1 00:00:00,000 --> 00:00:02,620 อยากรู้กันไหมคะ? ทำไมพระต้องเรียกคนอื่นว่า โยม? 2 00:00:03,140 --> 00:00:04,920 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 3 00:00:04,920 --> 00:00:10,620 กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะในรายการๆ นึงซึ่งห่างหายไปนานมากกกแล้วค่ะ 4 00:00:10,620 --> 00:00:13,360 นั่นก็คือ รายการวิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นั่นเองนะคะ 5 00:00:13,360 --> 00:00:17,400 รายการที่วิวจะเอาคำถามที่ทุกคนถามมาใน #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด เนี่ย 6 00:00:17,400 --> 00:00:18,700 มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ 7 00:00:18,700 --> 00:00:23,480 ซึ่งตอนนี้เนี่ย ด้วยความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ในแชนเนลเรามากมายนะคะ 8 00:00:23,480 --> 00:00:26,480 ดังนั้น session วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด เนี่ยก็เลยเหมือนกับว่า 9 00:00:26,480 --> 00:00:29,380 จะโดนแยกออกไปเป็น 2 ช่องซะอย่างนั้นเลย 10 00:00:29,380 --> 00:00:32,100 เอาเป็นว่า ใครมีคำถามอยากถามอะไรวิว ก็ถามมาเถอะค่ะ 11 00:00:32,100 --> 00:00:33,900 ติด #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด มา 12 00:00:33,940 --> 00:00:36,100 ถ้าคำถามไหนนะคะ เหมาะกับช่อง Point of View 13 00:00:36,100 --> 00:00:38,520 มันก็จะมาเป็นวิดีโอแบบวิดีโอนี้เนี่ยแหละค่ะ 14 00:00:38,520 --> 00:00:40,960 ส่วนถ้าคำถามไหนมันอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับ Point of View 15 00:00:40,960 --> 00:00:44,220 แน่นอนว่า เรามีสถานที่นึงที่เราทำอะไรก็ได้นะคะ 16 00:00:44,220 --> 00:00:47,620 และหลายคนยังไม่รู้ นั่นก็คือ ช่องจุดชมวิว นั่นเอง 17 00:00:47,620 --> 00:00:50,140 ก็ไปรอฟังคำตอบทางช่องนั้นได้เช่นกันค่ะ 18 00:00:50,140 --> 00:00:52,960 เดี๋ยวจะพยายามเอารายการนี้กลับมาตอบคำถามทุกคนนะคะ 19 00:00:52,960 --> 00:00:56,120 เพราะว่าหลายคนมีคำถามต่างๆ เข้ามาเยอะแยะมากมาย 20 00:00:56,120 --> 00:01:00,660 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีสาระ เรื่องเกี่ยวกับการเรียน การหาข้อมูลของวิว 21 00:01:00,660 --> 00:01:03,180 รวมไปถึงบางทีก็ถามเกี่ยวกับวิวเองมาเหมือนกัน 22 00:01:03,180 --> 00:01:05,920 ซึ่งก็คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ที่จะมาตอบลง Point of View เนอะ 23 00:01:05,920 --> 00:01:07,900 ก็สามารถไปติดตามได้ทางนั้นค่ะ 24 00:01:07,900 --> 00:01:09,660 ซึ่งหลังจากเวิ่นเว้อมาพอสมควรละ 25 00:01:09,660 --> 00:01:13,760 ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะเข้าไปตอบคำถามสำหรับคลิปนี้แล้วค่ะ 26 00:01:13,760 --> 00:01:17,000 พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ? 27 00:01:17,000 --> 00:01:18,840 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 28 00:01:22,720 --> 00:01:25,220 สำหรับคำถามจากรายการวิวเอ๋ยบอกข้าเถิดในวันนี้นะคะ 29 00:01:25,220 --> 00:01:27,100 บอกเลยว่า exclusive มากๆ ค่ะ 30 00:01:27,100 --> 00:01:29,680 เพราะว่าคนถามเนี่ย ไม่ใช่คนค่ะทุกคน 31 00:01:29,680 --> 00:01:31,640 คนถามเป็นหมานะคะ 32 00:01:31,640 --> 00:01:34,100 แปลกใจไหม? อยู่ดีๆ หมาก็มาถามคำถามวิว 33 00:01:34,100 --> 00:01:36,140 และหมาตัวนี้จะถามคำถามวิวว่าอะไร? 34 00:01:36,140 --> 00:01:37,980 ไปฟังพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ 35 00:01:41,540 --> 00:01:42,040 นวล 36 00:01:42,040 --> 00:01:43,380 นี่คือ นวล 37 00:01:43,380 --> 00:01:44,440 นวลเป็นหมา 38 00:01:44,440 --> 00:01:47,700 วันก่อนตอนเช้าๆ นวลไปนอนตากแอร์แถวเซเว่น แถวหน้าวัด 39 00:01:47,700 --> 00:01:49,600 สักพักก็มีพระออกมาบิณฑบาตร 40 00:01:49,600 --> 00:01:51,960 นวลได้ยินเสียงพระเรียกคนใส่บาตรว่า โยม 41 00:01:51,960 --> 00:01:53,180 นวลเลยยื่นหน้าไปดู 42 00:01:53,180 --> 00:01:56,040 หรือว่าคนที่กำลังใส่บาตรคือ โยมอัง ยังโอม? 43 00:01:56,040 --> 00:01:57,720 แต่ปรากฏว่า ไม่ใช่ 44 00:01:57,720 --> 00:02:01,080 นวลเกิดความสงสัยว่า ทำไมพระถึงต้องเรียกคนทั่วไปว่า โยม? 45 00:02:01,080 --> 00:02:03,880 ถ้าเราเรียกพระว่า โยม บ้าง พระจะต้องสึกไหม? 46 00:02:03,880 --> 00:02:05,920 รบกวนพี่วิวช่วยตอบคำถามด้วยครับ 47 00:02:06,440 --> 00:02:07,380 ม๊วฟ 48 00:02:07,380 --> 00:02:10,600 โอ้โห ทุกคน เขินเลยนะคะ ได้คำถามจากหมาเซเลบอย่างนวลมานะ 49 00:02:10,600 --> 00:02:14,660 ซึ่งเอาจริงๆ คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากพอสมควรเลย 50 00:02:14,660 --> 00:02:17,040 แล้วหลายๆ คนเนี่ย เชื่อว่าตอนที่ยังไม่เห็นคำถามนี้ 51 00:02:17,040 --> 00:02:18,320 ก็ไม่ได้อยากรู้กันหรอกค่ะ 52 00:02:18,320 --> 00:02:22,680 แต่ทันทีที่เห็นหัวข้อคลิปวิวด้านล่าง หรือว่าได้ยินนวลถามวิวมาเนี่ย 53 00:02:22,680 --> 00:02:24,600 ก็น่าจะอยากรู้คำตอบกันแล้วนะคะ 54 00:02:24,600 --> 00:02:27,240 ซึ่งส่วนตัววิวเองเนี่ย ต้องสารภาพตรงนี้เลยว่า 55 00:02:27,240 --> 00:02:30,140 ก่อนหน้านี้วิวไม่เคยรู้คำตอบมาก่อนเลยค่ะ 56 00:02:30,140 --> 00:02:31,380 ไม่เคยเลย 57 00:02:31,380 --> 00:02:33,400 จนกระทั่งบังเอิญมากๆ เลยนะคะ 58 00:02:33,400 --> 00:02:37,100 ก่อนที่นวลจะถามคำถามนี้ไม่นานเลย วิวบังเอิญได้หนังสือเล่มนึงมาค่ะ 59 00:02:37,100 --> 00:02:39,560 แล้วก็มันมีคำตอบอยู่ในนั้น ซะอย่างนั้นเลยนะคะ 60 00:02:39,560 --> 00:02:42,460 หนังสือเล่มนั้นก็คือ แลหลังคำเขมร-ไทย นะคะ 61 00:02:42,460 --> 00:02:45,280 ของรองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ศานติ ภักดีคำ นะ 62 00:02:45,280 --> 00:02:47,420 ซึ่งสำนักพิมพ์มติชนเค้าส่งมาให้วิวค่ะ 63 00:02:47,420 --> 00:02:49,860 บังเอิญมากว่า ในเล่มนี้มันมีคำตอบอยู่ 64 00:02:49,860 --> 00:02:51,820 มันมีวิวัฒนาการของคำว่า โยม 65 00:02:51,820 --> 00:02:56,960 วิวก็เลยไปสรุปรวบรวมข้อมูลมาจากเล่มนี้ แล้วก็ประกอบกับแหล่งอ้างอิงอื่นๆ นะคะ 66 00:02:56,960 --> 00:02:58,360 ซึ่งวิวขึ้นไว้ให้ด้านล่าง 67 00:02:58,360 --> 00:03:00,360 เอามาตอบคำถามนี้ในวันนี้แล้วค่ะ 68 00:03:00,360 --> 00:03:04,180 อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า ทำไมพระต้องเรียกคนธรรมดาว่า โยม? 69 00:03:04,180 --> 00:03:07,480 ก่อนที่เราจะเข้าไปตอบคำถามกันนะคะ หลายคนชอบบอกว่า วิวเวิ่น 70 00:03:07,480 --> 00:03:11,240 แต่ว่า ถ้าตอบเลยทันทีเนี่ย คนอาจจะไม่เข้าใจที่มาที่ไปต่างๆ ค่ะ 71 00:03:11,240 --> 00:03:13,140 ดังนั้นต้องย้อนไปนิดนึงนะ 72 00:03:13,140 --> 00:03:17,180 อย่างแรกก่อนเลยที่เราต้องทำก็คือ เราต้องมาแปลคำว่า โยม กันก่อนค่ะ 73 00:03:17,180 --> 00:03:20,700 คำว่า โยม เนี่ยนะคะ ในสมัยปัจจุบัน เราใช้กันในความหมายไหน? 74 00:03:20,700 --> 00:03:23,240 เอาแบบที่ทุกคนเข้าใจเนี่ย เอาแบบเบสิคสุดๆ เลยนะ 75 00:03:23,240 --> 00:03:27,380 คำว่า โยม เนี่ยคือ คำที่พระสงฆ์เนี่ยใช้เรียก คนที่เป็นฆราวาสใช่ไหมคะ? 76 00:03:27,380 --> 00:03:29,220 แบบ อ่ะ โยมหยิบนั่นให้อาตมาหน่อย 77 00:03:29,220 --> 00:03:30,960 โยมนู่น โยมนี่ โยมนั่น 78 00:03:30,960 --> 00:03:33,540 เอ้า โยมจะมาฟังธรรมไหม? อะไรต่างๆ นะคะ 79 00:03:33,540 --> 00:03:35,000 ซึ่งเอาจริงๆ อ่ะ ความหมายเนี่ย 80 00:03:35,000 --> 00:03:40,540 มันแอบมีความต่างจากความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอยู่จึ๊งนึงค่ะ 81 00:03:40,540 --> 00:03:42,500 ดังนั้นเรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า 82 00:03:42,500 --> 00:03:45,740 ตามราชบัณฑิตเนี่ย เค้าให้ความหมายของคำว่า โยม ว่ายังไงนะ 83 00:03:45,740 --> 00:03:49,420 ก็ต้องบอกว่า ความหมายตามราชบัณฑิตนะคะ มีเยอะมากค่ะทุกคน 84 00:03:49,420 --> 00:03:52,015 มีถึง 6 ความหมายด้วยกันค่ะ 85 00:03:52,020 --> 00:03:54,520 โดยความหมายแรกของคำว่า โยม นะคะ ก็คือ 86 00:03:54,520 --> 00:04:00,060 คำที่พระสงฆ์เนี่ยใช้เรียก คนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับพ่อกับแม่ของพระสงฆ์ค่ะ 87 00:04:00,060 --> 00:04:01,900 ได้แก่ โยมพ่อ โยมแม่ 88 00:04:01,900 --> 00:04:05,200 อ่ะ โยมน้า โยมป้า โยมอา โยมลุง อะไรอย่างนี้นะคะ 89 00:04:05,200 --> 00:04:07,780 ก็คือรุ่นราวคราวเดียวกัน ประมาณนั้นค่ะ 90 00:04:07,780 --> 00:04:12,020 ส่วนความหมายที่สองนะคะ ก็คือ ใช้เรียกแทนชื่อพ่อหรือชื่อแม่ของพระสงฆ์นั่นเอง 91 00:04:12,020 --> 00:04:14,760 ก็จะเรียกว่า โยมๆ อะไรแบบนี้ไปเลยนะ 92 00:04:14,760 --> 00:04:16,520 แทนที่จะไปเรียกชื่อพ่อชื่อแม่ค่ะ 93 00:04:16,520 --> 00:04:19,160 ส่วนความหมายที่สาม คล้ายกับความหมายที่สองมาก 94 00:04:19,160 --> 00:04:23,000 เอาจริงๆ วิวก็งงๆ ราชบัณฑิตเหมือนกันนะคะว่า ทำไมถึงต้องแยกเป็นตั้ง 6 ความหมายนะ 95 00:04:23,000 --> 00:04:25,780 แต่ว่า มันอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กๆ น้อยๆ ละกัน 96 00:04:25,780 --> 00:04:27,920 เอาเป็นว่า ฟังขำๆ เพลินๆ นะทุกคน 97 00:04:27,920 --> 00:04:29,160 ความหมายที่สามนะคะ 98 00:04:29,160 --> 00:04:32,500 คำว่า โยม เนี่ย ใช้เรียกแทนบิดามารดาของพระค่ะ 99 00:04:32,500 --> 00:04:34,000 จะเรียกว่า โยมพระ 100 00:04:34,000 --> 00:04:36,180 ก็คือสมมติบอกว่า อ่ะ นี่คือ โยมพระทั้งสอง 101 00:04:36,180 --> 00:04:39,320 ก็แปลว่า นี่คือโยมพ่อกับโยมแม่ของพระนั่นเองนะคะ 102 00:04:39,320 --> 00:04:41,400 ไปต่อกันที่ความหมายที่สี่ค่ะ 103 00:04:41,400 --> 00:04:44,740 ความหมายที่สี่ค่ะ ในที่สุดเราก็หลุดจากเรื่องพ่อแม่แล้วนะ 104 00:04:44,740 --> 00:04:46,240 ความหมายที่สี่ของคำว่า โยม นะคะ 105 00:04:46,240 --> 00:04:50,040 ก็คือใช้เรียกคนที่มาอุปการะพระสงฆ์ต่างๆ 106 00:04:50,040 --> 00:04:53,840 คือประมาณว่า คนที่ปวารณาตัวว่า โอเค คนนี้บวชเป็นพระแล้ว 107 00:04:53,840 --> 00:04:58,100 ถ้ามีอะไรขาดเหลือ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดหาให้พระรูปนี้เองนะ 108 00:04:58,100 --> 00:05:01,500 ซึ่งเราจะเรียกโยมแบบนี้นะคะว่า โยมอุปัฏฐาก นั่นเอง 109 00:05:01,500 --> 00:05:02,140 คุ้นๆ กันไหม? 110 00:05:02,140 --> 00:05:05,040 นี่ก็คือโยมที่บอกว่า จะอุปการะพระนั่นเองค่ะ 111 00:05:05,040 --> 00:05:07,800 ส่วนความหมายที่ห้านะคะ จะใกล้ๆ กับความหมายที่สี่ค่ะ 112 00:05:07,800 --> 00:05:11,740 ความหมายที่สี่หมายถึง คนที่แบบอาจจะอยู่นอกวัด แล้วก็คอยดูแลพระใช่ไหม? 113 00:05:11,740 --> 00:05:12,540 เป็นโยมอุปัฏฐาก 114 00:05:12,540 --> 00:05:15,600 แต่คนที่เข้ามาอยู่ในวัดเนี่ย ที่เป็นฆราวาส 115 00:05:15,600 --> 00:05:17,740 เคยเห็นเปล่า? พวกเด็กวงเด็กวัดอะไรต่างๆ 116 00:05:17,740 --> 00:05:21,820 หรือว่าพวกฆราวาสต่างๆ ที่อยู่ตามกุฏิพระคอยช่วยเหลือดูแลพระ 117 00:05:21,820 --> 00:05:24,440 พวกนี้เราจะเรียกว่า โยมวัด นะคะ 118 00:05:24,440 --> 00:05:26,620 ก็เป็นอีกความหมายนึงของคำว่า โยม ค่ะ 119 00:05:26,620 --> 00:05:28,740 ส่วนความหมายที่หกของคำว่า โยม เนี่ยนะคะ 120 00:05:28,740 --> 00:05:30,400 ก็จะกว้างไกลกว่านิดนึง 121 00:05:30,400 --> 00:05:33,000 ก็คือคนที่อุปการะพระไปโดยทั่วๆ นะ 122 00:05:33,000 --> 00:05:35,780 เหมือนแบบไม่ได้อุปการะพระรูปใดรูปนึง อะไรประมาณนี้ 123 00:05:35,780 --> 00:05:38,980 เค้าจะเรียกฆราวาสทั่วไปแบบนี้ว่า โยมสงฆ์ นั่นเองค่ะ 124 00:05:38,980 --> 00:05:43,420 นี่ก็คือความหมายทั้ง 6 ของคำว่า โยม ตามราชบัณฑิตยสถานนะคะ 125 00:05:43,420 --> 00:05:46,660 ทีนี้ว่าแต่ เออ เราก็รู้ความหมายของคำว่า โยมไปแล้ว 126 00:05:46,660 --> 00:05:49,480 แล้วคำว่า โยมเนี่ย มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อะไรยังไง? 127 00:05:49,480 --> 00:05:52,760 แล้วกลายมาเป็นคำที่พระใช้เรียกคนธรรมดาได้ยังไง? 128 00:05:52,760 --> 00:05:57,440 ก็ต้องบอกว่า คำว่า โยม คำนี้เนี่ยนะคะ มีที่มาที่ไปนานมากกกแล้วค่ะ 129 00:05:57,440 --> 00:06:00,380 นานแบบน้านนาน แล้วมันไม่ได้เกิดในประเทศไทยค่ะ 130 00:06:00,380 --> 00:06:03,620 นี่มันเป็นคำยืมนะคะ ที่เรายืมมาจากชนชาตินึงค่ะ 131 00:06:03,620 --> 00:06:06,520 นั่นก็คือชนชาติเขมรนั่นเอง 132 00:06:06,520 --> 00:06:10,260 แล้วก็เป็นเขมรที่เก่าแก่มากนะ ในสมัยก่อนพระนครค่ะ 133 00:06:10,260 --> 00:06:12,640 พูดถึงพระนคร หลายคนก็แบบก่อนพระนคร? 134 00:06:12,640 --> 00:06:14,580 ก่อน ก่อนเขตพระนครอ่ะนะ? 135 00:06:14,580 --> 00:06:17,200 พระนคร กรุงเทพที่มีวัดพระแก้วอยู่อ่ะนะ? 136 00:06:17,200 --> 00:06:18,820 ต้องบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ 137 00:06:18,820 --> 00:06:23,000 คำว่า พระนครในที่นี้หมายถึง นครวัด นครธมนะคะ 138 00:06:23,000 --> 00:06:25,640 ซึ่งก็สร้างมานานแสนนานแล้วใช่ไหมทุกคน? 139 00:06:25,640 --> 00:06:30,300 อย่างไรก็ตามนะคะ เรามีหลักฐานค่ะว่า คำที่เป็นที่มาของคำว่า โยม เนี่ย 140 00:06:30,300 --> 00:06:32,660 เราพบอยู่ในศิลาจารึกหลักนึงนะคะ 141 00:06:32,660 --> 00:06:35,360 ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 6 ค่ะ 142 00:06:35,360 --> 00:06:37,620 ก็สมัยก่อนสมัยพระนครอ่ะนะ 143 00:06:37,620 --> 00:06:40,440 และคำนั้นในสมัยน้ันเนี่ย ไม่ได้ออกเสียงว่า โยม ค่ะ 144 00:06:40,440 --> 00:06:42,560 แต่ออกเสียงว่า กะ-ญม นะคะ 145 00:06:42,560 --> 00:06:44,020 กญม ประมาณนี้ 146 00:06:44,020 --> 00:06:45,740 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า วิวออกเสียงถูกไหมนะ 147 00:06:45,740 --> 00:06:48,040 ก็ถอดเสียงมาจากภาษาเขมรปัจจุบันนะ 148 00:06:48,040 --> 00:06:50,320 ขึ้นไว้ให้แถวนี้แล้วว่า มันเขียนว่ายังไง 149 00:06:50,320 --> 00:06:54,500 ถ้าใครอ่านจารึกสมัยนั้นออก ก็ลองอ่านกันเองดูนะจ๊ะทุกคน 150 00:06:54,500 --> 00:06:58,300 แล้วถามว่า คำว่า กฺญุํ ในสมัยนั้นเนี่ย เค้าแปลว่าอะไร? 151 00:06:58,300 --> 00:07:01,320 ก็ต้องบอกว่า เค้าแปลว่า ข้าทาสบริวาร ค่ะ 152 00:07:01,320 --> 00:07:03,320 แปลว่า พวกทาสต่างๆ ประมาณนี้นะ 153 00:07:03,320 --> 00:07:06,660 อย่างในศิลาจารึกหลักนึงเนี่ย หลักที่ K.388 เนี่ยนะคะ 154 00:07:06,660 --> 00:07:08,800 คือศิลาจารึกมันเยอะมากอ่ะนะ ตั้งชื่อได้ไม่หมด 155 00:07:08,800 --> 00:07:10,360 บางทีเค้าก็รันเป็นตัวเลขเหมือนกันนะ 156 00:07:10,360 --> 00:07:12,920 ในศิลาจารึกหลักที่ K.388 เนี่ย 157 00:07:12,920 --> 00:07:15,080 มันก็มีข้อความนะคะ เขียนไว้ประมาณนี้ 158 00:07:15,080 --> 00:07:16,520 วิวไม่แน่ใจว่า วิวออกเสียงถูกไหมนะ 159 00:07:16,520 --> 00:07:20,200 แต่ว่าก็พยายามออกเสียงให้ใกล้เคียงที่สุดกับภาษาเขมรปัจจุบันแล้วนะ 160 00:07:20,200 --> 00:07:24,220 เอาที่ความรู้ยังพอหลงเหลืออยู่เสี้ยวเล็กมากๆ ในสมองนะคะ 161 00:07:24,220 --> 00:07:27,060 ก็คือ เนะ คิ กฺญุํ วฺระ นะคะ 162 00:07:27,060 --> 00:07:27,600 เนะคืออะไร? 163 00:07:27,600 --> 00:07:28,680 เนะคือ นี่ นะคะ 164 00:07:28,680 --> 00:07:29,740 คิ คือ คือ 165 00:07:29,740 --> 00:07:31,620 กฺญุํก็คือ ข้าทาสบริวาร 166 00:07:31,620 --> 00:07:35,120 วฺระนี่ก็ชัดเจนนะคะ วฺระก็คือ พระ นั่นเอง 167 00:07:35,120 --> 00:07:39,680 แปลทั้งหมดเนี่ย ก็แปลได้ว่า นี่คือข้าทาสบริวารของพระ 168 00:07:39,680 --> 00:07:43,500 ส่วนศิลจารึกหลักที่ K.600 เนี่ยนะ ก็มีพูดถึงคำนี้เหมือนกัน 169 00:07:43,500 --> 00:07:47,280 ก็จะเขียนไปเลยว่า กฺญุํ วฺระ ก็คือ ข้าทาสบริวารของพระนะคะ 170 00:07:47,280 --> 00:07:51,920 ในศิลาจารึกเขารังนะคะ เมื่อปีพุทธศักราช 1182 เนี่ย 171 00:07:51,920 --> 00:07:54,700 ก็มีเขียนถึง กฺญุํ ไว้เหมือนกันนะคะ 172 00:07:54,700 --> 00:07:56,480 หรือว่าข้าทาสบริวารของพระค่ะ 173 00:07:56,480 --> 00:07:59,080 ซึ่งภาษาเขมรมันยาวมาก วิวขออนุญาตไม่อ่านละกันนะ 174 00:07:59,080 --> 00:08:01,460 เพราะว่าคนส่วนใหญ่ตรงนี้ น่าจะไม่ได้อินภาษาเขมรเท่าไหร่นะ 175 00:08:01,460 --> 00:08:03,280 แต่ว่า มันแปลว่า ประมาณนี้ค่ะ 176 00:08:03,280 --> 00:08:06,960 ทาสซึ่งข้าพเจ้า สินาหฺวฺ ได้ให้แก่วิหาร 177 00:08:06,960 --> 00:08:07,800 ก็คือแปลว่า 178 00:08:07,800 --> 00:08:14,160 พูดถึงว่า เออ คนเหล่านี้ก็คือ ข้าทาสบริวารที่ข้าเนี่ยได้ถวายให้กับพระวิหารแห่งนี้นะคะ 179 00:08:14,540 --> 00:08:18,340 ซึ่งหลักฐานการที่ว่า วัดต่างๆ มีข้าทาสมีบริวารของตัวเองเนี่ย 180 00:08:18,340 --> 00:08:21,660 อันนี้วิวเดาเองนะว่า มันก็ส่งต่อมาถึงอยุธยาด้วยเหมือนกัน 181 00:08:21,660 --> 00:08:23,920 เพราะว่ามันก็ค่อนข้างจะมีหลักฐานที่ชัดเจนนะว่า 182 00:08:23,920 --> 00:08:26,680 เราได้รับอิทธิพลจากขอม จากเขมรมาค่อนข้างมากค่ะ 183 00:08:26,680 --> 00:08:28,800 และในการปกครองสมัยอยุธยาเนี่ย 184 00:08:28,800 --> 00:08:33,000 ตามที่วิวเคยเล่าไว้เมื่อนานมาแล้วเรื่อง ระดับชนชั้นในสมัยอยุธยา 185 00:08:33,000 --> 00:08:34,000 จำกันได้ไหมว่า 186 00:08:34,000 --> 00:08:37,220 ในสมัยอยุธยาเนี่ย เรามีกลุ่มคนกลุ่มนึงที่ชื่อว่า เลกวัด 187 00:08:37,220 --> 00:08:41,800 ซึ่งก็คือ พวกไพร่ต่างๆ ที่พระมหากษัตริย์เนี่ย ถวายให้กับพระใช่ไหมคะ? 188 00:08:41,800 --> 00:08:43,160 ให้คอยรับใช้พระต่างๆ 189 00:08:43,160 --> 00:08:45,700 คอยทำงาน ทำนู่นทำนี่ให้กับพระ 190 00:08:45,700 --> 00:08:47,920 ก็จะนับคนกลุ่มนี้ว่าเป็นไพร่หลวงใช่ไหม? 191 00:08:47,920 --> 00:08:51,440 ที่หลวงเนี่ยถวายให้กับวัด แล้วก็ทำงานต่างๆ ให้วัด 192 00:08:51,440 --> 00:08:53,080 ไม่ว่าจะเป็นทำไร่ไถ่นา 193 00:08:53,080 --> 00:08:55,680 เพื่อหาอาหาร หาความอุดมสมบูรณ์ให้กับวัด 194 00:08:55,680 --> 00:09:00,480 แล้วคนพวกนี้ พอมีลูกมีหลานก็คือจะเป็นเลกวัดเนี่ยต่อไปเรื่อยๆๆ 195 00:09:00,480 --> 00:09:03,840 ก็คือถือว่าเป็นเหมือนกับข้ารับใช้ของวัด ว่ายังงั้นเถอะ 196 00:09:03,840 --> 00:09:04,760 แล้วเท่านั้นยังไม่พอนะคะ 197 00:09:04,760 --> 00:09:06,820 ในสมัยอยุธยาก็ยังมีคำว่า โยมพระ 198 00:09:06,820 --> 00:09:09,700 ที่หมายถึงว่า เป็นญาติของพระที่สอบได้เปรียญเนี่ย 199 00:09:09,700 --> 00:09:12,560 ก็จะไม่ต้องเข้าระบบไพร่ สักเลกอะไรต่างๆ 200 00:09:12,560 --> 00:09:15,000 แต่ว่าคอยรับใช้พระอยู่ ประมาณนั้นค่ะ 201 00:09:15,000 --> 00:09:18,920 ที่นี้ถามว่าคำว่า กฺญุํ เนี่ย มาเป็นคำว่า โยม ในสมัยปัจจุบันได้ยังไง? 202 00:09:18,920 --> 00:09:23,400 ก็ต้องบอกว่า ในสมัยต่อมาค่ะ ภาษาเขมรก็มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเองนะคะ 203 00:09:23,400 --> 00:09:27,040 จากเดิมเนี่ยนะคะ ในสมัยก่อนพระนครที่ใช้คำว่า กฺญุํเนี่ย 204 00:09:27,040 --> 00:09:28,580 เสียงมันก็มีการเปลี่ยนค่ะ 205 00:09:28,580 --> 00:09:31,880 คือคนสมัยต่อมามันก็ออกเสียงคำเดินไม่เหมือนเดิม ว่ายังงั้นเถอะ 206 00:09:31,880 --> 00:09:32,820 ประมาณนั้นนะ 207 00:09:32,820 --> 00:09:35,960 ในสมัยพระนครค่ะ มีการเปลี่ยนเสียงเกิดขึ้น 208 00:09:35,960 --> 00:09:38,060 จาก กอ เนี่ย กลายเป็น ขอ นะคะ 209 00:09:38,060 --> 00:09:41,800 ดังนั้นจากคำว่า กฺญุํ ก็เลยกลายเป็นคำว่า ขยม นั่นเองค่ะ 210 00:09:41,800 --> 00:09:44,980 ซึ่งในสมัยปัจจุบันเนี่ย คำนี้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปค่ะ 211 00:09:44,980 --> 00:09:47,840 คือจากคำว่า ខ្ញុំ ที่แปลว่า ข้าทาสบริวารอะไรยังงี้ 212 00:09:47,840 --> 00:09:49,280 ก็เหลือคำว่า ข้า อย่างเดียว 213 00:09:49,280 --> 00:09:51,580 ซึ่งต่อมาในสมัยปัจจุบันนี้แล้วเนี่ย 214 00:09:51,580 --> 00:09:54,680 ใครรู้ภาษาเขมรจะรู้ว่าคำว่า ខ្ញុំ เนี่ยแปลว่า ฉัน 215 00:09:54,680 --> 00:09:55,580 แปลว่า ไอ(I) นะคะ 216 00:09:55,580 --> 00:09:56,720 ก็ make sense นิดนึง 217 00:09:56,720 --> 00:09:58,460 อันน้ีเดาเอง 100% นะว่า 218 00:09:58,460 --> 00:10:03,600 มันอาจจะหมายถึงว่า เออ แต่ก่อนเราก็เรียกตัวเองเหมือนเป็นข้าของคนที่เราพูดถึง 219 00:10:03,600 --> 00:10:08,240 พอเราใช้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายคำว่า ข้า ก็เลยกลายเป็น คำว่า ฉัน ประมาณนั้นเลย 220 00:10:08,240 --> 00:10:11,620 เหมือนกับที่ทุกวันนี้เราก็เรียกตัวเองว่า ข้าพเจ้า อะไรแบบนี้ 221 00:10:11,620 --> 00:10:13,920 มันก็เป็นคำว่า ข้า ที่หมายถึง ข้ารับใช้ 222 00:10:13,920 --> 00:10:17,080 ก็กลายเป็นความหมายคำว่า ฉัน ประมาณนั้นเลยนะคะ 223 00:10:17,080 --> 00:10:21,340 ที่นี้ในเขมรเนี่ย คำว่า ខ្ញុំ เนี่ย กลายเป็นคำว่า ฉัน ไปแล้วเรียบร้อยใช่ไหม? 224 00:10:21,340 --> 00:10:25,800 แต่ว่า ในไทยเนี่ยนะคะ แน่นอนว่า เรารับอิทธิพลของขอมของเขมรมาค่อนข้างเยอะ 225 00:10:25,800 --> 00:10:28,660 ดังนั้นเรารับภาษาของขอมของเขมรมาเยอะมาก 226 00:10:28,660 --> 00:10:30,600 โดยเฉพาะคำศัพท์ที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ค่ะ 227 00:10:30,600 --> 00:10:34,200 ไม่ว่าจะเป็นคำว่า ฉัน คำว่า จังหัน คำว่า หูย เยอะแยะเต็มไปหมด 228 00:10:34,200 --> 00:10:37,220 ซึ่งเดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสถัดไปนะคะ 229 00:10:37,220 --> 00:10:42,340 แน่นอนว่า คำนึงที่เราจะต้องได้รับมาด้วยคือคำว่า ខ្ញុំ ในฐานะข้ารับใช้พระค่ะ 230 00:10:42,340 --> 00:10:46,920 ซึ่งคำว่า ខ្ញុំ เนี่ย นึกภาพคนเขมรเค้าออกเสียงแบบควบกล้ำได้มากกว่าเราใช่ป้ะ? 231 00:10:46,920 --> 00:10:49,780 เค้าจะแบบ ขญุํ ขญุํ ขญุํ ขญุํ ข-ญุํ 232 00:10:49,780 --> 00:10:52,135 ฟังดีๆ คิดว่าคนไทยออกได้ไหม? ขญุํ ขญุํ เนี่ย 233 00:10:52,135 --> 00:10:52,920 ไม่ได้ค่ะ 234 00:10:52,920 --> 00:10:55,075 ดังนั้นคนไทยก็อาจจะฟังแล้วเพี้ยนนะคะ 235 00:10:55,080 --> 00:10:58,900 กลายเป็นคำว่า ขญุํ ข-ญม ขะ-โญม โญม โยม 236 00:10:58,900 --> 00:11:03,820 แล้วก็เอาคำว่า โยม เนี่ย มาใช้กับข้ารับใช้พระต่างๆ ในที่สุดค่ะ 237 00:11:03,820 --> 00:11:06,320 ส่วนใครที่คิดว่า เอ๊ะ เรื่องนี้จะมั่วหรือเปล่า? 238 00:11:06,320 --> 00:11:08,480 จาก ขฺญุํ จะกลายเป็น โยม ได้ยังไงนะคะ? 239 00:11:08,480 --> 00:11:11,400 ก็ต้องบอกว่า เราสามารถไปดูได้ที่ภาษาอื่นค่ะ 240 00:11:11,400 --> 00:11:13,160 ที่มันยังเปลี่ยนแปลงมาไม่หมดนะคะ 241 00:11:13,160 --> 00:11:16,540 ถือว่า เป็นหลักฐานอีกแบบนึงที่เราสามารถรู้ได้นะ 242 00:11:16,540 --> 00:11:19,100 นั่นก็คือ ไปดูที่ภาษาเหนือนั่นเอง 243 00:11:19,100 --> 00:11:21,300 ใครที่รู้ภาษาเหนือนะคะ จะรู้ว่า 244 00:11:21,300 --> 00:11:27,100 ปัจจุบันเนี่ย ยังมีการเรียกฆราวาสต่างๆ ที่คอยดูแลพระว่า ขะโยม อยู่นะคะ 245 00:11:27,100 --> 00:11:28,660 ก็น่าจะมีที่มาเดียวกันนี่แหละค่ะ 246 00:11:28,660 --> 00:11:30,940 ก็คือคำว่า ขฺญุํ ที่กลายเป็นคำว่า โยม 247 00:11:30,940 --> 00:11:33,500 แต่ว่า ยังเอาเสียง ขะ ออกไปไม่หมดนะคะ 248 00:11:33,500 --> 00:11:37,240 และทั้งหมดนี่นะคะ ก็คือคำตอบที่ว่า ทำไมพระถึงเรียกคนทั่วไปว่า โยม? ค่ะ 249 00:11:37,240 --> 00:11:42,440 ก็คือ มันมีวิวัฒนาการมาจากภาษาเขมรโบราณที่แปลว่า ข้าทาสบริวาร นะคะ 250 00:11:42,440 --> 00:11:44,620 และเราก็ได้รับอิทธิพลจากนั้นมา 251 00:11:44,620 --> 00:11:47,320 จากนั้นเราก็เอามาออกเสียงในรูปแบบของเรา 252 00:11:47,320 --> 00:11:51,280 จากคำว่า ขฺญุํ ขฺญุํ กลายมาเป็นคำว่า โยม นั่นเองค่ะ 253 00:11:51,280 --> 00:11:55,920 และทั้งหมดนี้ค่ะ ก็คือ คำตอบที่วิวขอมอบให้กับนวลที่ส่งคำถามนี้เข้ามานะคะ 254 00:11:55,920 --> 00:12:00,520 ก็ขอบคุณนวลมากๆ นะคะที่ส่งคำถามเข้ามา แล้วทำให้เรามีประเด็นน่าสนใจได้คุยกันค่ะ 255 00:12:00,520 --> 00:12:02,420 สำหรับใครที่มีคำถามอยากถามวิว 256 00:12:02,420 --> 00:12:05,300 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมีสาระ เรื่องไร้สาระ หรืออะไรก็ตาม 257 00:12:05,300 --> 00:12:07,660 ก็ #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด นะคะ 258 00:12:07,660 --> 00:12:10,280 ถ้าสมมติว่า มันน่าสนใจพอ มันจะอยู่ที่ช่องนี้ 259 00:12:10,280 --> 00:12:12,260 และถ้ามันน่าสนใจในอีกรูปแบบนึง 260 00:12:12,260 --> 00:12:14,080 มันก็จะไปอยู่ที่ช่องจุดชมวิวค่ะ 261 00:12:14,080 --> 00:12:17,120 สำหรับวันนี้ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 262 00:12:17,120 --> 00:12:19,420 แล้วก็กดแชร์ เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 263 00:12:19,420 --> 00:12:21,120 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน 264 00:12:21,120 --> 00:12:23,040 บ้าย บาย สวัสดีค่ะ 265 00:12:23,500 --> 00:12:24,420 เป็นไงกันบ้างคะทุกคน? 266 00:12:24,420 --> 00:12:26,300 ดูเนื้อหาคลิปนี้ไปแล้ว หนักนิดนึงนะ 267 00:12:26,300 --> 00:12:30,220 แต่วิวมองว่า เฮ้ย วิวไปเจอเรื่องนี้มา แล้ววิวรู้สึกว่า มันน่าสนใจ 268 00:12:30,220 --> 00:12:31,860 แล้วบังเอิญนวลก็ถามขึ้นมาพอดี 269 00:12:31,860 --> 00:12:34,960 ก็เลยคิดว่า เอามาแบ่งปันให้ทุกคนฟังดีกว่าค่ะ 270 00:12:34,960 --> 00:12:39,000 ส่วนตัววิวเนี่ย ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาขอมโบราณ เขมรโบราณอะไรเลย 271 00:12:39,000 --> 00:12:42,920 เคยเรียนมาน้อยมากกกนะคะทุกคน น้อยแบบ น้อยแบบแทบจะหายไปหมดแล้วนะ 272 00:12:42,920 --> 00:12:44,460 คืนครูไปเกลี้ยงแล้วนะคะ 273 00:12:44,460 --> 00:12:49,520 ดังนั้นถ้าสมมติว่าใครที่เป็นคนดูในช่องนี้ แล้วมีความรู้ด้านนี้มากกว่าวิว 274 00:12:49,520 --> 00:12:51,800 ยินดีมากๆ เลยนะคะ คอมเมนท์มาด้านล่างได้เลย 275 00:12:51,800 --> 00:12:55,240 วิวจะรู้สึกดีใจมากที่มีคนมาแบ่งปันข้อมูลความรู้ต่างๆ 276 00:12:55,240 --> 00:12:58,245 แล้วก็สร้าง community ดีๆ ใต้คอมเมนท์คลิปนี้ค่ะ 277 00:12:58,245 --> 00:12:59,960 สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันนะคะทุกคน 278 00:12:59,960 --> 00:13:02,060 บ้าย บาย สวัสดีค่ะ