อยากรู้ไหมคะว่าซีซาร์สลัดเกี่ยวอะไรกับจูเลียส ซีซาร์ สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ ตอนนี้นะคะ วิวกำลังกินซีซาร์สลัดอยู่ค่ะ แล้ววิวก็อยากรู้มากๆเลยว่า ซีซาร์สลัดเกี่ยวข้องอะไรกับจูเลียส ซีซาร์ ชื่อเหมือนกันขนาดนี้มันจะต้องมี ที่มาที่ไปเกี่ยวข้องกันแน่ๆค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ เกร็ดความรู้ที่วิวจะนำมา เล่าในวันนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้สนุกๆเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถนำไปใช้เรียนใช้สอบได้นะคะ ดังนั้นนะคะ ถ้าน้องๆคนไหน จะต้องไปสอบไม่ว่าจะเป็น O-NET GAT PAT กสพท. SATmath BMAT IJSO โอ้ เยอะแยะเต็มไปหมดเนี่ยนะคะ สามารถเข้าไปติวได้ที่ ช่อง Nestle School Channel ค่ะ ที่นั่นเค้าจะมีรุ่นพี่ระดับท็อปประเทศนะคะ มาติวให้ทุกคนพร้อมกับ เฉลยข้อสอบละเอียดยิบเลย ตรงตามหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆเลยนะคะ ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ฟรีค่ะ ดังนั้นอย่าลืมเข้าไป subscribe กันนะคะ นอกจากนี้เหมือนว่าเค้าจะมีเป็นแอปด้วยนะคะ ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ เอาล่ะ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะ กินสลัดเสร็จแล้ว แล้วก็กลับบ้านมาค้นหาข้อมูลเพื่อมา ตอบทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ดังนั้นตอนนี้เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราว เกี่ยวกับซีซาร์สลัดของเรากันต่อดีกว่าค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ อย่าลืมกดติดตามวิว ให้ครบทุกช่องทางก่อนค่ะ เพราะว่าแต่ละช่องทางเนี่ย เนื้อหาก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว ที่ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ พูดถึงซีซาร์สลัด เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีค่ะ เพราะว่าเป็นสลัดชื่อดังที่ก็ขายไปทั่วโลกเลยใช่ไหม ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนแทบทุกที่ ไปกินพิซซ่า ไปกินสปาเก็ตตี้ ไปกินอะไร ก็เจอแต่ซีซาร์สลัดกันทั้งนั้น ว่าแต่อยากรู้กันไหมคะว่าซีซาร์สลัดเนี่ย มันมีที่มาที่ไปอะไรยังไง พูดถึงซีซาร์สลัด ซีซาร์ ซีซาร์ ซีซาร์ จูเลียส ซีซาร์ จูเลียส ซีซาร์มาจากอาณาจักรโรมัน โรมันอยู่ตรงโรม โรม อิตาลี โอ้โห เกี่ยวข้องกันไปอีก อาหารอิตาเลียน โรม อาหารอิตาเลียน จูเลียส ซีซาร์ มันจะต้องเป็นเมนูเก่าแก่ไปถึงสมัยจูเลียส ซีซาร์ เป็นเมนูโปรดของจูเลียส ซีซาร์ ที่ใช้เสิร์ฟตอนชนะสงครามอะไรแน่ๆเลย มันถึงยิ่งใหญ่อลังการแล้วก็ มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ขอบอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วไม่เกี่ยวเลยนะคะ เพราะว่าจริงๆแล้วซีซาร์สลัดเนี่ย เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเองค่ะ และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดที่อิตาลีทุกคน แม้ว่ามันจะเป็นอาหารอิตาเลียนก็ตาม แต่ซีซาร์สลัดนะคะเกิดขึ้นที่ ประเทศเม็กซิโกค่ะ ตรงบริเวณติฮัวนานะคะ ที่มีพรมแดนติดกับซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ประมาณนั้นแหละค่ะ อ่าว แล้วว่าแต่ใครเป็นคนคิดค้นสลัดชื่อนี้ ทำไมมันถึงมาได้ชื่อซีซาร์นะคะ แล้วสรุปมันไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์จริงๆเหรอ ก็ต้องบอกว่าจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ เรายังสรุปกันไม่ได้เลยว่า ใครเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้นะคะ เพราะว่าด้วยความที่สลัดชนิดนี้ มันเป็นสลัดที่ทำง่ายๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ดังนั้นทุกคนนะคะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ สลัดชนิดนี้ตอนสมัยเริ่มแรกขึ้นมาเนี่ย ก็พยายามจะเคลมกันค่ะว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้จ้า นี่มันเป็นสูตรจากคุณยายของชั้น นี่มันเป็นสูตรจากคุณป้าของคุณปู่ของคุณตาของชั้น ประมาณนี้นะคะ เพื่อที่ว่าจะได้เป็นคนถือสูตรที่เป็น ออริจินัลที่สุดของสลัดชนิดนี้ไปค่ะ นึกสภาพว่าเกิดวิวบอกว่า มันมีคนผลิตน้ำสลัดชนิดนี้แบบออริจินัล จากคนแรกที่คิดค้นซีซาร์สลัดเลยนะ ทุกคนก็ต้องอยากกินใช่ไหมคะ ดังนั้น นี่แหละค่ะคือสาเหตุที่ทุกคนพยายามเคลมว่า ตัวเองเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ค่ะ ว่าแต่มันมีทฤษฎีไหนบ้าง วิวก็ไปค้นมาให้แล้วนะคะ แต่จากการที่วิวค้น อ่านนู่นอ่านนี่ มาเยอะแยะมากมายค่ะ บอกเลยว่ามีทฤษฎีหลักๆนะคะ อยู่ทั้งหมด 2 ทฤษฎีด้วยกันค่ะ ซึ่งในแต่ละทฤษฎีก็มีรายละเอียด ปลีกย่อยๆลงไปอีกนะคะ มีเวอร์ชันที่แตกต่างกันออกไปค่ะ เดี๋ยวเราไปฟังกันดีกว่าว่า ในแต่ละเวอร์ชันเนี่ย เค้าคิดว่า ใครเป็นคนคิดค้นซีซาร์สลัดกันนะคะ ทฤษฎีแรกเนี่ยนะคะพูดถึงซีซาร์ คาร์ดินีค่ะ อะ ชื่อซีซาร์โผล่มาแล้วนะคะ คุณซีซาร์คนนี้เป็นใครมาจากไหน ต้องบอกว่าเค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ เกิดที่ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1896 ค่ะ แต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ยนะคะ มันเป็นช่วงที่ชาวยุโรปจำนวนมาก ย้ายถิ่นฐานใช่ไหมคะ จากทวีปยุโรปเนี่ยมาอยู่ที่ New Land ดินแดนแห่งใหม่ก็คือสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ และคุณซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น อีกหนึ่งคนที่อพยพย้ายถิ่นมาค่ะ โดยที่เค้าย้ายถิ่นมาอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกานะคะ ในปีค.ศ. 1924 ค่ะ ซึ่งในระหว่างที่เค้าอาศัยอยู่ตรงนั้นเนี่ย มันก็เป็นช่วงเวลาที่ในสหรัฐอเมริกาเนี่ย มันมีการเคอร์ฟิว มีอะไรต่างๆประมาณว่า มีข้อห้ามนะคะว่า อย่าปาร์ตี้เสียงดัง อย่าปาร์ตี้ดึก อะไรต่างๆ ดังนั้นด้วยความที่เค้าอาศัยอยู่ ติดกับเส้นชายแดนเนี่ยนะคะ เค้าก็เลยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจค่ะ ดังนั้นทุกวันนะคะ แม้ว่าบ้านของเค้า จะอยู่ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา แต่เค้าข้ามไปเปิดร้านอาหารค่ะ อยู่ที่ฝั่งเม็กซิโกนะคะ ที่เมืองติฮัวนาที่อยู่ติดกันค่ะ เปิดร้านอาหารอิตาเลียนขึ้นมานะคะ แล้วก็เป็นร้านกินดื่มชื่อดังแถวนั้นเลย ประมาณว่าพวกทหาร พวกคนจากอเมริกาที่อยู่ในอเมริกาแบบ อยู่ในอเมริกามีกฎใช่ไหมประมาณว่า ห้ามปาร์ตี้ ห้ามกินเหล้า นู่นนี่นั่น อะ ก็ข้ามเส้นพรมแดนมาปุ๊บ ในเม็กซิโกไม่มีกฎอีกก็มากินดื่ม กินเหล้า เละตุ้มเป๊ะอะไรกันอยู่ ประมาณนั้นนะคะ อารมณ์คล้ายๆชายแดนไทย-กัมพูชานั่นแหละค่ะ ฝั่งไทยห้ามพนันใช่ไหม อะ ก็ข้ามไปเปิดบ่อนอยู่ฝั่งกัมพูชา ประมาณนั้นเลยนะคะ ดังนั้นร้านของซีซาร์ก็โด่งดังขึ้นมาค่ะ ก็คือเวลาคนเรียกชื่อร้านในภาษาอังกฤษ นึกออกไหม 's แปลว่า ของ ใช่ไหม ดังนั้นเวลาเค้าเรียกร้าน เค้าก็เรียกว่า Caesar's แปลว่าร้านของซีซาร์ ประมาณนั้นค่ะ ซึ่งร้านนี้ก็เปิดมาเรื่อยๆนะคะ จนกระทั่ง ถึงวันนึงค่ะก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1924 นะคะ วันนั้นเนี่ยเป็นวันชาติอเมริกาค่ะ มีคนคนนึงเล่าเหตุการณ์นี้ขึ้นมาค่ะ คนคนนั้นก็คือคุณโรซ่านะคะที่เป็น ลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ เค้าเล่าให้ฟังว่าวันนั้นนะ พ่อของชั้นเนี่ย เปิดร้านอาหารตามปกติ และด้วยความที่มันเป็นวันชาติอเมริกานะ มันก็มีคนมากินดื่มในร้านกัน เยอะมากจนกระทั่งวัตถุดิบหมด พอวัตถุดิบหมดเนี่ย คนก็เรียกร้องว่า ชั้นอยากกินอะไรซักอย่าง ทำอะไรซักอย่างให้ชั้นกินสิ ดังนั้นนะคะ ซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ลูกค้ากินค่ะ เค้าก็เลยเข้าไปในครัว แล้วก็รื้อทุกอย่าง รื้อๆๆออกมา ว่าแบบชั้นมีอะไรเหลืออยู่บ้าง อ๋อ มีผักกาดแก้ว อ๋อ มีไข่ มีนู่นมีนี่มีนั่น ก็เลยเอาออกมาทั้งหมดเลยค่ะ แล้วก็ตัดสินใจว่าจากวัตถุดิบในวันนี้ ชั้นสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง อื้ม...อื้ม...อื้ม... เหมือนรายการมาสเตอร์เชฟนะทุกคน เอ่อ ต้องคิดด่วน ต้องคิดด่วน ลูกค้ารออยู่แล้ว เวลามีจำกัด อะ อาหารที่ทำง่ายที่สุด สลัดนั่นเอง เอาทุกอย่างมายำรวมกันเป็นสลัดเลย แต่ทีนี้สมมติว่าไปคลุกๆๆสลัดอยู่หลังร้าน แล้วก็ยกออกมาเนี่ย มันก็จะดูเหมือนแบบ เอาเศษของเหลือมาให้ลูกค้ากิน นึกออกปะ ดังนั้นนะคะคุณซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ยก็เลย คิดวิธีการปรุงอาหารที่ทำให้ไฮโซขึ้นค่ะ ด้วยการเข็นรถอาหารออกมาเลย เป็นแบบวัตถุดิบ วัตถุดิบ วัตถุดิบ เข็นออกมา แอ๊ดๆๆๆ มาจอดอยู่ที่ข้างโต๊ะของลูกค้าค่ะ หลังจากเนี่ยนะคะ เค้าก็เอา ชามขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็เริ่ม ทำสลัดตรงนั้นเลย ให้ลูกค้าได้เห็นวิธีการทำนะคะ ก็อารมณ์คล้ายๆกับที่ทุกวันนี้เราไปกินข้าวตามโรงแรม แล้วจะเห็นว่ามันจะมี Salad Bowl ที่เค้าให้เราทำสลัดสดๆเอง ประมาณนั้นเลย นี่เป็นที่มานี่แหละ คุณซีซาร์ คาร์ดินีนะคะ ก็ทำสลัด ทำสลัดให้ลูกค้าค่ะ แล้วก็ให้ลูกค้ากิน ปรากฏว่า ลูกค้าเนี่ยชอบมากนะคะ สลัดชนิดนี้โด่งดังไปค่ะ ดังนั้นลูกค้านะคะก็เลยมาขอ ให้ทำสลัดชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ รวมถึงพวกคนที่มาจากฮอลลีวูดอะไรอย่างนี้ด้วย พอมันมีคนมากินเยอะๆๆๆ สลัดชนิดนี้ก็เลยดังเป็นพลุแตกเลยนะคะ แล้วก็ได้ชื่อว่า Caesar's Salad หรือว่า สลัดของซีซาร์ ตั้งแต่วันนั้นนั่นเองค่ะ แต่ว่าประวัติของซีซาร์สลัดมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ คือมันไม่ใช่คุณซีซาร์คนนี้คนเดียวไง ที่เคลมว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดนะ หลังจากที่คุณโรซ่าลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ค่ะ ก็มีคนออกมาแย้งกันเต็มเลยนะคะประมาณว่า เดี๋ยวๆๆๆ พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ นี่ ชั้นต่างหากเป็นคนคิด คนแรกนะคะก็คือคนที่ชื่อว่า พอล แม็กจิโอรา ค่ะ คนนี้เค้าเป็นหุ้นส่วนของซีซาร์ คาร์ดินี ที่ร่วมกันเปิดร้านอาหารขึ้นมานะคะ เค้าบอกว่าเดี๋ยว พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิด ชั้นนี่แหละเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ในปีค.ศ. 1927 เพื่อให้พวกนักบินต่างๆได้กินกัน แล้วชั้นก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad ที่แปลว่า สลัดนักบิน ประมาณนี้แหละ แล้วหลังจากนั้นพอเรามาเป็นหุ้นส่วนกันอะไรต่างๆ มันก็เลยมาเสิร์ฟอยู่ในร้านนี้ อย่าโมเมนะว่าพ่อเธอเป็นคนคิด น่ะ อันนี้เป็นคนแรกนะคะ ส่วนคนที่สองเนี่ยนะคะ ชื่อว่า ลิวิโอ ซานตินี ค่ะ คนนี้เค้าเป็นเด็กฝึกงานในร้านของซีซาร์ คนนี้นะคะเค้าบอกว่า ตอนนั้นเนี่ยนะ ในปีค.ศ. 1925 ผมเป็นเด็กอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ผมเนี่ยเป็นเด็กในร้านของซีซาร์ คาร์ดินี ทีนี้ตอนนั้นอยู่ในร้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ผมก็เลยทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมา ซึ่งสูตรเนี่ยนะ ผมเอามาจากแม่ผม ที่แม่เคยทำให้ผมกิน เสร็จแล้วปรากฏว่าซีซาร์ คาร์ดินี ก็มาเห็นสลัดชนิดนี้ที่ผมทำ แล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ย มันน่าสนใจมาก เค้าก็เลยขโมยสูตรของผมไปเลย แล้วก็ไปเคลมว่าเค้าเป็นคนคิดอะไรต่างๆนะคะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีคนเล่าขึ้นมานะคะ ทีนี้มีอีกคนนึงค่ะที่ลุกขึ้นมาเคลมว่า เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ อย่าเคลมเอาเครดิตไปทั้งหมด อันนี้คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครเป็นคนพูด แต่ว่ามันมีคนบอกมาว่า จริงๆแล้วซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย มีน้องชายอยู่คนนึงชื่อว่า อเล็กซ์ ซึ่งอเล็กซ์เนี่ยเค้าก็เดินทางตาม ซีซาร์มาจากอิตาลีเนี่ยนะ มาอยู่ที่ติฮัวนาเหมือนกัน แล้วก็มาช่วยอยู่ในร้านอาหารนี่แหละ และตอนแรกซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น คนทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมานี่แหละ แต่ว่าทำออกมาแล้วมันก็ไม่ได้ฮิตขนาดนั้น มันไม่อร่อยขนาดนั้น ปรากฏว่าอเล็กซ์เนี่ยเล็งเห็นว่า เฮ้ย สลัดจานนี้มันขาดอะไรไปนิดหน่อย ถ้าเราใส่แอนโชวีลงไปนะ ฟึบ รับรองว่าดังค่ะ อเล็กซ์ก็เลยเอาแอนโชวีใส่ลงไปในสลัดชนิดนี้ แล้วก็ทำให้สลัดชนิดนี้ดังเป็นพลุแตกเลย ดังนั้นเครดิตมันไม่ควรจะเป็นของ ซีซาร์ คาร์ดินีคนเดียวนะ ซึ่งตอนแรกนะคะเวอร์ชันนี้บอกว่าอเล็กซ์เนี่ย ไม่ได้เรียกสลัดชนิดนี้ว่าซีซาร์สลัดหรอก ก็ใช่สิ ชั้นเป็นคนคิด ชั้นเป็นส่วนหนึ่งที่คิดด้วย จะไปเรียกเป็นชื่อของพี่ทำไม เค้าเรียกสลัดชนิดนี้นะว่า Aviator's Salad ก็คือ สลัดนักบิน เริ่มมีสองคนแล้วนะที่บอกว่า สลัดนี้ชื่อสลัดนักบินนะคะ แต่ว่ามันดันดังในฐานะสลัดของร้านซีซาร์ คนก็เลยเรียกว่าซีซาร์สลัดนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตามค่ะ นี่แค่เวอร์ชันแรกนะคะ คือเวอร์ชันที่โรซ่า ลูกสาวของ ซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาพูด แล้วคนก็ออกมาแย้งๆๆๆโรซ่า ประมาณนี้นะคะ อย่างไรก็ตาม เรามาดูเวอร์ชันที่สองดีกว่า เวอร์ชันที่สองนี่นะคะ หลานหรือเหลน ซักอย่างนึงเนี่ยของอเล็กซ์ คาร์ดินีเนี่ยนะคะ ซึ่งก็คือน้องชายของซีซาร์ คาร์ดินี เป็นคนที่ลุกขึ้นมาเล่าค่ะประมาณว่า ตอนนั้นปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิดค้นสลัดชนิดนี้ ในร้านของพี่ชายก็คือ ลุง...คุณลุงใหญ่...เรียกว่าไรอะ คือไม่...ไม่แม่น ไม่แม่นเค้าเรียกว่าไร ไม่แม่นการนับญาติแบบไทยอะ ก็ my great grand uncle อะไรประมาณนี้นะคะ ของผม ก็คือพี่ชายของปู่นั่นแหละ อะ ช่างมันเถอะค่ะ เราไม่ได้มาวุ่นวายกับการนับญาติกันในคลิปนี้นะ ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส เดี๋ยวไว้มาทำ เรื่องการนับญาติกันทีหลังนะคะ อย่างไรก็ตาม เค้าบอกว่า นี่แหละ อเล็กซ์ คุณปู่ทวดของผมเนี่ยผลิตสลัดชนิดนี้ขึ้นมา ในร้านของคุณซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ คือจริงๆแล้วอเล็กซ์ ปู่ทวดของผมเนี่ย เค้าไม่ได้มาเป็นพ่อครัวอะไรหรอก เค้าเป็นนักบิน เป็นนักบินในกองทัพอิตาลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วทีนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เค้าก็เห็นว่า พี่ชายของเค้า ซีซาร์ คาร์ดินี ย้ายมาอยู่ที่โลกใหม่ ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้ว เค้าก็เลยย้ายตามมา มาอาศัยอยู่ที่ติฮัวนาด้วย ซึ่งเรื่องราวก็คล้ายๆกับร้านของคาร์ดินีนี่แหละ ว่าสมัยนั้นเนี่ย ในฝั่งอเมริกามีการ ห้ามปาร์ตี้ ห้ามอะไรต่างๆ คือมีกฎห้ามว่าอย่างนั้นเถอะ ดังนั้นพวกเหล่าทหาร พวกเหล่าอะไรต่างๆ ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนเนี่ย ก็จะข้ามมาฝั่งเม็กซิโก มาปาร์ตี้กัน ซึ่งในคืนนึงเนี่ยนะ พวก Rockwell Field Air Force ซึ่งเป็นทหารอากาศของสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณอเล็กซ์นี่ด้วยเนี่ย ด้วยความที่เป็นนักบินด้วยกันน่ะ ก็มากินข้าวที่ร้านนี้ แล้วพวกนี้เนี่ยนะก็ปาร์ตี้เละตุ้มเป๊ะเลย ปาร์ตี้แบบเมาแอ๋ นอนหลับ สลบเหมือดกันอยู่ในร้านนั่นแหละ ก็คือกินกันจนเลยเวลาเคอร์ฟิวว่าอย่างนั้นเถอะ ก็กินๆๆๆไปจนกระทั่งเช้าค่ะ พวกนี้ก็ตื่นขึ้นมาในร้านแล้วก็รู้สึก ว่าแบบโอ๊ยหิว อยากได้ข้าวเช้า แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้ขายข้าวเช้าไง ก็เลยเรียกอเล็กซ์บอกว่า อเล็กซ์ๆ เฮ้ยเพื่อน ทำอาหารเช้าให้กินหน่อยดิ หิวอะ กินเหล้ามาทั้งคืนแล้ว อะไรประมาณนี้นะคะ อเล็กซ์ก็เลยหาของในตู้เย็นต่างๆค่ะ แล้วก็มาทำเป็นสลัดให้พวกเพื่อนนักบินกินค่ะ แล้วก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad ก็คือสลัดของนักบิน เพื่อที่จะได้เป็นเกียรติแก่ เหล่าเพื่อนๆที่มากินเป็นกลุ่มแรกค่ะ ซึ่งบังเอิญว่าสลัดชนิดนี้มันก็แพร่กระจาย ออกไปแล้วก็ดังเป็นพลุแตกเลย ประมาณว่าทุกคนก็อยากกิน ทุกคนก็แบบชอบสลัดชนิดนี้ ก็มากิน มากิน มากินกันที่ร้านนี้ค่ะ ทีนี้ทุกคนก็ชวนกันมาเพื่อที่จะมากินในร้านนี้ ก็เวลาชวนกันเนี่ย เค้าก็จะชวนกันว่า Hey! Let's go to Caesar's! Caesar's ก็คือร้านของซีซาร์ Let's go to Caesar's and have that salad. ประมาณว่าเฮ้ย เราไปร้านซีซาร์ ไปกินไอ้สลัดนั้นกันเถอะ แล้วนึกสภาพพูดไปเรื่อยๆ คนมันไม่พูดอะไรยาวๆหรอกแบบ Hey, let's go to Caesar's have salad... Caesar...salad... Caesar Salad สรุปก็เลยกลายเป็นซีซาร์สลัดนั่นเอง คนก็จำไปว่า นี่แหละคือซีซาร์สลัด และสุดท้ายนะคะ หลังจากทุกอย่างดังเป็นพลุแตกเนี่ย อเล็กซ์ก็มีการย้ายบ้านเหมือนกันนะ คือเค้าย้ายไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้เลยนะคะ แล้วก็ไปเปิดร้านอาหารที่นั่น ในร้านอาหารของอเล็กซ์เนี่ย ก็มีเมนูนะคะ แล้วก็เขียนไว้เลย มีคนถ่ายรูปไว้ตั้งแต่สมัยนั้นว่า เค้าเขียนชื่อเมนูนะไว้ว่า The Original Alex Cardini Caesar Salad ประมาณว่าชั้นเป็นคนออริจินัล นี่แหละสลัดของชั้นนะคะ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นออริจินัลนะ แต่ว่าในปีค.ศ. 1938 ค่ะ ปรากฏว่า บ้านของซีซาร์ คาร์ดินีก็ย้ายบ้านเหมือนกัน ย้ายบ้านไปอยู่ที่แอลเอค่ะ ลอสแอนเจลิส ไปถึงเนี่ยนะคะปรากฏว่า ตอนนั้นเค้าไม่ได้ไปเปิดร้านอาหารแล้วค่ะ แต่เค้าไปเปิด Grocery Store ก็คือเหมือนอารมณ์ซูเปอร์มาร์เก็ต เหมือนร้านขายของชำประมาณนี้ แต่ว่าเน้นไปที่ขายอาหารนะคะ แล้วทีนี้ด้วยความที่สลัดชนิดนี้โด่งดังค่ะ น้ำสลัดเป็นที่ต้องการมาก มันก็จะมีลูกค้าเยอะมากเลยนะคะ เดินทางมาที่ร้านพร้อมกับขวดไวน์เปล่าค่ะ แล้วก็บอกว่า อะ ซีซาร์ คาร์ดินี ทำน้ำสลัดให้หน่อยสิ เอาใส่ขวดไวน์นี้นะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามา ซีซาร์นะคะ ก็ขายน้ำสลัด ของตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ จนกระทั่งปีค.ศ. 1948 ค่ะ ปรากฏว่าซีซาร์รู้สึกว่าแบบ เฮ้ย นี่มันมีคนมาซื้อน้ำสลัดชั้นเนี่ย เยอะเกินไปแล้ว มันฮิตเกินไป ดังนั้นซีซาร์นะคะก็เลยร่วมมือกับ ลูกสาวที่ชื่อว่าโรซ่า บอกว่า เราผลิตกันเองเลยไหม ก็เลยไปสั่งไลน์ผลิตนะคะ มีการบรรจุขวดแก้วอะไรต่างๆ แล้วก็ผลิตน้ำสลัดซีซาร์ขึ้นมา ขายเองซะอย่างนั้นเลยค่ะ หลังจากนั้นน้ำสลัดของซีซาร์นะคะ ก็มีการส่งออกไปขายทั่วเลยค่ะ แล้วก็แปะป้ายว่าซีซาร์สลัดประมาณนั้นแหละ และนี่ก็คือที่มาของซีซาร์สลัดทั้งหมด กี่เวอร์ชันก็ไม่รู้นะคะ ก็เราก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าสุดท้ายแล้ว เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ถูกต้องที่สุด เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด ใครพูดจริง ใครพูดโกหก หรือมันอาจจะแค่แบบ เอ๊ย ผลิตขึ้นมาพร้อมๆกันในระยะเวลาใกล้ๆกัน เพราะว่ามันก็อยู่ในร้านเดียวกัน วัตถุดิบมันก็เหมือนกัน แล้วถ้าเอาทุกอย่างมายำรวมกัน มันก็ได้สลัดเหมือนกัน อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินใจแบบไหนค่ะ แต่อย่างไรก็ตามนะคะ จะเห็นว่าเรื่องราวของซีซาร์สลัดเนี่ย ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์เลย นอกจากว่าซีซาร์เป็นชื่อของคนที่ฮิตในอิตาลี แล้วก็บังเอิญว่านายซีซาร์ คาร์ดินี นี่ก็เลยได้ชื่อว่าซีซาร์ประมาณนั้นค่ะ แต่จริงๆมันก็มีอีกคนนอกมาเถียงค่ะ คือในปีค.ศ. 1903 โอโหประมาณ 20 ปีเลยนะ ก่อนที่ซีซาร์ คาร์ดินีจะคิดสลัดชนิดนี้เนี่ย เค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ แล้วก็อยู่ในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกานะคะ พวกทายาทของเค้าเนี่ยออกมาบอกว่า คุณคนอิตาลีคนนี้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ เพื่อขายในร้านอาหารอิตาเลียนที่รัฐอิลลินอยส์ ไม่ใช่ไอ้ซีซาร์ คาร์ดินีอะไรนี่เลย ซีซาร์มันแค่เอาผักกาดมาใส่ลงไป มันก็เลยทำให้สลัดชนิดนี้ กลมกล่อมขึ้นแค่นั้นแหละ แต่จริงๆแล้วคุณปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิด แล้วเค้าก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนีว่าซีซาร์เพราะว่า ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียน แล้วบริเวณนั้นมันไม่ใช่ที่อิตาลีไง มันก็ต้องเอาชื่ออะไรอิตาลีๆมาใส่อะ ประมาณนั้นแหละ เอ๊ ชื่ออะไรดีนะที่จะเป็นชื่อที่ มันดูอิตาลีที่สุด อิตาเลียนที่สุด อ๋อ ชื่อคนอิตาเลียนที่ดังที่สุดในโลก ก็น่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์แหละ อะ เรียกอย่างนี้แล้วกัน ซีซาร์สลัด เรียกเพื่อเป็นเกียรติแก่จูเลียส ซีซาร์ ประมาณนั้นนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่แค่คนนี้นะที่ออกมาเถียง มันยังมีอีกหลายเวอร์ชันเลย มีประมาณแบบเป็นสิบเวอร์ชันเลยทีเดียวค่ะ ดังนั้นใครจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ช่างมันละกันค่ะ เพราะว่าสุดท้ายแล้วนะ สลัดชนิดนี้มันก็ดังไปทั่วโลก แล้วก็ดังมาจนถึงประเทศไทย ที่เราได้กินกันในที่สุดนั่นเองค่ะ เป็นไงบ้างคะ เรื่องราวความเป็นมาของซีซาร์สลัด ใครเชื่อเวอร์ชันไหนกันบ้าง คิดว่าเวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด แต่บอกเลยว่าใครเชื่อหรือไม่เชื่อเวอร์ชันไหน ก็เป็นแค่ความเห็นเนอะ เพราะว่ามันไม่ได้มีการฟันธงแน่ๆที่ไหนค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็ กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ และพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ เอาจริงๆมันยังมีประวัติที่มาของอาหาร อีกหลายชนิดเลยนะคะที่น่าเอามาคุยกัน เดี๋ยววันหลังถ้ามีโอกาส เดี๋ยววิวมาเล่าให้ฟังค่ะ ถ้าใครอยากรู้เรื่องอาหารชนิดไหน ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ ถ้าวิวค้นข้อมูลเจอเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ