สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
หลังจากคราวที่แล้วนะคะ วิวทำคลิป
เกี่ยวกับประวัติของย่านหมอชิตไปเนี่ย
ทำให้หลายๆคนนะคะรู้สึกสนใจมากค่ะ
แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเลยทีเดียว
หลายคนก็คอมเมนต์ขอมานะคะ บอกว่า
เฮ้ย เรามาคุยกันเรื่องประวัติความเป็นมา
ของชื่อต่างๆที่เราคุ้นเคยกันอีกดีไหม
อยากรู้เรื่องตรงนั้นบ้าง อยากรู้เรื่องนี้ตรงนี้บ้างนะคะ
เอาจริงๆบางที่วิวก็รู้ บางที่วิวก็ไม่รู้นะคะ
บางที่ก็ค้นได้ บางที่ก็ค้นไม่ได้
บางที่ก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตามค่ะ
เหล่านี้ก็เป็นประวัติที่น่าสนใจนะคะ
ดังนั้นวิวก็เลยหยิบสถานที่นึงขึ้นมา
คุยกับทุกคนในวันนี้ค่ะ
สถานที่นั้นนะคะ บอกว่าพูดชื่อขึ้นมา
ไม่มีใครไม่รู้จักแน่ๆค่ะ
สถานที่นั้นก็คือ ย่านสีลม นั่นเอง
อะ พูดถึงสีลม
เป็นทั้งชื่อสถานีรถไฟใต้ดิน
เป็นทั้งชื่อย่านธุรกิจ
เป็นทั้งชื่อถนน
ว่าแต่สีลม ทำไมต้องสีลมด้วย
แล้วสีลมมันสีอะไร
มีที่มาจากอะไรนะคะ
วันนี้ วิวไปค้นคำตอบ
มาตอบให้ทุกคนฟังแล้วค่ะ
แต่อย่างไรก็ตามนะคะ
ก่อนอื่นอย่าลืมกดติดตามวิว
ให้ครบทุกช่องทางนะคะ
หลายคนยังไม่รู้ว่าวิวมี Instagram ด้วยนะ
แต่ละช่องทางเนี่ย เนื้อหาไม่เหมือนกันเลย
แล้วรูปแบบก็แตกต่างกันไปหมดเลยนะคะ
ดังนั้นลองไปตามกันดูค่ะ
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นนะคะ ถ้าเราจะมาพูดถึง
ประวัติของสีลมกันเนี่ย
หลายคนพอพูดถึงสีลม พูดถึงอะไรอย่างนี้
ชอบเล่นมุกกันใช่ไหมคะ
แปลชื่อสีลมกันว่า
Color of the wind
เหมือนชื่อเพลงประกอบ
เรื่อง Pocahontas อะไรประมาณนี้
ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ
สีลมในที่นี้ไม่ได้แปลแบบนั้นนะคะ
เพราะว่าจริงๆคำว่า สี เนี่ยนะคะ
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ให้ความหมายไว้ทั้งหมด 3 ความหมายด้วยกันค่ะ
ความหมายแรกเนี่ยคือความหมายที่เอาจริงๆ
วิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่า
มันมีความหมายนี้ด้วย
จนกระทั่งได้ไปเปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตฯ
เพื่อมาทำคลิปนี้นี่แหละ
เค้าบอกว่าคำว่าสีนะคะ
หมายถึง ปีมะโรง
ใช่ ปีนักษัตร ปีงูใหญ่ของเรานี่แหละ
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม
ปีมะโรงถึงใช้คำว่าสีนะคะ
อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญค่ะ
ข้ามไปที่ความหมายที่สองดีกว่าค่ะ
ความหมายที่สองของคำว่าสีเป็นความหมาย
ที่เราหลายๆคนคุ้นเคยกันดีนะคะ
ก็คือคำว่าสีที่แปลว่า color แปลว่า
เอ่อ ถ้าจะตอบตามราชบัณฑิตยสถานก็คือ
การที่แสงมากระทบวัตถุหนึ่งแล้วสะท้อนเข้าตา
แล้วเป็นอะไรต่างๆให้เราได้รับรู้
อย่างเช่น แดง เขียว เหลือง อะไรเป็นต้น
อะ ประมาณนี้ นี่ก็คือวิธีการอธิบายยากๆ
ว่าสีที่แปลว่า color คืออะไรนะ
เอาจริงๆคำว่าสีนี่ก็ให้ความหมายยากอยู่นะ
ลองนึกสภาพว่าเราต้องอธิบาย
คำว่าสีคืออะไรให้กับคนที่
ตาบอดสี ไม่เคยเห็นสีมาก่อนในชีวิต
เออ หรือว่าคนที่ตาบอดเลยก็ยากอยู่นะคะ
อย่างไรก็ตาม ราชบัณฑิตฯ ของเราก็เก่งมากๆนะคะ
สามารถให้ความหมายของสีได้
ก็ตามนี้เลยที่เขียนไว้ให้นะคะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นนะคะ นี่คือการนอกเรื่องค่ะ
เพราะว่าความหมายที่สองของคำว่าสีเนี่ย
เพราะว่าความหมายที่สองของคำว่าสีที่
แปลว่า color ไม่ได้เกี่ยวข้องกับถนนสีลมเลยค่ะ
ถนนสีลมเกี่ยวข้องกับความหมายที่สามค่ะ
ความหมายที่สามของคำว่าสีนะคะ
ราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า
เกี่ยวข้องกับการเสียดสี
การถู การขัด อะไรประมาณนี้นะคะ
อารมณ์ประมาณเหมือนแปรงสีฟัน
ก็คือการที่เอาแปรงมาขัดถูฟัน
ประมาณนั้นเลยนะคะ
นี่คือความหมายที่เกี่ยวข้องกับถนนสีลมของเราค่ะ
และแน่นอน คำว่าสีในที่นี้ เราใช้กับสิ่งนึงค่ะ
นอกจากจะใช้กับแปรงสีฟันและใช้กับ
สิ่งต่างๆรอบตัวอีกมากมายแล้วเนี่ย
เรายังใช้กับ โรงสีข้าว นั่นเองนะคะ
ซึ่งแน่นอนว่าถนนสีลมของเราเนี่ย
ก็เกี่ยวข้องกับโรงสีข้าวนี่ล่ะค่ะ
คือถ้าเราพูดถึงพฤติกรรมการกินของคนไทยนะ
ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
เราก็รู้กันดีค่ะว่าคนไทย
กินข้าวเป็นอาหารหลัก ถูกไหม
ทีนี้ กว่าเราจะเอาข้าวมากินได้
กว่าที่ข้าวที่มันออกจากต้นมา
ตากจนแห้งเป็นข้าวเปลือกเนี่ย
เราจะเอามาหุงกินเป็นข้าวสวยทุกวันนี้ได้นะคะ
มันจะต้องผ่านกระบวนการนึงค่ะ
นั่นก็คือกระบวนการสีข้าวนั่นเอง
ซึ่งเอาจริงๆคนไทยสมัยโบราณเนี่ย
เค้าก็ไม่ใช้การสีข้าวที่เป็นโรงสี
เป็นอะไรเหมือนปัจจุบันนี้หรอก
เค้าก็ใช้วิธีการตำข้าวกันใช่ไหมคะ
เค้าก็จะมีครกตำข้าวใหญ่ๆกันทุกครัวเรือนเลย
แล้วก็ตำๆๆๆจนเปลือกกระเทาะออกไป
แต่ทีนี้ค่ะ การตำข้าวก็อาจจะช้านิดนึง ดังนั้น
มันก็เลยมีสิ่งที่เรียกว่า
เทคโนโลยีเข้ามาช่วยนะคะ
เทคโนโลยีนั้นก็คือเทคโนโลยีการสีข้าว
ด้วยโรงสีแบบตะวันตกนั่นเองค่ะ
การสีข้าวด้วยโรงสีแบบตะวันตกเนี่ยนะคะ
เข้ามาในดินแดนที่เป็นประเทศไทยครั้งแรก
ตามหลักฐานเท่าที่วิวหาเจอเนี่ยนะคะ
ค้นเจอว่าเข้ามาในช่วงประมาณยุค
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชค่ะ
ซึ่งในยุคนั้นเนี่ยนะคะ ก็เป็นยุคที่
อิทธิพลตะวันตกเนี่ย
หลั่งไหลเข้ามาค่อนข้างมากใช่ไหม
อย่างที่เราได้ดูกันในเรื่องบุพเพสันนิวาส
จะเห็นว่าช่วงนั้นมีฝรั่ง มีชาวต่างชาติ
ประเทศนู้นประเทศนี้
เข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาเยอะมากนะคะ
ดังนั้นมันมีฝรั่งอยู่คนนึงค่ะ
เป็นบาทหลวงชื่อว่าบาทหลวงลา ลูแบร์
เค้าเป็นคนที่บันทึกเรื่องราวต่างๆใน
ประเทศของเราไว้เยอะมาก ทำให้เราได้รู้นะคะ
ก็บันทึกเอาไว้นะคะตามสิ่งที่เค้าเห็น
มีอคติบ้าง จินตนาการบ้าง อะไรบ้าง
ก็แล้วแต่เราจะตีความนะ
แต่อย่างน้อยเนี่ย มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า
ในสมัยนั้นๆเนี่ยนะคะ มีอะไรบ้าง
ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบันนะคะ
ทีนี้บาทหลวงลา ลูแบร์เนี่ยนะคะ
ได้มีการบันทึกไว้ค่ะ
ในช่วงที่กล่าวถึงการกินเมล็ดพืช
ของไทยอะไรเนี่ยนะคะ
นอกจากจะบันทึกว่าคนไทยกินข้าว
เป็นอาหารหลัก อะไรต่างๆแล้วเนี่ย
เค้าก็ได้บันทึกถึงสิ่งนึงค่ะว่า
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนี่ยนะคะ
เนื่องจากพระองค์โปรด
ความเป็นตะวันตกค่อนข้างมาก
ดังนั้นเนี่ย พระองค์ก็เลย
มีการรับเรื่องการปลูกข้าวสาลีเข้ามาด้วยค่ะ
คือเหมือนกับว่า เออ เห็นฝรั่งปลูกข้าวสาลี
ทำขนมปังกัน ก็มีการปลูกบ้างนะคะ
ทีนี้ก็มีการบันทึกถึงสิ่งที่เรียกว่าโรงสีค่ะ
เพราะว่าถ้ามีข้าวสาลีแล้วเนี่ย
การจะทำมาเป็นแป้งทำอะไร
ก็ต้องมีโรงสีใช่ไหมคะ
เค้าก็มีการบันทึกไว้ค่ะว่ามันมีโรงสี
เข้ามาตั้งแต่สมัยอยุธยาละ
ตั้งอยู่ทั้งหมด 2 ที่ด้วยกันค่ะ
ที่แรกก็คือใกล้ๆกับกรุงศรีอยุธยานะคะ
แล้วที่ที่สองก็คือใกล้ๆกับละโว้
หรือว่าเมืองลพบุรีนั่นเอง
ซึ่งเป็นเมืองหลวงอีกแห่งนึงในสมัยนั้นเนอะ
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์
เทคโนโลยีการสีข้าวก็อาจจะ
เลือนหายไปจากประเทศไทยนะ
เพราะว่าไม่ได้มีการกล่าวถึงอีก
จนกระทั่งเข้ามาในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ค่ะ
ในช่วงสมัยของรัชกาลที่ 4 นะคะ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็จะเห็นว่าเป็นอีกระลอกนึงนะคะ
ที่อิทธิพลตะวันตกหลั่งไหลเข้ามา
ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบัน
เยอะมากนะคะ
ชาวสยามของเรารับอิทธิพลตะวันตกมามากมาย
และสิ่งนึงที่รับมาด้วย แน่นอนว่าก็คือ
โรงสีนั่นเองนะคะ
โรงสีกลับมาที่สยามของเราอีกรอบนึงนะคะ
เราสามารถจะเห็นหลักฐานได้จาก
พระราชหัตถเลขาของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนะคะ
ที่ทรงเขียนตอบโต้กับคนนั้นคนนี้
เรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจอะไรของเรา
เช่น เขียนไปที่อเมริกาบอกว่า
มีชาวอเมริกันเข้ามาตั้งโรงสีในประเทศไทยนะ
อะไรทำนองนี้
หรือเราจะสามารถเห็นหลักฐานได้จากหนังสือ
ที่เรียกว่า Siam Directory ของหมอสมิธ
หมอสมิธนี่ก็เป็นอีกคนนึงที่บันทึกเรื่องราว
เกี่ยวกับประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 นะคะ
ก็ทำให้เราได้เห็นสภาพสังคม
ในยุคสมัยนั้นแหละ ประมาณนั้นเลยนะ
เราก็จะเห็นว่าเค้าบันทึกว่าในช่วงเวลานี้
เป็นช่วงเวลาที่ชาวตะวันตก
เข้ามามีกิจการอะไรต่างๆในสยามค่อนข้างมาก
รวมถึงกิจการโรงสีด้วยนะคะ
ชาวตะวันตกก็เข้ามาตั้ง
โรงสีต่างๆมากมายในสยามค่ะ
ทีนี้ถามว่าเรื่องราวที่วิวเล่าทั้งหมด
เกี่ยวข้องกับถนนสีลมยังไงนะคะ
ยังเข้ามาไม่ถึงสีลมเลย
ตอนนี้ดูเหมือนปูพื้นเกี่ยวกับสภาพสังคมไทย
อะไรเกี่ยวกับโรงสีมามากมายนะคะ
ก็ต้องบอกว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะ
ที่ดินบริเวณที่เป็นย่านสีลมปัจจุบันเนี่ย
เป็นที่ดินที่ค่อนข้างจะ
ยังไม่ได้อยู่กลางเมืองขนาดนั้น นึกออกไหม
กลางเมืองของเราก็คือเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน
พระบรมมหาราชวัง อะไรประมาณนั้นเลยนะคะ
ถามว่าแถวนี้ คนแถวนี้เค้าทำอะไรกัน
เค้าก็ทำสวน ทำนา
แล้วก็รวมถึงเลี้ยงสัตว์ อะไรประมาณนี้ด้วยนะคะ
ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะโล่งกว้าง ประมาณนั้นเถอะ
ปรากฏว่าในยุคสมัยนั้นค่ะ
ก็มีพ่อค้าต่างชาติ มีสถานกงสุลอะไรต่างๆ
เข้ามาตั้งในประเทศไทยมากมายนะคะ
บังเอิญว่าชาวต่างชาติเหล่านั้นค่ะ
เกิดเรียกร้องสิ่งนึงขึ้นมานะคะ
ก็คือเรียกร้องว่า เฮ้ย เราอยากมีที่ขี่ม้าเล่นน่ะ
คือในเมืองมันอาจจะแออัดนิดนึง
อยากได้ถนนสักเส้นนึงที่ขี่ม้าชมทิวทัศน์ได้
เป็นการตากอากาศ ประมาณนี้นะ
มีถนนเส้นไหนบ้างนะที่เหมาะกับสิ่งนี้
ประกอบกับว่าในช่วงนั้นนะคะ
สยามประเทศของเราเนี่ยก็กำลัง
พัฒนาตัวเองมากมายในด้านนั้นด้านนี้
เอ้า สร้างนู่น สร้างนี่ สร้างนั่น เพื่อให้
เจริญทัดเทียมกับนานาประเทศใช่ไหมคะ
และสิ่งนึงที่เราจะต้องพัฒนานั่นก็คือ
การคมนาคมนั่นเองนะคะ
ซึ่งการคมนาคมในสมัยโบร่ำโบราณเนี่ย
การคมนาคมหลักของเราก็คือทางน้ำใช่ไหม
มันก็จะมีคลองต่างๆมากมายอยู่ในกรุงเทพ
ถึงขนาดที่ว่าเราเคยได้ชื่อว่าเป็น
เวนิสแห่งตะวันออกประมาณนั้นเลยถูกไหม
ทีนี้มันก็บังเอิญมีคลองอยู่สองเส้นค่ะ
ที่เค้าต้องการจะขุดให้มันเชื่อมต่อกันนะคะ
คลองนั้นนะคะก็คือคลองบางรัก
กับคลองถนนตรงนั่นเองค่ะ
ทีนี้พอมีคลองสองเส้นนะคะ
ต้องการขุดคลองเชื่อมกัน
เค้าก็ขุดๆๆ ขุดเป็นคลองค่ะ
ทีนี้เวลาขุดคลองจะเกิดอะไรขึ้น
ก็คือเราขุดพื้นลงไป เราขุดดินขึ้นมา
มันก็จะต้องมีดินที่เหลือขึ้นมาใช่ไหม
เอ๊ จะเอาไปทำอะไรดีนะ
เค้าก็เลยเอาดินพวกนั้นค่ะ
มาตั้งๆๆๆ เป็นคันดินนะคะ
แล้วก็จัดการเปลี่ยนคันดินนั้นนะคะ
ที่เกิดจากการขุดคลองเนี่ย
มาเป็นถนนค่ะ
ถนนเส้นนั้นนะคะได้ชื่อว่า ถนนขวาง ค่ะ
ซึ่งบังเอิญมากๆเลยนะคะว่า
ถนนขวางเส้นนั้นเนี่ย พอตัดขึ้นมา
ก็บังเอิญว่ามันกว้างใหญ่นะคะ
เหมาะกับการขี่ม้าเล่น
ก็เลยตรงกับจุดประสงค์ที่สถานกงสุล
ชาวต่างชาติอยากจะมาขี่ม้าเล่นพอดีค่ะ
ทีนี้พอมีถนน ที่ดินบริเวณนี้ก็เริ่มเจริญขึ้นนะคะ
ดังนั้นนะคะก็เลยเริ่มมีการปรับปรุงทัศนียภาพต่างๆ
เริ่มมีคนเอาต้นประดู่มาปลูกสองข้างถนน
อะ ร่มรื่นสวยงามไป
และที่สำคัญมีสิ่งนึงเกิดขึ้นค่ะ
นั่นก็คือมีชาวต่างชาติเนี่ยนะคะ
เข้ามาตั้งโรงสีอยู่บริเวณถนนเส้นนี้ค่ะ
แล้วทีนี้นึกว่าโรงสีเนี่ยมันเด่น
มันเด่นมากๆเลยนะทุกคน
ดังนั้นนะคะ พอโรงสีมันเด่นมากๆเนี่ย
มันดันเด่นกว่าชื่อการขวางของถนนอะไรอย่างนี้
ถนนมันไม่ได้ขวางชัดเจนขนาดนั้น
โรงสีเด่นกว่า
คนเราเนี่ยชอบเรียกชื่อตามอะไรที่เห็นกับตา
แล้วก็เรียกมากกว่าชื่อ official อยู่แล้วใช่ไหม
ดังนั้นนะคะเค้าก็เลยเอาคำว่าโรงสี
มาเรียกเป็นชื่อถนนนั่นเองค่ะ
แต่ทีนี้นะคะ ถามว่าทำไมต้องเป็นสีลม
สีไฟได้ไหม สีดินได้ไหม สีน้ำได้ไหม
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ค่ะ
เพราะว่าถ้าเป็นสีน้ำ มันก็จะต้องเป็นระบายสี
ไม่ควรเล่นมุกนี้นะคะ แป้กมาก
ดังนั้นกลับมาที่เรื่องราวมีสาระดีกว่านะทุกคนนะคะ
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ค่ะ เพราะว่า
โรงสีในประเทศไทยที่นำเข้ามาเนี่ย
มันก็มีหลักๆอยู่ทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกันค่ะ
ประเภทแรกก็คือ โรงสีไฟ นะคะ
ซึ่งโรงสีไฟเนี่ยหมายถึงโรงสีที่ใช้จักรกล
ใช้เครื่องยนต์กลไฟอะไรประมาณนี้
ในการเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้
โรงสีมันทำงานอะไรต่างๆนะคะ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวของกับเราค่ะ
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเราเนี่ยคือโรงสีอีกประเภทนึงนะคะ
ก็คือ โรงสีลม นั่นเอง
คือโรงสีที่ใช้พลังงานลมเป็นหลักนะคะ
ก็คือโรงสีที่มีกังหันลมอยู่ข้างหน้า
มีลมพัดมา กังหันหมุน
กังหันหมุนเสร็จ ไปเป็นพลังงานดึงให้
กลไกอะไรต่างๆข้างในทำงาน
อารมณ์คล้ายๆเครื่องหมายดัชมิลล์
ที่เราเห็นกันน่ะแหละ
หรือที่ในภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า
windmill นั่นเองนะคะ
ทีนี้โรงสีที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสีลมเนี่ย
มันดันเป็น windmill
หรือมันดันเป็นโรงสีลมนี่ล่ะค่ะ
ดังนั้นเนี่ยนะคะ คนก็เลยเรียกถนนเส้นนี้ว่า
ถนนสีลม
ย่อมาจากถนนที่มีโรงสีลมตั้งอยู่นั่นเองค่ะ
ซึ่งในปัจจุบันเนี่ยนะคะ เราก็จะเห็นว่า
ตรงบริเวณถนนนราธิวาสเนี่ย
ก็ยังมีรูปกังหันตั้งไว้อยู่
แม้ว่าจะใช้ไม่ได้จริงหรืออะไรนะคะ
ก็เป็นอนุสรณ์ถึงที่มาของชื่อถนนสีลม
ชื่อย่านสีลม อะไรแถวๆนี้นี่แหละค่ะ
ซึ่งพอเราเรียกชื่อถนนเส้นนี้ว่า ถนนสีลม
ย่านที่อยู่รอบๆถนนสีลมก็เลย
กลายเป็น ย่านสีลม นั่นเองค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะทุกคน
ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการกันไหม
ว่าสรุปแล้วถนนสีลมสีอะไร
ก็คือสีข้าวด้วยลมนั่นเองค่ะ
ถ้าใครชื่นชอบคลิปแบบนี้นะคะ
อยากให้วิวไปหาที่มาอะไรของอะไรอีก
ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้เลยค่ะ
หรือว่าใครมีความรู้เพิ่มเติมนะคะ
อยากจะมาแชร์กันก็คอมเมนต์ด้านล่างได้เช่นกันค่ะ
ส่วนใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
เอาจริงรู้สึกปะว่าคลิปนี้เล่นมุกแป้กไปหลายมุกมาก
เหนื่อยใจกับตัวเองเหมือนกันนะ
ก็จะพยายามไม่ค่อยเล่นมุกแป้กแล้วกันนะคะทุกคน
แต่ตอนเล่นก็ไม่คิดว่ามันแป้กนะ
ตอนเล่นก็คิดว่ามันฮา
แต่ก็...ก็เล่นไปแล้วค่อยรู้สึกว่ามันแป้ก
แต่ก็ยังไม่ยอมตัดทิ้ง
ก็ฝืนน่ะนะ ดังนั้นช่างมันเถอะค่ะทุกคน
เอาเป็นว่าความสุขเล็กๆน้อยๆของคนเล่านะคะ
วันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะ
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ