-
...
-
ผมบอกหลายครั้งแล้วว่า U ตัวใหญ่นั้นคือ
-
พลังงานภายในของระบบ
-
และมันคือพลังงานทุกอย่างที่ถูกโยนเข้าไปในระบบ
-
ได้แก่ พลังงานจลน์ของโมเลกุล
-
พลังงานศักย์ ในกรณีที่โมเลกุลสั่น
-
พลังงานในพันธะเคมี
-
พลังงานศักย์ของอิเลกตรอนที่พยายามจะเคลื่อนที่
-
ไปที่ใดที่หนึ่ง
-
แต่เพื่อความสะดวก โดยเฉพาะพวกเราที่
-
กำลังศึกษาพื้นฐานของเคมี ฟิสิกส์ และ อุณหพลศาสตร์
-
เราจะอนุมานว่าเรากำลังพูดถึงระบบ
-
ซึ่งประกอบด้วยแก๊สอุดมคติ
-
และยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นแก๊สอุดมคติซึ่งมีอะตอมเดียว
-
ดังนั้นทุกอย่างในระบบของเราเป็นเพียงอะตอมเดี่ยวๆ
-
และในกรณีนี้ มีพลังงานเพียงอย่างเดียวในระบบ
-
คือพลังงานจลน์ของอนุภาคเหล่านี้
-
และสิ่งที่ผมต้องการจะทำในวิดีโอนี้ มันจะ
-
ค่อนข้างเป็นการคำนวณ แต่ผมคิดว่ามันจะตอบโจทย์สำหรับ
-
พวกคุณที่สนใจในเรื่องนี้ คือการเชื่อมปริมาณของ
-
พลังงานภายในระบบ กับความดัน
-
ปริมาตร และอุณหภูมิของระบบ
-
ดังนั้น เราต้องการที่จะหาความสัมพันธ์ระหว่างความดัน ปริมาตร หรือ อุณหภูมิ
-
กับพลังงานภายใน
-
สังเกตทุกๆวิดีโอที่ผ่านมา ผมได้บอกว่า
-
การเปลี่ยนแปลงของพลังงานภายในคืออะไร
-
และเราได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างมันกับพลังงานความร้อนซึ่งถูกเติมหรือดึง
-
ออกจากระบบ หรืองานที่กระทำต่อระบบ
-
หรือถูกกระทำโดยระบบ
-
แต่ตอนนี้ ก่อนที่เราจะสนใจเรื่องงานหรือความร้อน
-
เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีพลังงานภายในเท่าไหร่
-
ภายในระบบ
-
เพื่อตอบคำถาม เรามาทดลองทางความคิดกันดีกว่า
-
เพื่อตอบคำถาม เรามาทดลองทางความคิดกันดีกว่า
-
ผมจะทำให้กรณีนี้ซับซ้อนน้อยลงสักหน่อย
-
แต่ผมคิดว่ามันจะใช้ได้และมีเหตุผลเพียงพอสำหรับคุณ
-
สมมติว่า เดี๋ยวผมวาดดีกว่า เรามีลูกบาศก์ลูกหนึ่ง
-
และบางอย่างบอกผมว่าผมอาจเคยทำ
-
การพิสูจน์แบบกึ่งๆนี้ไปแล้วไปเพลย์ลิสต์ของวิชาฟิสิกส์
-
แต่ผมไม่ได้เชื่อมสิ่งนี้เข้ากับพลังงานภายใน
-
ดังนั้นผมจะทำมันที่นี่
-
สมมติว่าระบบของผมคือลูกบาศก์นี้
-
และสมมติว่าขนาดของลูกบาศก์
-
คือ x ในทุกๆทิศทาง
-
ดังนั้น มันสูง x, กว้าง x, และลึก x
-
และปริมาตรของมันคือ x ยกกำลังสาม
-
และสมมติว่ามีอนุภาค N อนุภาค
-
ในระบบของผม N ตัวใหญ่
-
ผมอาจเขียนว่า n โมลก็ได้ แต่เราจะ
-
ทำให้มันค่อนข้างตรงไปตรงมา
-
ผมมีอนุภาค N อนุภาค
-
...
-
มันก็ทำตัว อย่างที่มันต้องการ
-
ตอนนี้ ผมจะสมมติครั้งใหญ่
-
เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
-
แต่ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผล
-
ในระบบปกติ ทุกอนุภาค และเราเคยทำสิ่งนี้แล้ว
-
จะกระดอนในทุกทิศทุกทาง
-
จะกระดอนในทุกทิศทุกทาง
-
และสิ่งที่ทำให้เกิดแรงดัน คือ
-
เมื่อมันกระดอนกระทบด้านต่างๆของลูกบาศก์
-
และเมื่อมันชนกันเอง
-
ในทุกทิศทาง
-
เพื่อให้การคำนวณไม่ซับซ้อน
-
และเพื่อให้ไม่ใช้เวลามากจนเกินไป
-
ผมจะสร้างสมมติฐานอย่างหนึ่ง
-
ผมจะสมมติว่า หนึ่งในสามของ
-
อนุภาคทั้งหมดเคลื่อนที่
-
ขนานกับแกนแต่ละอัน
-
ดังนั้น หนึ่งในสามของอนุภาคทั้งหมดเคลื่อนที่ในทิศทางนี้
-
ผมจะพูดว่า ทางซ้าย-ขวา
-
อีกหนึ่งในสามเคลื่อนที่ขึ้น-ลง
-
...
-
และหนึ่งในสามที่เหลือเคลื่อนที่หน้า-หลัง
-
เรารู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจริง
-
แต่มันทำให้การคำนวณง่ายขึ้น
-
และถึงแม้คุณใช้กลศาสตร์เชิงสถิติ
-
กับทุกๆอนุภาคที่เคลื่อนที่ในทุกทิศทาง
-
คุณก็จะได้ผลที่เหมือนกัน
-
แม้จะเป็นเช่นนั้น ผมยังต้องบอกว่านี่เป็น
-
การลดทอนความซับซ้อนเป็นอย่างมาก
-
มีโอกาสน้อยนิดมากที่จะมี
-
ระบบที่เป็นเช่นนี้จริงๆ
-
หลังจากนี้ เราจะพูดถึงเอนโทรปีและเหตุผล
-
ว่าทำไมมันถึงมีความเป็นไปได้น้อยมาก
-
แต่นี่จะเป็นระบบที่เราจะศึกษา
-
และระบบนี้จะก่อให้เกิดความดัน
-
และมันทำให้การคำนวณของเราเข้าใจง่ายขึ้น
-
พูดไปทั้งหมดแล้ว เราเริ่มศึกษาระบบนี้เลยดีกว่า
-
เริ่มด้วยการมองจากด้านข้าง
-
ด้านข้าง ตรงนี้
-
...
-
และเราจะสนใจเพียงอนุภาคเดียว
-
ผมว่าผมน่าจะใช้สีเขียว
-
เอาเป็นว่าผมมีอนุภาคหนึ่งอนุภาค
-
มันมีมวล m และความเร็ว v
-
...
-
และนี่คือหนึ่งใน N อนุภาคในระบบของเรา
-
แต่ที่เราสนใจคือ อนุภาคนี้
-
สร้างความดันบนผนังด้านนี้เท่าไหร่
-
...
-
เรารู้พื้นที่ของผนังด้านนี้ใช่มั้ย
-
ผนังนี้มีพึ้นที่ x คูณ x
-
คือพิ้นที่เท่ากับ x กำลังสอง
-
อนุภาคนี้กระทำแรงขนาดเท่าไหร่
-
คิดอย่างนี้ดีกว่า
-
มันเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หรือซ้าย-ขวาอย่างนี้
-
และแรงจะเกิดเมื่อมันเปลี่ยนโมเมนตัม
-
ผมจะทบทวนเรื่องจลนศาสตร์เล็กน้อย
-
เรารู้ว่าแรงเท่ากับมวลคูณความเร่ง
-
เรารู้ว่าความเร่งสามารถเขียนได้ในรูปของ
-
การเปลี่ยนแปลงของความเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงของเวลา
-
และ แน่นอน เรารู้ว่ามันสามารถเขียนได้อีกแบบหนึ่ง
-
มวลเป็นค่าคงที่และไม่เปลี่ยนแปลง
-
สำหรับฟิสิกส์ระดับที่เรากำลังศึกษา ดังนั้น มันคือ เดลต้า
-
เราสามารถใส่มันในการเปลี่ยนแปลง
-
ดังนั้น มันจึงเป็น เดลต้า mv หารด้วยการเปลี่ยนแปลงของเวลา
-
และนี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ใช่มั้ย
-
ดังนั้นนี่คือการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมหารด้วยการเปลี่ยนแปลงของเวลา
-
และนี่เป็นอีกวิธีการเขียนแรง
-
แล้วอะไรคือการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
-
ของอนุภาคนี้
-
มันจะชนกำแพงนี้
-
ในทิศทางนี้ และตอนนี้ มันมีโมเมนตัม
-
โมเมนตัมของมันมีค่าเท่ากับ mv
-
และมันจะชนกำแพง แล้วก็
-
สะท้อนตรงกลับมา
-
แล้วโมเมนตัมของมันจะเป็นเท่าไหร่
-
มันมีมวลเท่าเดิม
-
และความเร็วเท่าเดิม
-
เราจะอนุมานว่ามันเป็นการชนที่ยืดหยุ่นอย่างสมบูรณ์
-
ไม่มีพลังงานสูญเสียไปเป็นความร้อนหรืออย่างอื่น
-
แต่ความเร็วมีทิศตรงกันข้าม
-
ดังนั้น โมเมนตัมใหม่จะเป็น ลบ mv
-
เพราะความเร็วเปลี่ยนทิศทาง
-
ถ้าผมเดินทางมาด้วยโมเมนตัมเท่ากับ mv และผมกระดอนกลับ
-
ด้วยโมเมนตัมเท่ากับ ลบ mv
-
การเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมของผมเท่ากับเท่าไหร่
-
การเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมของผม หลังจากการกระดอน มีค่าเท่ากับ
-
ความต่างระหว่างค่าสองค่านี้
-
เท่ากับ 2mv
-
...
-
แต่นั่นไม่ได้ตอบคำถามเรื่องแรง
-
เราต้องการรู้อัตราความเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมต่อหน่วยเวลา
-
...
-
แล้วมันเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน
-
ความถี่เป็นเท่าไหร่
-
มันจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เรามาที่จุดนี้
-
เราจะชนกำแพงนี้
-
แล้วอนุภาคก็จะต้องเดินทางมาตรงนี้ กระดอน
-
กลับจากกำแพงนั้น และกลับมา
-
ตรงนี้อีกครั้ง และชนอีกครั้ง
-
และนั่นคือความถี่ที่มันจะเกิดขึ้น
-
แล้วเราต้องรอนานแค่ไหนระหว่าง
-
การชนแต่ละครั้ง
-
อนุภาคต้องเดินทางกลับเป็นระยะทาง x
-
แล้วมันจึงจะชน
-
มันจะต้องเดินทางเป็นระยะทาง x ไปทางซ้าย
-
ระยะทางนี้คือ x
-
ผมจะเขียนโดยใช้สีอื่น
-
ระยะทางตรงนี้คือ x
-
มันจะต้องเดินทางเป็นระยะ x เพื่อเดินทางย้อนกลับ
-
แล้วมันจะต้องเดินทางย้อนอีกเป็นระยะ x
-
ดังนั้นมันจะต้องเดินทางทั้งหมดเป็นระยะทาง 2x
-
แล้วมันจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทางระยะ 2x
-
เวลา หรือเดลต้า T มีค่าเท่ากับ... เรารู้ว่าจะหายังไง
-
ระยะทางเท่ากับอัตราคูณเวลา
-
ถ้าเราหารระยะทางด้วยอัตรา เราจะได้
-
เวลาที่เราใช้
-
นี่เป็นแค่สูตรการเคลื่อนที่พื้นฐาน
-
เดลต้า T ของเรา ระยะทางที่เราต้อง
-
เดินทางคือ ไปและกลับ
-
ดังนั้นมันคือ 2x หารด้วย... อัตราของเราคืออะไรนะ
-
อัตราของเราคือความเร็ว
-
จึงหารด้วย v
-
...
-
เสร็จแล้ว
-
และนี่คือเดลต้า T
-
และการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมต่อเวลาเท่ากับ
-
สองเท่าของโมเมนตัมตกกระทบ
-
เนื่องจากเรากระดอนกลับด้วยขนาดเท่าเดิม
-
แต่เป็นโมเมนตัมค่าติดลบ
-
นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมของเรา
-
แล้วการเปลี่ยนแปลงของเวลาคือค่าตรงนี้
-
มันคือระยะทางทั้งหมดที่เราต้องเดินทางระหว่าง
-
การชนกับกำแพงนี้ หารด้วยความเร็วของเรา
-
ดังนั้นมันคือ 2x หารด้วย v ซึ่งเท่ากับ 2mv คูณกับ
-
ส่วนกลับของค่านี้
-
คือ v หารด้วย 2x
-
และมันเท่ากับเท่าไหร่
-
สองตัดกัน
-
มันจึงเท่ากับ mv ยกกำลังสอง หารด้วย x
-
น่าสนใจ
-
เรามาถึงจุดที่น่าสนใจแล้ว
-
แต่ถ้ามันดูไม่ค่อยน่าสนใจ
-
ทนกับผมต่ออีกสักนิด
-
และนี่คือแรงที่กระทำโดยอนุภาคหนึ่งอนุภาค อันนี้
-
แรงจากหนึ่งอนุภาคบนกำแพงนี้
-
...
-
แล้วพื้นที่คืออะไร
-
เราสนใจความดัน
-
...
-
เราเขียนไว้ตรงนี้
-
ความดันเท่ากับแรงต่อพื้นที่
-
...
-
และนี่คือแรงของอนุภาคนั้น
-
และมันคือ mv กำลังสอง หารด้วย x หารด้วย
-
พื้นที่ของกำแพง
-
แล้วพื้นที่กำแพงเป็นเท่าไหร่
-
พื้นที่ของกำแพงตรงนี้ แต่ละด้านเท่ากับ x
-
แล้วถ้าเราวาดกำแพงตรงนั้น มันคือ x คูณ x
-
มันคือ x กำลังสอง
-
แล้วหารด้วยพื้นที่ของกำแพง คือ x กำลังสอง
-
มันเท่ากับเท่าไหร่
-
มันเท่ากับ mv กำลังสอง หารด้วย x กำลังสาม
-
คุณพูดได้ว่า มันคือการคูณด้วย หนึ่งส่วน x กำลังสอง
-
ส่วนนี้จึงเป็น x กำลังสาม
-
มันก็แค่การคิดเลขเศษส่วน
-
ตอนนี้เราพบสิ่งที่น่าสนใจแล้ว
-
ความดันที่เกิดจากอนุภาคนี้ เราจะเรียกว่า
-
จากอนุภาคอันนี้ มีค่าเท่ากับ mv
-
ยกกำลังสอง หารด้วย x กำลังสาม
-
แล้ว x กำลังสามคืออะไร
-
มันคือปริมาตรของภาชนะของเรา
-
หารด้วยปริมาตร
-
ผมจะเขียนแทนด้วยตัว V ใหญ่
-
ลองมาดูว่าเราสามารถเชื่อมสิ่งนี้กับสิ่งอื่น
-
ที่น่าสนใจได้หรือไม่
-
มันแปลว่าความดันที่เกิดจาก
-
อนุภาคนี้ ที่จริง ให้ผมเลื่อนไปอีกขั้นหนึ่ง
-
นี่คือหนึ่งอนุภาคบนกำแพงนี้ใช่มั้ย
-
นี่มาจากหนึ่งอนุภาคบนกำแพงนี้
-
ทีนี้ จากอนุภาคทั้งหมด เรามี N อนุภาคในลูกบาศก์
-
เป็นเศษส่วนเท่าไหร่ที่จะ
-
กระดอนจากกำแพงนี้
-
คือที่จะทำอย่างเดียวกัน
-
กับอนุภาคนี้
-
ผมเพิ่งพูดไป
-
หนึ่งในสามจะเคลื่อนที่ในทิศทางนี้
-
หนึ่งในสามจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลง
-
และอีกหนึ่งในสามจะเคลื่อนที่เข้า-ออก
-
และถ้าเรามีทั้งหมด N อนุภาค N/3 จะ
-
ทำอย่างเดียวกันกับที่อนุภาคนี้ทำ
-
...
-
นี่คือความดันจากหนึ่งอนุภาค
-
ถ้าผมต้องการความดันจากอนุภาคทั้งหมดบน
-
กำแพงนั้น ความดันรวมบนกำแพงนั้นจะมาจาก
-
อนุภาคจำนวน N/3 อนุภาค
-
อนุภาคที่เหลือไม่ได้กระดอนจากกำแพงนั้น
-
เราจึงไม่ต้องกังวลกับมัน
-
ดังนั้น ถ้าเราต้องการความดันรวมบนกำแพงนั้น
-
ผมจะเขียนว่า ความดัน ห้อยด้วย บนกำแพง
-
ความดันรวมบนกำแพงจะเป็นความดันจาก
-
หนึ่งอนุภาค คือ mv กำลังสอง หารด้วยปริมาตร คูณกับ
-
จำนวนอนุภาคทั้งหมดที่ชนกำแพงนี้
-
จำนวนอนุภาคทั้งหมดนั้นคือ N/3
-
เพราะเพียงค่า 1/3 จะเคลื่อนที่ในทิศทางนั้น
-
และความดันรวมบนกำแพงนั้นเท่ากับ mv กำลังสอง
-
หารด้วยปริมาตรของภาชนะของเรา คูณกับ
-
จำนวนอนุภาคทั้งหมด หาร 3
-
มาดูกันว่าเราจะเปลี่ยนรูปสิ่งนี้ได้สักนิดหรือเปล่า
-
ถ้าเราคูณทั้งสองด้านด้วย มาดูกันว่าเราทำอะไรได้บ้าง
-
ถ้าเราคูณทั้งสองด้านด้วย 3v เราได้ pv คูณสาม เท่ากับ
-
mv กำลังสอง คูณ N ซึ่ง N คือจำนวนอนุภาค
-
ลองหารทั้งสองด้านด้วย N
-
เราจะได้ 3pv อันที่จริง ทิ้ง N ไว้ตรงนี้ดีกว่า
-
หารทั้งสองด้านของสมการนี้ด้วย 2
-
แล้วเราได้... เราได้อะไร
-
เราได้ 3/2 pv เท่ากับ... นี่คือส่วนที่น่าสนใจ
-
มันเท่ากับ N จำนวนของอนุภาคที่เรามี คูณ mv
-
กำลังสอง หาร 2
-
จำไว้ ผมเพิ่งหารสมการนี้ ตรงนี้
-
ด้วย 2 แล้วได้สิ่งนี้
-
แล้วผมก็ทำมันด้วยเหตุผลจำเพาะ
-
mv กำลังสอง หาร 2 คืออะไร
-
mv กำลังสอง หาร 2 คือพลังงานจลน์ของ
-
อนุภาคเล็กๆนั้น ที่เราสนใจมาตั้งแต่แรก
-
นั่นคือสูตรสำหรับพลังงานจลน์
-
พลังงานจลน์เท่ากับ mv กำลังสอง หาร 2
-
นี่คือพลังงานจลน์ของอนุภาคหนึ่งอนุภาค
-
...
-
ตอนนี้ เราจะคูณมันด้วยจำนวน
-
อนุภาคที่เรามี คือคูณ N
-
N คูณพลังงานจลน์ของหนึ่งอนุภาคจะเป็น
-
พลังงานจลน์ของอนุภาคทั้งหมด
-
และ แน่นอน เราสร้างสมมติฐานไว้อีกอย่างหนึ่ง
-
ผมควรบอกว่าผมอนุมานว่าอนุภาคทั้งหมด
-
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเดียวกัน และมีมวลเท่ากัน
-
ในสถานการณ์จริง อนุภาคต่างๆอาจมี
-
ความเร็วที่ต่างกันมาก
-
แต่มันเป็นหนึ่งในสมมติฐานที่เราสร้างเพื่อลดความซับซ้อน
-
ฉะนั้น เราเพิ่งอนุมานว่ามันมีค่าเหล่านั้น
-
ถ้าผมคูณ N กับอันนี้
-
นี่คือพลังงานจลน์ของระบบ
-
...
-
เกือบเสร็จแล้ว
-
ที่จริง เราทำเสร็จแล้ว
-
เราเพิ่งพบว่าพลังงานจลน์ของระบบ
-
เท่ากับ 3/2 คุณความดัน คูณปริมาตร
-
ของระบบ
-
ทีนี้ อะไรคือพลังงานจลน์ของระบบ
-
มันคือพลังงานภายใน
-
เนื่องจากเราพูดว่าพลังงานทั้งหมดในระบบ เนื่องจากมันคือ
-
แก๊สอุดมคติซึ่งมีอะตอมเดี่ยว พลังงานทั้งหมดใน
-
ระบบคือพลังงานจลน์
-
เราเลยพูดได้ว่าพลังงานภายในของระบบเท่ากับ
-
นั่นก็คือพลังงานจลน์ทั้งหมดของระบบ
-
มันเท่ากับ 3/2 เท่าของความดันรวม คูณกับ
-
ความดันรวม
-
คุณอาจบอกว่า เฮ่ แซล คุณเพิ่งหา
-
ความดันบนด้านนี้
-
แล้วความดันบนด้านนั้น และด้านนั้น
-
และด้านนั้น หรือ บนทุกๆด้านของลูกบาศก์หละ
-
ความดันบนทุกๆด้านของ
-
ลูกบาศก์มีค่าเท่ากัน
-
ดังนั้น สิ่งเดียวที่เราต้องทำคือหาในรูปของความดันบน
-
ด้านด้านหนึ่ง และนั่นก็คือความดันของ
-
ระบบ
-
แล้วเราจะทำอะไรกับมันได้อีก
-
เรารู้ว่า pv เท่ากับ nRT จากกฎของแก๊ส
-
pv เท่ากับ nRT เมื่อนี่คือจำนวนโมลของแก๊ส
-
และนี่คือค่าคงที่ของแก๊ส
-
นี่คืออุณหภูมิในหน่วยเคลวิน
-
ถ้าเราแทนค่าเข้าไป เราจะพูดได้ว่า
-
พลังงานภายในสามารถเขียนได้เป็น 3/2 เท่า
-
ของจำนวนโมลที่เรามี คูณค่าคงที่ของแก๊ส คูณ
-
กับอุณหภูมิ
-
ผมเขียนอธิบายมาเยอะ แล้วมันค่อนข้างจะเป็นการคำนวณ
-
แต่ผลเหล่านี้น่าสนใจ
-
เพราะตอนนี้ คุณได้พบความสัมพันธ์โดยตรง
-
ถ้าคุณรู้ความดันและปริมาตร คุณก็รู้
-
ค่าจริงของพลังงานภายใน หรือพลังงานจลน์ทั้งหมด
-
ของระบบ
-
หรือถ้าคุณรู้อุณหภูมิและจำนวน
-
โมเลกุลที่คุณมี คุณก็รู้พลังงานภายใน
-
ของระบบ
-
มีความรู้สองอย่างที่ผมอยากให้คุณได้ไป
-
ถ้าอุณหภูมิไม่เปลี่ยนในสถานการณ์อุดมคติของเรา
-
ถ้า เดลต้า T เท่ากับ 0 ถ้ามันไม่เปลี่ยน
-
จำนวนของอนุภาคก็จะไม่เปลี่ยน
-
แล้วพลังงานภายในก็จะไม่เปลี่ยนเช่นเดียวกัน
-
ดังนั้น ถ้าเราพูดว่ามีการเปลี่ยนแปลงของพลังงานภายใน
-
และผมจะใช้มันในการพิสูจน์ในอนาคต เราพูดได้ว่า
-
มันเท่ากับ 3/2 คูณ nR คูณ... สิ่งเดียว
-
ที่เปลี่ยนได้ ไม่ใช่จำนวนโมเลกุลหรือ
-
ค่าคงที่ของแก๊ส... คูณการเปลี่ยนแปลงของ T
-
มันเขียนได้อีกแบบในรูป 3/2 คูณการเปลี่ยนแปลงของ pv
-
เราไม่รู้ว่าค่าทั้งสองนี้เป็นค่าคงที่หรือไม่
-
เราจึงพูดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของผลคูณ
-
อย่างไรก็ตาม นี่ค่อนไปทางการคำนวณ
-
และผมขอโทษ
-
แต่ผมหวังว่ามันจะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่า
-
นี่เป็นเพียงแค่ผลรวมของพลังงานจลน์ทั้งหมด
-
เราเชื่อมมันกับตัวแปรต่างๆของสภาวะในระบบ
-
เช่น ความดัน ปริมาตร และอุณหภูมิ
-
และตอนนี้ เนื่องจากผมได้ทำวิดีโอเกี่ยวกับมันแล้ว เราสามารถ
-
ใช้ผลนี้ในการพิสูจน์ครั้งต่อๆไป
-
หรืออย่างน้อย คุณจะไม่บนมากเกินไปถ้าผมใช้มัน
-
อย่างไรก็ตาม เจอกันในวิดีโอต่อไป