-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
หลังจากคราวที่แล้วนะคะ วิวทำคลิป
เกี่ยวกับประวัติของย่านหมอชิตไปเนี่ย
-
ทำให้หลายๆคนนะคะรู้สึกสนใจมากค่ะ
แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเลยทีเดียว
-
หลายคนก็คอมเมนต์ขอมานะคะ บอกว่า
-
เฮ้ย เรามาคุยกันเรื่องประวัติความเป็นมา
ของชื่อต่างๆที่เราคุ้นเคยกันอีกดีไหม
-
อยากรู้เรื่องตรงนั้นบ้าง อยากรู้เรื่องนี้ตรงนี้บ้างนะคะ
-
เอาจริงๆบางที่วิวก็รู้ บางที่วิวก็ไม่รู้นะคะ
-
บางที่ก็ค้นได้ บางที่ก็ค้นไม่ได้
บางที่ก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานต่างๆ
-
แต่อย่างไรก็ตามค่ะ
เหล่านี้ก็เป็นประวัติที่น่าสนใจนะคะ
-
ดังนั้นวิวก็เลยหยิบสถานที่นึงขึ้นมา
คุยกับทุกคนในวันนี้ค่ะ
-
สถานที่นั้นนะคะ บอกว่าพูดชื่อขึ้นมา
ไม่มีใครไม่รู้จักแน่ๆค่ะ
-
สถานที่นั้นก็คือ ย่านสีลม นั่นเอง
-
อะ พูดถึงสีลม
-
เป็นทั้งชื่อสถานีรถไฟใต้ดิน
-
เป็นทั้งชื่อย่านธุรกิจ
-
เป็นทั้งชื่อถนน
-
ว่าแต่สีลม ทำไมต้องสีลมด้วย
แล้วสีลมมันสีอะไร
-
มีที่มาจากอะไรนะคะ
-
วันนี้ วิวไปค้นคำตอบ
มาตอบให้ทุกคนฟังแล้วค่ะ
-
แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
-
ก่อนอื่นอย่าลืมกดติดตามวิว
ให้ครบทุกช่องทางนะคะ
-
หลายคนยังไม่รู้ว่าวิวมี Instagram ด้วยนะ
-
แต่ละช่องทางเนี่ย เนื้อหาไม่เหมือนกันเลย
-
แล้วรูปแบบก็แตกต่างกันไปหมดเลยนะคะ
-
ดังนั้นลองไปตามกันดูค่ะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
-
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ก่อนอื่นนะคะ ถ้าเราจะมาพูดถึง
ประวัติของสีลมกันเนี่ย
-
หลายคนพอพูดถึงสีลม พูดถึงอะไรอย่างนี้
-
ชอบเล่นมุกกันใช่ไหมคะ
-
แปลชื่อสีลมกันว่า
-
Color of the wind
-
เหมือนชื่อเพลงประกอบ
เรื่อง Pocahontas อะไรประมาณนี้
-
ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ
-
สีลมในที่นี้ไม่ได้แปลแบบนั้นนะคะ
-
เพราะว่าจริงๆคำว่า สี เนี่ยนะคะ
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
-
ให้ความหมายไว้ทั้งหมด 3 ความหมายด้วยกันค่ะ
-
ความหมายแรกเนี่ยคือความหมายที่เอาจริงๆ
-
วิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่า
มันมีความหมายนี้ด้วย
-
จนกระทั่งได้ไปเปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตฯ
เพื่อมาทำคลิปนี้นี่แหละ
-
เค้าบอกว่าคำว่าสีนะคะ
-
หมายถึง ปีมะโรง
-
ใช่ ปีนักษัตร ปีงูใหญ่ของเรานี่แหละ
-
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม
ปีมะโรงถึงใช้คำว่าสีนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญค่ะ
ข้ามไปที่ความหมายที่สองดีกว่าค่ะ
-
ความหมายที่สองของคำว่าสีเป็นความหมาย
ที่เราหลายๆคนคุ้นเคยกันดีนะคะ
-
ก็คือคำว่าสีที่แปลว่า color แปลว่า
-
เอ่อ ถ้าจะตอบตามราชบัณฑิตยสถานก็คือ
-
การที่แสงมากระทบวัตถุหนึ่งแล้วสะท้อนเข้าตา
แล้วเป็นอะไรต่างๆให้เราได้รับรู้
-
อย่างเช่น แดง เขียว เหลือง อะไรเป็นต้น
-
อะ ประมาณนี้ นี่ก็คือวิธีการอธิบายยากๆ
ว่าสีที่แปลว่า color คืออะไรนะ
-
เอาจริงๆคำว่าสีนี่ก็ให้ความหมายยากอยู่นะ
-
ลองนึกสภาพว่าเราต้องอธิบาย
คำว่าสีคืออะไรให้กับคนที่
-
ตาบอดสี ไม่เคยเห็นสีมาก่อนในชีวิต
-
เออ หรือว่าคนที่ตาบอดเลยก็ยากอยู่นะคะ
-
อย่างไรก็ตาม ราชบัณฑิตฯ ของเราก็เก่งมากๆนะคะ
สามารถให้ความหมายของสีได้
-
ก็ตามนี้เลยที่เขียนไว้ให้นะคะ
-
ทั้งนี้ทั้งนั้นนะคะ นี่คือการนอกเรื่องค่ะ
-
เพราะว่าความหมายที่สองของคำว่าสีเนี่ย
-
เพราะว่าความหมายที่สองของคำว่าสีที่
แปลว่า color ไม่ได้เกี่ยวข้องกับถนนสีลมเลยค่ะ
-
ถนนสีลมเกี่ยวข้องกับความหมายที่สามค่ะ
-
ความหมายที่สามของคำว่าสีนะคะ
ราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า
-
เกี่ยวข้องกับการเสียดสี
การถู การขัด อะไรประมาณนี้นะคะ
-
อารมณ์ประมาณเหมือนแปรงสีฟัน
-
ก็คือการที่เอาแปรงมาขัดถูฟัน
ประมาณนั้นเลยนะคะ
-
นี่คือความหมายที่เกี่ยวข้องกับถนนสีลมของเราค่ะ
-
และแน่นอน คำว่าสีในที่นี้ เราใช้กับสิ่งนึงค่ะ
-
นอกจากจะใช้กับแปรงสีฟันและใช้กับ
สิ่งต่างๆรอบตัวอีกมากมายแล้วเนี่ย
-
เรายังใช้กับ โรงสีข้าว นั่นเองนะคะ
-
ซึ่งแน่นอนว่าถนนสีลมของเราเนี่ย
ก็เกี่ยวข้องกับโรงสีข้าวนี่ล่ะค่ะ
-
คือถ้าเราพูดถึงพฤติกรรมการกินของคนไทยนะ
-
ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
-
เราก็รู้กันดีค่ะว่าคนไทย
กินข้าวเป็นอาหารหลัก ถูกไหม
-
ทีนี้ กว่าเราจะเอาข้าวมากินได้
-
กว่าที่ข้าวที่มันออกจากต้นมา
ตากจนแห้งเป็นข้าวเปลือกเนี่ย
-
เราจะเอามาหุงกินเป็นข้าวสวยทุกวันนี้ได้นะคะ
-
มันจะต้องผ่านกระบวนการนึงค่ะ
-
นั่นก็คือกระบวนการสีข้าวนั่นเอง
-
ซึ่งเอาจริงๆคนไทยสมัยโบราณเนี่ย
-
เค้าก็ไม่ใช้การสีข้าวที่เป็นโรงสี
เป็นอะไรเหมือนปัจจุบันนี้หรอก
-
เค้าก็ใช้วิธีการตำข้าวกันใช่ไหมคะ
-
เค้าก็จะมีครกตำข้าวใหญ่ๆกันทุกครัวเรือนเลย
-
แล้วก็ตำๆๆๆจนเปลือกกระเทาะออกไป
-
แต่ทีนี้ค่ะ การตำข้าวก็อาจจะช้านิดนึง ดังนั้น
-
มันก็เลยมีสิ่งที่เรียกว่า
เทคโนโลยีเข้ามาช่วยนะคะ
-
เทคโนโลยีนั้นก็คือเทคโนโลยีการสีข้าว
ด้วยโรงสีแบบตะวันตกนั่นเองค่ะ
-
การสีข้าวด้วยโรงสีแบบตะวันตกเนี่ยนะคะ
เข้ามาในดินแดนที่เป็นประเทศไทยครั้งแรก
-
ตามหลักฐานเท่าที่วิวหาเจอเนี่ยนะคะ
-
ค้นเจอว่าเข้ามาในช่วงประมาณยุค
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชค่ะ
-
ซึ่งในยุคนั้นเนี่ยนะคะ ก็เป็นยุคที่
-
อิทธิพลตะวันตกเนี่ย
หลั่งไหลเข้ามาค่อนข้างมากใช่ไหม
-
อย่างที่เราได้ดูกันในเรื่องบุพเพสันนิวาส
-
จะเห็นว่าช่วงนั้นมีฝรั่ง มีชาวต่างชาติ
ประเทศนู้นประเทศนี้
-
เข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาเยอะมากนะคะ
-
ดังนั้นมันมีฝรั่งอยู่คนนึงค่ะ
เป็นบาทหลวงชื่อว่าบาทหลวงลา ลูแบร์
-
เค้าเป็นคนที่บันทึกเรื่องราวต่างๆใน
ประเทศของเราไว้เยอะมาก ทำให้เราได้รู้นะคะ
-
ก็บันทึกเอาไว้นะคะตามสิ่งที่เค้าเห็น
-
มีอคติบ้าง จินตนาการบ้าง อะไรบ้าง
-
ก็แล้วแต่เราจะตีความนะ
-
แต่อย่างน้อยเนี่ย มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า
ในสมัยนั้นๆเนี่ยนะคะ มีอะไรบ้าง
-
ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบันนะคะ
-
ทีนี้บาทหลวงลา ลูแบร์เนี่ยนะคะ
ได้มีการบันทึกไว้ค่ะ
-
ในช่วงที่กล่าวถึงการกินเมล็ดพืช
ของไทยอะไรเนี่ยนะคะ
-
นอกจากจะบันทึกว่าคนไทยกินข้าว
เป็นอาหารหลัก อะไรต่างๆแล้วเนี่ย
-
เค้าก็ได้บันทึกถึงสิ่งนึงค่ะว่า
-
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนี่ยนะคะ
-
เนื่องจากพระองค์โปรด
ความเป็นตะวันตกค่อนข้างมาก
-
ดังนั้นเนี่ย พระองค์ก็เลย
-
มีการรับเรื่องการปลูกข้าวสาลีเข้ามาด้วยค่ะ
-
คือเหมือนกับว่า เออ เห็นฝรั่งปลูกข้าวสาลี
ทำขนมปังกัน ก็มีการปลูกบ้างนะคะ
-
ทีนี้ก็มีการบันทึกถึงสิ่งที่เรียกว่าโรงสีค่ะ
-
เพราะว่าถ้ามีข้าวสาลีแล้วเนี่ย
-
การจะทำมาเป็นแป้งทำอะไร
ก็ต้องมีโรงสีใช่ไหมคะ
-
เค้าก็มีการบันทึกไว้ค่ะว่ามันมีโรงสี
เข้ามาตั้งแต่สมัยอยุธยาละ
-
ตั้งอยู่ทั้งหมด 2 ที่ด้วยกันค่ะ
-
ที่แรกก็คือใกล้ๆกับกรุงศรีอยุธยานะคะ
-
แล้วที่ที่สองก็คือใกล้ๆกับละโว้
หรือว่าเมืองลพบุรีนั่นเอง
-
ซึ่งเป็นเมืองหลวงอีกแห่งนึงในสมัยนั้นเนอะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์
-
เทคโนโลยีการสีข้าวก็อาจจะ
เลือนหายไปจากประเทศไทยนะ
-
เพราะว่าไม่ได้มีการกล่าวถึงอีก
-
จนกระทั่งเข้ามาในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ
-
ในช่วงสมัยของรัชกาลที่ 4 นะคะ
-
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
-
ก็จะเห็นว่าเป็นอีกระลอกนึงนะคะ
-
ที่อิทธิพลตะวันตกหลั่งไหลเข้ามา
ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบัน
-
เยอะมากนะคะ
-
ชาวสยามของเรารับอิทธิพลตะวันตกมามากมาย
-
และสิ่งนึงที่รับมาด้วย แน่นอนว่าก็คือ
-
โรงสีนั่นเองนะคะ
-
โรงสีกลับมาที่สยามของเราอีกรอบนึงนะคะ
-
เราสามารถจะเห็นหลักฐานได้จาก
-
พระราชหัตถเลขาของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนะคะ
-
ที่ทรงเขียนตอบโต้กับคนนั้นคนนี้
เรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจอะไรของเรา
-
เช่น เขียนไปที่อเมริกาบอกว่า
มีชาวอเมริกันเข้ามาตั้งโรงสีในประเทศไทยนะ
-
อะไรทำนองนี้
-
หรือเราจะสามารถเห็นหลักฐานได้จากหนังสือ
ที่เรียกว่า Siam Directory ของหมอสมิธ
-
หมอสมิธนี่ก็เป็นอีกคนนึงที่บันทึกเรื่องราว
เกี่ยวกับประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 นะคะ
-
ก็ทำให้เราได้เห็นสภาพสังคม
ในยุคสมัยนั้นแหละ ประมาณนั้นเลยนะ
-
เราก็จะเห็นว่าเค้าบันทึกว่าในช่วงเวลานี้
เป็นช่วงเวลาที่ชาวตะวันตก
-
เข้ามามีกิจการอะไรต่างๆในสยามค่อนข้างมาก
-
รวมถึงกิจการโรงสีด้วยนะคะ
-
ชาวตะวันตกก็เข้ามาตั้ง
โรงสีต่างๆมากมายในสยามค่ะ
-
ทีนี้ถามว่าเรื่องราวที่วิวเล่าทั้งหมด
เกี่ยวข้องกับถนนสีลมยังไงนะคะ
-
ยังเข้ามาไม่ถึงสีลมเลย
-
ตอนนี้ดูเหมือนปูพื้นเกี่ยวกับสภาพสังคมไทย
-
อะไรเกี่ยวกับโรงสีมามากมายนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะ
ที่ดินบริเวณที่เป็นย่านสีลมปัจจุบันเนี่ย
-
เป็นที่ดินที่ค่อนข้างจะ
-
ยังไม่ได้อยู่กลางเมืองขนาดนั้น นึกออกไหม
-
กลางเมืองของเราก็คือเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน
-
พระบรมมหาราชวัง อะไรประมาณนั้นเลยนะคะ
-
ถามว่าแถวนี้ คนแถวนี้เค้าทำอะไรกัน
-
เค้าก็ทำสวน ทำนา
-
แล้วก็รวมถึงเลี้ยงสัตว์ อะไรประมาณนี้ด้วยนะคะ
-
ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะโล่งกว้าง ประมาณนั้นเถอะ
-
ปรากฏว่าในยุคสมัยนั้นค่ะ
-
ก็มีพ่อค้าต่างชาติ มีสถานกงสุลอะไรต่างๆ
-
เข้ามาตั้งในประเทศไทยมากมายนะคะ
-
บังเอิญว่าชาวต่างชาติเหล่านั้นค่ะ
เกิดเรียกร้องสิ่งนึงขึ้นมานะคะ
-
ก็คือเรียกร้องว่า เฮ้ย เราอยากมีที่ขี่ม้าเล่นน่ะ
-
คือในเมืองมันอาจจะแออัดนิดนึง
-
อยากได้ถนนสักเส้นนึงที่ขี่ม้าชมทิวทัศน์ได้
-
เป็นการตากอากาศ ประมาณนี้นะ
-
มีถนนเส้นไหนบ้างนะที่เหมาะกับสิ่งนี้
-
ประกอบกับว่าในช่วงนั้นนะคะ
สยามประเทศของเราเนี่ยก็กำลัง
-
พัฒนาตัวเองมากมายในด้านนั้นด้านนี้
-
เอ้า สร้างนู่น สร้างนี่ สร้างนั่น เพื่อให้
เจริญทัดเทียมกับนานาประเทศใช่ไหมคะ
-
และสิ่งนึงที่เราจะต้องพัฒนานั่นก็คือ
-
การคมนาคมนั่นเองนะคะ
-
ซึ่งการคมนาคมในสมัยโบร่ำโบราณเนี่ย
-
การคมนาคมหลักของเราก็คือทางน้ำใช่ไหม
-
มันก็จะมีคลองต่างๆมากมายอยู่ในกรุงเทพ
-
ถึงขนาดที่ว่าเราเคยได้ชื่อว่าเป็น
เวนิสแห่งตะวันออกประมาณนั้นเลยถูกไหม
-
ทีนี้มันก็บังเอิญมีคลองอยู่สองเส้นค่ะ
-
ที่เค้าต้องการจะขุดให้มันเชื่อมต่อกันนะคะ
-
คลองนั้นนะคะก็คือคลองบางรัก
กับคลองถนนตรงนั่นเองค่ะ
-
ทีนี้พอมีคลองสองเส้นนะคะ
ต้องการขุดคลองเชื่อมกัน
-
เค้าก็ขุดๆๆ ขุดเป็นคลองค่ะ
-
ทีนี้เวลาขุดคลองจะเกิดอะไรขึ้น
-
ก็คือเราขุดพื้นลงไป เราขุดดินขึ้นมา
-
มันก็จะต้องมีดินที่เหลือขึ้นมาใช่ไหม
-
เอ๊ จะเอาไปทำอะไรดีนะ
-
เค้าก็เลยเอาดินพวกนั้นค่ะ
มาตั้งๆๆๆ เป็นคันดินนะคะ
-
แล้วก็จัดการเปลี่ยนคันดินนั้นนะคะ
ที่เกิดจากการขุดคลองเนี่ย
-
มาเป็นถนนค่ะ
-
ถนนเส้นนั้นนะคะได้ชื่อว่า ถนนขวาง ค่ะ
-
ซึ่งบังเอิญมากๆเลยนะคะว่า
ถนนขวางเส้นนั้นเนี่ย พอตัดขึ้นมา
-
ก็บังเอิญว่ามันกว้างใหญ่นะคะ
เหมาะกับการขี่ม้าเล่น
-
ก็เลยตรงกับจุดประสงค์ที่สถานกงสุล
ชาวต่างชาติอยากจะมาขี่ม้าเล่นพอดีค่ะ
-
ทีนี้พอมีถนน ที่ดินบริเวณนี้ก็เริ่มเจริญขึ้นนะคะ
-
ดังนั้นนะคะก็เลยเริ่มมีการปรับปรุงทัศนียภาพต่างๆ
-
เริ่มมีคนเอาต้นประดู่มาปลูกสองข้างถนน
-
อะ ร่มรื่นสวยงามไป
-
และที่สำคัญมีสิ่งนึงเกิดขึ้นค่ะ
-
นั่นก็คือมีชาวต่างชาติเนี่ยนะคะ
-
เข้ามาตั้งโรงสีอยู่บริเวณถนนเส้นนี้ค่ะ
-
แล้วทีนี้นึกว่าโรงสีเนี่ยมันเด่น
-
มันเด่นมากๆเลยนะทุกคน
-
ดังนั้นนะคะ พอโรงสีมันเด่นมากๆเนี่ย
มันดันเด่นกว่าชื่อการขวางของถนนอะไรอย่างนี้
-
ถนนมันไม่ได้ขวางชัดเจนขนาดนั้น
-
โรงสีเด่นกว่า
-
คนเราเนี่ยชอบเรียกชื่อตามอะไรที่เห็นกับตา
-
แล้วก็เรียกมากกว่าชื่อ official อยู่แล้วใช่ไหม
-
ดังนั้นนะคะเค้าก็เลยเอาคำว่าโรงสี
มาเรียกเป็นชื่อถนนนั่นเองค่ะ
-
แต่ทีนี้นะคะ ถามว่าทำไมต้องเป็นสีลม
-
สีไฟได้ไหม สีดินได้ไหม สีน้ำได้ไหม
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ค่ะ
-
เพราะว่าถ้าเป็นสีน้ำ มันก็จะต้องเป็นระบายสี
-
ไม่ควรเล่นมุกนี้นะคะ แป้กมาก
-
ดังนั้นกลับมาที่เรื่องราวมีสาระดีกว่านะทุกคนนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ค่ะ เพราะว่า
โรงสีในประเทศไทยที่นำเข้ามาเนี่ย
-
มันก็มีหลักๆอยู่ทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกันค่ะ
-
ประเภทแรกก็คือ โรงสีไฟ นะคะ
-
ซึ่งโรงสีไฟเนี่ยหมายถึงโรงสีที่ใช้จักรกล
-
ใช้เครื่องยนต์กลไฟอะไรประมาณนี้
-
ในการเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้
โรงสีมันทำงานอะไรต่างๆนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวของกับเราค่ะ
-
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเราเนี่ยคือโรงสีอีกประเภทนึงนะคะ
-
ก็คือ โรงสีลม นั่นเอง
-
คือโรงสีที่ใช้พลังงานลมเป็นหลักนะคะ
-
ก็คือโรงสีที่มีกังหันลมอยู่ข้างหน้า
-
มีลมพัดมา กังหันหมุน
-
กังหันหมุนเสร็จ ไปเป็นพลังงานดึงให้
กลไกอะไรต่างๆข้างในทำงาน
-
อารมณ์คล้ายๆเครื่องหมายดัชมิลล์
ที่เราเห็นกันน่ะแหละ
-
หรือที่ในภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า
windmill นั่นเองนะคะ
-
ทีนี้โรงสีที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสีลมเนี่ย
-
มันดันเป็น windmill
หรือมันดันเป็นโรงสีลมนี่ล่ะค่ะ
-
ดังนั้นเนี่ยนะคะ คนก็เลยเรียกถนนเส้นนี้ว่า
-
ถนนสีลม
-
ย่อมาจากถนนที่มีโรงสีลมตั้งอยู่นั่นเองค่ะ
-
ซึ่งในปัจจุบันเนี่ยนะคะ เราก็จะเห็นว่า
ตรงบริเวณถนนนราธิวาสเนี่ย
-
ก็ยังมีรูปกังหันตั้งไว้อยู่
แม้ว่าจะใช้ไม่ได้จริงหรืออะไรนะคะ
-
ก็เป็นอนุสรณ์ถึงที่มาของชื่อถนนสีลม
ชื่อย่านสีลม อะไรแถวๆนี้นี่แหละค่ะ
-
ซึ่งพอเราเรียกชื่อถนนเส้นนี้ว่า ถนนสีลม
-
ย่านที่อยู่รอบๆถนนสีลมก็เลย
กลายเป็น ย่านสีลม นั่นเองค่ะ
-
เป็นยังไงบ้างคะทุกคน
-
ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการกันไหม
ว่าสรุปแล้วถนนสีลมสีอะไร
-
ก็คือสีข้าวด้วยลมนั่นเองค่ะ
-
ถ้าใครชื่นชอบคลิปแบบนี้นะคะ
-
อยากให้วิวไปหาที่มาอะไรของอะไรอีก
ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้เลยค่ะ
-
หรือว่าใครมีความรู้เพิ่มเติมนะคะ
อยากจะมาแชร์กันก็คอมเมนต์ด้านล่างได้เช่นกันค่ะ
-
ส่วนใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงรู้สึกปะว่าคลิปนี้เล่นมุกแป้กไปหลายมุกมาก
-
เหนื่อยใจกับตัวเองเหมือนกันนะ
-
ก็จะพยายามไม่ค่อยเล่นมุกแป้กแล้วกันนะคะทุกคน
-
แต่ตอนเล่นก็ไม่คิดว่ามันแป้กนะ
ตอนเล่นก็คิดว่ามันฮา
-
แต่ก็...ก็เล่นไปแล้วค่อยรู้สึกว่ามันแป้ก
-
แต่ก็ยังไม่ยอมตัดทิ้ง
-
ก็ฝืนน่ะนะ ดังนั้นช่างมันเถอะค่ะทุกคน
-
เอาเป็นว่าความสุขเล็กๆน้อยๆของคนเล่านะคะ
-
วันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ
-
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ