนี้
    มันเป็นสลัดที่ทำง่ายๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น
  • 2:28 - 2:30
    แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
  • 2:30 - 2:35
    ดังนั้นทุกคนนะคะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ
    สลัดชนิดนี้ตอนสมัยเริ่มแรกขึ้นมาเนี่ย
  • 2:35 - 2:38
    ก็พยายามจะเคลมกันค่ะว่า
    ชั้นเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้จ้า
  • 2:38 - 2:40
    นี่มันเป็นสูตรจากคุณยายของชั้น
  • 2:40 - 2:42
    นี่มันเป็นสูตรจากคุณป้าของคุณปู่ของคุณตาของชั้น
  • 2:42 - 2:43
    ประมาณนี้นะคะ
  • 2:43 - 2:47
    เพื่อที่ว่าจะได้เป็นคนถือสูตรที่เป็น
    ออริจินัลที่สุดของสลัดชนิดนี้ไปค่ะ
  • 2:47 - 2:49
    นึกสภาพว่าเกิดวิวบอกว่า
  • 2:49 - 2:54
    มันมีคนผลิตน้ำสลัดชนิดนี้แบบออริจินัล
    จากคนแรกที่คิดค้นซีซาร์สลัดเลยนะ
  • 2:54 - 2:55
    ทุกคนก็ต้องอยากกินใช่ไหมคะ
  • 2:55 - 2:58
    ดังนั้น นี่แหละค่ะคือสาเหตุที่ทุกคนพยายามเคลมว่า
  • 2:58 - 3:00
    ตัวเองเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ค่ะ
  • 3:00 - 3:02
    ว่าแต่มันมีทฤษฎีไหนบ้าง
  • 3:02 - 3:03
    วิวก็ไปค้นมาให้แล้วนะคะ
  • 3:03 - 3:07
    แต่จากการที่วิวค้น อ่านนู่นอ่านนี่
    มาเยอะแยะมากมายค่ะ
  • 3:07 - 3:10
    บอกเลยว่ามีทฤษฎีหลักๆนะคะ
    อยู่ทั้งหมด 2 ทฤษฎีด้วยกันค่ะ
  • 3:10 - 3:13
    ซึ่งในแต่ละทฤษฎีก็มีรายละเอียด
    ปลีกย่อยๆลงไปอีกนะคะ
  • 3:13 - 3:15
    มีเวอร์ชันที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
  • 3:15 - 3:16
    เดี๋ยวเราไปฟังกันดีกว่าว่า
  • 3:16 - 3:18
    ในแต่ละเวอร์ชันเนี่ย เค้าคิดว่า
  • 3:18 - 3:20
    ใครเป็นคนคิดค้นซีซาร์สลัดกันนะคะ
  • 3:20 - 3:23
    ทฤษฎีแรกเนี่ยนะคะพูดถึงซีซาร์ คาร์ดินีค่ะ
  • 3:23 - 3:25
    อะ ชื่อซีซาร์โผล่มาแล้วนะคะ
  • 3:25 - 3:26
    คุณซีซาร์คนนี้เป็นใครมาจากไหน
  • 3:26 - 3:31
    ต้องบอกว่าเค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ
    เกิดที่ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1896 ค่ะ
  • 3:31 - 3:33
    แต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ยนะคะ
  • 3:33 - 3:36
    มันเป็นช่วงที่ชาวยุโรปจำนวนมาก
    ย้ายถิ่นฐานใช่ไหมคะ
  • 3:36 - 3:41
    จากทวีปยุโรปเนี่ยมาอยู่ที่ New Land
    ดินแดนแห่งใหม่ก็คือสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ
  • 3:41 - 3:45
    และคุณซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น
    อีกหนึ่งคนที่อพยพย้ายถิ่นมาค่ะ
  • 3:45 - 3:48
    โดยที่เค้าย้ายถิ่นมาอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกานะคะ
  • 3:48 - 3:50
    ในปีค.ศ. 1924 ค่ะ
  • 3:50 - 3:52
    ซึ่งในระหว่างที่เค้าอาศัยอยู่ตรงนั้นเนี่ย
  • 3:52 - 3:56
    มันก็เป็นช่วงเวลาที่ในสหรัฐอเมริกาเนี่ย
    มันมีการเคอร์ฟิว มีอะไรต่างๆประมาณว่า
  • 3:56 - 4:00
    มีข้อห้ามนะคะว่า อย่าปาร์ตี้เสียงดัง
    อย่าปาร์ตี้ดึก อะไรต่างๆ
  • 4:00 - 4:03
    ดังนั้นด้วยความที่เค้าอาศัยอยู่
    ติดกับเส้นชายแดนเนี่ยนะคะ
  • 4:03 - 4:05
    เค้าก็เลยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจค่ะ
  • 4:05 - 4:09
    ดังนั้นทุกวันนะคะ แม้ว่าบ้านของเค้า
    จะอยู่ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา
  • 4:09 - 4:13
    แต่เค้าข้ามไปเปิดร้านอาหารค่ะ
    อยู่ที่ฝั่งเม็กซิโกนะคะ
  • 4:13 - 4:15
    ที่เมืองติฮัวนาที่อยู่ติดกันค่ะ
  • 4:15 - 4:19
    เปิดร้านอาหารอิตาเลียนขึ้นมานะคะ
    แล้วก็เป็นร้านกินดื่มชื่อดังแถวนั้นเลย
  • 4:19 - 4:20
    ประมาณว่าพวกทหาร
  • 4:20 - 4:22
    พวกคนจากอเมริกาที่อยู่ในอเมริกาแบบ
  • 4:22 - 4:24
    อยู่ในอเมริกามีกฎใช่ไหมประมาณว่า
  • 4:24 - 4:26
    ห้ามปาร์ตี้ ห้ามกินเหล้า นู่นนี่นั่น
  • 4:26 - 4:27
    อะ ก็ข้ามเส้นพรมแดนมาปุ๊บ
  • 4:27 - 4:31
    ในเม็กซิโกไม่มีกฎอีกก็มากินดื่ม กินเหล้า
    เละตุ้มเป๊ะอะไรกันอยู่ ประมาณนั้นนะคะ
  • 4:31 - 4:34
    อารมณ์คล้ายๆชายแดนไทย-กัมพูชานั่นแหละค่ะ
  • 4:34 - 4:35
    ฝั่งไทยห้ามพนันใช่ไหม
  • 4:35 - 4:38
    อะ ก็ข้ามไปเปิดบ่อนอยู่ฝั่งกัมพูชา ประมาณนั้นเลยนะคะ
  • 4:38 - 4:40
    ดังนั้นร้านของซีซาร์ก็โด่งดังขึ้นมาค่ะ
  • 4:40 - 4:43
    ก็คือเวลาคนเรียกชื่อร้านในภาษาอังกฤษ นึกออกไหม
  • 4:43 - 4:45
    's แปลว่า ของ ใช่ไหม
  • 4:45 - 4:46
    ดังนั้นเวลาเค้าเรียกร้าน เค้าก็เรียกว่า
  • 4:46 - 4:50
    Caesar's แปลว่าร้านของซีซาร์ ประมาณนั้นค่ะ
  • 4:50 - 4:52
    ซึ่งร้านนี้ก็เปิดมาเรื่อยๆนะคะ จนกระทั่ง
  • 4:52 - 4:56
    ถึงวันนึงค่ะก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1924 นะคะ
  • 4:56 - 4:58
    วันนั้นเนี่ยเป็นวันชาติอเมริกาค่ะ
  • 4:58 - 5:00
    มีคนคนนึงเล่าเหตุการณ์นี้ขึ้นมาค่ะ
  • 5:00 - 5:04
    คนคนนั้นก็คือคุณโรซ่านะคะที่เป็น
    ลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ
  • 5:04 - 5:07
    เค้าเล่าให้ฟังว่าวันนั้นนะ พ่อของชั้นเนี่ย
    เปิดร้านอาหารตามปกติ
  • 5:07 - 5:09
    และด้วยความที่มันเป็นวันชาติอเมริกานะ
  • 5:09 - 5:13
    มันก็มีคนมากินดื่มในร้านกัน
    เยอะมากจนกระทั่งวัตถุดิบหมด
  • 5:13 - 5:15
    พอวัตถุดิบหมดเนี่ย คนก็เรียกร้องว่า
  • 5:15 - 5:17
    ชั้นอยากกินอะไรซักอย่าง
    ทำอะไรซักอย่างให้ชั้นกินสิ
  • 5:17 - 5:21
    ดังนั้นนะคะ ซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย
    ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ลูกค้ากินค่ะ
  • 5:21 - 5:24
    เค้าก็เลยเข้าไปในครัว
    แล้วก็รื้อทุกอย่าง รื้อๆๆออกมา
  • 5:24 - 5:25
    ว่าแบบชั้นมีอะไรเหลืออยู่บ้าง
  • 5:25 - 5:29
    อ๋อ มีผักกาดแก้ว อ๋อ มีไข่ มีนู่นมีนี่มีนั่น
  • 5:29 - 5:30
    ก็เลยเอาออกมาทั้งหมดเลยค่ะ
  • 5:30 - 5:32
    แล้วก็ตัดสินใจว่าจากวัตถุดิบในวันนี้
  • 5:32 - 5:34
    ชั้นสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง
  • 5:34 - 5:35
    อื้ม...อื้ม...อื้ม...
  • 5:35 - 5:36
    เหมือนรายการมาสเตอร์เชฟนะทุกคน
  • 5:36 - 5:39
    เอ่อ ต้องคิดด่วน ต้องคิดด่วน
    ลูกค้ารออยู่แล้ว เวลามีจำกัด
  • 5:39 - 5:41
    อะ อาหารที่ทำง่ายที่สุด สลัดนั่นเอง
  • 5:41 - 5:43
    เอาทุกอย่างมายำรวมกันเป็นสลัดเลย
  • 5:43 - 5:46
    แต่ทีนี้สมมติว่าไปคลุกๆๆสลัดอยู่หลังร้าน
  • 5:46 - 5:50
    แล้วก็ยกออกมาเนี่ย มันก็จะดูเหมือนแบบ
    เอาเศษของเหลือมาให้ลูกค้ากิน นึกออกปะ
  • 5:50 - 5:55
    ดังนั้นนะคะคุณซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ยก็เลย
    คิดวิธีการปรุงอาหารที่ทำให้ไฮโซขึ้นค่ะ
  • 5:55 - 5:57
    ด้วยการเข็นรถอาหารออกมาเลย
  • 5:57 - 6:00
    เป็นแบบวัตถุดิบ วัตถุดิบ วัตถุดิบ
    เข็นออกมา แอ๊ดๆๆๆ
  • 6:00 - 6:02
    มาจอดอยู่ที่ข้างโต๊ะของลูกค้าค่ะ
  • 6:02 - 6:05
    หลังจากเนี่ยนะคะ เค้าก็เอา
    ชามขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็เริ่ม
  • 6:05 - 6:09
    ทำสลัดตรงนั้นเลย
    ให้ลูกค้าได้เห็นวิธีการทำนะคะ
  • 6:09 - 6:11
    ก็อารมณ์คล้ายๆกับที่ทุกวันนี้เราไปกินข้าวตามโรงแรม
  • 6:11 - 6:13
    แล้วจะเห็นว่ามันจะมี Salad Bowl
  • 6:13 - 6:16
    ที่เค้าให้เราทำสลัดสดๆเอง
    ประมาณนั้นเลย นี่เป็นที่มานี่แหละ
  • 6:16 - 6:19
    คุณซีซาร์ คาร์ดินีนะคะ
    ก็ทำสลัด ทำสลัดให้ลูกค้าค่ะ
  • 6:19 - 6:21
    แล้วก็ให้ลูกค้ากิน ปรากฏว่า
  • 6:21 - 6:23
    ลูกค้าเนี่ยชอบมากนะคะ
  • 6:23 - 6:25
    สลัดชนิดนี้โด่งดังไปค่ะ
  • 6:25 - 6:29
    ดังนั้นลูกค้านะคะก็เลยมาขอ
    ให้ทำสลัดชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
  • 6:29 - 6:32
    รวมถึงพวกคนที่มาจากฮอลลีวูดอะไรอย่างนี้ด้วย
  • 6:32 - 6:35
    พอมันมีคนมากินเยอะๆๆๆ
    สลัดชนิดนี้ก็เลยดังเป็นพลุแตกเลยนะคะ
  • 6:35 - 6:40
    แล้วก็ได้ชื่อว่า Caesar's Salad หรือว่า
    สลัดของซีซาร์ ตั้งแต่วันนั้นนั่นเองค่ะ
  • 6:40 - 6:43
    แต่ว่าประวัติของซีซาร์สลัดมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ
  • 6:43 - 6:47
    คือมันไม่ใช่คุณซีซาร์คนนี้คนเดียวไง
    ที่เคลมว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดนะ
  • 6:47 - 6:51
    หลังจากที่คุณโรซ่าลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี
    ออกมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ค่ะ
  • 6:51 - 6:53
    ก็มีคนออกมาแย้งกันเต็มเลยนะคะประมาณว่า
  • 6:53 - 6:56
    เดี๋ยวๆๆๆ พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้
  • 6:56 - 6:57
    นี่ ชั้นต่างหากเป็นคนคิด
  • 6:57 - 7:00
    คนแรกนะคะก็คือคนที่ชื่อว่า
    พอล แม็กจิโอรา ค่ะ
  • 7:00 - 7:04
    คนนี้เค้าเป็นหุ้นส่วนของซีซาร์ คาร์ดินี
    ที่ร่วมกันเปิดร้านอาหารขึ้นมานะคะ
  • 7:04 - 7:06
    เค้าบอกว่าเดี๋ยว พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิด
  • 7:06 - 7:09
    ชั้นนี่แหละเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ในปีค.ศ. 1927
  • 7:09 - 7:11
    เพื่อให้พวกนักบินต่างๆได้กินกัน
  • 7:11 - 7:14
    แล้วชั้นก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad
  • 7:14 - 7:16
    ที่แปลว่า สลัดนักบิน ประมาณนี้แหละ
  • 7:16 - 7:18
    แล้วหลังจากนั้นพอเรามาเป็นหุ้นส่วนกันอะไรต่างๆ
  • 7:18 - 7:20
    มันก็เลยมาเสิร์ฟอยู่ในร้านนี้
  • 7:20 - 7:22
    อย่าโมเมนะว่าพ่อเธอเป็นคนคิด
  • 7:22 - 7:23
    น่ะ อันนี้เป็นคนแรกนะคะ
  • 7:23 - 7:26
    ส่วนคนที่สองเนี่ยนะคะ
    ชื่อว่า ลิวิโอ ซานตินี ค่ะ
  • 7:26 - 7:28
    คนนี้เค้าเป็นเด็กฝึกงานในร้านของซีซาร์
  • 7:28 - 7:31
    คนนี้นะคะเค้าบอกว่า
    ตอนนั้นเนี่ยนะ ในปีค.ศ. 1925
  • 7:31 - 7:33
    ผมเป็นเด็กอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น
  • 7:33 - 7:35
    ผมเนี่ยเป็นเด็กในร้านของซีซาร์ คาร์ดินี
  • 7:35 - 7:40
    ทีนี้ตอนนั้นอยู่ในร้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร
    ผมก็เลยทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมา
  • 7:40 - 7:43
    ซึ่งสูตรเนี่ยนะ ผมเอามาจากแม่ผม
    ที่แม่เคยทำให้ผมกิน
  • 7:43 - 7:47
    เสร็จแล้วปรากฏว่าซีซาร์ คาร์ดินี
    ก็มาเห็นสลัดชนิดนี้ที่ผมทำ
  • 7:47 - 7:51
    แล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ย มันน่าสนใจมาก
    เค้าก็เลยขโมยสูตรของผมไปเลย
  • 7:51 - 7:53
    แล้วก็ไปเคลมว่าเค้าเป็นคนคิดอะไรต่างๆนะคะ
  • 7:53 - 7:55
    นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีคนเล่าขึ้นมานะคะ
  • 7:55 - 7:57
    ทีนี้มีอีกคนนึงค่ะที่ลุกขึ้นมาเคลมว่า
  • 7:57 - 8:00
    เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ อย่าเคลมเอาเครดิตไปทั้งหมด
  • 8:00 - 8:01
    อันนี้คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครเป็นคนพูด
  • 8:01 - 8:05
    แต่ว่ามันมีคนบอกมาว่า
    จริงๆแล้วซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย
  • 8:05 - 8:06
    มีน้องชายอยู่คนนึงชื่อว่า อเล็กซ์
  • 8:06 - 8:10
    ซึ่งอเล็กซ์เนี่ยเค้าก็เดินทางตาม
    ซีซาร์มาจากอิตาลีเนี่ยนะ
  • 8:10 - 8:14
    มาอยู่ที่ติฮัวนาเหมือนกัน
    แล้วก็มาช่วยอยู่ในร้านอาหารนี่แหละ
  • 8:14 - 8:17
    และตอนแรกซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น
    คนทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมานี่แหละ
  • 8:17 - 8:19
    แต่ว่าทำออกมาแล้วมันก็ไม่ได้ฮิตขนาดนั้น
  • 8:19 - 8:20
    มันไม่อร่อยขนาดนั้น
  • 8:20 - 8:24
    ปรากฏว่าอเล็กซ์เนี่ยเล็งเห็นว่า
    เฮ้ย สลัดจานนี้มันขาดอะไรไปนิดหน่อย
  • 8:24 - 8:26
    ถ้าเราใส่แอนโชวีลงไปนะ ฟึบ
  • 8:26 - 8:27
    รับรองว่าดังค่ะ
  • 8:27 - 8:30
    อเล็กซ์ก็เลยเอาแอนโชวีใส่ลงไปในสลัดชนิดนี้
  • 8:30 - 8:33
    แล้วก็ทำให้สลัดชนิดนี้ดังเป็นพลุแตกเลย
  • 8:33 - 8:36
    ดังนั้นเครดิตมันไม่ควรจะเป็นของ
    ซีซาร์ คาร์ดินีคนเดียวนะ
  • 8:36 - 8:41
    ซึ่งตอนแรกนะคะเวอร์ชันนี้บอกว่าอเล็กซ์เนี่ย
    ไม่ได้เรียกสลัดชนิดนี้ว่าซีซาร์สลัดหรอก
  • 8:41 - 8:42
    ก็ใช่สิ ชั้นเป็นคนคิด
  • 8:42 - 8:44
    ชั้นเป็นส่วนหนึ่งที่คิดด้วย
    จะไปเรียกเป็นชื่อของพี่ทำไม
  • 8:44 - 8:47
    เค้าเรียกสลัดชนิดนี้นะว่า Aviator's Salad
  • 8:47 - 8:48
    ก็คือ สลัดนักบิน
  • 8:48 - 8:51
    เริ่มมีสองคนแล้วนะที่บอกว่า
    สลัดนี้ชื่อสลัดนักบินนะคะ
  • 8:51 - 8:54
    แต่ว่ามันดันดังในฐานะสลัดของร้านซีซาร์
  • 8:54 - 8:56
    คนก็เลยเรียกว่าซีซาร์สลัดนั่นเองค่ะ
  • 8:56 - 8:58
    อย่างไรก็ตามค่ะ นี่แค่เวอร์ชันแรกนะคะ
  • 8:58 - 9:02
    คือเวอร์ชันที่โรซ่า ลูกสาวของ
    ซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาพูด
  • 9:02 - 9:05
    แล้วคนก็ออกมาแย้งๆๆๆโรซ่า ประมาณนี้นะคะ
  • 9:05 - 9:07
    อย่างไรก็ตาม เรามาดูเวอร์ชันที่สองดีกว่า
  • 9:07 - 9:11
    เวอร์ชันที่สองนี่นะคะ หลานหรือเหลน
    ซักอย่างนึงเนี่ยของอเล็กซ์ คาร์ดินีเนี่ยนะคะ
  • 9:11 - 9:13
    ซึ่งก็คือน้องชายของซีซาร์ คาร์ดินี
  • 9:13 - 9:15
    เป็นคนที่ลุกขึ้นมาเล่าค่ะประมาณว่า
  • 9:15 - 9:18
    ตอนนั้นปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิดค้นสลัดชนิดนี้
  • 9:18 - 9:20
    ในร้านของพี่ชายก็คือ
  • 9:20 - 9:22
    ลุง...คุณลุงใหญ่...เรียกว่าไรอะ
  • 9:22 - 9:24
    คือไม่...ไม่แม่น
  • 9:24 - 9:26
    ไม่แม่นเค้าเรียกว่าไร
    ไม่แม่นการนับญาติแบบไทยอะ
  • 9:26 - 9:29
    ก็ my great grand uncle อะไรประมาณนี้นะคะ
  • 9:29 - 9:31
    ของผม ก็คือพี่ชายของปู่นั่นแหละ
  • 9:31 - 9:32
    อะ ช่างมันเถอะค่ะ
  • 9:32 - 9:34
    เราไม่ได้มาวุ่นวายกับการนับญาติกันในคลิปนี้นะ
  • 9:34 - 9:37
    ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส เดี๋ยวไว้มาทำ
    เรื่องการนับญาติกันทีหลังนะคะ
  • 9:37 - 9:39
    อย่างไรก็ตาม เค้าบอกว่า นี่แหละ
  • 9:39 - 9:42
    อเล็กซ์ คุณปู่ทวดของผมเนี่ยผลิตสลัดชนิดนี้ขึ้นมา
  • 9:42 - 9:44
    ในร้านของคุณซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ
  • 9:44 - 9:48
    คือจริงๆแล้วอเล็กซ์ ปู่ทวดของผมเนี่ย
    เค้าไม่ได้มาเป็นพ่อครัวอะไรหรอก
  • 9:48 - 9:52
    เค้าเป็นนักบิน เป็นนักบินในกองทัพอิตาลี
    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
  • 9:52 - 9:55
    แล้วทีนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เค้าก็เห็นว่า
  • 9:55 - 9:56
    พี่ชายของเค้า ซีซาร์ คาร์ดินี
  • 9:56 - 9:59
    ย้ายมาอยู่ที่โลกใหม่
    ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้ว
  • 9:59 - 10:01
    เค้าก็เลยย้ายตามมา
  • 10:01 - 10:02
    มาอาศัยอยู่ที่ติฮัวนาด้วย
  • 10:02 - 10:05
    ซึ่งเรื่องราวก็คล้ายๆกับร้านของคาร์ดินีนี่แหละ
  • 10:05 - 10:08
    ว่าสมัยนั้นเนี่ย ในฝั่งอเมริกามีการ
    ห้ามปาร์ตี้ ห้ามอะไรต่างๆ
  • 10:08 - 10:10
    คือมีกฎห้ามว่าอย่างนั้นเถอะ
  • 10:10 - 10:13
    ดังนั้นพวกเหล่าทหาร พวกเหล่าอะไรต่างๆ
    ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนเนี่ย
  • 10:13 - 10:16
    ก็จะข้ามมาฝั่งเม็กซิโก มาปาร์ตี้กัน
  • 10:16 - 10:21
    ซึ่งในคืนนึงเนี่ยนะ พวก Rockwell Field Air Force
    ซึ่งเป็นทหารอากาศของสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ
  • 10:21 - 10:23
    แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณอเล็กซ์นี่ด้วยเนี่ย
  • 10:23 - 10:26
    ด้วยความที่เป็นนักบินด้วยกันน่ะ
    ก็มากินข้าวที่ร้านนี้
  • 10:26 - 10:28
    แล้วพวกนี้เนี่ยนะก็ปาร์ตี้เละตุ้มเป๊ะเลย
  • 10:28 - 10:32
    ปาร์ตี้แบบเมาแอ๋ นอนหลับ
    สลบเหมือดกันอยู่ในร้านนั่นแหละ
  • 10:32 - 10:34
    ก็คือกินกันจนเลยเวลาเคอร์ฟิวว่าอย่างนั้นเถอะ
  • 10:34 - 10:37
    ก็กินๆๆๆไปจนกระทั่งเช้าค่ะ
  • 10:37 - 10:40
    พวกนี้ก็ตื่นขึ้นมาในร้านแล้วก็รู้สึก
    ว่าแบบโอ๊ยหิว อยากได้ข้าวเช้า
  • 10:40 - 10:42
    แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้ขายข้าวเช้าไง
  • 10:42 - 10:46
    ก็เลยเรียกอเล็กซ์บอกว่า อเล็กซ์ๆ
    เฮ้ยเพื่อน ทำอาหารเช้าให้กินหน่อยดิ
  • 10:46 - 10:49
    หิวอะ กินเหล้ามาทั้งคืนแล้ว
    อะไรประมาณนี้นะคะ
  • 10:49 - 10:51
    อเล็กซ์ก็เลยหาของในตู้เย็นต่างๆค่ะ
  • 10:51 - 10:54
    แล้วก็มาทำเป็นสลัดให้พวกเพื่อนนักบินกินค่ะ
  • 10:54 - 10:58
    แล้วก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า
    Aviator's Salad ก็คือสลัดของนักบิน
  • 10:58 - 11:01
    เพื่อที่จะได้เป็นเกียรติแก่
    เหล่าเพื่อนๆที่มากินเป็นกลุ่มแรกค่ะ
  • 11:01 - 11:06
    ซึ่งบังเอิญว่าสลัดชนิดนี้มันก็แพร่กระจาย
    ออกไปแล้วก็ดังเป็นพลุแตกเลย
  • 11:06 - 11:08
    ประมาณว่าทุกคนก็อยากกิน
    ทุกคนก็แบบชอบสลัดชนิดนี้
  • 11:08 - 11:10
    ก็มากิน มากิน มากินกันที่ร้านนี้ค่ะ
  • 11:10 - 11:13
    ทีนี้ทุกคนก็ชวนกันมาเพื่อที่จะมากินในร้านนี้
  • 11:13 - 11:15
    ก็เวลาชวนกันเนี่ย เค้าก็จะชวนกันว่า
  • 11:15 - 11:16
    Hey! Let's go to Caesar's!
  • 11:16 - 11:18
    Caesar's ก็คือร้านของซีซาร์
  • 11:18 - 11:20
    Let's go to Caesar's and have that salad.
  • 11:20 - 11:23
    ประมาณว่าเฮ้ย เราไปร้านซีซาร์
    ไปกินไอ้สลัดนั้นกันเถอะ
  • 11:23 - 11:24
    แล้วนึกสภาพพูดไปเรื่อยๆ
  • 11:24 - 11:26
    คนมันไม่พูดอะไรยาวๆหรอกแบบ
  • 11:26 - 11:28
    Hey, let's go to Caesar's have salad...
  • 11:28 - 11:29
    Caesar...salad...
  • 11:29 - 11:30
    Caesar Salad
  • 11:30 - 11:33
    สรุปก็เลยกลายเป็นซีซาร์สลัดนั่นเอง
  • 11:33 - 11:34
    คนก็จำไปว่า
  • 11:34 - 11:36
    นี่แหละคือซีซาร์สลัด
  • 11:36 - 11:38
    และสุดท้ายนะคะ
    หลังจากทุกอย่างดังเป็นพลุแตกเนี่ย
  • 11:38 - 11:40
    อเล็กซ์ก็มีการย้ายบ้านเหมือนกันนะ
  • 11:40 - 11:43
    คือเค้าย้ายไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้เลยนะคะ
  • 11:43 - 11:44
    แล้วก็ไปเปิดร้านอาหารที่นั่น
  • 11:44 - 11:48
    ในร้านอาหารของอเล็กซ์เนี่ย
    ก็มีเมนูนะคะ แล้วก็เขียนไว้เลย
  • 11:48 - 11:50
    มีคนถ่ายรูปไว้ตั้งแต่สมัยนั้นว่า
  • 11:50 - 11:51
    เค้าเขียนชื่อเมนูนะไว้ว่า
  • 11:51 - 11:54
    The Original Alex Cardini Caesar Salad
  • 11:54 - 11:57
    ประมาณว่าชั้นเป็นคนออริจินัล
  • 11:57 - 11:58
    นี่แหละสลัดของชั้นนะคะ
  • 11:58 - 12:01
    ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นออริจินัลนะ
  • 12:01 - 12:04
    แต่ว่าในปีค.ศ. 1938 ค่ะ ปรากฏว่า
  • 12:04 - 12:06
    บ้านของซีซาร์ คาร์ดินีก็ย้ายบ้านเหมือนกัน
  • 12:06 - 12:09
    ย้ายบ้านไปอยู่ที่แอลเอค่ะ ลอสแอนเจลิส
  • 12:09 - 12:11
    ไปถึงเนี่ยนะคะปรากฏว่า
  • 12:11 - 12:14
    ตอนนั้นเค้าไม่ได้ไปเปิดร้านอาหารแล้วค่ะ
    แต่เค้าไปเปิด Grocery Store
  • 12:14 - 12:17
    ก็คือเหมือนอารมณ์ซูเปอร์มาร์เก็ต
    เหมือนร้านขายของชำประมาณนี้
  • 12:17 - 12:18
    แต่ว่าเน้นไปที่ขายอาหารนะคะ
  • 12:18 - 12:21
    แล้วทีนี้ด้วยความที่สลัดชนิดนี้โด่งดังค่ะ
  • 12:21 - 12:22
    น้ำสลัดเป็นที่ต้องการมาก
  • 12:22 - 12:26
    มันก็จะมีลูกค้าเยอะมากเลยนะคะ
    เดินทางมาที่ร้านพร้อมกับขวดไวน์เปล่าค่ะ
  • 12:26 - 12:29
    แล้วก็บอกว่า อะ ซีซาร์ คาร์ดินี
    ทำน้ำสลัดให้หน่อยสิ
  • 12:29 - 12:32
    เอาใส่ขวดไวน์นี้นะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามา
  • 12:32 - 12:35
    ซีซาร์นะคะ ก็ขายน้ำสลัด
    ของตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ
  • 12:35 - 12:38
    จนกระทั่งปีค.ศ. 1948 ค่ะ
    ปรากฏว่าซีซาร์รู้สึกว่าแบบ
  • 12:38 - 12:42
    เฮ้ย นี่มันมีคนมาซื้อน้ำสลัดชั้นเนี่ย
    เยอะเกินไปแล้ว มันฮิตเกินไป
  • 12:42 - 12:46
    ดังนั้นซีซาร์นะคะก็เลยร่วมมือกับ
    ลูกสาวที่ชื่อว่าโรซ่า บอกว่า
  • 12:46 - 12:47
    เราผลิตกันเองเลยไหม
  • 12:47 - 12:50
    ก็เลยไปสั่งไลน์ผลิตนะคะ
    มีการบรรจุขวดแก้วอะไรต่างๆ
  • 12:50 - 12:54
    แล้วก็ผลิตน้ำสลัดซีซาร์ขึ้นมา
    ขายเองซะอย่างนั้นเลยค่ะ
  • 12:54 - 12:57
    หลังจากนั้นน้ำสลัดของซีซาร์นะคะ
    ก็มีการส่งออกไปขายทั่วเลยค่ะ
  • 12:57 - 13:00
    แล้วก็แปะป้ายว่าซีซาร์สลัดประมาณนั้นแหละ
  • 13:00 - 13:04
    และนี่ก็คือที่มาของซีซาร์สลัดทั้งหมด
    กี่เวอร์ชันก็ไม่รู้นะคะ
  • 13:04 - 13:07
    ก็เราก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าสุดท้ายแล้ว
    เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ถูกต้องที่สุด
  • 13:07 - 13:09
    เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด
  • 13:09 - 13:11
    ใครพูดจริง ใครพูดโกหก
  • 13:11 - 13:15
    หรือมันอาจจะแค่แบบ เอ๊ย
    ผลิตขึ้นมาพร้อมๆกันในระยะเวลาใกล้ๆกัน
  • 13:15 - 13:17
    เพราะว่ามันก็อยู่ในร้านเดียวกัน
    วัตถุดิบมันก็เหมือนกัน
  • 13:17 - 13:20
    แล้วถ้าเอาทุกอย่างมายำรวมกัน
    มันก็ได้สลัดเหมือนกัน
  • 13:20 - 13:21
    อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ
  • 13:21 - 13:23
    อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินใจแบบไหนค่ะ
  • 13:23 - 13:26
    แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
    จะเห็นว่าเรื่องราวของซีซาร์สลัดเนี่ย
  • 13:26 - 13:27
    ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์เลย
  • 13:27 - 13:31
    นอกจากว่าซีซาร์เป็นชื่อของคนที่ฮิตในอิตาลี
  • 13:31 - 13:36
    แล้วก็บังเอิญว่านายซีซาร์ คาร์ดินี
    นี่ก็เลยได้ชื่อว่าซีซาร์ประมาณนั้นค่ะ
  • 13:36 - 13:37
    แต่จริงๆมันก็มีอีกคนนอกมาเถียงค่ะ
  • 13:37 - 13:40
    คือในปีค.ศ. 1903 โอโหประมาณ 20 ปีเลยนะ
  • 13:40 - 13:43
    ก่อนที่ซีซาร์ คาร์ดินีจะคิดสลัดชนิดนี้เนี่ย
  • 13:43 - 13:44
    เค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ
  • 13:44 - 13:47
    แล้วก็อยู่ในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกานะคะ
  • 13:47 - 13:48
    พวกทายาทของเค้าเนี่ยออกมาบอกว่า
  • 13:48 - 13:53
    คุณคนอิตาลีคนนี้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้
    เพื่อขายในร้านอาหารอิตาเลียนที่รัฐอิลลินอยส์
  • 13:53 - 13:56
    ไม่ใช่ไอ้ซีซาร์ คาร์ดินีอะไรนี่เลย
  • 13:56 - 13:58
    ซีซาร์มันแค่เอาผักกาดมาใส่ลงไป
  • 13:58 - 14:00
    มันก็เลยทำให้สลัดชนิดนี้
    กลมกล่อมขึ้นแค่นั้นแหละ
  • 14:00 - 14:03
    แต่จริงๆแล้วคุณปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิด
  • 14:03 - 14:06
    แล้วเค้าก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนีว่าซีซาร์เพราะว่า
  • 14:06 - 14:07
    ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียน
  • 14:07 - 14:09
    แล้วบริเวณนั้นมันไม่ใช่ที่อิตาลีไง
  • 14:09 - 14:12
    มันก็ต้องเอาชื่ออะไรอิตาลีๆมาใส่อะ ประมาณนั้นแหละ
  • 14:12 - 14:15
    เอ๊ ชื่ออะไรดีนะที่จะเป็นชื่อที่
    มันดูอิตาลีที่สุด อิตาเลียนที่สุด
  • 14:15 - 14:19
    อ๋อ ชื่อคนอิตาเลียนที่ดังที่สุดในโลก
    ก็น่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์แหละ
  • 14:19 - 14:21
    อะ เรียกอย่างนี้แล้วกัน ซีซาร์สลัด
  • 14:21 - 14:24
    เรียกเพื่อเป็นเกียรติแก่จูเลียส ซีซาร์ ประมาณนั้นนะคะ
  • 14:24 - 14:26
    ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่แค่คนนี้นะที่ออกมาเถียง
  • 14:26 - 14:28
    มันยังมีอีกหลายเวอร์ชันเลย
  • 14:28 - 14:30
    มีประมาณแบบเป็นสิบเวอร์ชันเลยทีเดียวค่ะ
  • 14:30 - 14:33
    ดังนั้นใครจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ช่างมันละกันค่ะ
  • 14:33 - 14:36
    เพราะว่าสุดท้ายแล้วนะ
    สลัดชนิดนี้มันก็ดังไปทั่วโลก
  • 14:36 - 14:39
    แล้วก็ดังมาจนถึงประเทศไทย
    ที่เราได้กินกันในที่สุดนั่นเองค่ะ
  • 14:39 - 14:41
    เป็นไงบ้างคะ เรื่องราวความเป็นมาของซีซาร์สลัด
  • 14:41 - 14:43
    ใครเชื่อเวอร์ชันไหนกันบ้าง
  • 14:43 - 14:45
    คิดว่าเวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด
  • 14:45 - 14:48
    แต่บอกเลยว่าใครเชื่อหรือไม่เชื่อเวอร์ชันไหน
    ก็เป็นแค่ความเห็นเนอะ
  • 14:48 - 14:51
    เพราะว่ามันไม่ได้มีการฟันธงแน่ๆที่ไหนค่ะ
  • 14:51 - 14:53
    อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม
  • 14:53 - 14:56
    กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็
    กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
  • 14:56 - 14:57
    และพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
  • 14:57 - 14:58
    บ๊ายบาย
  • 14:58 - 14:59
    สวัสดีค่ะ
  • 14:59 - 15:03
    เอาจริงๆมันยังมีประวัติที่มาของอาหาร
    อีกหลายชนิดเลยนะคะที่น่าเอามาคุยกัน
  • 15:03 - 15:05
    เดี๋ยววันหลังถ้ามีโอกาส
    เดี๋ยววิวมาเล่าให้ฟังค่ะ
  • 15:05 - 15:08
    ถ้าใครอยากรู้เรื่องอาหารชนิดไหน
    ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ
  • 15:08 - 15:10
    ถ้าวิวค้นข้อมูลเจอเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ
  • 15:10 - 15:11
    วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
  • 15:11 - 15:12
    บ๊ายบาย
  • 15:12 - 15:12
    สวัสดีค่ะ
Title:
ซีซาร์สลัด เกี่ยวอะไรกับ จูเลียส ซีซาร์ ? | Point of View x Nestle School Channel
Description:

more » « less
Duration:
15:13

Thai subtitles

Revisions