1 00:00:00,820 --> 00:00:03,400 อยากรู้ไหมคะว่าซีซาร์สลัดเกี่ยวอะไรกับจูเลียส ซีซาร์ 2 00:00:03,400 --> 00:00:04,840 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 3 00:00:04,840 --> 00:00:07,420 ตอนนี้นะคะ วิวกำลังกินซีซาร์สลัดอยู่ค่ะ 4 00:00:07,420 --> 00:00:09,320 แล้ววิวก็อยากรู้มากๆเลยว่า 5 00:00:09,320 --> 00:00:11,680 ซีซาร์สลัดเกี่ยวข้องอะไรกับจูเลียส ซีซาร์ 6 00:00:11,680 --> 00:00:14,800 ชื่อเหมือนกันขนาดนี้มันจะต้องมี ที่มาที่ไปเกี่ยวข้องกันแน่ๆค่ะ 7 00:00:14,800 --> 00:00:19,260 อย่างไรก็ตามนะคะ เกร็ดความรู้ที่วิวจะนำมา เล่าในวันนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้สนุกๆเท่านั้นค่ะ 8 00:00:19,260 --> 00:00:21,260 ไม่สามารถนำไปใช้เรียนใช้สอบได้นะคะ 9 00:00:21,260 --> 00:00:23,640 ดังนั้นนะคะ ถ้าน้องๆคนไหน จะต้องไปสอบไม่ว่าจะเป็น 10 00:00:23,640 --> 00:00:28,740 O-NET GAT PAT กสพท. SATmath BMAT IJSO โอ้ เยอะแยะเต็มไปหมดเนี่ยนะคะ 11 00:00:28,740 --> 00:00:31,460 สามารถเข้าไปติวได้ที่ ช่อง Nestle School Channel ค่ะ 12 00:00:31,460 --> 00:00:33,680 ที่นั่นเค้าจะมีรุ่นพี่ระดับท็อปประเทศนะคะ 13 00:00:33,680 --> 00:00:36,420 มาติวให้ทุกคนพร้อมกับ เฉลยข้อสอบละเอียดยิบเลย 14 00:00:36,420 --> 00:00:38,540 ตรงตามหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆเลยนะคะ 15 00:00:38,540 --> 00:00:40,340 ที่สำคัญ ทั้งหมดนี้ฟรีค่ะ 16 00:00:40,340 --> 00:00:42,200 ดังนั้นอย่าลืมเข้าไป subscribe กันนะคะ 17 00:00:42,200 --> 00:00:44,100 นอกจากนี้เหมือนว่าเค้าจะมีเป็นแอปด้วยนะคะ 18 00:00:44,100 --> 00:00:45,280 ลองเข้าไปดูกันได้ค่ะ 19 00:00:47,520 --> 00:00:49,380 เอาล่ะ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะ 20 00:00:49,380 --> 00:00:50,320 กินสลัดเสร็จแล้ว 21 00:00:50,320 --> 00:00:53,900 แล้วก็กลับบ้านมาค้นหาข้อมูลเพื่อมา ตอบทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ 22 00:00:53,900 --> 00:00:57,700 ดังนั้นตอนนี้เดี๋ยวเรามาฟังเรื่องราว เกี่ยวกับซีซาร์สลัดของเรากันต่อดีกว่าค่ะ 23 00:00:57,700 --> 00:01:00,900 อย่างไรก็ตามนะคะ อย่าลืมกดติดตามวิว ให้ครบทุกช่องทางก่อนค่ะ 24 00:01:00,900 --> 00:01:03,400 เพราะว่าแต่ละช่องทางเนี่ย เนื้อหาก็ไม่เหมือนกันเลยนะคะ 25 00:01:03,400 --> 00:01:06,900 สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราว ที่ทั้งสนุกแล้วก็ได้สาระรึยังคะ 26 00:01:06,900 --> 00:01:08,720 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 27 00:01:11,920 --> 00:01:14,600 พูดถึงซีซาร์สลัด เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีค่ะ 28 00:01:14,600 --> 00:01:17,300 เพราะว่าเป็นสลัดชื่อดังที่ก็ขายไปทั่วโลกเลยใช่ไหม 29 00:01:17,300 --> 00:01:19,620 ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนแทบทุกที่ 30 00:01:19,620 --> 00:01:24,280 ไปกินพิซซ่า ไปกินสปาเก็ตตี้ ไปกินอะไร ก็เจอแต่ซีซาร์สลัดกันทั้งนั้น 31 00:01:24,280 --> 00:01:26,740 ว่าแต่อยากรู้กันไหมคะว่าซีซาร์สลัดเนี่ย 32 00:01:26,740 --> 00:01:28,460 มันมีที่มาที่ไปอะไรยังไง 33 00:01:28,460 --> 00:01:31,220 พูดถึงซีซาร์สลัด ซีซาร์ ซีซาร์ ซีซาร์ 34 00:01:31,220 --> 00:01:32,060 จูเลียส ซีซาร์ 35 00:01:32,060 --> 00:01:34,340 จูเลียส ซีซาร์มาจากอาณาจักรโรมัน 36 00:01:34,340 --> 00:01:35,400 โรมันอยู่ตรงโรม 37 00:01:35,400 --> 00:01:36,340 โรม อิตาลี 38 00:01:36,340 --> 00:01:38,940 โอ้โห เกี่ยวข้องกันไปอีก อาหารอิตาเลียน โรม 39 00:01:38,940 --> 00:01:40,560 อาหารอิตาเลียน จูเลียส ซีซาร์ 40 00:01:40,560 --> 00:01:43,500 มันจะต้องเป็นเมนูเก่าแก่ไปถึงสมัยจูเลียส ซีซาร์ 41 00:01:43,500 --> 00:01:45,340 เป็นเมนูโปรดของจูเลียส ซีซาร์ 42 00:01:45,340 --> 00:01:48,320 ที่ใช้เสิร์ฟตอนชนะสงครามอะไรแน่ๆเลย 43 00:01:48,320 --> 00:01:51,880 มันถึงยิ่งใหญ่อลังการแล้วก็ มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ 44 00:01:51,880 --> 00:01:54,520 แต่ขอบอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วไม่เกี่ยวเลยนะคะ 45 00:01:54,520 --> 00:01:58,680 เพราะว่าจริงๆแล้วซีซาร์สลัดเนี่ย เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่กี่ปีเท่านั้นเองค่ะ 46 00:01:58,680 --> 00:02:01,180 และที่สำคัญ มันไม่ได้เกิดที่อิตาลีทุกคน 47 00:02:01,180 --> 00:02:02,720 แม้ว่ามันจะเป็นอาหารอิตาเลียนก็ตาม 48 00:02:02,720 --> 00:02:04,880 แต่ซีซาร์สลัดนะคะเกิดขึ้นที่ 49 00:02:04,880 --> 00:02:06,340 ประเทศเม็กซิโกค่ะ 50 00:02:06,340 --> 00:02:07,700 ตรงบริเวณติฮัวนานะคะ 51 00:02:07,700 --> 00:02:12,060 ที่มีพรมแดนติดกับซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ประมาณนั้นแหละค่ะ 52 00:02:12,060 --> 00:02:16,720 อ่าว แล้วว่าแต่ใครเป็นคนคิดค้นสลัดชื่อนี้ ทำไมมันถึงมาได้ชื่อซีซาร์นะคะ 53 00:02:16,720 --> 00:02:19,160 แล้วสรุปมันไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์จริงๆเหรอ 54 00:02:19,160 --> 00:02:21,200 ก็ต้องบอกว่าจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ 55 00:02:21,200 --> 00:02:24,300 เรายังสรุปกันไม่ได้เลยว่า ใครเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้นะคะ 56 00:02:24,300 --> 00:02:28,320 เพราะว่าด้วยความที่สลัดชนิดนี้ มันเป็นสลัดที่ทำง่ายๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น 57 00:02:28,320 --> 00:02:30,380 แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก 58 00:02:30,380 --> 00:02:34,600 ดังนั้นทุกคนนะคะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ สลัดชนิดนี้ตอนสมัยเริ่มแรกขึ้นมาเนี่ย 59 00:02:34,600 --> 00:02:37,840 ก็พยายามจะเคลมกันค่ะว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้จ้า 60 00:02:37,840 --> 00:02:39,620 นี่มันเป็นสูตรจากคุณยายของชั้น 61 00:02:39,620 --> 00:02:42,500 นี่มันเป็นสูตรจากคุณป้าของคุณปู่ของคุณตาของชั้น 62 00:02:42,500 --> 00:02:43,440 ประมาณนี้นะคะ 63 00:02:43,440 --> 00:02:47,460 เพื่อที่ว่าจะได้เป็นคนถือสูตรที่เป็น ออริจินัลที่สุดของสลัดชนิดนี้ไปค่ะ 64 00:02:47,460 --> 00:02:49,040 นึกสภาพว่าเกิดวิวบอกว่า 65 00:02:49,040 --> 00:02:53,860 มันมีคนผลิตน้ำสลัดชนิดนี้แบบออริจินัล จากคนแรกที่คิดค้นซีซาร์สลัดเลยนะ 66 00:02:53,860 --> 00:02:55,260 ทุกคนก็ต้องอยากกินใช่ไหมคะ 67 00:02:55,260 --> 00:02:58,120 ดังนั้น นี่แหละค่ะคือสาเหตุที่ทุกคนพยายามเคลมว่า 68 00:02:58,120 --> 00:03:00,500 ตัวเองเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ค่ะ 69 00:03:00,500 --> 00:03:02,060 ว่าแต่มันมีทฤษฎีไหนบ้าง 70 00:03:02,060 --> 00:03:03,340 วิวก็ไปค้นมาให้แล้วนะคะ 71 00:03:03,340 --> 00:03:06,540 แต่จากการที่วิวค้น อ่านนู่นอ่านนี่ มาเยอะแยะมากมายค่ะ 72 00:03:06,540 --> 00:03:09,740 บอกเลยว่ามีทฤษฎีหลักๆนะคะ อยู่ทั้งหมด 2 ทฤษฎีด้วยกันค่ะ 73 00:03:09,740 --> 00:03:13,260 ซึ่งในแต่ละทฤษฎีก็มีรายละเอียด ปลีกย่อยๆลงไปอีกนะคะ 74 00:03:13,260 --> 00:03:15,160 มีเวอร์ชันที่แตกต่างกันออกไปค่ะ 75 00:03:15,160 --> 00:03:16,460 เดี๋ยวเราไปฟังกันดีกว่าว่า 76 00:03:16,460 --> 00:03:18,240 ในแต่ละเวอร์ชันเนี่ย เค้าคิดว่า 77 00:03:18,240 --> 00:03:20,480 ใครเป็นคนคิดค้นซีซาร์สลัดกันนะคะ 78 00:03:20,480 --> 00:03:22,960 ทฤษฎีแรกเนี่ยนะคะพูดถึงซีซาร์ คาร์ดินีค่ะ 79 00:03:22,960 --> 00:03:24,620 อะ ชื่อซีซาร์โผล่มาแล้วนะคะ 80 00:03:24,620 --> 00:03:26,160 คุณซีซาร์คนนี้เป็นใครมาจากไหน 81 00:03:26,160 --> 00:03:30,900 ต้องบอกว่าเค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ เกิดที่ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1896 ค่ะ 82 00:03:30,900 --> 00:03:32,820 แต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เนี่ยนะคะ 83 00:03:32,820 --> 00:03:35,820 มันเป็นช่วงที่ชาวยุโรปจำนวนมาก ย้ายถิ่นฐานใช่ไหมคะ 84 00:03:35,820 --> 00:03:40,560 จากทวีปยุโรปเนี่ยมาอยู่ที่ New Land ดินแดนแห่งใหม่ก็คือสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ 85 00:03:40,560 --> 00:03:44,600 และคุณซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น อีกหนึ่งคนที่อพยพย้ายถิ่นมาค่ะ 86 00:03:44,600 --> 00:03:48,080 โดยที่เค้าย้ายถิ่นมาอยู่ที่ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกานะคะ 87 00:03:48,080 --> 00:03:49,540 ในปีค.ศ. 1924 ค่ะ 88 00:03:49,540 --> 00:03:51,660 ซึ่งในระหว่างที่เค้าอาศัยอยู่ตรงนั้นเนี่ย 89 00:03:51,660 --> 00:03:56,180 มันก็เป็นช่วงเวลาที่ในสหรัฐอเมริกาเนี่ย มันมีการเคอร์ฟิว มีอะไรต่างๆประมาณว่า 90 00:03:56,180 --> 00:04:00,020 มีข้อห้ามนะคะว่า อย่าปาร์ตี้เสียงดัง อย่าปาร์ตี้ดึก อะไรต่างๆ 91 00:04:00,020 --> 00:04:03,440 ดังนั้นด้วยความที่เค้าอาศัยอยู่ ติดกับเส้นชายแดนเนี่ยนะคะ 92 00:04:03,440 --> 00:04:05,420 เค้าก็เลยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจค่ะ 93 00:04:05,420 --> 00:04:09,320 ดังนั้นทุกวันนะคะ แม้ว่าบ้านของเค้า จะอยู่ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา 94 00:04:09,320 --> 00:04:13,100 แต่เค้าข้ามไปเปิดร้านอาหารค่ะ อยู่ที่ฝั่งเม็กซิโกนะคะ 95 00:04:13,100 --> 00:04:14,960 ที่เมืองติฮัวนาที่อยู่ติดกันค่ะ 96 00:04:14,960 --> 00:04:18,840 เปิดร้านอาหารอิตาเลียนขึ้นมานะคะ แล้วก็เป็นร้านกินดื่มชื่อดังแถวนั้นเลย 97 00:04:18,840 --> 00:04:20,100 ประมาณว่าพวกทหาร 98 00:04:20,100 --> 00:04:22,280 พวกคนจากอเมริกาที่อยู่ในอเมริกาแบบ 99 00:04:22,280 --> 00:04:24,000 อยู่ในอเมริกามีกฎใช่ไหมประมาณว่า 100 00:04:24,000 --> 00:04:25,680 ห้ามปาร์ตี้ ห้ามกินเหล้า นู่นนี่นั่น 101 00:04:25,680 --> 00:04:27,400 อะ ก็ข้ามเส้นพรมแดนมาปุ๊บ 102 00:04:27,400 --> 00:04:31,400 ในเม็กซิโกไม่มีกฎอีกก็มากินดื่ม กินเหล้า เละตุ้มเป๊ะอะไรกันอยู่ ประมาณนั้นนะคะ 103 00:04:31,400 --> 00:04:33,560 อารมณ์คล้ายๆชายแดนไทย-กัมพูชานั่นแหละค่ะ 104 00:04:33,560 --> 00:04:34,860 ฝั่งไทยห้ามพนันใช่ไหม 105 00:04:34,860 --> 00:04:37,740 อะ ก็ข้ามไปเปิดบ่อนอยู่ฝั่งกัมพูชา ประมาณนั้นเลยนะคะ 106 00:04:37,740 --> 00:04:40,240 ดังนั้นร้านของซีซาร์ก็โด่งดังขึ้นมาค่ะ 107 00:04:40,240 --> 00:04:42,720 ก็คือเวลาคนเรียกชื่อร้านในภาษาอังกฤษ นึกออกไหม 108 00:04:42,720 --> 00:04:44,520 's แปลว่า ของ ใช่ไหม 109 00:04:44,520 --> 00:04:46,060 ดังนั้นเวลาเค้าเรียกร้าน เค้าก็เรียกว่า 110 00:04:46,060 --> 00:04:49,520 Caesar's แปลว่าร้านของซีซาร์ ประมาณนั้นค่ะ 111 00:04:49,520 --> 00:04:51,780 ซึ่งร้านนี้ก็เปิดมาเรื่อยๆนะคะ จนกระทั่ง 112 00:04:51,780 --> 00:04:55,960 ถึงวันนึงค่ะก็คือวันที่ 4 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1924 นะคะ 113 00:04:55,960 --> 00:04:57,820 วันนั้นเนี่ยเป็นวันชาติอเมริกาค่ะ 114 00:04:57,820 --> 00:04:59,860 มีคนคนนึงเล่าเหตุการณ์นี้ขึ้นมาค่ะ 115 00:04:59,860 --> 00:05:03,840 คนคนนั้นก็คือคุณโรซ่านะคะที่เป็น ลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ 116 00:05:03,840 --> 00:05:07,420 เค้าเล่าให้ฟังว่าวันนั้นนะ พ่อของชั้นเนี่ย เปิดร้านอาหารตามปกติ 117 00:05:07,420 --> 00:05:09,280 และด้วยความที่มันเป็นวันชาติอเมริกานะ 118 00:05:09,280 --> 00:05:12,920 มันก็มีคนมากินดื่มในร้านกัน เยอะมากจนกระทั่งวัตถุดิบหมด 119 00:05:12,920 --> 00:05:14,900 พอวัตถุดิบหมดเนี่ย คนก็เรียกร้องว่า 120 00:05:14,900 --> 00:05:17,260 ชั้นอยากกินอะไรซักอย่าง ทำอะไรซักอย่างให้ชั้นกินสิ 121 00:05:17,260 --> 00:05:20,920 ดังนั้นนะคะ ซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ลูกค้ากินค่ะ 122 00:05:20,920 --> 00:05:23,960 เค้าก็เลยเข้าไปในครัว แล้วก็รื้อทุกอย่าง รื้อๆๆออกมา 123 00:05:23,960 --> 00:05:25,380 ว่าแบบชั้นมีอะไรเหลืออยู่บ้าง 124 00:05:25,380 --> 00:05:28,700 อ๋อ มีผักกาดแก้ว อ๋อ มีไข่ มีนู่นมีนี่มีนั่น 125 00:05:28,700 --> 00:05:30,040 ก็เลยเอาออกมาทั้งหมดเลยค่ะ 126 00:05:30,040 --> 00:05:32,280 แล้วก็ตัดสินใจว่าจากวัตถุดิบในวันนี้ 127 00:05:32,280 --> 00:05:33,980 ชั้นสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง 128 00:05:33,980 --> 00:05:34,840 อื้ม...อื้ม...อื้ม... 129 00:05:34,840 --> 00:05:36,240 เหมือนรายการมาสเตอร์เชฟนะทุกคน 130 00:05:36,240 --> 00:05:39,100 เอ่อ ต้องคิดด่วน ต้องคิดด่วน ลูกค้ารออยู่แล้ว เวลามีจำกัด 131 00:05:39,100 --> 00:05:41,240 อะ อาหารที่ทำง่ายที่สุด สลัดนั่นเอง 132 00:05:41,240 --> 00:05:42,960 เอาทุกอย่างมายำรวมกันเป็นสลัดเลย 133 00:05:42,960 --> 00:05:45,760 แต่ทีนี้สมมติว่าไปคลุกๆๆสลัดอยู่หลังร้าน 134 00:05:45,760 --> 00:05:49,500 แล้วก็ยกออกมาเนี่ย มันก็จะดูเหมือนแบบ เอาเศษของเหลือมาให้ลูกค้ากิน นึกออกปะ 135 00:05:49,500 --> 00:05:54,560 ดังนั้นนะคะคุณซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ยก็เลย คิดวิธีการปรุงอาหารที่ทำให้ไฮโซขึ้นค่ะ 136 00:05:54,560 --> 00:05:56,860 ด้วยการเข็นรถอาหารออกมาเลย 137 00:05:56,860 --> 00:05:59,720 เป็นแบบวัตถุดิบ วัตถุดิบ วัตถุดิบ เข็นออกมา แอ๊ดๆๆๆ 138 00:05:59,720 --> 00:06:02,340 มาจอดอยู่ที่ข้างโต๊ะของลูกค้าค่ะ 139 00:06:02,340 --> 00:06:05,340 หลังจากเนี่ยนะคะ เค้าก็เอา ชามขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็เริ่ม 140 00:06:05,340 --> 00:06:08,560 ทำสลัดตรงนั้นเลย ให้ลูกค้าได้เห็นวิธีการทำนะคะ 141 00:06:08,560 --> 00:06:11,220 ก็อารมณ์คล้ายๆกับที่ทุกวันนี้เราไปกินข้าวตามโรงแรม 142 00:06:11,220 --> 00:06:12,680 แล้วจะเห็นว่ามันจะมี Salad Bowl 143 00:06:12,680 --> 00:06:16,120 ที่เค้าให้เราทำสลัดสดๆเอง ประมาณนั้นเลย นี่เป็นที่มานี่แหละ 144 00:06:16,120 --> 00:06:19,240 คุณซีซาร์ คาร์ดินีนะคะ ก็ทำสลัด ทำสลัดให้ลูกค้าค่ะ 145 00:06:19,240 --> 00:06:21,300 แล้วก็ให้ลูกค้ากิน ปรากฏว่า 146 00:06:21,300 --> 00:06:23,000 ลูกค้าเนี่ยชอบมากนะคะ 147 00:06:23,000 --> 00:06:24,960 สลัดชนิดนี้โด่งดังไปค่ะ 148 00:06:24,960 --> 00:06:28,840 ดังนั้นลูกค้านะคะก็เลยมาขอ ให้ทำสลัดชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ 149 00:06:28,840 --> 00:06:31,700 รวมถึงพวกคนที่มาจากฮอลลีวูดอะไรอย่างนี้ด้วย 150 00:06:31,700 --> 00:06:35,440 พอมันมีคนมากินเยอะๆๆๆ สลัดชนิดนี้ก็เลยดังเป็นพลุแตกเลยนะคะ 151 00:06:35,440 --> 00:06:39,660 แล้วก็ได้ชื่อว่า Caesar's Salad หรือว่า สลัดของซีซาร์ ตั้งแต่วันนั้นนั่นเองค่ะ 152 00:06:39,660 --> 00:06:42,680 แต่ว่าประวัติของซีซาร์สลัดมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ 153 00:06:42,680 --> 00:06:46,620 คือมันไม่ใช่คุณซีซาร์คนนี้คนเดียวไง ที่เคลมว่า ชั้นเป็นคนคิดสลัดนะ 154 00:06:46,620 --> 00:06:50,780 หลังจากที่คุณโรซ่าลูกสาวของซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ค่ะ 155 00:06:50,780 --> 00:06:52,980 ก็มีคนออกมาแย้งกันเต็มเลยนะคะประมาณว่า 156 00:06:52,980 --> 00:06:55,760 เดี๋ยวๆๆๆ พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ 157 00:06:55,760 --> 00:06:57,180 นี่ ชั้นต่างหากเป็นคนคิด 158 00:06:57,180 --> 00:06:59,700 คนแรกนะคะก็คือคนที่ชื่อว่า พอล แม็กจิโอรา ค่ะ 159 00:06:59,700 --> 00:07:04,180 คนนี้เค้าเป็นหุ้นส่วนของซีซาร์ คาร์ดินี ที่ร่วมกันเปิดร้านอาหารขึ้นมานะคะ 160 00:07:04,180 --> 00:07:06,040 เค้าบอกว่าเดี๋ยว พ่อเธอไม่ได้เป็นคนคิด 161 00:07:06,040 --> 00:07:09,020 ชั้นนี่แหละเป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ในปีค.ศ. 1927 162 00:07:09,020 --> 00:07:11,200 เพื่อให้พวกนักบินต่างๆได้กินกัน 163 00:07:11,200 --> 00:07:14,120 แล้วชั้นก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad 164 00:07:14,120 --> 00:07:16,020 ที่แปลว่า สลัดนักบิน ประมาณนี้แหละ 165 00:07:16,020 --> 00:07:18,460 แล้วหลังจากนั้นพอเรามาเป็นหุ้นส่วนกันอะไรต่างๆ 166 00:07:18,460 --> 00:07:19,940 มันก็เลยมาเสิร์ฟอยู่ในร้านนี้ 167 00:07:19,940 --> 00:07:22,140 อย่าโมเมนะว่าพ่อเธอเป็นคนคิด 168 00:07:22,140 --> 00:07:23,400 น่ะ อันนี้เป็นคนแรกนะคะ 169 00:07:23,400 --> 00:07:25,900 ส่วนคนที่สองเนี่ยนะคะ ชื่อว่า ลิวิโอ ซานตินี ค่ะ 170 00:07:25,900 --> 00:07:28,260 คนนี้เค้าเป็นเด็กฝึกงานในร้านของซีซาร์ 171 00:07:28,260 --> 00:07:31,360 คนนี้นะคะเค้าบอกว่า ตอนนั้นเนี่ยนะ ในปีค.ศ. 1925 172 00:07:31,360 --> 00:07:33,160 ผมเป็นเด็กอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น 173 00:07:33,160 --> 00:07:35,420 ผมเนี่ยเป็นเด็กในร้านของซีซาร์ คาร์ดินี 174 00:07:35,420 --> 00:07:39,740 ทีนี้ตอนนั้นอยู่ในร้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ผมก็เลยทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมา 175 00:07:39,740 --> 00:07:43,180 ซึ่งสูตรเนี่ยนะ ผมเอามาจากแม่ผม ที่แม่เคยทำให้ผมกิน 176 00:07:43,180 --> 00:07:46,940 เสร็จแล้วปรากฏว่าซีซาร์ คาร์ดินี ก็มาเห็นสลัดชนิดนี้ที่ผมทำ 177 00:07:46,940 --> 00:07:50,700 แล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ย มันน่าสนใจมาก เค้าก็เลยขโมยสูตรของผมไปเลย 178 00:07:50,700 --> 00:07:53,080 แล้วก็ไปเคลมว่าเค้าเป็นคนคิดอะไรต่างๆนะคะ 179 00:07:53,080 --> 00:07:55,200 นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่มีคนเล่าขึ้นมานะคะ 180 00:07:55,200 --> 00:07:57,440 ทีนี้มีอีกคนนึงค่ะที่ลุกขึ้นมาเคลมว่า 181 00:07:57,440 --> 00:07:59,540 เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ อย่าเคลมเอาเครดิตไปทั้งหมด 182 00:07:59,540 --> 00:08:01,480 อันนี้คือไม่รู้เหมือนกันนะว่าใครเป็นคนพูด 183 00:08:01,480 --> 00:08:04,720 แต่ว่ามันมีคนบอกมาว่า จริงๆแล้วซีซาร์ คาร์ดินีเนี่ย 184 00:08:04,720 --> 00:08:06,280 มีน้องชายอยู่คนนึงชื่อว่า อเล็กซ์ 185 00:08:06,280 --> 00:08:10,460 ซึ่งอเล็กซ์เนี่ยเค้าก็เดินทางตาม ซีซาร์มาจากอิตาลีเนี่ยนะ 186 00:08:10,460 --> 00:08:13,840 มาอยู่ที่ติฮัวนาเหมือนกัน แล้วก็มาช่วยอยู่ในร้านอาหารนี่แหละ 187 00:08:13,840 --> 00:08:17,140 และตอนแรกซีซาร์ คาร์ดินีก็เป็น คนทำสลัดชนิดนี้ขึ้นมานี่แหละ 188 00:08:17,140 --> 00:08:18,900 แต่ว่าทำออกมาแล้วมันก็ไม่ได้ฮิตขนาดนั้น 189 00:08:18,900 --> 00:08:19,840 มันไม่อร่อยขนาดนั้น 190 00:08:19,840 --> 00:08:23,940 ปรากฏว่าอเล็กซ์เนี่ยเล็งเห็นว่า เฮ้ย สลัดจานนี้มันขาดอะไรไปนิดหน่อย 191 00:08:23,940 --> 00:08:26,080 ถ้าเราใส่แอนโชวีลงไปนะ ฟึบ 192 00:08:26,080 --> 00:08:27,300 รับรองว่าดังค่ะ 193 00:08:27,300 --> 00:08:29,880 อเล็กซ์ก็เลยเอาแอนโชวีใส่ลงไปในสลัดชนิดนี้ 194 00:08:29,880 --> 00:08:33,160 แล้วก็ทำให้สลัดชนิดนี้ดังเป็นพลุแตกเลย 195 00:08:33,160 --> 00:08:36,300 ดังนั้นเครดิตมันไม่ควรจะเป็นของ ซีซาร์ คาร์ดินีคนเดียวนะ 196 00:08:36,300 --> 00:08:40,660 ซึ่งตอนแรกนะคะเวอร์ชันนี้บอกว่าอเล็กซ์เนี่ย ไม่ได้เรียกสลัดชนิดนี้ว่าซีซาร์สลัดหรอก 197 00:08:40,660 --> 00:08:41,880 ก็ใช่สิ ชั้นเป็นคนคิด 198 00:08:41,880 --> 00:08:44,340 ชั้นเป็นส่วนหนึ่งที่คิดด้วย จะไปเรียกเป็นชื่อของพี่ทำไม 199 00:08:44,340 --> 00:08:46,720 เค้าเรียกสลัดชนิดนี้นะว่า Aviator's Salad 200 00:08:46,720 --> 00:08:48,260 ก็คือ สลัดนักบิน 201 00:08:48,260 --> 00:08:51,060 เริ่มมีสองคนแล้วนะที่บอกว่า สลัดนี้ชื่อสลัดนักบินนะคะ 202 00:08:51,060 --> 00:08:54,080 แต่ว่ามันดันดังในฐานะสลัดของร้านซีซาร์ 203 00:08:54,080 --> 00:08:56,280 คนก็เลยเรียกว่าซีซาร์สลัดนั่นเองค่ะ 204 00:08:56,280 --> 00:08:58,280 อย่างไรก็ตามค่ะ นี่แค่เวอร์ชันแรกนะคะ 205 00:08:58,280 --> 00:09:01,800 คือเวอร์ชันที่โรซ่า ลูกสาวของ ซีซาร์ คาร์ดินี ออกมาพูด 206 00:09:01,800 --> 00:09:04,820 แล้วคนก็ออกมาแย้งๆๆๆโรซ่า ประมาณนี้นะคะ 207 00:09:04,820 --> 00:09:07,160 อย่างไรก็ตาม เรามาดูเวอร์ชันที่สองดีกว่า 208 00:09:07,160 --> 00:09:11,000 เวอร์ชันที่สองนี่นะคะ หลานหรือเหลน ซักอย่างนึงเนี่ยของอเล็กซ์ คาร์ดินีเนี่ยนะคะ 209 00:09:11,000 --> 00:09:13,120 ซึ่งก็คือน้องชายของซีซาร์ คาร์ดินี 210 00:09:13,120 --> 00:09:14,960 เป็นคนที่ลุกขึ้นมาเล่าค่ะประมาณว่า 211 00:09:14,960 --> 00:09:18,340 ตอนนั้นปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิดค้นสลัดชนิดนี้ 212 00:09:18,340 --> 00:09:20,080 ในร้านของพี่ชายก็คือ 213 00:09:20,080 --> 00:09:22,480 ลุง...คุณลุงใหญ่...เรียกว่าไรอะ 214 00:09:22,480 --> 00:09:23,720 คือไม่...ไม่แม่น 215 00:09:23,720 --> 00:09:25,960 ไม่แม่นเค้าเรียกว่าไร ไม่แม่นการนับญาติแบบไทยอะ 216 00:09:25,960 --> 00:09:28,900 ก็ my great grand uncle อะไรประมาณนี้นะคะ 217 00:09:28,900 --> 00:09:31,020 ของผม ก็คือพี่ชายของปู่นั่นแหละ 218 00:09:31,020 --> 00:09:31,800 อะ ช่างมันเถอะค่ะ 219 00:09:31,800 --> 00:09:34,060 เราไม่ได้มาวุ่นวายกับการนับญาติกันในคลิปนี้นะ 220 00:09:34,060 --> 00:09:36,960 ถ้าเดี๋ยวมีโอกาส เดี๋ยวไว้มาทำ เรื่องการนับญาติกันทีหลังนะคะ 221 00:09:36,960 --> 00:09:39,020 อย่างไรก็ตาม เค้าบอกว่า นี่แหละ 222 00:09:39,020 --> 00:09:42,040 อเล็กซ์ คุณปู่ทวดของผมเนี่ยผลิตสลัดชนิดนี้ขึ้นมา 223 00:09:42,040 --> 00:09:44,460 ในร้านของคุณซีซาร์ คาร์ดินี นี่แหละ 224 00:09:44,460 --> 00:09:48,360 คือจริงๆแล้วอเล็กซ์ ปู่ทวดของผมเนี่ย เค้าไม่ได้มาเป็นพ่อครัวอะไรหรอก 225 00:09:48,360 --> 00:09:51,960 เค้าเป็นนักบิน เป็นนักบินในกองทัพอิตาลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 226 00:09:51,960 --> 00:09:54,680 แล้วทีนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เค้าก็เห็นว่า 227 00:09:54,680 --> 00:09:56,360 พี่ชายของเค้า ซีซาร์ คาร์ดินี 228 00:09:56,360 --> 00:09:59,160 ย้ายมาอยู่ที่โลกใหม่ ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้ว 229 00:09:59,160 --> 00:10:00,520 เค้าก็เลยย้ายตามมา 230 00:10:00,520 --> 00:10:02,120 มาอาศัยอยู่ที่ติฮัวนาด้วย 231 00:10:02,120 --> 00:10:04,580 ซึ่งเรื่องราวก็คล้ายๆกับร้านของคาร์ดินีนี่แหละ 232 00:10:04,580 --> 00:10:08,320 ว่าสมัยนั้นเนี่ย ในฝั่งอเมริกามีการ ห้ามปาร์ตี้ ห้ามอะไรต่างๆ 233 00:10:08,320 --> 00:10:09,780 คือมีกฎห้ามว่าอย่างนั้นเถอะ 234 00:10:09,780 --> 00:10:13,140 ดังนั้นพวกเหล่าทหาร พวกเหล่าอะไรต่างๆ ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนเนี่ย 235 00:10:13,140 --> 00:10:15,520 ก็จะข้ามมาฝั่งเม็กซิโก มาปาร์ตี้กัน 236 00:10:15,520 --> 00:10:20,980 ซึ่งในคืนนึงเนี่ยนะ พวก Rockwell Field Air Force ซึ่งเป็นทหารอากาศของสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ 237 00:10:20,980 --> 00:10:23,080 แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณอเล็กซ์นี่ด้วยเนี่ย 238 00:10:23,080 --> 00:10:25,960 ด้วยความที่เป็นนักบินด้วยกันน่ะ ก็มากินข้าวที่ร้านนี้ 239 00:10:25,960 --> 00:10:28,320 แล้วพวกนี้เนี่ยนะก็ปาร์ตี้เละตุ้มเป๊ะเลย 240 00:10:28,320 --> 00:10:32,020 ปาร์ตี้แบบเมาแอ๋ นอนหลับ สลบเหมือดกันอยู่ในร้านนั่นแหละ 241 00:10:32,020 --> 00:10:34,380 ก็คือกินกันจนเลยเวลาเคอร์ฟิวว่าอย่างนั้นเถอะ 242 00:10:34,380 --> 00:10:36,620 ก็กินๆๆๆไปจนกระทั่งเช้าค่ะ 243 00:10:36,620 --> 00:10:40,340 พวกนี้ก็ตื่นขึ้นมาในร้านแล้วก็รู้สึก ว่าแบบโอ๊ยหิว อยากได้ข้าวเช้า 244 00:10:40,340 --> 00:10:42,040 แต่ว่าร้านนี้ไม่ได้ขายข้าวเช้าไง 245 00:10:42,040 --> 00:10:46,140 ก็เลยเรียกอเล็กซ์บอกว่า อเล็กซ์ๆ เฮ้ยเพื่อน ทำอาหารเช้าให้กินหน่อยดิ 246 00:10:46,140 --> 00:10:48,900 หิวอะ กินเหล้ามาทั้งคืนแล้ว อะไรประมาณนี้นะคะ 247 00:10:48,900 --> 00:10:51,260 อเล็กซ์ก็เลยหาของในตู้เย็นต่างๆค่ะ 248 00:10:51,260 --> 00:10:53,960 แล้วก็มาทำเป็นสลัดให้พวกเพื่อนนักบินกินค่ะ 249 00:10:53,960 --> 00:10:58,300 แล้วก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนี้ว่า Aviator's Salad ก็คือสลัดของนักบิน 250 00:10:58,300 --> 00:11:01,320 เพื่อที่จะได้เป็นเกียรติแก่ เหล่าเพื่อนๆที่มากินเป็นกลุ่มแรกค่ะ 251 00:11:01,320 --> 00:11:05,560 ซึ่งบังเอิญว่าสลัดชนิดนี้มันก็แพร่กระจาย ออกไปแล้วก็ดังเป็นพลุแตกเลย 252 00:11:05,560 --> 00:11:08,240 ประมาณว่าทุกคนก็อยากกิน ทุกคนก็แบบชอบสลัดชนิดนี้ 253 00:11:08,240 --> 00:11:10,280 ก็มากิน มากิน มากินกันที่ร้านนี้ค่ะ 254 00:11:10,280 --> 00:11:12,940 ทีนี้ทุกคนก็ชวนกันมาเพื่อที่จะมากินในร้านนี้ 255 00:11:12,940 --> 00:11:14,940 ก็เวลาชวนกันเนี่ย เค้าก็จะชวนกันว่า 256 00:11:14,940 --> 00:11:16,500 Hey! Let's go to Caesar's! 257 00:11:16,500 --> 00:11:18,260 Caesar's ก็คือร้านของซีซาร์ 258 00:11:18,260 --> 00:11:20,200 Let's go to Caesar's and have that salad. 259 00:11:20,200 --> 00:11:23,020 ประมาณว่าเฮ้ย เราไปร้านซีซาร์ ไปกินไอ้สลัดนั้นกันเถอะ 260 00:11:23,020 --> 00:11:24,480 แล้วนึกสภาพพูดไปเรื่อยๆ 261 00:11:24,480 --> 00:11:25,860 คนมันไม่พูดอะไรยาวๆหรอกแบบ 262 00:11:25,860 --> 00:11:27,640 Hey, let's go to Caesar's have salad... 263 00:11:27,640 --> 00:11:29,040 Caesar...salad... 264 00:11:29,040 --> 00:11:30,340 Caesar Salad 265 00:11:30,340 --> 00:11:33,140 สรุปก็เลยกลายเป็นซีซาร์สลัดนั่นเอง 266 00:11:33,140 --> 00:11:34,420 คนก็จำไปว่า 267 00:11:34,420 --> 00:11:35,720 นี่แหละคือซีซาร์สลัด 268 00:11:35,720 --> 00:11:38,360 และสุดท้ายนะคะ หลังจากทุกอย่างดังเป็นพลุแตกเนี่ย 269 00:11:38,360 --> 00:11:40,060 อเล็กซ์ก็มีการย้ายบ้านเหมือนกันนะ 270 00:11:40,060 --> 00:11:42,900 คือเค้าย้ายไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้เลยนะคะ 271 00:11:42,900 --> 00:11:44,400 แล้วก็ไปเปิดร้านอาหารที่นั่น 272 00:11:44,400 --> 00:11:47,740 ในร้านอาหารของอเล็กซ์เนี่ย ก็มีเมนูนะคะ แล้วก็เขียนไว้เลย 273 00:11:47,740 --> 00:11:49,600 มีคนถ่ายรูปไว้ตั้งแต่สมัยนั้นว่า 274 00:11:49,600 --> 00:11:51,380 เค้าเขียนชื่อเมนูนะไว้ว่า 275 00:11:51,380 --> 00:11:54,320 The Original Alex Cardini Caesar Salad 276 00:11:54,320 --> 00:11:56,540 ประมาณว่าชั้นเป็นคนออริจินัล 277 00:11:56,540 --> 00:11:58,320 นี่แหละสลัดของชั้นนะคะ 278 00:11:58,320 --> 00:12:01,000 ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วใครเป็นออริจินัลนะ 279 00:12:01,000 --> 00:12:03,560 แต่ว่าในปีค.ศ. 1938 ค่ะ ปรากฏว่า 280 00:12:03,560 --> 00:12:06,040 บ้านของซีซาร์ คาร์ดินีก็ย้ายบ้านเหมือนกัน 281 00:12:06,040 --> 00:12:08,880 ย้ายบ้านไปอยู่ที่แอลเอค่ะ ลอสแอนเจลิส 282 00:12:08,880 --> 00:12:10,600 ไปถึงเนี่ยนะคะปรากฏว่า 283 00:12:10,600 --> 00:12:13,760 ตอนนั้นเค้าไม่ได้ไปเปิดร้านอาหารแล้วค่ะ แต่เค้าไปเปิด Grocery Store 284 00:12:13,760 --> 00:12:16,560 ก็คือเหมือนอารมณ์ซูเปอร์มาร์เก็ต เหมือนร้านขายของชำประมาณนี้ 285 00:12:16,560 --> 00:12:18,400 แต่ว่าเน้นไปที่ขายอาหารนะคะ 286 00:12:18,400 --> 00:12:21,020 แล้วทีนี้ด้วยความที่สลัดชนิดนี้โด่งดังค่ะ 287 00:12:21,020 --> 00:12:22,500 น้ำสลัดเป็นที่ต้องการมาก 288 00:12:22,500 --> 00:12:26,240 มันก็จะมีลูกค้าเยอะมากเลยนะคะ เดินทางมาที่ร้านพร้อมกับขวดไวน์เปล่าค่ะ 289 00:12:26,240 --> 00:12:29,420 แล้วก็บอกว่า อะ ซีซาร์ คาร์ดินี ทำน้ำสลัดให้หน่อยสิ 290 00:12:29,420 --> 00:12:31,720 เอาใส่ขวดไวน์นี้นะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามา 291 00:12:31,720 --> 00:12:34,980 ซีซาร์นะคะ ก็ขายน้ำสลัด ของตัวเองแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ 292 00:12:34,980 --> 00:12:38,220 จนกระทั่งปีค.ศ. 1948 ค่ะ ปรากฏว่าซีซาร์รู้สึกว่าแบบ 293 00:12:38,220 --> 00:12:42,080 เฮ้ย นี่มันมีคนมาซื้อน้ำสลัดชั้นเนี่ย เยอะเกินไปแล้ว มันฮิตเกินไป 294 00:12:42,080 --> 00:12:45,840 ดังนั้นซีซาร์นะคะก็เลยร่วมมือกับ ลูกสาวที่ชื่อว่าโรซ่า บอกว่า 295 00:12:45,840 --> 00:12:46,860 เราผลิตกันเองเลยไหม 296 00:12:46,860 --> 00:12:50,220 ก็เลยไปสั่งไลน์ผลิตนะคะ มีการบรรจุขวดแก้วอะไรต่างๆ 297 00:12:50,220 --> 00:12:53,520 แล้วก็ผลิตน้ำสลัดซีซาร์ขึ้นมา ขายเองซะอย่างนั้นเลยค่ะ 298 00:12:53,520 --> 00:12:57,020 หลังจากนั้นน้ำสลัดของซีซาร์นะคะ ก็มีการส่งออกไปขายทั่วเลยค่ะ 299 00:12:57,020 --> 00:12:59,500 แล้วก็แปะป้ายว่าซีซาร์สลัดประมาณนั้นแหละ 300 00:12:59,500 --> 00:13:03,800 และนี่ก็คือที่มาของซีซาร์สลัดทั้งหมด กี่เวอร์ชันก็ไม่รู้นะคะ 301 00:13:03,800 --> 00:13:07,400 ก็เราก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าสุดท้ายแล้ว เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ถูกต้องที่สุด 302 00:13:07,400 --> 00:13:09,180 เวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด 303 00:13:09,180 --> 00:13:10,580 ใครพูดจริง ใครพูดโกหก 304 00:13:10,580 --> 00:13:14,540 หรือมันอาจจะแค่แบบ เอ๊ย ผลิตขึ้นมาพร้อมๆกันในระยะเวลาใกล้ๆกัน 305 00:13:14,540 --> 00:13:17,140 เพราะว่ามันก็อยู่ในร้านเดียวกัน วัตถุดิบมันก็เหมือนกัน 306 00:13:17,140 --> 00:13:19,580 แล้วถ้าเอาทุกอย่างมายำรวมกัน มันก็ได้สลัดเหมือนกัน 307 00:13:19,580 --> 00:13:20,980 อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ 308 00:13:20,980 --> 00:13:23,000 อยู่ที่ว่าใครจะตัดสินใจแบบไหนค่ะ 309 00:13:23,000 --> 00:13:25,560 แต่อย่างไรก็ตามนะคะ จะเห็นว่าเรื่องราวของซีซาร์สลัดเนี่ย 310 00:13:25,560 --> 00:13:27,400 ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับจูเลียส ซีซาร์เลย 311 00:13:27,400 --> 00:13:30,960 นอกจากว่าซีซาร์เป็นชื่อของคนที่ฮิตในอิตาลี 312 00:13:30,960 --> 00:13:35,580 แล้วก็บังเอิญว่านายซีซาร์ คาร์ดินี นี่ก็เลยได้ชื่อว่าซีซาร์ประมาณนั้นค่ะ 313 00:13:35,580 --> 00:13:37,380 แต่จริงๆมันก็มีอีกคนนอกมาเถียงค่ะ 314 00:13:37,380 --> 00:13:40,340 คือในปีค.ศ. 1903 โอโหประมาณ 20 ปีเลยนะ 315 00:13:40,340 --> 00:13:43,100 ก่อนที่ซีซาร์ คาร์ดินีจะคิดสลัดชนิดนี้เนี่ย 316 00:13:43,100 --> 00:13:44,480 เค้าเป็นคนอิตาลีค่ะ 317 00:13:44,480 --> 00:13:46,800 แล้วก็อยู่ในรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกานะคะ 318 00:13:46,800 --> 00:13:48,380 พวกทายาทของเค้าเนี่ยออกมาบอกว่า 319 00:13:48,380 --> 00:13:53,080 คุณคนอิตาลีคนนี้เป็นคนคิดสลัดชนิดนี้ เพื่อขายในร้านอาหารอิตาเลียนที่รัฐอิลลินอยส์ 320 00:13:53,080 --> 00:13:55,520 ไม่ใช่ไอ้ซีซาร์ คาร์ดินีอะไรนี่เลย 321 00:13:55,520 --> 00:13:57,580 ซีซาร์มันแค่เอาผักกาดมาใส่ลงไป 322 00:13:57,580 --> 00:14:00,300 มันก็เลยทำให้สลัดชนิดนี้ กลมกล่อมขึ้นแค่นั้นแหละ 323 00:14:00,300 --> 00:14:02,600 แต่จริงๆแล้วคุณปู่ทวดของผมเนี่ยเป็นคนคิด 324 00:14:02,600 --> 00:14:06,080 แล้วเค้าก็ตั้งชื่อสลัดชนิดนีว่าซีซาร์เพราะว่า 325 00:14:06,080 --> 00:14:07,380 ขายอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียน 326 00:14:07,380 --> 00:14:09,420 แล้วบริเวณนั้นมันไม่ใช่ที่อิตาลีไง 327 00:14:09,420 --> 00:14:12,040 มันก็ต้องเอาชื่ออะไรอิตาลีๆมาใส่อะ ประมาณนั้นแหละ 328 00:14:12,040 --> 00:14:15,340 เอ๊ ชื่ออะไรดีนะที่จะเป็นชื่อที่ มันดูอิตาลีที่สุด อิตาเลียนที่สุด 329 00:14:15,340 --> 00:14:19,120 อ๋อ ชื่อคนอิตาเลียนที่ดังที่สุดในโลก ก็น่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์แหละ 330 00:14:19,120 --> 00:14:20,720 อะ เรียกอย่างนี้แล้วกัน ซีซาร์สลัด 331 00:14:20,720 --> 00:14:23,580 เรียกเพื่อเป็นเกียรติแก่จูเลียส ซีซาร์ ประมาณนั้นนะคะ 332 00:14:23,580 --> 00:14:26,100 ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ใช่แค่คนนี้นะที่ออกมาเถียง 333 00:14:26,100 --> 00:14:27,840 มันยังมีอีกหลายเวอร์ชันเลย 334 00:14:27,840 --> 00:14:29,760 มีประมาณแบบเป็นสิบเวอร์ชันเลยทีเดียวค่ะ 335 00:14:29,760 --> 00:14:32,600 ดังนั้นใครจะเลือกเชื่อแบบไหนก็ช่างมันละกันค่ะ 336 00:14:32,600 --> 00:14:35,660 เพราะว่าสุดท้ายแล้วนะ สลัดชนิดนี้มันก็ดังไปทั่วโลก 337 00:14:35,660 --> 00:14:39,200 แล้วก็ดังมาจนถึงประเทศไทย ที่เราได้กินกันในที่สุดนั่นเองค่ะ 338 00:14:39,200 --> 00:14:41,380 เป็นไงบ้างคะ เรื่องราวความเป็นมาของซีซาร์สลัด 339 00:14:41,380 --> 00:14:42,680 ใครเชื่อเวอร์ชันไหนกันบ้าง 340 00:14:42,680 --> 00:14:45,240 คิดว่าเวอร์ชันไหนคือเวอร์ชันที่ออริจินัลที่สุด 341 00:14:45,240 --> 00:14:48,140 แต่บอกเลยว่าใครเชื่อหรือไม่เชื่อเวอร์ชันไหน ก็เป็นแค่ความเห็นเนอะ 342 00:14:48,140 --> 00:14:50,700 เพราะว่ามันไม่ได้มีการฟันธงแน่ๆที่ไหนค่ะ 343 00:14:50,700 --> 00:14:52,780 อย่างไรก็ตามนะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม 344 00:14:52,780 --> 00:14:55,740 กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็ กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ 345 00:14:55,740 --> 00:14:57,360 และพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน 346 00:14:57,360 --> 00:14:58,320 บ๊ายบาย 347 00:14:58,320 --> 00:14:59,020 สวัสดีค่ะ 348 00:14:59,020 --> 00:15:02,660 เอาจริงๆมันยังมีประวัติที่มาของอาหาร อีกหลายชนิดเลยนะคะที่น่าเอามาคุยกัน 349 00:15:02,660 --> 00:15:04,700 เดี๋ยววันหลังถ้ามีโอกาส เดี๋ยววิวมาเล่าให้ฟังค่ะ 350 00:15:04,700 --> 00:15:07,740 ถ้าใครอยากรู้เรื่องอาหารชนิดไหน ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้นะคะ 351 00:15:07,740 --> 00:15:09,740 ถ้าวิวค้นข้อมูลเจอเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ 352 00:15:09,740 --> 00:15:10,960 วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน 353 00:15:10,960 --> 00:15:11,640 บ๊ายบาย 354 00:15:11,640 --> 00:15:12,440 สวัสดีค่ะ