< Return to Video

ทำไมอาหารเช้าเรียก Breakfast ? #วิววันว่าง EP.3 | Point of View

  • 0:00 - 0:04
    รู้กันไหมคะว่า ผู้ดีสมัยก่อนอะ เค้าไม่ตื่นมากินอาหารเช้ากันหรอก?
  • 0:04 - 0:05
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:05 - 0:08
    กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ในรายการวิววันว่างนั่นเอง
  • 0:08 - 0:11
    รายการที่วิวจะพาทุกคนมาทำนู่นทำนี่ในวันว่างๆ นะคะ
  • 0:11 - 0:14
    ซึ่งมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีแต่การทำครัวทั้งนั้นเลย
  • 0:14 - 0:17
    เพราะว่าตอนนี้เราก็ยังหากิจกรรมอื่นที่น่าสนใจทำไม่ได้อ่ะนะ
  • 0:17 - 0:22
    อย่างไรก็ตามค่ะ วันนี้สิ่งที่วิวจะมาทำกับทุกคนก็คือ อาหารเช้า นั่นเอง
  • 0:22 - 0:24
    แล้วก็จะเป็นอาหารเช้ามื้อโปรดของวิวนะคะ
  • 0:24 - 0:27
    เวลาที่วิวว่างๆ แล้วรู้สึกว่า อยากกินอะไรง่ายๆ
  • 0:27 - 0:30
    แต่ก็ไม่อยากง่ายถึงขนาดแบบว่า เทซีเรียลใส่นมแล้วก็กินนะ
  • 0:30 - 0:34
    สิ่งที่วิวจะทำในวันนี้ก็คือ French toast หรือว่าขนมปังชุบไข่ นั่นเองค่ะ
  • 0:34 - 0:35
    ซึ่งถึงจุดนี้เนี่ยนะคะ
  • 0:35 - 0:38
    หลายคนที่ติดตามวิวมานาน น่าจะแปลกใจอะไรบางอย่างอยู่ค่ะ
  • 0:38 - 0:39
    เห็นสิ่งนี้ไหม?
  • 0:39 - 0:41
    7 โมงทุกคน
  • 0:41 - 0:44
    เฮ้ย เป็นไปได้เหรอ? วิวตื่นมา 7 โมงเช้า มาทำข้าวเช้ากินนะคะ
  • 0:44 - 0:45
    บอกเลยว่า เป็นไปได้ค่ะ
  • 0:45 - 0:50
    เพราะว่านี่ไม่ใช่ 7 โมงเช้านะคะทุกคน แต่ว่านี่คือ 1 ทุ่มนะคะ
  • 0:50 - 0:51
    เห็นแบบนี่แล้วแปลกใจกันไหม?
  • 0:51 - 0:54
    เฮ้ย ทำไมอยู่ดีๆ จะมาทำอาหารเช้าอะไรตอน 1 ทุ่ม
  • 0:54 - 0:55
    บอกเลยค่ะว่า วิวไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ
  • 0:55 - 0:57
    เพราะว่าวิวไม่ได้จะมาทำอาหารเช้าสักหน่อย
  • 0:57 - 1:00
    จริงๆ แล้ววิวจะมาทำ breakfast ต่างหากค่ะ
  • 1:00 - 1:01
    อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า
  • 1:01 - 1:03
    ทำไมวิวถึงบอกว่า breakfast กับอาหารเช้าเป็นคนละอย่างกัน
  • 1:03 - 1:04
    อะไรยังไงนะคะ
  • 1:04 - 1:07
    เดี๋ยวเราไปทำ French toast กัน แล้วเดี๋ยววิวเล่าให้ฟังดีกว่าค่ะว่า
  • 1:07 - 1:10
    ทำไมวิวถึงบอกว่า breakfast ทำตอนไหนก็ได้นะคะ
  • 1:10 - 1:13
    ไป พร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ?
  • 1:13 - 1:15
    ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:18 - 1:21
    บอกเลยนะคะว่า วัตถุดิบที่เราจะใช้ในวันนี้มีน้อยมากๆ
  • 1:21 - 1:25
    แล้วก็ง่ายๆ มากๆ ค่ะ สำหรับหลายๆ บ้านนี่สามารถหาได้ในบ้านเลยนะ
  • 1:25 - 1:27
    อย่างแรกที่เราต้องใช้ค่ะในการทำ French toast
  • 1:27 - 1:28
    โทสต์ (Toast) ก็คือขนมปังใช่ไหม?
  • 1:28 - 1:31
    ดังนั้นก็คือ ขนมปังแผ่น นั่นเองนะคะ
  • 1:31 - 1:34
    ซึ่งจะใช้แบบมีขอบหรือไม่มีขอบก็ได้นะคะ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
  • 1:34 - 1:37
    ส่วนตัววิวก็เป็นคนชอบแบบไม่มีขอบค่ะ
  • 1:37 - 1:39
    แต่ว่าซื้อแบบมีขอบมา ดังนั้นเดี๋ยวจะตัดขอบทิ้งนะคะทุกคน
  • 1:39 - 1:42
    อย่างที่สองก็คือ ไข่ ค่ะ 1 ฟองเท่านั้น
  • 1:42 - 1:44
    สามก็คือ นมสด นะคะ
  • 1:44 - 1:45
    แล้วก็กลิ่นวานิลลาค่ะ
  • 1:45 - 1:49
    อันนี้เป็น optional สามารถใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะ
  • 1:49 - 1:51
    อีกอย่างนึงก็คือ เนย นั่นเองนะคะ
  • 1:51 - 1:54
    เพื่อที่จะใช้ทอด หรือว่าใครจะใช้น้ำมันก็ได้นะ
  • 1:54 - 1:56
    แต่วิวว่ามันไม่เข้าเท่าไหร่หรอก ใช้เนยเถอะทุกคน
  • 1:56 - 1:59
    และสุดท้ายก็คือ น้ำผึ้ง หรือว่าน้ำเชื่อมเมเปิ้ล
  • 1:59 - 2:01
    หรือน้ำเชื่อมอะไรก็ตามที่ทุกคนชอบนะคะ
  • 2:01 - 2:03
    เอาจริงๆ มันก็แทบจะใช้อะไรก็ได้เลยแหละ
  • 2:03 - 2:06
    แล้วแต่ว่าใครชอบอะไร อยากใส่อะไรเพิ่มเติมนะ
  • 2:06 - 2:09
    หรือว่าใครจะอยากไปหาพวกผลไม้อะไรต่างๆ มาตกแต่ง
  • 2:09 - 2:11
    หาน้ำตาลไอซิงอะไรก็ได้เหมือนกันนะคะ
  • 2:11 - 2:14
    หรือถ้าอยากกินแบบฝรั่งซึ่งคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่
  • 2:14 - 2:18
    ก็อาจจะไปหาเบคอน หรือว่าแฮม เอามากินกับ French toast ก็ได้เหมือนกัน
  • 2:18 - 2:21
    แล้วก็ทำไข่ดาวโปะเข้าไปก็ได้เหมือนกันนะ
  • 2:21 - 2:23
    อย่างไรก็ตาม อันนี้จะเป็นแบบเบสิคที่สุด ง่ายที่สุด
  • 2:23 - 2:25
    เพราะว่าวิวขี้เกียจนั่นเองนะคะทุกคน
  • 2:25 - 2:27
    ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
  • 2:27 - 2:28
    ขั้นตอนแรกในการทำนะคะ ก็คือ
  • 2:28 - 2:31
    วิวจะตัดขอบขนมปังทิ้งก่อน เพราะว่าวิวไม่ชอบนั่นเองนะ
  • 2:31 - 2:32
    ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองมาก
  • 2:32 - 2:35
    ดังนั้นแนะนำให้ซื้อมาแบบที่ตัวเองชอบนะคะ
  • 2:35 - 2:37
    ตัดไปๆ
  • 2:37 - 2:38
    ก็จะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
  • 2:38 - 2:40
    เราจะสมมติว่า นี่คือเวลาเช้าทุกคน
  • 2:40 - 2:42
    อยากทำอะไรให้ง่ายที่สุด
  • 2:42 - 2:44
    กินๆ เข้าไปแล้วก็รีบไปทำงานเนอะ
  • 2:44 - 2:47
    เสร็จปุ๊บนะคะ เราก็ตัดขนมปังเป็นไซซ์ที่เราต้องการ
  • 2:47 - 2:49
    ถ้าเป็นที่นิยมกัน เค้าจะตัดแค่อย่างนี้
  • 2:49 - 2:52
    แต่ว่าสำหรับวันนี้ วิวเป็นคนชอบกินชิ้นเล็กๆ นะคะ
  • 2:52 - 2:54
    ดังนั้นวิวก็จะตัด 4 นะคะทุกคน
  • 2:54 - 2:55
    เรียบร้อย
  • 2:55 - 2:57
    ต่อไปนะคะ เราก็จะมาเตรียมไข่ของเรากันค่ะ
  • 2:57 - 3:00
    เริ่มจากการตอกไข่ 1 ฟองนะคะ ใส่ลงไปในภาชนะ
  • 3:00 - 3:03
    เราจะโชว์เทพด้วยการ ตอกไข่ด้วยมือเดียว
  • 3:03 - 3:04
    นี่
  • 3:04 - 3:06
    แล้วมือเราก็เละ แล้วเราก็ต้องล้างมือ
  • 3:06 - 3:10
    หลังจากนั้นนะคะ เราก็จะใส่กลิ่นวานิลลาลงไปนิดนึง เพื่อเพิ่มความหอมเนอะ
  • 3:10 - 3:11
    ตามแต่ความชอบเลย
  • 3:11 - 3:13
    แล้วก็ตามด้วยนมสดนั่นเอง
  • 3:13 - 3:15
    สาเหตุที่วันนี้วิวไม่ตวงอะไรเลยนะคะ
  • 3:15 - 3:17
    เพราะว่าจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องตวงขนาดนั้น
  • 3:17 - 3:18
    เราใช้กะๆ เอาหมดเลยนะคะ
  • 3:18 - 3:20
    นี่ เทคนิคการตัดนมกล่องนะทุกคน
  • 3:20 - 3:23
    ถ้าเราตัดแค่ฝั่งนี้ ความดันอะไรต่างๆ เนี่ย
  • 3:23 - 3:26
    มันจะทำให้เวลาเทมันแบบพรึบๆๆ แล้วมันจะหกใช่ไหม?
  • 3:26 - 3:29
    ดังนั้นเวลาเทอะไรก็ตามนะคะ ตัดอีกฝั่งนึงด้วยค่ะ
  • 3:29 - 3:31
    เมื่อเวลาเราเทนมออกมาเนี่ย
  • 3:31 - 3:34
    ก็จะเห็นว่า นมมันออกฝั่งนี้ใช่ไหม? อากาศก็จะดันเข้าฝั่งนี้
  • 3:34 - 3:37
    มันก็ไม่จำเป็นจะต้องดันสวนเข้าฝั่งนี้นะคะ
  • 3:37 - 3:40
    เป็นหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ที่เราสามารถใช้ได้ในครัวนะคะทุกคน
  • 3:40 - 3:41
    อ่ะ ก็เทๆ นมเข้าไป
  • 3:41 - 3:44
    ถ้าชอบให้มันเข้มข้นหน่อย ก็ใส่นมน้อยๆ ใส่ไข่เยอะๆ
  • 3:44 - 3:47
    แต่ถ้าเกิดชอบให้มันแบบเจือจางนิดนึง ก็ใส่นมเยอะหน่อย
  • 3:47 - 3:50
    แต่ว่าถ้าใส่เยอะเกินไปเนี่ย มันก็จะไม่ค่อยจับตัวกันเท่าไหร่นะ
  • 3:50 - 3:51
    หลังจากนั้นก็ตีโลด
  • 3:59 - 4:00
    อ่ะ เสร็จแล้วเรียบร้อยนะคะ
  • 4:00 - 4:03
    ก็ไม่ต้องไปตีเยอะนะ เดี๋ยวมันจะออกมาเป็นไข่เจียวนะคะทุกคน
  • 4:03 - 4:05
    หลังจากนั้น เราก็ทำขั้นตอนที่ยากมากนะคะ
  • 4:05 - 4:07
    นั่นก็คือ เอาขนมปังของเราเนี่ย หย่อนมันลงไปค่ะ
  • 4:07 - 4:08
    หย่อนลงไป
  • 4:08 - 4:12
    แล้วก็พยายามให้มันแบบดูดน้ำจากไข่กับนมเนี่ย ขึ้นมาให้ได้มากที่สุดนะ
  • 4:12 - 4:14
    แช่มันไว้ แช่มันลงไป
  • 4:14 - 4:15
    กดมันลงไป
  • 4:15 - 4:17
    ให้มันซึมซับไข่และนมนะคะ
  • 4:17 - 4:20
    หลังจากนั้นก็ทิ้งมันไว้สักพักค่ะทุกคน
  • 4:20 - 4:22
    ให้มันดูดทุกอย่างเข้าไปในตัวของมันนะคะ
  • 4:22 - 4:26
    เห็นไหมตอนนี้? มันก็จะดูดทุกอย่างเข้ามาแบบเข้มข้นแล้วนะ
  • 4:26 - 4:27
    อ่ะ ระหว่างที่เรารอสิ่งนี้นะคะ
  • 4:27 - 4:29
    จำได้ไหม? เมื่อกี้วิวบอกทุกคนว่า
  • 4:29 - 4:33
    เฮ้ย มันไม่แปลกเลยนะที่เราจะกิน breakfast ตอนไหนก็ได้ อะไรอย่างนี้
  • 4:33 - 4:36
    จริงๆ แล้ว โอเค ปัจจุบันนะคะ คำว่า breakfast มันก็แปลว่า อาหารเช้านี่แหละ
  • 4:36 - 4:41
    แต่ในสมัยอดีตนะคะ คำว่า breakfast lunch หรือว่า dinner รวมถึง supper เนี่ย
  • 4:41 - 4:45
    มันมีที่มาที่ไปของมัน ที่ทำให้คำแปลในสมัยก่อนเนี่ย มันแตกต่างจากสมัยปัจจุบันค่ะ
  • 4:45 - 4:49
    และมันทำให้คนที่ถ้าสมมติว่า ไปเรียนที่ต่างประเทศจริงๆ
  • 4:49 - 4:52
    ไปเจอการใช้ศัพท์ของฝรั่งจริงๆ เนี่ย จะงงนะคะ
  • 4:52 - 4:54
    คือในไทยเนี่ย เราก็สอนกันว่า breakfast แปลว่าอาหารเช้า
  • 4:54 - 4:56
    lunch แปลว่า อาหารเที่ยง
  • 4:56 - 4:57
    dinner แปลว่า อาหารเย็น
  • 4:57 - 5:00
    ส่วน supper นี่มีใครใช้หรือเปล่าน้อ จากศัพท์คำว่า the last supper
  • 5:00 - 5:02
    ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วเค้าใช้กันนะคะ
  • 5:02 - 5:05
    แล้วบางทีนะคะ เค้าอาจจะใช้แตกต่างจากเราด้วย
  • 5:05 - 5:07
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศอังกฤษนะคะ
  • 5:07 - 5:09
    หลายคนน่าจะจำกันได้ คลิปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว
  • 5:09 - 5:12
    ที่วิวไปถ่ายกับ Korean English Man ที่อังกฤษนะคะ
  • 5:12 - 5:16
    ที่วิวไปนั่งคุยกับเค้าว่าด้วยเรื่องศัพท์คำว่า breakfast lunch dinner supper อะไร
  • 5:16 - 5:18
    ซึ่งพอต่อให้ฝรั่งอธิบายเนี่ย
  • 5:18 - 5:22
    เค้าก็ยังงงๆ กันอยู่เลยค่ะว่า เอ๊ แล้วสรุปว่ามื้อไหน ใช้ตอนไหน อะไรกันแน่นะคะ?
  • 5:22 - 5:25
    จริงๆ เมื่อหลายวันก่อนเนี่ย วิวก็กำลังทำข้าวเช้าอยู่อ่ะนะ
  • 5:25 - 5:28
    แล้ววิวก็เกิดนึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาอีกรอบนึงว่า
  • 5:28 - 5:30
    เอ๊า ทำไม breakfast มันถึงต้องเรียกว่า breakfast?
  • 5:30 - 5:33
    ทำไมมันถึงไม่เรียกว่า morning meal เหมือนกับที่เราเรียกว่า อาหารเช้า
  • 5:33 - 5:36
    หรือแม้แต่ชาวญี่ปุ่นก็เรียกว่าแบบ อะสะโกะฮัง (朝 อะสะ = เช้า, ご飯 โกะฮัง = ข้าว)
  • 5:36 - 5:37
    คือเอาจริงๆ ตามเบสิคแล้ว
  • 5:37 - 5:40
    เรากินตอนเช้า เราก็ควรจะเรียกมันว่า morning meal ไม่ใช่เหรอ?
  • 5:40 - 5:41
    แล้ว breakfast แปลว่า อะไรนะคะ?
  • 5:41 - 5:45
    ดังนั้นค่ะ วิวก็เลยไปค้นหาคำตอบมาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วนะคะ
  • 5:45 - 5:47
    สาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ทุกอย่างงงค่ะ
  • 5:47 - 5:49
    เพราะว่าคำว่า breakfast เนี่ยเป็นศัพท์ใหม่ค่ะ
  • 5:49 - 5:53
    เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1500 อะไรประมาณนี้เองนะ
  • 5:53 - 5:56
    ถามว่าก่อนหน้านี้ ชาวอังกฤษเค้าเรียกอาหารมื้อเช้าของเค้าว่าอะไร?
  • 5:56 - 5:59
    เค้าด้วยคำๆ นึงนะคะ ซึ่งเป็นคำศัพท์ old English เนี่ย
  • 5:59 - 6:01
    คำนี้
  • 6:01 - 6:04
    นี่แหละ คือวิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันออกเสียงว่ายังไงนะ
  • 6:04 - 6:07
    แต่ว่าให้เดาจากศัพท์เนี่ย มันก็น่าจะเรียกว่า มอร์เกนเมท นะคะ
  • 6:07 - 6:10
    ซึ่งคำว่า morgen คำนี้ก็เป็นคำเดียวกับภาษาเยอรมันทุกวันนี้
  • 6:10 - 6:13
    ที่แบบ morgen ที่แปลว่าตอนเช้านั่นเองนะคะ
  • 6:13 - 6:18
    ส่วนคำว่า mete ก็คือคำที่จะวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า meat ที่แปลว่า เนื้อ ในปัจจุบันนั่นแหละ
  • 6:18 - 6:20
    แต่ในสมัยก่อนเนี่ย มันหมายถึงอาหารค่ะ
  • 6:20 - 6:22
    ดังนั้นในสมัยโบราณเนี่ยนะคะ
  • 6:22 - 6:26
    ชาวอังกฤษเค้าเรียกอาหารมื้อเช้าของตัวเองว่า morgenmete อะไรสักอย่างเนี่ย
  • 6:26 - 6:28
    ก็แปลว่า อาหารมื้อเช้า นั่นเอง
  • 6:28 - 6:32
    แต่ทีนี้ค่ะ ปัญหาก็คือ ในสมัยก่อนเนี่ย มันมีความเชื่อประมาณว่า
  • 6:32 - 6:35
    เฮ้ย อาหารมื้อเช้าเนี่ยนะ มันเป็นมื้อของกรรมกร
  • 6:35 - 6:38
    มันจะต้องมีแต่กรรมกรเนี่ย ตื่นมาแล้วก็มากินข้าวเช้าอะไรต่างๆ
  • 6:38 - 6:40
    เพื่อให้มีแรง แล้วก็ออกไปทำงาน
  • 6:40 - 6:42
    ในขณะที่พวกผู้ดีเนี่ย เค้าไม่ตื่นมากินข้าวเช้ากัน
  • 6:42 - 6:43
    เค้าก็จะแบบนอนนะคะ
  • 6:43 - 6:47
    แล้วก็ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงๆ อะไรอย่างนี้ กินอะไรเบาๆ อะไรประมาณนี้
  • 6:47 - 6:51
    ดังนั้นนะคะ ทำให้พวกผู้ดีสมัยก่อนเนี่ยรู้สึกว่าแบบ ถ้าฉันตื่นมาแล้วฉันหิว
  • 6:51 - 6:53
    ฉันจะต้องกินข้าวเช้าเนี่ย
  • 6:53 - 6:55
    มันรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ผิดมาก
  • 6:55 - 6:57
    ประมาณว่า เฮ้ย ไม่โอเค ฉันจะกินข้าวเช้าได้ยังไง?
  • 6:57 - 7:00
    เดี๋ยวมันจะเหมือนแบบว่า ฉันไปเป็นชนชั้นกรรมกรหรือเปล่า?
  • 7:00 - 7:04
    เค้าก็เลยประดิษฐ์คำศัพท์คำนี้ขึ้นมาค่ะ ก็คือคำว่า breakfast นั่นเอง
  • 7:04 - 7:06
    ซึ่งถามว่า breakfast เนี่ยแปลว่าอะไร?
  • 7:06 - 7:08
    breakfast เนี่ยนะคะ มาจาก 2 คำด้วยกันค่ะ
  • 7:08 - 7:10
    คำแรกก็คือคำว่า break บวกกับคำว่า fast นั่นเอง
  • 7:10 - 7:12
    break ก็คือ หยุดใช่ไหม?
  • 7:12 - 7:13
    ส่วน fast หลายคนก็แบบ เร็ว
  • 7:13 - 7:15
    หยุดเร็ว? หยุดเร็วคืออะไร?
  • 7:15 - 7:16
    ไม่ใช่ค่ะ
  • 7:16 - 7:18
    คำว่า fast คำนี้ไม่ได้แปลว่า fast ที่แปลว่า เร็ว นะ
  • 7:18 - 7:22
    แต่คำว่า fast คำนี้ก็คือ fast ที่แปลว่า อดอาหาร นั่นเอง
  • 7:22 - 7:24
    หลายๆ คนน่าจะเคยทำ IF (I-FAST) ใช่ไหม?
  • 7:24 - 7:28
    ที่ปัจจุบันก็คือ การ fasting หรือว่าการอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลานึง ใช่ไหมคะ?
  • 7:28 - 7:30
    ทีนี้ fast คำนี้ก็เลยแปลว่า อดอาหาร ค่ะ
  • 7:30 - 7:34
    เมื่อเอาคำว่า break ที่แปลว่า หยุด มารวมกับคำว่า fast ที่แปลว่า อดอาหาร
  • 7:34 - 7:37
    breakfast ก็เลยแปลว่า การหยุดอดอาหาร
  • 7:37 - 7:41
    (หลังจากที่อดอาหารตอนนอนมาทั้งคืนนั่นเองค่ะ)
  • 7:41 - 7:44
    ก็เลยเหมือนกับว่า โอเค งั้นฉันเรียก breakfast แทนละกัน
  • 7:44 - 7:46
    ฉันไม่เรียกหรอกว่า ฉันตื่นมากินข้าวเช้า
  • 7:46 - 7:48
    ฉันแค่ได้เวลาฉันหยุดอดอาหารละ
  • 7:48 - 7:51
    จะหยุดตอนสายๆ หรือจะหยุดตอนเที่ยงก็คือ breakfast เหมือนกันนะคะ
  • 7:51 - 7:54
    หลังจากนั้นค่ะ มันก็เลยกลายมาเป็นว่า มันคืออาหารมื้อแรกของวัน
  • 7:54 - 7:58
    และโดนเอามาใช้เป็นคำว่า อาหารเช้า ในที่สุดค่ะ
  • 7:58 - 8:04
    และนี่ก็คือที่มาของการที่ชาวอังกฤษเนี่ย เรียกมื้อแรกของวันของตัวเองว่า breakfast นั่นเองค่ะ
  • 8:04 - 8:08
    ทีนี้เรากลับไปต่อที่ french toast ของเราดีกว่าเนอะว่า มันเป็นอะไรยังไงแล้วนะคะ
  • 8:08 - 8:11
    ตอนนี้ค่ะหลังจากที่เราทิ้งมันไว้สักพักจะเห็นว่า
  • 8:11 - 8:15
    ขนมปังของเราเนี่ย ดูดน้ำที่ผสมจากไข่และนมนะคะ เข้าไปเกือบหมดแล้ว
  • 8:15 - 8:17
    ดังนั้นเดี๋ยวเราจะเอามาทอดกันค่ะ
  • 8:17 - 8:20
    โอเค ได้เวลาที่เราจะมาเริ่มแล้วนะคะ
  • 8:20 - 8:22
    อย่างแรกเลยก็คือ อุ่นกระทะของเราก่อนเนอะ
  • 8:22 - 8:25
    หลังจากนั้นก็เอาเนยเนี่ยค่ะ ใส่ลงไปเลย
  • 8:25 - 8:27
    เพราะว่าเราจะใช้เนยเป็นตัวทอดนะคะ
  • 8:27 - 8:29
    ซึ่งความขี้เกียจของวิวก็คือ ใช้มีดเนี่ยแหละ
  • 8:29 - 8:31
    อย่าให้มันขูดกระทะ กระทะเทฟลอนจะพังนะคะ
  • 8:31 - 8:33
    แล้วเมื่อกี้มันขูดไปแล้วนิดนึง อย่าบอกแม่ ทุกคน
  • 8:34 - 8:37
    หลังจากนั้นนะคะ ก็รอให้กระทะร้อนก่อนนิดนึงนะ
  • 8:37 - 8:38
    พอกระทะเริ่มร้อนนะคะ
  • 8:38 - 8:40
    เราไม่ใช้ไฟแรงค่ะทุกคน
  • 8:40 - 8:41
    เราใช้ไฟปานกลางนะคะ
  • 8:41 - 8:44
    แล้วก็เอาขนมปังของเรา หย่อนลงไปต่อเลย
  • 8:44 - 8:46
    หย่อนลงไป
  • 8:58 - 9:01
    เราก็จะค่อยๆ ทอดมันไปนะคะ จนกว่ามันจะสีสวยนะทุกคน
  • 9:01 - 9:03
    ก็ให้ไข่สุกนั่นแหละค่ะ
  • 9:03 - 9:05
    ต้องอย่าลืมว่า ขนมปังเราหนานิดนึงนะคะ
  • 9:05 - 9:09
    เอาล่ะ ตอนนี้ขนมปังของเราก็เริ่มสุกแล้วนะคะ
  • 9:09 - 9:11
    เริ่มสีสวย เห็นไหม?
  • 9:11 - 9:13
    ใครชอบกรอบหน่อยก็เกรียมหน่อยนะคะ
  • 9:13 - 9:17
    หรือว่าถ้าใครชอบแบบนิ่มๆ ก็ประมาณนี้แหละ กำลังได้เลยนะคะ
  • 9:25 - 9:28
    จัดการปิดไฟโลดนะคะ แล้วก็จัดใส่จานได้เลย
  • 9:28 - 9:29
    ทำยากมากเห็นไหม?
  • 9:29 - 9:30
    French toast
  • 9:30 - 9:32
    ทาด๊า เสร็จแล้วทุกคน
  • 9:32 - 9:35
    นี่นะคะ ก็เป็น French toast ฝืมือของวิวนะคะ
  • 9:35 - 9:37
    ซึ่งหลังจากนี้เราก็สามารถเลือกตกแต่งตามใจชอบได้นะ
  • 9:37 - 9:42
    ใครที่จะแบบมีผลไม้ต่างๆ มาวาง มีน้ำตาลไอซิงมาโรย
  • 9:42 - 9:43
    มีเบคอนมาโปะ หรืออะไรก็แล้วแต่
  • 9:43 - 9:46
    แต่สำหรับวิวเนี่ย ส่วนใหญ่วิวก็แค่ราดน้ำผึ้งนะคะ
  • 9:48 - 9:50
    ราดน้ำผึ้งลงไปนะคะ
  • 9:50 - 9:53
    แล้วก็เรียบร้อยแล้วนะคะ French toast ของวิว
  • 9:53 - 9:55
    นี่แหละค่ะ อาหารมื้อเช้าในวันนี้
  • 9:55 - 9:58
    หลังจากที่ French toast ของวิวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ
  • 9:58 - 9:59
    ก่อนที่เราจะไปกินกันเนี่ย
  • 9:59 - 10:00
    วิวยังติดค้างทุกคนอยู่ใช่ไหมคะ?
  • 10:00 - 10:03
    ว่าด้วยเรื่อง lunch dinner แล้วก็ supper ค่ะ
  • 10:03 - 10:06
    ว่าที่มาที่ไปของชื่อทั้ง 3 อันนี้มาจากที่ไหนอะไรยังไงนะคะ?
  • 10:06 - 10:08
    ก็ขอเริ่มจากคำแรกก่อนเลยค่ะ อย่างรวดเร็ว
  • 10:08 - 10:10
    ก่อนที่ขนมปังของเราจะหายร้อนนะ
  • 10:10 - 10:14
    คำว่า lunch ค่ะ เป็นคำที่มีอายุประมาณแค่ 200 ปีเท่านั้นเองนะ
  • 10:14 - 10:16
    ถือว่าเป็นคำใหม่มากๆ เลย
  • 10:16 - 10:18
    แล้วถามว่า มีที่มาที่ไปจากไหน?
  • 10:18 - 10:20
    มีที่มาที่ไปจากคำว่า luncheon ค่ะ
  • 10:20 - 10:24
    ซึ่งในสมัยก่อนนู่น เมื่อนานแสนนานมาแล้วเนี่ยนะคะ
  • 10:24 - 10:28
    คำๆ นี้มันแปลว่า แท่ง หรือว่าบ้อง หรืออะไรสักอย่างที่มันยาวๆ ค่ะ
  • 10:28 - 10:30
    แล้วรู้ไหมคะว่า มันหมายถึงอะไร?
  • 10:30 - 10:34
    มันหมายถึงว่า คนสมัยก่อนค่ะ หลังจากที่ออกไปทำงานอะไรต่างๆ แล้วเนี่ยนะคะ
  • 10:34 - 10:36
    เค้าก็ต้องกินข้าวเที่ยงกันใช่ไหม?
  • 10:36 - 10:40
    เค้าก็จะกินอะไรที่เป็นแท่งยาวๆ ยกตัวอย่างเช่น ขนมปังกับชีส นั่นเองค่ะ
  • 10:40 - 10:43
    เค้าก็เลยเหมือนกับว่า เฮ้ย ไปกินแท่งนั้นกันเถอะ อะไรอย่างนี้
  • 10:43 - 10:47
    ในที่สุดนะคะ คำว่า luncheon ก็เลยกลายมาเป็นคำว่า อาหารเที่ยง
  • 10:47 - 10:50
    และสุดท้ายก็เรียกสั้นลง กลายมาเป็นคำว่า lunch นั่นเองค่ะ
  • 10:50 - 10:53
    ส่วนคำว่า dinner เนี่ยนะคะ บอกเลยว่า งงกว่าเดิมอีกค่ะ
  • 10:53 - 10:56
    เพราะว่า คำว่า dinner เนี่ย ไม่ได้แปลว่า อาหารเย็นนะคะ
  • 10:56 - 10:59
    แต่ว่ามันแปลว่า อาหารมื้อหลักของวัน ค่ะ
  • 10:59 - 11:02
    และในสมัยก่อนเนี่ย มันหมายถึง มื้อกลางวัน ค่ะทุกคน
  • 11:02 - 11:05
    ถามว่าเพราะอะไร? เพราะว่าคำนี้นะคะ มีที่มาจาก old French คำนี้
  • 11:06 - 11:08
    ซึ่งมีความหมายว่า first meal of the day
  • 11:08 - 11:10
    หรือว่า อาหารมื้อแรกของวันค่ะ
  • 11:10 - 11:13
    ก็ย้อนกลับไปตรงที่วิวเล่าถึง breakfast นิดนึงนะว่า
  • 11:13 - 11:15
    ผู้ดีเค้ากินมื้อแรกกันตอนเที่ยงนะคะ
  • 11:15 - 11:18
    ก็คือกินเป็นมื้อหลักตอนเที่ยงเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ
  • 11:18 - 11:22
    ซึ่งจริงๆ แล้วคำนี้มีที่มาจากภาษาละตินอีกทีนึงก็คือ คำนี้นั่นเอง
  • 11:22 - 11:27
    ทีนี้ภาษาละตินคำนี้นะคะ มันก็จะหมายถึง การหยุดอดอาหารมาทั้งวัน อีกทีนึงค่ะ
  • 11:27 - 11:32
    ดังนั้นคำว่า dinner จริงๆ แล้วเนี่ย มีความหมายเกือบจะเหมือนคำว่า breakfast เป๊ะเลยนะคะทุกคน
  • 11:32 - 11:33
    ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้นะคะ
  • 11:33 - 11:38
    ก็จะเห็นว่าที่อังกฤษเนี่ยจะมีหลายๆ คนยังเรียกอาหารมื้อเที่ยงนะคะว่า dinner อยู่
  • 11:38 - 11:41
    คือเค้าจะเรียกใน sense ของการกินอาหารมื้อหลักของวันนั่นเองค่ะ
  • 11:41 - 11:43
    มื้อหลักของวันเนี่ยไปอยู่ตอนเที่ยงก็เรียกว่า dinner
  • 11:43 - 11:46
    หรือว่าไปอยู่ตอนเย็นก็เรียกว่า dinner นั่นเอง
  • 11:46 - 11:47
    แต่ว่าด้วยอะไรต่างๆ ในสมัยปัจจุบัน
  • 11:47 - 11:51
    เหมือนกับว่าคนเราเนี่ยจะกินอาหารมื้อหลักของวันเป็นตอนเย็นมากกว่า
  • 11:51 - 11:54
    dinner ก็เลยค่อนข้างจะไปอยู่ตอนเย็น ประมาณนั้นค่ะ
  • 11:54 - 11:56
    และคำสุดท้าย คำว่า supper นั่นเอง
  • 11:56 - 11:58
    คำว่า supper ที่เราใช้เรียก the last supper เนี่ยนะคะ
  • 11:58 - 12:02
    หรือว่าหลายๆ ครั้งเราจะได้ยินฝรั่งเรียกอาหารเย็นว่า supper เนี่ย
  • 12:02 - 12:03
    มีที่มาจาก middle English นะคะ
  • 12:03 - 12:05
    คำว่า super นั่นเอง
  • 12:05 - 12:08
    ซึ่งคำว่า super ในที่นี้ ก็มีที่มาจาก old French คำนี้ค่ะ
  • 12:08 - 12:10
    ซึ่งถามว่า มันแปลว่าอะไร?
  • 12:10 - 12:11
    มันแปลว่า อาหารมื้อเย็น นะคะ
  • 12:11 - 12:15
    คือเหมือนกับว่า เหมือนคนสมัยก่อนเค้ากินมื้อหนักตอนเที่ยงไปแล้วใช่ไหม?
  • 12:15 - 12:17
    ตอนเย็นเค้าก็จะไม่ค่อยได้กินหนักอะไรขนาดนั้นค่ะ
  • 12:17 - 12:20
    และคำๆ นี้ที่เป็นที่มาของคำว่า supper เนี่ยนะคะ
  • 12:20 - 12:22
    คือรากศัพท์ของคำว่า ซุป (soup) นั่นเองค่ะ
  • 12:22 - 12:26
    เพราะว่าสมัยก่อน อาหารมื้อเย็นเค้านิยมจะกินซุปเป็นหลักนั่นเองค่ะ
  • 12:26 - 12:29
    นี่ก็น่าจะทำให้หลายๆ คนเข้าใจมากขึ้นนะคะว่า
  • 12:29 - 12:31
    ทำไมอาหารเช้าถึงเรียกว่า breakfast?
  • 12:31 - 12:32
    ทำไมอาหารกลางวันถึงเรียกว่า lunch?
  • 12:32 - 12:35
    ทำไมอาหารเย็นถึงเรียกว่า dinner และบางคนถึงเรียกว่า supper?
  • 12:35 - 12:37
    แล้วทำไมบางคนถึงสับสน dinner กับ supper?
  • 12:37 - 12:40
    และบางคนถึงกิน breakfast ตอนเที่ยง?
  • 12:40 - 12:41
    ประมาณนี้ค่ะ
  • 12:41 - 12:44
    หรือว่าจะทำให้หลายๆ คนงงมากกว่าเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ
  • 12:44 - 12:46
    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้วิวเริ่มหิวแล้วค่ะทุกคน
  • 12:46 - 12:48
    เพราะว่าวิวเนี่ยยัง fast อยู่นึกออกไหม?
  • 12:48 - 12:50
    ยังอดอาหารมาอยู่นะคะ
  • 12:50 - 12:51
    ยังไม่ได้กินมื้อแรกของวันเลย
  • 12:51 - 12:56
    ดังนั้นวิวขออนุญาตหยุดการอดอาหารด้วยการเริ่มมื้อ breakfast ของวิว ณ เวลานี้เลยค่ะ
  • 12:56 - 12:58
    สำหรับตอนนี้ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
  • 12:58 - 12:59
    อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
  • 12:59 - 13:01
    แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
  • 13:01 - 13:03
    แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ
  • 13:03 - 13:05
    บ้าย บาย สวัสดีค่ะ
  • 13:05 - 13:08
    นี่ทุกคน ดูความ fluffy ของมันสิ
  • 13:08 - 13:10
    ฮื้อ ความ fluffy ของมันนะคะ
  • 13:10 - 13:12
    จริงๆ มันก็ควรจะไม่ไม่อร่อยนะ
  • 13:12 - 13:15
    เพราะว่ามันก็คือขนมปังจิ้มกับน้ำผึ้งแล้วก็ไข่กับนมนะคะ
  • 13:15 - 13:17
    ดังนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่อร่อย
  • 13:17 - 13:18
    และทำง่ายมากๆ
  • 13:20 - 13:22
    มีความสุขมากๆ บอกเลย
  • 13:22 - 13:23
    หิว
  • 13:23 - 13:24
    ยืนพูดอยู่ตั้งนาน ถามว่าหิวไหม?
  • 13:24 - 13:25
    หิวนะคะ
  • 13:25 - 13:26
    พอเถอะ เลิกถ่ายนะคะ
  • 13:26 - 13:27
    วันนี้ลาไปก่อนทุกคน
  • 13:27 - 13:29
    บ้าย บาย สวัสดีค่ะ
Title:
ทำไมอาหารเช้าเรียก Breakfast ? #วิววันว่าง EP.3 | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
13:30

Thai subtitles

Revisions