WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:03.780 รู้กันไหมคะว่า ผู้ดีสมัยก่อนอะ เค้าไม่ตื่นมากินอาหารเช้ากันหรอก? 00:00:03.780 --> 00:00:05.380 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:05.380 --> 00:00:08.080 กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ในรายการวิววันว่างนั่นเอง 00:00:08.080 --> 00:00:11.300 รายการที่วิวจะพาทุกคนมาทำนู่นทำนี่ในวันว่างๆ นะคะ 00:00:11.300 --> 00:00:14.140 ซึ่งมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีแต่การทำครัวทั้งนั้นเลย 00:00:14.140 --> 00:00:17.400 เพราะว่าตอนนี้เราก็ยังหากิจกรรมอื่นที่น่าสนใจทำไม่ได้อ่ะนะ 00:00:17.400 --> 00:00:21.620 อย่างไรก็ตามค่ะ วันนี้สิ่งที่วิวจะมาทำกับทุกคนก็คือ อาหารเช้า นั่นเอง 00:00:21.620 --> 00:00:23.640 แล้วก็จะเป็นอาหารเช้ามื้อโปรดของวิวนะคะ 00:00:23.640 --> 00:00:26.580 เวลาที่วิวว่างๆ แล้วรู้สึกว่า อยากกินอะไรง่ายๆ 00:00:26.580 --> 00:00:29.900 แต่ก็ไม่อยากง่ายถึงขนาดแบบว่า เทซีเรียลใส่นมแล้วก็กินนะ 00:00:29.900 --> 00:00:33.980 สิ่งที่วิวจะทำในวันนี้ก็คือ French toast หรือว่าขนมปังชุบไข่ นั่นเองค่ะ 00:00:33.980 --> 00:00:35.040 ซึ่งถึงจุดนี้เนี่ยนะคะ 00:00:35.040 --> 00:00:38.100 หลายคนที่ติดตามวิวมานาน น่าจะแปลกใจอะไรบางอย่างอยู่ค่ะ 00:00:38.100 --> 00:00:39.220 เห็นสิ่งนี้ไหม? 00:00:39.460 --> 00:00:40.780 7 โมงทุกคน 00:00:40.780 --> 00:00:43.900 เฮ้ย เป็นไปได้เหรอ? วิวตื่นมา 7 โมงเช้า มาทำข้าวเช้ากินนะคะ 00:00:43.900 --> 00:00:45.400 บอกเลยว่า เป็นไปได้ค่ะ 00:00:45.400 --> 00:00:49.540 เพราะว่านี่ไม่ใช่ 7 โมงเช้านะคะทุกคน แต่ว่านี่คือ 1 ทุ่มนะคะ 00:00:49.540 --> 00:00:51.040 เห็นแบบนี่แล้วแปลกใจกันไหม? 00:00:51.040 --> 00:00:53.660 เฮ้ย ทำไมอยู่ดีๆ จะมาทำอาหารเช้าอะไรตอน 1 ทุ่ม 00:00:53.660 --> 00:00:55.320 บอกเลยค่ะว่า วิวไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ 00:00:55.320 --> 00:00:57.260 เพราะว่าวิวไม่ได้จะมาทำอาหารเช้าสักหน่อย 00:00:57.260 --> 00:00:59.500 จริงๆ แล้ววิวจะมาทำ breakfast ต่างหากค่ะ 00:00:59.500 --> 00:01:00.580 อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่า 00:01:00.580 --> 00:01:03.420 ทำไมวิวถึงบอกว่า breakfast กับอาหารเช้าเป็นคนละอย่างกัน 00:01:03.420 --> 00:01:04.480 อะไรยังไงนะคะ 00:01:04.480 --> 00:01:07.440 เดี๋ยวเราไปทำ French toast กัน แล้วเดี๋ยววิวเล่าให้ฟังดีกว่าค่ะว่า 00:01:07.440 --> 00:01:10.420 ทำไมวิวถึงบอกว่า breakfast ทำตอนไหนก็ได้นะคะ 00:01:10.420 --> 00:01:13.420 ไป พร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ? 00:01:13.420 --> 00:01:15.280 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ 00:01:18.320 --> 00:01:21.280 บอกเลยนะคะว่า วัตถุดิบที่เราจะใช้ในวันนี้มีน้อยมากๆ 00:01:21.280 --> 00:01:24.820 แล้วก็ง่ายๆ มากๆ ค่ะ สำหรับหลายๆ บ้านนี่สามารถหาได้ในบ้านเลยนะ 00:01:24.820 --> 00:01:26.900 อย่างแรกที่เราต้องใช้ค่ะในการทำ French toast 00:01:26.900 --> 00:01:28.420 โทสต์ (Toast) ก็คือขนมปังใช่ไหม? 00:01:28.420 --> 00:01:31.340 ดังนั้นก็คือ ขนมปังแผ่น นั่นเองนะคะ 00:01:31.340 --> 00:01:34.320 ซึ่งจะใช้แบบมีขอบหรือไม่มีขอบก็ได้นะคะ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน 00:01:34.320 --> 00:01:36.860 ส่วนตัววิวก็เป็นคนชอบแบบไม่มีขอบค่ะ 00:01:36.860 --> 00:01:39.440 แต่ว่าซื้อแบบมีขอบมา ดังนั้นเดี๋ยวจะตัดขอบทิ้งนะคะทุกคน 00:01:39.440 --> 00:01:42.120 อย่างที่สองก็คือ ไข่ ค่ะ 1 ฟองเท่านั้น 00:01:42.120 --> 00:01:44.000 สามก็คือ นมสด นะคะ 00:01:44.000 --> 00:01:45.400 แล้วก็กลิ่นวานิลลาค่ะ 00:01:45.400 --> 00:01:48.760 อันนี้เป็น optional สามารถใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะ 00:01:48.760 --> 00:01:50.680 อีกอย่างนึงก็คือ เนย นั่นเองนะคะ 00:01:50.680 --> 00:01:53.660 เพื่อที่จะใช้ทอด หรือว่าใครจะใช้น้ำมันก็ได้นะ 00:01:53.660 --> 00:01:55.760 แต่วิวว่ามันไม่เข้าเท่าไหร่หรอก ใช้เนยเถอะทุกคน 00:01:55.760 --> 00:01:58.660 และสุดท้ายก็คือ น้ำผึ้ง หรือว่าน้ำเชื่อมเมเปิ้ล 00:01:58.660 --> 00:02:00.860 หรือน้ำเชื่อมอะไรก็ตามที่ทุกคนชอบนะคะ 00:02:00.860 --> 00:02:02.980 เอาจริงๆ มันก็แทบจะใช้อะไรก็ได้เลยแหละ 00:02:02.980 --> 00:02:05.700 แล้วแต่ว่าใครชอบอะไร อยากใส่อะไรเพิ่มเติมนะ 00:02:05.700 --> 00:02:08.780 หรือว่าใครจะอยากไปหาพวกผลไม้อะไรต่างๆ มาตกแต่ง 00:02:08.780 --> 00:02:11.035 หาน้ำตาลไอซิงอะไรก็ได้เหมือนกันนะคะ 00:02:11.040 --> 00:02:14.180 หรือถ้าอยากกินแบบฝรั่งซึ่งคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ 00:02:14.180 --> 00:02:18.300 ก็อาจจะไปหาเบคอน หรือว่าแฮม เอามากินกับ French toast ก็ได้เหมือนกัน 00:02:18.300 --> 00:02:20.520 แล้วก็ทำไข่ดาวโปะเข้าไปก็ได้เหมือนกันนะ 00:02:20.520 --> 00:02:23.020 อย่างไรก็ตาม อันนี้จะเป็นแบบเบสิคที่สุด ง่ายที่สุด 00:02:23.020 --> 00:02:24.880 เพราะว่าวิวขี้เกียจนั่นเองนะคะทุกคน 00:02:24.880 --> 00:02:26.580 ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ 00:02:26.580 --> 00:02:28.140 ขั้นตอนแรกในการทำนะคะ ก็คือ 00:02:28.140 --> 00:02:30.960 วิวจะตัดขอบขนมปังทิ้งก่อน เพราะว่าวิวไม่ชอบนั่นเองนะ 00:02:30.960 --> 00:02:32.220 ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองมาก 00:02:32.220 --> 00:02:34.820 ดังนั้นแนะนำให้ซื้อมาแบบที่ตัวเองชอบนะคะ 00:02:34.820 --> 00:02:36.940 ตัดไปๆ 00:02:36.940 --> 00:02:38.020 ก็จะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ 00:02:38.020 --> 00:02:40.100 เราจะสมมติว่า นี่คือเวลาเช้าทุกคน 00:02:40.100 --> 00:02:41.600 อยากทำอะไรให้ง่ายที่สุด 00:02:41.600 --> 00:02:43.880 กินๆ เข้าไปแล้วก็รีบไปทำงานเนอะ 00:02:43.880 --> 00:02:47.420 เสร็จปุ๊บนะคะ เราก็ตัดขนมปังเป็นไซซ์ที่เราต้องการ 00:02:47.420 --> 00:02:49.380 ถ้าเป็นที่นิยมกัน เค้าจะตัดแค่อย่างนี้ 00:02:49.380 --> 00:02:51.960 แต่ว่าสำหรับวันนี้ วิวเป็นคนชอบกินชิ้นเล็กๆ นะคะ 00:02:51.960 --> 00:02:53.820 ดังนั้นวิวก็จะตัด 4 นะคะทุกคน 00:02:53.820 --> 00:02:54.580 เรียบร้อย 00:02:54.580 --> 00:02:57.220 ต่อไปนะคะ เราก็จะมาเตรียมไข่ของเรากันค่ะ 00:02:57.220 --> 00:02:59.980 เริ่มจากการตอกไข่ 1 ฟองนะคะ ใส่ลงไปในภาชนะ 00:02:59.980 --> 00:03:03.280 เราจะโชว์เทพด้วยการ ตอกไข่ด้วยมือเดียว 00:03:03.280 --> 00:03:04.260 นี่ 00:03:04.260 --> 00:03:06.080 แล้วมือเราก็เละ แล้วเราก็ต้องล้างมือ 00:03:06.080 --> 00:03:09.580 หลังจากนั้นนะคะ เราก็จะใส่กลิ่นวานิลลาลงไปนิดนึง เพื่อเพิ่มความหอมเนอะ 00:03:09.580 --> 00:03:11.160 ตามแต่ความชอบเลย 00:03:11.160 --> 00:03:13.300 แล้วก็ตามด้วยนมสดนั่นเอง 00:03:13.300 --> 00:03:15.140 สาเหตุที่วันนี้วิวไม่ตวงอะไรเลยนะคะ 00:03:15.140 --> 00:03:16.740 เพราะว่าจริงๆ มันไม่จำเป็นต้องตวงขนาดนั้น 00:03:16.740 --> 00:03:18.480 เราใช้กะๆ เอาหมดเลยนะคะ 00:03:18.480 --> 00:03:20.460 นี่ เทคนิคการตัดนมกล่องนะทุกคน 00:03:20.460 --> 00:03:23.340 ถ้าเราตัดแค่ฝั่งนี้ ความดันอะไรต่างๆ เนี่ย 00:03:23.340 --> 00:03:26.160 มันจะทำให้เวลาเทมันแบบพรึบๆๆ แล้วมันจะหกใช่ไหม? 00:03:26.160 --> 00:03:29.320 ดังนั้นเวลาเทอะไรก็ตามนะคะ ตัดอีกฝั่งนึงด้วยค่ะ 00:03:29.320 --> 00:03:30.840 เมื่อเวลาเราเทนมออกมาเนี่ย 00:03:30.840 --> 00:03:34.340 ก็จะเห็นว่า นมมันออกฝั่งนี้ใช่ไหม? อากาศก็จะดันเข้าฝั่งนี้ 00:03:34.340 --> 00:03:36.840 มันก็ไม่จำเป็นจะต้องดันสวนเข้าฝั่งนี้นะคะ 00:03:36.840 --> 00:03:39.840 เป็นหลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ที่เราสามารถใช้ได้ในครัวนะคะทุกคน 00:03:39.840 --> 00:03:41.020 อ่ะ ก็เทๆ นมเข้าไป 00:03:41.020 --> 00:03:44.140 ถ้าชอบให้มันเข้มข้นหน่อย ก็ใส่นมน้อยๆ ใส่ไข่เยอะๆ 00:03:44.140 --> 00:03:46.700 แต่ถ้าเกิดชอบให้มันแบบเจือจางนิดนึง ก็ใส่นมเยอะหน่อย 00:03:46.700 --> 00:03:50.120 แต่ว่าถ้าใส่เยอะเกินไปเนี่ย มันก็จะไม่ค่อยจับตัวกันเท่าไหร่นะ 00:03:50.120 --> 00:03:51.400 หลังจากนั้นก็ตีโลด 00:03:59.000 --> 00:04:00.260 อ่ะ เสร็จแล้วเรียบร้อยนะคะ 00:04:00.260 --> 00:04:02.760 ก็ไม่ต้องไปตีเยอะนะ เดี๋ยวมันจะออกมาเป็นไข่เจียวนะคะทุกคน 00:04:02.760 --> 00:04:04.860 หลังจากนั้น เราก็ทำขั้นตอนที่ยากมากนะคะ 00:04:04.860 --> 00:04:07.380 นั่นก็คือ เอาขนมปังของเราเนี่ย หย่อนมันลงไปค่ะ 00:04:07.380 --> 00:04:08.120 หย่อนลงไป 00:04:08.120 --> 00:04:12.120 แล้วก็พยายามให้มันแบบดูดน้ำจากไข่กับนมเนี่ย ขึ้นมาให้ได้มากที่สุดนะ 00:04:12.120 --> 00:04:13.600 แช่มันไว้ แช่มันลงไป 00:04:13.600 --> 00:04:14.620 กดมันลงไป 00:04:14.620 --> 00:04:17.100 ให้มันซึมซับไข่และนมนะคะ 00:04:17.100 --> 00:04:19.660 หลังจากนั้นก็ทิ้งมันไว้สักพักค่ะทุกคน 00:04:19.660 --> 00:04:22.175 ให้มันดูดทุกอย่างเข้าไปในตัวของมันนะคะ 00:04:22.180 --> 00:04:25.580 เห็นไหมตอนนี้? มันก็จะดูดทุกอย่างเข้ามาแบบเข้มข้นแล้วนะ 00:04:25.580 --> 00:04:27.400 อ่ะ ระหว่างที่เรารอสิ่งนี้นะคะ 00:04:27.400 --> 00:04:28.960 จำได้ไหม? เมื่อกี้วิวบอกทุกคนว่า 00:04:28.960 --> 00:04:32.560 เฮ้ย มันไม่แปลกเลยนะที่เราจะกิน breakfast ตอนไหนก็ได้ อะไรอย่างนี้ 00:04:32.560 --> 00:04:35.920 จริงๆ แล้ว โอเค ปัจจุบันนะคะ คำว่า breakfast มันก็แปลว่า อาหารเช้านี่แหละ 00:04:35.920 --> 00:04:40.540 แต่ในสมัยอดีตนะคะ คำว่า breakfast lunch หรือว่า dinner รวมถึง supper เนี่ย 00:04:40.540 --> 00:04:45.400 มันมีที่มาที่ไปของมัน ที่ทำให้คำแปลในสมัยก่อนเนี่ย มันแตกต่างจากสมัยปัจจุบันค่ะ 00:04:45.400 --> 00:04:48.940 และมันทำให้คนที่ถ้าสมมติว่า ไปเรียนที่ต่างประเทศจริงๆ 00:04:48.940 --> 00:04:51.500 ไปเจอการใช้ศัพท์ของฝรั่งจริงๆ เนี่ย จะงงนะคะ 00:04:51.500 --> 00:04:54.360 คือในไทยเนี่ย เราก็สอนกันว่า breakfast แปลว่าอาหารเช้า 00:04:54.360 --> 00:04:55.600 lunch แปลว่า อาหารเที่ยง 00:04:55.600 --> 00:04:56.780 dinner แปลว่า อาหารเย็น 00:04:56.780 --> 00:05:00.220 ส่วน supper นี่มีใครใช้หรือเปล่าน้อ จากศัพท์คำว่า the last supper 00:05:00.220 --> 00:05:02.480 ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้วเค้าใช้กันนะคะ 00:05:02.480 --> 00:05:04.680 แล้วบางทีนะคะ เค้าอาจจะใช้แตกต่างจากเราด้วย 00:05:04.680 --> 00:05:06.700 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศอังกฤษนะคะ 00:05:06.700 --> 00:05:09.380 หลายคนน่าจะจำกันได้ คลิปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว 00:05:09.380 --> 00:05:12.220 ที่วิวไปถ่ายกับ Korean English Man ที่อังกฤษนะคะ 00:05:12.220 --> 00:05:16.180 ที่วิวไปนั่งคุยกับเค้าว่าด้วยเรื่องศัพท์คำว่า breakfast lunch dinner supper อะไร 00:05:16.180 --> 00:05:18.000 ซึ่งพอต่อให้ฝรั่งอธิบายเนี่ย 00:05:18.000 --> 00:05:22.160 เค้าก็ยังงงๆ กันอยู่เลยค่ะว่า เอ๊ แล้วสรุปว่ามื้อไหน ใช้ตอนไหน อะไรกันแน่นะคะ? 00:05:22.160 --> 00:05:25.460 จริงๆ เมื่อหลายวันก่อนเนี่ย วิวก็กำลังทำข้าวเช้าอยู่อ่ะนะ 00:05:25.460 --> 00:05:27.960 แล้ววิวก็เกิดนึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาอีกรอบนึงว่า 00:05:27.960 --> 00:05:30.060 เอ๊า ทำไม breakfast มันถึงต้องเรียกว่า breakfast? 00:05:30.060 --> 00:05:33.440 ทำไมมันถึงไม่เรียกว่า morning meal เหมือนกับที่เราเรียกว่า อาหารเช้า 00:05:33.440 --> 00:05:36.060 หรือแม้แต่ชาวญี่ปุ่นก็เรียกว่าแบบ อะสะโกะฮัง (朝 อะสะ = เช้า, ご飯 โกะฮัง = ข้าว) 00:05:36.060 --> 00:05:37.160 คือเอาจริงๆ ตามเบสิคแล้ว 00:05:37.160 --> 00:05:39.680 เรากินตอนเช้า เราก็ควรจะเรียกมันว่า morning meal ไม่ใช่เหรอ? 00:05:39.680 --> 00:05:41.360 แล้ว breakfast แปลว่า อะไรนะคะ? 00:05:41.380 --> 00:05:44.580 ดังนั้นค่ะ วิวก็เลยไปค้นหาคำตอบมาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วนะคะ 00:05:44.580 --> 00:05:46.580 สาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ทุกอย่างงงค่ะ 00:05:46.580 --> 00:05:48.920 เพราะว่าคำว่า breakfast เนี่ยเป็นศัพท์ใหม่ค่ะ 00:05:48.920 --> 00:05:52.800 เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1500 อะไรประมาณนี้เองนะ 00:05:52.800 --> 00:05:56.160 ถามว่าก่อนหน้านี้ ชาวอังกฤษเค้าเรียกอาหารมื้อเช้าของเค้าว่าอะไร? 00:05:56.160 --> 00:05:59.340 เค้าด้วยคำๆ นึงนะคะ ซึ่งเป็นคำศัพท์ old English เนี่ย 00:05:59.340 --> 00:06:01.160 คำนี้ 00:06:01.160 --> 00:06:03.715 นี่แหละ คือวิวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันออกเสียงว่ายังไงนะ 00:06:03.720 --> 00:06:07.180 แต่ว่าให้เดาจากศัพท์เนี่ย มันก็น่าจะเรียกว่า มอร์เกนเมท นะคะ 00:06:07.180 --> 00:06:10.380 ซึ่งคำว่า morgen คำนี้ก็เป็นคำเดียวกับภาษาเยอรมันทุกวันนี้ 00:06:10.380 --> 00:06:12.580 ที่แบบ morgen ที่แปลว่าตอนเช้านั่นเองนะคะ 00:06:12.580 --> 00:06:18.080 ส่วนคำว่า mete ก็คือคำที่จะวิวัฒนาการมาเป็นคำว่า meat ที่แปลว่า เนื้อ ในปัจจุบันนั่นแหละ 00:06:18.080 --> 00:06:20.000 แต่ในสมัยก่อนเนี่ย มันหมายถึงอาหารค่ะ 00:06:20.000 --> 00:06:21.740 ดังนั้นในสมัยโบราณเนี่ยนะคะ 00:06:21.740 --> 00:06:25.600 ชาวอังกฤษเค้าเรียกอาหารมื้อเช้าของตัวเองว่า morgenmete อะไรสักอย่างเนี่ย 00:06:25.600 --> 00:06:28.040 ก็แปลว่า อาหารมื้อเช้า นั่นเอง 00:06:28.040 --> 00:06:31.780 แต่ทีนี้ค่ะ ปัญหาก็คือ ในสมัยก่อนเนี่ย มันมีความเชื่อประมาณว่า 00:06:31.780 --> 00:06:34.520 เฮ้ย อาหารมื้อเช้าเนี่ยนะ มันเป็นมื้อของกรรมกร 00:06:34.520 --> 00:06:37.820 มันจะต้องมีแต่กรรมกรเนี่ย ตื่นมาแล้วก็มากินข้าวเช้าอะไรต่างๆ 00:06:37.820 --> 00:06:39.640 เพื่อให้มีแรง แล้วก็ออกไปทำงาน 00:06:39.640 --> 00:06:42.480 ในขณะที่พวกผู้ดีเนี่ย เค้าไม่ตื่นมากินข้าวเช้ากัน 00:06:42.480 --> 00:06:43.480 เค้าก็จะแบบนอนนะคะ 00:06:43.480 --> 00:06:47.080 แล้วก็ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงๆ อะไรอย่างนี้ กินอะไรเบาๆ อะไรประมาณนี้ 00:06:47.080 --> 00:06:51.260 ดังนั้นนะคะ ทำให้พวกผู้ดีสมัยก่อนเนี่ยรู้สึกว่าแบบ ถ้าฉันตื่นมาแล้วฉันหิว 00:06:51.260 --> 00:06:52.580 ฉันจะต้องกินข้าวเช้าเนี่ย 00:06:52.580 --> 00:06:54.660 มันรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ผิดมาก 00:06:54.660 --> 00:06:57.000 ประมาณว่า เฮ้ย ไม่โอเค ฉันจะกินข้าวเช้าได้ยังไง? 00:06:57.000 --> 00:06:59.920 เดี๋ยวมันจะเหมือนแบบว่า ฉันไปเป็นชนชั้นกรรมกรหรือเปล่า? 00:06:59.920 --> 00:07:03.720 เค้าก็เลยประดิษฐ์คำศัพท์คำนี้ขึ้นมาค่ะ ก็คือคำว่า breakfast นั่นเอง 00:07:03.720 --> 00:07:05.740 ซึ่งถามว่า breakfast เนี่ยแปลว่าอะไร? 00:07:05.740 --> 00:07:07.880 breakfast เนี่ยนะคะ มาจาก 2 คำด้วยกันค่ะ 00:07:07.880 --> 00:07:10.360 คำแรกก็คือคำว่า break บวกกับคำว่า fast นั่นเอง 00:07:10.360 --> 00:07:11.780 break ก็คือ หยุดใช่ไหม? 00:07:11.780 --> 00:07:13.360 ส่วน fast หลายคนก็แบบ เร็ว 00:07:13.360 --> 00:07:14.940 หยุดเร็ว? หยุดเร็วคืออะไร? 00:07:14.940 --> 00:07:15.500 ไม่ใช่ค่ะ 00:07:15.500 --> 00:07:18.260 คำว่า fast คำนี้ไม่ได้แปลว่า fast ที่แปลว่า เร็ว นะ 00:07:18.260 --> 00:07:21.820 แต่คำว่า fast คำนี้ก็คือ fast ที่แปลว่า อดอาหาร นั่นเอง 00:07:21.820 --> 00:07:23.820 หลายๆ คนน่าจะเคยทำ IF (I-FAST) ใช่ไหม? 00:07:23.820 --> 00:07:27.880 ที่ปัจจุบันก็คือ การ fasting หรือว่าการอดอาหารเป็นช่วงระยะเวลานึง ใช่ไหมคะ? 00:07:27.880 --> 00:07:30.480 ทีนี้ fast คำนี้ก็เลยแปลว่า อดอาหาร ค่ะ 00:07:30.480 --> 00:07:33.860 เมื่อเอาคำว่า break ที่แปลว่า หยุด มารวมกับคำว่า fast ที่แปลว่า อดอาหาร 00:07:33.860 --> 00:07:37.140 breakfast ก็เลยแปลว่า การหยุดอดอาหาร 00:07:37.140 --> 00:07:40.700 (หลังจากที่อดอาหารตอนนอนมาทั้งคืนนั่นเองค่ะ) 00:07:40.700 --> 00:07:43.700 ก็เลยเหมือนกับว่า โอเค งั้นฉันเรียก breakfast แทนละกัน 00:07:43.700 --> 00:07:45.620 ฉันไม่เรียกหรอกว่า ฉันตื่นมากินข้าวเช้า 00:07:45.620 --> 00:07:47.560 ฉันแค่ได้เวลาฉันหยุดอดอาหารละ 00:07:47.560 --> 00:07:51.060 จะหยุดตอนสายๆ หรือจะหยุดตอนเที่ยงก็คือ breakfast เหมือนกันนะคะ 00:07:51.060 --> 00:07:54.380 หลังจากนั้นค่ะ มันก็เลยกลายมาเป็นว่า มันคืออาหารมื้อแรกของวัน 00:07:54.380 --> 00:07:57.720 และโดนเอามาใช้เป็นคำว่า อาหารเช้า ในที่สุดค่ะ 00:07:57.720 --> 00:08:03.800 และนี่ก็คือที่มาของการที่ชาวอังกฤษเนี่ย เรียกมื้อแรกของวันของตัวเองว่า breakfast นั่นเองค่ะ 00:08:03.800 --> 00:08:08.160 ทีนี้เรากลับไปต่อที่ french toast ของเราดีกว่าเนอะว่า มันเป็นอะไรยังไงแล้วนะคะ 00:08:08.160 --> 00:08:10.660 ตอนนี้ค่ะหลังจากที่เราทิ้งมันไว้สักพักจะเห็นว่า 00:08:10.660 --> 00:08:14.840 ขนมปังของเราเนี่ย ดูดน้ำที่ผสมจากไข่และนมนะคะ เข้าไปเกือบหมดแล้ว 00:08:14.840 --> 00:08:17.340 ดังนั้นเดี๋ยวเราจะเอามาทอดกันค่ะ 00:08:17.340 --> 00:08:19.820 โอเค ได้เวลาที่เราจะมาเริ่มแล้วนะคะ 00:08:19.820 --> 00:08:22.400 อย่างแรกเลยก็คือ อุ่นกระทะของเราก่อนเนอะ 00:08:22.400 --> 00:08:24.960 หลังจากนั้นก็เอาเนยเนี่ยค่ะ ใส่ลงไปเลย 00:08:24.960 --> 00:08:26.840 เพราะว่าเราจะใช้เนยเป็นตัวทอดนะคะ 00:08:26.840 --> 00:08:29.020 ซึ่งความขี้เกียจของวิวก็คือ ใช้มีดเนี่ยแหละ 00:08:29.020 --> 00:08:31.120 อย่าให้มันขูดกระทะ กระทะเทฟลอนจะพังนะคะ 00:08:31.120 --> 00:08:33.360 แล้วเมื่อกี้มันขูดไปแล้วนิดนึง อย่าบอกแม่ ทุกคน 00:08:33.700 --> 00:08:36.520 หลังจากนั้นนะคะ ก็รอให้กระทะร้อนก่อนนิดนึงนะ 00:08:36.520 --> 00:08:37.860 พอกระทะเริ่มร้อนนะคะ 00:08:37.860 --> 00:08:39.540 เราไม่ใช้ไฟแรงค่ะทุกคน 00:08:39.540 --> 00:08:41.300 เราใช้ไฟปานกลางนะคะ 00:08:41.300 --> 00:08:44.300 แล้วก็เอาขนมปังของเรา หย่อนลงไปต่อเลย 00:08:44.300 --> 00:08:45.680 หย่อนลงไป 00:08:58.000 --> 00:09:01.140 เราก็จะค่อยๆ ทอดมันไปนะคะ จนกว่ามันจะสีสวยนะทุกคน 00:09:01.400 --> 00:09:02.760 ก็ให้ไข่สุกนั่นแหละค่ะ 00:09:02.760 --> 00:09:05.140 ต้องอย่าลืมว่า ขนมปังเราหนานิดนึงนะคะ 00:09:05.140 --> 00:09:09.440 เอาล่ะ ตอนนี้ขนมปังของเราก็เริ่มสุกแล้วนะคะ 00:09:09.440 --> 00:09:11.040 เริ่มสีสวย เห็นไหม? 00:09:11.040 --> 00:09:13.100 ใครชอบกรอบหน่อยก็เกรียมหน่อยนะคะ 00:09:13.100 --> 00:09:16.840 หรือว่าถ้าใครชอบแบบนิ่มๆ ก็ประมาณนี้แหละ กำลังได้เลยนะคะ 00:09:24.780 --> 00:09:27.840 จัดการปิดไฟโลดนะคะ แล้วก็จัดใส่จานได้เลย 00:09:27.840 --> 00:09:28.940 ทำยากมากเห็นไหม? 00:09:28.940 --> 00:09:29.720 French toast 00:09:29.720 --> 00:09:32.200 ทาด๊า เสร็จแล้วทุกคน 00:09:32.200 --> 00:09:34.580 นี่นะคะ ก็เป็น French toast ฝืมือของวิวนะคะ 00:09:34.580 --> 00:09:37.460 ซึ่งหลังจากนี้เราก็สามารถเลือกตกแต่งตามใจชอบได้นะ 00:09:37.460 --> 00:09:41.560 ใครที่จะแบบมีผลไม้ต่างๆ มาวาง มีน้ำตาลไอซิงมาโรย 00:09:41.560 --> 00:09:43.400 มีเบคอนมาโปะ หรืออะไรก็แล้วแต่ 00:09:43.400 --> 00:09:46.280 แต่สำหรับวิวเนี่ย ส่วนใหญ่วิวก็แค่ราดน้ำผึ้งนะคะ 00:09:47.740 --> 00:09:49.860 ราดน้ำผึ้งลงไปนะคะ 00:09:49.860 --> 00:09:52.760 แล้วก็เรียบร้อยแล้วนะคะ French toast ของวิว 00:09:52.760 --> 00:09:55.240 นี่แหละค่ะ อาหารมื้อเช้าในวันนี้ 00:09:55.240 --> 00:09:57.620 หลังจากที่ French toast ของวิวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ 00:09:57.620 --> 00:09:58.920 ก่อนที่เราจะไปกินกันเนี่ย 00:09:58.920 --> 00:10:00.340 วิวยังติดค้างทุกคนอยู่ใช่ไหมคะ? 00:10:00.340 --> 00:10:03.180 ว่าด้วยเรื่อง lunch dinner แล้วก็ supper ค่ะ 00:10:03.180 --> 00:10:06.360 ว่าที่มาที่ไปของชื่อทั้ง 3 อันนี้มาจากที่ไหนอะไรยังไงนะคะ? 00:10:06.360 --> 00:10:08.380 ก็ขอเริ่มจากคำแรกก่อนเลยค่ะ อย่างรวดเร็ว 00:10:08.380 --> 00:10:10.300 ก่อนที่ขนมปังของเราจะหายร้อนนะ 00:10:10.300 --> 00:10:13.940 คำว่า lunch ค่ะ เป็นคำที่มีอายุประมาณแค่ 200 ปีเท่านั้นเองนะ 00:10:13.940 --> 00:10:16.040 ถือว่าเป็นคำใหม่มากๆ เลย 00:10:16.040 --> 00:10:17.780 แล้วถามว่า มีที่มาที่ไปจากไหน? 00:10:17.780 --> 00:10:20.360 มีที่มาที่ไปจากคำว่า luncheon ค่ะ 00:10:20.360 --> 00:10:23.660 ซึ่งในสมัยก่อนนู่น เมื่อนานแสนนานมาแล้วเนี่ยนะคะ 00:10:23.660 --> 00:10:27.860 คำๆ นี้มันแปลว่า แท่ง หรือว่าบ้อง หรืออะไรสักอย่างที่มันยาวๆ ค่ะ 00:10:27.860 --> 00:10:29.500 แล้วรู้ไหมคะว่า มันหมายถึงอะไร? 00:10:29.500 --> 00:10:33.580 มันหมายถึงว่า คนสมัยก่อนค่ะ หลังจากที่ออกไปทำงานอะไรต่างๆ แล้วเนี่ยนะคะ 00:10:33.580 --> 00:10:35.780 เค้าก็ต้องกินข้าวเที่ยงกันใช่ไหม? 00:10:35.780 --> 00:10:40.300 เค้าก็จะกินอะไรที่เป็นแท่งยาวๆ ยกตัวอย่างเช่น ขนมปังกับชีส นั่นเองค่ะ 00:10:40.300 --> 00:10:42.920 เค้าก็เลยเหมือนกับว่า เฮ้ย ไปกินแท่งนั้นกันเถอะ อะไรอย่างนี้ 00:10:42.920 --> 00:10:46.700 ในที่สุดนะคะ คำว่า luncheon ก็เลยกลายมาเป็นคำว่า อาหารเที่ยง 00:10:46.700 --> 00:10:50.280 และสุดท้ายก็เรียกสั้นลง กลายมาเป็นคำว่า lunch นั่นเองค่ะ 00:10:50.280 --> 00:10:53.260 ส่วนคำว่า dinner เนี่ยนะคะ บอกเลยว่า งงกว่าเดิมอีกค่ะ 00:10:53.260 --> 00:10:55.780 เพราะว่า คำว่า dinner เนี่ย ไม่ได้แปลว่า อาหารเย็นนะคะ 00:10:55.780 --> 00:10:58.680 แต่ว่ามันแปลว่า อาหารมื้อหลักของวัน ค่ะ 00:10:58.680 --> 00:11:01.920 และในสมัยก่อนเนี่ย มันหมายถึง มื้อกลางวัน ค่ะทุกคน 00:11:01.920 --> 00:11:05.260 ถามว่าเพราะอะไร? เพราะว่าคำนี้นะคะ มีที่มาจาก old French คำนี้ 00:11:05.620 --> 00:11:08.300 ซึ่งมีความหมายว่า first meal of the day 00:11:08.300 --> 00:11:10.180 หรือว่า อาหารมื้อแรกของวันค่ะ 00:11:10.180 --> 00:11:12.900 ก็ย้อนกลับไปตรงที่วิวเล่าถึง breakfast นิดนึงนะว่า 00:11:12.900 --> 00:11:15.060 ผู้ดีเค้ากินมื้อแรกกันตอนเที่ยงนะคะ 00:11:15.060 --> 00:11:17.520 ก็คือกินเป็นมื้อหลักตอนเที่ยงเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ 00:11:17.520 --> 00:11:22.080 ซึ่งจริงๆ แล้วคำนี้มีที่มาจากภาษาละตินอีกทีนึงก็คือ คำนี้นั่นเอง 00:11:22.080 --> 00:11:27.160 ทีนี้ภาษาละตินคำนี้นะคะ มันก็จะหมายถึง การหยุดอดอาหารมาทั้งวัน อีกทีนึงค่ะ 00:11:27.160 --> 00:11:31.960 ดังนั้นคำว่า dinner จริงๆ แล้วเนี่ย มีความหมายเกือบจะเหมือนคำว่า breakfast เป๊ะเลยนะคะทุกคน 00:11:31.960 --> 00:11:33.400 ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้นะคะ 00:11:33.400 --> 00:11:37.960 ก็จะเห็นว่าที่อังกฤษเนี่ยจะมีหลายๆ คนยังเรียกอาหารมื้อเที่ยงนะคะว่า dinner อยู่ 00:11:37.960 --> 00:11:40.900 คือเค้าจะเรียกใน sense ของการกินอาหารมื้อหลักของวันนั่นเองค่ะ 00:11:40.900 --> 00:11:43.360 มื้อหลักของวันเนี่ยไปอยู่ตอนเที่ยงก็เรียกว่า dinner 00:11:43.360 --> 00:11:45.600 หรือว่าไปอยู่ตอนเย็นก็เรียกว่า dinner นั่นเอง 00:11:45.600 --> 00:11:47.400 แต่ว่าด้วยอะไรต่างๆ ในสมัยปัจจุบัน 00:11:47.400 --> 00:11:50.740 เหมือนกับว่าคนเราเนี่ยจะกินอาหารมื้อหลักของวันเป็นตอนเย็นมากกว่า 00:11:50.740 --> 00:11:53.520 dinner ก็เลยค่อนข้างจะไปอยู่ตอนเย็น ประมาณนั้นค่ะ 00:11:53.520 --> 00:11:55.820 และคำสุดท้าย คำว่า supper นั่นเอง 00:11:55.820 --> 00:11:58.160 คำว่า supper ที่เราใช้เรียก the last supper เนี่ยนะคะ 00:11:58.160 --> 00:12:01.500 หรือว่าหลายๆ ครั้งเราจะได้ยินฝรั่งเรียกอาหารเย็นว่า supper เนี่ย 00:12:01.500 --> 00:12:03.080 มีที่มาจาก middle English นะคะ 00:12:03.080 --> 00:12:04.600 คำว่า super นั่นเอง 00:12:04.600 --> 00:12:07.900 ซึ่งคำว่า super ในที่นี้ ก็มีที่มาจาก old French คำนี้ค่ะ 00:12:08.240 --> 00:12:09.600 ซึ่งถามว่า มันแปลว่าอะไร? 00:12:09.600 --> 00:12:11.260 มันแปลว่า อาหารมื้อเย็น นะคะ 00:12:11.260 --> 00:12:14.520 คือเหมือนกับว่า เหมือนคนสมัยก่อนเค้ากินมื้อหนักตอนเที่ยงไปแล้วใช่ไหม? 00:12:14.520 --> 00:12:17.160 ตอนเย็นเค้าก็จะไม่ค่อยได้กินหนักอะไรขนาดนั้นค่ะ 00:12:17.160 --> 00:12:20.120 และคำๆ นี้ที่เป็นที่มาของคำว่า supper เนี่ยนะคะ 00:12:20.120 --> 00:12:22.440 คือรากศัพท์ของคำว่า ซุป (soup) นั่นเองค่ะ 00:12:22.440 --> 00:12:26.180 เพราะว่าสมัยก่อน อาหารมื้อเย็นเค้านิยมจะกินซุปเป็นหลักนั่นเองค่ะ 00:12:26.180 --> 00:12:28.620 นี่ก็น่าจะทำให้หลายๆ คนเข้าใจมากขึ้นนะคะว่า 00:12:28.620 --> 00:12:30.760 ทำไมอาหารเช้าถึงเรียกว่า breakfast? 00:12:30.760 --> 00:12:32.420 ทำไมอาหารกลางวันถึงเรียกว่า lunch? 00:12:32.420 --> 00:12:35.080 ทำไมอาหารเย็นถึงเรียกว่า dinner และบางคนถึงเรียกว่า supper? 00:12:35.080 --> 00:12:37.460 แล้วทำไมบางคนถึงสับสน dinner กับ supper? 00:12:37.460 --> 00:12:39.840 และบางคนถึงกิน breakfast ตอนเที่ยง? 00:12:39.840 --> 00:12:40.520 ประมาณนี้ค่ะ 00:12:40.520 --> 00:12:43.520 หรือว่าจะทำให้หลายๆ คนงงมากกว่าเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ 00:12:43.520 --> 00:12:45.860 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้วิวเริ่มหิวแล้วค่ะทุกคน 00:12:45.860 --> 00:12:47.940 เพราะว่าวิวเนี่ยยัง fast อยู่นึกออกไหม? 00:12:47.940 --> 00:12:49.580 ยังอดอาหารมาอยู่นะคะ 00:12:49.580 --> 00:12:50.780 ยังไม่ได้กินมื้อแรกของวันเลย 00:12:50.780 --> 00:12:56.060 ดังนั้นวิวขออนุญาตหยุดการอดอาหารด้วยการเริ่มมื้อ breakfast ของวิว ณ เวลานี้เลยค่ะ 00:12:56.060 --> 00:12:57.880 สำหรับตอนนี้ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ 00:12:57.880 --> 00:12:59.340 อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 00:12:59.340 --> 00:13:01.280 แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 00:13:01.280 --> 00:13:02.720 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ 00:13:02.720 --> 00:13:04.980 บ้าย บาย สวัสดีค่ะ 00:13:05.480 --> 00:13:08.280 นี่ทุกคน ดูความ fluffy ของมันสิ 00:13:08.280 --> 00:13:10.480 ฮื้อ ความ fluffy ของมันนะคะ 00:13:10.480 --> 00:13:12.220 จริงๆ มันก็ควรจะไม่ไม่อร่อยนะ 00:13:12.220 --> 00:13:15.320 เพราะว่ามันก็คือขนมปังจิ้มกับน้ำผึ้งแล้วก็ไข่กับนมนะคะ 00:13:15.320 --> 00:13:16.680 ดังนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่อร่อย 00:13:16.680 --> 00:13:17.960 และทำง่ายมากๆ 00:13:20.320 --> 00:13:22.200 มีความสุขมากๆ บอกเลย 00:13:22.200 --> 00:13:22.700 หิว 00:13:22.700 --> 00:13:24.280 ยืนพูดอยู่ตั้งนาน ถามว่าหิวไหม? 00:13:24.280 --> 00:13:25.020 หิวนะคะ 00:13:25.020 --> 00:13:26.040 พอเถอะ เลิกถ่ายนะคะ 00:13:26.040 --> 00:13:26.960 วันนี้ลาไปก่อนทุกคน 00:13:26.960 --> 00:13:28.980 บ้าย บาย สวัสดีค่ะ