-
อยากรู้กันไหมคะ? ทำไมพระต้องเรียกคนอื่นว่า โยม?
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะในรายการๆ นึงซึ่งห่างหายไปนานมากกกแล้วค่ะ
-
นั่นก็คือ รายการวิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นั่นเองนะคะ
-
รายการที่วิวจะเอาคำถามที่ทุกคนถามมาใน #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด เนี่ย
-
มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
-
ซึ่งตอนนี้เนี่ย ด้วยความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ในแชนเนลเรามากมายนะคะ
-
ดังนั้น session วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด เนี่ยก็เลยเหมือนกับว่า
-
จะโดนแยกออกไปเป็น 2 ช่องซะอย่างนั้นเลย
-
เอาเป็นว่า ใครมีคำถามอยากถามอะไรวิว ก็ถามมาเถอะค่ะ
-
ติด #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด มา
-
ถ้าคำถามไหนนะคะ เหมาะกับช่อง Point of View
-
มันก็จะมาเป็นวิดีโอแบบวิดีโอนี้เนี่ยแหละค่ะ
-
ส่วนถ้าคำถามไหนมันอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับ Point of View
-
แน่นอนว่า เรามีสถานที่นึงที่เราทำอะไรก็ได้นะคะ
-
และหลายคนยังไม่รู้ นั่นก็คือ ช่องจุดชมวิว นั่นเอง
-
ก็ไปรอฟังคำตอบทางช่องนั้นได้เช่นกันค่ะ
-
เดี๋ยวจะพยายามเอารายการนี้กลับมาตอบคำถามทุกคนนะคะ
-
เพราะว่าหลายคนมีคำถามต่างๆ เข้ามาเยอะแยะมากมาย
-
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีสาระ เรื่องเกี่ยวกับการเรียน การหาข้อมูลของวิว
-
รวมไปถึงบางทีก็ถามเกี่ยวกับวิวเองมาเหมือนกัน
-
ซึ่งก็คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ที่จะมาตอบลง Point of View เนอะ
-
ก็สามารถไปติดตามได้ทางนั้นค่ะ
-
ซึ่งหลังจากเวิ่นเว้อมาพอสมควรละ
-
ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเข้าไปตอบคำถามสำหรับคลิปนี้แล้วค่ะ
-
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ?
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
สำหรับคำถามจากรายการวิวเอ๋ยบอกข้าเถิดในวันนี้นะคะ
-
บอกเลยว่า exclusive มากๆ ค่ะ
-
เพราะว่าคนถามเนี่ย ไม่ใช่คนค่ะทุกคน
-
คนถามเป็นหมานะคะ
-
แปลกใจไหม? อยู่ดีๆ หมาก็มาถามคำถามวิว
-
และหมาตัวนี้จะถามคำถามวิวว่าอะไร?
-
ไปฟังพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ
-
นวล
-
นี่คือ นวล
-
นวลเป็นหมา
-
วันก่อนตอนเช้าๆ นวลไปนอนตากแอร์แถวเซเว่น แถวหน้าวัด
-
สักพักก็มีพระออกมาบิณฑบาตร
-
นวลได้ยินเสียงพระเรียกคนใส่บาตรว่า โยม
-
นวลเลยยื่นหน้าไปดู
-
หรือว่าคนที่กำลังใส่บาตรคือ โยมอัง ยังโอม?
-
แต่ปรากฏว่า ไม่ใช่
-
นวลเกิดความสงสัยว่า ทำไมพระถึงต้องเรียกคนทั่วไปว่า โยม?
-
ถ้าเราเรียกพระว่า โยม บ้าง พระจะต้องสึกไหม?
-
รบกวนพี่วิวช่วยตอบคำถามด้วยครับ
-
ม๊วฟ
-
โอ้โห ทุกคน เขินเลยนะคะ ได้คำถามจากหมาเซเลบอย่างนวลมานะ
-
ซึ่งเอาจริงๆ คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากพอสมควรเลย
-
แล้วหลายๆ คนเนี่ย เชื่อว่าตอนที่ยังไม่เห็นคำถามนี้
-
ก็ไม่ได้อยากรู้กันหรอกค่ะ
-
แต่ทันทีที่เห็นหัวข้อคลิปวิวด้านล่าง หรือว่าได้ยินนวลถามวิวมาเนี่ย
-
ก็น่าจะอยากรู้คำตอบกันแล้วนะคะ
-
ซึ่งส่วนตัววิวเองเนี่ย ต้องสารภาพตรงนี้เลยว่า
-
ก่อนหน้านี้วิวไม่เคยรู้คำตอบมาก่อนเลยค่ะ
-
ไม่เคยเลย
-
จนกระทั่งบังเอิญมากๆ เลยนะคะ
-
ก่อนที่นวลจะถามคำถามนี้ไม่นานเลย วิวบังเอิญได้หนังสือเล่มนึงมาค่ะ
-
แล้วก็มันมีคำตอบอยู่ในนั้น ซะอย่างนั้นเลยนะคะ
-
หนังสือเล่มนั้นก็คือ แลหลังคำเขมร-ไทย นะคะ
-
ของรองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ศานติ ภักดีคำ นะ
-
ซึ่งสำนักพิมพ์มติชนเค้าส่งมาให้วิวค่ะ
-
บังเอิญมากว่า ในเล่มนี้มันมีคำตอบอยู่
-
มันมีวิวัฒนาการของคำว่า โยม
-
วิวก็เลยไปสรุปรวบรวมข้อมูลมาจากเล่มนี้ แล้วก็ประกอบกับแหล่งอ้างอิงอื่นๆ นะคะ
-
ซึ่งวิวขึ้นไว้ให้ด้านล่าง
-
เอามาตอบคำถามนี้ในวันนี้แล้วค่ะ
-
อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า ทำไมพระต้องเรียกคนธรรมดาว่า โยม?
-
ก่อนที่เราจะเข้าไปตอบคำถามกันนะคะ หลายคนชอบบอกว่า วิวเวิ่น
-
แต่ว่า ถ้าตอบเลยทันทีเนี่ย คนอาจจะไม่เข้าใจที่มาที่ไปต่างๆ ค่ะ
-
ดังนั้นต้องย้อนไปนิดนึงนะ
-
อย่างแรกก่อนเลยที่เราต้องทำก็คือ เราต้องมาแปลคำว่า โยม กันก่อนค่ะ
-
คำว่า โยม เนี่ยนะคะ ในสมัยปัจจุบัน เราใช้กันในความหมายไหน?
-
เอาแบบที่ทุกคนเข้าใจเนี่ย เอาแบบเบสิคสุดๆ เลยนะ
-
คำว่า โยม เนี่ยคือ คำที่พระสงฆ์เนี่ยใช้เรียก คนที่เป็นฆราวาสใช่ไหมคะ?
-
แบบ อ่ะ โยมหยิบนั่นให้อาตมาหน่อย
-
โยมนู่น โยมนี่ โยมนั่น
-
เอ้า โยมจะมาฟังธรรมไหม? อะไรต่างๆ นะคะ
-
ซึ่งเอาจริงๆ อ่ะ ความหมายเนี่ย
-
มันแอบมีความต่างจากความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอยู่จึ๊งนึงค่ะ
-
ดังนั้นเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า
-
ตามราชบัณฑิตเนี่ย เค้าให้ความหมายของคำว่า โยม ว่ายังไงนะ
-
ก็ต้องบอกว่า ความหมายตามราชบัณฑิตนะคะ มีเยอะมากค่ะทุกคน
-
มีถึง 6 ความหมายด้วยกันค่ะ
-
โดยความหมายแรกของคำว่า โยม นะคะ ก็คือ
-
คำที่พระสงฆ์เนี่ยใช้เรียก คนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับพ่อกับแม่ของพระสงฆ์ค่ะ
-
ได้แก่ โยมพ่อ โยมแม่
-
อ่ะ โยมน้า โยมป้า โยมอา โยมลุง อะไรอย่างนี้นะคะ
-
ก็คือรุ่นราวคราวเดียวกัน ประมาณนั้นค่ะ
-
ส่วนความหมายที่สองนะคะ ก็คือ ใช้เรียกแทนชื่อพ่อหรือชื่อแม่ของพระสงฆ์นั่นเอง
-
ก็จะเรียกว่า โยมๆ อะไรแบบนี้ไปเลยนะ
-
แทนที่จะไปเรียกชื่อพ่อชื่อแม่ค่ะ
-
ส่วนความหมายที่สาม คล้ายกับความหมายที่สองมาก
-
เอาจริงๆ วิวก็งงๆ ราชบัณฑิตเหมือนกันนะคะว่า ทำไมถึงต้องแยกเป็นตั้ง 6 ความหมายนะ
-
แต่ว่า มันอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กๆ น้อยๆ ละกัน
-
เอาเป็นว่า ฟังขำๆ เพลินๆ นะทุกคน
-
ความหมายที่สามนะคะ
-
คำว่า โยม เนี่ย ใช้เรียกแทนบิดามารดาของพระค่ะ
-
จะเรียกว่า โยมพระ
-
ก็คือสมมติบอกว่า อ่ะ นี่คือ โยมพระทั้งสอง
-
ก็แปลว่า นี่คือโยมพ่อกับโยมแม่ของพระนั่นเองนะคะ
-
ไปต่อกันที่ความหมายที่สี่ค่ะ
-
ความหมายที่สี่ค่ะ ในที่สุดเราก็หลุดจากเรื่องพ่อแม่แล้วนะ
-
ความหมายที่สี่ของคำว่า โยม นะคะ
-
ก็คือใช้เรียกคนที่มาอุปการะพระสงฆ์ต่างๆ
-
คือประมาณว่า คนที่ปวารณาตัวว่า โอเค คนนี้บวชเป็นพระแล้ว
-
ถ้ามีอะไรขาดเหลือ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดหาให้พระรูปนี้เองนะ
-
ซึ่งเราจะเรียกโยมแบบนี้นะคะว่า โยมอุปัฏฐาก นั่นเอง
-
คุ้นๆ กันไหม?
-
นี่ก็คือโยมที่บอกว่า จะอุปการะพระนั่นเองค่ะ
-
ส่วนความหมายที่ห้านะคะ จะใกล้ๆ กับความหมายที่สี่ค่ะ
-
ความหมายที่สี่หมายถึง คนที่แบบอาจจะอยู่นอกวัด แล้วก็คอยดูแลพระใช่ไหม?
-
เป็นโยมอุปัฏฐาก
-
แต่คนที่เข้ามาอยู่ในวัดเนี่ย ที่เป็นฆราวาส
-
เคยเห็นเปล่า? พวกเด็กวงเด็กวัดอะไรต่างๆ
-
หรือว่าพวกฆราวาสต่างๆ ที่อยู่ตามกุฏิพระคอยช่วยเหลือดูแลพระ
-
พวกนี้เราจะเรียกว่า โยมวัด นะคะ
-
ก็เป็นอีกความหมายนึงของคำว่า โยม ค่ะ
-
ส่วนความหมายที่หกของคำว่า โยม เนี่ยนะคะ
-
ก็จะกว้างไกลกว่านิดนึง
-
ก็คือคนที่อุปการะพระไปโดยทั่วๆ นะ
-
เหมือนแบบไม่ได้อุปการะพระรูปใดรูปนึง อะไรประมาณนี้
-
เค้าจะเรียกฆราวาสทั่วไปแบบนี้ว่า โยมสงฆ์ นั่นเองค่ะ
-
นี่ก็คือความหมายทั้ง 6 ของคำว่า โยม ตามราชบัณฑิตยสถานนะคะ
-
ทีนี้ว่าแต่ เออ เราก็รู้ความหมายของคำว่า โยมไปแล้ว
-
แล้วคำว่า โยมเนี่ย มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อะไรยังไง?
-
แล้วกลายมาเป็นคำที่พระใช้เรียกคนธรรมดาได้ยังไง?
-
ก็ต้องบอกว่า คำว่า โยม คำนี้เนี่ยนะคะ มีที่มาที่ไปนานมากกกแล้วค่ะ
-
นานแบบน้านนาน แล้วมันไม่ได้เกิดในประเทศไทยค่ะ
-
นี่มันเป็นคำยืมนะคะ ที่เรายืมมาจากชนชาตินึงค่ะ
-
นั่นก็คือชนชาติเขมรนั่นเอง
-
แล้วก็เป็นเขมรที่เก่าแก่มากนะ ในสมัยก่อนพระนครค่ะ
-
พูดถึงพระนคร หลายคนก็แบบก่อนพระนคร?
-
ก่อน ก่อนเขตพระนครอ่ะนะ?
-
พระนคร กรุงเทพที่มีวัดพระแก้วอยู่อ่ะนะ?
-
ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ
-
คำว่า พระนครในที่นี้หมายถึง นครวัด นครธมนะคะ
-
ซึ่งก็สร้างมานานแสนนานแล้วใช่ไหมทุกคน?
-
อย่างไรก็ตามนะคะ เรามีหลักฐานค่ะว่า คำที่เป็นที่มาของคำว่า โยม เนี่ย
-
เราพบอยู่ในศิลาจารึกหลักนึงนะคะ
-
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 6 ค่ะ
-
ก็สมัยก่อนสมัยพระนครอ่ะนะ
-
และคำนั้นในสมัยน้ันเนี่ย ไม่ได้ออกเสียงว่า โยม ค่ะ
-
แต่ออกเสียงว่า กะ-ญม นะคะ
-
กญม ประมาณนี้
-
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า วิวออกเสียงถูกไหมนะ
-
ก็ถอดเสียงมาจากภาษาเขมรปัจจุบันนะ
-
ขึ้นไว้ให้แถวนี้แล้วว่า มันเขียนว่ายังไง
-
ถ้าใครอ่านจารึกสมัยนั้นออก ก็ลองอ่านกันเองดูนะจ๊ะทุกคน
-
แล้วถามว่า คำว่า กฺญุํ ในสมัยนั้นเนี่ย เค้าแปลว่าอะไร?
-
ก็ต้องบอกว่า เค้าแปลว่า ข้าทาสบริวาร ค่ะ
-
แปลว่า พวกทาสต่างๆ ประมาณนี้นะ
-
อย่างในศิลาจารึกหลักนึงเนี่ย หลักที่ K.388 เนี่ยนะคะ
-
คือศิลาจารึกมันเยอะมากอ่ะนะ ตั้งชื่อได้ไม่หมด
-
บางทีเค้าก็รันเป็นตัวเลขเหมือนกันนะ
-
ในศิลาจารึกหลักที่ K.388 เนี่ย
-
มันก็มีข้อความนะคะ เขียนไว้ประมาณนี้
-
วิวไม่แน่ใจว่า วิวออกเสียงถูกไหมนะ
-
แต่ว่าก็พยายามออกเสียงให้ใกล้เคียงที่สุดกับภาษาเขมรปัจจุบันแล้วนะ
-
เอาที่ความรู้ยังพอหลงเหลืออยู่เสี้ยวเล็กมากๆ ในสมองนะคะ
-
ก็คือ เนะ คิ กฺญุํ วฺระ นะคะ
-
เนะคืออะไร?
-
เนะคือ นี่ นะคะ
-
คิ คือ คือ
-
กฺญุํก็คือ ข้าทาสบริวาร
-
วฺระนี่ก็ชัดเจนนะคะ วฺระก็คือ พระ นั่นเอง
-
แปลทั้งหมดเนี่ย ก็แปลได้ว่า นี่คือข้าทาสบริวารของพระ
-
ส่วนศิลจารึกหลักที่ K.600 เนี่ยนะ ก็มีพูดถึงคำนี้เหมือนกัน
-
ก็จะเขียนไปเลยว่า กฺญุํ วฺระ ก็คือ ข้าทาสบริวารของพระนะคะ
-
ในศิลาจารึกเขารังนะคะ เมื่อปีพุทธศักราช 1182 เนี่ย
-
ก็มีเขียนถึง กฺญุํ ไว้เหมือนกันนะคะ
-
หรือว่าข้าทาสบริวารของพระค่ะ
-
ซึ่งภาษาเขมรมันยาวมาก วิวขออนุญาตไม่อ่านละกันนะ
-
เพราะว่าคนส่วนใหญ่ตรงนี้ น่าจะไม่ได้อินภาษาเขมรเท่าไหร่นะ
-
แต่ว่า มันแปลว่า ประมาณนี้ค่ะ
-
ทาสซึ่งข้าพเจ้า สินาหฺวฺ ได้ให้แก่วิหาร
-
ก็คือแปลว่า
-
พูดถึงว่า เออ คนเหล่านี้ก็คือ ข้าทาสบริวารที่ข้าเนี่ยได้ถวายให้กับพระวิหารแห่งนี้นะคะ
-
ซึ่งหลักฐานการที่ว่า วัดต่างๆ มีข้าทาสมีบริวารของตัวเองเนี่ย
-
อันนี้วิวเดาเองนะว่า มันก็ส่งต่อมาถึงอยุธยาด้วยเหมือนกัน
-
เพราะว่ามันก็ค่อนข้างจะมีหลักฐานที่ชัดเจนนะว่า
-
เราได้รับอิทธิพลจากขอม จากเขมรมาค่อนข้างมากค่ะ
-
และในการปกครองสมัยอยุธยาเนี่ย
-
ตามที่วิวเคยเล่าไว้เมื่อนานมาแล้วเรื่อง ระดับชนชั้นในสมัยอยุธยา
-
จำกันได้ไหมว่า
-
ในสมัยอยุธยาเนี่ย เรามีกลุ่มคนกลุ่มนึงที่ชื่อว่า เลกวัด
-
ซึ่งก็คือ พวกไพร่ต่างๆ ที่พระมหากษัตริย์เนี่ย ถวายให้กับพระใช่ไหมคะ?
-
ให้คอยรับใช้พระต่างๆ
-
คอยทำงาน ทำนู่นทำนี่ให้กับพระ
-
ก็จะนับคนกลุ่มนี้ว่าเป็นไพร่หลวงใช่ไหม?
-
ที่หลวงเนี่ยถวายให้กับวัด แล้วก็ทำงานต่างๆ ให้วัด
-
ไม่ว่าจะเป็นทำไร่ไถ่นา
-
เพื่อหาอาหาร หาความอุดมสมบูรณ์ให้กับวัด
-
แล้วคนพวกนี้ พอมีลูกมีหลานก็คือจะเป็นเลกวัดเนี่ยต่อไปเรื่อยๆๆ
-
ก็คือถือว่าเป็นเหมือนกับข้ารับใช้ของวัด ว่ายังงั้นเถอะ
-
แล้วเท่านั้นยังไม่พอนะคะ
-
ในสมัยอยุธยาก็ยังมีคำว่า โยมพระ
-
ที่หมายถึงว่า เป็นญาติของพระที่สอบได้เปรียญเนี่ย
-
ก็จะไม่ต้องเข้าระบบไพร่ สักเลกอะไรต่างๆ
-
แต่ว่าคอยรับใช้พระอยู่ ประมาณนั้นค่ะ
-
ที่นี้ถามว่าคำว่า กฺญุํ เนี่ย มาเป็นคำว่า โยม ในสมัยปัจจุบันได้ยังไง?
-
ก็ต้องบอกว่า ในสมัยต่อมาค่ะ ภาษาเขมรก็มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเองนะคะ
-
จากเดิมเนี่ยนะคะ ในสมัยก่อนพระนครที่ใช้คำว่า กฺญุํเนี่ย
-
เสียงมันก็มีการเปลี่ยนค่ะ
-
คือคนสมัยต่อมามันก็ออกเสียงคำเดินไม่เหมือนเดิม ว่ายังงั้นเถอะ
-
ประมาณนั้นนะ
-
ในสมัยพระนครค่ะ มีการเปลี่ยนเสียงเกิดขึ้น
-
จาก กอ เนี่ย กลายเป็น ขอ นะคะ
-
ดังนั้นจากคำว่า กฺญุํ ก็เลยกลายเป็นคำว่า ขยม นั่นเองค่ะ
-
ซึ่งในสมัยปัจจุบันเนี่ย คำนี้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปค่ะ
-
คือจากคำว่า ខ្ញុំ ที่แปลว่า ข้าทาสบริวารอะไรยังงี้
-
ก็เหลือคำว่า ข้า อย่างเดียว
-
ซึ่งต่อมาในสมัยปัจจุบันนี้แล้วเนี่ย
-
ใครรู้ภาษาเขมรจะรู้ว่าคำว่า ខ្ញុំ เนี่ยแปลว่า ฉัน
-
แปลว่า ไอ(I) นะคะ
-
ก็ make sense นิดนึง
-
อันน้ีเดาเอง 100% นะว่า
-
มันอาจจะหมายถึงว่า เออ แต่ก่อนเราก็เรียกตัวเองเหมือนเป็นข้าของคนที่เราพูดถึง
-
พอเราใช้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายคำว่า ข้า ก็เลยกลายเป็น คำว่า ฉัน ประมาณนั้นเลย
-
เหมือนกับที่ทุกวันนี้เราก็เรียกตัวเองว่า ข้าพเจ้า อะไรแบบนี้
-
มันก็เป็นคำว่า ข้า ที่หมายถึง ข้ารับใช้
-
ก็กลายเป็นความหมายคำว่า ฉัน ประมาณนั้นเลยนะคะ
-
ที่นี้ในเขมรเนี่ย คำว่า ខ្ញុំ เนี่ย กลายเป็นคำว่า ฉัน ไปแล้วเรียบร้อยใช่ไหม?
-
แต่ว่า ในไทยเนี่ยนะคะ แน่นอนว่า เรารับอิทธิพลของขอมของเขมรมาค่อนข้างเยอะ
-
ดังนั้นเรารับภาษาของขอมของเขมรมาเยอะมาก
-
โดยเฉพาะคำศัพท์ที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ค่ะ
-
ไม่ว่าจะเป็นคำว่า ฉัน คำว่า จังหัน คำว่า หูย เยอะแยะเต็มไปหมด
-
ซึ่งเดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสถัดไปนะคะ
-
แน่นอนว่า คำนึงที่เราจะต้องได้รับมาด้วยคือคำว่า ខ្ញុំ ในฐานะข้ารับใช้พระค่ะ
-
ซึ่งคำว่า ខ្ញុំ เนี่ย นึกภาพคนเขมรเค้าออกเสียงแบบควบกล้ำได้มากกว่าเราใช่ป้ะ?
-
เค้าจะแบบ ขญุํ ขญุํ ขญุํ ขญุํ ข-ญุํ
-
ฟังดีๆ คิดว่าคนไทยออกได้ไหม? ขญุํ ขญุํ เนี่ย
-
ไม่ได้ค่ะ
-
ดังนั้นคนไทยก็อาจจะฟังแล้วเพี้ยนนะคะ
-
กลายเป็นคำว่า ขญุํ ข-ญม ขะ-โญม โญม โยม
-
แล้วก็เอาคำว่า โยม เนี่ย มาใช้กับข้ารับใช้พระต่างๆ ในที่สุดค่ะ
-
ส่วนใครที่คิดว่า เอ๊ะ เรื่องนี้จะมั่วหรือเปล่า?
-
จาก ขฺญุํ จะกลายเป็น โยม ได้ยังไงนะคะ?
-
ก็ต้องบอกว่า เราสามารถไปดูได้ที่ภาษาอื่นค่ะ
-
ที่มันยังเปลี่ยนแปลงมาไม่หมดนะคะ
-
ถือว่า เป็นหลักฐานอีกแบบนึงที่เราสามารถรู้ได้นะ
-
นั่นก็คือ ไปดูที่ภาษาเหนือนั่นเอง
-
ใครที่รู้ภาษาเหนือนะคะ จะรู้ว่า
-
ปัจจุบันเนี่ย ยังมีการเรียกฆราวาสต่างๆ ที่คอยดูแลพระว่า ขะโยม อยู่นะคะ
-
ก็น่าจะมีที่มาเดียวกันนี่แหละค่ะ
-
ก็คือคำว่า ขฺญุํ ที่กลายเป็นคำว่า โยม
-
แต่ว่า ยังเอาเสียง ขะ ออกไปไม่หมดนะคะ
-
และทั้งหมดนี่นะคะ ก็คือคำตอบที่ว่า ทำไมพระถึงเรียกคนทั่วไปว่า โยม? ค่ะ
-
ก็คือ มันมีวิวัฒนาการมาจากภาษาเขมรโบราณที่แปลว่า ข้าทาสบริวาร นะคะ
-
และเราก็ได้รับอิทธิพลจากนั้นมา
-
จากนั้นเราก็เอามาออกเสียงในรูปแบบของเรา
-
จากคำว่า ขฺญุํ ขฺญุํ กลายมาเป็นคำว่า โยม นั่นเองค่ะ
-
และทั้งหมดนี้ค่ะ ก็คือ คำตอบที่วิวขอมอบให้กับนวลที่ส่งคำถามนี้เข้ามานะคะ
-
ก็ขอบคุณนวลมากๆ นะคะที่ส่งคำถามเข้ามา แล้วทำให้เรามีประเด็นน่าสนใจได้คุยกันค่ะ
-
สำหรับใครที่มีคำถามอยากถามวิว
-
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมีสาระ เรื่องไร้สาระ หรืออะไรก็ตาม
-
ก็ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นะคะ
-
ถ้าสมมติว่า มันน่าสนใจพอ มันจะอยู่ที่ช่องนี้
-
และถ้ามันน่าสนใจในอีกรูปแบบนึง
-
มันก็จะไปอยู่ที่ช่องจุดชมวิวค่ะ
-
สำหรับวันนี้ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กดแชร์ เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
-
บ้าย บาย สวัสดีค่ะ
-
เป็นไงกันบ้างคะทุกคน?
-
ดูเนื้อหาคลิปนี้ไปแล้ว หนักนิดนึงนะ
-
แต่วิวมองว่า เฮ้ย วิวไปเจอเรื่องนี้มา แล้ววิวรู้สึกว่า มันน่าสนใจ
-
แล้วบังเอิญนวลก็ถามขึ้นมาพอดี
-
ก็เลยคิดว่า เอามาแบ่งปันให้ทุกคนฟังดีกว่าค่ะ
-
ส่วนตัววิวเนี่ย ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาขอมโบราณ เขมรโบราณอะไรเลย
-
เคยเรียนมาน้อยมากกกนะคะทุกคน น้อยแบบ น้อยแบบแทบจะหายไปหมดแล้วนะ
-
คืนครูไปเกลี้ยงแล้วนะคะ
-
ดังนั้นถ้าสมมติว่าใครที่เป็นคนดูในช่องนี้ แล้วมีความรู้ด้านนี้มากกว่าวิว
-
ยินดีมากๆ เลยนะคะ คอมเมนท์มาด้านล่างได้เลย
-
วิวจะรู้สึกดีใจมากที่มีคนมาแบ่งปันข้อมูลความรู้ต่างๆ
-
แล้วก็สร้าง community ดีๆ ใต้คอมเมนท์คลิปนี้ค่ะ
-
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน
-
บ้าย บาย สวัสดีค่ะ